จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 563



    ด้ายเงินถูกรัดตรึงประหนึ่งใยแมงมุม  มันสะท้อนแสงจันทร์จนระยิบระยับงดงาม  แสงสีเงินแพรวพราวส่องแสงราวโคมไฟระย้า  กริดที่ยืนอยู่ใจกลางจึงดูคล้ายกษัตริย์ผู้องอาจน่าเกรงขาม  เขาจ้องมองทุกสิ่งด้วยสายตาเยือกเย็น  ชายหนุ่มมีสีหน้าสงบนิ่งจนน่าขนลุก  ไม่มีใครอยากเชื่อว่า  เขากำลังตกอยู่ในวงล้อมของทหารอีเทอนัลเกือบแสนคน  
    ทั้งผู้ชมทางบ้านและแร้งเกอร์ระดับสูงต่างถูกสะกดจนอยู่หมัด

    "ขอเข้ากิลด์... โอเวอร์เกียร์ได้ไหม"

    มิใช่เพราะกำลังจะตาย  แต่เป็นเพราะเกิดความศรัทธาในตัวกริดอย่างแรงกล้า  ต่อหน้าความน่าเกรงขามไม่รู้จบสิ้น  พวกเขาหวังติดตามรับใช้กริดจากก้นบึ้งหัวใจ  
    แต่กริดกลับเข้าใจผิด  
    คนเหล่านี้ขอเข้ากิลด์ในวาระสุดท้ายของชีวิตก่อนสิ้นลม  แล้วจะให้เขาเชื่อใจได้อย่างไร

    'พวกมันไม่อยากตายสินะ  เลยพูดจาส่งเดช'

    แม้แต่คนสมองทึบที่สุดในโลกก็ไม่มีทางตกหลุมพรางนี้แน่

    'แต่ฉันไม่ใช่ไอ้งั่ง!  หึ!'

    กริดสั่งสมประสบการณ์มากมายจนเริ่มมีความคิดทันผู้อื่น  มิได้เกี่ยวข้องกับค่าวิสัยทัศน์  กริดไม่เชื่อใจแร้งเกอร์ทั้งห้าคนด้วยสัญชาตญาณตนเอง

    "ไม่!  ฉันไม่รับ"

    "...!"

    บรรดาแร้งเกอร์ต่างแสดงสีหน้าอับอาย
    พวกเขาเป็นใครกัน  คนเหล่านี้คือผู้เล่นคลาสระดับสามที่มีเพียงน้อยนิดบนโลก  แต่ละคนล้วนติดท็อป 10 แต่ละคลาสตนเอง  แม้แต่เจ็ดกิลด์ใหญ่ก็ยังตามตื้อให้เข้ากิลด์  ทว่ากริดกลับปฏิเสธทั้งที่พวกตนอุตส่าห์บากหน้าขอร้อง
    คิดได้เพียงเหตุผลเดียว    

    'คงเพราะพวกเราพยายามฆ่าเขา'

    ทุกคนเข้าใจความรู้สึกกริดเป็นอย่างดี  จะมีใครบ้างที่ชื่อใจคนที่หันคมดาบใส่สมาชิกกิลด์  หรือแม้กระทั่งลอบสังหารหัวหน้ากิลด์  ต่อให้เป็นพวกมันก็คงไม่ชอบใจ  อย่าว่าแต่กริดเลย

    'ช่วยไม่ได้แฮะ'

    'วันนี้คงต้องยอมรับความตายแต่โดยดี  แล้ววันหลังค่อยหาโอกาสขอเข้ากิลด์อีกหน'

    แร้งเกอร์ระดับสูงทั้งห้าคนที่ถูกตรึงด้วยด้ายเงินพลันหลับตาลง  พวกเขารอให้กริดลงมือปลิดชีพ  ทว่า  ฝ่ายที่โจมตีกลับไม่ใช่กริด  แต่เป็นทหารเกราะสีทองของดยุคลูซิลิฟ

    ฉึก!

    ฉึกฉึก!

    คมดาบที่ควรจะหันใส่กริด  ยามนี้กำลังฟันแทงร่างกายพวกมันโดยไม่ปราณี  แร้งเกอร์ระดับสูงถูกกริดใช้เป็นโล่กำบัง

    "แค่ก!"

