จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 547



    "อ--อุแหวะ!"

    อาหารและที่พัก  สองสิ่งนี้คือปัจจัยพื้นฐานการดำรงชีวิตของมนุษย์ 
    คงเป็นการยากที่มนุษย์จะมีความสุขได้  หากปราศจากอาหารและที่พักคุณภาพดี
    แต่กริดกลับเลือกปฏิเสธอาหารรสเลิศ
    ความปรารถนาที่จะแข็งแกร่ง  สามารถเอาชนะความต้องการลิ้มรสอาหารอร่อยได้
    ทว่า  หนทางมิได้โดยไปด้วยกลีบกุหลาบ
    
    "แค่กแค่ก!  ไอดานบัดซบ!  ทำไมเนื้อสันนอกวัวถึงสีรสชาติเหมือนขี้ได้!"

    ณ ห้องน้ำภายในร้านอาหารไอดาน  
    กริดกำลังน้ำหูน้ำตาไหลอย่างน่าสมเพช  เป็นผลพวงมาจาก  เขาต้องสำรอกอาหารขยะออกจากท้องไส้จนหมดพุง
    แถมที่แย่กว่านั้น  อาหารจานนี้มิได้เพิ่มค่าสถานะตามที่ตนต้องการ
    เขากินอาหารขยะฟรี
    กริดจงเกลียดจงชังระบบสุ่มทุกชนิดในเกม  เพราะชายหนุ่มแทบไม่ได้รับประโยชน์จากมันเลยสักครั้ง 
    เขาสั่นระริกอย่างเดือดดาล

    "เป็นเราเองที่ตัดสินใจกินอาหารของไอดาน… แม้ผลลัพธ์อาจดูแย่  แต่เราจะไม่นึกเสียใจภายหลัง"

    กริดไม่อาจฝืนพูดด้วยสีหน้าจริงจัง  เพราะยามนี้  ตนยังอ้วกออกมาเป็นระยะ
    ถึงกระนั้น  กริดก็ภาคภูมิใจในตนเองมาก 
    เขายอมเสียสละความสุข  ยอมอดทนเพื่อให้ได้ผลที่ดีที่สุด
    มาถึงตอนนี้  กริดรู้แล้ว  นี่ไม่ใช่สิ่งที่ใครก็ทำได้  
    
    "ข่าวดีก็คือ… อย่างน้อยก็ได้อาหารมาเติมเต็มท้องหิว"
    
    ค่าเรี่ยวแรงกลับคืนเป็นปรกติอีกครั้ง

    ถุด!  ถุด!
    กริดถุยส่งท้าย  เขาเดินออกจากร้านและมุ่งหน้าไปยังปราสาทแพงเจีย
    ชายหนุ่มทิ้งตัวลงนอนบนห้องที่ถูกจัดเตรียมไว้ให้  จากนั้นก็ล็อกเอาต์

    ***

    "อึก... รู้สึกแย่ชะมัด"

    ชินยองวูมียังสีหน้าขาวซีด  หลังจากลุกออกจากแคปซูล
    รสชาติสุดห่วยของอาหารไอดาน  ยังคงติดค้างอยู่ในช่องปากไม่หมดไป

    "กินของหวานสักหน่อยคงดีขึ้น"

    กริดบอกลาอาหารรสชาติดีในซาทิสฟายไปนานแล้ว
    ในชีวิตจริง  ชายหนุ่มจึงต้องกินในสิ่งที่ตนชื่นชอบที่สุด
    สิ่งนั้นคือ 'ลาเต้มันหวาน'  มันทั้งอุ่น  นุ่ม  และหวาน
    หากได้ดื่มหลังจากจ็อกกิ้งยามเช้า  อาการเหนื่อยล้าจะหายเป็นปลิดทิ้งทันที
    มันคือเครื่องดื่มสุดหรูหรา  ที่กริดไม่กล้าชายตามองสมัยยังยากจน
    แต่สำหรับปัจจุบัน  มันน้อยนิดมากกับการจ่าย 6,000 วอนเพื่อกาแฟหนึ่งแก้ว
    อย่าลืมสิ  เขาคือคนที่บริจาคให้มหาวิทยาลัย X เดือนละ 3,300 วอนเชียวนะ
    แค่กาแฟ 6,000 วอน  มิได้มากมายอะไรเลย

