จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 561



[ เปลี่ยนรูปไอเท็ม ]
    ทักษะนี้ใช้ได้กับพาเฟรเนี่ยมเท่านั้น
    สามารถเปลี่ยนรูปพาเฟรเนี่ยมให้เป็นไอเท็มที่กำหนดได้ในระยะเวลาหนึ่ง
* ไอเท็มดังกล่าวต้องเป็นไอเท็มที่ท่านรู้สูตรการผลิตเท่านั้น
* ระยะเวลาในการเปลี่ยนรูปคือ 3 นาที  หลังจากหมดเวลา  พาเฟรเนี่ยมจะกลับคืนสู่สภาพก่อนหน้า
มานาที่ใช้ : ไม่มี
ระยะหน่วงหลังใช้ : 6 ชั่วโมง

    นี่คือพลังที่กริดได้รับหลังจากสร้างไอเท็มเลเจนดารีครบ 15 ชิ้น  เป็นทักษะที่ช่วยรีดเร้นประสิทธิภาพสูงสุดของพาเฟรเนี่ยม  แต่ไหนแต่ไรมา  กริดใช้มันเปลี่ยนร่างเป็นหอกไลฟาเอลเกรดมิธอยู่เสมอ  
    ทว่าตอนนี้  เขาใช้มันเปลี่ยนเป็นคันศรฟินิกซ์แดง  ไอเท็มใหม่ป้ายแดงล่าสุด

    หากเทียบกับคลาสสายต่อสู้ชนิดอื่น  ผู้สืบทอดแห่งแพ็กม่าจะมีจุดอ่อนในด้านทักษะโจมตีเป็นวงกว้าง  คันศรฟินิกซ์แดงช่วยกลบจุดอ่อนด้านนี้ได้เป็นอย่างดี  
    แน่นอนว่า  พาเฟรเนี่ยมไม่อาจเปลี่ยนเป็นคันศรฟินิกซ์แดงร่างสมบูรณ์ได้  ยังขาดลมหายใจฟินิกซ์แดงที่ช่วยดึงพลังเทพออกมา  สิ่งนี้คือไอเท็มจากเทพ  พาเฟรเนี่ยมมิอาจเลียนแบบได้

    คันศรฟินิกซ์แดงที่กริดเลียนแบบ  มีคุณสมบัติเทียบเท่าคันศรฟินิกซ์แดงเกรดเลเจนดารีที่กริดมอบให้ฮานซอกบง

    "โบยบิน!"

[ โบยบิน! ]
    อัญเชิญร่างเสมือนของเทพฟินิซก์แดง
    ร่างเสมือนเทพฟินิกซ์แดงจะโจมตีเป็นธาตุไฟใส่ทุกเป้าหมายในรัศมี 300 เมตรรอบตัวผู้ใช้งาน  ความรุนแรง 600% ของพลังโจมตีกายภาพ
มานาที่ใช้ :  3,000
ระยะหน่วงหลังใช้ : 24 ชั่วโมง

    ค่อนข้างอ่อนแอหากเทียบกับ 'โบยบิน!' ของคันศรฟินิกซ์แดงเกรดมิธ  ระยะความกว้างของทักษะน้อยกว่ามาก  คันศรเกรดมิธจะโจมตีทุกเป้าหมายที่ผู้ใช้งานมองเห็น  แต่คันศรเกรดเลเจนดารีจะโจมตีไกลเพียงรัศมี 300 เมตรรอบตัว

    แต่ 300 เมตรก็ไม่ใช่ระยะที่สั้นเกินไป  ในซาทิสฟาย  แทบจะไม่มีทักษะใดที่โจมตีได้ไกลถึง 300 เมตรอีกแล้ว  นับว่าหายากยิ่ง  
    สำหรับกริด  ถึงไม่ใช่ทักษะจากธนูเกรดมิธก็ไม่เป็นไร  
    โบยบินจากธนูเกรดเลเจนดารีก็มีความรุนแรงและรัศมีกว้างไกลไม่ธรรมดา

