จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 559



    ใจกลางจัตุรัสไบรัน

    ชาวเมืองกว่า 9,000 คนถูกมัดและสั่งให้ยืนเรียงแถว  
    ทั้งหมดเป็นคำสั่งของดยุคลูซิลิฟ

    "พวกแกไม่ยอมอพยพออกจากที่นี่  แม้จะรู้ว่าเจ้าเมืองเป็นกบฏอาณาจักร  การกระทำเช่นนี้นับเป็นอาชญากรรมร้ายแรง  ภาษีของพวกแกทำให้กลุ่มกบฏแข็งแกร่ง  ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นขัดต่อความต้องการของราชวงศ์"

    ชาวเมืองไบรันจึงถูกตัดสินว่าไม่ใช่พลเมืองอีเทอนัลอีกต่อไป

    ดยุคลูซิลิฟออกคำสั่ง
    "พวกมันไม่สมควรเป็นพลเมืองอีเทอนัล  จงฆ่าทิ้งให้เกลี้ยง  ฉันขอสั่งประหารตระกูลพวกมันทุกคนอย่างถอนรากถอนโคน  หลุมศพบรรพบุรุษจะถูกขุดขึ้นมาทำลายจนสิ้นซาก"

    "...!"

    ชาวเมืองไบรันคิดว่าสิ่งนี้ไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย  ใครบางคนที่มีความกล้าเริ่มตะโกนร้องขอชีวิต  แต่น่าเสียดายที่พวกเขาไม่มีสิทธิ์ได้พูด  จอมเวทอาวุโสใช้เวทมนตร์สร้างอาการใบ้เป็นวงกว้าง  ทุกคนทำได้เพียงขยับปากพะงาบ

    "อะ--  อุฟ!  อุฟ!"

    แม้แต่คำพูดสั่งเสียส่งท้ายก็ทำไม่ได้งั้นหรือ  ความสิ้นหวังเผยบนใบหน้าชาวเมืองชัดเจน  พวกเขาหวังให้ดยุคลูซิลิฟไว้ชีวิตเด็กเล็ก  แต่แน่นอนว่า  ไอ้ระยำนี่คิดประหารชีวิตทั้งหมดโดยไม่ลังเล

    "ฆ่าพวกมันซะ"

    "อุฟ!  อุฟ!"

    ชาวเมืองพยายามขัดขืนสุดฤทธิ์  แต่พวกเขาขยับไม่ได้เพราะถูกเชือกมัดไว้แน่นหนา  ตกเป็นเหยื่อของธนูโดยสมบูรณ์  ทำได้เพียงยืนรอรับความตาย

    "บ้าไปแล้ว..."    

    เกินกว่าครึ่งของทัพหนึ่งแสนคือทหารที่ถูกบังคับเกณฑ์  พวกเขาสั่นระริกอย่างหวาดกลัวเมื่อได้เห็นฉากสุดสลดหดหู่ตรงหน้า

    "จะฆ่าชาวเมืองทั้งหมดจริงหรือ"

    "เหลวไหลสิ้นดี… ความผิดของชาวเมืองคืออะไร  สาเหตุที่กบฏยึดครองอาณาจักรได้  เป็นเพราะอาณาจักรไร้ฝีมือเองไม่ใช่รึไง  ทำไมถึงโทษว่าเป็นความผิดชาวเมือง  ทำไมถึงโยนบาปไปให้ชาวเมือง!"

    "พวกเขาต้องตายเพียงเพราะอาศัยอยู่ในเมืองของผู้ก่อกบฏ  แต่หลายคนในนั้นก็เป็นเด็กที่ไม่รู้เรื่องรู้ราว!"

    แม่ทัพของตนมีจิตใจอำมหิต  ไม่สนใจชีวิตต่ำต้อยของชาวเมือง  ทันทีที่ทหารได้ตระหนักความจริงข้อนี้  ขวัญกำลังใจกองทัพก็ลดลงจากเดิมหลายระดับ  พวกเขาไม่เชื่อใจแม่ทัพอีก  สภาพจิตใจกำลังย่ำแย่สุดขีด  เป็นผลจากร่างกายที่อ่อนล้าสะสมหลังจากเดินทางมาทั้งวัน  

    'นับแต่นี้ไป  กองทัพจะขับเคลื่อนด้วยความหวาดกลัว'