    หากลองคิดดูให้ดี
    แม้ยองวูในอดีตจะเกลียงชังโลกใบนี้มากแค่ไหน  แต่เขาไม่เคยเกลียดชังตัวเอง
    ไม่อย่างนั้น  เขาคงไม่ซื้อรถหรูราคา 800 ล้านวอนเพื่อเป็นรางวัลชีวิตแน่

    "ออกไปหาอะไรกินดีกว่า"

    หลังจากยืดเส้นยืดสายในสวนบนดาดฟ้าอยู่พักใหญ่  ชินยองวูก็เดินเข้าลิฟต์
    เมื่อลิฟต์ถึงพื้น  ชายหนุ่มเดินตรงไปยังคาเฟ่ชื่อดังทันที  ร้านดังกล่าวมีหลายสาขาในเกาหลีใต้  และเพิ่งเปิดสาขาใหม่ที่ชั้นหนึ่งของตึกยองวู

    "สวัสดีค่ะ"

    คาเฟ่ที่แสนกว้างขวาง  เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจชั้นเลิศ  เหมาะแก่การตั้งอยู่ใจกลางเมืองใหญ่และย่านชุมชน
    พนักงานร้านสาวสวย  เธอกล่าวทักทายชายหนุ่มด้วยรอยยิ้มอบอุ่น
    ยองวูสั่งลาเต้มันหวานหนึ่งแก้ว  จากนั้นก็เลือกนั่งใกล้กับหน้าต่างเพื่อรับแสงแดดยามเช้า  
    เขานั่งครุ่นคิดพลางอมยิ้ม

    'ตึกของสมาชิกกิลด์คนอื่น  ป่านนี้คงใกล้เสร็จแล้วเหมือนกันสินะ'
    
    ตึกหกชั้นสูงเด่นตระหง่าน  กำลังอยู่ระหว่างก่อสร้าง  ห่างไม่ไกลจากตึกของยองวูมากนัก
    อาคารเหล่านั้นเป็นของยูร่า  จิสึกะ  ป็อน  ฮิวรอย  และแวนเนอร์
    ยองวูรู้สึกเหมือนเป็นคนใหม่
    เขาดีใจที่อดีตคนเคยเป็นหนี้สินอย่างตน  สามารถกลายมาเป็นเจ้าของตึกใหญ่  สูงตระหง่านเจ็ดชั้น  มูลค่าหมื่นล้านวอน  แถมยังมีพวกพ้องที่พึ่งพาได้  รายล้อมรอบตัวเต็มไปหมด
    กริดมีความสุขราวกับโลกทั้งใบถูกเติมเต็ม    
    
    พนักงานสาวสวยเดินมาเสิร์ฟเครื่องดื่มพร้อมกับรอยยิ้ม  จากนั้นก็ไต่ถามด้วยน้ำเสียงห่วงใย
    "ฉันเห็นในข่าวแล้ว  กิลด์โอเวอร์เกียร์กำลังตกที่นั่งลำบากใช่ไหม  ขอเป็นกำลังใจให้นะคะ"

    "..."    

    กิลด์โอเวอร์เกียร์กำลังตกที่นั่งลำบาก...

    'พวกเรากำลังไปได้สวยไม่ใช่รึไง'

    ยองวูยังคงนิ่งเงียบ  พนักงานร้านเริ่มพูดต่อ

    "ได้ยินมาจากผู้เล่นที่เป็นพลเมืองอีเทอนัล  ตอนนี้ไบรันกับแพเทรี่ยนกำลังถูกศัตรูปิดล้อมหนัก  กระหน่ำโจมตีไม่เว้นแต่ละวัน  ช่างน่าเศร้า  ฉันเองก็อยากเข้าโอเวอร์เกียร์เหมือนกัน  ถ้ามีเลเวลสูงกว่านี้ล่ะก็"

    "...ผู้เล่นงั้นหรือ"

    ยองวูตระหนักได้ถึงบางสิ่ง

    'ไอ้บัดซบอัสลัน!  มันมอบภารกิจให้ผู้เล่นทำลายโอเวอร์เกียร์สินะ!'

