จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 537
สมบัติลับ สมุนไพรหายาก และยุทธภัณฑ์สงครามชั้นเลิศ ทั้งหมดสามารถหาได้จากดันเจี้ยนลับแพงเจีย
โดยเฉพาะกลุ่มคนที่ชื่นชอบด้ายเงินซึ่งผลิตจากมอนสเตอร์เกราะหนาม พวกเขาเรียกดันเจี้ยนแพงเจียว่าเป็นเกาะสวรรค์
ดินแดนที่ทุกคนหมายปองอยากเข้าไปสำรวจ!
อัศวินและทหารของแพงเจียต่างเหนื่อยหน่ายใจกับเรื่องนี้มาก
ดันเจี้ยนใต้ปราสาทเนี่ยนะแดนสวรรค์
ดินแดนแห่งโอกาสทองบ้าบออะไรกัน
คนพวกนี้ไม่ได้รู้อะไรเลยสักนิดเดียว แท้จริงแล้ว ดันเจี้ยนแพงเจียคือสถานที่เลวร้ายที่สุดบนโลก ด้านในอัดแน่นไปด้วยมอนสเตอร์อัปลักษณ์และแข็งแกร่ง
ไม่ว่าจะวันนี้หรือพรุ่งนี้
อัศวินและทหารของแพงเจียต้องคอยออกสำรวจปราบปรามมิให้มอนสเตอ์ใต้ปราสาทก่อความวุ่นวายกับแพงเจีย
พวกเขากำลังเสี่ยงชีวิตอย่างยากลำบาก แต่ตอนนี้กลับมีพวกละโมภคิดสำรวจดันเจี้ยนเพียงเพราะอยากร่ำรวย
นักสำรวจที่ไร้ฝีมือต่อสู้ เป็นได้เพียงภาระอันหนักอึ้งคอยถ่วงแข้งขา
ตัวอย่างเช่น ช่างตีเหล็กสองคนนี้เป็นต้น
'ช่างตีเหล็กพวกนี้ไม่รู้จักละอายบ้างเลยรึไง'
กริดและไวท์เดินมาถึงพร้อมกับฮานซอกบง
ในสายตาอัศวิน ช่างตีเหล็กผู้ชนะการแข่งของทุกปีล้วนเป็นศัตรูที่น่ารังเกียจ
พวกเขาล้วนเกลียดชังช่างตีเหล็กที่มองว่าการสำรวจดันเจี้ยนเป็นเรื่องง่าย ทั้งที่ทหารทุกคนต้องหลั่งเลือดอย่างเหน็ดเหนื่อยเจียนตาย
ท่ามกลางบรรยากาศอึดอัด บุตรสาวของฮานซอกบง ซูเอ* ก้าวออกมาด้านหน้า
( 수애 - ออกเสียงว่า Soo-Ae )
"ท่านพ่อ"
"โอ้! ซูเอเองหรือ"
ซูเอนั้นงดงามมาก เธอคู่ควรกับการถูกขนานนามว่า งดงามอันดับหนึ่งแห่งอาณาจักรโช
แต่เหนือสิ่งอื่นใด เธอทั้งสุภาพ อ่อนน้อม เฉลียวฉลาด และเชี่ยวชาญศิลปะการต่อสู้ ฮานซองบงมักอวดโอ่ความสำเร็จของบุตรสาวให้ผู้อื่นฟังเสมอ
แถมเธอยังเป็นหัวหน้าหน่วยสำรวจดันเจี้ยน <ฟินิกซ์แดง>
ในสายตากริด ซูเอดูคล้ายนักแสดงซีรีส์เกาหลีย้อนยุค เส้นผมสีดำขลับม้วนเป็นมวยด้านหลังและมีปิ่นปักไว้ เครื่องแต่งกายก็หรูหราราคาแพงสมฐานะ
'น่ารักฉิบ...'