    อาสแสดงสีหน้าหม่นหมอง

    'คืนนี้คงมีทหารหนีทัพมากขึ้น'

    จำนวนทหารหนีทัพระหว่างทางมีมากถึง 6,000 นาย  และจะกลายเป็น 10,000 นายในไม่ช้า
    อาสหันไปมองแผ่นหลังของดยุคลูซิลิฟ

    'โอกาสของเราขยับเข้ามาใกล้ทุกที'

    รอยร้าวเล็กๆ ที่ดยุคลูซิลิฟไม่ตระหนักถึง  
    ระบบสั่งการจะปั่นป่วนในอีกไม่ช้า  คงดีไม่น้อยหากดยุคลูซิลิฟเผยจุดอ่อนในช่วงเวลาดังกล่าว  
    จากการสังเกตของอาส  ลูซิลิฟจัดลำดับความปลอดภัยตนเองไว้เป็นที่หนึ่ง  รอบกายมันจะมีองครักษ์ 300 นายและจอมเวทอาวุโสอีก 10 คนคอยคุ้มกันตลอดเวลา
    อาสเล็งเห็นว่า  เงื่อนไขเช่นนี้ทำให้ลอบสังหารได้ยากกว่าปรกติ

    'หากโอกาสเหมาะสมไม่มาถึง  เราคงต้องเอาชีวิตเข้าเสี่ยง'

    ถ้าสถานการณ์ดำเนินไปถึงจุดนั้น  เขาก็ไม่ลังเลที่จะสละชีวิตของตนเพื่อผู้เป็นนาย  อันที่จริง  ชีวิตอาสเคยดับมอดไปแล้วหนหนึ่ง  แต่ได้กริดชุบขึ้นมาใหม่อีกครั้ง  เขาจึงไม่ลังเลที่จะสละมันอีกครั้งเพื่อกริด
    
    'ปิอาโร่  ช่วยสานต่อการแก้แค้นจักรวรรดิให้ฉันด้วย'

    ขณะที่อาสกำลังยิ้มอย่างขมขื่น

    ซู่ววว!

    แสงสีขาวสว่างวาบท่ามกลางท้องฟ้าไบรัน  
    กริดปรากฏตัว

    "น--นายท่าน...!"

    พลทหารอาสของกองทัพพาร์ตู  ตัวตนที่แท้จริงของเขาคืออัสโมเฟลแห่งโอเวอร์เกียร์  ชายคนนี้กำลังตกตะลึงสุดขีด

    'นายท่านมาที่นี่ทำไม!'

    ตอนนี้กองทัพที่ประจำการในไบรันล่าถอยไปหมดแล้ว
    เช่นนั้นทำไมนายท่านถึงปรากฏตัวตามลำพัง

    'อย่าบอกนะว่า...'    

    นายท่านกลับมาช่วยชาวเมืองที่กำลังถูกประหาร!

    "ไม่น่าเชื่อ..."

    ลอร์ดคนหนึ่งคิดเผชิญหน้ากับกองทหารแสนนายตามลำพังเพียงเพื่อช่วยเหลือประชาชน  
    หน้าอกอัสโมเฟลพลันร้อนรุ่ม  หัวใจเต้นโครมคราม

    "กระผมอยากเห็นอาณาจักรที่นายท่านสร้างขึ้นเหลือเกิน"    

    กษัตริย์ที่เป็นห่วงชีวิตประชนชนมากกว่าชีวิตตนเอง  สิ่งนี้ฟังดูงี่เง่าในสายตาขุนนางทั่วไป  กษัตริย์คือตัวตนซึ่งมิอาจถูกแทนที่  ถึงกระนั้นกลับคิดปกป้องประชาชนที่หาใหม่ได้ทุกเมื่อเนี่ยนะ
    ย้อนกลับไปวันที่อัสโมเฟลเป็นขุนนาง  เขาคงคิดว่ากริดเป็นกษัตริย์เสียสติ

    แต่ปัจจุบัน  อัสโมเฟลจ้องมองกริดด้วยฐานะทหารคนหนึ่ง  หัวใจของเขาเอ่อล้นความรู้สึกตื้นตันอย่างน่าประหลาด  
    กริดเปรียบดั่งเทพจากสวรรค์ลงมาโปรด
    เขาอยากเห็นอาณาจักรที่กริดสร้างขึ้น  ดังนั้น  ตนต้องปกต้องเจ้านายคนนี้อย่างสุดความสามารถ

    'กระผมจะปกป้องท่าน  จะเป็นแขนขาให้ท่าน  จะฟาดฟันศัตรูตามเจตจำนงของท่าน'

    หมับ!

