จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 508



       หลังจากกวาดล้างกองทัพของบอร์เนียวจนหมดไปพร้อมกับยึดครองแพเทรี่ยน  ลอเอลก็ส่งกองทัพเข้ายึดครองป้อมปราการบอร์เนียวต่อทันที 
       ในระหว่างครุ่นคิด  เขาก็เพ่งพิจารณาแผนที่ของอีเทอนัลพร้อมกับเค้นสมอง

       "หลังจากยึดครองแพเทรี่ยนและบอร์เนียวสำเร็จ  พวกเราก็สร้างสามเหลี่ยมทองคำขึ้นได้สำเร็จ  นับแต่นี้ไป  เราจะใช้ทรัพยากรที่ได้รับจากแดนเหนือมาสนับสนุนกองทัพ  ปกป้องการรุกรานจากรอบทิศ  ฝั่งเรย์ดันป้องกันกองทัพจักรวรรดิ  ฝั่งบอร์เนียวป้องกันกองทัพเก๊าส์  และฝั่งแพเทรี่ยนป้องกันกองทัพอีเทอนัล"

       เรย์ดัน  แพเทรี่ยน  และบอร์เนียว  สามเมืองนี้กลายเป็นดินแดนสามเหลี่ยมทองคำป้อมปราการที่แข็งแกร่ง  
       ข้อเสียคือการต้องกระจายกองกำลังแบ่งออกเป็นสามส่วน  แต่ข้อดีก็คือ  พวกเขาไม่ต้องกังวลว่าจะถูกตลบหลัง  

       'หากดูจากสถานการณ์ตอนนี้  ทางเราสามารถตั้งรับและยื้อสงครามออกไปได้นานราวสองปี  หากเราอดทนผ่านไปได้  ถึงตอนนั้นก็จะมีโอกาสให้โต้กลับแน่'

       ปัญหาคือเกาะคอร์ก  ดินแดนดังกล่าวตั้งอยู่กลางทะเลใต้ของอาณาจักร  รอบทิศถูกล้อมด้วยทะเล  ในทางทฤษฏีแล้ว  ไม่มีทางป้องกันเกาะคอร์กจากกองทัพเรืออีเทอนัลได้เลย
       ลอเอลตัดสินใจในสิ่งที่แม้แต่เขาเองก็ไม่ต้องการ

       "...สละเกาะคอร์ก  โยกย้ายกำลังพลที่นั่นกลับมาอยู่เรย์ดันให้หมด"

       พีคซอร์ดรีบโต้แย้งเสียงแข็ง
       "เกราะคอร์กคือดินแดนที่กิลด์ซิลเวอร์ไนท์ต้องต่อสู้แย่งชิงมาอย่างยากลำบาก!  พวกเราไม่ควรตัดใจละทิ้งเร็วเกินไป!"

       โทบันกล่าวเสริมพร้อมเหตุผล
       "เกาะคอร์กคือดินแดนที่มีรายได้สูงจากนักท่องเที่ยวและเหมืองแร่ 23 แห่ง  ถือเป็นดินแดนที่ทำกำไรสูงสุดของพวกเราในตอนนี้  การละทิ้งอย่างไม่ใยดีนั้นออกจะ..."

       ลอเอลแย้งด้วยน้ำเสียงเย็นชา
       "แล้วมีทางเลือกอื่นอีกรึไง  พวกเราไม่มีทางแบ่งกำลังเสริมไปไว้ที่เกาะคอร์กได้หรอกนะ"

       ลอเอลเองก็เสียใจที่ต้องละทิ้งเกาะคอร์ก   เป็นความนึกเสียดายที่ยากจะตัดให้ขาด
       แต่เขาก็ต้องอยู่บนบรรทัดฐานความจริง  ลอเอลไม่อาจใช้อารมณ์ส่วนตัวอย่างพีคซอร์ด  หรือให้เหตุผลโดยไม่เสนอทางออกอย่างโทบัน
       เขามีภาระหน้าที่อันยิ่งใหญ่ในฐานะตัวแทนกริด

       "เกาะคอร์กไม่มีทางทนต้านรับการรุกรานจากอีเทอนัลได้นานแน่  ฉันคิดว่าพวกเราควรรีบตัดใจ  การส่งทัพไปเสริมรังแต่จะทำให้เกิดความเสียหายเพิ่มขึ้น"

       ลอเอลตัดสินใจเด็ดขาด
       แต่พีคซอร์ดยังคงไม่ยอม

       "เช่นนั้นฉันจะไปปกป้องเกาะคอร์กเอง!  ฉันจะปกป้องมันไว้ให้นานที่สุด  ขอแค่กำลังเสริมเป็นสมาชิกกิลด์ซิลเวอร์ไนท์สิบคน  ฉันรู้ดีว่า  ลำพังจำนวนคนเท่านี้คงไม่พอจะต้านรับไหว  แต่ได้โปรดให้ฉันทำมันด้วย  ถือว่าฉันขอ  ฉันมั่นใจว่าจะสร้างผลประโยชน์ให้นายได้แน่  ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง"

       "..."

