จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 562
ณ ป้อมปราการแพเทรี่ยน
บึ้มบึ้ม!
บึ้มบึ้มบึ้มบึ้ม!
ค่ำคืนกำลังคลืบคลาน
ธนูไฟถูกระดมยิงลงมาจากป้อมโดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุดพัก เกิดเป็นทะเลเพลิงขึ้นทุกหนแห่ง กลางคืนอันมืดมิดพลันสว่างไสว
"บัดซบ...! เหลวไหลสิ้นดี!"
ผู้เล่นสังกัดกองทัพลำดับสี่ของกองทัพอีเทอนัล
พวกมันคิดว่า กองทัพลำดับหนึ่งถึงสามจะทำให้สมาชิกโอเวอร์เกียร์ตกอยู่ในสภาพเหนื่อยล้า และเมื่อถึงคิวตัวเอง ก็จะเป็นเรื่องง่ายในการเข้ายึดครองแพเทรี่ยน
แต่เปล่าเลย พวกมันมาถึงได้เพียงครึ่งวัน กลับต้องพบพานความสิ้นหวังเฉกเช่นสามกองทัพก่อนหน้า
ผู้หญิงที่ชื่อจิสึกะ ในมือของเธอมีคันศรฟินิกซ์แดง บัดนี้ได้ถือกำเนิดใหม่ในฐานะเทพีแห่งคันศรเต็มตัว เป็นฝีมือระดับเดียวกับบเทพ สมกับฉายาเทพีตัวจริงเสียงจริง
การโจมตีระยะไกลเป็นวงกว้างที่รุนแรงและไม่มีวันหยุดพัก!
เธอคืออาวุธทำลายล้างที่มอบความสิ้นหวังให้กองทัพอีเทอนัลได้ไม่รู้จบสิ้น
"พวกเราจะเอาชนะปีศาจนั่นได้ยังไง"
ผู้เล่นกองทัพอีเทอนัลต่างพากันแตกตื่น พวกมันไม่รู้ว่าจะฝ่าฝนธนูเพลิงที่สังหารพวกพ้องเป็นร้อยเป็นพันชีวิตได้ด้วยวิธีใด
"จอมเวทกับพลธนูฝ่ายเรามัวทำอะไรกันอยู่ รีบดับลมหายใจจิสึกะเร็วเข้า! อย่าให้เธอมีโอกาสได้โจมตี!"
ใครบางคงแสดงความคิดเห็นด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด
และคำตอบที่ได้รับกลับมาก็ทำให้สิ้นหวังยิ่งกว่าเดิม
"นายไม่รู้รึไงว่าจิสึกะเป็นเทพีแห่งคันศร เธอคือนักธนูอันดับหนึ่งของโลกเชียวนะ"
"ทักษะการยิงธนูของจิสึกะไร้ที่ติ ทั้งระยะทางและความแม่นยำล้วนอยู่คนละมิติกับพวกเราโดยสิ้นเชิง"
"พวกเราต้องเข้าไปใกล้เธอในระยะ 200 เมตรถึงจะเริ่มโจมตีได้ แต่จิสึกะไม่ยอมให้ทำแบบนั้นแน่ ไม่เพียงจะยิงได้ไกลกว่า แต่เธอยังอยู่ที่สูง"
"..."