    อันที่จริง  ทักษะโบยบินของธนูเกรดมิธนั้นมีข้อเสียอยู่  หากการมองเห็นของผู้ใช้งานถูกบดบัง  มันจะโจมตีไม่โดนใครเลยแม้แต่คนเดียว  
    ในด้านความเสถียร  โบยบินเกรดเลเจนดารีได้เปรียบกว่าเล็กน้อย  มีความแน่นอนสูงกว่า  แต่อย่าลืมว่ามันโจมตีทุกเป้าหมายในรัศมี 300 เมตรโดยไม่สนว่าเป็นมิตรหรือศัตรู  
    ทว่าเรื่องนั้นไม่ต้องห่วง  ไบรันตอนนี้มีเพียงกริดอยู่ตามลำพัง  ทั้งหมดรอบกายเขาคือศัตรู  นอกเสียจากชาวเมืองไบรัน

    "โบยบิน!"

    กรี๊~!

    กริดและหัตถ์เทวะทำการยิงศรฟอสฟอรัสขาวพุ่งออกจากคันธนู  ศรฟอสฟอรัสขาวโบยบินขึ้นท้องฟ้าอย่างเกรี้ยวกราด  ทันใดนั้น  เสียงร้องของฟินิกซ์ได้ดังกังวานไปทั่วไบรัน  วิหคอัคคีขนาดยักษ์ตัวใหญ่กว่าบ้านพลันปรากฏขึ้นสองตน  รอบกายมีเปลวเปลิงร้อนรุ่มลุกโชน  เหล่าทหารอีเทอนัลต่างหวาดผวาเมื่อได้เห็นนกยักษ์กำลังบดบังดวงอาทิตย์ไว้

    "ฟินิกซ์!"

    "กริดอัญเชิญฟินิกซ์ออกมา!"

    พลังของกริดไม่มีขีดจำกัดเลยรึไง!

    พรึบ!

    นกยักษ์บนท้องฟ้าเริ่มกระพือปีก  ทันใดนั้น  เปลวเพลิงจำนวนมหาศาลได้พุ่งตกลงมายังพื้นดิน  ภาพตรงหน้าเป็นราวกับวันโลกาวินาศ  ดยุคลูซิลิฟสัมผัสได้ถึงอันตรายสุดขีด  มันรีบตะโกนออกคำสั่งแก่ทหาร  

    "กระจายตัว!"

    นั่นเพื่อให้เกิดความเสียหายน้อยที่สุด  แต่การที่กองทัพมีขนาดใหญ่เกินไปคือปัญหา  ไบรันเต็มไปด้วยทหารอีเทอนัล  สถานที่แห่งนี้คับแคบเกินไปจนต้องยืนเบียดเสียด  หลังจากวิ่งได้ไม่กี่ก้าว  ทหารบางคนสะดุดขาล้มลง  
    ไฟบอลจำนวนมากบนท้องฟ้าพุ่งตกใส่ศีรษะเหล่าทหารที่สิ้นหวัง

    บึ้มบึ้มบึ้มบึ้ม!

    "อ๊ากกกก!"

    เสียงร้องนี้มาจากผู้ที่ยังรอดชีวิต  ทหารจำนวนมากถูกเผาและเสียชีวิตทันทีโดยไม่มีโอกาสส่งเสียง  ฉากตรงหน้าคือกองทัพหลายพันคนกำลังรับมือกับไฟบอลอันทรงพลัง  
    ผู้คนเริ่มเหงื่อตกกับเหตุการณ์สุดน่าสะพรึงกลัวตรงหน้า

    "หมอนั่นเป็นจอมเวทด้วยรึไง...!"

    ดยุคลูซิลิฟแสดงสีหน้าตื่นตระหนกจากบนกำแพง  
    เมื่ออยู่ต่อหน้ากริด  จำนวนคนกลายเป็นสิ่งไรความหมาย  สงครามกำลังดำเนินไปในทิศทางของหายนะ  ทหารที่ตายไปอย่างสูญเปล่าเริ่มส่งผลกระทบต่อภาพรวมกองทัพ  โดยเฉพาะหน่วยจอมเวทที่มันสั่งให้ลอบโจมตี
    ลูซิลิฟรีบตัดสินใจ

    "ส่งอัศวินออกไป!  พวกเราจะยิ่งเสียหายกว่านี้หากปล่อยให้กริดฆ่าทหารไปเรื่อยๆ!"

