จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 566
การจะยิ้มให้สวย สำหรับบางคนต้องใช้ความพยายามอย่างมาก
นักแสดงชื่อดังผู้หนึ่งเคยกล่าวไว้ว่า
'ผมต้องฝึกซ้อมอย่างหนักเพื่อให้รอยยิ้มสามารถกุมหัวใจของผู้คนได้'
ฟังดูสมเหตุสมผล
ทุกคนบนโลกจะดูดีทันทีเมื่อยิ้มงั้นหรือ
ไม่เลย บางคนไม่อาจยิ้มสวยได้เลย แม้จะฝืนยิ้มจนปากฉีกถึงหูก็ตาม และกริดคือหนึ่งในนั้น
สมัยอดีต ผู้คนต่างพากันเบือนหน้าหนีในยามที่กริดเผยรอยยิ้ม
นั่นเพราะเขาหน้าตาอัปลักษณ์งั้นหรือ
คำตอบคือไม่ใช่
เพียงแต่การยิ้มเป็นสิ่งแปลกใหม่สำหรับคนอย่างกริด สมัยอดีต คนเช่นเขาแทบไม่เคยมีเรื่องราวดีๆ ให้อมยิ้มได้ ส่งผลให้มีใบหน้าแปลกประหลาดในยามที่อมยิ้ม เป็นเหตุผลที่น่าหดหู่ไม่น้อย
แต่บัดนี้ไม่ใช่อีกแล้ว กริดผ่านเรื่องราวอบอุ่นหัวใจนับไม่ถ้วน เขามีสายพันธ์ที่ดีกับคนรอบข้าง
รอยยิ้มของกริดสามารถกุมหัวใจผู้คนได้ เมื่อมันเกิดจากความสุขอย่างแท้จริงภายในใจ ไม่มีการเสแสร้งปั้นแต่ง
ชีวิตของเขาเปลี่ยนไปจากอดีตมาก และรอยยิ้มคือหนึ่งในของรางวัลล้ำค่าที่สวรรค์ประทานให้
"ฉันจะไม่ทำให้ทุกคนผิดหวัง"
กริดอมยิ้มอย่างอบอุ่นพร้อมกับประกาศกร้าวต่อหน้าทุกคน
หัวใจของทหารเกณฑ์เริ่มสั่นคลอน ดวงตาพร่ามัวด้วยของเหลวสีใส
สามัญชนผู้ต่ำต้อยของอาณาจักรอีเทอนัล น้อยครั้งนักที่จะเกิดความประทับใจในตัวขุนนาง
ไม่สิ พวกเขาแทบไม่เคยคาดหวังสิ่งใดจากขุนนาง คนเหล่านั้นดูแคลนและปฏิบัติกับพวกตนเป็นเพียงมดปลวกเสมอ
ไม่ใช่ขุนนางทุกคนที่เป็นเช่นนั้นก็จริง แต่ส่วนใหญ่ที่ชาวเมืองได้สัมผัสมักเลวทรามเยี่ยงนั้น
ทว่า กริดกลับให้บรรยากาศที่แตกต่าง ชาวเมืองทุกคนสามารถสัมผัสถึงความพึ่งพาและไว้ใจได้
จากการกระทำ คำพูด และสีหน้าท่าทาง
"ตระกูลของกระผมขอติดตามรับใช้ท่านตลอดชีวิต!"
"กระผมจะรีบกลับไปที่เมืองและย้ายครอบครัวมาอยู่กับท่าน!"
"ฮูเร่! ท่านกริด!"
"..."