กริดอดชื่นชมซูเอมิได้
ความงามของเธอนับว่าหายากยิ่ง
กริดเป็นใครกัน
เขาคือสามีของไอรีน แถมยังเป็นเพื่อนสนิท(?) กับสองหญิงสาวที่งดงามที่สุดของโลก อย่างยูร่าและจิสึกะ
ชายหนุ่มยังมีน้องสาวสุดน่ารักอีกหนึ่งคนอยู่ข้างกาย
หรืออีกความหมายหนึ่ง กริดคือชายที่ชาชินกับหญิงงามมากที่สุด
เขาไม่รู้สึกตื่นเต้นสักเท่าไรในยามได้พบหญิงสาวหน้าตาดี
แต่ทันทีที่ได้พบซูอาเป็นหนแรก ชายหนุ่มถูกสะกดอย่างจังราวต้องมนตร์
ริมฝีปากอวบอิ่มและดวงตาเปล่งประกาย สองสิ่งนี้ทำให้กริดแทบใจละลาย
'ไม่สิ… มีบางสิ่งไม่ถูกต้อง...'
เป็นเพราะทั้งสองคนคือชาวเอเชียเหมือนกันงั้นหรือ...
กริดเปรียบเทียบซูเอกับยูร่า มิใช่จิสึกะหรือไอรีน
ด้วยความงดงามที่สะกดสิ่งรอบข้างจนอยู่หมัด ยูร่าจะเปลี่ยนให้บรรยากาศรอบตัวเธอหมองหม่นลงกลายเป็นสีขาวดำ
หากยูร่าเปรียบดั่งบุปผาบานสะพรั่ง ซูเอจะเป็นราวกับแสงจันทร์นวลผ่องยามค่ำคืน
ซูเอให้บรรยากาศเย็นชา แต่ด้วยความพิเศษบางอย่าง นั่นกลับยิ่งทำให้ต่อมราคะของกริดถูกกระตุ้นอย่างแปลกประหลาด
จะเป็นเพราะต้นคอที่ขาวนวลนั่นรึเปล่านะ...
กริดมิอาจปฏิเสธ แต่ยังมีสิ่งอื่นนอกจากต้นคอขาวหิมะของซูเอ ที่กำลังรบกวนจิตใจเขาอยู่อย่างหนัก
ชายหนุ่มสัมผัสได้ถึงเสน่ห์เย้ายวนไม่ธรรมดาซึ่งแผ่จากร่างกายเธอ แม้จะเปี่ยมไปด้วยออร่าสง่างามรอบตัวในเวลาเดียวกันก็ตาม
'หรือว่า...'
กริดตระหนักได้ถึงบางสิ่ง ซูเอน่าจะมีอายุรุ่นราวคราวเดียวกับตน
ซึ่งแตกต่างจากยูร่าที่เด็กกว่าเล็กน้อย ซูเอคือหญิงสาวที่มีบรรยากาศรอบกายสุขุมและโตเป็นผู้ใหญ่กว่ามาก
'ถ้ายูร่าโตกว่านี้อีกสักสองสามปี เธอจะกลายเป็นแบบซูเอรึเปล่านะ'
ถึงขนาดหน้าอกยูร่าจะยังไม่ถูกสเปคเขาก็เถอะ
'คงน่าเสียดายแย่ หากยูร่าเลือกศัลยกรรมเสริมหน้าอก'
ขณะกำลังดำดิ่งอยู่ในห้วงความคิด กริดถูกขัดจังหวะ
"เตรียมตัวออกสำรวจเสร็จแล้วหรือ"
"ถูกต้อง พวกเราทำเป็นประจำทุกวันอยู่แล้ว"
"ได้ยินจากกัปตันฮอรัง พวกมอนสเตอร์เพิ่มความเร็วในการขยายอาณาเขตมากขึ้นงั้นหรือ... พ่อชักเป็นกังวล หน่วยฟินิกซ์แดงจะทนได้อีกนานแค่ไหนกัน"
"พวกเรารู้ดี หากหน่วยฟินิกซ์แดงจบสิ้น นั่นจะถึงคราวจบสิ้นของแพงเจียด้วย แต่ท่านพ่อไม่ต้องห่วง พวกเรามีตารางเวลาทำงานรัดกุม สุขภาพของทุกคนแข็งแรงดี"
ฮานซอกบงและซูเอกำลังถกเรื่องเครียด
หากฟังจากเนื้อหา มอนสเตอร์ภายในดันเจี้ยนกำลังขยายอาณาเขตและเป็นภัยต่อแพงเจีย
'พวกเขามิอาจขอความช่วยเหลือจากภายนอกได้ ส่วนหนึ่งเพราะถูกชุมชนมอนสเตอร์ทางเหนือปิดกั้นการสื่อสารกับโลกภายนอกสินะ'
กริดเกิดคำถามทันที
'แล้วพวกยังบันไม่คิดทำอะไรเลยรึไง...'
