จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 566


    การจะยิ้มให้สวย  สำหรับบางคนต้องใช้ความพยายามอย่างมาก  
    นักแสดงชื่อดังผู้หนึ่งเคยกล่าวไว้ว่า
    'ผมต้องฝึกซ้อมอย่างหนักเพื่อให้รอยยิ้มสามารถกุมหัวใจของผู้คนได้'

    ฟังดูสมเหตุสมผล
    ทุกคนบนโลกจะดูดีทันทีเมื่อยิ้มงั้นหรือ
    ไม่เลย  บางคนไม่อาจยิ้มสวยได้เลย  แม้จะฝืนยิ้มจนปากฉีกถึงหูก็ตาม  และกริดคือหนึ่งในนั้น  
    สมัยอดีต  ผู้คนต่างพากันเบือนหน้าหนีในยามที่กริดเผยรอยยิ้ม  
    นั่นเพราะเขาหน้าตาอัปลักษณ์งั้นหรือ

    คำตอบคือไม่ใช่
    เพียงแต่การยิ้มเป็นสิ่งแปลกใหม่สำหรับคนอย่างกริด  สมัยอดีต  คนเช่นเขาแทบไม่เคยมีเรื่องราวดีๆ ให้อมยิ้มได้  ส่งผลให้มีใบหน้าแปลกประหลาดในยามที่อมยิ้ม  เป็นเหตุผลที่น่าหดหู่ไม่น้อย
    แต่บัดนี้ไม่ใช่อีกแล้ว  กริดผ่านเรื่องราวอบอุ่นหัวใจนับไม่ถ้วน  เขามีสายพันธ์ที่ดีกับคนรอบข้าง  
    รอยยิ้มของกริดสามารถกุมหัวใจผู้คนได้  เมื่อมันเกิดจากความสุขอย่างแท้จริงภายในใจ  ไม่มีการเสแสร้งปั้นแต่ง
    ชีวิตของเขาเปลี่ยนไปจากอดีตมาก  และรอยยิ้มคือหนึ่งในของรางวัลล้ำค่าที่สวรรค์ประทานให้

    "ฉันจะไม่ทำให้ทุกคนผิดหวัง"

    กริดอมยิ้มอย่างอบอุ่นพร้อมกับประกาศกร้าวต่อหน้าทุกคน  
    หัวใจของทหารเกณฑ์เริ่มสั่นคลอน  ดวงตาพร่ามัวด้วยของเหลวสีใส  
    สามัญชนผู้ต่ำต้อยของอาณาจักรอีเทอนัล  น้อยครั้งนักที่จะเกิดความประทับใจในตัวขุนนาง  
    ไม่สิ  พวกเขาแทบไม่เคยคาดหวังสิ่งใดจากขุนนาง  คนเหล่านั้นดูแคลนและปฏิบัติกับพวกตนเป็นเพียงมดปลวกเสมอ  
    ไม่ใช่ขุนนางทุกคนที่เป็นเช่นนั้นก็จริง  แต่ส่วนใหญ่ที่ชาวเมืองได้สัมผัสมักเลวทรามเยี่ยงนั้น

    ทว่า  กริดกลับให้บรรยากาศที่แตกต่าง  ชาวเมืองทุกคนสามารถสัมผัสถึงความพึ่งพาและไว้ใจได้
    จากการกระทำ  คำพูด  และสีหน้าท่าทาง

    "ตระกูลของกระผมขอติดตามรับใช้ท่านตลอดชีวิต!"

    "กระผมจะรีบกลับไปที่เมืองและย้ายครอบครัวมาอยู่กับท่าน!"

    "ฮูเร่!  ท่านกริด!"

    "..."

