จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 500
หนึ่งปีกับอีกสามเดือนในชีวิตจริง สามปีเก้าเดือนในซาทิสฟาย นี่คือระยะเวลาที่ลอเอลรับใช้กริด
นับตั้งแต่ที่ลอเอลตระหนักถึงคุณค่าในตัวกริดจนกระทั่งตอนนี้ เขาก็ทำงานหนักกว่าใครในโอเวอร์เกียร์มาโดยตลอด
เฉกเช่นผู้เล่นซาทิสฟายส่วนใหญ่ ลอเอลเองก็ต้องการมีชื่อเสียง ต้องการเป็นตัวตนที่ยิ่งใหญ่ เขาอยากเป็นผู้อยู่เบื้องหลังของอาณาจักรที่อหังการที่สุด
กุนซือมือขวากษัตริย์อันดับหนึ่งในซาทิสฟาย
'ผ่านมานานแล้วสินะ...'
เป็นเวลาอันยาวนานที่ยากลำบากและเจ็บปวด แต่นั่นกลับทำให้ลอเอลยิ่งสนุกไปกับมัน กริดและสมาชิกโอเวอร์เกียร์คือพวกพ้องที่แสนมีค่า พวกพ้องที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันในทุกปัญหา
ลอเอลรู้สึกเสียใจจนถึงกับหลั่งน้ำตาก็หลายครั้ง
เช่นเมื่อครั้งที่กริดตั้งชื่อกิลด์ว่าโอเวอร์เกียร์ และเมื่อครั้งที่กริดตั้งชื่อกิลด์ว่าโอเวอร์เกียร์ และเมื่อครั้งที่กริดตั้งชื่อกิลด์ว่าโอเวอร์เกียร์ และเมื่อครั้งที่กริดตั้งชื่อกิลด์ว่าโอเวอร์เกียร์ เห็นได้ชัดว่าเขาเสียใจกับหลายเรื่องมาก
ถึงกระนั้น ช่วงที่ผ่านมาก็เป็นความทรงจำอันแสนมีค่า
"..."
ณ ห้องทำงานลอเอล
ลอเอลกำลังอารมณ์ดีหลังจากส่งข้อความคุยกับกริดเสร็จสิ้น เมื่อลืมตาขึ้น เขาก็ได้พบเฟคเกอร์ที่ปรากฏตัวด้านหน้าอย่างเงียบงัน ซึ่งลอเอลคุ้นชินไปเสียแล้ว เฟคเกอร์มักทำเช่นนี้เสมอ
เขาเอ่ยปากถามด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย มิได้เจือความประหลาดใจไว้
"หน่วยข่าวกรองมีความคืบหน้าแล้วหรือ"
ทหารของเรย์ดันจะถูกฝึกฝนโดยปิอาโร่และอัสโมเฟล แน่นอนว่ากองทัพที่สร้างขึ้นจากอดีตเสาหลักแห่งซาฮารันย่อมพิเศษและโดดเด่น หากเทียบกับทหารเลวทั่วไป ทหารของเรย์ดันจะมีเลเวลและค่าสถานะสูงกว่ามาก ยิ่งกว่านั้นยังใส่ยุทธภัณฑ์สงครามจากกริด
หรืออีกความหมายหนึ่งก็คือ กองทัพทั้งหมดล้วนเป็นทหารหัวกะทิ
ในบรรดาคนเหล่านั้น มีส่วนหนึ่งที่ถูกฝึกพิเศษเพิ่มเติมโดยเฟคเกอร์ พวกเขาเรียนรู้ที่จะเคลื่อนที่อย่างเงียบเชียบและว่องไว
นั่นคือหน่อยข่าวกรอง ลอเอลเชื่อใจในการทำงานของหน่วยข่าวกรองมาก
และคำตอบของเฟคเกอร์ก็เป็นสิ่งที่ลอเอลอยากฟัง
"ฉันได้ภาพโครงสร้างทั้งหมดของเมืองแพเทรี่ยนมาแล้ว"
"ต้องอย่างนั้น!"
