จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 506



       ความลับการเก็บเลเวลของกริดก็คือ  บังคับให้หัตถ์เทวะถือมโยลเนียร์ไล่ทุบแวมไพร์ไปเรื่อยๆ โดยที่ตนเองไม่ต้องทำอะไร
       หลังจากที่ได้รู้ความจริง  ความเห็นจากผู้ชมทางบ้านก็แตกต่างกันไป

       ===  แล้วฉันจะทำยังไงถ้าไม่มีหัตถ์เทวะกับมโยล์เนียร์

       ===  ก็ซื้อค้อนที่มีพลังเทพสิ

       ===  ต่อให้ใช้ค้อนพลังเทพ  แวมไพร์จะตายได้ง่ายขนาดนี้เชียวหรือ

       ===  คงต้องใช้หัตถ์เทวะเท่านั้นกระมัง

       บางส่วนคิดเป็นจริงเป็นจังและต้องการเลียนแบบ  
       แต่บางส่วนก็ดูเอาสนุก

       ===  นี่มันอะไรกัน  มารอดูหวังว่าจะได้รู้วิธีเก็บเลเวลแบบใหม่  แต่กลับกลายเป็นไม่ได้สาระใดเลย

       === ชิ~  เสียเวลาชะมัด  รู้แบบนี้เล่นเกมต่อดีกว่า

       บางคนบ่นอย่างหัวเสีย  แต่มีเพียงส่วนน้อยที่สบถด่าใส่กริดโดยตรง
       อันที่จริง  กริดไม่มีความจำเป็นใดเลยที่ต้องเปิดเผยวิธีการเก็บเลเวลของตน  เขาจะนิ่งเงียบตลอดไปก็ยังได้  ผู้ชมไม่มีสิทธิ์ไปสงสัยกริด  แม้ว่าจะไม่มีการถ่ายทอดสดในวันนี้ขึ้น
       แต่กริดก็เลือกที่จะเปิดเผย  นั่นทำให้ใครหลายคนรู้สึกโล่งใจ  ในที่สุดพวกเขาก็ได้คล้ายข้อสงสัยเสียที  ไม่ใช่ทุกคนที่อยากเลียนแบบทำตาม  ส่วนใหญ่ต้องการเพียงรู้ความจริงให้สบายใจเท่านั้น  และผู้ชมประเภทนี้ก็เลือกที่จะรับชมต่อไป  
       ความนิยมในตัวกริดคือของจริง  

       ทว่า… พิธีกรสาวพัคชินเยกลับรู้สึกกระอักกระอ่วน 

       เพราะสิ่งที่ทางโอจีซีเคยโฆษณาออกไป 
       หนึ่งในนั้นคือ 'จะเก็บเลเวลแบบกริดได้อย่างไร'
       เธอกังวลว่าผู้เล่นที่ไม่สามารถทำตามกริดได้จะรู้สึกเบื่อหน่ายและไม่อยากดู  นั่นอาจส่งผลให้ยอดผู้ชมตกลงจากที่คาดไว้  
       ลงเอยด้วย  เธออาศัยเวลาพักเบรกโฆษณาเดินเข้ามาพูดกับกริดโดยตรง

       "คุณยองวู  จริงจังมากกว่านี้หน่อยได้รึเปล่า  ช่วยพยายามอย่างเต็มที่เพื่อผู้ชมด้วย"

       "จริงจังมากกว่านี้งั้นหรือ..."

       กริดที่กำลังนั่งพัก  เขาขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ  

       "แล้วผมไม่จริงจังตรงไหน"

       หน้าที่ของตนคือการเก็บเลเวลให้ดู  และเขาก็มิได้ขาดตกบกพร่องแม้แต่น้อย  
       แล้วปัญหามันอยู่ตรงไหนกับล่ะ
       พัคเชเยอธิบายให้กับกริดที่ยังไม่เข้าใจ
       "คุณต้องทำให้ผู้ชมรู้สึกคุ้มค่าที่ได้ดู  เช่นขณะต่อสู้กับแวมไพร์  คุณก็ทำการอธิบายจุดอ่อนของพวกมันไปด้วย  อะไรทำนองนี้..."

