จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 503



[ ท่านเข้าสู่เมืองแวมไพร์ใต้ดิน (8) ]
[ ทางเข้าดันเจี้ยนถูกปิดลง  การติดต่อกับโลกภายนอกถูกตัดขาด ]
[ ท่านไม่สามารถออกจากดันเจี้ยนได้จนกว่าจะเสียชีวิต  หรือไม่ก็สังหารบอสได้ ]

       'ที่นี่เองสินะ...'

       'กริดเก็บเลเวลได้รวดเร็วในสถานที่เช่นนี้'

       'ลำดับแปด… หมายความว่าโดยรอบเรย์ดัน  ยังมีเมืองแบบนี้อีกเจ็ดแห่งใช่ไหม'

       'ดินแดนที่มีดันเจี้ยนลับมากถึงแปดแห่ง  นับเป็นดินแดนที่มีมูลค่าสูงมาก  นี่คือเหตุผลที่สมาชิกโอเวอร์เกียร์กำลังยึดครองอันดับแร้งเกอร์หัวแถวไว้สินะ'

       นักจัดรายการเกมออนไลน์อันดับหนึ่ง 'บันนี่-บันนี่'  เขาย่างกรายเข้าสู่ดันเจี้ยนเมืองแวมไพร์ลำดับแปดพร้อมกับทีมงานถ่ายทอดสดของสถานีโอจีซี  ทั้งสองมีจุดประสงค์เดียวกันคือแพร่ภาพความลับในการเก็บเลเวลของกริดออกไปทั่วโลก

       "หือ  นี่ไม่มืดไปหน่อยหรือ"

       "มองอะไรไม่เห็นเลยแฮะ"

       "เปิดไฟ!"

       ความมืดมิดที่มองไม่เห็นแม้แต่ฝ่ามือตนเอง
       ทีมงานโอจีซีและบันนี่-บันนี่ตัดสินใจว่าจะไม่ทนกับสภาพตรงหน้า  พวกเขาทำการเปิดไฟให้แสงสว่างทันที  
       ภาพที่เห็นจะใช่วิวทิวทัศน์ของเมืองอันงดงามรึเปล่า
       ไม่เลย  สิ่งแรกที่เห็นคือค้างคาวและหมาป่าจำนวนเกินกว่า 50 ตัว

       "เชี่ย..."

       "ห--หมาป่าเขี้ยวใหญ่กับค้างคาวตาแดง!"

       ทั้งสองชนิดล้วนเป็นมอนสเตอร์ที่แข็งแกร่ง  เลเวลขึ้นต่ำคือ 270 
       มอนสเตอร์ดุร้ายเช่นนี้กำลังโผล่มาทีละหลายสิบตัวเลยหรือ
       ทางทีมงานโอจีซีพลันสั่นกลัว  
       กลับเป็นฝ่ายบันนี่-บันนี่ที่แสดงความเป็นมืออาชีพให้เห็น

       "ท่านผู้ชมครับ  ดูนี่สิ!  มอนสเตอร์ที่เก่งกาจจำนวนมากปรากฏตัวพร้อมกันเป็นจำนวนมากทั้งแต่ทางเข้า!  แย่แล้วครับ  พวกเรากำลังถูกโจมตี!  ผมคงโดนจัดการแน่  นี่ผมจะต้องตายก่อนได้เห็นความลับการเก็บเลเวลของกริดงั้นหรือ"

       ทันทีที่ผู้ชมกลืนน้ำลายอย่างลุ้นระทึกเพราะคำพูดของบันนี่-บันนี่

       "วิชาดาบแพ็กม่า"

       ท่วงท่าการร่ายรำของกริดเป็นธรรมชาติมากขึ้นหลังจากใช้แคปซูลรุ่นเพชร  ชายผ้าคลุมสะบัดพลิ้วก่อนจะใช้งานทักษะอันทรงพลังออกมา

       "มายา"

       บรึ้ม!       

       เกิดเป็นพลังลึกลับระเบิดรอยกายกริด  ก้อนหินรอบตัวลอยขึ้นไปอากาศ  
       ดวงตาของกริดหรี่ลงอย่างเยือกเย็นพร้อมกับเหวี่ยงดาบเพื่อสังหารมอนสเตอร์ให้สิ้นซาก

       ฟุ่บ!