    "เฮ~~~!!"
    
    ในที่สุด  การต่อสู้ที่แท้จริงก็เริ่มขึ้น  อัศวินกว่า 5,000 นายที่มีเลเวลราว 250 ก็เริ่มโจมตีใส่กริด

    ดยุคลูซิลิฟหัวเราะอย่างเย้ยหยัน
    "กริดเอ๋ย  คนพวกนี้ไม่กระจอกเหมือนทหารหรอกนะ!"

    แม้จะน่าเศร้าที่ต้องสูญเสียอัศวินบางส่วน  แต่เป้าหมายสูงสุดในสงครามนี้คือความตายของกริด  พวกมันต้องยอมจ่ายบางสิ่งเพื่อแลกมากับผลลัพธ์นั้น

    'เรามีคำสาปอยู่  ต่อให้หมอนั่นเป็นสิ่งมีชีวิตที่ได้รับความรักจากเทพก็ตามที'

    มันเตรียมคำสาปไว้แล้ว  คำสาปที่จะส่งผลเฉพาะสิ่งมีชีวิตอมตะที่ได้รับความรักจากเทพ  เป็นคำสาปอันโหดเหี้ยมที่จะทำให้ความตายของผู้เล่นมีบทลงโทษรุนแรงขึ้นสามเท่า  
    คำสาปแห่งหายนะอย่างแท้จริง

    กริดชำเลืองมองดยุคลูซิลิฟที่กำลังยิ้มเยาะ
    ชายหนุ่มคืนสภาพคันศรฟินิกซ์แดงทั้งสองให้กลับไปเป็นหัตถ์เทวะ  จากนั้นก็เปลี่ยนหัตถ์เทวะอีกสองข้างให้กลายเป็นคันศรฟินิกซ์แดงสองคันเช่นเดิม  

    "แกไม่รู้รึไงว่าฉันยังมีอีกสอง!  โบยบิน!"

    กรี๊~~~

    กริดและหัตถ์เทวะทำการยิงธนูขึ้นฟ้า  วิหคอัคคีสองตนปรากฏกาย

    "เชี่ย!"

    "บ้าบอสิ้นดี!"

    อัศวินทั้ง 5,000 นายที่กำลังกรูเข้าหากริดพลันชะชัก  การที่ทักษะสุดโกงเช่นนี้สามารถใช้ได้สองหนติดต่อ  พวกมันกำลังอยู่ในความฝันอยู่รึไง

    "ห--หลบเร็วเข้า!"

    อัศวินกระจายตัวหนีอย่างลนลาน  ทุกคนพยายามใช้ทหารเป็นโล่มนุษย์กำบัง  แต่โบยบินนั้นโจมตีทุกเป้าหมายที่อยู่ในระยะอย่างไม่มีเงื่อนไข  ดังนั้นการใช้กำบังจึงเป็นสิ่งไร้ประโยชน์

    ซู่ว ซู่ว ซู่ว ซู่ว ซู่ว!

    ไฟบอลเทลงมาจากท้องฟ้าราวกับฝนอัคคี

    "อ๊ากกกก!"

    อัศวินที่ถูกไฟบอลแผดเผ่าต่างร้องเสียงหลง  แต่อัศวินก็ยังเป็นอัศวินวันยังค่ำ  ไม่มีใครที่เสียชีวิตในการโจมตีเดียว  ส่วนใหญ่รอดตายมาได้ฉิวเฉียด 
    ทว่า...

[ ทักษะติดตัวลับ <บัญชาแห่งเทพ> แสดงผล  ทำการล้างระยะหน่วงหลังใช้ของ <โบยบิน>  หากท่านใช้ทักษะนี้ซ้ำภายใน 3 วินาที  ท่านไม่ต้องจ่ายทรัพยากรในการใช้งาน ]

    "ยังเหลืออีกหนึ่ง"

    กรี๊~~

    วิหคอัคคีสีแดงฉานปรากฏกายอีกครั้ง  เหล่าอัศวินต่างไม่มีใครทำความเข้าใจกับภาพตรงหน้าได้  พวกมันเอาแต่ร้องตะโกนว่า

    "เป็นไปไม่ได้!!"