    ทหารเกราะทองล้วนเป็นคลาสระดับสอง  ทหารประจำกายดยุคลูซิลิฟมีพลังโจมตีสูงกว่าทหารอีเทอนัลหลายเท่า

    กึก!

    กริดชะงักเล็กน้อยขณะลงมือสังหารแร้งเกอร์ทั้งห้าคนที่กำลังส่งเสียงโอดครวญ
    ห่างไกลออกไป  ใจกลางจัตุรัสไบรัน  
    ทหารอีเทอนัลกลุ่มหนึ่งกำลังไล่ฆ่าชาวเมืองไบรันอย่างไม่เลิกรา

    'ไอ้พวกระยำนั่น!'

    พวกมันเอาชนะตนไม่ได้  จึงลงกับชาวบ้านไร้ทางสู้แทน!

    'ทำไมกันนะ'

    ทำไมคนอ่อนแอถึงต้องถูกรังแกอยู่ฝ่ายเดียว
    ความทรงจำอันขื่นขมสมัยเรียนลอยเข้ามาในหัว  สีหน้ากริดพลันบิดเบี้ยว  ใบหน้าบูบึ้งน่ากลัวดุจดั่งปีศาจ  สติแทบขาดผึ่งทันใด
    ทว่า  เพียงพริบตาก็ได้สติกลับมา

    'ใจเย็นเข้าไว้'

    หากเป็นกริดคนเก่า  เขาคงพุ่งไปช่วยชาวเมืองโดยไม่รีรอ  แต่ประสบการณ์เมื่อครั้งสร้างคันศรฟินิกซ์แดงได้สอนให้ชายหนุ่มรู้ว่า  ความใจเย็นมีค่ามหาศาลเพียงใด  กริดพยายามสงบสติและครุ่นคิดไตร่ตรอง  
    ประการแรก  เขาจัดการฆ่าทหารเกราะทองที่กำลังรุมโจมตีแร้งเกอร์ทั้งห้าคน  จากนั้นก็ปลดด้ายเงินปล่อยพวกเขาให้เป็นอิสระ

    "..."

    แร้งเกอร์ทั้งห้าคนต่างไม่เข้าใจเมื่อกริดดึงด้ายเงินกลับ  พวกเขาเตรียมใจตายไว้แล้ว  การถูกตรึงนานห้าวินาที  สำหรับกริด  เป็นเวลาที่มากมายเกินพอในการสังหารทุกคนอย่างราบคาบ  ต่อให้แต่ละคนสามารถหลุดพ้นจากใยได้ก่อนห้าวินาทีก็ตาม

    การถูกดาบเดียวจากกริดฟันใส่ย่อมหมายถึงความตาย  กริดจะฆ่าพวกเขาเมื่อไรก็ได้  
    แต่เหตุใดชายคนนี้ถึงไว้ชีวิต

    เหล่าแร้งเกอร์ยังคงสับสนขณะกริดไล่สังหารนักรบเกราะทอง

    "อย่างที่เคยพูดไปข้างต้น  ฉันไม่คิดรับพวกนายเข้ากิลด์  ใครจะยอมเชื่อใจศัตรูที่คิดปองร้ายเมื่อไม่กี่นาทีก่อนบ้าง  ฉันพูดถูกรึเปล่า  แต่ตอนนี้เปลี่ยนใจแล้ว  ฉันจะมอบโอกาสให้พวกนายให้พิสูนจ์ตัวเอง"

    "..."

    "นับแต่นี้ไป  พวกนายต้องสู้เพื่อฉัน  งานแรก  ฆ่าทหารอีเทอนัลและเปิดทางให้ฉันซะ"

    "...!"

    นี่คงเป็นบททดสอบสำหรับการเข้าร่วมโอเวอร์เกียร์  
    ดีแค่ไหนแล้วที่กริดหยิบยื่นโอกาสให้  เป็นโอกาสทองของแร้งเกอร์ทั้งห้าอย่างแท้จริง

    'ทั้งที่เราคิดฆ่าเขา  แต่กลับมอบโอกาสให้พิสูจน์ฝีมือเนี่ยนะ  กริดเป็นชายที่ยิ่งใหญ่อย่างแท้จริง'

    'เข้าใจว่าแล้วทำไมอัจฉริยะทั่วโลกถึงเลือกติดตามกริด'

    กริดมีดวงตาที่มองทะลุปรุโปร่งได้ถึงจิตใจมนุษย์  แร้งเกอร์ทุกคนรีบตอบกลับเป็นเสียงเดียว

    "ด้วยความยินดี!"

