จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 552

    'คันศรฟินิกซ์แดงของเราจะกลายเป็นอาวุธอันดับหนึ่งโลก'

    กริดมั่นใจกับข้อนี้มาก  
    เป็นเพราะเขาทุ่มเทแรงกายใจให้กับมันทั้งหมดงั้นหรือ
    ไม่เลย  ความเชื่อมั่นของกริดมิได้มีรากฐานจากสิ่งที่เล็กน้อยเช่นนี้  หากแต่มาจากสาเหตุอื่นหลายปัจจัย
    
    'เหตุผลแรก'

    นี่คือรูปทรงที่ดีที่สุดของอาวุธประเภทธนู  ไม่เคยมีธนูชนิดใดสมบูรณ์แบบเท่านี้มาก่อน  แม้แต่คันศรฟินิกซ์แรงรุ่นต้นแบบก็ยังด้อยกว่า  
    กริดคาดว่า  รุ่นต้นแบบน่าจะมีเกรดสูงถึงระดับมิธ

    'เหตุผลที่สอง'

    วัสดุที่ใช้สร้าง  มูลค่าและประสิทธิภาพของมันยอดเยี่ยมชนิดที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน  ทั้งไม้ฟอสฟอรัสขาวและลมหายใจฟินิกซ์แดง 
    โดยเฉพาะลมหายใจฟินิกซ์แดง  สิ่งนี้คล้ายคลึงกับอดามันเที่ยม  โลหะแห่งเทพที่มีเฉพาะในโลกเทพเท่านั้น  
    ลมหายใจฟินิกซ์แดงก็เป็นไอเท็มจากโลกแห่งเทพเช่นกัน  ทว่า  เป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่า  ลมหายใจฟินิกซ์แดงไม่เพียงมีเฉพาะในโลกของเทพ  แต่ยังเป็นถึง 'ส่วนหนึ่ง' ของเทพ  

    'เหตุผลที่สาม'

    สมาธิของกริดอยู่ในระดับสูงสุดตลอดสามวันที่ผ่านมา
    ไม่เคยมีการสร้างไอเท็มครั้งใดเลย  ที่ทักษะความอดทนของช่างตีเหล็กในตำนานแสดงผลถึงสี่ครั้งภายในระยะเวลาเพียงสามวัน  นี่คือหนแรก

    'เป็นเพราะทักษะความอดทนของช่างตีเหล็กในตำนาน  อาการเหนื่อยล้าของเราจึงหายเป็นปลิดทิ้ง  และมีสมาธิจดจ่อกับผลงานได้โดยไม่ต้องหยุดพัก'

    เป็นการรวมสุดยอดสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมเข้าไว้ด้วยกัน
    เมื่อซ้อนทับหลายชั้น  ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดย่อมอุบัติ
    
    ชิ้ง~

[ ท่านมิอาจถลุง <ลมหายใจฟินิกซ์แดง> ได้มากกว่านี้อีกแล้ว  มันอยู่ในรูปร่างสมบูรณ์แบบที่สุด ]

[ ลมหายใจฟินิกซ์แดงที่ถูกเสริมประสิทธิภาพ ]
    ออร่าของฟินิกซ์แดงถูกเสริมประสิทธิภาพโดยช่างตีเหล็กในตำนาน 'กริด'
    เพิ่มค่าต้านทานไฟ 40% เมื่อเก็บในช่องสัมภาระ
    สามารถผสานเข้ากับไอเท็มที่มีออร่าของฟินิกซ์แดงเข้มข้นได้
    แต่เงื่อนไขก็คือ  ไอเท็มดังกล่าวต้องมีพลังธาตุไฟรุนแรง    
น้ำหนัก : 2

    ลมหายใจฟินิกซ์แดงที่ถูกเสริมประสิทธิภาพ  มันกำลังแผ่ออร่าเปลวเพลิงร้อนแรงยิ่งกว่าเก่าหลายเท่า
    ไข่มุกทับทิมสีแดงสด  ยามนี้กำลังลุกโชนร้อนแรง  สว่างไสววูบวาบ

    'เอาล่ะ  ถัดไปคือคันธนู'

    ชายหนุ่มลงมือเร่งอุณหภูมิเตาหลอมให้ร้อนยิ่งขึ้น  ตอนนี้เขามีความรู้ในการรับมือกับไม้ฟอสฟอรัสขาวอย่างเต็มเปี่ยม  ขั้นตอนสุดท้ายเหลือเพียงการประกอบเขามิโนทอร์เข้าไปอย่างใจเย็น
    