    เสียงร้องแห่งความสิ้นหวังและโหยหวน  พวกมันกลายเป็นแสงสีเทาทีละคนสองคน  นี่คือวินาทีที่หน่วยอัศวินแสนเกรียงไกรของอาณาจักรอีเทอนัลถูกทำลายราบคาบ  ดยุคลูซิลิฟพลันผงะเมื่อได้เห็นทัพหลักสลายไปต่อหน้าต่อตา

    "ม--ไม่สมเหตุสมผลเลยสักนิด...!"

    แม้แต่มหาจอมเวทก็มิอาจใช้เวทวงกว้างได้บ่อยครั้งขนาดนี้  กริดราวกับมีพลังไร้ขีดจำกัด  ดยุคลูซิลิฟอัดแน่นไปด้วยความทึ่งและหวาดกลัว  มันกังวลว่าจะต้องเสียกองทัพนับแสนให้กับกริดเพียงคนเดียว

    'เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด!'

    ดยุคลูซิลิฟและกองทัพเรือนแสนต้องไม่ถูกทำลายโดยกริดเพียงคนเดียว  ไม่อย่างนั้น  มันจะถูกตราหน้าว่าเป็นแม่ทัพไร้ความสามารถมากที่สุดในประวัติศาสตร์ทวีปตะวันตก  มันต้องรีบพลิกสถานการณ์ตรงหน้าโดยเร็ว  
    ลูซิลิฟตัดสินใจใช้กองกำลังพิเศษซึ่งเป็นไพ่ตาย

    "บารอนดูก้า!  เอิร์ลแคร์เรี่ยน!  เอิร์ลเรด!  มาร์ควิสเบร่า!  ถึงคราวพวกนายแสดงฝีมือแล้ว!"

    พวกมันล้วนเป็นมหาจอมดาบและจอมเวทที่แข็งแกร่ง  แถมอัศวินและทหารของขุนนางเหล่านี้ก็เก่งกาจเทียบเท่าขุมกำลังทัพหลวง  ดยุคลูซิลิฟเชื่อมั่นมาก  หากคนเหล่านี้ลงมือพร้อมกัน  แม้แต่กริดก็ไม่มีทางต้านอยู่

    ทว่า...

    "หายหัวไปไหนกันหมด!"

    ทำไมมันถึงไม่เห็นใครเลยสักคน
    แววตาลูซิลิฟเปี่ยมไปด้วยความสงสัย  
    มันแทบบ้าคลั่ง

    ***

    『 เมื่อครู่มันคืออะไรกันแน่ครับ 』

    ในสงครามแพเทรี่ยน  จิสึกะอัญเชิญฟินิกซ์แดงออกมาถล่มทำลายกองทัพอีเทอนัลจนราบคาบ  ผู้เชี่ยวชาญทั่วโลกต่างฟันธงว่า  ธนูของเธอจะต้องเป็นไอเท็มภารกิจที่ใช้ได้เฉพาะสงครามกับอีเทอนัลเท่านั้น  
    แต่ตอนนี้  ดูเหมือนจะไม่ใช่แบบนั้นอีกแล้ว

    ธนูที่สามารถอัญเชิญฟินิกซ์แดง  กริดมีไว้ในครอบครองมากมายเหลือเกิน

    ===  กริดสามารถอัญเชิญฟินิกซ์แดงได้ห้าครั้งติด  แม้พลังทำลายอาจไม่เท่าฟินิกซ์แดงที่จิสึกะอัญเชิญมา  แต่จำนวนครั้งที่มากกว่าย่อมหมายถึงประสิทธิภาพที่สูงกว่า  หรือฟินิกซ์แดงของกริดจะยอดเยี่ยมยิ่งกว่าจิสึกะกันนะ

    ===  เห็นด้วย  มันเทียบเท่าเวทอุกกาบาตที่ว่ากันว่าเป็นหนึ่งในสุดยอดเวทมนตร์สายโจมตี