       ฝีมือการต่อสู้ของพีคซอร์ดถือเป็นระดับท็อปในหมู่สมาชิกหัวกะทิของโอเวอร์เกียร์  แม้การแข่งนานาชาติจะทำผลงานได้ไม่ดี  แต่นั่นเป็นเพราะธรรมชาติของคลาสไม่เอื้ออำนวย  หากมองเพียงพลังทำลายในสนามรบ  พีคซอร์ดจะเป็นรองแค่เรกัสและป็อนเท่านั้น
       ทว่า... ความเป็นผู้นำของเขาสูงกว่าสองคนนั้นมาก

       "...หากมีนายกับสมาชิกซิลเวอร์ไนท์อีกสิบคนคอยคุ้มกัน  การสูญเสียดินแดนคงขยายเวลาออกไปได้สักพัก"

       แต่ขีดจำกัดคงไม่พ้นหนึ่งหรือสองเดือน  
       ทรัพยากรและภาษีที่ได้รับจากเกาะคอร์กในช่วงสองเดือนดังกล่าวนับว่ามหาศาล  และเป็นประโยชน์ต่อโอเวอร์เกียร์มากก็จริง  แต่ลอเอลกลับมองว่าเป็นความสูญเสีย

       "พีคซอร์ด  เกาะคอร์กไม่มีจุดเก็บเลเวลที่เหมาะกับคลาสระดับสาม  การที่นายต้องหมกตัวอยู่ในนั้นถึงสองเดือน  เลเวลและพลังของนายจะไม่พัฒนาขึ้น  นั่นอาจเกิดความเสียหายต่อโอเวอร์เกียร์ในระยะยาว  ไม่คุ้มกับสิ่งที่เราได้รับกลับมา  ดังนั้น  ฉันไม่อาจส่งนาย--"

       "ผิดแล้ว!  ฉันสามารถพัฒนาตัวเองได้  แม้จะไม่ได้เก็บเลเวลก็ตาม"
       พีคซอร์ดขัดจังหวะลอเอลด้วยการยื่นจอบ... 
       ไม่สิ  ในมือเขาคือจอบสองหัวสำหรับขุดแร่ที่กริดสร้างให้
       "ฉันจะหมกตัวอยู่ในเหมืองแร่ทั้งวันถ้าไม่มีเหตุต้องสู้รบ"

       การขุดเหมืองไปเรื่อยๆ ก็สามารถเพิ่มค่าสถานะได้เช่นกัน  แม้อาจไม่เทียบเท่าการเก็บเลเวล  แต่ก็มีพัฒนาการให้เห็นแน่นอน  
       แถมสิ่งที่ได้รับกลับมา  ส่วนหนึ่งเป็นแร่หายากซึ่งใช้ผลิตไอเท็มระดับสูง

       "เกาะคอร์กคือดินแดนพิเศษสำหรับฉัน  มันเหมือนกับเกาะต็อกโด  ดังนั้น  ได้โปรดเข้าใจฉันด้วย  ลอเอล  ส่งฉันไปปกป้องเกาะคอร์กเถอะ  ฉันสัญญาว่าจะยืดเวลาออกไปให้นานที่สุด"

       พีคซอร์ดเตรียมใจที่จะตายไว้แล้ว  และไม่ใช่แค่ครั้งหรือสองครั้ง  สงครามที่กินเวลายาวนานหลายเดือน  พีคซอร์ดอาจต้องตายหลายสิบครั้ง  
       สำหรับพีคซอร์ด  ตนมั่นใจมากว่าจะต้องป้องกันเกาะคอร์กได้อย่างต่ำสามถึงสี่เดือน    
       เมื่อลอเอลเห็นสายตาที่มุ่งมั่นจากพีคซอร์ด  เขาจำต้องยอมถอยให้หนึ่งก้าว
       