    ลอเอลเคยกล่าวว่า  โอเวอร์เกียร์สามารถรับมือกับการบุกรุกจากศัตรูได้สบายมาก  ถึงแม้จะไม่มีกริดก็ตาม
    จงกอบโกยความแข็งแกร่งให้มากที่สุดบนทวีปตะวันออก  จากนั้นค่อยกลับมา
    ก่อนจะไป  กริดเชื่อใจคำพูดลอเอล  เขาพยักหน้าอย่างไร้กังวล

    'ไม่คิดว่าผู้เล่นจะมีเอี่ยวด้วย'

    ตนยังโง่เขลานัก

    พรืด!

    กริดลุกพรวดขึ้น 
    เรารีบออกจากร้านและเดินตรงไปทางลิฟต์ส่วนตัว  แต่กลับถูกหยุดไว้
    พนักงานร้านคาเฟ่เป็นห่วงยองวู  เธอจึงมอบเค้กที่มีหน้าตาน่ากินมาให้
    
    "ขอบคุณมาก  ผมจะกินไม่ให้เหลือ"

    ยองวูไม่มีทางปฏิเสธอาหารฟรี!
    ชายหนุ่มรับเค้กไว้และเดินเข้าลิฟต์ส่วนตัว  จากนั้นก็กดปุ่มชั้นดาดฟ้าพร้อมกับหยิบโทรศัพท์

    "...แต่ลอเอลบอกว่าไม่ต้องเป็นกังวล"

    ยองวูคิดจะต่อสายหาลอเอล  แต่เขาเปลี่ยนใจกลางคัน  
    ชายหนุ่มหยิบนามบัตรใบหนึ่งออกจากกระเป๋าเงิน  จากนั้นก็โทรไปยังเบอร์ที่เขียนไว้  ส่วนค่าโทรศัพท์ถูกตั้งให้ฝั่งปลายทางเป็นฝ่ายชำระ
    ทำไมน่ะหรือ

    "นั่นบันนี่-บันนี่ใช่ไหม  เอ่อ  อ่า… เครื่องแปลงภาษาเปิดตรงไหนฟะ!"

    นี่คือการโทรข้ามประเทศ!

    ***    

    ณ ไบรัน

    เมืองเล็กที่อยู่ไม่ไกลจากวินสตัน  เดิมที  เคยเป็นเมืองในความครอบครองของมาร์ควิสสไตมมาก่อน
    หลังจากเซดากาห์สร้างชื่อเสียงไปทั่วแดนเหนือ  ไบรันจึงถูกมอบให้จิสึกะเป็นผู้ปกครอง  และในภายหลังได้ตกทอดมาอยู่ในมือกริด
    ยูร่าต้องการปกป้องมัน
    ไบรันคือเมืองที่จิสึกะ  ผู้ร่วมก่อตั้งโอเวอร์เกียร์  นำมามอบให้กริดเป็นของขวัญ  เนื่องในโอกาสวันยุบรวมกิลด์

    แล้วยูร่าล่ะ  ตอนเธอเข้ากิลด์  มีของขวัญใดติดมือมาบ้าง
    คำตอบคือไม่  แถมหลังจากนั้น  ยูร่าก็ยังทำประโยชน์ให้โอเวอร์เกียร์ไม่เป็นชิ้นเป็นอัน  แม้อาจโดดเด่นอยู่บ้างเมื่อครั้งสู้กับทีราเม็ท  
    หากมองจากมุมสมาชิกโอเวอร์เกียร์  เธอเป็นเพียงตัวไร้ประโยชน์

    'เราต้องพิสูจน์ตัวเอง'