    'ตั้งสติเข้าไว้...  สหายของเราคงอดทนได้อีกสักพัก  ถึงจะไม่มีเราอยู่ด้วยก็ตาม  ต้องทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด'

    กริดไม่รู้ตัวเลยว่า  การที่เขามีสมาธิมากขนาดนี้ได้  เป็นเพราะจิตใจของตนพัฒนาขึ้นจากสมัยอดีตหลายเท่า  
    แม้พวกพ้องจะตกอยู่ในอันตรายโดยที่ตนมิอาจยื่นมือเข้าสอด  แต่กริดกลับยังใจเย็นได้อย่างน่าประหลาด  ส่วนหนึ่งเป็นเพราะความเชื่อใจในตัวสมาชิกระดับขุนพลของโอเวอร์เกียร์  และส่วนหนึ่งมาจากเจตจำนงอันแรงกล้าของช่างตีเหล็ก  เขาไม่กังวลว่าจะเกิดสิ่งเลวร้ายขึ้นกับพวกพ้องเลยสักนิด  
    ระหว่างขั้นตอน  กริดบรรจงใช้งานอุปกรณ์เครื่องมือหลายชนิดด้วยความปราณีต

    ฉ่าาาา!    

    "..."

    เขาจ้องมองไอน้ำที่ระเหยจากการนำท่อนฟอสฟอรัสร้อนมาแช่น้ำ  
    ไอน้ำงดงามได้ขนาดนี้เชียวหรือ  กริดไม่เคยเห็นมาก่อน
    มันคือไอน้ำที่กำลังเปล่งประกายวิบวับ  เหมือนกับหมู่ดาวยามค่ำคืนไม่มีผิด

[ ทักษะ <ความอดทนของช่างตีเหล็กในตำนาน> แสดงผล ]

    "...ดีมาก"

    เป็นอีกครั้งที่ทักษะนี้ทำงาน
    กริดฉีกยิ้มกว้างเมื่ออาการเหนื่อยล้าหายเป็นปลิดทิ้ง  สมาธิกลับมาจดจ่อภาพตรงหน้าอีกครั้ง  ช่างตีเหล็กค้อนขาวต่างพากันทึ่งกับสีหน้ามีชีวิตชีวาของกริด  
    จะมีใครในโลกบ้าง  ที่สามารถตีเหล็กติดต่อกันสี่วันเต็มโดยไม่หยุดพัก  
    แถมยังยิ้มอยู่...

    ช่วงบ่ายถัดมา

[ ทักษะ <ลมหายใจช่างตีเหล็กในตำนาน> แสดงผล ]

    กริดได้รับข้อความอันแสนน่ายินดีหลังจากเสร็จสิ้นขั้นตอนสุดท้าย  ชายหนุ่มนำลมหายใจฟินิกซ์แดงผสานเข้ากับคันศรฟินิกซ์แดงที่เสร็จสิ้น  
    ทันใดนั้น  ออร่าเปลวเพลิงปริมาณมหาศาลพลันระเบิดท่วมรอบคันศรสีขาวบริสุทธิ์  กริดได้แต่สวดภาวนาให้ตนเองได้พบข้อความ 'ท่านสำเร็จสร้างไอเท็มเกรดเลเจนดารี' 

    'ได้โปรด!'

    จงออกมาเป็นเกรดเลเจนดารีด้วยเถิด!

    ...อาจเป็นคำร้องขอที่มากเกินไป  เขาควรภาวนาให้เป็นเกรดยูนีคมากกว่า

    'ใช่แล้ว  จากนั้นค่อยใช้ทักษะอัพเกรดไอเท็มเพื่อยกระดับให้เป็นเลเจนดารี'

    ขณะที่กริดเริ่มถอดใจ

    ชิ้ง~~!

    ชั่วพริบตาที่คันศรฟินิกซ์แดงยอมรับลมหายใจฟินิกซ์แดงเข้าไปหลอมรวม  ธนูสีขาวนวลของกริดได้แปรเปลี่ยนเป็นสีส้มอมแดง  สีของมันร้อนแรงประหนึ่งดวงอาทิตย์ที่ไม่มีวันมอดดับ
    จากนั้น...

[ เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น! ]

    "..."

    เหตุการณ์ไม่คาดฝันคืออะไร
    กริดที่กำลังตั้งความหวัง  บัดนี้เกิดอาการเสียวสันหลังวาบ

    'เชี่ยไรอีกเนี่ย...'