       ฟุ่บฟุ่บ!

       ทุกครั้งที่ดาบถูกกวัดแกว่ง  รัศมีดาบจะพุ่งออกไปสังหารฝูงค้างคาวและหมาป่าตัวแล้วตัวเล่า

       "สุดยอด!"

       "แข็งแกร่งมาก!"

       ทีมงานโอจีซีต่างส่งเสียงชื่นชม  แม้พวกเขาจะรู้อยู่แล้วว่ากริดคือหนึ่งในคนที่แข็งแกร่งที่สุดของซาทิสฟาย  แต่นี่ย่อมเป็นครั้งแรกที่ได้เห็นกริดเก็บเลเวลเต็มสองตา
       ไม่มีใครคิดว่ากริดจะสังหารมอนสเตอร์เลเวลเกือบ 300 จำนวนกว่า 50 ตัวได้ในพริบตาเช่นนี้  
       ในขณะที่พวกเขากำลังอ้าปากค้าง  กริดได้ส่งเสียงตำหนิ

       "คราวหน้า  หากพวกคุณทำตามอำเภอใจจนได้รับอันตราย  ผมจะไม่ออกแรงช่วยเป็นหนที่สองอีก"

       "ด--ได้ครับ!  พวกเราขอโทษ!"

       แตกต่างจากทีมงานโอจีซีที่ขอโทษขอโพย  บันนี่-บันนี่ตั้งคำถามด้วยน้ำเสียงกระตือรือร้น
       "มอนสเตอร์เมื่อครู่คือบริวารของแวมไพร์  คุณเก็บเลเวลกับพวกมันจนกระทั่งสู้กับบอสใหญ่เลยใช่ไหม"

       กริดหันไปถามด้วยสีหน้าไม่เข้าใจ       

       "คุณพูดว่า… ผมเก็บเลเวลกับบริวารแวมไพร์งั้นหรือ"

       "ครับ!  ใช่!"

       "ผมล่าแวมไพร์ต่างหาก"

       "...!"

       แวมไพร์คือสิ่งมีชีวิตชั้นสูง  พวกมันเก่งกาจกว่าแม้จะมีเลเวลเท่ากับมอนสเตอร์ชนิดอื่น  แวมไพร์เป็นสิ่งมีชีวิตที่สมบูรณ์พร้อมในสามเหลี่ยมทองคำ : พลังโจมตีกายภาพ  พลังเวท  และสติปัญญา
       ผู้เล่นทั่วไปหลีกเลี่ยงแวมไพร์เพราะมันล่าได้ยากมาก  แต่กริดกลับบอกว่าตนจะล่าแวมไพร์เพื่อเก็บเลเวล

       บันนี่-บันนี่แสดงสีหน้าตกตะลึงพร้อมกับหันไปมองกล้องตนเอง

       "คุณผู้ชมได้ยินรึเปล่าครับ  กริดบอกว่าจะล่าแวมไพร์!  บางที  วันนี้ทุกคนอาจได้เห็นฉากเด็ด!  ผู้เล่นหนึ่งคนปะทะกับแวมไพร์สามถึงสี่ตัวพร้อมกัน!  ฮ--เฮ้ย!"

       สีหน้าบันนี่-บันนี่พลันขาวซีด  เพราะด้านในอาคารหลังแรก  กริดกำลังยืนอยู่หน้าโรงศพหลายร้อยโลง… หาใช่หลักสิบ  
       เป็นครั้งแรกที่บันนี่-บันนี่ได้รับรู้ว่า  โลกของซาทิสฟายมีจำนวนแวมไพร์มากมายขนาดนี้

       พิธีกรโอจีซี 'พัคชินเย' หันมากระซิบกระซาบเสียงใส่กล้อง
       "บางที… กริดอาจเก็บเลเวลโดยการปลุกแวมไพร์ให้ตื่นขึ้นมาทีละโลงศพ-- กรี๊ดดด!"