กริดรู้สึกภาคภูมิใจจากเสียงเชียร์ที่ดังกึกก้อง เขาย้อนนึกกลับไปสมัยได้พบชาวเมืองเรย์ดันครั้งแรก คนเหล่านี้มอบความรู้สึกเดียวกัน
ในอดีต เรย์ดันเคยถูกขุนนางทอดทิ้งจนกลายเป็นเมืองแห้งแล้งและรกร้าง พวกเขาต้องการที่พึ่งทางใจมากกว่าใครทั้งหมด
'เราจะให้พวกเขาได้ลิ้มรสความสุขที่แท้จริง'
แน่นอนว่า กริดมิได้ทำไปเพื่อการกุศล เขาไม่ใช่คนที่ลงมือกระทำบางสิ่งโดยไม่หวังผลตอบแทน กริดสาบานกับตนเองว่าจะดูแลชาวเมืองเหล่านี้อย่างดี แต่ต้องแลกมากับภาษีตอบแทนที่คุ้มค่า
'หกหมื่นคน...'
ทรัพยากรชั้นเลิศสำหรับผลิตภาษี!
"ดีล่ะ! อัสโมเฟล จัดการศัตรูที่เหลือให้เกลี้ยง จากนั้นก็เริ่มลงมือซ่อมแซมไบรันให้ฟื้นฟูกลับมาอีกครั้ง ห้าคนตรงนี้จะคอยอยู่ช่วยเหลือนาย"
อัสโมเฟลยินดีปรีดาทุกครั้งที่กริดไว้วางใจตน เขาก้มศีรษะลงอย่างจงรักภักดี
"กระผมน้อมรับบัญชา"
กริดอาจไม่รู้เรื่องนี้ แต่การฝากฝังให้อัสโมเฟลเป็นคนคุมงานซ่อมบำรุงไบรัน สิ่งนี้ถือเป็นการตัดสินใจที่ยอดเยี่ยม
อัสโมเฟลใกล้ชิดและใช้ชีวิตในฐานะสามัญชนมานาน เขาย่อมรู้วิธีใช้งานและสนิทสนมกับชาวเมืองยิ่งกว่าใครทั้งหมด
อัสโมเฟลจะกลายเป็นฟันเฟืองสำคัญสำหรับอาณาจักรของกริดในอนาคต
"ล็อกเอาต์"
กริดตัดสินใจพักผ่อน เขาล็อกเอาต์ออกจากซาทิสฟาย
***
'ง่ายกว่าที่คิดอีกแฮะ'
กริดรู้สึกวิงเวียนศีรษะเล็กน้อยหลังจบการต่อสู้
ดยุคลูซิลิฟมีทักษะการต่อสู้อยู่ในระดับน่าตกใจ แม้แต่กริดเองก็ยังเอาชนะไม่ง่าย
ในตอนหลัง กริดถูกกลุ่มอัศวินจำนวนมหาศาลรุมโจมตีจนทักษะประกันชีวิตบังคับทำงาน โชคดีที่ระยะเวลาอมตะนานถึงห้าวินาที หากดยุคลูซิลิฟทนมือทนเท้ากว่านี้อีกเพียงนิดเดียว ฝ่ายที่จบเห่ต้องเป็นกริดแน่นอน
ร่างมืดลดทอนพลังชีวิตสูงสุดลง 50% สิ่งนี้เป็นดาบสองคมที่กริดต้องตระหนักถึงความอันตรายให้มากขึ้น
โชคดีที่พลังเฮือกสุดท้ายสามารถดับลมหายใจดยุคลูซิลิฟและจบสงครามลงได้
ศึกเผชิญหน้าหนึ่งต่อแสนของกริดจึงง่ายกว่าที่คาดไว้ในตอนแรก
แน่นอนว่ายองวูก็รู้ ความสำเร็จในวันนี้มิได้เกิดจากพลังของเขาตามลำพัง
'อัสโมเฟลมีบทบาทมากทีเดียว'