    กริดรู้สึกภาคภูมิใจจากเสียงเชียร์ที่ดังกึกก้อง  เขาย้อนนึกกลับไปสมัยได้พบชาวเมืองเรย์ดันครั้งแรก  คนเหล่านี้มอบความรู้สึกเดียวกัน  
    ในอดีต  เรย์ดันเคยถูกขุนนางทอดทิ้งจนกลายเป็นเมืองแห้งแล้งและรกร้าง  พวกเขาต้องการที่พึ่งทางใจมากกว่าใครทั้งหมด

    'เราจะให้พวกเขาได้ลิ้มรสความสุขที่แท้จริง'

    แน่นอนว่า  กริดมิได้ทำไปเพื่อการกุศล  เขาไม่ใช่คนที่ลงมือกระทำบางสิ่งโดยไม่หวังผลตอบแทน  กริดสาบานกับตนเองว่าจะดูแลชาวเมืองเหล่านี้อย่างดี  แต่ต้องแลกมากับภาษีตอบแทนที่คุ้มค่า

    'หกหมื่นคน...'

    ทรัพยากรชั้นเลิศสำหรับผลิตภาษี!

    "ดีล่ะ!  อัสโมเฟล  จัดการศัตรูที่เหลือให้เกลี้ยง  จากนั้นก็เริ่มลงมือซ่อมแซมไบรันให้ฟื้นฟูกลับมาอีกครั้ง  ห้าคนตรงนี้จะคอยอยู่ช่วยเหลือนาย"

    อัสโมเฟลยินดีปรีดาทุกครั้งที่กริดไว้วางใจตน  เขาก้มศีรษะลงอย่างจงรักภักดี

    "กระผมน้อมรับบัญชา"

    กริดอาจไม่รู้เรื่องนี้  แต่การฝากฝังให้อัสโมเฟลเป็นคนคุมงานซ่อมบำรุงไบรัน  สิ่งนี้ถือเป็นการตัดสินใจที่ยอดเยี่ยม
    อัสโมเฟลใกล้ชิดและใช้ชีวิตในฐานะสามัญชนมานาน  เขาย่อมรู้วิธีใช้งานและสนิทสนมกับชาวเมืองยิ่งกว่าใครทั้งหมด  
    อัสโมเฟลจะกลายเป็นฟันเฟืองสำคัญสำหรับอาณาจักรของกริดในอนาคต

    "ล็อกเอาต์"

    กริดตัดสินใจพักผ่อน  เขาล็อกเอาต์ออกจากซาทิสฟาย

    ***

    'ง่ายกว่าที่คิดอีกแฮะ'

    กริดรู้สึกวิงเวียนศีรษะเล็กน้อยหลังจบการต่อสู้  
    ดยุคลูซิลิฟมีทักษะการต่อสู้อยู่ในระดับน่าตกใจ  แม้แต่กริดเองก็ยังเอาชนะไม่ง่าย  
    ในตอนหลัง  กริดถูกกลุ่มอัศวินจำนวนมหาศาลรุมโจมตีจนทักษะประกันชีวิตบังคับทำงาน  โชคดีที่ระยะเวลาอมตะนานถึงห้าวินาที  หากดยุคลูซิลิฟทนมือทนเท้ากว่านี้อีกเพียงนิดเดียว  ฝ่ายที่จบเห่ต้องเป็นกริดแน่นอน
    ร่างมืดลดทอนพลังชีวิตสูงสุดลง 50%  สิ่งนี้เป็นดาบสองคมที่กริดต้องตระหนักถึงความอันตรายให้มากขึ้น

    โชคดีที่พลังเฮือกสุดท้ายสามารถดับลมหายใจดยุคลูซิลิฟและจบสงครามลงได้
    ศึกเผชิญหน้าหนึ่งต่อแสนของกริดจึงง่ายกว่าที่คาดไว้ในตอนแรก  
    แน่นอนว่ายองวูก็รู้  ความสำเร็จในวันนี้มิได้เกิดจากพลังของเขาตามลำพัง

    'อัสโมเฟลมีบทบาทมากทีเดียว'

    ชินยองวูละลายผงโกโก้ลงในแก้วนมอุ่น  เขาเอนตัวพิงหน้าต่างอย่างผ่อนคลายพร้อมกับครุ่นคิด
    ก่อนหน้านี้อาจมิได้ตระหนักถึง  แต่ในช่วงท้าย  กริดเกิดเอะใจว่า  ชุดที่อัสโมเฟลสวมคือชุดพลทหารฝ่ายอีเทอนัล  และเหตุผลที่ไม่มีแม่ทัพเก่งกาจฝ่ายศัตรูออกมาเผชิญหน้ากับตนเลย  สิ่งนี้คงเป็นฝีมือของอัสโมเฟสเช่นกัน