    ไม่ใช่ความคิดตื้นเขินอย่าง  ต้องการดูดีในสายตากริด 
    สถานที่ซึ่งเธอมีส่วนร่วม  เป็นครอบครัว  เป็นหนึ่งเดียวกับทุกคน  
    ยูร่าเองอยากแสดงฝีมือ  อยากทำประโยชน์อย่างสุดกำลัง

    สวบ

    สาวงามผมดำขลับ  กำลังยืนเด่นตระหง่านบนกำแพงปราการขนาดเล็ก
    ยูร่านำยางรัดผมสีเหลืองออกมา  จากนั้นก็มัดรวมผลสลวยให้เข้าที่ด้านหลัง
    ฉากตรงหน้า  ผู้เล่นชายหลายร้อยหลายพันคน  เพียงแค่มอง  พวกมันล้วนถูกดึงวิญญาณออกจากร่างในพริบตา
    แขนขาเรียวยาว  ใบหน้าสมบูรณ์แบบไร้ที่จุดบกพร่อง  
    เป็นสัดส่วนในอุดมคติ  ราวกับพระเจ้าสรรสร้างด้วยตนเอง

    "สุดยอด… หน้าเธอเรียวกว่าเดิมเมื่อรวบผมไปด้านหลัง"

    "สวยกว่า NPC ในเกมซะอีก  เธอเป็นมนุษย์จริงหรือ"

    "น่ารักโคตร..."

    ผู้ชายหลากหลายเชื้อชาติต่างออกปากชม
    ผิวพรรณนวลขาวราวหิมะ  
    ดวงตาและริมฝีปากอันทรงเสน่ห์  ไม่ว่าใครได้มองล้วนต้องมนตร์สะกด  
    ไม่แปลกที่เหล่าผู้เล่นชายจะชื่นชอบในตัวเธอ
    ป็อนมองดูท่าทีของศัตรูอย่างขบขัน  เขาอมยิ้มชอบใจ

    'คนพวกนี้ไม่มีทางควบคุมสติอยู่แน่  ขนาดเรายังชื่นชมทุกครั้งที่ได้เห็น'

    แม้ในเกม  ป็อนอาจเป็นชายที่ถวิลหาความแข็งแกร่ง
    แต่ชีวิตจริง  ป็อนคือเพลย์บอยที่ขาดผู้หญิงไม่ได้  
    สำหรับเขา  ยูร่าคือหญิงสาวที่ตรงสเป็กอย่างมาก
    ทว่า  ป็อนก็มิได้แตะต้องยูร่าแม้แต่ปลายก้อย  
    เขาเกรงใจกริด  ป็อนไม่อยากเป็นศัตรูกับชายคนนี้

    "จากรายงานที่ได้รับ  กองทัพศัตรูมี 10,000 นาย  กว่าครึ่งเป็นผู้เล่น"

    เป็นเรื่องดีไม่น้อย  ที่ผู้เล่นสามารถเข้าร่วมศึกพร้อมกองทัพ NPC ได้
    เพราะนั่นทำให้ระบบกองทัพของอาณาจักรมีช่องโหว่  ผู้เล่นฝ่ายตรงข้ามสามารถส่งสายลับเข้าไปล้วงข้อมูล  
    กลับกัน  กองทัพโอเวอร์เกียร์มิได้อ่อนหัดขนาดปล่อยให้มีผู้เล่นแปลกหน้าเข้ามาเป็นสายลับ
    ส่วนป็อนผู้มีอัธยาศัยดีและเข้ากับคนได้ง่าย  เขาย่อมมีเครื่อข่ายข้อมูลจากคนรอบตัวจำนวนมาก

    "น่าสนใจดีนี่  เลเวลเฉลี่ยทหารอีเทอนัลคือ 180  ส่วนผู้เล่นคือ 140"

    "หากประเมินจากการที่  โดยรอบบริเวณนี้ล้วนเป็นจุดเก็บเลเวลระดับต่ำ  ย่อมไม่แปลกที่เลเวลเฉลี่ยผู้เล่นจะน้อยตามไปด้วย  แต่ฉันไม่เคยคิดมาก่อน  ว่าทหารอีเทอนัลจะมีเลเวลเฉลี่ยสูงขนาดนี้"