       "เข้าใจแล้ว  ความดื้อรั้นของนายไม่แพ้กริดเลยสักนิด  และฉันคงขัดไม่ได้"

       ชาวเกาหลีเป็นแบบนี้กันหมดรึไงนะ
       ลอเอลครุ่นคิดพลางอมยิ้ม  เป็นรอยยิ้มอันแสนอบอุ่นที่เขาไม่เคยเผยให้เห็นในยามบัญชาการศึก  

       "พีคซอร์ด... ทำให้เต็มที่ล่ะ"

       ลอเอลเองก็ชื่นชอบพีคซอร์ดไม่น้อย  ชายที่มีความเพียรพยายามและจิตใจที่ดีงาม  
       เขาคล้ายกริดมากทีเดียว

       "ขอให้รักษาเกาะคอร์กไว้ได้ตราบนานเท่านาน"

       พีคซอร์ดลุกขึ้นจากที่นั่งพร้อมกับก้มศีรษะให้ลอเอลแทนคำขอบคุณ

       "ฉันจะขุดแร่ให้ได้มากที่สุดและใส่ไว้ในคลังกิลด์"

       พีซอร์ดรีบออกเดินทาง  เขามุ่งหน้าตรงไปยังเกาะคอร์กทันทีในวันดังกล่าว  โดยมีสมาชิกระดับสูงของอดีตกิลด์ซิลเวอร์ไนท์ติดตามไปด้วยสิบคน  ทุกคนล้วนพกพาจอบสองหัวไว้ในช่องสัมภาระ

       หลังจากนั้น  ลอเอลได้กระจายสมาชิกโอเวอร์เกียร์แยกย้ายไปตามเรย์ดัน  แพเทรี่ยน  และบอร์เนียว
       โดยชี้แจงลำดับความสำคัญภารกิจไว้อย่างละเอียดรอบคอบ

       "เตรียมพร้อมรบอยู่เสมอ  แต่ระหว่างนั้นก็อย่าได้ลืมเก็บเลเวล  ใช้เงินทั้งหมดที่มีไปกับการซื้อโพชั่นเพื่อเร่งสปีดการเก็บเลเวล"

       ส่วนลอเอลนั้นยังคงอยู่ที่เรย์ดันต่อไป  นั่นก็เพื่อความปลอดภัยระดับสูงสุดของดัชเชสไอรีนและลอร์ด

       ***

       "เริ่มขึ้นแล้วสินะ"

       ราชันย์แห่งเงา  คาซิม  
       หลังจากลอร์ดลืมตาดูโลก  เขาก็อยู่ข้างกายเด็กคนนี้และคอยถ่ายทอดวิชาลับลันเทียร์เป็นระยะ  
       จึงไม่แปลกที่คาซิมจะล่วงรู้ว่า  บัดนี้เรย์ดันได้กลายเป็นศัตรูกับจักรวรรดิอย่างเป็นทางการแล้ว  คาซิมได้ยินชาวเมืองและทหารกำลังเตรียมตัวทำศึกใหญ่

       "ไม่ต้องกังวล  เงาของฉันจะโอบกอดเจ้าไว้เอง"

       เผ่านีโรถูกจักรวรรดิทำลายอย่างราบคาบ  ในฐานะผู้เหลือรอดคนสุดท้าย  ความเกลียดชังที่คาซิมมีต่อจักรวรรดิจึงอาฆาตรุนแรง
       ทันใดนั้น  ลอร์ดตัวน้อยได้ส่งเสียงตักเตือนชายที่กำลังเปี่ยมไปด้วยความแค้นตรงหน้า

       "ท่านอาจารย์  ลมหายใจของท่าน  นักลอบสังหารไม่ควรปล่อยให้อารมณ์เข้าครองงำเช่นนี้"

       "ฮะฮะ!  นั่นสินะ  เผลอตัวไปหน่อย  นั่นเป็นเพราะฉันยังไม่แข็งแกร่งพอ"
       
       คาซิมกลับมาเยือกเย็นอีกครั้ง  เขาประหลาดใจไม่น้อยกับพัฒนาการของลอร์ด

       ซู่ววว!

