จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 549
ม้วนคาถาพากลับ
ไอเท็มติดตัวพื้นฐานสำหรับผู้เล่นซาทิสฟายทุกคน
หากไม่ติดเงื่อนไขใด ผู้เล่นจะเคลื่อนย้ายมิติกลับไปยังพิกัดที่เคยบันทึกไว้ ซึ่งเป็นจุดสำหรับคืนชีพใหม่หากมีการตาย
กริดเองก็มีม้วนคาถาพากลับ เพราะมันคือไอเท็มพื้นฐาน
พิกัดที่กริดบันทึกไว้คือเรย์ดัน
เมื่อไม่นานมานี้ เขาคิดจะเปลี่ยนจุดบันทึกเป็นแพงเจีย
แต่ความคิดนั้นก็หยุดลง เพราะกลัวว่าตนจะเสียพิกัดบันทึกที่เรย์ดันไป และนั่นอาจทำให้กลับทวีปตะวันตกไม่ได้อีกเลย
ใช่แล้ว กริดคิดจะใช้ม้วนคาถาพากลับ ในการเดินทางกลับไปยังเรย์ดัน (ทวีปตะวันตก)
นี่คือการคาดเดาจากกริด และการเดาสุ่มไร้หลักการเช่นนี้ ทำให้กริดกำลังตกอยู่ในภาวะลนลาน
[ ม้วนคาถาพากลับไม่ทำงาน สูตรเวทมนตร์ภายในม้วนคาถา มีอาจส่งท่านข้ามผ่านสองทวีปได้ ]
"...อะไรกัน"
ใช้เคลื่อนย้ายผ่านทวีปไม่ได้!
สิ่งนี้ทำให้กริดแทบคลั่ง
"อะ… เอ่อ"
ชายหนุ่มมีแววตาเหม่อลอย
คำหนึ่งคำดังก้องลอยในหัวซ้ำไปซ้ำมา
บัดซบ!
หนึ่งวันก่อน บนโลกความจริง หรือเทียบเท่าสามวันในซาทิสฟาย
กริดโทรหาบันนี่-บันนี่และอธิบายเรื่องราว
ตนจะกลับทวีปตะวันตกทันทีที่ภารกิจสำเร็จ ดังนั้น ช่วยป่าวประกาศให้คนทั้งโลกได้รับรู้การกลับไปถึงของเขาในเวลาที่ระบุ
กริดหวังให้สื่อทุกช่องทางหันมาจับจองเป็นตาเดียวเหมือนอย่างเคย ใช่แล้ว เขาหวังจะเป็นพระเอก ที่ปรากฏตัวอย่างยิ่งใหญ่ในจังหวะสำคัญ
ในที่สุด เวลานัดหมายก็มาถึง
กริดเสร็จภารกิจ 'ปราบปรามเกราะหนาม (2)' และได้รับด้ายเงินอีกห้าเส้นเป็นรางวัล
เขาพร้อมแล้วที่จะแสดงให้ทั้งโลกได้เห็นถึงความอำมหิต
เขาจะลงโทษศัตรูทุกคนสถานหนัก ที่บังอาจรุกรานดินแดนและพวกพ้องที่ตนรักยิ่ง
แต่ความจริงช่างโหดร้าย
"ม้วนคาถาพากลับไม่ทำงาน!"
กริดเริ่มเหงื่อแตก
บราฮัมส่งเสียงตำหนิจากด้านใน
'นายเดินทางมายังทวีปตะวันออกด้วยวิธีไหน ใช่ม้วนคาถาเคลื่อนย้ายข้ามทวีปรึเปล่า เช่นนั้นแล้ว ขากลับก็ต้องใช้ม้วนคาถาข้ามทวีปเช่นกัน'
"...ม้วนคาถาข้ามทวีป ฉันจะไปหาได้จากไหน"
'จอมปราชญ์ที่มอบม้วนคาถาตะวันออกให้นายไง'
"..."
กริดลองนึกย้อนกลับไปเมื่อครั้งที่เขารับม้วนคาถามาจากสติกส์
สติกส์มีสีหน้าตกตะลึงราวกับเห็นผี ทันทีที่กริดกดใช้งานม้วนคาถาหลังจากได้รับ
ตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่าทำไม
'สติกส์ตะลึงที่เราไม่ยอมรอรับม้วนคาถากลับทวีปตะวันตกเสียก่อน...'
'...'
"..."