    "เห็นด้วย  ฉันได้ยินมาว่า  กองทัพที่มุ่งหน้าโจมตีแพเทรี่ยนเวลานี้  มีเลเวลเฉลี่ยของทหารเพียง 160 เท่านั้น  ทำไมพวกมันถึงเอาจริงกับไบรันมากกว่าแพเทรี่ยนนะ"

    "เพราะไบรันอยู่ใกล้กลับเมืองหลวงมากกว่า  จากมุมมองฝั่งอาณาจักร  ฐานฝ่ายกบฏในไบรัน  จะมีอิทธิพลคุกคามเมืองหลวงได้มากกว่าแพเทรี่ยนที่เป็นชายแดน"    

    "เข้าใจแล้ว  ชิ!  ถ้ามาร์ควิสสไตมเข้าฝ่ายเราล่ะก็  พวกมันคงไม่กล้าบุกโจมตีใส่ไบรันแน่  เจ้านั่นไม่สำนึกบุญคุณบ้างรึไง  ได้เป็นมาร์ควิสเพราะกริดแท้ๆ"

    "นายต้องเข้าใจฐานะของมาร์ควิสสไตมด้วย  หน้าที่หลักคือการเป็นขุนนางรับใช้ราชวงศ์อีเทอนัล  แม้กษัตริย์คนปัจจุบันจะสังหารพี่ชายเพื่อชิงบัลลังก์  แต่ก็ไม่ง่ายที่จะให้หักดิบและเข้าร่วมกับกบฏในทันที  เหนือสิ่งอื่นใด  สงครามนั้นน่ากลัว  เขาคงเป็นกังวลว่า  ประชาชนที่แสนสำคัญจะต้องล้มตายอย่างเปล่าประโยชน์  ฉันเองก็ชื่นชมในความรักที่มีต่อชาวเมืองของเขา"

    ยูร่าคืออดีตข้ารับใช้ยาธาน  เธอคุ้นเคยกับฉากสงครามล้างสังหารหมู่บ้าน
    ร่ายกายของเธอมักเปรอะเปื้อนด้วยเลือดชาวเมืองบริสุทธิ์อยู่ตลอด  
    จนเป็นที่มาของฉายา 'แม่มดโลหิต' อันลือเลื่อง  
    แต่ตอนนั้น  เธอเพียงทำตามหน้าที่และภารกิจได้รับมอบหมาย  
    ไม่เหมือนลอเอล  ยูร่ามิได้มองชาวบ้านเป็นเครื่องมือหรือวัตถุ  
    ดังนั้น  เธอจึงชื่นชมในความรักประชาชนของมาร์ควิสสไตม
    ผู้ชายที่รักครอบครัวและคนรอบข้าง  ย่อมเป็นผู้ชายที่มีค่า
    
    'บุคคลสำคัญที่อาณาจักรของยองวูจำเป็นต้องมี'

    โอเวอร์เกียร์จะเอาชนะสงครามครั้งนี้ให้ได้  โดยไม่คิดโยนความกดดันไปให้มาร์ควิสสไตมแบกรับ
    ยูร่าลั่นวาจา  จากนั้นก็ชักดาบออก
    ใช่แล้ว  เป็นดาบ  มิใช่ปืนวิศวกรรมเวทมนตร์อย่างเคย
    มิใช่ปืนที่มีปลายเป็นคมดาบ  แต่เป็นดาบของแท้  
    ดาบอันคมกริบยาวหนึ่งเมตร
    ป็อนเห็นดังนั้นจึงเอียงคอสงสัย
    
    "ดาบหรอกหรือ  ไม่ใช่ว่า  อาวุธหลักของนักล่าอสูรคือปืนวิศกรรมเวทมนตร์รึไง"

    "ฉันสามารถใช้ดาบเป็นอาวุธหลักได้เช่นกัน  นักล่าอสูรมีทักษะความชำนาญดาบและปืนในระดับที่เท่ากัน"

