จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 564



   หยาบช้า
   น่าอับอาย
   ไม่พอใจ
   ตกตะลึง
   
   'ฉันจะฉีกมันเป็นชิ้นๆ!'

   ดยุคลูซิลิฟเดือดดาลสุดขีดเมื่อได้พบกริดซึ่งหน้า  
   ตัวมันเป็นใคร
   ลูซิลิฟคือน้องชายของวิสบาเดน  กษัตริย์ก่อนคนก่อน  มีศักดิ์เป็นอาของอัสลัน  กษัตริย์คนปัจจุบัน  
   มันคือผู้มีเชื้อสายราชวงศ์เข้มข้นที่สุดในอาณาจักร  ไม่สิ  ต่อให้ไม่นับสายเลือด  ดยุคลูซิลิฟก็ยังเป็นผู้มีอำนาจสูงสุดของอาณาจักรอีเทอนัล  แม้แต่ขุนนางระดับสูงของจักรวรรดิก็ยังเกรงใจ

   'สามัญชนไร้หัวนอนกล้าดูแคลนเราขนาดนี้เชียวรึ!'

   เป็นสิ่งที่มันยอมรับไม่ได้เด็ดขาด

   "กริด...!  ชักจะมากไปแล้ว!  แกไม่รู้จักแม้กระทั่งมารยาทพื้นฐานทางสังคม!  รู้จักบุญคุณแผ่นดินรึเปล่า!"

   ดยุคลูซิลิฟตะเบ็งเสียงจนหน้าแดงก่ำ  
   ส่วนกริดรีบส่ายศีรษะทันที

   "ต่อให้มีมารยาท  แต่ฉันควรใช้มันกับพวกขยะงั้นหรือ  แล้วบุญคุณแผ่นดินหมายถึงสิ่งใด  อย่าพยายามใช้คำพูดที่เข้าใจยากนักเลย"

   "ก--แกนะแก...!"

   ครั้งแล้วครั้งเล่า!!

   กล้าใช้คำว่าขยะเรียกขุนนางสูงศักดิ์เช่นมันซ้ำไปซ้ำมา  
   ลูซิลิฟนึกสงสัยว่า  กริดยังปรกติดีอยู่รึเปล่า

   'แกไม่รู้รึไงว่าสายเลือดราชวงศ์ยิ่งใหญ่แค่ไหน!'

   ดยุคลูซิลิฟหลงลืมความตึงเครียดของสถานการณ์รอบข้างโดยสิ้นเชิง  โทสะที่มีต่อกริดกำลังสุมอก  
   ทันใดนั้น  ชายหนุ่มหยิบดาบยาวสีดำเล่มหนึ่งออกมา  
   ไม่สิ  มันเหมือนกับดาบไม้มากกว่าดาบยาว  เพราะไม่มีส่วนกั้นแบ่งระหว่างด้ามจับกับคมดาบ  ด้วยตาเปล่ามิอาจแบ่งแยกชัดเจนได้  
   ความตึงเครียดของดยุคลูซิลิฟพลันผ่อนคลาย

   'นั่นสินะ  หมอนี่คงไม่กล้าทำเราบาดเจ็บแน่  มันคงรู้ตัวว่า  หากไม่ยอมจำนนต่อเรา  ตัวประกันทั้งหมดจะต้องตาย'

   "ท่านดยุคลูซิลิฟ!"

   "ปกป้องท่านดยุค!"

   "เฮ~!"

   ขณะที่กริดและดยุคลูซิลิฟเผชิญหน้ากัน  กองทัพอีเทอนัลที่เหลือต่างกรูเข้ามาล้อมกริดไว้  เป็นทหารจำนวนมากเกือบ 90,000 นาย  กริดกำลังตกที่นั่งลำบากอย่างแท้จริง  
   ลูซิลิฟมองกริดเป็นเพียงสัตว์ป่าที่กำลังติดกับดัก

   "จะให้ฉันให้ลิ้มรสความรู้สึกของคนอ่อนแอที่มิอาจขัดขืนงั้นหรือ  เกรงว่า  คนที่ต้องลิ้มรสคงเป็นแกมากกว่านะ"

   ดยุคลูซิลิฟหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดปากและจมูกที่เปื้อนฝุ่น  ซึ่งเกิดจากการเคลื่อนทัพของทหารหลายหมื่น  ท่าทีและจริตของมันสมกับเป็นขุนนางระดับสูง  ตรงข้ามกับกริดโดยสิ้นเชิง  ชายคนนี้คลุกฝุ่นมาตั้งแต่ยังเล็ก  ชีวิตของเขาต้องลำบากตรากตรำ  จะให้กินฝุ่นพวกนี้เข้าไปก็ยังได้

   "แล้วแกจะได้เห็นในอีกไม่ช้า"

   ฟุ่บ!