    อัสโมเฟลกำหอกในมือแน่นจนเส้นเลือดปูด  เขาเริ่มเคลื่อนไหวอย่างเงียบงันท่ามกลางกองทัพนับแสน  เป็นเวลาเดียวกับที่การโจมตีนานาชนิดถาโถมใส่กริดอย่างพร้อมเพรียง

    ***

    "เอ๋...!"

    กริดประหลาดใจทันทีเมื่อมาถึงไบรันพร้อมกับสติกส์  
    เบื้องล่าง  ไม่มีใบหน้าของใครที่คุ้นเคย  เหลือเพียงกองทัพศัตรูซึ่งกระจายอยู่เต็มไบรันไปหมด

    "ไปไหนกันแล้ว..."

    ทันใดนั้น  กริดเหลือบไปเห็นธงอีเทอนัลปักเรียงรายตามกำแพงเมืองพร้อมกับทหารที่สวมเกราะสีทอง

    "...พวกแก!  บัดซบ!"

    กริดตกตะลึงไปครู่ใหญ่

    "พวกเขาตายหมดแล้วหรือ"

    ไอ้ระยำพวกนี้บังอาจยึดครองดินแดนของตน  บังอาจสังหารพวกพ้องและทหารของตนจนหมด!  กริดมิอาจควบคุมอารมณ์  สติของเขาแทบขาดผึ่ง
    แต่เป็นสติกส์  ชายคนนี้กำลังแสดงสีหน้าเหนื่อยหอบจากการใช้เวทมนตร์เคลื่อนย้ายมิติติดต่อกัน  เขารีบระงับโทสะของกริดไว้

    "แฮ่ก… แฮ่ก  ท่านกริดช่วยใจเย็นก่อน  ท่านคิดว่าอัศวินและทหารจำนวนมากขนาดนี้  สามารถเอาชนะได้ง่ายนักหรือ"

    ปัจจุบัน  คนทั้งสองกำลังอยู่ในดินแดนศัตรู  จำนวนทหารของอีกฝ่ายมีมากดุจดั่งหยดน้ำในมหาสมุทร  หากกริดควบคุมอารมณ์ไม่อยู่และทำตามอำเภอใจ  เขาจะต้องจบชีวิตอย่างสูญเปล่า  
    เป็นเพราะสติกส์  กริดจึงใจเย็นลง  เขาตัดสินใจพิมพ์ถามในช่องสนทนากิลด์

    @กริด: เกิดอะไรขึ้นกับหน่วยปกป้องไบรัน

    @ป็อน: พวกเราต้านไว้ไม่อยู่  จึงถอยเพื่อรักษากำลังพลไว้  กริด  ต้องขอโทษด้วยที่พวกเรารักษาไบรันไว้ไม่ได้  นายก็รีบกลับมาเถอะ

    @ไอเบลลิน: พี่กริด!  ทำไมกลับมาเร็วจัง  ไม่ใช่ว่ามีแผนจะอยู่ทวีปตะวันออกนานกว่านี้หรือ

    @แวนเนอร์: ธนูที่นายมอบให้จิสึกะมันสุดยอดมาก!  เจ๋งเป้ง!

    "ฟู่ว..."

    กริดโล่งใจที่ได้เห็นคำตอบจากป็อน  เขากลัวว่าพวกพ้องและกองทัพอันแสนมีค่าจะถูกทำลายจนหมดเกลี้ยง

    "ก็ไม่เลว  นับเป็นการถอนทัพตรงตามกลยุทธ์  พวกเรากลับกันเถอะ"

    ศัตรูมีจำนวนมากเกินไป  กริดไม่เคยเห็นทหารมากมายขนาดนี้มาก่อน  แม้แต่ในทีวีก็ไม่เคย  
    ชายหนุ่มจินตนาการไม่ออกเลยว่า  เขาจะเอาชนะทั้งหมดด้วยวิธีใด

    "...!"