    ===  หลังจบงานแข่งนานาชาติ  กริดแอบซุ่มทำสิ่งใดอยู่กันแน่  ทำไมเขาถึงแข็งแกร่งขึ้นมากขนาดนี้

    ===  อย่าพยายามทำความเข้าใจกริด  พวกนายไม่เห็นรึไงว่าเขาเอาชนะแวมไพร์ได้ง่ายขนาดไหน  กริดเป็นราชา/พระเจ้าแห่งวงการเกม

    ===  เป็นที่แน่ชัดแล้วว่า  ตัวเต็งการแข่งนานาชาติในปีหน้าคงหนีไม่พ้นบราซิลและเกาหลีใต้  เพียงแค่อัญเชิญฟินิกซ์แดงออกมา  สงครามก็แทบจะจบลง

    ===  คนที่เคยด่ากริดไว้  หายหัวไปไหนกันหมด

    คนดูทั่วโลกต่างชื่นชมกริดและทักษะของเขา  ชายหนุ่มอัญเชิญฟินิกซ์แดงห้าตนติดต่อกันและสังหารกองทัพศัตรูไปเกินกว่า 10,000 คน  
    บนโลกนี้  จะมีใครบ้างที่สามารถเอาชีวิตทหารกว่าหมื่นนายได้ในพริบตา  ผู้คนเริ่มพากันตั้งคำถาม  
    และคำตอบคือ  คงมีเพียงกริดเท่านั้น  แม้กระทั่งครอเกลก็มิอาจ

    『 พวกเราอย่าลืมนะครับ  ว่ากริดแทบไม่ได้ใช้ทักษะที่เคยแสดงให้เห็นในการแข่งนานาชาติเลย 』

    『 กริดยังไม่ได้ใช้พลังที่แท้จริงเลยครับ 』

    ***

    ป้อมปราการอาคารุ 

    ตั้งอยู่สุดขอบชายแดนจักรวรรดิ 
    ในทางภูมิศาสตร์  มันตั้งหันหน้าไปยังทิศทางของเรย์ดัน  
    จุดประสงค์ของป้อมอาคารุคือเป็นหูเป็นตาให้จักรวรรดิ  มีหน้าที่สอดส่องความเคลื่อนไหวเรย์ดันของอีเทอนัล  แต่ความจริงแล้ว  ป้อมแห่งนี้ไม่มีประโยชน์มากนัก  ทำไมน่ะหรือ  เพราะแม้อีเทอนัลจะวางตัวเป็นกลาง  แต่เฉกเช่นอาณาจักรอื่น  อีเทอนัลต้องส่งบรรณาการให้กับจักรวรรดิทุกปี  
    ทำให้ทหารประจำป้อมอาคารุมีจำนวนไม่มากนัก
    
    แต่ในช่วงหลายปีให้หลัง  บรรยากาศของป้อมอาคารุได้เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง  
    เมื่อขุนนางที่ชื่อกริดเริ่มก่อกบฏ  อาณาจักรอีเทอนัลเกิดการสับสนปั่นป่วน  จักรวรรดิย่อมมิปล่อยให้โอกาสทองนี้ลอยนวล  เพราะพวกมันต้องการครอบครองเรย์ดันมานานแล้ว  
    นี่คือโอกาสแสนสำคัญที่ต้องรีบฉกฉวย

    ปัจจุบัน  ป้อมอาคารุมีทหารประจำการมากถึง 20,000 นาย  และไม่มีโอกาสใดเหมาะกับการเคลื่อนทัพไปมากกว่านี้

    "กองทัพอีเทอนัลจำนวนแสนนายเริ่มเคลื่อนไหวแล้ว"

    "ทหารของเรย์ดันได้กระจายออกไปป้องกันหัวเมืองอื่นเกือบหมด"

    "เรย์ดันกำลังว่างเปล่า"    