เป็นสถานการณ์ชวนอึดอัด ไม่มีสิ่งใดต้องพูดกันอีก
กริดถอนหายใจ เขากำลังรับผลกรรมจากความเลินเล่อในอดีต
'เราควรสุขุมมากกว่านี้ แทนที่จะเอาแต่ก่อเรื่องผิดพลาดซ้ำไปมา...!'
น่าสมเพชฉิบ!
กริดเริ่มกุมขมับและดึงผมอย่างฉุนเฉียว
บราฮัมส่งเสียงอีกครั้ง
'ใช่แล้ว นายมันน่าสมเพช แต่ตอนนี้ใช่เวลาสำหรับกล่าวโทษตนเองรึไง ทุกคนสามารถทำพลาดได้ทั้งนั้น นอกเสียจากจะเป็นมังกรรึเทพ แม้แต่จอมอสูรและเหล่าอัจฉริยะก็ไม่มีข้อยกเว้น'
"...นายพยายามปลอบใจฉันหรือ"
บราฮัม ชายผู้เย้ยหยันดูแคลนทุกสิ่ง บัดนี้กำลังปลอมประโลมผู้อื่น
กริดแทบไม่เชื่อหู
บราฮัมรีบเปลี่ยนสำเนียง
'อ--อะไรกัน! ไม่ใช่แบบนั้นสักหน่อย! ฉันหมายความว่า ให้นายรีบหาวิธีกลับ ไม่ใช่มัวทำตัวน่าสมเพชเช่นนี้! ฉันทนดูไม่ได้!'
"อา… นายพูดถูก ไม่ใช่เวลามัวทำแบบนี้"
ไม่ควรเสียเวลาไปกับการเหม่อลอย
กิลด์โอเวอร์เกียร์กำลังถึงขีดจำกัด และศัตรูมีจำนวนไม่สิ้นสุด
บางที พวกเขาอาจใกล้เสียดินแดนเต็มทีแล้ว
กริดต้องรีบหาทางกลับทวีปตะวันออกโดยเร็ว
ชายหนุ่มครุ่นคิดอย่างหนัก แต่เพียงไม่นานก็นึกขึ้นได้ อันที่จริง มันก็ไม่ใช่เรื่องยากเย็นขนาดนั้นอยู่แล้ว
"ก็แค่โทรศัพท์เองนี่หว่า"
ข้อความส่วนตัวระหว่างสองทวีปถูกตัดขาด กริดไม่สามารถติดต่อใครในทวีปตะวันตกได้เลย แม้กระทั่งทักษะอัญเชิญอัศวินก็ไม่ทำงาน
ชายหนุ่มล็อกเอาต์ จากนั้นก็โทรข้ามประเทศไปหาลอเอล
>> นายท่าน กระผมดีใจที่ท่านติดต่อมา แต่ตอนนี้กำลังวุ่นอยู่ในเกม แทบไม่มีเวลาว่างเลย
"..."
>> กระผมจะไม่ลืมบาปแสนสาหัสในวันนี้ ตราบจนกว่าชีวิตจะหาไม่และกระดูกเริ่มผุกร่อน กระผมจะลงโทษตนเองสถานหนักทุกวันไปตลอดกาล
เป็นภาษาเกาหลีที่คล่องแคล่วสละสลวยจากลอเอล แต่ล้วนไร้สาระ
กริดขมวดคิ้วทันที
"ถ้านายไม่ค่อยว่าง งั้นฉันจะรีบพูดก็แล้วกัน ฉันอยากให้นายนำม้วนคาถาทวีปตะวันออกจากสติกส์ เดินทางมาหาฉันที่นี่ จากนั้นก็รับฉันกลับไปยังทวีปตะวันตก"
>> อะไรนะ… อย่าบอกว่า นายท่านเดินทางไปยังทวีปตะวันออกโดยไม่ได้พกม้วนคาถาสำหรับขากลับ ไม่น่าจะมีใครโง่ขนาดนั้นได้นี่นา
"ฉันนี่ไง"
>> คุคุ! ตายแล้ว ตายแล้ว! นายท่านช่างสุดยอด! รู้รึไม่ว่า การอยู่นอกเหนือสามัญสำนึกของผู้คนนั้นยากลำบากเพียงใด นายท่านมีพรสวรรค์ในด้านนี้อย่างเต็มเปี่ยม คนธรรมดาไม่มีทางแหกกรอบของความคิดปรกติได้แน่
"...รีบวางสักที รีบเข้าเกม แล้วรีบมารับฉันเร็วเข้า"