ชินยองวูละลายผงโกโก้ลงในแก้วนมอุ่น เขาเอนตัวพิงหน้าต่างอย่างผ่อนคลายพร้อมกับครุ่นคิด
ก่อนหน้านี้อาจมิได้ตระหนักถึง แต่ในช่วงท้าย กริดเกิดเอะใจว่า ชุดที่อัสโมเฟลสวมคือชุดพลทหารฝ่ายอีเทอนัล และเหตุผลที่ไม่มีแม่ทัพเก่งกาจฝ่ายศัตรูออกมาเผชิญหน้ากับตนเลย สิ่งนี้คงเป็นฝีมือของอัสโมเฟสเช่นกัน
'ประชาชนกว่าหกหมื่นเข้ากับฝ่ายเราเพิ่มในวันนี้'
ภาพในจอทีวีกำลังย้อนฉายสงครามแพเทรี่ยน เกาะคอร์ก และบอร์เนียวซ้ำไปมา
ยองวูนั่งดูพวกพ้องและลูกน้องต่อสู้กับศัตรูอย่างกล้าหาญดุดัน
'ทุกคนพยายามอย่างเต็มที่'
เวลาคลืบคลานใกล้เข้ามาแล้ว
'หลังจบสงครามนี้ เราจะสถาปนาตนเอง'
ใช่แล้ว ถึงเวลาที่เขาต้องกลายเป็นกษัตริย์เสียที
เวลาดังกล่าวใกล้เข้ามาทุกที
กริดคิดจะครองบัลลังก์อย่างซื่อตรง เขาจะไม่ทำให้ทุกคนที่ฝากความหวังต้องนึกเสียใจภายหลัง
ส่วนชื่ออาณาจักรที่เป็นส่วนสำคัญ กริดครุ่นคิดมานานหลายวันแล้ว
'อาณาจักรโอเวอร์เกียร์'
กิลด์โอเวอร์เกียร์เป็นผู้ก่อตั้งอาณาจักร จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่อาณาจักรจะมีชื่อว่าโอเวอร์เกียร์เช่นกัน
ถ้าอย่างนั้น ฉายาของผู้เป็นกษัตริย์ควรเป็นเช่นไร
'...ราชาโอเวอร์เกียร์'
หมับ
ยองวูบีบแก้วนมในมือแน่น เขาขนลุกทันทีเมื่อจินตนาการภาพตนกลายเป็นกษัตริย์
***
『 ผมได้ยินมาว่า มีผู้คนจำนวนไม่น้อยวิจารณ์กริดเมื่อครั้งที่เขาตัดสินใจต่อสู้กับกองทัพหลักแสนตามลำพัง 』
『 ใช่แล้วครับ หลายคนต่างคิดว่า กริดมั่นใจในตัวเองเกินไป และผลที่รออยู่คงมีเพียงความตายเท่านั้น 』
『 แต่ตอนนี้ครับ! อย่างที่ทุกคนได้เห็น! กริดทวงคืนไบรันสำเร็จแล้ว! 』
『 ไม่เพียงทวงไบรันคืน แต่กริดยังได้รับพลเมืองเป็นทหารเกณฑ์กว่าหกหมื่นคนจากกองทัพหลักแสน หลังจากที่สังหารดยุคลูซิลิฟ ทหารทั้งหกหมื่นได้คุกเข่าลงและลั่นวาจาสวามิภักดิ์ต่อกริด 』
『 ผมเองก็ได้ดูเหตการณ์สดครับ ฉากดังกล่าวทำเอาขนลุกซู่ ผู้ชมทั่วโลกเพิ่มจำนวนเป็นสองร้อยล้านภายในครึ่งวัน... 』
『 คุณคิดว่า สาเหตุใดที่ทำให้ทหารกว่าหกหมื่นของอีเทอนัลยอมสวามิภักดิ์ต่อกริดครับ 』