    ทันใดนั้น  ใบหน้ากริดพลันกระตุกเมื่อมองลงไปยังใจกลางจัตุรัสเบื้องล่าง
    ชาวเมืองไบรันกำลังถูกตัดสินโทษประหาร  ไม่ว่าจะเพศหรืออายุใด  ทุกคนล้วนถูกธนูเล็งเตรียมยิง

    กึก...

    กริดชะงักไปเป็นเวลานาน

    สมิธ  อาจารย์ช่างตีเหล็กคนแรกของเขา  ผู้สอนการสร้างลูกธนูยัฟฟ่าจนกริดมีโอกาสได้รู้จักเซดากาห์  
    เด็กหนุ่มที่เคยเหน็ดเหนื่อยซ่อมกำแพงเมืองด้วยกันหลังจากถูกวิหารยาธานบุกถล่ม  
    หญิงสาวที่คอยมอบผลไม้เพื่อเป็นกำลังใจให้เขาเสมอ
    เหล่าคนแก่เฒ่าที่ชอบเล่าเรื่องราวในสมัยก่อนของซาทิสฟายให้ฟัง
    ผู้คนเหล่านี้คือความทรงจำสุดแสนล้ำค่าของกริดในสมัยแรกเริ่ม

    'พวกเขาจะถูกฆ่างั้นหรือ'

    กริดเดือดดาลอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน  เขาคือคนที่หวงแหนสายสัมพันธ์เหนือสิ่งอื่นใด  
    ชายหนุ่มให้อภัยไม่ได้เด็ดขาด
    อีเทอนัลกำลังจะพรากสิ่งที่เขารักไปต่อหน้า

    "ท่านกริด..."

    พลธนูและจอมเวทฝ่ายศัตรูยังคงกระหน่ำโจมตีไม่หยุด  ทั้งกริดและสติกส์ปลอดภัยได้เพราะสติกส์สร้างบาเรียคุ้มครองล้อมรอบไว้
    แต่สติกส์ต้องวิตกหนัก  เพราะยามนี้  บรรยากาศรอบตัวกริดกำลังแผ่จิตสังหารอันรุนแรงล้นปรี่ออกมา

    "สติกส์  นายกลับแพเทรี่ยนไปก่อน"

    กะแล้วเชียว

    "ท่านมีเหตุจำเป็นให้ต้องสู้กับกองทัพที่มากมายขนาดนี้ตามลำพังด้วยหรือ  จำนวนของศัตรูยังไม่เป็นที่แน่ชัด  แต่ย่อมไม่ต่ำกว่าหนึ่งแสนแน่นอน  ผมรู้ว่าท่านกริดแข็งแกร่ง  แต่การสู้กับกองทัพเรือนแสน  ไม่ต่างอะไรกับฆ่าตัวตายเลยสักนิด..."

    "มันไม่น่าอับอายหรอกหรือหากฉันคนนี้คิดหนีทั้งที่ศัตรูอยู่ตรงหน้า  ในฐานะผู้นำโอเวอร์เกียร์  ฉันจะไม่หนีเด็ดขาด  การหนีจะทำให้เกียรติยศของพวกพ้องที่ร่วมสู้กันมานานต้องเสื่อมเสีย"

    กริดรู้ดีว่าตอนนี้มีกล้องถ่ายภาพหลายสิบตัวกำลังจดจ้องตน
    ผู้ชมหลายล้านเฝ้ามองจากทั่วโลก

    'จงบันทึกการกระทำของฉันทุกฝีก้าว'
    
    พลังต่อสู้ของเขาพัฒนาขึ้นอย่างก้าวกระโดดหลังจากการแข่งนานาชาติหนที่สอง  
    ตอนนี้ตนเหมาะกับคำว่าผู้เล่นอันดับหนึ่งแล้วรึยัง
    นี่คือโอกาสทองที่จะได้พิสูจน์ต่อหน้าคนทั้งโลก
    แถมตัวกริดเองก็ยังอยากรู้ว่า  เขาจะทำได้มากน้อยแค่ไหนในการปะทะกับกองทัพหลักแสนตามลำพัง

    'ยังเหลืออีก 20 นาทีจนกว่าเวทตั้งเวลาจะทำงาน'

    มีแต่ต้องสู้อย่างสุดกำลังจนถึงเวลาดังกล่าว

    'ความสำคัญลำดับแรกคือการช่วยเหลือชาวเมือง'