       กริดขมวดคิ้วหนัก

       "แล้วทำไมผมต้องทำแบบนั้นด้วยล่ะ"

       เหตุใดตนต้องเป็นพ่อพระผู้ใจบุญขนาดนั้น
       หากโอจีซียื่นเงื่อนไขที่ต้องมานั่งอธิบายรายละเอียดมอนสเตอร์ตั้งแต่ต้น  กริดคงตอบปฏิเสธอย่างไม่ใยดี  ชายหนุ่มเริ่มไม่ชอบใจ  เพราะพัคชินเยเซ้าซี้ในสิ่งที่ไม่ได้ระบุไว้ในสัญญา  
       ท่าทีไม่เป็นมิตรได้ทำให้พัคชินเยโมโห

       "คุณยองวู  คุณไม่มีความเป็นมืออาชีพเลยนะ  ฉันได้ยินมาว่าคุณได้รับเงินมากถึงสองหมื่นล้านวอนเพื่อแลกเปลี่ยนกับการแพร่ภาพ  อย่างน้อยก็ทำงานให้คุ้มค่ากับเงินจำนวนนี้ด้วย"

       "คุ้มค่า… ฉันว่าการทำเพียงเท่านี้ก็คุ้มค่ามากแล้วนะ"

       กริดรู้ดีว่าสถานีโทรทัศน์ไม่ใช่องค์กรการกุศล  เขาเดาได้จากประสบการณ์  ว่าทางโอจีซีก็มีกำไรจากค่าโฆษณาสูงกว่าสองหมื่นล้านวอนไปแล้ว  

       "นี่ชินเย!  คุณพูดอะไรออกไป"

       "ใจเย็นหน่อย  อย่าทำให้สถานการณ์วุ่นวายมากกว่านี้"

       ในขณะที่ทีมงานโอจีซีพยายามจะห้ามพัคชินเย

       "กลิ่นของมนุษย์!"

       "หอมหวลมาก!  เหยื่อที่ไม่ได้พบมานาน"

       เมื่อแวมไพร์ได้ยินเสียงเอะอะดังมาจากปาร์ตี้ของกริด  พวกมันจึงรุมล้อมทุกคนในพริบตา

       "พวกมันมาอีกแล้ว"

       "ถอยมาด้านหลัง!"

       ทีมงานโอจีซีที่ก่อนหน้าเคยหวาดกลัวแวมไพร์แข้งขาสั่น  บัดนี้ดูสงบนิ่งใจเย็นมากขึ้น  เพราะพวกเขารู้ดีว่ากริดจะต้องลงมือช่วยเหลือในพริบตาแน่
       ทว่า

       "ค--คุณกำลังทำอะไรอยู่"

       กริดยังไม่ลุกขึ้นแม้ฝูงแวมไพร์จะรายล้อมรอบตัว  เขาเพียงนั่งอย่างสงบเงียบตามเดิม  
       ทีมงานเริ่มสัมผัสได้ถึงความไม่ชอบมาพากล  สีหน้าของทุกคนตรึงเครียดหนัก
       โดยเฉพาะพัคชินเย  เธอรีบอ้อนวอน

       "คุณยองวู!  ได้โปรดจัดการกับแวมไพร์ด้วย!  ไม่อย่างนั้นทุกคนจะถูกฆ่า!"

       แต่คำขอร้องของเธอกลับเป็นหมัน  กริดยังคงนั่งเฉยอยู่ที่เดิมด้วยสายตาเย็นชา  
       ในที่สุด  กลุ่มของทีมงานก็ถูกแวมไพร์เริ่มโจมตี

       "กรี๊ดดดด!"