แพเทรี่ยนคือป้อมปราการอันดับหนึ่งของอีเทอนัล กำแพงป้อมในจุดที่จิสึกะยืนไม่เพียงแข็งแกร่ง แต่ยังสูงมากด้วย สิ่งนี้ช่วยให้เธอรีดเร้นประสิทธิภาพทักษะนัยน์ตาเหยี่ยวได้เต็มกำลัง ไม่มีสิ่งแปลกปลอมสามารถเล็ดรอดสายตาเธอไปได้ และเมื่อใดก็ตามที่ถูกพบ เพียงไม่กี่วินาทีหลังจากนั้นก็จะไหม้เป็นจุล
โอกาสชนะของอีเทอนัลแทบไม่มีเหลือ
[ ขวัญกำลังใจทหารลดต่ำลง ]
[ ค่าสถานะของทหารลดลงหลายระดับ ]
"บ้าบอสิ้นดี"
ข้อความระบบแสดงขึ้นต่อหน้าผู้เล่นฝ่ายอีเทอนัล บ่งบอกให้รู้ว่าสภาพจิตใขของทหารกำลังหดหู่เพียงใด พวกมันแทบล้มเลิกภารกิจยึดครองแพเทรี่ยน
ยากที่จะให้ทำใจยอมรับว่า ผู้เล่นเพียงคนเดียวสามารถหยุดยั้งการรุกรานของทหารนับหมื่นได้ง่ายดายขนาดนี้
"ไม่สมเหตุสมผลเลยสักนิด ทำไมถึงมีตัวตนที่ทำให้กองทัพไร้ค่าเช่นนี้อยู่ในซาทิสฟายได้"
"จิสึกะควรถูกเนิร์ฟลง เธอ OP* เกินไป ผู้เล่นไม่ควรป้องกันการรุกรานจากกองทัพ 20,000 ได้ง่ายขนาดนี้"
( OP - overpowered - ขี้โกงเกินไป/มีพลังมากเกินไป เป็นหลักการเดียวกับ overgeared ที่แปลว่า สวมใส่สุดยอดไอเท็มมากเกินไป )
ผู้เล่นต่างพากันบ่นอุบอิบ
แต่บางคนกลับโต้แย้ง
"ไร้สาระ! จิสึกะพยายามหนักกว่าใครเพื่อให้ได้ยืนบนจุดสูงสุด ทำไมพวกนายไม่ลองพยายามให้มากกว่านี้ แทนที่จะบ่นเหมือนกับพวกขี้แพ้"
นี่คือความจริงที่ไม่มีใครปฏิเสธได้
"พวกเราก็เป็นผู้เล่นเหมือนเธอ สักวันจะแข็งแกร่งได้อย่างเธอแน่ พวกเราไม่ควรอิจฉา ต้องชื่นชมในความพยายามถึงจะถูก"
ไม่เหมือนกับ NPC ความเก่งกาจของผู้เล่นสามารถพัฒนาอย่างไร้ขีดจำกัด ผู้เล่นอีเทอนัลต่างเฝ้ามองจิสึกะและฝันว่า สักวันตนจะได้เป็นแร้งเกอร์กับเขาบ้าง
***
"เขาถามแบบนั้นทำไม"
15 นาทีก่อน กริดถามคำถามหนึ่งลงในช่องสนทนากิลด์
เป็นคำถามที่ว่า กองทัพที่อยู่ในไบรันหายไปไหนกันหมด หลังจากนั้นก็เงียบงันเป็นเวลานาน บรรดาสมาชิกโอเวอร์เกียร์รวมถึงป็อนและยูร่าต่างกังวล
"ดูจากวิธีการพิมพ์ เขาอาจกำลังอยู่ในไบรัน..."
"อย่าบอกนะว่ากริดถูกกองทัพกว่าแสนคนล้อมไว้!"
"...อาจจะเป็นแบบนั้น"
"..."
เหตุผลที่กริดไม่พิมพ์อะไรต่อ อาจเป็นเพราะเขากำลังถูกรุมโจมตีจากทุกทิศทางจนไม่มีเวลาว่างพิมพ์
"ฉันจะกลับไบรัน!"
ทุกคนต่างเป็นห่วงความปลอดภัยกริด หนึ่งในนั้นคือยูร่า
แต่เธอกลับออกปากห้ามทุกคนไว้
"อย่าเพิ่งใจร้อน สถานการณ์ยังไม่ชัดเจน"
ถ้าเกิดกลับไปแล้วกริดไม่อยู่ล่ะ ทุกคนต้องถูกทหารนับแสนฆ่าตายอย่างสูญเปล่า รอให้กริดแจ้งข่าวอีกครั้งคงเป็นการดีกว่า
"อันที่จริง หากกริดอยู่ในอันตราย เขายังมีทักษะอัญเชิญอัศวิน"
"..."