       จู่ๆ คาซิมก็เลือนหายกลับเข้าไปในความมืดมิด

       "นายน้อยลอร์ด  ได้เวลาเรียนแล้ว"

       สติกส์เดินเข้ามาหาลอร์ด
       แต่ท่าทีของลอร์ดกลับไม่ปลื้มเอาเสียเลย

       "พวกเราต้องเรียนเกี่ยวกับจอมอสูรอีกแล้วใช่ไหม"

       "ถูกต้อง  จอมอสูรเป็นศัตรูของสิ่งมีชีวิตทุกเผ่าพันธุ์บนโลก  จึงเป็นธรรมดาที่นายน้อยต้องทำความรู้จักไว้ทุกซอกทุกมุม  เพราะในอนาคต  นายน้อยต้องเป็นผู้ปกครองสูงสุดของโลกมนุษย์"

       "ผมไม่อยากเรียนเกี่ยวกับจอมอสูร"

       ลอร์ด  เด็กหนุ่มผู้ที่เพิ่งจะบอกให้คาซิมระงับอารมณ์เมื่อครู่  บัดนี้มิได้พยายามระงับอารมณ์ตนเองแม้แต่นิดเดียว  เขากำลังทำแก้มปูดด้วยสีหน้าบึ้งตึง  
       แม้จะเป็นอัจฉริยะระดับทวีป  แต่ลอร์ดคงไม่อาจสุขุมได้ตลอดเวลา  เพราะยังมีอายุไม่ถึงสี่ขวบเลยด้วยซ้ำ

       "ผมไม่ชอบจอมอสูรเลย  พวกมันน่ากลัว  พวกเราเรียนเรื่องอื่นได้ไหม  เถอะน้า~  นะครับท่านอาจารย์"
       
       ใบหน้าอันใสสื่อผนวกกับแววตาที่แสนอ้อนวอน  เด็กชายที่รวมความน่ารักของพ่อและแม่ไว้  บัดนี้กำลังทำให้สติกส์เริ่มใจอ่อน

       'อึก… น่ารัก'

       ไม่รู้จะเกี่ยวกับการเป็นโรคร้ายก่อนหน้านี้รึเปล่า  สติกส์พยายามสูดลมหายใจฟืดฟาดเพื่อระงับอารมณ์  พร้อมกับลูบศีรษะลอร์ดอย่างเบามือ

       "นายน้อยลอร์ด  ถ้ายิ่งเกลียด  ท่านก็ยิ่งต้องเรียนรู้เกี่ยวกับมัน"       

       "..."

       คำพูดเมื่อครู่แฝงไว้ด้วยหลักปรัชญา  
       หากเป็นกริดคงไม่มีทางเข้าถึงแน่  แต่อัจฉริยะอย่างลอร์ดสามารถตีความได้ทันที
       สมาธิของลอร์ดจดจ่ออยู่กับการติวเข้มของสติกส์

[ ท่านได้รับความรู้ใหม่  ท่านได้รับทักษะในการมองหาจุดอ่อนของเผ่าอสูรระดับต่ำ ]
[ ท่านได้รับความรู้ใหม่  อัตราการหลบหลีกและพลังป้องกันต่อธาตุมืดเพิ่มขึ้น ]

       ความรู้ปริมาณมหาศาลของสติกส์ไหลซึมเข้าศีรษะของลอร์ดทีละนิด
       นี่คือการผสานอย่างลงตัวระหว่างนักเรียนอัจฉริยะ  และอาจารย์ที่มีความรู้มากมายใกล้เคียงกับคำว่าอนันต์

       ***

       "ทำไมบันนี่-บันนี่ถึงมาเป็นพิธีกรหลักโอจีซีแทนพัคชินเย"

       หลังจากพักเบรกโฆษณา  กล้องตัดกลับมาเป็นภาพถ่ายทอดสดการเก็บเลเวลของกริดอีกครั้ง  แต่ผู้ชมทางบ้านก็ต้องฉงนหนัก  เพราะยามนี้  พิธีกรหลักของสถานีโอจีซีอย่างพัคชินเยนั้นหายไปแล้ว  
       เกิดอะไรขึ้นระหว่างพักเบรกสิบนาทีเมื่อครู่กันนะ
       ทางฝั่งผู้ชมพลันรู้สึกสงสัย  ส่วนทางพัคชินเยกำลังมั่นอกมั่นใจ

       'กริด  นายคงไม่รู้สินะ  ว่าฉันได้รับความนิยมมากแค่ไหน'
       