คนเหล่านั้นมีความแข็งแกร่งระดับตำนาน แถมอาณาจักรฮวานก็ยังมีความสันพันธ์อันดีกับอาณาจักรโช
เพราะคันศรฟินิกซ์แดงต้นแบบ อาณาจักรฮวานได้เป็นผู้มอบให้อาณาจักรโชด้วยตนเอง กริดจึงไม่เข้าใจเลยสักนิด ทำไมยังบันของอาณาจักรฮวาน ถึงไม่ยื่นมือเช้าช่วยเหลือในยามที่แพงเจียกำลังเดือดร้อน
'คงเป็นงานง่ายสำหรับยังบัน ในการกวาดล้างชุมชนมอนสเตอร์ทางทิศเหนือ รวมถึงมอนสเตอร์ดุร้ายใต้ปราสาทแพงเจีย'
แล้วทำไมพวกยังบันถึงยังนิ่งเฉย
'ช่างเถอะ นั่นดีกับเราแล้ว'
ด้วยเหตุนี้ กริดจึงมีโอกาสสำรวจดันเจี้ยนแพงเจีย จุดเก็บเลเวลชั้นเลิศ
ชายหนุ่มกำลังฉีกยิ้มกว้างถึงใบหู
ขณะเดียวกัน เขาก็พยายามหลบหน้าซูเออยู่ เพราะทุกครั้งที่จ้องมองเธอ กริดจะเกิดอาการหน้าแดงก่ำอย่างควบคุมไม่ได้ จิตใจสับส่วนปั่นป่วน ไฟราคะในกายลุกโชนวูบวาบ
หลังจากความผิดหวังใหญ่หลวงกับรักแรก อาฮยอง กริดก็หวาดกลัวที่จะมีปฏิสัมพันธ์ใดกับหญิงอื่นนอกจากภรรยา
"ฉันอยากเข้าสำรวจดันเจี้ยนด้วยคน"
แทนที่จะเป็นฮานซอกบง คนที่ตอบคำถามกริดกลับเป็นซูเอ
"ขอถามได้ไหม ว่านายต้องการสำรวจดันเจี้ยนไปเพื่ออะไร"
รอยยิ้มซูเอช่างกระชากใจเสียเหลือเกิน กริดหน้าแดงทันทีเมื่อทั้งสองประสานสายตา ชายหนุ่มพยายามข่มความรู้สึกให้มิดชิด
"ฉันต้องการด้ายเงิน"
"นายรู้รึเปล่าว่าต้องทำอย่างไรถึงได้ครอบครองด้ายเงิน... อ้อ! จริงสิ ขอโทษที่เสียมารยาท ฉันชื่อฮานซูเอ เป็นกัปตันหน่วยสำรวจฟินิกซ์แดง และยังเป็นผู้สั่งการสูงสุดของทีมสำรวจคราวนี้ ขออภัยที่แนะนำตัวล่าช้า"
ซูเอก้มศีรษะเล็กน้อยตามมารยาท จากนั้นก็เดินเข้ามาขอกริดจับมือ แต่กริดมิไม่มีกะจิตกะใจจะทำเช่นนั้น ไม่สิ เขาไม่ต้องการทำมัน ชายหนุ่มไม่อยากให้พลังความชำนาญมือที่ตนผนึกไว้ แสดงออกมาในสถานที่เช่นนี้ และกับเธอคนนี้
ใบหน้ากริดแดงก่ำราวผลแครอท แดงไปจนถึงใบหู เขาพยามหลบหน้าซูเอสุดความสามารถ
ทันใดนั้น ดวงตาสีดำสนิทของซูเอพลันส่องประกายแปลกประหลาด
'ผู้ชายคนนี้...'
ไม่ผิดแน่ ชายคนนี้ไม่เคยมีประสบการณ์กับหญิงสาวมาก่อน ซูเอมองว่าช่างน่าขบขันและน่าสนใจ
เจ้าไก่อ่อน!