เมื่อทุกคนได้ยินทักษะอัญเชิญอัศวิน สีหน้าของพวกเขาก็คลายกังวลลงหลายส่วน
'ยองวู นายต้องไม่เป็นไรแน่'
ใบหน้าอันงดงามของยูร่ากำลังเปี่ยมไปด้วยความเชื่อมั่น
***
[ พลังอสูรของท่านเพิ่มขึ้นถึง 10,000 หน่วย! ]
[ ความเข้ากันได้กับเวทมืดเพิ่มขึ้น! ]
[ ค่าต้านทานธาตุมืดเพิ่มขึ้น 10% ]
[ ค่าต้านทานพลังเทพลดลง 10% ]
[ ทักษะ <ร่างมืด> พัฒนาขึ้น ]
[ หนึ่งในเงื่อนไขการเติบโตของเม็มฟิสบรรลุแล้ว ]
พลังอสูรของกริดเพิ่มขึ้นพรวดพราดจากการสังหารหมู่
เมื่อได้เห็นข้อความระบบ เขาก็โล่งใจไปหลายส่วน
'เป็นผลดีมากกว่าเสีย'
พลังอสูรคือค่าสถานะที่เปิดใช้งานหลังจากกริดครอบครองโนเอะ สัตว์อสูรอันดับหนึ่งแห่งขุมนรก กริดเป็นกังวลมาโดยตลอดว่า หากมันเพิ่มขึ้นถึงจุดหนึ่ง เผ่าพันธ์ของตนจะกลายเป็นอสูรเต็มตัว
แต่โชคดีที่ตอนนี้ยังไม่ใช่
'การเปลี่ยนเผ่าพันธุ์คงไม่ง่ายดายขนาดนั้นแน่'
แถมข้อความได้อธิบายไว้ว่า ตนสามารถเข้าออกขุมนรกได้อย่าง 'อิสระ' นั่นหมายถึง ไม่ได้ถูกบังคับให้อยู่ในขุมนรกตลอดเวลาสักหน่อย ความหวาดกลัวในตอนต้นของกริดไม่มีมูลเอาเสียเลย
'เรามีทั้งร่างมืดและโนเอะ ยิ่งพลังอสูรมากก็ยิ่งดีกับเรา...'
การที่ร่างมืดและโนเอะยกระดับ หมายความว่าพลังต่อสู้โดยรวมจะสูงขึ้นไปอีกขั้น ข้อเสียเดียวคือตนจะได้รับความเสียหายจากพลังเทพเพิ่มขึ้น
แต่แล้วมันยังไงล่ะ
กริดมีความสัมพันธ์อันดีกับทุกโบสถ์ โดยเฉพาะรีเบคก้า
กลับกัน เขาคือศัตรูตัวฉกาจของวิหารยาธาน
หมายความว่า กริดจะถูกโจมตีด้วยเวทมืดบ่อยครั้งกว่าพลังเทพ
ดังนั้นการเพิ่มขึ้นของพลังอสูรย่อมส่งผลดีในทุกด้าน
ฟุ่บฟุ่บฟุ่บ!
ระหว่างกริดกำลังครุ่นคิด ฝนธนูกลุ่มหนึ่งได้โปรยลงมาจากท้องฟ้า ตอนนี้หน่วยจอมเวทของอีเทอนัลถูกกริดถล่มจนราบคาบด้วยฟินิกซ์แดงห้าตน ดังนั้นพลธนูจึงพยายามถ่วงเวลากริดให้นานที่สุด
เขาหลบหลีกพวกมันได้บางส่วน จากนั้นก็เริ่มตรวจสอบระดับพลังชีวิตตนเอง
[ ท่านได้รับความเสียหาย 250 หน่วย ]
[ ท่านได้รับความเสียหาย 190... ]
...
...
กริดที่สวมสามชั้น ฝนธนูเหล่านี้ล้วนไร้ความหมาย เขาเลิกสนใจความเสียหายที่เกิดขึ้น นำโพชั่นออกมาดื่ม จากนั้นก็หมุนรอบตัวเป็นกังหันลมเพื่อฟันกวาดกลุ่มทหารที่กรูเข้ามาใกล้
"เฮ่อ..."
ดยุคลูซิลิฟยอมรับในความแข็งแกร่งของกริด
ชายหนุ่มทำลายกองทัพขนาดใหญ่จนพังพินาศได้ในพริบตา ปัญหาใหญ่สุดเห็นทีจะเป็นค่าเรี่ยวแรงที่ไม่มีวันหมดสิ้น
ในตอนแรก ดยุคลูซิลิฟคิดว่าอีกสักพักกริดต้องหมดแรงแน่ แต่ความเป็นจริงนั้นตรงข้าม สีหน้าของกริดยังคงสบายดี
'ความเสียหายลุกลามอย่างรวดเร็ว เราไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องใช้งานพวกเขา'
หมับ!
ดยุคลูซิลิฟตัดสินใจได้
"ทหารกล้าของฉัน! เด็ดหัวไอ้กบฏนั่นซะ!"