ลอเอลยิ้มแก้มปริ สีหน้าของเขากำลังดีใจสุดขีด
แต่ในขณะกำลังจะขอรายงาน เฟคเกอร์ก็ชิงถามขึ้น
"การต้องยอมเสี่ยงเปิดเผยพลังปัจจุบันของกริด สิ่งนี้ดีแล้วจริงหรือ"
สงครามอาจง่ายขึ้นมาก แต่เฟคเกอร์กลับไม่เห็นด้วยที่จะให้พลังปัจจุบันของกริดถูกแพร่ภาพออกไปทั่วโลก เพราะหากเป็นเช่นนั้น ก็ไม่ต่างอะไรกับการประเคนข้อมูลสำคัญให้ฝ่ายอริเลยสักนิด
'นั่นก็ถูก'
เฟคเกอร์คือสหายผู้เงียบขรึมและไม่พูดสิ่งไม่จำเป็น นานครั้งถึงจะเสนอความเห็นออกมา
แต่ในฐานะสมาชิกคนหนึ่งของโอเวอร์เกียร์ เฟคเกอร์ย่อมเป็นห่วงกริด ความเป็นห่วงนี้มิได้เกี่ยวกับความจงรักภักดี ทว่ามาจากความผูกพันธ์และมิตรภาพของคนทั้งสอง
'ชายคนนี้เฝ้ามองกริดมานานกว่าเราอีกสินะ...'
ลอเอลอมยิ้ม เขาจ้องมองและตอบเฟคเกอร์กลับไปด้วยน้ำเสียงที่ไม่สั่นคลอน
"นายไม่ต้องกังวลว่าฝ่ายอริจะล่วงรู้พลังที่แท้จริงของกริด"
ความแข็งแกร่งของกริดสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามสถานการณ์ขึ้นอยู่กับไอเท็ม เขาสามารถรีดประสิทธิภาพสูงสุดออกมาด้วยการสวมไอเท็มให้เหมาะสมกับศัตรู
"กริดในวันนี้จะอ่อนแอกว่ากริดวันพรุ่งนี้ ทั่วโลกไม่มีทางประเมินพลังชายคนนั้นได้แน่"
หากศัตรูอ่อนแอจนต้องหาทางรับมือกับจุดอ่อนในปัจจุบันของกริด ถ้าต้องปะทะกันในอนาคต พวกมันก็จะไม่ใช่ต่อสู้อย่างแน่นอน เพราะระหว่างนั้นกริดคงสร้างไอเท็มใหม่และเติบโตขึ้นอีกหลายระดับ
***
บลันด์
บุตรชายคนเดียวที่เหลืออยู่ของ 'เอิร์ลอัชเชอร์' หนึ่งในสิบมหาจอมเวทแห่งทวีป
บลันด์อาศัยอยู่ที่เรย์ดันในฐานะเชลยมาสามปีแล้ว เขาเรียนรู้จากปิอาโร่มากมาย บลันด์สามารถบริหารจัดการมานาเพื่อทำฟาร์มอย่างเกิดประสิทธิภาพสูงสุด
ชายคนนี้คืออัจฉริยะด้านเวทมนตร์ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าได้รับสืบทอดจากผู้เป็นบิดา แต่บลันด์ก็ยังเก่งฉกาจด้านฝีมือดาบ แถมยังได้รับเทคนิคทำฟาร์มจากปิอาโร่
ตอนนี้บลันด์เติบโตขึ้นใหม่ในฐานะ 'จอมดาบเวทแห่งทุ่งนา'
หากสถานที่ต่อสู้คือทุ่งนา น้อยคนนักที่บลันด์จะพ่ายแพ้
"ชีวิตที่ผ่านมาในเรย์ดันเป็นยังไงบ้าง"
นี่คือเวลาพักของชาวนา แม้จะมีสายเลือดขุนนางใหญ่ของอาณาจักร แต่บลันด์กลับเลือกที่จะเอร็ดอร่อยกับมันฝรั่งในสภาพตามลำตัวเปรอะเปื้อนโคลน
ลอเอลเดินเข้ามาบลันด์และถามขึ้น
บลันด์ยังคงนำมันฝรั่งใส่ปากไม่หยุด เขาตอบกลับไปแกมประชด
"นายกำลังถามถึงช่วงชีวิตในฐานะเชลยใช่ไหม"
"เปล่าเลย พวกเราไม่เคยปฏิบัติกับนายเยี่ยงเชลยแม้แต่ครั้งเดียว"
"..."