   ดาบที่ดยุคลูซิลิฟเคยคิดว่าเป็นเพียงดาบไม้  
   +7 วิญญาณดาบ  
   ทันใดนั้น  ทั้งทหารอีเทอนัลและดยุคลูซิลิฟต่างตกตะลึงกับฉากตรงหน้า
   
   "อ--อสูร...!"

   จนกระทั่งเมื่อครู่  ดวงตาทิตย์ยังไม่ส่องแสงในช่วงที่กริดพุ่งตัวเข้ามาใกล้  เงามืดมิดทำให้ไม่มีผู้ใดเห็นร่างจริงของกริดได้ชัดเจน  
   แต่เมื่อพระอาทิตย์ยามเช้ากำลังส่องสว่างเจิดจ้า  ตอนนี้ทุกคนได้เห็นเต็มสองตาแล้ว  

   ความมืดกำลังเลือนหายทีละนิด  ผิวขาวซีดของกริดตัดกับมันเป็นอย่างดี  
   ผิวสีขาวซีด  ดวงตาสีโลหิตแดงก่ำ   ชายคนนี้มีลักษณะตรงกับอสูรที่บันทึกไว้ในตำราทุกประการ  ไม่มีใครมองกริดเป็นมนุษย์ธรรมดาได้อีก
   
   "ด--ดยุคกริดเป็นอสูรงั้นหรือ"

   "นี่คงเป็นที่มาของพลังมหาศาล..."

   ทหารต่างพึมพำคาดเดาต่างๆ นานา  
   สีหน้าของอัสโมเฟลแย่ลงทันทีเมื่อเดินมายืนข้างกายกริด

   'หัวใจของทหารที่เคยถูกกริดสั่นคลอน  บัดนี้อาจแปรเปลี่ยนเป็นความกลัว'

   กริดต้องรีบลบล้างคำครหาเรื่องการเป็นอสูรโดยเร็ว 
   แต่ด้วยวิธีใดกันล่ะ
   ขณะอัสโมเฟลกำลังครุ่นคิด  กริดเองก็ตระหนักได้เช่นกันว่าท่าทีของทหารแปลกไป  พวกเขากำลังเข้าใจผิด  ชายหนุ่มตัดสินใจนำมงกุฏแสงศักดิ์สิทธิ์ออกมาสวม  เป็นมงกุฏของอดีตสันตะปาปาฟรานซ์ผู้ผนึกแมรี่-โรส  แวมไพร์อันดับหนึ่งของโลก
   ความศักดิ์สิทธิ์ย่อมไม่ต้องพูดถึง  รูปลักษณ์ที่ดูคล้ายอสูรของกริดพลันจืดจางลงทันตา

   "โอว..."

   แววตาของเหล่าทหารแปรเปลี่ยนอีกครั้ง  หลังจากความหวาดกลัว  คราวนี้เป็นความทึ่ง  
   กริดเริ่มรำดาบอย่างชดช้อยงดงาม

   "วิชาดาบแพ็กม่า  คลื่นร่ายรำสังหาร"

   ซ่าาาา!

   คลื่นดาบแปดเส้นล้วนพุ่งใส่ดยุคลูซิลิฟประหนึ่งวายุสลาตัน  
   และยังไม่จบเพียงเท่านี้

   "เอาไปอีกหนึ่ง!  คลื่นร่ายรำสังหาร"

   === ...

   นี่พวกตนกำลังดูการฉายภาพซ้ำอยู่งั้นหรือ
   ผู้ชมทั่วโลกต่างสับสนกับสิ่งที่ได้เห็น

   ***

   มีความจำเป็นหรือไม่ที่ทวีปตะวันตกต้องเป็นปึกแผ่นหนึ่งเดียวกัน
   ทวีปตะวันตกมีทั้งหมด 17 อาณาจักร  ประกอบไปด้วยเผ่าพันธุ์หลากหลาย  แต่ท้ายที่สุด  อิทธิพลของจักรวรรดิก็แผ่ขยายจนทั่วทั้งทวีปโดยสมบูรณ์  
   ไม่ผิดนักที่จะเรียกทวีปตะวันตกว่าเป็นดินแดนของจักรวรรดิซาฮารัน  นักปราชญ์บางคนกล่าวไว้เช่นนั้น
   