>> ขออภัยด้วย แต่นั่นคงเป็นไปไม่ได้
"อะไรนะ อ้อ! เข้าใจล่ะ นายกำลังอยู่ระหว่างสงครามใช่ไหม ถ้าอย่างนั้นก็ส่งใครสักคนมารับฉันแทนเร็วเข้า"
>> หามิได้ กระผมคือทาสรับใช้ของท่าน ยินดีที่จะรับใช้ในทุกสถานการณ์โดยไม่เกี่ยง ที่บอกว่าเป็นไปไม่ได้ เพราะตอนนี้สติกส์ไม่อยู่ที่นี่
เขากำลังพูดอะไรอยู่
"หมายความว่ายังไง สติกส์ไปไหน"
>> สติกส์ไม่เพียงมีความรู้มหาศาล แถมพลังเวทยังสุดยอด กระผมจึงให้เขาออกไปทำงานพิเศษ
"งานอะไร"
>> กระผมบอกให้สติกส์ออกคำสั่งกับชนเผ่าอัล รวมถึงองค์หญิงฮวาริน ให้ลอบโจมตีใส่กองทัพอีเทอนัลจากด้านหลัง เมื่อเสร็จภารกิจแรก สติกส์ต้องรีบเดินทางไปยังอาณาจักรไซเรนต่อทันที
ชนเผ่าอัล ชนกลุ่มน้อยที่กริดเคยช่วยเหลือจากจักรวรรดิ
พวกเขาเกิดมาพร้อมพลังเวทอันสูงส่ง โดยเฉพาะคนของราชวงศ์
หากได้สติกส์คอยชี้นำ พรสวรรค์เวทมนตร์ของชนเผ่าอัลจะถูกยกระดับราวกับติดปีก
กริดคาดเดาการกระทำของลอเอลได้เพียงครึ่งเดียว
แต่อีกครึ่ง เขาเดาไม่ออกเลยสักนิด
"ทำไมถึงต้องไปไซเรนหลังจากนั้น"
>> ไปตามใครบางคนที่กำลังทำฟาร์มอยู่ใต้ทะเล
ทำฟาร์มใต้ทะเล
บนโลกนี้ กริดรู้จักเพียงคนเดียว
"ปิอาโร่..."
>> ถูกต้อง
หนึ่งสิ่งที่ NPC แตกต่างจากผู้เล่นโดยสิ้นเชิง
NPC จะไม่สามารถรับข้อความส่วนตัวจากผู้เล่นได้
ในการจะสื่อสารกับพวกเขาทางไกล จำเป็นต้องใช้วิธีโบราณเช่นการเขียนจดหมาย รึไม่ก็เวทมนตร์สื่อสารบางชนิด
ไซเรนเป็นอาณาจักรที่ยังด้อยพัฒนา กริดจึงรู้ทันทีว่า เหตุใดลอเอลถึงส่งสติกส์ไปหาปิอาโร่
"ทางที่เร็วที่สุด คือการให้สติกส์นำตัวปิอาโร่กลับมาด้วยเวทมนตร์เคลื่อนย้ายมิติสินะ... แต่ถ้าไซเรนไม่มีปิอาโร่ จะไม่เป็นอันตรายเอาหรือ"
ตั้งแต่แรก เหตุผลที่กริดให้ปิอาโร่อยู่ที่ไซเรน มิใช่เพียงเพื่อทำฟาร์มแค่อย่างเดียว ยังรวมไปถึงภารกิจปกป้องการรุกรานระลอกสองจากกลุ่มบลัดคาร์นิวัลด้วย
ลอเอลหัวเราะเสียงประหลาดทันทีเมื่อได้เห็นกริดเป็นห่วงเป็นใยผู้อื่น
>> คุ...! คุคุ! นายท่านอ่อนโยนขึ้นหน่อยรึเปล่า แต่ขอเตือนความจำกันสักหน่อย นายท่านคิดว่าทำไมเราถึงต้องปกป้องไซเรนในตอนแรก
"ก็เพื่อมอบความปลอดภัย ตามที่ตกลงไว้ในสนธิสัญญา..."
>> ขออภัยที่ขัดจังหวะ แต่ทำไมพวกเราถึงต้องร่างสนธิสัญญาเป็นพันธมิตรกับไซเรน
"ก็เพื่อพัฒนาการของพวกเรา"
>> ถูกต้อง! เช่นนั้นแล้ว ขณะที่พวกเรากำลังจะฉิบหาย เหตุใดเราต้องเป็นกังวลความปลอดภัยของไซเรนด้วย
"..."