แต่ก็เพียงแค่นั้น เธอมิได้สนใจในตัวกริดเป็นพิเศษ
"ได้ยินมาว่า นายสามารถสร้างคันศรฟินิกซ์แดงขึ้นใหม่สำเร็จสินะ ขอแสดงความยินดี ฉันเป็นตัวแทนชาวเมืองแพงเจียเพื่อตอบแทนน้ำใจอันยิ่งใหญ่นั้น ตัวอย่างเช่น ฉันจะมอบด้ายเงินให้นายแทนคำขอบคุณ ตกลงไหม"
"...!"
กริดตาลุกวาวทันทีเมื่อได้ยินว่าซูเอจะมอบด้ายเงินให้เป็นของขวัญ ถือเป็นของรางวัลมูลค่าสูงลิบจนน่าตกใจ
ทว่า ช่างตีเหล็กทั้งสองคนตั้งใจหนักแน่นมาตั้งแต่ต้นแล้ว พวกเขาจึงไม่คิดเปลี่ยนใจ
"ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันจะลงไปรวบรวมด้ายเงินด้วยตนเอง"
กริดอยากสัมผัสดันเจี้ยนใหม่ที่จะมอบค่าประสบการณ์มหาศาล แถมเขายังต้องการช่วยไวท์แก้แค้นให้พ่อ กริดหวังสังหารเกราะหนามให้ได้มากที่สุด
ชายทั้งสองกำลังลุกโชนด้วยไฟแห่งการต่อสู้
"หนทางเดียวที่จะรวบรวมด้ายเงิน คือการสังหารเกราะหนาม แต่มอนสเตอร์เกราะหนามนั้นแข็งแกร่งมาก มีผู้คนมากมายต้องสละชีวิตให้มัน และหนึ่งในนั้นคือดาไวท์"
"..."
"เป็นไปไม่ได้เลยที่นายจะล่าเกราะหนามสำเร็จโดยไม่ใช่คลาสนักรบ หรือต่อให้ร่วมทางกับไปพวกเรา ด้านในก็ยังเต็มไปด้วยอันตรายอยู่ดี น่าเสียดายที่ฉันคงให้นายผ่านเข้าไปไม่ได้"
"ลอร์ดเป็นคนพูดเองว่า หากฉันทนรับการโจมตีของผู้เฝ้าประตูได้ จะให้ฉันลงไปด้านล่าง"
ใบหน้าซูเอกระตุกเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำพูดดังกล่าว
"ผู้เฝ้าประตูมิใช่คนธรรมดา เขาคือเป็นสมาชิกของชนเผ่าอัง แม้จะมิได้เชี่ยวชาญศิลปการต่อสู้ แต่ค่าพลังทางกายภาพกลับสูงลิบตั้งแต่เกิด ชนิดที่พวกนายไม่มีทางจินตนาการออก นายอยากรับการโจมตีจากผู้เฝ้าประตู ซึ่งมีพลังทำลายระดับเดียวกับเกราะหนามจริงหรือ อย่าเจ็บตัวฟรีเลยน่า ตัดใจเสียเถอะ"
'ชนเผ่าอัง...'
ผู้เฝ้าประตูที่ยืนอยู่ข้างบ่อน้ำ เขามีส่วนสูงเกินกว่าสองเมตร ร่างกายมโหฬาร ไม่ใช่เพราะอ้วน แต่เป็นเพราะชนเผ่าอังล้วนมีร่างกายเหนือมนุษย์เช่นนี้อยู่แล้ว
'ลองดูสักตั้ง'
กริดยักไหล่
"อย่าห่วงเลย ฉันทนได้สบายมาก"
กริดพยายามเยือกเย็นให้มากที่สุด
ถึงกระนั้น ภายในใจกำลังกระอักกระอ่วนเพราะไม่กล้าสบตาซูเอโดยตรง
เธอคือศัตรูตามธรรมชาติของกริดอย่างแท้จริง
ซูเอเย้ยหยันกริดในใจ
'ศักดิศรีของผู้ชายไก่อ่อนสินะ... ช่างน่าสมเพช'
ความมั่นใจที่ผิดเพี้ยนสามารถนำพาผู้คนไปสู่หายนะ
'หมอนั่นไม่มีวันจินตนาการออกแน่'
ฮานซอกบงถอนหายใจเล็กน้อย จากนั้นก็กระซิบกระซาบข้างหูซูเอ
"เขาคือผู้มีพระคุณของแพงเจีย ถือว่าพ่อขอร้อง ให้เขาได้ทดสอบสักครั้งเถอะ"
"ขอปฏิเสธ เป็นผู้มีพระคุณแล้วยังไง มันคุ้มกันหรือหากเขาเป็นอะไรไป"
"ลองมองชุดเกราะที่เขาสวมสิ ภายนอกดูแข็งแกร่งไม่น้อย แม้อาจใช้งานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ แต่อย่างน้อยก็คงไม่ถึงตาย แถมพ่อยังแอบบอกให้ชาวอังคนนั้นใช้พลังแค่ 30%"
"..."