ทันใดนั้น
"เฮ~~~!!"
ทหารส่วนตัวของดยุคลูซิลิฟกรูลงมาจากกำแพง พวกมันล้วนสวมเกราะทองอร่าม บางส่วนกระโดดลง ทุกคนมีเป้าหมายเดียวกันคือกริด
แสงสีทองอร่ามที่ส่องระยิบระยับช่างน่าตื่นตาตื่นใจ
=== มาแล้ว! กองทัพหลัก!
=== นี่สินะ สงครามที่แท้จริง
ทหารเกราะทองดูแตกต่างจากทหารเลวอย่างชัดเจน
พวกมันมีระเบียบวินัยสูงกว่าทหารทั่วไปมาก ทุกคนเดินผ่านกลุ่มทหารพันธมิตรและเข้าประชิดตัวกริดอย่างรวดเร็ว
"แด่ความยิ่งใหญ่ของดยุคลูซิลิฟ!"
"ตายซะ!"
ทหารเกราะทองทุกคนเล็งอาวุธมายังกริด ผู้เล่นฝ่ายอีเทอนัลย่อมไม่พลาดโอกาสทองนี้
"ตอนนี้แหละ!"
"พวกเรารีบเข้าไปสมทบ!"
ผู้เล่นกลุ่มนี้เชื่อใจดยุคลูซิลิฟมาก พวกมันคิดว่า กริดต้องเผยจุดอ่อนออกมาแน่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับกลุ่มทหารหัวกะทิของแม่ทัพ
ขณะที่อาวุธของทหารเกราะทองกำลังจะถึงตัวกริด
"มาได้จังหวะพอดี"
ชิ้ง~
บอลเวทมนตร์สีขาวทั้ง 113 ลูกรอบตัวกริด บัดนี้สว่างวาบพร้อมกับพุ่งออกไปทุกทิศทาง ถึงเวลาที่กริดตั้งไว้พอดี
ฉึก! ฉึก! ฉึก! ฉึก!
"อ๊ากกกก!"
"แค่ก!"
ทหารเกราะทองแถวหน้าสุดเริ่มส่งเสียงครวญคราง
"วิชาดาบแพ็กม่า คลื่น"
ซ่าา!
คลื่นดาบสีน้ำเงินกระจายออกทุกทิศทางรอบตัวกริด
ชายหนุ่มดวงตาลุกวาวทันทีที่ได้เห็นทหารเกราะทองเสียชีวิต
[ ท่านสังหารทหารหัวกะทิของดยุคลูซิลิฟ ]
[ ท่านได้รับไอเท็ม <ดาบยาวคมกริบ> ]
[ ท่านได้รับไอเท็ม <ก้อนทอง> ]
[ ท่านได้รับไอเท็ม <ก้อนทอง> ]
[ ท่านได้รับไอเท็ม <ก้อน... ]
...
...
"...เจ๋ง"
ตั้งแต่เริ่มสงคราม ทหารที่กริดฆ่าไปมักดรอปแต่เกราะหนังรึไม่ก็ชุดเกราะเก่าโทรม ทว่าทหารส่วนตัวของดยุคลูซิลิฟกลับดรอปก้อนทอง
ทหารเนี่ยนะดรอปก้อนทอง
นัยน์ตาดำกริดกำลังขยายกว้าง
[ ก้อนทอง ]
มูลค่า 50 เหรียญทอง
น้ำหนัก : 5
ก้อนทองแต่ละก้อนมีมูลค่าสูงถึง 60,000 วอน พวกมันกำลังหลั่งไหลเข้ามาในช่องสัมภาระอย่างไม่ขาดสาย กริดตื่นเต้นจนเผยช่องว่าง
กลุ่มผู้เล่นที่แฝงตัวอยู่กับทหารเกราะทองรีบฉวยโอกาสนี้โจมตีเข้าใส่ พวกมันหลายคนเป็นถึงคลาสระดับสาม
"กริด พวกเราไม่เคยบาดหมางกันมาก่อน!"
"ได้โปรดเข้าใจด้วยว่าฉันทำไปเพราะรางวัลภารกิจ!"
เหล่าแร้งเกอร์ต่างขอความเห็นใจกริดก่อนลงมือ
ครืนนนน!