       ในฐานะพิธีกรหลักของโอจีซี  เธอย่อมมีแฟนคลับจำนวนมาก  หากความจริงนี้ถูกเปิดเผยออกไป  รับรองได้เลยว่าบรรดาแฟนคลับจะต้องรุมถล่มกริดจนเละแน่  เธอมั่นใจมากว่า  กริดจะต้องสูญเสียความนิยมไปหลายส่วน
       แต่น่าเสียดายที่ยิ่งเหล่านั้นไม่เกิดขึ้น  ผู้คนสงสัยในการหายตัวไปของพัคชินเยได้เพียงไม่นาน  เพราะท้ายที่สุด  บอสใหญ่ของเมืองแวมไพร์ก็ปรากฏตัว  ความสนใจของผู้ชมจึงถูกดึงกลับสู่หน้าจออีกครั้ง  พวกเขาล้วนอยากเห็นว่ากริดจะสู้กับบอสตนนี้อย่างไร
       ตัวตนของพัคชินเยลีบเล็กมากหากนำมาเทียบกับกริด

       『หึหึหึ!  ข้าคือแวมไพร์เลือดบริสุทธิ์!  แวมไพร์วิสเคาต์สเต็ก!』

       แวมไพร์ตนหนึ่งกำลังร่อนลงมาจากด้านบนพร้อมกับพลังเวทโลหิตรอบกาย  
       อำนาจที่แผ่ออกมาไม่ใช่เรื่องล้อเล่น  ความรู้สึกน่าหวาดหวั่นเกิดจากดวงตาสีแดงสดที่ส่องประกาย  และหอกสามง่ามสีดำสนิทในมือของมัน
       มันดูเก่งกาจระดับเดียวกับเดรกในงานแข่งนานาชาติเลยทีเดียว  
       ไม่ว่าจะมองมุมไหน  กริดก็ไม่สมควรล่าได้ตามลำพัง  
       แต่กริดแข็งแกร่งกว่าสมัยงานแข่งมากแล้ว  แถมเขายังมีตัวช่วยที่ทำให้แวมไพร์กลายเป็นเพียงมอนสเตอร์แสนอ่อนแอ

       ผัวะ! ผัวะ! ผัวะ!

       "อ๊ากกกกกกกกก!"

       หัตถ์เทวะรุมกระหน่ำทุบจนแวมไพร์ผู้โชคร้ายต้องตกอยู่ในอาการชะงักถาวร!
       สเต็กไม่สามารถขยับได้แม้เพียงปลายนิ้ว  มันเสียชีวิตโดยที่ไม่มีโอกาสได้สำแดงพลังและฝีมือเลยสักนิด  
       ในเวลาเดียวกัน  กริดก็ให้คำแนะนำกับผู้ชมทางบ้าน

       『 มอนสเตอร์ชนิดกึ่งบอสจะไม่สามารถต้านทานอาการผิดปรกติที่มีระยะเวลาสั้น  ดังนั้น  หากเราทำให้มันตกอยู่ในอาการชะงักถาวร  การล่าย่อมกระทำได้ง่ายมาก 』

       "..."

       เดี๋ยวก่อน… หมายความว่ายังไง...  ชะงักถาวร
       ผู้ชมเริ่มออกอาการคลุ้มคลั่ง  ในขณะที่กริด  ทีมงานโอจีซี  และบันนี่-บันนี่ถูกส่งตัวจากดันเจี้ยนเมืองแวมไพร์ใต้ดิน  
        เมื่อมาถึงจุดนี้  การแพร่ภาพของกริดก็หยุดลง  
       ชายหนุ่มอัพเลเวลได้ถึง 317  และเตรียมตัวจะไปผจญภัยในจุดเก็บเลเวลแห่งใหม่

       'ทวีปตะวันออก'

       กริดมีแผนจะเดินตามรอยครอเกล  อดีตผู้เล่นอันดับหนึ่งของโลกซึ่งขึ้นชื่อในด้านสปีดการเก็บเลเวล  เป้าหมายของกริดคือการทำลายสถิตินั้นของครอเกล

       'ฉันจะหนีไปเรื่อยๆ จนนายไล่ตามไม่ทัน!'

Comments

  1. ขอบคุณครับ สนุกมาก

    ReplyDelete
  2. อยากเห็นลอร์ดตอนโต ลอร์ดจะเก่งตั้งแต่เด็กไม่ได้!! สงสารกริด ลอร์ดเรียนแปปเดียวก็รู้แล้ว 555555

    ReplyDelete
    Replies
    1. ก็มันรวมข้อดีของทั้งพ่อและแม่ใว้ด้วยกันจะไม่ให้เก่งได้ใงละ

      Delete
    2. ลอร์ดมีบัพเรียนรู้รวดเร็วถึงอายุ15ครับ

      Delete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00