จริงด้วย หากพิจารณาให้ละเอียด ชุดเกราะของชายคนนี้ดูทนทานเป็นพิเศษ
นี่คือชุดเกราะที่สร้างโดยการนำแผ่นเหล็กขนาดเล็กมาซ้อนทับเรียงร้อยกันจนคล้ายกับเกล็ดมังกรดำ
นับเป็นงานศิลป์ที่งดงามและแข็งแกร่งในเวลาเดียวกัน
"10% ก็พอ ไม่อย่างนั้น เขาคงหมดสติไปเป็นสัปดาห์"
"นั่นก็ได้ พวกเราแค่ต้องการให้เขารู้รับว่า บางครั้งก็ไม่ควรมั่นใจตนเองเกินไป"
หงึก
ซูเอนำทางกริดและไวท์ไปหาผู้เฝ้าประตูชาวอัง
ผู้เฝ้าประตู ชายคนนี้ไม่สนว่าลอร์ดจะนำแขกพิเศษขนาดไหนมาด้วย เขาเพียงหาวอย่างเบื่อหนายพร้อมกับหันไปมองภูเขาซึ่งอยู่ไกลออกไป
"อะไรนะ"
ซูเอกระซิบคุยกับชาวอัง ชายร่างยักษ์เกาศีรษะเล็กน้อยด้วยสีหน้าอย่างสับสน
"โจมตีใส่พวกเขา ใช้พลังเพียง 10%"
"เข้าใจแล้ว"
ชาวอังพ่มลมหายใจฟืดฟัดทางจมูกประหนึ่งกระทิงดุ จากนั้นก็ง้างกำปั้นไปด้านหลัง
"เตรียมเคลื่อนย้ายคนเจ็บไปห้องพยาบาล!"
ซูเอหันไปออกคำสั่งกับหน่วยฟินิกซ์แดง
เปรี้ยงงงงงง~!
กำปั้นของชาวอังปะทะใส่ท้องกริดอย่างจัง เกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหวพร้อมคลื่นกระแทกเป็นวงกว้างเมื่อกำปั้นและโลหะกระทบกัน
"นี่มัน...!"
ซูเอถึงกับผงะ ใบหน้าของเธอขาวซีด
ดูเหมือนชาวอังจะฟังผิด เขาใช้พลังไปเกินกว่า 50% เสียอีก!
"ไม่นะ!!"
ฮานซอกบงหน้าซีดเผือด
ผู้มีพระคุณของแพงเจีย ช่างตีเหล็กอัจฉริยะที่สามารถสร้างคันศรฟินิกซ์แดงขึ้นมาใหม่ ชายคนนั้นกลับต้องตายต่อหน้าตนเพราะความผิดพลาดในการออกคำสั่ง
"โหวกเหวกอะไรกัน..."
ขณะหน่วยฟินิกซ์แดงกำลังหน้าซีด
หงึกหงึก! หงึกหงึก!
กำปั้นชาวอังที่คาอยู่ตรงท้องกริดเริ่มสั่นระริกหงึกหงัก
"...เอ๋!"
ฮานซอกบง ซูเอ และหน่วยฟินิกซ์แดงทุกคนต่างตะลึงจนอ้าปากค้าง
'ได้ยังไง...'
'ชาวอังกำลังแสดงสีหน้าเจ็บปวด...'
ถูกต้อง ใบหน้าที่ใหญ่ยักษ์ของชาวอัง บัดนี้กำลังแสดงอาการเจ็บปวดแสนสาหัส เหงื่อไหลเม็ดเป้งหยดไหลตามตัว ใบหน้าแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ
กลับกัน กริดยังคงสบายดี สีหน้าของเขาสงบนิ่งเช่นเดิม
'เป็นไปไม่ได้!'