    'ประชาชนกว่าหกหมื่นเข้ากับฝ่ายเราเพิ่มในวันนี้'

    ภาพในจอทีวีกำลังย้อนฉายสงครามแพเทรี่ยน  เกาะคอร์ก  และบอร์เนียวซ้ำไปมา
    ยองวูนั่งดูพวกพ้องและลูกน้องต่อสู้กับศัตรูอย่างกล้าหาญดุดัน  

    'ทุกคนพยายามอย่างเต็มที่'

    เวลาคลืบคลานใกล้เข้ามาแล้ว

    'หลังจบสงครามนี้  เราจะสถาปนาตนเอง'

    ใช่แล้ว  ถึงเวลาที่เขาต้องกลายเป็นกษัตริย์เสียที  
    เวลาดังกล่าวใกล้เข้ามาทุกที  
    กริดคิดจะครองบัลลังก์อย่างซื่อตรง  เขาจะไม่ทำให้ทุกคนที่ฝากความหวังต้องนึกเสียใจภายหลัง  
    ส่วนชื่ออาณาจักรที่เป็นส่วนสำคัญ  กริดครุ่นคิดมานานหลายวันแล้ว

    'อาณาจักรโอเวอร์เกียร์'

    กิลด์โอเวอร์เกียร์เป็นผู้ก่อตั้งอาณาจักร  จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่อาณาจักรจะมีชื่อว่าโอเวอร์เกียร์เช่นกัน  
    ถ้าอย่างนั้น  ฉายาของผู้เป็นกษัตริย์ควรเป็นเช่นไร
    '...ราชาโอเวอร์เกียร์'

    หมับ

    ยองวูบีบแก้วนมในมือแน่น  เขาขนลุกทันทีเมื่อจินตนาการภาพตนกลายเป็นกษัตริย์

    ***

    『 ผมได้ยินมาว่า  มีผู้คนจำนวนไม่น้อยวิจารณ์กริดเมื่อครั้งที่เขาตัดสินใจต่อสู้กับกองทัพหลักแสนตามลำพัง 』 

    『 ใช่แล้วครับ  หลายคนต่างคิดว่า  กริดมั่นใจในตัวเองเกินไป  และผลที่รออยู่คงมีเพียงความตายเท่านั้น 』 

    『 แต่ตอนนี้ครับ!  อย่างที่ทุกคนได้เห็น!  กริดทวงคืนไบรันสำเร็จแล้ว! 』 

    『 ไม่เพียงทวงไบรันคืน  แต่กริดยังได้รับพลเมืองเป็นทหารเกณฑ์กว่าหกหมื่นคนจากกองทัพหลักแสน  หลังจากที่สังหารดยุคลูซิลิฟ  ทหารทั้งหกหมื่นได้คุกเข่าลงและลั่นวาจาสวามิภักดิ์ต่อกริด 』 

    『 ผมเองก็ได้ดูเหตการณ์สดครับ  ฉากดังกล่าวทำเอาขนลุกซู่  ผู้ชมทั่วโลกเพิ่มจำนวนเป็นสองร้อยล้านภายในครึ่งวัน... 』

    『 คุณคิดว่า  สาเหตุใดที่ทำให้ทหารกว่าหกหมื่นของอีเทอนัลยอมสวามิภักดิ์ต่อกริดครับ 』 

    『 ผมขอเดาว่า  พวกเขาคงทึ่งกับภาพที่กริดยอมสละชีวิตตนเอง  ยอมเสี่ยงเผชิญหน้ากับกองทัพนับแสนเพียงเพื่อปกป้องชาวเมืองไบรัน  การกระทำเช่นนี้  ดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่กริดคำนวณไว้ล่วงหน้าแล้วครับ  』