       พิธีกรพัคชินเยสะดุ้งเฮือกสุดเสียง
       ส่วนเหตุผลนั้น...

       "คลื่นร่ายรำสังหาร"

       กริดผู้เสียสติ
       เขาใช้ทักษะโจมตีเป็นวงกว้างเพื่อปลุกแวมไพร์หลายร้อยตนให้ตื่นขึ้นพร้อมกัน

       ===  ว้าว… สมกับเป็นกริด  ㅋㅋ

       ===  ทีมงานถ่ายภาพไม่รอดแน่!

       ===  เจ๋งโคตร ㅋㅋㅋㅋㅋ

       ผู้ชมทางบ้านต่างลืมกินกินไก่ทอดที่สั่งมา  ทุกการกระทำที่กริดแสดงให้เห็นนับตั้งแต่ย่างกรายเข้าสู่ดันเจี้ยน  ทั้งหมดล้วนตื่นตาตื่นใจและลุ้นระทึก  
       แรงดึงดูดอันน่าพิศวงซึ่งมีเพียงกริดเท่านั้นที่ทำได้
       แต่ในทางกลับกัน  พวกเขาก็รู้สึกสิ้นหวัง  
       ความลับการเก็บเลเวลของกริด  สิ่งนี้ผู้เล่นทั่วไปไม่อาจลอกไปทำตามได้แม้แต่น้อย  ต่อให้เห็นกับตาเป็นฉากๆ อย่างละเอียดก็เถอะ
       บนโลกนี้  ใครจะไปมีไอเท็มและทักษะบ้าพลังเหมือนกริดอีก
       
       ***

       ไม่ห่างจากแพเทรี่ยนมากนัก

       'พวกอ่อนแอ'

       นี่คือความรู้สึกแรกของมาร์ควิสวาลตินหลังจากที่ได้พบกองทัพเรย์ดัน  พลทหารของเรย์ดันไม่น่าประทับใจเอาเสียเลย  พวกเขากำลังเหงื่อชุ่มกาย  หายใจรวยระรินประหนึ่งสุนัขหอบแดดที่ใกล้ตาย  

       'ไม่ได้ถูกฝึกมาอย่างเข้มงวดสินะ'

       เหน็ดเหนื่อยเจียนตายเพราะแค่เคลื่อนทัพผ่านทะเลทราย
       ค่าเรี่ยวแรงจะน้อยนิดขนาดไหนกัน  ช่างน่าสมเพช

       'แต่ก็เข้าใจได้… คนพวกนี้คงไม่มีเรี่ยวแรงในการฝึกฝนสักเท่าไร'

       เรย์ดันเป็นที่รู้จักกันดีในนามเมืองทะเลทรายอันแห้งแล้ว  ไม่มีทางจะอาหารการกินจะอุดมสมบูรณ์  จึงไม่แปลกที่พลทหารจะอ่อนแอเป็นพิเศษ  แค่การมีกองทัพเป็นของตนเองก็นับว่าประหลาดมากแล้ว

       '3,000 นาย… ถือว่าไม่เลว'

       เรย์ดันมีประชากรราว 20,000  แต่มากถึง 3,000 กลับมาเป็นทหาร  
       ดูท่าแล้ว  คนหนุ่มทั่วทั้งเมืองคงถูกบีบบังคับให้เป็นทหารกันจนหมด

       'ถ้าพ่ายแพ้ในศึกคราวนี้  เรย์ดันคงจบสิ้นเลยสินะ'
       
       หึหึ

       มาร์ควิสวาลตินกำลังแสดงสีหน้าเย้ยหยัน
       ในเวลาเดียวกัน  ลอเอลก็กำลังสนทนากับภายในกิลด์อย่างออกรส

       &จิสึกะ : พวกเรามาถึงก่อนกำหนดการครึ่งวัน  แต่ทำไมถึงกลายเป็นว่า  มาทันเวลารวมทัพแบบพอดิบพอดีเช่นนี้