    เหตุผลที่ยูร่าเลือกเล่นปืนในตอนแรก  เพราะนักล่าอสูรคนก่อน 'อเล็กซ์' ใช้ปืนเป็นอาวุธหลัก
    เธอจึงคิดว่าปืนเป็นอาวุธที่ดีที่สุดของนักล่าอสูร
    แต่หลังจากงานแข่งนานาชาติจบลง  ความคิดนั้นก็เปลี่ยนไป
    เธอมีจุดอ่อนเป็นการถูกประชิดตัว  มาตั้งแต่สมัยเล่นคลาสจอมเวทมืดแล้ว
    ยูร่าไม่ต้องการคอยระแวงศัตรู  ที่หวังจ้องประชิดตัวเธอตลอดเวลา

    และอีกเหตุผลสำคัญก็คือกริด
    กริดมิอาจสร้างปืนวิศวกรรมเวทมนตร์ได้ตามลำพัง  เขาต้องพึงพาจอมเวทและโรงแปรธาตุ  
    กลับกัน  หากเป็นดาบล่ะก็  กริดสามารถสร้างสุดยอดดาบโดยมิต้องพึ่งพาผู้ใด  
    การใช้ดาบย่อมหมายถึง  การได้รับไอเท็มจากกริดง่ายขึ้น

    ด้วยเหตุผลทั้งหมดประกอบ  ยูร่าจึงเลือกเล่นดาบเป็นหลัก
    และถือว่าตัดสินใจได้ถูกต้อง

    จอมเวทมืด
    เธอเรียงชุดเวทมนตร์เพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้รวดเร็วแม่นยำเหนือมนุษย์
    ฝีมือการควบคุมและการตัดสินใจของยูร่า  ทั้งสองสิ่งนับว่าเฉียบขาด
    เมื่อนำมารวมกับวิชาดาบ     ยูร่าจึงถือกำเนิดใหม่ในฐานะยมทูตแห่งความตาย

    "ทุกครั้งที่ระยะหน่วงทักษะของฉันวนมาถึง  ฉันจะเปิดประตูและลงมือ"

    "...เอ๋!"

    "ศัตรูมีเลเวลไม่เกิน 200  หากฉันเปิดประตูออกไปหนึ่งครั้งและสังหารได้เกินกว่า 100 คน  พวกเราชนะสงครามนี้ได้แน่  หากทำเช่นนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า"

    "..."

    มันสมองของยูร่าเทียบเท่าลอเอล  แต่นิสัยส่วนตัวกลับคล้ายกริดอย่างน่าประหลาด  
    ป็อนถึงกับทึ่งในกลศึกบ้าบิ่นเช่นนี้  เขาพยายามห้ามปราม

    "ไม่ได้  ไม่ว่าเธอจะเก่งกาจขนาดไหน  แต่ค่าเรี่ยวแรงมันเป็นปัญหา  และป้อมปราการของเราก็..."

    สายไปเสียแล้ว  
    ยูร่ากระโดดลงจากกำแพงด้านใน  พร้อมกับออกคำสั่งให้ทหารเปิดประตูหลัก

    ครืนนน!

    "อะไรกัน"

    "เปิดประตูเองเลยหรือ"

    "พวกมันเสียสติไปแล้วรึไง"

    ทั้งทหารและผู้เล่นฝ่ายอีเทอนัลต่างขบขัน  เมื่อเห็นประตูเมืองถูกเปิดออก
    พวกมันมีกว่า 10,000 คน  ส่วนฝ่ายตรงข้ามมีเพียง 2,000 เท่านั้น
    ไบรันควรปิดประตูเมืองและหดหัวตั้งรับ  เหมือนกับเต่าในกระดอง  มิใช่เปิดประตูเมืองสู้ซึ่งหน้าเช่นนี้
    
    "ฮ่าฮ่าฮ่า!  อะไรของพวกแก  ไบรัน!  สู้ไม่ได้  ก็เลยคิดยอมแพ้งั้นหรือ!  ฮ--เฮ้ย!"

