จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 538
"เป็นความคิดที่ดี"
หากเทียบจากกำปั้นของชาวอัง มอนสเตอร์ด้านในดันเจี้ยนล้วนเป็นปีศาจที่รับมือได้ยาก กริดไม่มั่นใจว่าไวท์จะรอดชีวิตกลับมาได้
คำประกาศถอนตัวของไวท์ทำให้กริดโล่งใจหลายส่วน
'อย่างน้อยหมอนั่นก็ไม่ใช่คนหัวรั้น'
ไวท์คือชายผิวดำวัยกลางคน
กริดชื่นชอบเขามาก เมื่อได้ยินไวท์ถอนตัว ชายหนุ่มจึงอมยิ้มอย่างสบายใจ
เป็นเวลาเดียวกับที่ซูเอเดินเข้ามาหา
"สุดยอดมากที่รอดจากกำปั้นของชาวอังมาได้ นายสร้างชุดเกราะนี้ด้วยตนเองงั้นหรือ"
กริดสามารถทนทานต่อการโจมตีของชาวอังด้วยสาเหตุหลายประการ หนึ่งในนั้นคือค่าความอดทน มิใช่สามชั้นเพียงอย่างเดียว
ชายหนุ่มมีค่าความอดทนมากถึง 1,500 แต้ม ส่งผลให้พลังป้องกันของกริดสูงลิบลับ เทียบเท่าแร้งเกอร์สายแทงค์เลเวล 200 ตอนปลาย
แต่ซูเอมิได้ตระหนักถึงสิ่งนี้
ในด้านสามัญสำนึก ช่างตีเหล็กอย่างกริดไม่ควรมีค่าความอดทนสูงระดับตัวแทงค์ ซูเอจึงคิดว่า ความทนทานของกริดต้องมาจากพลังป้องกันชุดเกราะเป็นส่วนใหญ่
"ถูกต้อง ฉันเป็นคนสร้างมัน"
แกร่ก!
กริดยืดอกอย่างผ่าเผย การกระทำเช่นนี้ยิ่งส่งผลให้เกล็ดของสามชั้นเงางามขึ้นหลายเท่า เกล็ดสีดำนับร้อยเปลี่ยนสีทุกครั้งเมื่อกริดขยับตัว สมกับเป็นงานศิลป์ที่รังสรรค์โดยช่างตีเหล็กอัจฉริยะ
"ตกลง ฉันจะไม่ห้ามนายอีก นายมีคุณสมบัติมากพอจะร่วมสำรวจดันเจี้ยน แต่หากต้องการรักษาชีวิต ช่วยทำตามที่ฉันบอกด้วย"
"ไม่มีปัญหา"
กริดไม่ขัดข้องกับการทำตามคำสั่ง
ซูเอเป็นหญิงสาวสุภาพ แถมสิ่งที่เธอกังวลมาตั้งแต่ต้น ทั้งหมดล้วนเพื่อความปลอดภัยของตัวกริดเอง
ไม่มีเหตุผลที่ชายหนุ่มต้องมองซูเอในแง่ร้าย
'ช่างเถอะ เดี๋ยวเราก็ได้ทำตามใจชอบอยู่ดี'
เมื่อลงไปถึงด้านล่าง ซูเอและหน่วยฟินิกซ์แดงคงยุ่งอยู่กับการปราบมอนสเตอร์จนไม่มีเวลาสนใจกริด พวกเขาไม่มีทางจำกัดการกระทำของกริดได้
'แต่เราจะไม่ล้ำเส้น'
หากมองจากพื้อเพของทวีปตะวันออกและความเก่งกาจของมอนสเตอร์เกราะหนาม มีความเป็นไปได้สูงว่า หน่วยฟินิกซ์แดงจะเก่งกาจกว่าอัศวินสีชาดที่กริดเคยพบพาน
ไม่ใช่เรื่องแปลกหากพวกเขาล้วนเป็น NPC คลาสระดับสี่และแข็งแกร่งกว่ากริด ไม่ใช่เรื่องฉลาดนักที่จะเป็นศัตรูกับคนเหล่านี้
'คงน่าสนุกไม่น้อย ถ้าเราตรวจสอบทีละคนด้วยดาบแห่งลอร์ดผู้ยิ่งใหญ่ หากใครพรสวรรค์สูงลิบ เราจะนำกลับไปเรย์ดันด้วย!'