       ชุดที่พัคชินเยสวมนั้นทั้งเด่นและเตะตา  เธอจึงกลายเป็นเหยื่อรายแรก  เมื่อเล็บอันยาวแหลมของแวมไพร์แทงเสียบเข้าไปในร่าง  พัคชินเยย่อมกลายเป็นแสงสีเทาในการโจมตีเดียว  
       ทันใดนั้น  กริดลุกขึ้นยืน

       "ฟู่ว!  ไปสักที"

       กริดกำลังเผยรอยยิ้มโล่งใจบนใบหน้า!
       บันนี่-บันนี่พลันกลืนนำลายอึกใหญ่เมื่อเห็นฉากดังกล่าว  เป็นเวลาเดียวกับที่กริดสั่งให้หัตถ์เทวะช่วยเหลือทีมงานโอจีซีคนอื่น

       'เราต้องระวังปากไว้สินะ'

       อันที่จริง  บันนี่-บันนี่รู้มานานแล้วว่ากริดไม่ใช่คนดีอะไรนัก  ชายคนนี้เพียงแค่รู้จักวางตัวให้เหมาะสมกับสถานการณ์และไม่ทำตัวหยาบคาย
       แต่กริดนั้นห่างไกลจากคำว่า 'คนดี' หรือ 'ใส่ซื่อ' มากทีเดียว
       บันนี่-บันนี่สาบานกับตนเองว่าต้องจำไว้ให้มั่น  ห้ามลืมโดยเด็ดขาด

       ***

       ณ เมืองป้อมปราการแพเทรี่ยน

       "ไอ้บัดซบ!  แกมันต่ำช้า!  กล้าหักหลังพันธมิตรได้ลงคอ...  ไม่มีศักดิ์ศรีหรือความผิดชอบชั่วดีเลยรึไง!  หากเหตุการณ์ในวันนี้ถูกแพร่กระจายออกไป  รับรองได้เลยว่าชื่อเสียงของดยุคกริดจะต้องล่มจมแน่!"

       มาร์ควิสวาลตินตะเบ็งเสียงใส่ลอเอลในยามที่มันกำลังถูกมัด  
       การหักหลังพันธมิตรระหว่างสงครามนั้นไม่ค่อยเกิดขึ้นบ่อยนัก  ตลอดประวัติศาสตร์อันยาวนานของทวีปตะวันตก  มีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นเพียงหยิบมือเดียวเท่านั้น  
       มาร์ควิสวาลตินจ้องมองลอเอลด้วยสายตาอาฆาต  มันกำลังคิดว่าลอเอลนั้นเป็นมนุษย์ประเภทต่ำช้า

       ส่วนลอเอลเองก็ยอมรับเต็มอก
       "นั่นสินะ  หากข่าวเหตุการณ์ในวันนี้ถูกแพร่ออกไป  ฉันคงกลายเป็นขยะที่แสนชั่วช้า  และชื่อเสียงของดยุคกริดจะต้องตกต่ำลงมาก  คงไม่มีใครให้ความเชื่อถือเรย์ดันอีก  พวกเราจะถูกตัดขาดทั้งการทหารและเศษรฐกิจกับโลกภายนอก"

       "เข้าใจแล้วสินะ!  สิ่งที่รอพวกแกอยู่มีเพียงความพังพินาศ!  แกถูกผลประโยชน์เพียงชั่วครู่ทำให้หน้ามืดตามัวและตัดสินใจกระทำสิ่งที่ผิดพลาด!  พวกแกไม่มีอนาคตอีกแล้ว!"

       "..."

       ลอเอลนิ่งเงียบ  เขาไม่โต้แย้งคำพูดของมาร์ควิสวาลตินแม้แต่นิดเดียว
       นั่นทำให้สมาชิกโอเวอร์เกียร์เริ่มกังวล
       
       "ถ้าเป็นแบบนั้นจริง  พวกเราจะไม่แย่เอาหรือ"

       "เรื่องใหญ่แน่  ฝ่ายอื่นคงไม่นิ่งเฉยกับเหตุการณ์นี้  สนธิสัญญาพันมิตรมีไว้เพื่อให้สองฝ่ายเชื่อใจ  การที่เราลงมือหักหลัง  ปัญญาจะตามมามากพอสมควร"

       "แล้วพวกเราจะทำยังไงดี"