    เขาถูกเกมนี้หักหลังมานักต่อนัก  นับครั้งไม่ถ้วน  มิใช่แค่ครั้งหรือสองครั้ง  ดังนั้นกริดจึงมีภูมิต้านทานเหตุการณ์เลวร้ายมากกว่าคนอื่นหลายเท่า  
    เขาเตรียมใจพบกับความผิดหวังรุนแรงที่สุดไว้แล้ว
    แต่น่าเสียดายที่ดันออกมาเป็นสิ่งตรงข้าม

[ ไอเท็มที่ท่านสร้างขึ้นมีระดับสูงกว่าเลเจนดารี ]
[ การข้ามขีดจำกัดในครั้งนี้  เป็นผลมาจากองค์ประกอบที่เหมาะสมร่วมกันของสูตรการผลิต  วัสดุ  และความตั้งใจของผู้สร้าง ]

    "...อะ--!!"

    ชายหนุ่มพลันย้อนนึกถึงบางสิ่งในอดีต
    ช่วงระหว่างเลือกตั้งสันตะปาปาองค์ใหม่  ตอนนั้นเขาหาวิธีผนึกหอกไลฟาเอลเพื่อช่วยชีวิตอิสซาเบล  ขณะที่กำลังเพ่งพิจารณาหอกไลฟาเอลโดยละเอียด  ทักษะของกริดได้พัฒนาระดับจาก 'ประจักษ์ศาสตราเทพ' ไปเป็น 'บรรลุศาสตราเทพ' 
    ด้วยเหตุนี้  ทักษะการผลิตของช่างตีเหล็กในตำนานจึงสามารถสร้างไอเท็มเกรดมิธ (เลียนแบบ) ได้ด้วยโอกาสแสนน้อยนิด  ซึ่งต่ำจนไม่น่ามีวันเกิดขึ้นได้  กริดเกือบลืมมันไปแล้ว

    'ไม่คิดไม่ฝันมาก่อน...'

    นี่คงเป็นวินาทีที่ไอเท็มเกรดมิธ (เลียนแบบ) ถือกำเนิดขึ้นสินะ  กริดรู้สึกดีใจจนอยากกระโดดโลดเต้น  เป็นผลลัพธ์ที่เกินความคาดหวังไปมาก  ชายหนุ่มกำลังถูกซัดโถมด้วยอารมณ์ตื้นตันใจอย่างเต็มอก
    แต่ความจริงแล้ว  ผลลัพธ์มิใช่ดังที่เขาคิด  
    ไอเท็มที่กริดสร้างมิใช่เกรดมิธ (เลียนแบบ)

[ ขอแสดงความยินดี! ]
[ ท่านคือผู้เล่นคนแรกที่สร้างไอเท็มเกรดมิธสำเร็จ! ]

[ ท่านได้รับสมญานาม <ถูกเฝ้ามองโดยเทพ> ]

[ ทักษะ <(บรรลุศาสตราเทพ) การผลิตของช่างตีเหล็กในตำนาน> พัฒนาไปเป็น <(ประจักษ์เทคนิคเทพ) การผลิตของช่างตีเหล็กในตำนาน> ]

    "สุดยอด"

    ดวงตาของกริดพลันลุกวาว  
    มันมิใช่ไอเท็มเกรดมิธ (เลียนแบบ)  หากเป็นแต่เกรดมิธแท้
    ชายหนุ่มตกตะลึงจนหัวใจแทบหยุดเต้น  ภายในหัวสมองขาวโพลนเป็นเวลานาน
    เมื่อได้สติกลับมา  เขารีบตรวจสอบรายละเอียดทักษะทันที
    
[ (ประจักษ์เทคนิคเทพ) การผลิตของช่างตีเหล็กในตำนาน  เลเวล 8 ]
    มีโอกาสสูงที่จะสร้างไอเท็มเกรดแรร์~อีปิก
    มีโอกาสปานกลางที่จะสร้างไอเท็มเกรดยูนีค
    มีโอกาสหายากที่จะสร้างไอเท็มเกรดเลเจนดารี
    หากสภาพแวดล้อมและองค์ประกอบครบถ้วน  มีโอกาสหายากที่จะสร้างไอเท็มเกรดมิธ (เลียนแบบ) และมิธ
* ค่าสถานะจะสูงกว่าที่ระบุในสูตรการผลิต 21%
* เมื่อไอเท็มเกรดมิธถูกสร้างขึ้น  ค่าสถานะทุกชนิดจะเพิ่มขึ้น 10 แต้มเป็นการถาวร  ค่าชื่อเสียงระดับทวีปเพิ่มขึ้น 1,000 แต้ม
* จะมีเหตุการณ์พิเศษเกิดขึ้นเมื่อท่านสร้างไอเท็มเกรดมิธทุกสามชิ้น (1/3)

    "..."