    ย่าห์!

    บรรดาแร้งเกอร์รีบล้อมปกป้องกริดทุกทิศทาง  พวกเขาจัดการทหารเกราะทองอย่างไม่ปราณี  คนเหล่านี้เป็นถึงท็อปสิบในแต่ละคลาส  ทหารอ่อนแอของดยุคลูซิลิฟย่อมหมดสิทธิ์ 
    กริดเห็นฉากดังกล่าวจึงโล่งใจ

    'นึกว่าจะถูกหักหลังเสียอีก  โชคดีที่พวกเขาไม่ใช่คนแบบนั้น'

    นี่เป็นผลพวงจากความใจเย็น  กริดตระหนักได้ทันทีว่า  ความสุขุมรอบคอบมีค่ามากแค่ไหน  หากมีคนเหล่านี้คอยดึงความสนใจทหาร  แผนช่วยเหลือชาวเมืองของตนก็ยิ่งมีโอกาสสำเร็จมากขึ้น  ชายหนุ่มนำมีดสิ้นอุดมคติออกมาบัฟพลิ้วไหว  จากนั้นก็รีบมุ่งหน้าไปในจุดที่ชาวเมืองรวมตัวกัน
    
    ***

    'ทหารเกราะทองเป็นแค่เหยื่อล่อ!'

    ดยุคลูซิลิฟรู้ดีว่าความโลภของมนุษย์ไร้ขีดจำกัด  แม้มันจะเป็นถึงลำดับสองของอาณาจักร  เป็นขุนนางที่มั่งคั่งและมีอำนาจล้นเหลือในมือ  ถึงกระนั้นมันก็ยังต้องการร่ำรวยยิ่งกว่านี้  
    ลูซิลิฟคิดว่ากริดคงไม่ต่างกัน  ทันทีที่ทหารกระทองตายและดรอปก้อนทอง  ชายหนุ่มต้องเสียสมาธิไปกับการรวบรวมทองคำแน่  และนั่นจะเป็นการเปิดช่องว่างให้ลูซิลิฟลงมือ

    ณ จัตุรัสใจกลางเมือง
    หลังจากแสร้งทำท่าโจมตีใส่ชาวเมืองไบรัน  ดยุคลูซิลิฟได้แอบวางกับดักทรงพลังและนักรบระดับขุนพลไว้ตามตรอกซอกซอยที่กริดจะผ่าน

    'เจ้านั่นต้องรีบมาปกป้องชาวเมืองแน่'

    จากนั้นก็จะติดกับอย่างจัง!

    "หึหึหึ!"

    ดยุคลูซิลิฟแสยะยิ้มชั่วร้าย  
    ชาวเมืองไบรันที่ถูกเวทมนตร์สาปใบ้ได้แต่สวดภาวนาในใจ

    'ดยุคกริด  ท่านห้ามมาเด็ดขาด!'

    'อย่าได้ติดกับขุนนางชั่วเพียงเพื่อพวกเรา!'    

    หงึกหงึก  หงึกหงึก

    แม้ชีวิตของตนกำลังจะดับมอด  แต่พวกเขากลับเป็นหวงความปลอดภัยของกริดมากกว่าตนเอง  ย่อมต้องเป็นเช่นนั้น  กริดยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อปกป้องชาวเมืองจากทหารนับแสน  จะให้พวกเขาคิดเป็นอื่นคงยาก
    ดยุคลูซิลิฟที่เห็นบรรยากาศหวาดผวาและสิ้นหวังจากชาวเมือง  มันกำลังอมยิ้มอย่างสะใจ
    ขณะเดียวกัน  กลุ่มทหารได้แต่นึกสงสัย

    'พวกเรารับใช้อีเทอนัลไปเพื่ออะไรกัน'

    'จริงอยู่ที่พวกเราเกิดและเติบโตที่อีเทอนัล  ด้วยเหตุนั้น  พวกเราจึงทำงานหนักและจ่ายภาษี  แต่กลับกลายเป็น  อาณาจักรมองเราเพียงมดปลวก'

    'ถูกบังคับเกณฑ์มาเป็นโล่มนุษย์ให้พวกขุนนางในสงคราม...'