ฮานซอกบงและซูเอยังคงอยู่ในภวังค์ตกตะลึง
ทั้งสองคาดว่าจะได้เห็นลำไส้ระเบิดออกจากร่าง กระดูกถูกป่นเป็นผง หรืออะไรแบบนั้น
แต่กริดกลับยังสบายดี...
ชุดเกราะของชายคนนี้ยอดเยี่ยมขนาดนั้นเชียว
ขณะที่ฮานซอกบงและซูเอกำลังทึ่ง มีใครบางคนพูดขึ้น
"ถ้ามีพลังป้องกันขนาดนี้ล่ะก็ เขาต้องรอดจากการโจมตีของเกราะหนามแน่!"
กริดได้รับสิทธิ์เข้าสำรวจดันเจี้ยนอย่างเป็นทางการทันที
แต่ยามนี้ ภายในใจของเขาพลันตื่นตระหนกอย่างหนัก
เพราะอะไรน่ะหรือ...
[ ท่านได้รับความเสียหายรุนแรง ]
[ <สามชั้น> ลดความเสียหายทางกายภาพลง 30% ]
[ ท่านได้รับความเสียหาย 2,303 หน่วย ]
กำปั้นของชาวอังมิได้ถูกจัดอยู่ในหมวดหมู่การแทงหรือการฟัน ความเสียหายที่เกิดขึ้นจนลดทอนไม่หมด สามชั้นไม่ได้แสดงผลอย่างเต็มประสิทธิภาพนัก
แต่สิ่งที่กริดตกตะลึงก็คือ หากนี่เป็นเพียงการโจมตีด้วยพลัง 10% จากชาวอัง หมายความว่า มอนสเตอร์เกราะหนามย่อมเป็นปีศาจที่มีพลังทำลายมหาศาลยิ่งกว่านี้หลายเท่า
'เกราะหนาม... มันแข็งแกร่งกว่าที่เราคิดไว้อีกหรือ'
ราวกับเป็นบอสขนาดย่อมมากกว่ามอนสเตอร์ทั่วไป หากปรากฏตัวพร้อมกันเป็นจำนวนมากละก็ การรับมือทุกทางย่อมไม่ใช่เรื่องฉลาด
'ในดันเจี้ยนที่เล็กและแคบ เราคงใช้งานหัตถ์เทวะได้ไม่เต็มที่'
นี่คือสนามรบซึ่งต้องใช้ฝีมือควบคุมสูงลิบ ทำให้กริดเริ่มตึงเครียด
แต่ยามนี้ ไวท์กลับกำลังหน้าขาวซีดสมชื่อ เขาประหลาดใจอย่างมากเมื่อได้เห็นกำปั้นของชาวอังเกิดบาดแผลลึก
"เอ่อ... ฉันขอถอนตัว"
ไวท์คิดว่า ตนควรหาทางแก้แค้นบิดาด้วยวิธีอื่น
ใช่แล้ว ไวท์เป็นคนฉลาด
สงสารไวท์จัง แต่ดีแล้วและที่ตัดสินใจถอนตัว เพราะหลังจากนี้คิดว่าพระเอกจะต้องฉายเดียว แน่นอน และ สมยานามดยุคแห่งคุณธรรมแพงเจีย อาจจะแสดงผล คิดเองเออเองแล้วเรา 😂😂😂 รออิน จนจิตนาการไปเองก่อนแล้ว
ReplyDeleteทำไมเรื่องนี้ตั้งแต่อ่านมาชอบดูถูกคนจนเกินพอดี
ReplyDeleteเกินพอดียังไง.....ซูเอะบอกริดเป็นไก่อ่อน......
Deleteแต่พอเจอพลังนิ้วเข้าไป......ขอเป็นเมียรองเลย
มันน่าจะเป็นมุกมากกว่า คิดมาก
ไม่อะไรหรอก แต่มุกมันไม่ขำไง มันน่ารำคาญมากที่เจอกันครั้งแรกแต่ทำตัวแบบนี้ แถมความคิดยังน่าขยะแขยงด้วย รังเกียจผู้หญิงแบบนี้้สุดๆ
Deleteแล้ว500ที่เอ็งจ่ายไปล่ะไวท์
ReplyDelete