    กริดที่กำลังดีใจสุดขีด  บัดนี้พลันหุบยิ้ม
    ทักษะที่ได้รับมาใหม่  ทำไมถึงกลายเป็นบทลงโทษไปเสียได้!

    "บ้าจริง… การสร้างไอเท็มเกรดเลเจนดารีจะไม่มอบค่าสถานะอีกแล้ว"

    เดี๋ยวก่อน  จะกังวลไปทำไมกัน
    พูดเหมือนตนสามารถสร้างไอเท็มเกรดเลเจนดารีได้ทุกวัน  มันคือเรื่องที่นานครั้งถึงจะอุบัติ  ตอนนี้ควรดีใจกับไอเท็มเกรดมิธตรงหน้ามากกว่า  
    ถึงกระนั้น  กริดก็ยังห่อเหี่ยวด้วยสีหน้าเจ็บปวด  
    
    'อนาคตต้องไม่ง่ายแน่...'

    จะมีเหตุการณ์พิเศษเกิดขึ้นเมื่อสร้างไอเท็มเกรดมิธครบทุกสามชิ้น
    ทำไมกันนะ  ทำไมกริดถึงคิดว่ามันจะกลายเป็นบทลงโทษอันแสนหนักหน่วงในอนาคต
    
    "เกมเกาหลีบัดซบ"

    เอาเปรียบผู้เล่นเกินไปแล้ว  ทั้งที่เขาจ่ายรายเดือนครบตามกำหนดเหมือนคนอื่น  แต่กลับถูกปฏิบัติอย่างไม่เท่าเทียมเช่นนี้  สมกับเป็นเกมออนไลน์ค่ายเกาหลีซะจริง
    ชายหนุ่มยังไม่ทันได้อ่านรายละเอียดของธนู  เขาพลันถูกขัดจังหวะโดยเสียงผู้คนโหวกแหวกดังจากด้านนอก

    "อ--อสูร...!"

    "อสูรหูแหลม!"

    "..."

    เกิดความโกลาหลที่หน้าทางเข้าโรงตีเหล็ก
    ช่างตีเหล็กค้อนขาวต่างส่งเสียโหวกแหวกอย่างหวาดผวา

    'อสูรหูแหลม...'

    จะมีมอนสเตอร์ตนใดทำให้พวกช่างตีเหล็กหวาดกลัวได้อีก
    กริดรีบชักวิญญาณดาบออกมาถือ  จากนั้นก็เดินออกไปด้านหน้าโรงตีเหล็ก  แต่เมื่อได้เห็นภาพตรงหน้า  ชายหนุ่มพลันดวงตาเบิกโพลง
    
    "สติกส์!"

    อสูรหูแหลมที่ช่างตีเหล็กต่างหวาดกลัว  ความจริงแล้วคือสติกส์  คนที่กริดเฝ้ารอการมาถึงอยู่แสนนาน
    แต่ว่า...
    
    "ทำไมนายถึงถูกเข้าใจผิดว่าเป็นอสูรหูแหลมไปได้"

    เอลฟ์คือเผ่าพันธุ์ชั้นสูงของโลกใบนี้  เอลฟ์เป็นที่รักของธรรมชาติ  พวกเขาล้วนรักความสงบและเป็นอริรุนแรงกับเผ่าอสูร  จากประวัติศาสตร์  มวลมนุษยชาติจะให้ความเคารพนับถือและมอบความรักให้กับเอลฟ์อย่างไม่สิ้นสุด  จึงน่าแปลกที่ช่างตีเหล็กค้อนขาวดันกล่าวหาว่าสติกส์เป็นอสูร

    สติกส์รีบยื่นแขนออมาหากริด

    "กระผมเองก็มิทราบ  ทวีปตะวันออกมีปริศนามากมายที่ยังไม่ถูกไขกระจ่าง  ดังนั้นรีบกลับกันดีกว่า"

    ตอนนี้ไม่ใช่เวลาคิดเรื่องทวีปตะวันออกอีกแล้ว  พวกพ้องของตนต่างหากที่สำคัญ  ชายหนุ่มรีบพยักหน้าและจับมือสติกส์โดยไว
    ทันใดนั้น  ชายสองคนได้หายไปพร้อมกับแสงสีขาวสว่างจ้า

    ***

    "ป้อมปราการของอาณาจักรเล็กๆ กลับแข็งแกร่งระดับนี้เชียว..."