    'คร่าชีวิตผู้คนบริสุทธิ์...'

    อาณาจักรที่พวกเขารับใช้  พฤติกรรมไม่เป็นที่น่าพึงพอใจเลยสักนิด  ทหารกว่า 60,000 นายที่ถูกเกณฑ์ล้วนผิดหวังต่ออีเทอนัล  พวกเขาเริ่มเคลือบแคลงสงสัยในเหตุผลการจงรักภักดีของตน  
    ทั้งหมดเกิดจากการกระทำของดยุคลูซิลิฟ

    ดยุคลูซิลิฟมีสายเลือดราชวงศ์อันสูงศักดิ์ไหลเวียนในร่างกาย  ด้วยฐานะของมหาขุนนางแห่งอีเทอนัล  มันควรปกป้องประชาชนอย่างสุดความสามารถ  แต่การกระทำของลูซิลิฟในตอนนี้กลับตรงข้าม  
    ทหารทุกคนที่ถูกเกณฑ์มาล้วนคิดว่า  ขุนนางทุกคนคงเป็นเช่นนี้กันหมด  ในสายตาพวกเขา  ขุนนางทุกคนชั่วช้าเหมือนดยุคลูซิลิฟ

    แล้วกับกริดล่ะ
    ไม่เลย  ชายคนนี้แตกต่างโดยสิ้นเชิง

    ห่างไกลอออกไป

    ฉัวะ!

    เคร้ง!  เคร้ง!

    กริดฟันฝ่าดงศัตรูจำนวนมากเพื่อหวังไปให้ถึงชาวเมือง  แม้ร่างกายจะเต็มไปด้วยบาดแผลและโลหิตทหารสาดกระเซ็นเปรอะเปื้อน  แต่เขากลับยังห่วงใยเพียงชาวเมืองของตน  เหล่าทหารเกณฑ์ต่างคิดว่า  นี่ต่างหากคือเจ้านายที่พวกเขาควรรับใช้

    กลับกัน  ดยุคลูซิลิฟมองว่ากริดเป็นแค่ไอ้งั่ง    

    "เอาชีวิตตัวเองมาเสี่ยงเพื่อปกป้องชาวเมืองต่ำต้อย  ฉันไม่เข้าใจแกเลยสักนิด  แต่ช่างเถอะ  เพราะความโง่เขลาเช่นนี้  ทำให้ฉันมีโอกาสได้รับความดีความชอบมหาศาล"

    ดยุคลูซิลิฟอ่านบรรยากาศของทหารเกณฑ์ไม่ออก  สำหรับมัน  คนเหล่านี้เป็นเพียงมดปลวกต่ำต้อยไร้สมอง  ไม่มีทางลุกฮือขึ้นต่อต้านแน่  
    ขณะกริดกำลังฮึกเหิม  ดยุคลูซิลิฟหยิบธนูออกมาง้างด้วยสีหน้าสุดพึงพอใจ  จากนั้นก็เล็งไปยังชาวเมืองไบรันสาวสวยคนหนึ่ง

    "ถ้าปกป้องพวกมันไม่สำเร็จ... แกจะรู้สึกเสียใจขนาดไหนกันน้า~"

    พรืด...

    มันต้องการเห็นกริดคนเก่งกรีดร้อง  ขณะที่ดยุคลูซิลิฟกำลังแสยะยิ้มชั่วร้ายและใกล้จะปล่อยมือจากสายธนู

    เปรี้ยงงงง!

    เกิดเสียงดังสนั่นขึ้นที่ด้านหลังดยุคลูซิลิฟ

    "เสียงอะไร"

    เมื่อสัมผัสได้ถึงอันตราย  สีหน้าเริ่มซีดเผือด

    ถัดมา

    ฉึก!