       &โทบัน : ลอเอล  นายรู้ล่วงหน้าได้ยังไงว่าพวกเราจะมาถึงเร็วกว่าปรกติ

       &ลอเอล : จู๊ดจะต้องแสดงความบ้าพลังโดยการใช้งานทหารอย่างหนัก  ฉันคำนวณจุดนั้นไว้แล้ว  จึงนัดหมายกับมาร์ควิสวาลตินให้เร็วขึ้น  การศึกเช่นนี้  ยิ่งเร็วก็ยิ่งเป็นผลดี

       &ป็อน : จู๊ดงั้นหรือ...  จู๊ดเกี่ยวอะไรกับการนำทัพ

       &ลอเอล : ท่าทีแบบนั้นหมายความว่ายังไง  พวกนายยังไม่รู้รึไง  ว่าตอนนี้จู๊ดคือแม่ทัพใหญ่ของเรย์ดัน  อัสโมเฟลได้รับอนุญาตจากฉันให้ทำตามใจชอบได้

       &แวนเนอร์ : โว้ว!  นั่นมันบ้ามาก  แม่ทัพสูงสุดคือจู๊ดเนี่ยนะ!

       &ไอเบลลิน : ลอเอล  นายยังสติดีอยู่รึเปล่า!  จะบ้ารึไงที่มอบหมายกองทัพอันแสนสำคัญให้อยู่ในมือจู๊ด!  พวกเรายังมีจิสึกะกับพีคซอร์ดอยู่นะ!

       &ลอเอล : แม่ทัพยังมีหน้าอื่นนอกจากการสั่งเคลื่อนทัพอีกรึไง  งานง่ายๆ แบบนี้  แม้แต่จู๊ดก็สามารถทำได้  และอันที่จริง  ฉันไม่ต้องการให้มีสมาชิกโอเวอร์เกียร์ไปปรากฏตัวอยู่ทัพหน้า  ไม่อย่างนั้น  มาควิสวาลตินอาจหวาดระแวงขุมกำลังที่เก่งกาจของเรา

       แถมหน่วยเสบียงก็มีความสำคัญเป็นอันดับหนึ่งของสงคราม

       ในทางกลับกัน  มาร์ควิสวาลตินกำลังจดจ้องไปที่จู๊ดอย่างไม่ละสายตา

       'สุดยอดมาก  ชายคนนี้แข่งแกร่งดุดันประหนึ่งยักษา'

       กล้ามเนื้อที่ดูแกร่งยิ่งกว่าหินผา  
       สมกับเป็นวีรบุรุษอาณาจักร  เขามีร่างกายยอดเยี่ยมมาก

       ใช่แล้ว  มาร์ควิสวาลตินกำลังเข้าใจผิดว่าจู๊ดคือกริด

       'ชายคนนี้จ้องมองไปด้านหน้าอย่างไม่สั่นคลอน'

       กริด (จู๊ด) กระทำเพียงจ้องมองไปด้านหน้า  ไม่แม้แต่หันมาขอบคุณมาร์ควิสวาลตินที่อุตส่าห์นำกองทัพจำนวน 10,000 นายมาช่วยเหลือ  
       ดวงตาลุ่มลึกและสงบนิ่ง  ไม่มีใครรู้ว่ากำลังคิดสิ่งใดอยู่  ดูราวกับกริดไม่ได้ยินเสียงเอะอะวุ่นวายรอบข้างแม้แต่น้อย  ตัวตนเช่นนี้ย่อมไม่ธรรมดา  คือคนพิเศษโดยแท้จริง

       มาร์ควิสวาลตินเกิดความชื่นชมทันที

       "พวกแมลงเม่ามารวมตัวกันครบแล้วสินะ"

       ชายคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นด้านบนกำแพงชั้นนอกที่สูงตะหง่าน 20 เมตรของแพเทรี่ยน  เพียงแค่การมีตัวตนของคนผู้นี้  ก็มากพอจะทำให้ทหารของเรย์ดันและบอร์เนียวอกสั่นขวัญแขวน

       ครืนนนนน!

       เปรี้ยงงง!