พายุฝูงทักษะจากผู้เล่นระดับสามได้กระหน่ำใส่ร่างกริดอย่างพร้อมเพรียง
"ไม่ต้องห่วง ฉันเองก็ไม่คิดโกรธเคืองอะไรพวกนาย แต่อย่าลืมดรอปไอเท็มล้ำค่ามาให้ด้วย"
"...!"
หมอนี่ใจเย็นอยู่ได้ยังไง ทั้งที่กำลังถูกลอบโจมตีใส่ช่องว่างจากผู้เล่นหลายคนพร้อมกัน
เหล่าแร้งเกอร์ระดับสูงต่างไม่เข้าใจเลยสักนิด
บึ้มมมมม!
พลังชีวิตกริดลดลงหนึ่งส่วนสามในพริบตา หลังจากถูกคลาสระดับสามหลายคนรุมโจมตี ใช่แล้ว เพียงหนึ่งส่วนสามเท่านั้น พลังป้องกันของกริดอยู่ในระดับปีศาจ เป็นการยากมากที่พลังจะชีวิตจะลดลงพรวดเดียวเป็นจำนวนมาก
ลดได้ถึงหนึ่งส่วนสามก็เก่งแค่ไหนแล้ว
ทว่า เหล่าแร้งเกอร์กลับคิดต่าง พวกมันลอบลงมือในตอนกริดเผลอ ย่อมหมายความว่า ส่วนหนึ่งต้องติดคริติคอลจากเงื่อนไขโจมตีจุดอ่อน
แต่ทำไมถึงลดไปเพียงหนึ่งส่วนสามเท่านั้น
'พลังป้องกันบ้าบออะไรกัน'
'โอเวอร์เกียร์ฉิบ!'
สีหน้าของแร้งเกอร์พลันขาวซีด มีบางสิ่งกำลังส่องระยิบระยิบรอบตัวพวกมันในขณะคิดโจมตีซ้ำ เป็นเส้นด้ายที่แสนบางเฉียบ
'มันคืออะไร'
ขณะเครื่องหมายคำถามลอยอยู่ในหัว
"นับแต่นี้ไป พวกนายคือโล่ของฉัน"
หมับ!
กริดแสยะยิ้มชั่ว จากนั้น ด้ายสีเงินได้รัดพันร่างกายของพวกมันจนมิอาจขยับตัวได้
[ ร่างกายของท่านถูกบางสิ่งพันธนาการ ]
[ เป็นการรัดพันที่ทรงพลัง ท่านมิอาจดิ้นหลุด ต้องตกอยู่ในสภาพนี้นาน 5 วินาที ]
"อะไรนะ..."
ถูกจับตัวนานถึงห้าวินาทีเชียวหรือ
ร่างของพวกมันลอยขึ้นกลางอากาศ แขนขากางออก ทุกคนถูกมัดในสภาพกีดขวางกลุ่มทหารเกราะทอง ทหารเกราะทองไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องฆ่าให้ตายเพื่อเปิดทาง
=== สุดยอด...
=== พวกนายเห็นรอยยิ้มที่น่าขนลุกของกริดรึเปล่า
กริดใช้ฝ่ามือสุดชำนาญควบคุมด้ายเงิน แร้งเกอร์คลาสระดับสามห้าคนถูกด้ายมัดตรึงไว้ด้านหลังกริดเพื่อเป็นโล่กำบัง ตอนนี้อารมณ์ทั้งสองฝ่ายแตกต่างอย่างสุดขั้ว กริดแสยะยิ้มชั่วร้ายสุดขีด ส่วนเหล่าแร้งเกอร์ต่างกำลังร้องขอชีวิตอย่างโหยหวาน
ใครก็ตามที่ได้เห็นเป็นต้องทึ่ง
หนึ่งในแร้งเกอร์ที่ร่ายกายชุ่มเลือดจากฝีมือทหารเกราะทอง
มันตัดสินใจขอร้องกริด
"ข--ขอกิลด์… ฉันขอเข้ากิลด์โอเวอร์เกียร์ได้ไหม"
ร้องขอชีวิตกันเลยทีเดียว ขอบคุณผู้แบบสนุกมากครับ
ReplyDelete1v100000
ReplyDeleteกริดบอก ok ตัดจบภาคสงคราม
ReplyDeleteรูปแบใหม่ของการขอเข้ากิลด์ ใช้ได้เลย
ReplyDeleteสงสารจิสึกะ ต้องยิ่งธนูตลอดไม่ได้พักเลย 😣
ReplyDelete