    หนึ่งในจอมเวทอาวุโสที่รับใช้ดยุคลูซิลิฟมานาน  ร่างของมันถูกหอกเสียบทะลุทั่งที่ยังมีบาเรียคุ้มกายห่อหุ้ม
    ดวงตาของจอมเวทพลันเบิกโพลง

    'ทะลวงผ่านบาเรียด้วยหอกเหล็กธรรมดาได้ยังไง!'

    ผู้ที่ซัดหอกมาจะต้องเก่งกาจระดับไหนกัน

    จอมเวทที่เหลือและดยุคลูซิลิฟต่างหันไปมองผู้ขว้างหอกเป็นตาเดียว  
    พลทหารคนหนึ่งกำลังยืนเด่นตระหง่าน
    ชุดเกราะหนังเก่าโทรมที่เปื้อนเลือดและฝุ่นโคลน  ชายคนนี้มีใบหน้าหล่อเหล่า  ผมบลอนด์ทองยาวสลวยราวกับสายเลือดขุนนางใหญ่ของทวีป  ไม่เข้ากับชุดซอมซ่อที่สวมเลยสักนิด

    พลทหารอาส  สีหน้าของเขาโล่งใจเมื่อได้เห็นดยุคลูซิลิฟ

    'ในที่สุดก็มาถึง'

    เป็นการเดินทางที่แสนยาวนานและเหน็ดเหนื่อย  อาสนอนไม่พอติดต่อกันมาหลายวัน  สิ่งนี้เกิดการจากเฝ้ารอโอกาสลอบสังหารลูซิลิฟในทุกโอกาส
    ย่อมไม่ใช่เรื่องง่าย  เพราะลูซิลิฟมักรายล้อมด้วยองครักษ์จำนวนมากตลอดเวลา  แต่ในที่สุดโอกาสทองก็มาถึงจากการกระทำสุดบ้าบิ่นของกริด  

    "ฉันจะรีบทำให้มันจบเพื่อนายท่าน"
    
    ระดับความจงรักภักดีของทหารเกณฑ์อีเทอนัลกำลังเสื่อมถอยลงทุกขณะ  ผลลัพธ์จะยิ่งทวีคูณมากกว่าเดิม  หากดยุคลูซิลิฟ  แม่ทัพสูงสุดของกองทัพอีเทอนัลเสียชีวิต
    ทหารเกณฑ์ทุกคนจะถูกปลดปล่อยจากพันธนาการ  สงครามหนนี้จะจบลงทันที  
    อาสย่างสามขุมเข้าหาลูซิลิฟอย่างองอาจ

    "หยุดมันไว้!"

    จอมเวทรอบตัวดยุคลูซิลิฟเริ่มร่ายเวท  แต่ก็สายไปเสียแล้ว  อาสพุ่งประชิดตัวดยุคลูซิลิฟในพริบตา

    "แกนะแก!"

    ขณะที่ชีวิตของมันอยู่ระหว่างความเป็นความตาย

    ซู่ววว!

    หอกที่กำลังจะเสียบหัวใจดยุคลูซิลิฟพลันอันตรธานหายไป  รวมถึงร่างของพลทหารอาสด้วย

    "..."

    มันและจอมเวทอาวุโสต่างตะลึงงัน

    ขณะเดียวกัน

    "น--นายท่าน!"

    ณ เมืองไบรัน

    อัสโมเฟลจ้องมองกริดด้วยสีหน้ากระวนกระวาย  
    เมื่อครู่  กริดใช้ทักษะอัญเชิญอัศวินเรียกอัสโมเฟลมาข้างกาย  
    ขณะนี้กริดกำลังจัดการกับองครักษ์เกราะทองของลูซิลิฟไปสองคน

    "อัสโมเฟล!  เลิกเหม่อได้แล้ว!  รีบทำงานของนายเร็วเข้า!  พักหลังมานี้  เด็กๆ ของฉันรายงานว่านายหายหัวไม่ยอมทำอะไรเลย  ไม่ได้ยินข่าวคราวแม้แต่นิดเดียว!"

    "..."

    ให้ทำงานของตนงั้นหรือ
    อัสโมเฟลรู้สึกไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย  แต่เขาไม่มีเวลาอธิบาย  อัสโมเฟลเพียงพยักหน้าเล็กน้อยและรีบรับมือกับองครักษ์ของดยุคลูซิลิฟ
    กริดรีบอัญเชิญโนเอะ  แรนดี้  และยารุกต์

    'มากกว่านี้อีก!'