       เกิดพายุฝนขึ้นด้านบนท้องฟ้าปกคลุมสนามรบทันที  กองทัพทั้งสองฝั่งกำลังชุ่มฉ่ำ  
       แสงสว่างจากฟ้าแลบได้เผยให้เห็นใบหน้าอันขาวซีดราวกับผีของชายผู้นั้น
       เป็นใครอื่นไปไม่ได้นอกจากเอิร์ลอัชเชอร์  ชายที่แม้จะมีวัยห้าสิบปี  ใบหน้าก็ยังงดงามราวกับเจ้าชายอยู่เสมอ
       เอิร์ลอัชเชอร์เปิดปากพูดขึ้น

       "ฉันคาดเดาการก่อกบฏของเรย์ดันไว้อยู่แล้ว  แต่ไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะร่วมมือกับกองทัพของมาร์ควิสวาลติน  พวกแกช่างไม่มีเกียรติและศักดิ์ศรีเลยสักนิด"

       มาร์ควิสวาลตินแสยะยิ้ม

       "ยังพูดเก่งเหมือนเคยนะอัชเชอร์!  แต่คราวนี้ฉันไม่ตกหลุมพรางคำยั่วยุอีกแล้ว!"

       มันกำลังแสดงสีหน้ามั่นใจ  
       เดิมทีนั้น  มาร์ควิสวาลตินค่อนข้างหวาดกลัวเอิร์ลอัชเชอร์  แต่วันนี้กลับไม่  เพราะเขารู้ดีว่ามีกริดอยู่ฝ่ายตน

       'กริดและกองทัพเรย์ดันจะรับมือเอิร์ลอัชเชอร์ไว้  ส่วนกองทัพของฉันก็จะยึดครองแพเทรี่ยนโดยง่ายดาย'

       ในฐานะกองหนุน  ไม่มีความจำเป็นที่ต้องเอาทหารตนเองเข้าไปเสี่ยงเป็นทัพหน้า

       แสยะ!

       ลอเอลก้าวเท้าออกมาด้านหน้าในขณะที่มาร์ควิสวาลตินกำลังกระหยิ่มยิ้มย่อง
       หลังจากนั้นเขาก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงสุภาพนอบน้อม
       "ผมคือเอิร์ลลอเอล  ผู้คอยรับใช้ดยุคกริด  เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้พบกับหนึ่งในสิบมหาจอมเวทย์ของทวีป"

       สองสิ่งที่เตรียมไว้ล่วงหน้า  คันเบ็ดและเหยื่อ  ลอเอลเลือกเหวี่ยงคันเบ็ดก่อน

       "ก็อย่างที่คุณทราบ  เซอร์บลันด์อยู่กับเรา"

       ลอเอลชำเลืองสายตาไปมองทางกลุ่มอัศวินหนุ่มทั้งแปด  
       ทันใดนั้น  บลันด์ก็ก้าวขาออกมาด้านหน้าสุด

       "ท่านพ่อ..."

       "บลันด์!"

       นัยน์ตาของเอิร์ลอัชเชอร์กำลังสั่นระริกและขยายกว้าง  
       ลอเอลไม่พลาดโอกาสทอง  เขารีบเปิดการเจรจา

       "ผู้ที่สังหารองค์รัชทายาทเร็นมิใช่ดยุคกริด  หากแต่เป็นกษัตริย์อัสลัน  ชายคนนั้นสังหารพี่ชายในสายเลือดเพื่อยึดครองบัลลังก์  แถมยังป้ายความผิดให้กับดยุคกริด  ความจริงข้อนี้สามารถพิสูจน์ได้โดยบลันด์  บุตรชายของคุณ"

       "อะไรนะ..."

       สีหน้าเอิร์ลอัชเชอร์เริ่มสับสน  ลอเอลยังคงอธิบายต่อไป

       "เอิร์ลอัชเชอร์  คุณไม่มีเหตุผลต้องรับใช้ราชวงศ์ที่ชั่วช้าและเสื่อมเสียเกียรติอีกต่อไป  ได้โปรดร่วมมือกับดยุคกริด  ดยุคกริดจะเป็นผู้ทำลายราชวงศ์ที่ผิดแผกนี้ด้วยตนเอง  หลังจากนั้น  คุณจะได้รับเกียรติยศอย่างยิ่งใหญ่กว่าที่เคยเป็นมา-- อั่ก!"