       "ก็อย่างที่มาร์ควิสวาลตินพูด  อนาคตของพวกเราไม่สดใสนักหรอก"

       "งั้น… พวกเราก็ต้องช่วยกันปิดข่าวให้มากที่สุด  เพื่อไม่ให้มีใครรับรู้ว่าเราทรยศกองทัพบอร์เนียว"

       "มีคนเป็นหมื่นเกี่ยวข้องในเหตุการณ์  พวกเราจะปิดข่าวยังไงไหว"

       "เอ๋… พวกเรามีแต่ต้องซวยเท่านั้นหรือ"

       แสยะ!

       มาร์ควิสวาลตินแสยะยิ้มอย่างพึงพอใจเมื่อได้เห็นสมาชิกโอเวอร์เกียร์เริ่มอกสั่นขวัญแขวน

       "จงปล่อยตัวฉันและกองทัพซะ!  นี่คือโอกาสเดียวที่จะลบข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นได้!"

       จากกฏสนธิสัญญาร่วมของทวีปตะวันตก  การสังหารขุนนางที่เป็นเชลยสงครามนั้นถือเป็นการฝ่าฝืนข้อห้ามอย่างร้ายแรง
       เดิมทีแล้ว  เชลยขุนนางฝ่ายศัตรูจะต้องถูกกักตัวไปเรื่อยๆ  จนกว่าทางอาณาจักรจะยอมจ่ายเงินเพื่อไถ่ตัวกลับไป
       แต่มาร์ควิสวาลตินก็มั่นใจมากว่า

       'พวกมันต้องรีบปล่อยเราทันทีแน่'

       คนเหล่านี้ต้องยอมปล่อยตนกลับไปในทันที  เพื่อหลีกเลี่ยงเหตุการณ์เลวร้ายที่สุดซึ่งอาจเกิดขึ้นตามมา  แต่นั่นก็สายไปเสียแล้ว
       'พวกแกจะไม่มีวันได้รับการอภัย!'  
       เมื่อใดก็ตามที่กลับถึงเก๊าส์  มันจะรีบขอเข้าพบกษัตริย์เพื่อเรียกร้องให้กับมือกับอีเทอนัลโดยเร็ว

       'หลังจากเป็นพันธมิตรกับอีเทอนัล  พวกแกจะต้องโดนลงทัณฑ์สถานหนัก!'

       ลอเอลยิ้มอย่างมีเลศนัยพร้อมหันไปกล่าวกับมาร์ควิสวาลติน
       "ขอโทษด้วยนะ  แต่ฉันคงปล่อยแกไปไม่ได้  ในเมื่อเรื่องราวเลยเถิดขนาดนี้แล้ว  ฉันคงกอบกู้ความเชื่อใจกลับมาไม่ได้อีก  ฉันไม่สามารถปล่อยแกที่อาจเป็นศัตรูในอนาคตกลับไปได้"

       "แกกำลังพูดเรื่องอะไรอยู่  ไม่รู้รึไงว่าทวีปนี้มีกฏห้ามสังหารเชลยขุนนาง!"

       "ฉันรู้  ดังนั้นจึงต้องมีการบิดเบือนความจริงกันหน่อย  อืม… เอาแบบนี้เป็นไง  มาร์ควิสวาลตินถูกสังหารด้วยลูกธนูระหว่างการรบ"

       "อย่าพูดให้ขำหน่อยเลย!  ทหารบอร์เนียวทั้ง 3,000 นายล้วนเป็นพยานให้ฉัน!  พวกเขาจะเป็นกระบอกเสียงว่าแกเป็นคนลงมือประหาร!"