『 ผมขอเดาว่า พวกเขาคงทึ่งกับภาพที่กริดยอมสละชีวิตตนเอง ยอมเสี่ยงเผชิญหน้ากับกองทัพนับแสนเพียงเพื่อปกป้องชาวเมืองไบรัน การกระทำเช่นนี้ ดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่กริดคำนวณไว้ล่วงหน้าแล้วครับ 』
『 คุณกำลังจะบอกว่า กริดจงใจสู้กับกองทัพหลักแสนตามลำพัง โดยหวังจะฮุบกลืนทหารทั้งหกหมื่นคนมาเป็นของตนในภายหลัง ผมพูดถูกรึเปล่าครับ 』
『 น่าจะใช่ครับ ผมอดทึ่งไม่ได้ เมื่อเห็นความอัจฉริยะของกริดเต็มสองตาเช่นนี้... 』
『 ผมมีคำถามครับ หากเป็นครอเกล เขาจะทะลวงผ่านทัพหนึ่งแสนของศัตรู และตัดหัวแม่ทัพข้าศึกได้หรือไม่ 』
ทุกคนต่างประเมิณครอเกลไว้สูงกว่ากริดเสมอ และสิ่งนี้ก็ยิ่งเด่นชัดขึ้นในผลการแข่งนานาชาติที่ผ่านมา
สงครามไบรันกลายเป็นประเด็นถกเถียงอยู่พักใหญ่
หากกริดทำได้ ครอเกลย่อมทำได้เช่นกัน
『 ในความคิดของผม ครอเกลไม่น่าจะทำสำเร็จครับ อาจจะจริงที่เขามีฝีมือควบคุมสูงกว่ากริด แต่ทุกคนต่างยอมรับว่า กริดมีพลังป้องกันและพลังชีวิตที่สูงกว่าครอเกล หากเป็นครอเกล ผมไม่คิดว่าเขาจะทนรับการโจมตีจากอัศวินและจอมเวทมหาศาลพร้อมกันได้ครับ 』
『 และหากพิจารณาในด้านความรุนแรงและรัศมีของทักษะโจมตี กริดมีประสิทธิภาพสูงกว่าครอเกลอย่างเห็นได้ชัด ในสงครามที่ศัตรูมีจำนวนมากเช่นนี้ ผมคิดว่ากริดทำได้ดีกว่าครอเกลครับ 』
สำนักข่าวทั่วโลกต่างยกย่องกริดเป็นวีรบุรุษ ผลงานของเขาเป็นที่ประจักษ์ชัดในสงคราม ไม่มีสิ่งใดให้กล่าวตำหนิได้เลย
แม้กระทั่ง 'เทพสงคราม' อาเรส ชายคนนี้ยังกล่าวชมกริด
"เจ๋งชะมัด"
ชายวัยกลางคน เขานำมันฝรั่งทอดกรอบรสเค็มใส่ปาก จากนั้นก็ดื่มโค้กตามลงไป
เมื่อเช็ดคราบผงที่ติดกับนิ้วออกจนหมด อาเรสก็หันไปพูดกับหนึ่งในคนสนิทของตน สก็อตต์
"หยิบโค้กจากตู้เย็นให้ที"
"นายจะใจเย็นเกินไปแล้ว! ใช่เวลามัวดื่มโค้กรึไง!"
สก็อตต์ทนไม่ไหว เขาโพล่งขึ้นอย่างฉุนเฉียว
"สถานการณ์กำลังย่ำแย่สุดขีด สมญานามกษัตริย์คนแรกกำลังจะถูกกริดแย่งไป! กองทัพอาเรสของพวกเราต้องรีบสนับสนุนอีเทอนัลเดี๋ยวนี้! พวกเราต้องบดขยี้กิลด์โอเวอร์เกียร์!"