       ลอเอลพลันชะงักคำพูดพร้อมกับร้องครางอย่างเจ็บปวด 
       มีดสั้นปริศนาได้ถูกขว้างมาปักลำคอลอเอลอย่างแม่นยำโดยไร้สุ้มเสียง

       "เกิดอะไรขึ้น"

       "ปกป้องเอิร์ลลอเอล!"

       อัศวินหนุ่มทั้งแปดรีบพุ่งตัวมาล้อมในจุดที่ลอเอลและบลันด์ยืนอยู่  หลังจากนั้นก็มีบางสิ่งพุ่งลงมาจากกำแพงสูง  เป็นชายสวมผ้าคลุม  
       มันคืออัศวินลำดับเก้าของอัศวินสีชาติแห่งจักรวรรดซาฮารัน  
       อัศวินหลักเดียวอันลือเลื่องที่สามารถทำลายเมืองใหญ่ได้ด้วยตัวตนเดียว  มันทำการชักดาบรูปตัว Y ออกมาและฟาดฟันด้วยความเร็วที่ยากมองทัน

       เคร้งงงง!

       "อั่ก!"

       "แค่ก!"

       อัศวินหนุ่มทั้งแปดที่ถูกเลือกสรรโดยอัสโมเฟลและปิอาโร่  ได้พ่ายแพ้ต่อชายสวมผ้าคลุมปริศนาเพียงพริบตา  แค่ตามยังหวะดาบให้ทันยังทำไม่ได้  พวกเขาล้วนถูกโจมตีจนบาดเจ็บสาหัส  โชคยังดีที่รอดชีวิตมาได้อย่างฉิวเฉียด

       "อ--เอิร์ลลอเอล...!"

       อัศวินหนุ่มตะเบ็งเสียงอย่างเจ็บใจ  ตอนนี้ลอเอลถูกมีดพิษทำให้ตกอยู่ในอาการอัมพาต  
       เพียงไม่นาน  ชายสวมผ้าคลุมก็วิ่งเข้าประชิดลอเอลพร้อมกับเหวี่ยงดาบเข้าใส่

       "เร็วมาก!"

       เหล่าสมาชิกโอเวอร์เกียร์ที่ยืนปะปนกับหน่วยเสบียง  บัดนี้กำลังรีบรุดขึ้นมาด้านหน้าด้วยความเร็วสูงสุด  แต่ชายสวมผ้าคลุมคนนี้กลับมีความเร็วที่แม้แต่เฟคเกอร์  ป็อน  และเรกัสยังต้องตกตะลึง
       เช่นนั้นแล้ว  ลอเอลที่เป็นเป้าหมาย  เขากำลังรู้สึกอย่างไร

       'เราคงไม่รอดแน่...'

       สถานการณ์ย่ำแย่สุดขีด  ลอเอลคำนวณพลาดไป  เขาไม่คิดว่าจะมีปีศาจระดับนี้ซ่อนตัวอยู่ในแพเทรี่ยน

       'ทำไมในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญ… เราถึงทำพลาดอยู่บ่อยครั้ง'
       
       ลอเอลตำหนิตนเองที่ไร้ความสามารถ  เขาหลับตาลงรอรับความตาย

       เคร้งงงง!

       ก้อนกรวดพุ่งแหวกอากาศโดยมีทิศทางมาจากฝั่งกองทัพเรย์ดัน
       กรวดขนาดไม่ใหญ่มากได้กระแทกกับดาบของอัศวินหลักเดียวจนมันต้องหยุดกึก

       "...!!"

       มีปีศาจแฝงตัวอยู่ในกลุ่มทหาร!  
       อัศวินหลักเดียวผู้นี้พลันเย็นสันหลังวาบทันที

Comments

  1. เป็นอัลโมเฟสนั้นเองที่ช่วยลอเอล พระเอกมาแล้ว อัลโมเฟสในที่สุดก็ได้ออกโรง

    ReplyDelete
  2. พลทหารในตำนานนร

    ReplyDelete
  3. จู๊ดคือบั๊กของเกมแน่ ๆ

    ReplyDelete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00