ขณะกริดกำลังคิดแผนชั่ว หน่วยฟินิกซ์แดงเตรียมตัวเสร็จพอดี พวกเขาค่อยๆ โดดลงไปในบ่อน้ำทีละคนโดยไม่ตื่นกลัวหรือลังเล
"ไปกันเถอะ"
"อื้อ"
กริดและซูเอคือสองคนสุดท้าย
"ระวังตัวด้วยนะ"
เธอกังวลว่ากริดอาจได้รับบาดเจ็บ ความห่วงใยจากซูเอทำให้กริดอมยิ้ม
'เป็นคนมีความรับผิดชอบในหน้าที่สูงมาก'
เขากำลังรู้สึกดี
ไม่เกี่ยวกับฝ่ามืออันนุ่มนิ่มของซูเอที่กำลังจับท่อนแขนกริดแต่อย่างใด
***
[ ท่านเข้าสู่ดันเจี้ยนลับแพงเจีย ]
[ กำแพงของดันเจี้ยนจะดูดกลืนแสงสว่างทุกชนิด ไอเท็มกำเนิดแสงสว่างและเวทมนตร์กำเนิดแสงทุกชนิดจะไร้ผล ]
[ ขอบเขตการมองเห็นของท่านลดลง ]
[ เป็นปรากฏการณ์ทางกายภาพ ท่านมิอาจต้านทาน ]
[ ท่านจะมองเห็นได้ไกลเพียงรัศมี 5 เมตรรอบตัว ]
'แย่กว่าเมืองใต้ดินแวมไพร์อีกแฮะ'
มืดมิดไร้แสง
เป็นความมืดชนิดที่สายตาปรับตัวไม่ได้ ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนก็ตาม
กริดต้องการทราบขนาดความแคบดันเจี้ยนโดยเร็ว เขารีบเหยียดปลายนิ้วออกไปเพื่อควานหากำแพงที่ใกล้ที่สุด
แต่กลับลงเอยด้วยการสัมผัสโดนบางสิ่งที่นุ่มนิ่ม
ทันใดนั้น
"อ๊าง~"
หน่วยฟินิกซ์แดงคนหนึ่งร้องเสียงหลงเมื่อถูกกริดสัมผัส
เป็นตาลุงหนวดเฟิ้มอายุราว 40 ที่กำลังหน้าแดงก่ำ ไม่ใช่ภาพน่ามองนัก แข้งขาของเขาอ่อนแอและทรุดลง
"นี่ริว! ฉันพอจะรู้ว่านายมีความต้องการเรื่องอย่างว่าสูง แต่ช่วยเลือกสถานที่และเวลาหน่อยเถอะ!"
"เฮ่อ... กล้าทำเรื่องน่าไม่อายเช่นนี้ในสนามรบ..."
"แถมยังเป็นเวลาที่กัปตันซูเออยู่ด้วยเนี่ยนะ...!"
หน่วยฟินิกซ์แดงกำลังเข้าใจริวผิวมหันต์
หงึกหงัก...
เมื่อริวได้สติกลับมา ร่างกายของเขาเริ่มฟื้นคืนสภาพเดิม
"ฉันแค่เดินตามปรกติ! ไม่ใช่อย่างที่พวกนายคิด!"
"ถ้าแค่เดินปรกติ แล้วเสียงครางนั่นมันอะไร"
"มีบางสิ่งมาสัมผัสโดนข้อมือฉัน!"
"..."