    กิลด์ยัคคือหนึ่งในเจ็ดกิลด์ใหญ่  และบูบัตก็เป็นเจ้าของดินแดนเล็กๆ แห่งหนึ่ง  มันจึงตระหนักดีว่า  กำแพงสูงตระหง่านของแพเทรี่ยนนั้นทรงอานุภาพเพียงใด

    'กำแพงต้องมีเลเวลแปดขึ้นไปแน่'

    ค่าความคงทนน่าจะใกล้เคียงกับหนึ่งล้านหน่วย  ไม่แปลกที่จะไม่เกิดรอยขีดข่วนจากเวมมนตร์ของผู้เล่นเลเวล 100 หรือ 200
    ในการจะพังมันลง  อย่างน้อยก็ต้องเป็นคลาสจอมเวทระดับสามที่มาพร้อมกับรถศึกชิงปราสาท

    'ถ้าเรามีป้อมปราการแบบนี้บ้างก็คงดี'

    กิลด์ยัคจัดว่ามีกำลังคนและทรัพสินมากพอสมควร  ถึงกระนั้น  พวกมันยังต้องใช้เวลานานถึงห้าเดือนเพื่ออัพเลเวลกำแพงเมืองหนึ่งระดับ  
    และทุกครั้งที่เลเวลอัพ  ระดับต่อไปก็จะยิ่งยากเป็นทวีคูณ  
    หรืออีกความหมายหนึ่งก็คือ  ไม่มีทางที่ผู้เล่นจะสร้างกำแพงเลเวลแปดด้วยตัวเองได้ในเร็ววัน

    'แต่กริดกลับได้มาฟรี… ชิ!'

    บูบัตรู้อยู่แล้วว่าเอิร์ลอัชเชอร์อยู่ฝ่ายกริดตั้งแต่เมื่อครั้งเหตุการณ์รุกรานเรย์ดันในอดีต  กริดฉลาดมากที่ดึงเอิร์ลอัชเชอร์มาเป็นพวกได้ตั้งแต่ต้น  และผลของความพยายามนั้นก็ตอบแทนกริดด้วยสุดยอดป้อมปราการ

    'ก็ไม่อยากจะยอมรับหรอกนะ...'

    กริดมีความสามารถรอบด้านจนน่าเหลือเชื่อ  ไม่เหมือนกับแร้งเกอร์คนอื่นที่มุ่งเน้นไปทางทักษะหรืออำนาจการทหารเพียงอย่างใดอย่างหนึ่ง
    
    'สามารถกุมหัวใจเอ็นพีซีได้ง่าย  นั่นคือพลังที่แท้จริงของกริด!'

    หากปล่อยกริดไว้โดยไม่ขัดแข้งขาเสียบ้าง  เกรงว่าชายคนนี้อาจพัฒนาได้ไร้ขีดจำกัดเกินไป
    ตอนนี้บูบัตต้องขจัดความบาดหมางที่เคยมี  มันหันไปตรวจสอบแร้งเกอร์ระดับสูงที่ร่วมทำภารกิจให้ฝ่ายทีเทอนัล  น่าเสียดายที่อีเทอนัลมีผู้เล่นคลาสระดับสามไม่มากนัก  

    'พวกเราต้องใช้งานรถศึกชิงปราสาทอย่างคุ้มค่า'

    ฝ่ายอีเทอนัลมีรถยิงหินทั้งหมด 12 คัน  แต่พวกมันล้วนไร้ประโยชน์  แพเทรี่ยนมีสุดยอดจอมเวทของโลกประจำการอยู่มาก  ทั้งเซ็ดนอส  ลาเอลล่า  และยูเฟอมิน่า  เวทมนตร์ของพวกเธอสามารถป่นหินยักษ์ให้แหลกเป็นผุยผง
    โดยเฉพาะผู้หญิงที่ชื่อยูเฟอมิน่า  เธอคือขวากหนามสำคัญยิ่ง

    หญิงสาวอัจฉริยะที่ใช้เวทมนตร์ได้ทุกธาตุ  แถมยังเลือกธาตุชนะทางการโจมตีได้ฉับไว  และใช้มันออกมาในจังหวะเหมาะสมที่สุดโดยไม่ต้องร่าย