"นายได้รับอิสระอย่างเต็มที่ภายในเรย์ดัน พวกเราทุกคนเคารพสายเลือดขุนนางของนาย ฉันขอถามอีกครั้ง ชีวิตที่ผ่านมาในเรย์ดันเป็นอย่างไรบ้าง"
"..."
ในคำพูดของลอเอล ไม่มีสิ่งใดที่ผิดเลย หลังจากถูกนำตัวมาเรย์ดัน บลันด์ไม่เคยถูกบังคับฝืนใจให้ต้องทำสิ่งใด นอกเสียจากคำขอร้องช่วยเคลียร์หน้าดินของกริดในวันแรก
บลันด์ไม่เคยถูกจับตามอง ไม่เคยถูกซ้อมหรือสอบสวน อันที่จริง บลันด์สามารถหนีออกไปได้ทุกเมื่อ แต่เขาก็มิได้ทำ
บลันด์เลือกจะอยู่เรย์ดัน สถานที่แห่งนี้สะดวกสบายและมีทุกสิ่งที่ต้องการ
ในอดีต บลันด์เคยเติบโตในฐานะเด็กอัจฉริยะ ผู้คนรอบตัวต่างสร้างแรงกดดันและพากันคาดหวังไว้สูงลิบ
กลับกัน ชีวิตชาวนาที่แสนเรียบง่ายกลับถูกจริตบลันด์มากกว่า ในเรย์ดัน ไม่ว่าจะเป็นสมาชิกโอเวอร์เกียร์หรือชาวเมือง ไม่มีใครปฏิบัติต่อเขาเป็นพิเศษจนน่ารำคาญ
"ก็ไม่เลวนักหรอก"
บลันด์ตอบคำถามพร้อมหลบสายตา
ลอเอลถามอีกครั้งในขณะที่แก้มของบลัดน์กำลังปูดเพราะเคี้ยวมันฝรั่ง
"ถ้าเอิร์ลอันเชอร์ย้ายมาอยู่ที่นี่ด้วย นายมีความคิดเช่นไร"
"...!"
บลันด์พลันตะลึง นัยน์ตาดำขยายกว้างอย่างสั่นระริก เขาโพล่งขึ้นเสียงดัง
"เอิร์ลลอเอล! นายกำลังหมายถึงอะไร! อย่าบอกนะว่า..."
องค์ชายเร็นก่อสงครามกับดยุคกริด และในภายหลังถูกลอบสังหารด้วยฝีมือขององค์ชายอัสลัน ผู้ซึ่งกำลังครองบัลลังก์อีเทอนัลอยู่ในขณะนี้
บลันด์ล่วงรู้ความจริงที่มีเพียงน้อยคนนักจะทราบ และเขาก็รู้ดีว่า เรย์ดันเป็นขวากหนามสำคัญของกษัตริย์อัสลันมาโดยตลอด อีกไม่ช้าก็เร็ว เรย์ดันจะถูกโดดเดี่ยวและแยกตัวออกเป็นอาณาจักรใหม่ เมื่อถึงตอนนั้น สถานที่แรกซึ่งจะโดนเรย์ดันบุกโจมตี คงหนีไม่พ้นแพเทรี่ยน เมืองป้อมปราการสำคัญของบิดาตน
แต่บลันด์ก็ไม่คิดว่าเหตุการณ์จะเกิดขึ้นรวดเร็วเช่นนี้
"นายจะก่อกบฏกับราชวงศ์อีเทอนัล… และบุกทำลายแพเทรี่ยนงั้นหรือ..."