    บราฮัมส่งเสียงกระซิบ

    'นายเข้าใจรึเปล่า  เมื่ออยู่ต่อหน้ามดปลวกจำนวนมาก  จำนวนล้วนไร้ความหมายต่อตำนาน  ตำนานไม่เคยหวั่นเกรงแม้ต้องเผชิญหน้ากับศัตรูหนึ่งล้าน  กับแค่หนึ่งแสน  แถมนายยังมีฉัน  ถ้าพวกเราร่วมมือล่ะก็  แค่แสนเดียว… อันที่จริง  นายไม่ต้องพึ่งฉันก็ยังได้'

    ในซาทิสฟาย  การจะเอาชนะตัวตนที่สูงส่งกว่า  มีแต่ต้องเอาตัวตนระดับเดียวกันมาสู้  และกริดในตอนนี้  มีน้อยคนนักที่จะเทียบชั้นเขา
    ชายหนุ่มพยักหน้าเล็กน้อย

    'ฉันจะเรียกนายทันที  หากสถานการณ์เกินกว่าจะรับมือไหว'

    'เฮ่อะ!  ถ้านายยืนกรานขนาดนั้น  ฉันจะร่วมมือด้วยก็ได้'    

    เมื่อได้คำตอบที่น่าพึงพอใจจากบราฮัม  แววตาของกริดกลับมาขึงขังอีกครั้ง

    'นี่คือโอกาสที่เราจะได้รู้ว่า  ตัวเรายังห่างชั้นกับตำนานรุ่นก่อนอีกมากแค่ไหน'

    คนแรกที่แล่นเข้ามาในหัวคือลันเทียร์บนหมู่เกาะเบเฮ็น

    "แล้วฉันจะกลับไปดวลกับนายใหม่!"

    ซู่ว!

    ยามนี้  กริดมีบอลเวทสีขาวหลายร้อยลูกอยู่รอบกาย
    สิ่งแรกที่ต้องทำคือ  กำจัดพลธนูที่บังอาจเล็งไปยังชาวเมืองไบรันอันแสนล้ำค่า

    "วิชาดาบแพ็กม่า  มายา"

[ พลังโจมตีเพิ่มขึ้นสองเท่า  การโจมตีธรรมดาถูกเปลี่ยนให้เป็นระยะไกล  ผลของบัฟคงอยู่นาน 30 วินาที ]

    "แค่โจมตีธรรมดาก็พอแล้ว"

    บึ้มบึ้ม!

    บึ้มบึ้มบึ้มบึ้มบึ้มบึ้มบึ้มบึ้มบึ้มบึ้ม!

    กริดแยกส่วน 'วิญญาณดาบ' เป็นสอง  จากนั้นก็กวัดแกว่งไม่หยุดพัก  
    ทุกหนึ่งวินาทีจะเกิดคลื่นดาบพุ่งออกจากตัวกริดราวเจ็ดถึงแปดเส้น  ทั้งหมดกระหน่ำลงไปยังกลุ่มนักธนูที่เล็งโจมตีใส่ชาวเมือง

    "อ๊ากกก!"

    เกิดความโกลาหลขึ้นทันใด  ทหารนับร้อยคนเสียชีวิตในพริบตา  
    นับเป็นพลังทำลายที่รุนแรงมาก

    "ชิ!  รีบทำให้เวทบินของมันไร้ผลเร็วเข้า!"

    มาร์ควิสเบร่าออกคำสั่ง  ทันใดนั้น  หน่วยจอมเวทอาวุโสในกองทัพของมันก็เริ่มร่ายมนตร์  เป็นเวทสำหรับรบกวนวงจรไหลเวียนเวทมนต์ในร่างกาย  ส่งผลให้จอมเวททุกคนในรัศมีมิอาจร่ายเวทได้  รวมถึงเวทบินด้วย  
    แต่สิ่งนี้ย่อมไม่มีผลกับกริด  เขามิได้ใช้เวทบินจากวงจรไหลเวียนเวทมนตร์ของตนเอง  แต่มาจากร้องเท้าบราฮัม

    "ทำไมเวทมนตร์ถึงไม่ทำงาน!"

    "ต้องเป็นเพราะของวิเศษแน่!"