    พวกมันคิดว่าทุกสิ่งกำลังเข้าทาง
    จากนั้นเพียงพริบตา  ร่างของผู้เล่นคนแล้วคนเล่าก็ถูกอาบด้วยโลหิตสีแดงฉาน  และกลายเป็นแสงสีเทาไปทีละคนสองคน    

    ฉัวะ! ฉัวะ!

    ซู่ว! ซู่ว! ซู่ว!

    เสาลำแสงสีเทาหลายสิบต้น  สว่างไสวไปทั่วบริเวณหน้าประตูเมืองไบรัน
    ใจกลางกองซากศพดังกล่าว  ยูร่ากำลังไล่ละเลงเลือดศัตรูอย่างอำมหิต
    สีหน้าของเธอยังคงเรียบเฉย  แม้จะใช้ดาบซึ่งมีไว้เพื่อสังหารอสูร  มาเข่นฆ่ามนุษย์ด้วยกันเองอย่างเลือดเย็นเช่นนี้
    ยูร่าเปรียบเสมือนยมทูตแห่งความตาย  ที่มีใบหน้างดงามราวเทพธิดา

    "ค--ครอเกลร่างผู้หญิงรึไง!"

    ทันใดนั้น  ร่างกายของยูร่าค่อยๆ เลือนจางหายไป  ท่ามกลางฝนธนูและกลุ่มเวทมนตร์ที่กระหน่ำโจมตีลงมาจากด้านบน
    ป็อนอดกลืนน้ำลายไม่ได้เมื่อเห็นภาพตรงหน้า  เขาได้ครุ่นคิด
    ยูร่าคืออดีตอันดับห้าของโลก  
    เธอมีมันสมองอัจฉริยะไม่แพ้ลอเอล  มีฝีมือควบคุมไม่แพ้ครอเกล
    และตอนนี้  เธอกำลังมีคลาสเลเจนดารีอยู่กับตัว
    
    ***

    "บ้าไปแล้ว… พวกมันเป็นปีศาจรึไง!"

    ณ เมืองป้อมปราการแพเทรี่ยน

    สีหน้าของผู้เล่นฝ่ายอีเทอนัลพลันขาวซีด
    ทุกครั้งที่จิสึกะปล่อยสาย  กองทัพฝั่งอีเทอนัลจักต้องล้มตายเกินกว่าสิบ
    กองทหารแนวหน้าที่คอยบุกทะลวงประตู  ล้วนถูกโล่ใหญ่ยักษ์ของแวนเนอร์และโบทันสกัดกั้นไว้
    ทุกครั้งที่ทีมสังหารซึ่งนำโดยเรกัสออกประจัญบาน  กระบวนทัพของอีเทอนัลต้องแตกพ่ายเละเทะ  ผู้คนล้มตายจำนวนมาก
    ในสายตาผู้เล่นทั่วไปที่เก่งกาจระดับทหารหนึ่งหรือสองคน  สมาชิกโอเวอร์เกียร์ระดับขุนพลล้วนไม่ต่างอะไรกับปีศาจ

    วันที่สองของสงคราม
    ผู้เล่นระดับสูงจำนวนมาก  ยังคงเฝ้ามองศึกชิงป้อมปราการแพเทรี่ยนอย่างเงียบงันจากวงนอก  
    ทหารอีเทอนัลล้มตายอย่างไร้ค่า  ผู้เล่นระดับต่ำเริ่มใจฝ่อ  
    ผู้เล่นระดับสูงกำลังครุ่นคิดตัดสินใจ  ว่าพวกมันควรยื่นมือเข้าช่วยกองทัพอีเทอนัลดีไหม  รึว่านิ่งเฉยเช่นนี้ไปก่อน

    'หากกองทัพอีเทอนัลแข็งแกร่งกว่านี้อีกสักนิด  เราคงเข้าไปลุยด้วยแล้ว'

    'จำนวนทหารมีน้อยเกินไป  พวกเราไม่อยากเสี่ยงชีวิตโดยไม่จำเป็น'