บลัดน์ตะเบ็งเสียงแข็ง สีหน้าของเขาเป็นกังวลในตัวบิดาอย่างชัดเจน
ลอเอลชูขึ้นสองนิ้ว
"มีสองสิ่งที่ไม่ถูกต้องในคำพูดนั้น เรื่องแรก ก็จริงอยู่ที่พวกเรากำลังจะเป็นศัตรูกับอาณาจักรอีเทอนัล แต่ไม่ใช่ในฐานะกบฏ ดยุคกริดลั่นสัตย์สาบานว่าจะจงรักภักดีต่อกษัตริย์วิสบาเดนเพียงผู้เดียวเท่านั้น เมื่อพระองค์สิ้นพระชนม์ เรย์ดันจึงถือว่าแยกตัวจากอีเทอนัลอย่างเป็นทางการ หรืออีกความหมายหนึ่งก็คือ พวกเราเป็นกองกำลังภายนอก มิได้ก่อกบฏแต่อย่างใด"
"..."
นี่คือการหัวหมอ แต่เดิมทีแล้ว เกมการเมืองมักเป็นเช่นนี้เสมอ
ทุกฝ่ายต่างอ้างตนว่าถูกต้องโดยหยิบยกช่องโหว่เล็กๆ ขึ้นมาเป็นจุดยืน
บลันด์ไม่อาจปฏิเสธได้ว่ามันผิด
ลอเอลยังคงเล่าต่อไป
"และฉันไม่ได้คิดจะทำลายแพเทรี่ยน พวกเราจะไปมีพลังมากพอในการต่อกรกับหนึ่งในสิบมหาจอมเวทอย่างเอิร์ลอัชเชอร์ได้อย่างไร แพเทรี่ยนคือป้อมปราการที่ไม่มีวันแตกพ่าย ดังนั้น ฉันเพียงต้องการให้แพเทรี่ยนอยู่ในการครอบครองของดยุคกริด และเพื่อการนั้นแล้ว เราจำเป็นต้องใช้นาย"
"นายต้องการให้ฉันโน้มน้าวท่านพ่องั้นหรือ... ไม่สำเร็จหรอก ชายคนนั้นไม่มีทางทอดทิ้งอาณาจักรอีเทอนัลและมารับใช้ดยุคกริดแน่"
ตระกูลของเอิร์ลอัชเชอร์รับใช้ราชวงศ์อีเทอนัลรุ่นสู่รุ่น
ไม่มีทางที่เอิร์ลอัชเชอร์จะหักหลังอาณาจักรแน่นอน บลันด์มั่นใจในข้อนี้มาก
ทว่าลอเอลกลับมีความคิดเห็นต่างออกไป
"กษัตริย์องค์ปัจจุบันของอีเทอนัลสมควรเป็นองค์ชายเร็น มิใช่องค์ชายอัสลัน แต่อัสลันกลับเล่นไม่ซื่อ กระทำเลวทราม ยืมมือจักรวรรดิเพื่อครอบครองพลังอำนาจไว้เพียงผู้เดียว นี่ไม่ใช่ราชวงศ์อีเทอนัลที่สมควรจะเป็นอีกแล้ว ไม่มีเหตุผลใดที่เอิร์ลอัชเชอร์ต้องรับใช้รางวงศ์อีเทอนัลที่ผิดแผก"
"..."