   พลังอำนาจของจักรวรรดิซาฮารันมากมายมหาศาล  อาณาจักรทั้งหมดต้องส่งบรรณาการถวายทุกปี  ต้องเรียนรู้วัฒนธรรมจักรวรรดิ  และบางอาณาจักรเล็กต้องทำตามคำสั่งอย่างเคร่งครัด

   "...แต่ฉันจะเปลี่ยนรูปการณ์ดังกล่าว  อาณาจักรอีเทอนัลจะต้องโดดเด่นที่สุดใต้ร่มเงาของจักรวรรดิ"

   กษัตริย์คนที่ 14 ของอีเทอนัล  อัสลัน

   มันคือองค์ชายที่ถูกส่งตัวไปศึกษาในโรงเรียนของจักรวรรดิตั้งแต่ยังเล็ก  แน่นอนว่าสิ่งนี้มิได้เกิดจากความสมัครใจ  จักรวรรดิต้องการองค์ชายหนึ่งคนไปเป็นตัวประกัน  และวิสบาเดนก็เลือกอัสลัน  
   ระหว่างศึกษา  อัสลันถูกขุนนางระดับสูงและเชื้อพระวงศ์จักรวรรดิเหยียดหยันดูแคลนมากมาย  มันจึงไม่ต้องการให้ทายาทของตนต้องพบเจอในสิ่งเดียวกัน  
   มันต้องการเปลี่ยนแปลงโชคชะตา

   อัสลันถูกขับเคลื่อนด้วยแรงบันดาลใจที่ยิ่งใหญ่  มันไม่ต้องการให้การตายของเร็น  พี่ชาย  ต้องสูญเปล่า
   หลังจากสังหารเร็นและขึ้นครองราชย์  อัสลันมั่นใจมากว่า  ตนทำตามความฝันสำเร็จแน่  
   มันมั่นใจ  ว่าจะครองบัลลังก์ได้ดีกว่าเร็น

   'เป้าหมายแรก  ต้องเปลี่ยนให้อีเทอนัลกลายเป็นอาณาจักรวางตัวเป็นกลางโดยสมบูรณ์'

   เป็นความท้าทายอย่างมากที่จะดำรงอาณาจักรด้วยตนเอง  โดยไม่ส่งบรรณาการให้จักรวรรดิผู้มีพลังอำนาจล้นเหลือในทุกด้าน  ไม่ว่าจะเป็นเศรษฐกิจ  การทหาร  และวิทยาศาสตร์  
   ด้วยเหตุนี้  อัสลันจึงจับตามองกริดเป็นพิเศษ  มันพยายามวางตัวกับกริดเป็นอย่างดีเพื่อมิให้อีกฝ่ายต่อต้าน  ชายคนนี้คือบุคคลอันตรายที่ไม่ยอมลั่นสัตย์สาบานว่าจะรับใช้ราชวงศ์อีเทอนัล

   แต่ท้ายที่สุด  ความปรารถนาของอัสลันก็ไม่เป็นจริง  กริดก่อกบฏในเวลาต่อมา  และสิ่งเลวร้ายที่สุดก็เกิดขึ้น  ขุนพลอันดับหนึ่งของอีเทอนัล  เอิร์ลอัชเชอร์  หันไปเข้าฝ่ายกริด  
   กษัตริย์อัสลันจมอยู่กับความสิ้นหวังสุดขีด  มันสูญเสียพลังอำนาจไปก่อนจะรวบรวมให้เป็นปึกแผ่น  อีเทอนัลกำลังดำเนินสู่หายนะ

   'การตายของพี่เร็น  เราไม่ควรโยนความผิดให้กริดแต่แรก'

   หลายเดือนที่ผ่านมา  อีเทอนัลกำลังก้าวถอยหลัง  
   เพื่อทวงคืนดินแดนของกริดคืน  อีเทอนัลได้สูญสิ้นทรัพยากรเกือบทั้งหมดไปกับสงคราม  เด็กหนุ่มอายุน้อยยังถูกบังคับเกณฑ์เข้าร่วมรบ  
   ต่อให้เอาชนะกริดได้และอีเทอนัลกลับมาสงบสุขอีกครั้ง  แต่ความเสียหายใหญ่หลวงที่เกิดขึ้นคงไม่พ้นทำให้อาณาจักรล่มสลายอยู่ดี

   "ฮะฮะ… เรามันช่าง… ไร้ความสามารถ"