    เร็วกว่านี้อีก!
    กลุ่มแร้งเกอร์ระดับสูง  อัสโมเฟล  และสัตว์เลี้ยงที่แสนน่ารักของตน  ทั้งหมดเร่งสปีดขึ้นเพื่อทะลวงผ่านทัพศัตรู  
    ระยะห่างจากกริดและจัตุรัสลดลงในพริบตา  
    เมื่อเห็นโอกาสเหมาะ  ชายหนุ่มรีบเปิดใช้งานร่างมืด  ด้วยความที่ค่าพลังอสูรสูงเกินกว่าหมื่นแต้ม  ร่างมืดจึงแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมหลายระดับ

    "เคลื่อนที่อิสระ!"

    กริดพุ่งตัวหลบอัศวิน  องครักษ์  และกับดักเวทมนตร์มากมายที่ซุ่มซ่อน  นี่คือพลังอันน่าตกตะลึงซึ่งแถมมากับสมญานามวีรบุรุษลับ

    "...!"

    ดยุคลูซิลิฟและกองทัพอีเทอนัลต่างจ้องมองกริดด้วยดวงตาเบิกโพลงราวกับเห็นผี  เกิดเป็นความเงียบงันครู่ใหญ่  ก่อนที่กริดจะเผชิญหน้ากับดยุคลูซิลิฟตามลำพัง

    "แกเองสินะ  ไอ้ขยะที่นำให้ฉันต้องเหน็ดเหนื่อยขนาดนี้"

    พระอาทิตย์ยามเช้าเริ่มส่องแสงด้านหลังกริด  สีส้มของแสงย่ำรุ่งส่องกระทบเส้นผมดำสนิท 
    หลังจากค่ำคืนที่เป็นราวกับฝันร้ายของชาวเมืองไบรันผ่านพ้น  เช้าวันใหม่ที่สดใสและชื่นมื่นก็เข้ามาแทนที่

    "ความรู้สึกของคนอ่อนแอที่ถูกรังแกจนมิอาจขัดขืน...  ฉันจะให้แกได้ลิ้มรสในวันนี้"

    ดวงอาทิตย์แห่งเรย์ดันกำลังเฉิดฉายกลบรัศมีอีเทอนัลจนหมด

Comments

  1. ขอบคุณผู้แบบสนุกมากครับ

    ReplyDelete
  2. สงสัยคับ อัญเชิญอัศวิน มันต้องให้อีกฝ่ายตอบรับก่อนไม่ใช่เหรอ ถึงจะมาได้ หรือมันเป็นเฉพาะผู้เล่นที่เลือกได้

    ReplyDelete
    Replies
    1. กริดไม่ได้อัญเชิญครับอัสโมเฟลอยู่ในกองทัพเพื่อลอบสังหารดยุคอยู่ก่อนแล้วครับ

      Delete
    2. ใช่อันนี้ผมก็สงสัย อ่านมา2รอบก็ยัง สงสัย ผมว่าน่าจะพลาด ต่อให้ค่าความภักดีสูงแค่ไหนก็คงไม่ตอบรับ ถ้าถามว่าทหารทำไมถึงมีกดตอบรับ ตอนสู้ ที่ไซเรน จู้ด ยังกดตอบรับถึงมา ถ้าไม่พลาดก็หน้าจะบบอยู่ใกล้หรือแกม บังคับเลยดึงตัวทันที

      Delete
    3. NPCเหมือนจะไม่มีปุ่มให้กดยืนยันนะครับคือเรียกปุ้บมาเลยเหมือนกับจู๊คที่เรียกมาตอนอาบน้ำเสร็จครับ

      Delete
    4. คิดผิดแล้วครับ ที่จู๊ดมาเลยเพราะสติปัญญามี20. กริดเคยบอกว่า ทำไมไม่ใส่เสื้อก่อนที่จะมา

      Delete
    5. นี่คิดว่าเพราะอยู่ใกล้เลยอาจจะเป็นแบบบังคับ

      Delete
  3. This comment has been removed by the author.

    ReplyDelete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00