นัยน์ตาบลันด์ยังคงสั่นระริกไม่หยุด
ลอเอลเดินเข้าไปกระซิบข้างหูเพื่อทำการตอกลิ่มลงไป
"บลันด์ผู้มีจิตใจงดงามและชื่นชอบมันฝรั่ง… หากนายไม่ต้องการให้บิดากลายเป็นหุ่นเชิดของกษัตริย์ชั่ว จงตามฉันมาและบอกเล่าความจริงกับบิดาเสีย แม้ระหว่างทางอาจมีอันตราย แต่ฉันสัญญาว่าจะปกป้องนายอย่างสุดความสามารถ"
มือเท้าของบลันด์กำลังเย็นเฉียบและหดเกร็ง ในเวลาเดียวกัน กล้ามเนื้อทั่วร่างก็กระตุกไม่หยุด เหงื่อเม็ดเป้งผุดไหลผ่านแผ่นหลัง นี่คือครั้งแรกที่เขาเกิดความรู้สึกแปลกประหลาดเช่นนี้
บลันด์พยักหน้าเล็กน้อย เขาพยายามกลับมาเยือกเย็นอีกครั้ง และหันไปกล่าวกับลอเอล
"เข้าใจแล้ว… ฉันอยากให้ท่านพ่อได้ลิ้มรสมันฝรั่งสีรุ้งเหมือนกัน"
บิดาของตนจำต้องรับใช้อาณาจักรเพียงเพราะบรรพบุรุษรุ่นก่อนกระทำต่อเนื่องมา บลันด์ต้องการให้บิดาได้เห็นความสุขด้านอื่นของชีวิตบ้าง
ลอเอลมองบลันด์ด้วยสีหน้าพึงพอใจ ก่อนจะแหงนหน้าขึ้นไปมองบนท้องฟ้า
โดยทิศทางดังกล่าวคือที่ตั้งของอาณาจักรเก๊าส์
'เตรียมคันเบ็ดเรียบร้อยแล้ว เหลือแต่เหยื่อสินะ'
***
"มีคำสั่งเร่งด่วนจากเอิร์ลอเอล!"
"พวกเราต้องเคลื่อนทัพในอีกสี่ชั่วโมง!"
เรย์ดันมีอัศวินประจำการทั้งหมดเก้านาย หนึ่งในนั้นคือจู๊ด อัศวินคนแรกของกริด
ส่วนอีกแปดนายล้วนเป็นเด็กหนุ่มพรสวรรค์สูงที่ถูกเคี่ยวเข็ญอย่างหนักโดยปิอาโร่และอัสโมเฟล ทั้งฝีมือดาบ การทำฟาร์ม และกลศึก บรรดาอัศวินหนุ่มล้วนสูงส่งในทุกด้าน แม้จะยังไม่อาจเทียบเท่าอัศวินสีชาด แต่ก็เก่งกาจกว่าอัศวินทมิฬหลายขุม
หากปิอาโร่และอัสโมเฟลยังคงฝึกฝนต่อไป คนหนุ่มเหล่านี้จะมีฝีมือเทียบเท่ากองอัศวินสีชาดได้ในสักวันแน่นอน
แต่ในปัจจุบัน พวกเขากำลังมีสีหน้างุนงงและลนลานระหว่างวิ่งตรวจแถว
"ท่านแม่ทัพไปไหน..."
"บ้าน่า วันนี้เขาก็ไม่มาอีกแล้วหรือ"
นับตั้งแต่กลับจากไซเรน แม่ทัพอัสโมเฟลก็ทำตัวแปลกประหลาดอยู่หลายวัน ก่อนที่จะหายสาปสูญไปโดยมิอาจหาพบ
ตลอดเดือนที่ผ่านมา อัสโมเฟลหายไปจากเรย์ดันอย่างไร้ร่องรอย อัศวินหนุ่มทั้งแปดพยายามสอบถามจากขุนนางโอเวอร์เกียร์ รวมถึงเอิร์ลลอเอล
แต่คำตอบที่ได้รับทุกครั้งกลับเป็น 'ไม่ต้องห่วงเขา'
แม้ไม่มีใครรู้ว่าอัลโมเฟลอยู่ที่ใดก็จริง แต่ถึงกระนั่น อัลโมเฟลแข็งแกร่งและเฉลียวฉลาดมาก ไม่มีทางที่คนแบบนั้นจะเป็นอันตรายแน่…
ทว่าในยามสำคัญก่อนเคลื่อนทัพเช่นนี้ แม่ทัพอย่างอัสโมเฟลกลับยังไม่ยอมปรากฏตัวอีกหรือ ตอนนี้แม่ทัพปิอาโร่ประจำการอยู่ในไซเรน แล้วกองทัพจะเป็นเช่นไรหากไม่มีแม่ทัพอัสโมเฟลคอยบัญชาการ
อัศวินหนุ่มที่กำลังสับสนทุกคน บัดนี้หันมามองจู๊ดเป็นตาเดียว
"เขาจะมาเป็นแม่ทัพคนใหม่แทนเซอร์อัสโมเฟลงั้นหรือ"
"ได้ยินข่าวลือมาว่า เซอร์จู๊ดรับใช้ข้างกายดยุคกริดมานานแล้ว เขาคืออัศวินคนแรกของดยุคกริด ย่อมต้องมีประสบการณ์รบโชกโชนแน่..."