ความสำเร็จของโอเวอร์เกียร์ ส่งผลให้สก็อตต์และขุนพลกองทัพอาเรสที่เหลือต่างกระวนกระวายใจมาก
นับตั้งแต่ซาทิสฟายเปิดตัว พวกเขาก็มีแผนก่อตั้งอาณาจักรอาเรสมาโดยตลอด ต่างจากแร้งเกอร์คนอื่นที่เสพสุขชื่อเสียงเงินทอง ออกสื่อและสร้างความมั่งคั่งให้ตนเอง
กองทัพอาเรสคอยซุ่มคลืบคลานในเงามืดเพื่อทำสงครามอย่างไม่หยุดพัก ทุกสิ่งก็เพื่อก่อตั้งอาณาจักรอาเรส ทุกคนยอมสละความสุขส่วนตัว ยอมไม่เป็นที่รู้จักของโลกใบนี้
ผู้เล่นคนแรกที่ก่อตั้งอาณาจักรและกลายเป็นกษัตริย์จะเป็นใครอื่นไม่ได้นอกจากอาเรส
หากสิ่งนี้เกิดขึ้นจริง ความพยายามที่ผ่านมาของทุกคนจะได้รับการตอบแทน
กองทัพอาเรสทุกคนล้วนปรารถนาแรงกล้า
ทว่า อาเรสเพียงยักไหล่ให้สก็อตต์ โดยที่สายตายังคงจ้องมองสมาชิกโอเวอร์เกียร์บนหน้าจอทีวี
"จักรวรรดิขวางกั้นถนนระหว่างพวกเรากับอีเทอนัลไว้ทุกเส้น และตอนนี้พวกเรากำลังทำสงครามกับจักรวรรดิ นายลองตอบฉันหน่อย ว่ากองทัพอาเรสจะเดินทางไปยังอีเทอนัลด้วยวิธีใด"
"ไม่จำเป็นต้องยกทัพสักหน่อย แค่ส่งระดับขุนพลอย่างฉันและลัคไปก็เพียงพอ พวกเราจะคอยปั่นหัวให้แผนการพวกมันล้มเหลว!"
"อา..."
อาเรสล้วงมือลงไปเกาง่ามไข่เล็กน้อย จากนั้นก็เลื่อนมือข้างดังกล่าวไปจับบ่าสก็อตต์
"มีความทะเยอทยานมันก็ดี แต่อย่าลืมว่าเป้าหมายของพวกเราคือจักรวรรดิ อย่าให้การเสียผลประโยชน์เล็กน้อยมารบกวนงานใหญ่ได้"
อาเรสเดินไปหยิบโค้กจากตู้เย็น เขาดื่มมันจนหมด จากนั้นก็ทิ้งตัวลงนอนบนแคปซูล
"นายไม่เห็นวิดีโอรึไง แม่ทัพใหญ่ฝ่ายศัตรู ดยุคลูซิลิฟเป็นพวกไร้ความสามารถ มันไม่มีปัญญาควบคุมกองทัพหนึ่งแสนในพื้นที่แคบ ส่งผลให้กริดมิได้ต่อสู้กับกองทัพหนึ่งแสน หากแต่เป็นไม่กี่พัน คนส่วนใหญ่ไม่รู้เรื่องนี้ จึงยกย่องว่ากริดสามารถเอาชนะในการต่อสู้แบบหนึ่งต่อแสน"
"..."