       กองทัพบอร์เนียวยกธกขาวยอมแพ้ในช่วงบ่าย   ส่งผลให้มีทหารเหลือรอดชีวิตกว่า 3,000 นาย  ทั้งหมดกำลังคุกเข่าลงและถูกมัดไว้ด้านหลังมาร์ควิสวาลตินโดยปราศจากอาวุธ
       ถึงกระนั้น  ลอเอลกลับเอ่ยปากแสร้งถาม  ราวกับไม่เข้าใจคำพูดเมื่อครู่
       
       "ทหารที่เหลือรอด 3,000 นาย… ฉันไม่เข้าใจว่าแกกำลังพูดถึงสิ่งใด  กองทัพบอร์เนียวทั้ง 10,000 นายล้วนเสียชีวิตในสงครามไปหมดสิ้นแล้ว"

       "อ--อะไรกัน..."

       หัวใจของมาร์ควิสวาลตินกำลังดำดิ่ง
       แม้กระทั่งสมาชิกโอเวอร์เกียร์เองก็ยังตกตะลึง

       "ล--ลอเอล  อย่าบอกนะว่านายจะ..."

       ลอเอลพยักหน้าเล็กน้อยและตอบกลับไป

       "ถูกต้อง"

       "อะไรกัน..."

       แม้พวกเขาจะเป็นเอ็นพีซี  แต่ทั้ง 3,000 นายก็ล้วนมีชีวิตจิตใจ...  
       เป็นสิ่งที่น่าหดหู่มากหากต้องสังหารทหารจำนวนกว่า 3,000 ทั้งที่พวกเขายกธงขาวยอมแพ้ไปแล้ว  
       เมื่อมีสมาชิกโอเวอร์เกียร์บางคนพยายามคัดค้าน  ลอเอลจึงหันไปพูดด้วยสายตาอันแสนเย็นชา

       "พวกเราไม่มีทางไต่ไปถึงจุดสูงสุดได้โดยไร้มลทิน  บนโลกอันแสนโหดร้าย  คนดีมักเป็นฝ่ายถูกเอาเปรียบเสมอ"

       "..."

       "ฉันขอสั่งประหารทหารบอร์เนียวทั้ง 3,153 นาย  รวมถึงมาร์ควิสวาลติน  โดยเพชฆาตผู้ลงมือประหารคือทหารของกองทัพเรย์ดันทุกคน  นั่นก็เพื่อให้เลเวลของพวกเขาเพิ่มขึ้น"

       พวกพ้องบางคนอาจกล่าวหาว่าตนเป็นปีศาจร้าย  บางคนอาจไม่กล้ามองหน้า  แต่ลอเอลก็มิได้แยแส  เขาไม่ได้ให้กริดสร้างกิลด์โอเวอร์เกียร์ด้วยเหตุผลเพียงเด็กเล่นอยู่แล้ว  
       มาร์ควิสวาลตินพลันสั่นระริกให้กับสีหน้าไร้อารมณ์ของลอเอล  มันตะโกนขึ้นอย่างอาฆาตแค้น
       "แกจะปกปิดความจริงจากสวรรค์ได้รึเปล่า!  เรื่องชั่วช้าที่แกก่อไว้ในวันนี้  บาปกรรมนั้นจะส่งผลให้ดยุคกริดมีแต่ความล่มจมรออยู่ข้างหน้า!!"

       ลอเอลแสยะยิ้มเมื่อได้ยิน

       "ไม่เลย  ดยุคกริดเป็นคนพิเศษที่ถูกพระเจ้าสาปแช่งมาตั้งแต่ต้น  จะสาปแช่งเพิ่มอีกสักคนคงไม่มีอะไรต่างออกไป  และฉันผู้นี้จะขจัดทุกอุปสวรรค์ที่เข้ามาหาเขาเอง  ไม่ว่ามันจะหนักหนาสาหัสเพียงใดก็ตาม"