    『  คุณกำลังจะบอกว่า  กริดจงใจสู้กับกองทัพหลักแสนตามลำพัง  โดยหวังจะฮุบกลืนทหารทั้งหกหมื่นคนมาเป็นของตนในภายหลัง  ผมพูดถูกรึเปล่าครับ  』

    『  น่าจะใช่ครับ  ผมอดทึ่งไม่ได้  เมื่อเห็นความอัจฉริยะของกริดเต็มสองตาเช่นนี้... 』

    『 ผมมีคำถามครับ  หากเป็นครอเกล  เขาจะทะลวงผ่านทัพหนึ่งแสนของศัตรู  และตัดหัวแม่ทัพข้าศึกได้หรือไม่ 』

    ทุกคนต่างประเมิณครอเกลไว้สูงกว่ากริดเสมอ  และสิ่งนี้ก็ยิ่งเด่นชัดขึ้นในผลการแข่งนานาชาติที่ผ่านมา  
    สงครามไบรันกลายเป็นประเด็นถกเถียงอยู่พักใหญ่  
    หากกริดทำได้  ครอเกลย่อมทำได้เช่นกัน

    『  ในความคิดของผม  ครอเกลไม่น่าจะทำสำเร็จครับ  อาจจะจริงที่เขามีฝีมือควบคุมสูงกว่ากริด  แต่ทุกคนต่างยอมรับว่า  กริดมีพลังป้องกันและพลังชีวิตที่สูงกว่าครอเกล  หากเป็นครอเกล  ผมไม่คิดว่าเขาจะทนรับการโจมตีจากอัศวินและจอมเวทมหาศาลพร้อมกันได้ครับ 』

    『 และหากพิจารณาในด้านความรุนแรงและรัศมีของทักษะโจมตี  กริดมีประสิทธิภาพสูงกว่าครอเกลอย่างเห็นได้ชัด  ในสงครามที่ศัตรูมีจำนวนมากเช่นนี้  ผมคิดว่ากริดทำได้ดีกว่าครอเกลครับ 』

    สำนักข่าวทั่วโลกต่างยกย่องกริดเป็นวีรบุรุษ  ผลงานของเขาเป็นที่ประจักษ์ชัดในสงคราม  ไม่มีสิ่งใดให้กล่าวตำหนิได้เลย  
    แม้กระทั่ง 'เทพสงคราม' อาเรส  ชายคนนี้ยังกล่าวชมกริด

    "เจ๋งชะมัด"

    ชายวัยกลางคน  เขานำมันฝรั่งทอดกรอบรสเค็มใส่ปาก  จากนั้นก็ดื่มโค้กตามลงไป  
    เมื่อเช็ดคราบผงที่ติดกับนิ้วออกจนหมด  อาเรสก็หันไปพูดกับหนึ่งในคนสนิทของตน  สก็อตต์ 

    "หยิบโค้กจากตู้เย็นให้ที"

    "นายจะใจเย็นเกินไปแล้ว!  ใช่เวลามัวดื่มโค้กรึไง!"

    สก็อตต์ทนไม่ไหว  เขาโพล่งขึ้นอย่างฉุนเฉียว

    "สถานการณ์กำลังย่ำแย่สุดขีด  สมญานามกษัตริย์คนแรกกำลังจะถูกกริดแย่งไป!  กองทัพอาเรสของพวกเราต้องรีบสนับสนุนอีเทอนัลเดี๋ยวนี้!  พวกเราต้องบดขยี้กิลด์โอเวอร์เกียร์!"