"ด้วยชื่อเสียงโด่งดังเกินความจริง จักรวรรดิย่อมเหลียวสายตาไปมองกริดชั่วขณะ ในช่องว่างนี้ พวกเราต้องฉวยโอกาสลงมือกับจักรวรรดิ"
กษัตริย์คนแรกงั้นหรือ
อาเรสอยากได้มันก็จริง แต่เขามิได้ยึดติด เป้าหมายตอนนี้คือการฮุบกลืนจักรวรรดิซาฮารันมาเป็นของตน
'กริด ได้โปรดทำตัวโดดเด่นยิ่งกว่านี้อีก'
คงดีไม่น้อยหากกริดดึงความสนใจจากหมาบ้าแอ็กนัสไปด้วย อาเรสอมยิ้มมุมปากพร้อมกับล็อกอินเข้าซาทิสฟาย
จากบรรดาสมญานามมากมายของเขา
สมญานามสุดหายากมีทั้ง 'คนแรกที่สังหารศัตรูหนึ่งหมื่น' และ 'คนแรกที่สังหารศัตรูสองหมื่น'
นี่คือเหตุผลที่ทั้งกริดและจิสึกะไม่ได้รับสมญานามแม้จะสังหารทัพอีเทอนัลไปมากมาย
***
กิลด์โอเวอร์เกียร์มีจุดอ่อนใหญ่หลวงอยู่หนึ่งข้อ
นั่นคือประสิทธิภาพและจำนวนของรถศึกที่ใช้ในสงคราม รถศึกต้องการเทคโนโลยีและแรงงานจำนวนมากในการสร้าง รวมถึงช่างตีเหล็กอีกมหาศาล
ลอเอลเคยเป็นกังวลกับสิ่งนี้มาก จนกระทั่งเขาค้นพบบางสิ่งจากบรรดาคนงานฟาร์มปิอาโร่
ผู้เล่นคลาสลับเกรดยูนีคคนหนึ่งซึ่งมีหน้าที่ดูแลและพัฒนาด้านปศุสัตว์ให้กับโอเวอร์เกียร์
จ้าวแห่งสัตว์เลี้ยง เนี๊ยวมง
ลอเอลเอ่ยปากถามเขา
มีความเป็นไปได้รึไม่ ที่จะนำสัตว์ใหญ่มาฝึกให้เชื่องและใช้เป็นรถศึกในสงคราม
ลอเอลรู้ดี การฝึกมอนสเตอร์ขนาดใหญ่ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสักนิด แต่เขาก็กล้าที่จะหวัง เพราะอีกฝ่ายเป็นถึงคลาสจ้าวแห่งสัตว์เลี้ยงเกรดยูนีค
เนี๊ยวมงเป็นคนซื่อตรง เขารีบตอบกลับทันทีว่าเป็นไปได้
คลาสจ้าวแห่งสัตว์เลี้ยงสามารถฝึกสัตว์ใหญ่พิเศษที่ขนาดเป็นสองเท่าของไวเวิร์นได้สบายมาก
แต่สิ่งที่ต้องแลก ก็นับว่าเจ็บปวดไม่น้อย
เขาต้องปล่อยสัตว์เลี้ยงแสนรักประเภทสุนัขและแมวทั้งหมดกลับคืนสู่ธรรมชาติ มอนสเตอร์ขนาดใหญ่พิเศษจะถูกนับโควต้าเทียบเท่ามอนสเตอร์ขนาดปรกติจำนวนสามตัว
'เด็กๆ ที่น่ารักของเรา… พวกเขาจะอดตายเพราะปรับตัวกับสภาพแวดล้อมไม่ได้รึเปล่านะ'
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เขาเป็นกังวลกับแมวหางสั้นมาก
แมวตัวผู้ที่มีนิสัยดุร้ายและเย่อหยิ่ง มันไม่สามารถหาคู่ครองได้และเป็นโสดจนกระทั่งอายุมาก
'หวังว่าเจ้านั่นจะไม่ร้องไห้เพราะคิดถึงเรา…'
ระหว่างทางเคลื่อนทัพไปยังไรน์ฮาร์ท สมาชิกโอเวอร์เกียร์พยายามปลอบประโลมเนี๊ยวมง ผู้กำลังมีสีหน้าตึงเครียดอย่างชัดเจน
"เด็กๆ ต้องทำได้ดีแน่ พวกเขาเป็นมอนสเตอร์นะ การได้อยู่กับธรรมชาติอาจสนุกกว่าการถูกจับมาขัง"
"ใช่แล้วล่ะ มอนสเตอร์ต้องอยู่กับธรรมชาติสิ พวกเขาคงกำลังมีความสุขมากกว่าเดิมหลายเท่า"
สีหน้าเนี๊ยวมงพลันหม่นหมองลงทันที
"...นั่นสินะ การใช่ชีวิตอยู่กับพวกพ้องในธรรมชาติอาจมีความสุขมากกว่า ไม่ผิดแน่ เด็กพวกนั้นคงมีความสุขมากขึ้นเมื่อได้ไปจากฉัน ฉันเป็นคนพรากความสุขในวัยเด็กของพวกเขากับมือ"
"..."