ร้องเสียงหลงขนาดนั้นเพียงเพราะมีบางสิ่งสัมผัสโดนข้อมือเนี่ยนะ
ซูเออมยิ้มให้กับข้ออ้างที่ฟังไม่ขึ้น
"ร่างกายของนายอ่อนไหวง่ายจัง เป็นพวกไก่อ่อนรึไง"
ริวอับอายจนไม่กล้าเงยหน้า ส่วนซูเอก็จ้องมองริวอย่างตื่นเต้น
ดูเหมือนเธอจะให้ความสนใจผู้ชายไก่อ่อนจนผิดวิสัย
กริดเฝ้าดูอยู่ไม่ห่าง ซูเอจ้องมองริวไม่กระพริบ เหมือนกับแมวที่มีปลาย่างวางอยู่ด้านหน้าไม่มีผิด
'เธอคงเป็นพวกโรคจิตสินะ...'
หล่อนคงไม่อยากลิ้มรสฝ่ามือมารของเขาแน่(?)
หากเธอเกิดคลุ้มคลั่งขึ้นมา กริดอาจทนรับความต้องการมหาศาลนั่นไม่ไหว
'ขนาดไอรีนผู้เรียบร้อยยังกลายเป็นสัตว์ป่าหิวกระหายบนเตียง...'
แล้วซูเอจะกลายเป็นสัตว์ป่าระดับไหนกัน...
'คงต้องระวังมือให้มาก'
ในเมื่อเขาทำมันได้แค่เดือนละครั้ง
ชายหนุ่มรีบนำมือของตนไปซ่อนไว้ด้านหลังทันที
วาบ!
ด้วยความที่ค่าวิสัยทัศน์สูงส่ง ท่ามกลางความมืดมิด กริดสัมผัสถึงแสงสะท้อนจากบางสิ่งได้ก่อนใคร
'ด้าย...'
ด้วยความแคบของดันเจี้ยน ทหารเกราะหนักเต็มยศสามารถเดินเรียงแถวหน้ากระดานได้สูงสุดเพียงห้าคน
กริดมองเห็นด้ายสีเงินพุ่งกระจายราวกับใยแมงมุม ปิดทางเดินเบื้องหน้าเอาไว้จนมิดชิด
'นั่นคือ… ด้ายเงินงั้นหรือ'
ขณะกริดกำลังทึ่ง
เกราะหนาม!
หน่วยฟินิกซ์แดงเห็นช้ากว่ากริดหนึ่งก้าว พวกเขารีบตั้งท่าสู้รบโดยไว
เกือบทั้งหมดชักธนูออกมาง้างและเล็งไปยังอีกฝั่งของทางเดิน ซึ่งยามนี้ถูกปิดกั้นด้วยด้ายเงินโดยสมบูรณ์
กึก... กึก...
ทันทีที่เสียงฝีเท้าดัง ลูกศรจากปลายธนูทุกคันถูกปล่อยในพริบตา เป้าหมายคือทิศทางต้นเสียง
"มันมาแล้ว!"
ฟุ่บฟุ่บ!
ฟุ่บฟุ่บฟุ่บฟุ่บ!
หน่วยฟินิกซ์แดงถูกฝึกฝนอย่างหนัก พวกเขาโจมตีได้พร้อมเพรียงและแม่นยำ นับเป็นฝีมือธนูอันน่าทึ่ง
ฉึก!
ฉึกฉึกฉึก!
"โฮกกกกก!"