    'นังปีศาจ… หล่อนเป็นคลาสมหาจอมเวทในตำนานรึไง'

    บูบัตส่ายศีรษะพร้อมกับหันไปมองแม่ทัพฝ่ายอีเทอนัล  
    ยามนี้  ทหารเลวนับพันกำลังพยายามประชิดกำแพงเมือง  แต่ยังไม่ทันจะสำเร็จก็ต้องถูกกลุ่มเวทมนตร์กระหน่ำใส่พร้อมฝนธนูและก้อนหิน 
    สิ่งน่ารำคาญที่สุดคงไม่หนีพ้นหน่วยประจัญบานของสมาชิกโอเวอร์เกียร์ที่นำโดยเรกัส  พวกเขาจะออกมาตะลุมบอนพักหนึ่งและกลับเข้าไป  ทำเช่นนี้วนซ้ำไปเรื่อยๆ  ทุกครั้งจะสร้างความเสียหายต่อทัพอีเทอนัลมหาศาล

    'โชคดีที่ค่าเรี่ยวแรงของจิสึกะถึงขีดจำกัดแล้ว  ตอนนี้เธอกำลังพักผ่อนอยู่  ได้เวลาจัดการหน่วยเรกัสเป็นอันดับแรก'

    หากหน่วยเรกัสถูกกำจัด  การปีนกำแพงแพเทรี่ยนก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป  
    เมื่อตัดสินใจได้  บูบัตหันไปมองเจฟฟ์และราล์ฟ

    "ถึงเวลาพวกเราลงมือแล้วรึยัง"

    "ร่างกายของฉันทื่อไปหมด"

    "ไม่อยากเป็นฝ่ายนั่งดูเฉยๆ แล้ว"

    หน่วยโจมตีของโอเวอร์เกียร์กำลังมัวแต่เล็งทำลายรถศึกชิงปราสาท  เป็นสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยต่อกลุ่มของบูบัตอย่างมาก  
    ในที่สุดพวกมันก็มีโอกาสเผยธาตุแท้สักที

    "เป้าหมายคือเรกัส!"

    "ฆ่าทุกคนที่ขวางทาง!"

    กิลด์ของบูบัต  เจฟฟ์  และราล์ฟเริ่มเคลื่อนไหว  พวกมันสังหารทุกคนที่อยู่ระหว่างทางโดยไม่สนว่าเป็นฝ่ายใด  ทหารอีเทอนัลโชคร้ายถูกลูกหลงไปหลายคน  ขณะเรกัสกำลังสู้อยู่กับทหารคนหนึ่ง  เขารีบโพล่งขึ้นเพื่อบอกให้หน่วยของตนเองตื่นตัว

    "ถอยไปเร็วเข้า!"

    หน่วยเรกัส  ส่วนใหญ่จะเป็นขุนพลของอดีตกิลด์ซิลเวอร์ไนท์  
    ขณะที่พวกเขาทั้ง 30 คนได้ยิงเสียงตะโกนของเรกัสและกำลังขยับตัวหนี

    ครืนนนนน!

    เกิดเสียงดังกึกก้องประหนึ่งฟ้าผ่า  พื้นดินสั่นสะเทือนรุนแรง  
    นี่คือผลจากทักษะของบูบัต  จ้าวแห่งการเปิดศึกในสนามรบ

    "อ๊ากกก!"

    "อั่ก!"

    เลเวลเฉลี่ยของหน่วยเรกัสคือ 230 
    พวกเขาย่อมหลบทักษะ CC วงกว้างของบูบัตไม่พ้น  ร่างของทุกคนต่างถูกยกลอยขึ้นบนอากาศ  เรกัสหลบ CC ได้ฉิวเฉียด  แต่ถึงกระนั้นร่างกายก็ยังชะงักไปครู่หนึ่ง  
    บูบัตกระโจนตามขึ้นไปบนอากาศ  พร้อมกับเหยียดฝ่ามือทั้งสองข้างออกไปหาสมาชิกโอเวอร์เกียร์สองคนที่ลอยเคว้งอยู่

    มันแสยะยิ้มชั่ว    

    เปรี้ยง!
    
    บูบัตคว้าใบหน้าของทั้งคู่อย่างถนัดมือ  จากนั้นก็กระแทกใส่พื้นดินอย่างแรงขณะทิ้งตัวลง
    นี่คือการประกาศสงครามล้างแค้น

• Next
• Previous