สมาชิกโอเวอร์เกียร์ต่างชะงัก
ดาราชายชาวเกาหลีใต้ คิมโดฮยุน เขาโด่งดังมากในวงการฮอลลีวูด
เดิมที ทุกคนต่างคิดว่าโดฮยุนเป็นคนปรกติเพียงน้อยนิดในกิลด์โอเวอร์เกียร์ แต่ความจริงแล้วไม่ใช่เลย โดฮยุนไม่ต่างจากมนุษย์ประหลาดคนอื่นในกิลด์ ทั้งกริด ลอเอล ฮิวรอย เรกัส พีคซอร์ด แวนเนอร์ ทูน แค็ทซ์ และอีกมากมาย
เหตุใดผู้เล่นระดับท็อปของกิลด์ต้องมีสติไม่สมประกอบด้วยนะ
'หรือกิลด์ของเราจะถูกสาป!'
'เราไม่ควรไปเกาหลีใต้เด็ดขาด...!'
ขณะที่ทุกคนกำลังกังวลอย่างเอาจริงเอาจัง กองทัพก็เคลื่อนพลเข้าใกล้ไรน์ฮาร์ทเต็มที
แม่ทัพสูงสุด ลอเอล เขาส่งเสียงตะโกนหยุดทัพ
"ข้ารับใช้แห่งมหาเทพสงครามกริดทุกนายเอ๋ย! ฉันรู้ดีว่า เลือดแห่งการต่อสู้ของพวกนายกำลังเดือดพล่านดุจดั่งลาวา! แต่การพักผ่อนนั้นสำคัญเหนือสิ่งอื่นใด จงจินตนาการถึงลมหายใจของราชินีน้ำแข็งและดับไฟแห่งความร้อนรุ่มนั้นซะ! พวกเราจะหยุดพักที่นี่ก่อน"
"...อา"
ทำไมกันนะ ทำไมลอเอลถึงออกคำสั่งหยุดทัพให้สั้นกระชับเหมือนแม่ทัพปรกติไม่ได้ มีเหตุจำเป็นใดต้องเสริมข้อความพรรณาเวิ่นเว้อเข้ามา
บางที ลอเอลอาจเป็นแม่ทัพแนวหน้าที่ห่วยแตกที่สุด คำพูดของเขามักส่งผลให้สภาพจิตใจทหารตกต่ำลงเสมอ
ที่แย่ไปกว่านั้น ลอเอลยังหลุดขำพิลึก 'คุคุคุ' นั่นออกมาอีก
ตอนนี้ ใบหน้าลอเอลกำลังถูกฝ่ามือของตนปิดไว้ครึ่งหนึ่ง
เขายืนหัวเราะคนเดียวจนไหล่สั่น
'ไรน์ฮาร์ท...'
สองวันหลังจากนี้ ตนจะยึดครองมันและมอบเป็นของขวัญให้กริด เขานึกไม่สงสัยเลยว่า ทั้งแผนการและช่วงเวลาที่ลงมือนั้นสมบูรณ์แบบไร้ที่ติ
แต่ความเป็นจริง กลับมีหนึ่งตัวแปรที่ลอเอลคาดไม่ถึง
การปรากฏตัวขององค์ชายเบนัวต์
"รีบนำสาวพรมจรรย์มาที่นี่!"
ด้านบนกำแพงไรน์ฮาร์ท
เมื่อกษัตริย์อัสลันเห็นกองทัพโอเวอร์เกียร์เคลื่อนทัพเข้าระยะการมองเห็น มันก็ตัดสินใจได้ทันที
'เราจะอัญเชิญจอมอสูร!'
ตอนนท้ายสุดพูดได้อย่างเดียว (คว#@-฿+#-';(9)#) 555+
ReplyDelete