   กษัตริย์อัสลันกำลังเจ็บปวดใจ

   เหตุผลที่อัสลันสังหารพี่ชาย  เพราะมันมีความฝันและอุดมการณ์ที่ยิ่งใหญ่กว่าราชวงศ์คนใดทั้งหมด  แต่เรื่องราวกลับผกผันเป็นเช่นทุกวันนี้  ความรู้สึกผิดบาปที่ลงมือสังหารพี่ชายได้ทำให้อัสลันเริ่มตรอมใจ  
   มันดื่มไวน์รวดเดียวหมดแล้ว  
   ขณะกำลังรินเพิ่มเข้าไป  ใครบางคนได้เคาะประตู

   มีเพียงน้อยคนในอาณาจักรที่มีสิทธิ์เคาะประตูห้องบรรทมกษัตริย์

   "เข้ามา"

   กษัตริย์อัสลันขานรับด้วยเสียงแหบพร่า
   ชายที่เปิดประตูหลังจากได้รับอนุญาตคือชักสเล่ย์  มันเป็นนักดาบอันดับหนึ่งของอีเทอนัลในปัจจุบัน  และยังเป็นชายที่รับใช้ราชวงศ์ด้วยจิตใจบริสุทธิ์  
   ชักสเล่ย์เป็นหนึ่งในน้อยคนที่รู้ว่าอัสลันคือผู้สังหารเร็น

   "มีแขกพิเศษจากจักรวรรดิมาเยือนขอรับ"

   ชักสเล่ย์กล่าวอย่างสุภาพ  โดยอัสลันตอบกลับด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน

   "ฉันยังจ่ายค่าครองบัลลังก์ไม่พออีกรึไง!  อ้อ...!  จริงสิ  พวกมันคงมาคิดบัญชีความเสียหาย  ที่ฉันทำให้อัศวินหลักเดียวถูกพลทหารฆ่าตายสินะ"

   อัสลันหยิบยืมพลังจักรวรรดิเพื่อขึ้นครองราชย์  
   มันเป็นฝ่ายใช้งานจักรวรรดิ  มิใช่ถูกใช้  อัสลันเชื่อเช่นนั้น
   ทว่าสถานการณ์ตอนนี้กำลังกลับตาลปัด  มันมิอาจหลบหนีโชคชะตาที่ต้องกลายเป็นหุ่นเชิดของจักรวรรดิได้เลย

   "ฮะฮะ… ท่านพ่อคงเสียใจมากแน่  หากได้เห็นลูกไม่รักดีสังหารพี่ชายตัวเองและกำลังทำให้อาณาจักรล่มสลาย"   

   "ฝ่าบาท  ได้โปรดระวังคำพูดด้วยขอรับ"

   อันที่จริง  ชักสเล่ย์โกรธแค้นอัสลันมากเมื่อครั้งสังหารองค์ชายเร็น  แต่ตระกูลของชักสเล่ย์มีหน้าที่ต้องรับใช้กษัรติย์และราชวงศ์อย่างไร้เงื่อนไข  
   บัดนี้  มันกังวลว่าใครอาจได้ยินคำพูดอัสลันเข้า 
   อัสลันจ้องมองชักสเล่ย์ด้วยสีหน้าขื่นขม

   'น่าเสียดายที่เขามีเจ้านายไร้ความสามารถ  พรสวรรค์จึงไม่เจิดจรัสอย่างที่ควรจะเป็น'

   ชักสเล่ย์ไต่เต้าขึ้นเป็นมหาจอมดาบด้วยฝีมือตนเอง  สิ่งนี้หาได้ยากยิ่งแม้ในจักรวรรดิ  ว่ากันว่า  มีมหาจอมดาบน้อยคนนักที่เก่งกว่าชักสเล่ย์  นอกเสียจากปิอาโร่  อัสโมเฟล  และอัศวินสีชาดหลักเดียว

   หากอัสลันบ่มเพาะชักสเล่ย์อย่างถูกต้อง  ชายคนนี้จะกลายเป็นนักดาบอันดับหนึ่งของทวีปตะวันตกได้ไม่ยาก

   ***

   "ไม่ได้พบกันนาน  อาจสายไปสักหน่อย  แต่ขอความยินดีย้อนหลังที่ได้เป็นกษัตริย์"

   "...!"