>> พวกเราไม่ต้องเป็นห่วงไซเรนในตอนนี้ แถมนักรบเผ่าวารียังจะเข้าร่วมสงครามคราวนี้ในฐานะพันธมิตร เฉกเช่นสมัยพวกเราปกป้องดินแดนของเขาจากบลัดคาร์นิวัล ยามนี้ พวกเขาจะช่วยปกป้องดินแดนของเราอย่างสุดกำลัง
นั่นก็จริง แต่ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะให้นักรบเผ่าวารีเคลื่อนทัพ
พวกเขายังฟื้นฟูจากสงครามไม่เต็มที่
แถมสิ่งที่น่ากังวลยิ่งกว่า...
"ลอเอล นายมีแผนจะเปิดศึกกับอีเทอนัลตั้งแต่ก่อนที่เราจะยึดครองไซเรนแล้วใช่ไหม ถ้าอย่างนั้นช่วยตอบฉันที นายคิดจะให้ไซเรนเป็นเหยื่อสงครามตั้งแต่ต้นอยู่แล้วรึเปล่า"
>> คงตอบไม่ได้ว่าเป็นเหยื่อหรือไม่ ทว่า กระผมไม่คิดจะใช้งานพวกเขาเล็กน้อยในฐานะเพียงลูกธนูหนึ่งดอก หากแต่เป็นในฐานะกองทัพหนึ่งหน่วย หลังจากนี้ มนุษย์จะล้มตายอีกมาก และอีกหนึ่งปัจจัยก็คือ บลัดคาร์นิวัลก็ไม่มีท่าทีรุกรานไซเรนซ้ำสองแต่อย่างใด
"หืม… เข้าใจแล้ว"
กริดมิอาจปฏิเสธหรือโต้แย้งคำพูดลอเอล
อันที่จริง เป็นตัวเขาเองที่ฝากฝังให้ลอเอลทำหน้าที่บริหารแทนทั้งหมด หากดูจากความตั้งใจของลอเอลที่ต้องการรักษาโอเวอร์เกียร์ แผนการของเขาน่าจะสร้างผลลัพธ์ที่ดีที่สุดขึ้นได้
ลอเอลกล่าวคำอำลา
>> กระผมละจากศึกมานานกว่าสี่นาทีแล้ว ถ้าหากนานกว่านี้ เกรงว่าอาจเกิดความสับสนในระบบสั่งการได้ ต้องรีบกลับเข้าไปโดยด่วน
"เข้าใจแล้ว นายทำงานหนักกว่าใครเสมอ แต่อย่าลืมบอกสติกส์ให้มารับฉันทันทีที่เสร็จธุระ ฉันจะรออยู่ในโรงตีเหล็กค้อนขาวของหมู่บ้านแพงเจีย"
>> ขอรับ สติกส์จะไปถึงในอีกห้าวัน
สายตัดไปแล้ว
ผลลัพธ์น่ะหรือ
"บันนี่-บันนี่… ฉันขอโทษที่ทำให้นายกลายเป็นเด็กเลี้ยงแกะ..."
แผนการกลับทวีปตะวันตกต้องชะงักไว้
กริดในปัจจุบันไม่มีโอกาสช่วยเหลือพวกพ้อง ซึ่งกำลังตกที่นั่งลำบากอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนนับแต่ก่อตั้งโอเวอร์เกียร์
ชายหนุ่มอดวิตกไม่ได้
"ใจเย็นเข้าไว้ ต้องเยือกเย็น"
กริดพยายามข่มความรู้สึก
อันดับแรก เขาเปิดอินเทอร์เน็ตและนั่งดูวิดีโอสงคราม เพื่อค้นหาจุดแข็งจุดอ่อนของเพื่อนร่วมทีม ด้วยสายตาของช่างตีเหล็กที่ตนมี
'ยูร่าเปลี่ยนอาวุธหลักเป็นดาบ นั่นถือเป็นเรื่องที่ดี เรามีโอกาสสร้างอาวุธให้เธอได้สักที... ป็อนยังใช้เกราะที่เราสร้างให้ตั้งแต่ห้าเดือนก่อนอยู่อีกหรือ หมอนั่นโชคไม่ดีเลยแฮะ… ความคงทนสนับมือเรกัสคงใกล้หมดลงแล้ว เขาใช้สนับมือของตัวเองคอยบล็อคการโจมตีอยู่เสมอ...'