    ในช่วงแรกที่เริ่มเล่นเกม
    ผู้เล่นส่วนใหญ่ล้วนเลือกจักรวรรดิซาฮารันเป็นเมืองเริ่มต้น  
    ดินแดนจักรวรรดิครอบคลุมพื้นที่กว้างขวาง  และสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน  จึงเหมาะแก่การเริ่มต้นใหม่อย่างมาก
    อาณาจักรอีเทอนัลเป็นอย่างไรบ้างหากเทียบกับจักรวรรดิ
    อีเทอนัลจะเป็นได้เพียงหมู่บ้านทุรกันดารทางภาคเหนือของทวีป

    ความสนใจของผู้คนอยู่ในระดับนอกสายตา
    ผู้เล่นที่เลือกเป็นพลเมืองอีเทอนัลมีจำนวนน้อยมาก  แถมคุณภาพยังต่ำต้อย
    ขณะที่แร้งเกอร์ระดับสูงกำลังถอดใจและคิดถอนตัวจากสงคราม

    "กำลังเสริมมาถึงแล้ว!"

    เสียงตะโกนดังกึกก้องไปทั่วสนามรบ  
    ทุกสายตาหันไปมองเป็นทางเดียว
    ทันใดนั้น  สีหน้าของผู้เล่นฝ่ายอีเทอนัลก็กลับมาใจชื้นอีกครั้ง

    เจฟฟ์  ราล์ฟ  และบูบัต
    สามหัวหน้ากิลด์ของอดีตเจ็ดกิลด์ใหญ่  พวกมันนำกิลด์ของตนเข้าร่วมสงครามครั้งนี้ด้วยตนเอง
    บูบัต  ชายผู้โด่งดังในด้านคอมโบ CC เป็นวงกว้าง  ชื่อเสียงของมันมักเฉิดฉายในสงครามเสมอ  
    บูบัตกำลังแสยะยิ้มอย่างพึงพอใจ

    "โอกาสบดขยี้กริดอยู่ตรงหน้า  ฉันไม่มีทางพลาดแน่"

    บูบัตมิใช่พลเมืองของอีเทอนัล  มันจึงไม่มีภารกิจให้ถล่มกิลด์โอเวอร์เกียร์เหมือนกับผู้เล่นคนอื่น  
    แต่นั่นก็มิใช่สาระสำคัญ  
    กริดสร้างความอับอายให้มันหลายครั้งหลายหน  ทั้งในงานแข่งนานาชาติ  และเหตุการณ์รุกรานเรย์ดันสมัยอดีต
    บูบัตฝันจะแก้แค้นมาโดยตลอด

    "ทุกคนลุย!  เก็บกวาดโอเวอร์เกียร์ให้สิ้นซาก!"

    "เฮ~~!!"

    ทัพเสริมที่แข็งแกร่งดุดัน  ได้ทำให้ขวัญกำลังใจทหารอีเทอนัลถูกยกระดับ
    แร้งเกอร์เลเวลสูงที่เฝ้าดูสถานการณ์อยู่นาน  บัดนี้เริ่มลงมือสนับสนุน
    ใบหน้าอันงดงามของจิสึกะพลันกระตุกเล็กน้อย

    "ไอ้พวกลูกหมา… ตอนนี้โตเป็นหมาแล้วสินะ"

    สถานการณ์เริ่มตึงเครียด

Comments

  1. ค่ากาแฟแพงกว่าเงินบริจาคอีก

    ReplyDelete
  2. ยองวู มึงมีเงินตั้งเยอะ เเต่กลับไม่ใช้ให้มันคุ้มกับที่ทำงานได้มา ไม่ใช่ว่า มึงรวย เเล้ว ไม่อยากให้ใช้เงิน ฟุ้มเฟือย หรอก แต่ใช่เงิน ซักๆกลางๆไม่เยอะก็ ได้ อันนี้ทำตัวเหมือนตัวเอง อยู่จุดเดิม = จน , ขัดใจชิบ

    ReplyDelete
  3. ค่าบริจากแค่ 85 บาทเองไอชิบหายมึงขี้งกไปไหนวะ

    ReplyDelete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00