เสียงร้องคำรามดังจากอีกฝั่งของทางเดินอันมืดมิด เป็นสัญญาณว่า ลูกธนูของหน่วยฟินิกซ์แดงเข้าเป้าอย่างแม่นยำ
"ยอดไปเลยแฮะ"
คาดเดาต่ำแหน่งของศัตรูที่มองไม่เห็นจากเสียงเท้า แถมยังโจมตีได้ไม่พลาดเป้า
'คนพวกนี้มีทักษะความชำนาญธนูขั้นไหนกันแน่'
ขณะกริดกำลังชื่นชม ซูเอได้ยื่นเครื่องรางสีเหลืองมาให้
"ระหว่างต่อสู้ ฉันไม่อาจดูแลความปลอดภัยของนายได้ ดังนั้นช่วยรับนี่ไว้ด้วย"
[ ท่านได้รับ <เครื่องรางป้องกันตัว> ]
[ เมื่อพกเครื่องรางชนิดนี้ ท่านสามารถรอดพ้นจากการโจมตีของศัตรูได้หนึ่งครั้ง ]
[ หลังจากเครื่องรางปัดป้องการโจมตีจากศัตรู พลังป้องกันของท่านจะเพิ่มขึ้น 20% เป็นเวลา 2 นาที ]
[ ไอเท็มชนิดนี้จะหายไปทันทีเมื่อผลของบัฟหมดลง ]
'ประกันชีวิตได้หนึ่งการโจมตีสินะ...'
น่าเสียดายที่ไอเท็มจะหายไปหลังจากหมดผลของบัฟ ประสิทธิภาพของมันนับว่ายอดเยี่ยม เหมาะการดวลและล่าบอส สิ่งนี้สามารถพลิกผันสถานการณ์จากหน้ามือเป็นหลังมือ
หากซื้อขายระหว่างผู้เล่น มูลค่าของมันย่อมสูงลิบลับ
'หน่วยฟินิกซ์แดงกล้ามอบไอเท็มมูลค่าสูงขนาดนี้ให้เรา...'
กริดรู้สึกชื่นชอบในตัวซูเอมากขึ้น
แต่ผ่านไปไม่นานกลับต้องผิดหวังอย่างหนัก
'บ้าจริง… ซื้อขายระหว่างผู้เล่นไม่ได้!'
แม้กระทั่งย้ายไปช่องสัมภาระของสัตว์เลี้ยงก็ทำไม่ได้
แผนการอันชั่วช้าของกริด แอบเก็บไว้ขายทีหลัง พลันต้องเป็นหมันทันใด
'คงได้ใช้ในดันเจี้ยนนี้แน่'
กริดส่ายหัวอย่างเสียดาย
"โฮกกกก!"
เกราะหนามสี่ตัวปรากฏขึ้น บนร่างกายมันมีธนูถูกปัก
มอนสเตอร์ชนิดนี้เป็นซอมบี้สวมหมวกไม้ไผ่ ชุดเกราะสีเงินกำลังละลายหลอมรวมกับเลือดเน่า
ด้วยเหตุนี้ กริดได้ข้อสรุปหนึ่งสิ่ง
'เลือดเน่าของพวกมัน… ร้อนจนละลายโลหะได้เลยสินะ'
ระหว่างโจมตี คงต้องระวังเลือดเน่าเพิ่มอีกหนึ่งสิ่ง
'หัตถ์เทวะน่าจะช่วยเราได้'
เคร้ง!
เคร้ง!
หน่วยฟินิกซ์แดงเริ่มพุ่งประจัญบานใส่เกราะหนามสี่ตัว
พวกเขาสำแดงวิชาดาบที่น่าทึ่ง ซึ่งยอดเยี่ยมว่าฝีมือธนูเมื่อครู่เสียอีก
แต่มอนสเตอร์เกราะหนามถือเป็นชนิดอันเดด พวกมันไม่เจ็บปวด ไม่หวาดกลัวต่อบาดแผล มักต่อสู้แลกชีวิตอย่างดุร้ายเสมอ ไม่ว่าร่างกายจะถูกแทงจนพรุนมากแค่ไหนก็ตาม
เปรี้ยงงง!