โดยรวมแล้ว สภาพอุปกรณ์สวมใส่ของสมาชิกโอเวอร์เกียร์ล้วนเข้าขั้นเลวร้าย
สาเหตุหนึ่งเป็นเพราะ ในช่วงหลายเดือนให้หลัง กริดสนใจกับการพัฒนาตนเองจนไม่มีเวลาสร้างไอเท็ม
"ในบรรดาทั้งหมด ผู้ที่ต้องการไอเท็มใหม่มากที่สุด..."
ชายหนุ่มพิจารณาวิดีโอสงครามไบรันอย่างละเอียด
หญิงสาวเซ็กซี่ผิวสีทองยามกระทบแสง เธอกำลังตกที่นั่งลำบากอย่างเห็นได้ชัด สีหน้าหงุดหงิดใจ ธนูในมือไม่เหมาะกับเลเวลและทักษะเอาเสียเลย
"จิสึกะ ฉันจะเริ่มจากเธอ"
แกร่ก
กริดลุกขึ้น จากนั้นก็ทิ้งตัวลงนอนบนแคปซูลและเชื่อมต่อซาทิสฟาย
เขารีบมุ่งหน้าไปยังโรงตีเหล็กค้อนขาวทันที
ช่างตีเหล็กทุกคนรีบหันมากล่าวทักทายกริด ผู้มีพระคุณที่ทำให้โรงตีเหล็กค้อนขาวคว้าชัยในปีนี้
สถานที่แห่งนี้คือโรงตีเหล็กที่ครบครัน มีวัสดุและเครื่องมือเครื่องใช้ตรงตามที่กริดต้องการทั้งหมด ออกจะมากเกินไปด้วยซ้ำ
เคร้ง! เคร้ง!
เปลวเพลิงเตาหลอมกลืนกินไม้ฟอสฟอรัสขาวและลุกโชนโชติช่วง
กริดนั่งลงหน้าเตาร้อนระอุ เขาทุบค้อนไม่หยุดด้วยสมาธิแน่วแน่
บนทั่งเหล็กมีไข่มุกสีแดงสดวางอยู่ มันคือลมหายใจฟินิก์แดง
'สิ่งนี้สามารถผสานเข้ากับไอเท็มได้...'
กริดคาดว่า มีโอกาสเป็นไปได้ที่จะกลั่นไข่มุกทับทิมเม็ดนี้ เพื่อให้มันมีเปลวไฟที่ร้อนแรงยิ่งกว่าเดิม
ชายหนุ่มครุ่นคิด ยิ่งลมหายใจฟินิกซ์แดงร้อนแรง พลังเปลวไฟที่ติดมากับคันศรฟินิกซ์แดงก็จะยิ่งรุนแรงขึ้นหลายเท่า
ดังนั้น กริดจึงเข้าสู่ช่วงเวลาท้าทายครั้งใหญ่ เขาลงมือถลุงไอเท็มหายากที่ดรอปจากเทพ ลมหายใจฟินิกซ์แดง
แน่นอนว่ามันยาก ถึงชายหนุ่มจะมีทักษะระดับช่างตีเหล็กในตำนานและค่าความชำนาญอันสูงลิบ แต่ไอเท็มจากเทพย่อมมีความลึกลับซับซ้อนยิ่งกว่าไอเท็มจากโลกมนุษย์หลายเท่า
มันยากกว่าที่กริดคาดไว้ แม้จะทุ่มสมาธิอย่างเต็มที่ แต่การถลุงลมหายใจฟินิก์แดงก็ยังกินเวลานานสี่วันสี่คืน เป็นงานยากที่สุดนับตั้งแต่กริดกลายเป็นผู้สืบทอดแห่งแพ็กม่าเลยทีเดียว
หากเป็นคนทั่วไป ความอดทนคงหมดลงไปนานแล้ว
แต่สำหรับกริด เขาอัดแน่นไปด้วยความปรารถนาอันแรงกล้าและความรู้สึกผิดต่อพวกพ้อง ชายหนุ่มนำมันมาเป็นแรงผลักดัน
'เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่มีโอกาสถลุงสุดยอดวัสดุของโลก!'
เคร้ง! เคร้ง!
เสียงค้อนของกริด ได้แปรเปลี่ยนให้บรรยากาศโรงตีเหล็กค้อนขาวเข้าสู่ความเงียบสงบถึงขีดสุด
กริดหนอกริด... เป็นเสน่ห์อย่างนึงของเขาเลย
ReplyDeleteเอาธนูใหม่ใส่คลังกิลสิน๊าาาา
ReplyDeleteจิสึกะจะได้ธนูเทพแล้ววว
ReplyDelete