    ความสำเร็จของโอเวอร์เกียร์  ส่งผลให้สก็อตต์และขุนพลกองทัพอาเรสที่เหลือต่างกระวนกระวายใจมาก  
    นับตั้งแต่ซาทิสฟายเปิดตัว  พวกเขาก็มีแผนก่อตั้งอาณาจักรอาเรสมาโดยตลอด  ต่างจากแร้งเกอร์คนอื่นที่เสพสุขชื่อเสียงเงินทอง  ออกสื่อและสร้างความมั่งคั่งให้ตนเอง  
    กองทัพอาเรสคอยซุ่มคลืบคลานในเงามืดเพื่อทำสงครามอย่างไม่หยุดพัก  ทุกสิ่งก็เพื่อก่อตั้งอาณาจักรอาเรส  ทุกคนยอมสละความสุขส่วนตัว  ยอมไม่เป็นที่รู้จักของโลกใบนี้  

    ผู้เล่นคนแรกที่ก่อตั้งอาณาจักรและกลายเป็นกษัตริย์จะเป็นใครอื่นไม่ได้นอกจากอาเรส  
    หากสิ่งนี้เกิดขึ้นจริง  ความพยายามที่ผ่านมาของทุกคนจะได้รับการตอบแทน  
    กองทัพอาเรสทุกคนล้วนปรารถนาแรงกล้า  
    ทว่า  อาเรสเพียงยักไหล่ให้สก็อตต์  โดยที่สายตายังคงจ้องมองสมาชิกโอเวอร์เกียร์บนหน้าจอทีวี

    "จักรวรรดิขวางกั้นถนนระหว่างพวกเรากับอีเทอนัลไว้ทุกเส้น  และตอนนี้พวกเรากำลังทำสงครามกับจักรวรรดิ  นายลองตอบฉันหน่อย  ว่ากองทัพอาเรสจะเดินทางไปยังอีเทอนัลด้วยวิธีใด"

    "ไม่จำเป็นต้องยกทัพสักหน่อย  แค่ส่งระดับขุนพลอย่างฉันและลัคไปก็เพียงพอ  พวกเราจะคอยปั่นหัวให้แผนการพวกมันล้มเหลว!"

    "อา..."
    อาเรสล้วงมือลงไปเกาง่ามไข่เล็กน้อย  จากนั้นก็เลื่อนมือข้างดังกล่าวไปจับบ่าสก็อตต์  
    "มีความทะเยอทยานมันก็ดี  แต่อย่าลืมว่าเป้าหมายของพวกเราคือจักรวรรดิ  อย่าให้การเสียผลประโยชน์เล็กน้อยมารบกวนงานใหญ่ได้"

    อาเรสเดินไปหยิบโค้กจากตู้เย็น  เขาดื่มมันจนหมด  จากนั้นก็ทิ้งตัวลงนอนบนแคปซูล

    "นายไม่เห็นวิดีโอรึไง  แม่ทัพใหญ่ฝ่ายศัตรู  ดยุคลูซิลิฟเป็นพวกไร้ความสามารถ  มันไม่มีปัญญาควบคุมกองทัพหนึ่งแสนในพื้นที่แคบ  ส่งผลให้กริดมิได้ต่อสู้กับกองทัพหนึ่งแสน  หากแต่เป็นไม่กี่พัน  คนส่วนใหญ่ไม่รู้เรื่องนี้  จึงยกย่องว่ากริดสามารถเอาชนะในการต่อสู้แบบหนึ่งต่อแสน"

    "..."

    "ด้วยชื่อเสียงโด่งดังเกินความจริง  จักรวรรดิย่อมเหลียวสายตาไปมองกริดชั่วขณะ  ในช่องว่างนี้  พวกเราต้องฉวยโอกาสลงมือกับจักรวรรดิ"

    กษัตริย์คนแรกงั้นหรือ
    อาเรสอยากได้มันก็จริง  แต่เขามิได้ยึดติด  เป้าหมายตอนนี้คือการฮุบกลืนจักรวรรดิซาฮารันมาเป็นของตน

    'กริด  ได้โปรดทำตัวโดดเด่นยิ่งกว่านี้อีก'

    คงดีไม่น้อยหากกริดดึงความสนใจจากหมาบ้าแอ็กนัสไปด้วย  อาเรสอมยิ้มมุมปากพร้อมกับล็อกอินเข้าซาทิสฟาย  
    จากบรรดาสมญานามมากมายของเขา  
    สมญานามสุดหายากมีทั้ง 'คนแรกที่สังหารศัตรูหนึ่งหมื่น' และ 'คนแรกที่สังหารศัตรูสองหมื่น'
    นี่คือเหตุผลที่ทั้งกริดและจิสึกะไม่ได้รับสมญานามแม้จะสังหารทัพอีเทอนัลไปมากมาย