"แต่ฉันก็ไม่รู้ว่าเขาเก่งพอจะแทนที่เซอร์อัสโมเฟลรึเปล่า"
"ถ้าเป็นคนที่ดยุคกริดเลือกด้วยตนเองล่ะก็ เขาจะต้องสุดยอดอยู่แล้ว ชายคนนี้เคยเป็นหัวหน้าฝ่ายป้องกันของวินสตันเชียวนะ"
เมื่ออัศวินหนุ่มสนทนากันเสร็จ พวกเขาก็เดินเข้าไปพูดกับจู๊ด
"เซอร์จู๊ด ทหารทุกนายพร้อมแล้ว พวกเราสามารถเคลื่อนทัพได้ทุกเมื่อ"
"พวกเราควรทำยังไงต่อขอรับ"
"..."
จู๊ดนิ่งเงียบ เขาหันไปมองกองทัพด้วยสายตาลุ่มลึกประหนึ่งมหาสมุทร นัยน์ตาของจู๊ดสงบนิ่งไม่สั่นคลอน อัศวินหนุ่มที่ได้เห็นต่างพากันกลืนน้ำลายอึกใหญ่
'พวกเราทำอะไรผิดรึเปล่า'
'พวกเราจัดทัพผิดงั้นหรือ'
อัศวินหนุ่มเริ่มเสียขวัญ
จู๊ดที่เงียบงันอยู่นาน ในที่สุดก็เปิดปากพูดขึ้น
"พวกเรา กำลัง จะไปที่ไหน..."
"..."
'นั่นมุกตลกรึเปล่า'
อัศวินหนุ่มเหล่านี้ยังไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของอัศวินรุ่นพี่
กลับกัน ในบรรดากองทัพทั้ง 3,000 นายของเรย์ดันที่กำลังยืนอยู่ด้านหน้าจู๊ดและอัศวินทั้งแปด
ทหารคนหนึ่งกำลังมีแววตามุ่งมันจนน่ากลัว ดวงตาของเขาจ้องมองไปด้านหน้าอย่างคมกริบและดุร้าย
'เรายังห่างไกลอีกมาก ดยุคกริดไม่เห็นคุณค่าในตัวเรา หากยังจมปลักอยู่ที่เดิม เราไม่มีทางไปได้ไกลกว่านี้แน่ มีแต่ต้องเริ่มใหม่จากศูนย์ในฐานะทหารเลวเท่านั้น เราต้องสั่งสมชื่อเสียงและเกียรติยศใหม่อีกครั้ง จักต้องทำหน้าที่ให้ดีที่สุดในฐานะทหารคนหนึ่ง!'
ทหารผู้นี้ แท้จริงแล้วคือแม่ทัพของทุกคน อัสโมเฟล
55555 สติสตังไปหมดแล้ว
ReplyDeleteทำไมคนเก่งๆต้องทำตัวแปลกๆด้วย
ReplyDeleteกิลด์รวมคนสติไม่สมประกอบ555+
ReplyDeleteไอ้ที่ว่าเริ่มต้นใหม่มันแบบนี้มันแบบนี้เหรอครับ
ReplyDeleteเราจะไปไหน555
ReplyDeleteเอ็นดูวววว อัสโมเฟลลลล
ReplyDeleteไอ้พวกกิลด์และชาวเมืองไม่สมประกอบ
ReplyDelete