    เหล่าจอมเวทต่างลนลานเมื่อเวทใหญ่ของตนกลับเป็นหมัน  
    แต่ฝ่ายทัพศัตรูยังมีทหารอีกแสนนาย  ถึงจอมเวทจะเป็นง่อย  แต่การโจมตียังคงดำเนินต่อไป

    "ยิง!  ยิงต่อไป!"

    ทหารระดับสูงเริ่มมารวมตัวกัน  หลังจากทำลายบาเรียของสติกส์ที่คลุมร่างกริดได้  การโจมตีทุกชนิดก็ซัดโถมใส่กริดอีกครั้ง  ชายหนุ่มกลายเป็นเป้านิ่งทันทีเมื่อไม่มีบาเรีย

    'อยู่บนท้องฟ้าอันตรายเกินไป'

    หลังจากถูกเวทมนตร์ปะทะร่างเล็กน้อย  กริดตัดสินใจสวมรองเท้ากริดพร้อมกับร่อนลงพื้น  ทันใดนั้นก็ต้องตกตะลึง  เพราะแม้จะเลือกจุดที่ลงเป็นตรอกแคบ  แต่ก็ยังไม่วายถูกล้อมจากทุกทิศ

    "ตายซะ!"

    ทหารอีเทอนัลกรูเข้าโจมตีกริด  พวกมันมีจำนวนมากกว่า  จนมองข้ามความแข็งแกร่งของกริดไป

    "ย๊ากกก!"

    ทัพหน้าสุด

    ทหารกว่าสิบนายแทงหอกใส่กริดอย่างพร้อมเพรียง  
    ผู้ชมทั่วโลกต่างตั้งคำถาม  
    กริดจะใช้วิธีใดรับมือสถานการณ์เช่นนี้

    ===  ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะป้องกันการโจมตีจากสิบคนได้

    ===  มันคงไม่ยากหากกริดใช้ทักษะ  แต่การใช้ทักษะอย่างต่อเนื่องจะทำให้เขาไม่เหลือเรี่ยวแรงสำหรับสู้ระยะยาว

    ===  มาเดากันดีกว่า  ว่ากริดจะสังหารได้ทั้งหมดกี่คน

    ===  ทหารของอีเทอนัลมีเลเวลเฉลี่ยอยู่ที่ 160… ก็คง 5,000 ศพกระมัง

    เป็นเวลาเพียงชั่วพริบตา  ชั่วพริบตาที่ผู้ชมทางบ้านเริ่มเขียนคอมเมนต์

    "หลีกไปซะ"

    กริดสลับ 'ความผิดพลาด' ออกมาถือและเหวี่ยงมัน  
    ใช่แล้ว  เหวี่ยงมันด้วยการโจมตีธรรมดา

    เปรี้ยงงง!

    "อ๊ากกกกก!"

    พลหอกอีเทอนัลทั้งสิบนายถูกฟันกวาดและกลายเป็นแสงสีเทาอย่างพร้อมเพรียง

    === ...

    === ...

    กระดานสนทนาบนอินเทอร์เน็ตพลันเงียบสงัดราวกับเซิร์ฟเวอร์ขัดข้อง

    "ชักน่าสนุกแฮะ"

    ขณะที่ทั่วโลกกำลังเงียบงัน  กริดอมยิ้มอย่างตื่นเต้น
    เขาชอบที่ผู้ชมจำนวนมากกำลังให้ความสนใจ  
    แต่ถึงกระนั้นก็มิได้ประมาท  ในกองทัพหลักแสน  ย่อมต้องมีอัศวินและจอมเวทระดับสูงอยู่มาก  กริดจึงไม่คิดประมาทแม้แต่วินาทีเดียว

    แต่ไม่มีใครล่วงรู้เลยว่า  อัศวินคลาสระดับสามที่อยู่ในกองทัพของฝ่ายศัตรู  บัดนี้เริ่มถูกลอบสังหารโดยพลทหารปริศนาผู้หนึ่ง

Comments

  1. นายกับบ่าวเริ่มโหดแล้ว

    ReplyDelete
  2. บราฮัมนายนี่มันซึนดีจริงๆ

    ReplyDelete
  3. บราฮัมสายซึนกับ
    อาสสายแทรกซึม

    ReplyDelete
  4. บราฮัมน่ารักขึ้นทุกวัน อัลโมเฟลก็พยายามสุดตัว ชอบบบ ขอบคุณที่แปลค่ะ

    ReplyDelete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00