    ***

    กิลด์โอเวอร์เกียร์มีจุดอ่อนใหญ่หลวงอยู่หนึ่งข้อ  
    นั่นคือประสิทธิภาพและจำนวนของรถศึกที่ใช้ในสงคราม  รถศึกต้องการเทคโนโลยีและแรงงานจำนวนมากในการสร้าง  รวมถึงช่างตีเหล็กอีกมหาศาล

    ลอเอลเคยเป็นกังวลกับสิ่งนี้มาก  จนกระทั่งเขาค้นพบบางสิ่งจากบรรดาคนงานฟาร์มปิอาโร่
    ผู้เล่นคลาสลับเกรดยูนีคคนหนึ่งซึ่งมีหน้าที่ดูแลและพัฒนาด้านปศุสัตว์ให้กับโอเวอร์เกียร์  
    จ้าวแห่งสัตว์เลี้ยง  เนี๊ยวมง
    ลอเอลเอ่ยปากถามเขา
    มีความเป็นไปได้รึไม่   ที่จะนำสัตว์ใหญ่มาฝึกให้เชื่องและใช้เป็นรถศึกในสงคราม  
    ลอเอลรู้ดี  การฝึกมอนสเตอร์ขนาดใหญ่ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสักนิด  แต่เขาก็กล้าที่จะหวัง  เพราะอีกฝ่ายเป็นถึงคลาสจ้าวแห่งสัตว์เลี้ยงเกรดยูนีค

    เนี๊ยวมงเป็นคนซื่อตรง  เขารีบตอบกลับทันทีว่าเป็นไปได้
    คลาสจ้าวแห่งสัตว์เลี้ยงสามารถฝึกสัตว์ใหญ่พิเศษที่ขนาดเป็นสองเท่าของไวเวิร์นได้สบายมาก  
    แต่สิ่งที่ต้องแลก  ก็นับว่าเจ็บปวดไม่น้อย
    เขาต้องปล่อยสัตว์เลี้ยงแสนรักประเภทสุนัขและแมวทั้งหมดกลับคืนสู่ธรรมชาติ  มอนสเตอร์ขนาดใหญ่พิเศษจะถูกนับโควต้าเทียบเท่ามอนสเตอร์ขนาดปรกติจำนวนสามตัว
        
    'เด็กๆ ที่น่ารักของเรา… พวกเขาจะอดตายเพราะปรับตัวกับสภาพแวดล้อมไม่ได้รึเปล่านะ'

    โดยเฉพาะอย่างยิ่ง  เขาเป็นกังวลกับแมวหางสั้นมาก
    แมวตัวผู้ที่มีนิสัยดุร้ายและเย่อหยิ่ง  มันไม่สามารถหาคู่ครองได้และเป็นโสดจนกระทั่งอายุมาก  

    'หวังว่าเจ้านั่นจะไม่ร้องไห้เพราะคิดถึงเรา…'

    ระหว่างทางเคลื่อนทัพไปยังไรน์ฮาร์ท  สมาชิกโอเวอร์เกียร์พยายามปลอบประโลมเนี๊ยวมง  ผู้กำลังมีสีหน้าตึงเครียดอย่างชัดเจน

    "เด็กๆ ต้องทำได้ดีแน่  พวกเขาเป็นมอนสเตอร์นะ  การได้อยู่กับธรรมชาติอาจสนุกกว่าการถูกจับมาขัง" 

    "ใช่แล้วล่ะ  มอนสเตอร์ต้องอยู่กับธรรมชาติสิ  พวกเขาคงกำลังมีความสุขมากกว่าเดิมหลายเท่า"

    สีหน้าเนี๊ยวมงพลันหม่นหมองลงทันที

    "...นั่นสินะ  การใช่ชีวิตอยู่กับพวกพ้องในธรรมชาติอาจมีความสุขมากกว่า  ไม่ผิดแน่  เด็กพวกนั้นคงมีความสุขมากขึ้นเมื่อได้ไปจากฉัน  ฉันเป็นคนพรากความสุขในวัยเด็กของพวกเขากับมือ"

    "..."