    นี่คือเวลาประจวบเหมาะสำหรับเคลื่อนทัพเข้ายึดเรย์ดันโดยปราศจากการนองเลือด  เพียงยกพลเข้าไปปักธงและประกาศให้ตกอยู่ในความครอบครองของจักรวรรดิอย่างเป็นทางการก็พอ
    เช่นนี้แล้วอีเทอนัลจะว่าอย่างไรไหม
    อีเทอนัลไม่มีทางว่าแน่  แถมยังชื่นชม  การเข้ายึดเรย์ดันยิ่งทำให้กองทัพกบฏระส่ำระสายมากขึ้น  สิ่งนี้เป็นผลดีกับอีเทอนัล  กองทัพอีเทอนัลซึ่งกำลังตกที่นั่งลำบากจะมีเวลาพักฟื้นหายใจ  และเมื่อใดที่อีเทอนัลพร้อมรบอีกครั้ง  พวกมันก็จะส่งกองทัพออกมาปราบกบฏระลอกสอง  โดยระหว่างนั้นจักรวรรดิก็คอยปกป้องรักษาเรย์ดันไว้

    แผนการยึดครองหนึ่งในดินแดนของอาณาจักรใหญ่
    เอิร์ลตูริช  ผู้บัญชาการป้อมอาคารุ  มันปราศจากความลังเลในแววตา   ตูริชออกคำสั่งเคลื่อนทัพ 20,000 ไปยังเรย์ดันในทันที  
    แต่ทันใดนั้น  ทัพอันเกรียงไกรของจักรวรรดิพลันต้องหยุดชะงัก
    
    'เป็นไปไม่ได้!'

    ระหว่างป้อมอาคารุและเรย์ดันมีเทือกเขาหนึ่งขวางกั้น  
    ทันทีที่ทัพจักรวรรดิเคลื่อนพลผ่านเทือกเขา  พวกมันพลันเห็นทหารเรย์ดันนับหมื่นนายกำลังฝึกกองทัพท่ามกลางทะเลทรายร้อนระอุ  
    สิ่งที่น่าตกตะลึงก็คือ  แม้จะมีจำนวนมากขนาดนี้  แต่ระเบียบวินัยกลับอยู่ในระดับน่าเหลือเชื่อ  ทหารเรย์ดันทุกนายล้วนขยับเป็นจังหวะเดียวกันอย่างพร้อมเพรียง  ทั้งแม่ทัพและทหารของจักรวรรดิต่างขนลุกกับภาพที่เห็น

    "ทหารนับหมื่น  เหตุใดถึงพร้อมเพรียงขนาดนี้ได้"
    
    ไม่มีใครเลยสักคนที่แตกแถว  ทหารหมื่นคนฝึกแทงหอกด้วยกระบวนท่าเหมือนกันทุกประการ  แค่มองผ่านแวบเดียวก็รู้แล้วว่าคนเหล่านี้คือทหารระดับหัวกะทิ

    "...พวกเราควรถอยก่อน"

    เอิร์ลตูริชรีบตัดสินใจออกคำสั่งถอยทัพกลับ  
    มันไม่มีวันรู้เลยว่า  ทหารเรย์ดันที่ฝึกหนักท่ามกลางแสงแดดร้อนระอุยามนี้  แท้จริงแล้วมีจำนวนเพียง 1,000 นายเท่านั้น  
    แล้วทำไมมันถึงมองผิดเป็นหมื่นคนไปได้ 
    นั่นเป็นผลมาจากเงาของทหารทั้ง 1,000 คนที่เกิดจากแสงแดด

    "ใช้ทักษะเงาของเราเป็นกลยุทธหลอกตาข้าศึก… เอิร์ลลอเอลคืออัจฉริยะตัวจริง"

    หัวใจคาซิมเต้นระรัวเมื่อเห็นกองทัพจักรวรรดิถอนกำลังกลับไปทางเทือกเขา  เหตุการณ์นี้ยิ่งทำให้เขามั่นใจว่า  กริด  ผู้รายล้อมไปด้วยพลังอำนาจและเหล่าอัจฉริยะ  เขาต้องทำลายจักรวรรดิให้สิ้นซากได้สักวันแน่    

Comments

  1. ขอบคุณผู้แปลสนุกมากครับ

    ReplyDelete
  2. ฉลาดล้ำสมกับเป็นอัจฉริยะและทาสผู้ซื่อสัตย์ของก็อดกริด

    ReplyDelete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00