ซอมบี้เกราะหนามมีวิชาดาบที่เก่งกาจไม่แพ้หน่วยฟินิกซ์แดงเลยสักนิด ทั้งความรวดเร็วและความรุนแรง
เมื่อพวกเขามิอาจหลบพ้น มีเพียงป้องฝืนปัดป้องอย่างเต็มกลืน ส่งผลให้ถูกดันถอยหลังกลับหลายก้าว บางส่วนถึงกับล้มหัวคะมำ
'แต่ว่า'
ในสายตากริด เกราะหนามไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหน่วยฟินิกซ์แดงแม้แต่น้อย
หน่วยฟินิกซ์แดงเชี่ยวชาญการรบ ประสานงานได้ดีเยี่ยม แถมยังมีค่าสถานะสูง น่าตกใจที่เลเวลกลับไม่ถึงคลาสระดับสี่
เกราะหนามย่อมไม่อาจรับมือจำนวนคนที่มากกว่าได้ หากใช้คนหมู่มากเข้ารุม พวกมันก็จะไม่ใช่ภัยอันตราย
นั่นเป็นเพียงการกะเกณฑ์อย่างหยาบจากกริด
เกราะหนามเริ่มสำแดงฝีมือที่แท้จริงออกมา
ปึด! ปึด!
"ระวัง!"
เกราะหนามตระหนักว่า ฝีมือดาบเพียงอย่างเดียวไม่อาจโค่นกลุ่มศัตรูตรงหน้าได้แน่ พวกมันตัดสินใจเปลี่ยนโหมด หลังจากกล้ามเนื้อตามร่างกายเริ่มพองตัว พวกมันทำการขับด้ายเงินที่ผสมกับเลือดเน่าออกมาโจมตีใส่หน่วยฟินิกซ์แดง
"อั่ก!"
หน่วยฟินิกซ์แดงต้องรับมือพัลวัน
ด้ายเงินพุ่งกระจายออกจากร่างซอมบี้ทุกทิศทางประหนึ่งหนามงอก
หน่วยฟินิกซ์แดงล้วนมีสีหน้าตึงเครียดในขณะตั้งรับ บ้างถึงกับเหงื่อไคลท่วมกาย
'จะมีความแข็งขนาดไหนกันนะ'
โลหะเงินจากชุดเกราะถูกหลอมรวมกับเลือดเน่าจนกลายเป็นด้ายเงิน ซอมบี้เกราะหนามใช้งานพวกมันโจมตีอย่างคล่องแคล่วชำนาญ สถานการณ์สงครามพลิกผันทันทีเมื่อเกราะหนามเปลี่ยนโหมด
หน่วยฟินิกซ์แดงไม่สามารถโต้กลับ พวกเขาทำได้เพียงป้องกันตัว
'ว่าแล้วเชียว… เป็นด้ายเงินที่คุณภาพสูงมาก'
เกราะหนามหนึ่งตัวสามารถสร้างด้ายเงินได้ 8 ถึง 15 เส้น แต่ละเส้นยาวสิบเมตร
พวกมันชำนาญการควบคุมด้ายเงินประหนึ่งแขนขา ด้ายขยับเองกลางอากาศราวกับมีชีวิต
'หลบไม่พ้นแน่ เราคงต้องสู้ด้วยหัตถ์เทวะสถานเดียว'
หากเรกัสหรือเฟคเกอร์อยู่ที่นี่ เขาพวกคงสร้างความแตกต่างได้ทันที
แต่ยามนี้ ไม่มีใครเลยสักคนที่สามารถหลบหลีกด้ายเงินได้พ้นทั้งหมด
ฉึก!
ฉึกฉึกฉึก!
ด้ายเงินยาวสิบเมตรทั้งแข็งและเหนียว
เมื่อถูกเหวี่ยงใส่ดาบของหน่วยฟินิกซ์แดง หากไม่กระเด็นลอยขึ้นไปบนอากาศ ก็ต้องหัวทิ่มปักกำแพงเสียงดังโครม
'บางครั้งก็แข็งราวกับดาบ บางครั้งอ่อนตัวเหมือนแส้...'