    สมาชิกโอเวอร์เกียร์ต่างชะงัก  
    ดาราชายชาวเกาหลีใต้  คิมโดฮยุน  เขาโด่งดังมากในวงการฮอลลีวูด
    เดิมที  ทุกคนต่างคิดว่าโดฮยุนเป็นคนปรกติเพียงน้อยนิดในกิลด์โอเวอร์เกียร์  แต่ความจริงแล้วไม่ใช่เลย  โดฮยุนไม่ต่างจากมนุษย์ประหลาดคนอื่นในกิลด์  ทั้งกริด  ลอเอล  ฮิวรอย  เรกัส  พีคซอร์ด  แวนเนอร์  ทูน  แค็ทซ์  และอีกมากมาย
    เหตุใดผู้เล่นระดับท็อปของกิลด์ต้องมีสติไม่สมประกอบด้วยนะ

    'หรือกิลด์ของเราจะถูกสาป!'

    'เราไม่ควรไปเกาหลีใต้เด็ดขาด...!'

    ขณะที่ทุกคนกำลังกังวลอย่างเอาจริงเอาจัง  กองทัพก็เคลื่อนพลเข้าใกล้ไรน์ฮาร์ทเต็มที

    แม่ทัพสูงสุด  ลอเอล  เขาส่งเสียงตะโกนหยุดทัพ
    "ข้ารับใช้แห่งมหาเทพสงครามกริดทุกนายเอ๋ย!  ฉันรู้ดีว่า  เลือดแห่งการต่อสู้ของพวกนายกำลังเดือดพล่านดุจดั่งลาวา!  แต่การพักผ่อนนั้นสำคัญเหนือสิ่งอื่นใด  จงจินตนาการถึงลมหายใจของราชินีน้ำแข็งและดับไฟแห่งความร้อนรุ่มนั้นซะ!  พวกเราจะหยุดพักที่นี่ก่อน"

    "...อา"

    ทำไมกันนะ  ทำไมลอเอลถึงออกคำสั่งหยุดทัพให้สั้นกระชับเหมือนแม่ทัพปรกติไม่ได้  มีเหตุจำเป็นใดต้องเสริมข้อความพรรณาเวิ่นเว้อเข้ามา
    บางที  ลอเอลอาจเป็นแม่ทัพแนวหน้าที่ห่วยแตกที่สุด  คำพูดของเขามักส่งผลให้สภาพจิตใจทหารตกต่ำลงเสมอ  
    ที่แย่ไปกว่านั้น  ลอเอลยังหลุดขำพิลึก 'คุคุคุ' นั่นออกมาอีก  
    ตอนนี้  ใบหน้าลอเอลกำลังถูกฝ่ามือของตนปิดไว้ครึ่งหนึ่ง  
    เขายืนหัวเราะคนเดียวจนไหล่สั่น
    
    'ไรน์ฮาร์ท...'

    สองวันหลังจากนี้  ตนจะยึดครองมันและมอบเป็นของขวัญให้กริด  เขานึกไม่สงสัยเลยว่า  ทั้งแผนการและช่วงเวลาที่ลงมือนั้นสมบูรณ์แบบไร้ที่ติ  
    แต่ความเป็นจริง  กลับมีหนึ่งตัวแปรที่ลอเอลคาดไม่ถึง
    การปรากฏตัวขององค์ชายเบนัวต์

    "รีบนำสาวพรมจรรย์มาที่นี่!"
    
    ด้านบนกำแพงไรน์ฮาร์ท  
    เมื่อกษัตริย์อัสลันเห็นกองทัพโอเวอร์เกียร์เคลื่อนทัพเข้าระยะการมองเห็น  มันก็ตัดสินใจได้ทันที

    'เราจะอัญเชิญจอมอสูร!'

Comments

  1. ตอนนท้ายสุดพูดได้อย่างเดียว (คว#@-฿+#-';(9)#) 555+

    ReplyDelete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00