   กษัตริย์อัสลันพลันตกตะลึงเมื่อเดินเข้ามาในโถงรับแขก  
   หรือเป็นเพราะแขกพิเศษคราวนี้ไม่ยอมคุกเข่าลง  กลับทักทายกษัตริย์ด้วยการพยักหน้าสินะ
   เปล่าเลย  ไม่ใช่แบบนั้น  แขกพิเศษผู้นี้ไม่จำเป็นต้องสุภาพกับกษัตริย์แห่งอีเทอนัลเลยสักนิด!

   "องค์ชายเบนัวต์...!"

   องค์ชายลำดับสามแห่งจักรวรรดิซาฮารัน  เบนัวต์
   แตกต่างจากองค์ชายคนอื่น  เบนัวต์มีชื่อเสียงน้อยมาก  เขาแทบไม่ปรากฏตัวต่อหน้าสาธารณะ  และไม่ชอบออกงานสังคม  
   แถมยังมีตำแหน่งเป็นแค่องค์ชาย  มิได้มีตำแหน่งทางการเมือง  ลำดับการสืบสายเลือดก็ห่างไกลถึงอันดับสาม  
   เช่นนั้นแล้ว  เบนัวต์เดินทางมายังอีเทอนัลด้วยเหตุผลใด

   กษัตริย์อัสลันประหลาดใจกับผู้มาเยือนที่ไม่คาดฝัน
   "นั่นสินะ  ไม่ได้พบกันตั้งแต่ตอนที่ผมยังเรียนอยู่ในจักรวรรดิ  ว่าแต่องค์ชายเบนัวต์  คุณมาทำอะไรที่นี่กันแน่"

   อัสลันกล่าวด้วยน้ำเสียงสุภาพ  
   องค์ชายเบนัวต์ยิ้มตอบอย่างอบอุ่น  

   "พวกเราเป็นอดีตเพื่อนร่วมชั้นกันมิใช่หรือ  เมื่อได้ยินว่านายกำลังเผชิญวิกฤติ  ฉันจึงรีบมาช่วย"

   "วิกฤติอะไร..."

   ไม่สิ  ต่อให้ตนกำลังเกิดวิกฤติ  แต่การที่องค์ชายแห่งจักรวรรดิยื่นมือช่วยเหลือแบบนี้มันออกจะแปลกไปสักหน่อย...

   ขณะกษัตริย์อัสลันกำลังสงสัย  ชักสเล่ย์รีบวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาในโถงรับแขกพร้อมกับตะโกนขึ้น

   "ฝ่าบาท!  เกิดเรื่องใหญ่แล้ว!  หน่วยข่าวกรองรายงานว่า  กองทัพกบฏส่วนหนึ่งกำลังเคลื่อนพลมาที่นี่!"

   "อะไรนะ...!"

   กษัตริย์อัสลันยืนแข็งทื่อเป็นรูปปั้นหิน
   กริดมีกองทัพเหลือพอที่จะตอบโต้ได้อย่างไร
   ถึงจะไม่มากมายก็เถอะ  แต่ตอนนี้ไรน์ฮาร์ทแทบไม่เหลือกำลังทหารสำหรับป้องกันเมือง  เกือบทั้งหมดถูกส่งไปยังสงครามไบรันและแพเทรี่ยน  
   อัสลันรีบหันไปมองเบนัวต์ที่กำลังอมยิ้มอย่างมีเลศนัย

   "นี่คือวิกฤติที่องค์ชายหมายถึงงั้นหรือ"

   เบนัวต์มิได้ปฏิเสธ  
   มันพยักหน้าเล็กน้อยพร้อมกับยื่นหวีให้หนึ่งเล่ม
   ใช่แล้ว  หวี  อุปกรณ์หวีผม

   "นี่คือ..."

   องค์ชายเบนัวต์กระซิบกระซาบข้างหูอัสลันที่กำลังสับสน

   "เป็นเครื่องมือสำหรับอัญเชิญจอมอสูร  ลองดูสักหน่อยก็ไม่เสียหายนี่"

   หลังจากนี้  เบนัวต์มีแผนตามหาตัวปิอาโร่และทวงคืนโล่อะมิทิสต์

Comments

  1. สนุกและค้าง ขอบคุณที่แปลให้ได้อ่านครับ

    ReplyDelete
  2. จอมอสูรตัวเดียวกับตัวที่มีปัญหากับยารุกต์รึเปล่า

    ReplyDelete
    Replies
    1. ตัวที่มีปัญหา​กับยารุกต์ลัมดับ19แต่ตัวนี้ลัมดับ32

      Delete
  3. ถ้ารู้สึกผิดจริงก็ยอมเเพ้เถอะ~~

    ReplyDelete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00