       ลอเอลรู้ตัวแต่แรกแล้วว่า  จะต้องมีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้น
       แผนของตนคือการยึดครองบอร์เนียวกับแพเทรี่ยนพร้อมกัน  และคว้าตัวเอิร์ลอัชเชอร์มาเป็นพวก
       นี่คือโชคตะชาที่เรย์ดันและโอเวอร์เกียร์ต้องถูกทุกฝ่ายทอดทิ้ง  ไม่ว่าจะเดินหมากไปทางใด  ตนก็มิอาจเลี่ยงความจริงนี้ได้เลย  
       จะเกิดอะไรขึ้นหากบุกยึดแพเทรี่ยนด้วยพลังของเรย์ดันเพียงอย่างเดียว  
       นั่นก็ทำได้  แต่เรย์ดันก็ยังถูกกล่าวหาว่าเป็น 'ผู้ทรยศอาณาจักร' และถูกทุกฝ่ายมองว่าเป็นกบฏอยู่ดี  ไม่แคล้วถูกทอดทิ้งให้แปลกแยกเหมือนเดิม
       
       'ในเมื่อพวกเรากำลังจะถูกทุกฝ่ายทอดทิ้งอยู่แล้ว  เช่นนั้นก็ขอกอบโกยให้ได้มากที่สุดในคราวเดียวไปเลยแล้วกัน'

       หลังจากแยกตัวเป็นอิสระ  
       พลังรบของสมาชิกกิลด์โอเวอร์เกียร์  มันสมองของตน  และพลังอำนาจจากมาร์ควิสสไตมกับเอิร์ลอัชเชอร์  ทั้งส่วนส่วนจะถูกผสานให้กลายเป็นรากฐานที่มั่นคงของดินแดนกริด

       'ไม่สำคัญว่าอาณาจักรอื่นจะตั้งตนเป็นศัตรูรึไม่'

       หากกล้ามาย่างกราย  เขาจะบดขยี้พวกมันด้วยพลังอำนาจและกลศึกที่มี!
       ลอเอลสาบานกับตนเองพร้อมสั่งประหารมาร์ควิสวาลตินและทหารอีก 3,153 นาย
       เป็นเวลาเดียวกับที่เขาได้รับสมญานามใหม่

[ ท่านสังหารผู้คนจำนวนมากโดยทำไปเพื่อวัตถุประสงค์ทางสงครามและการเมือง  ท่านจะกลายเป็นที่เกลียดชังของผู้คนหมู่มาก  แต่ในขณะเดียวกัน  ท่านก็จะกลายเป็นที่รักและชื่นชอบของฝ่ายเดียวกัน ]

[ ท่านได้รับสมญานาม <อัจฉริยะจอมโฉด> ]
[ ท่านเปิดใช้งานค่าสถานะ <พลังทางการเมือง> ]
[ ค่าสถานะพลังทางการเมืองเพิ่มขึ้น 500 แต้ม ]

[ ด้วยผลของสมญานาม  พลังโจมตีและพลังเวทจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ]

[ ท่านได้รับทักษะ <บ้าคลั่ง> จากผลของสมญานาม ]
[ ท่านได้รับทักษะ <ขูดรีดภาษี> จากผลของสมญานาม ]
[ ท่านได้รับทักษะ <บัญชาทัพไร้ปราณี> จากผลของสมญานาม ]

       "หึหึ… ฉันกลับได้รับพลังที่ยิ่งใหญ่เป็นการตอบแทนหลังจากสังหารผู้คนเป็นจำนวนมากอย่างน่าเศร้า… ลอเอลเอ๋ย… เจ้าจะต้องกลายเป็นเงามืดของโอเวอร์เกียร์ไปตลอดกาล… อนาคตของเจ้าจะมีเพียงความเจ็ดปวดและมืดมน… เจ้าจะต้องแบกรับเส้นทางที่มีแต่การนองเลือดรออยู่… คุคุคุ"

       "..."

       สมาชิกโอเวอร์เกียร์เริ่มแสดงสีหน้าเป็นกังวล  
       อาการป่วยจูนิเบียวของลอเอล  นับวันยิ่งกำเริบหนักข้อ

Comments

  1. ลอเอล โหดมาก

    ReplyDelete
  2. ทหารที่มีลูกมีเมียรอคอยการกลับไปอยู่ที่บ้าน ทหารตาดำๆ ที่แค่ถูกเกณฑ์มาสงคราม เกาหลีมีมุมมองต่อเรื่องพวกนี้ยังไงกันนะ 😔

    ReplyDelete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00