เป็นความคงทนอันน่าเหลือเชื่อ ไม่มีดาบของหน่วยฟินิกซ์แดงคนใดสามารถตัดมันให้ขาด นี่คงเป็นเหตุผลที่ช่างตีเหล็กทวีปตะวันออกต่างกระหายจะครอบครอง
'เหมือนเป็นพาเฟรเนี่ยมในรูปทรงด้าย… จะถึงขั้นนั้นรึเปล่านะ'
ไอเท็มชนิดใดบ้างที่ใช้ด้ายเป็นส่วนผสม...
กริดใช้ประสบการณ์อันล้นเหลือครุ่นคิดอย่างตั้งใจ
ขณะเดียวกัน หน่วยฟินิกซ์แดงกำลังตกที่นั่งลำบากสุดขีด
"มันมาแล้ว!"
มีสองเหตุผลหลักที่ซอมบี้เกราะหนามใช้ใยแมงมุมเงินปิดทางเดินไว้
หนึ่งเพื่อมิให้เหยื่อหนีรอดไปได้
และสอง เพื่อซื้อเวลาให้เกราะหนามสองตัวขึ้นไป ผสานกันเป็นตัวเดียว
มันจะถูกเรียกว่า 'เกราะหนามผสาน' ตัวตนของมันเปรียบดั่งฝันร้าย
ต้องใช้เกราะหนามอย่างน้อยสองตัวในการผสานเป็นหนึ่งด้วยด้ายเงิน
เมื่อเสร็จสิ้นกระบวนการ พวกมันจะกลายเป็นซอมบี้ใหม่หนึ่งตัว แม้การเคลื่อนไหวจะห่วยแตกและดูขัดแย้งกันเอง แต่ถือเป็นหนึ่งในเครื่องจักรสังหารที่ทรงพลัง
มีแขนขาเพิ่มเป็นสองเท่า และมีด้ายเงินเพิ่มเป็นสองเท่า
"โฮกกกกก!"
เสียงมอนสเตอร์คำรามดังจากความมืดมิดจากทางเดินอีกฝั่ง เกราะหนามผสานกวาดทำลายใยแมงมุมเงินและปรี่เข้าโจมตีใส่หน่วยฟินิกซ์แดง
"ทุกคนถอย!"
ซูเอไม่เคยประสบพบเจอกับเกราะหนามสี่ตัวพร้อมกันมาก่อน เธอรีบสั่งให้หน่วยฟินิกซ์แดงล่าถอยโดยไม่รีรอ
แต่มีหรือมอนสเตอร์ที่เก่งกาจจะยอมให้ทำเช่นนั้นได้ง่าย
ขณะที่ทุกคนกำลังวิ่งหนีไปยังทางเดินอีกฝั่งที่อยู่ด้านหลังกริด ทันใดนั้น ทางรอดได้ถูกปิดตายลงฉับพลัน
"นี่มัน...!"
หน่วยฟินิกซ์แดงต่างพากันแสดงสีหน้าลนลาน
เกราะหนามผสานหนึ่งตัว พร้อมกับเกราะหนามธรรมดาอีกห้าตัว พวกมันโผล่มาจากความมืดมิดและปิดทางหนีอีกฝั่งไว้
ซูเอเปี่ยมไปด้วยความรับผิดชอบในหน้าที่ เธอคือกัปตันหน่วยฟินิกซ์แดง ไม่อาจปล่อยให้ลูกน้องตายไปต่อหน้า และไม่อาจปล่อยให้ผู้มีพระคุณแพงเจีย กริด ตายไปเช่นกัน
ซูเอพุ่งเข้าใส่เกราะหนามผสานด้วยใบหน้าปราศจากความลังเล
"ฉันจะถ่วงเวลาให้ รีบหนีไปซะ!"
"กัปตัน!"
"คุณหนู!"
หน่วยฟินิกซ์แดงห้ามเธอไว้ไม่ทัน
ซูเอมีความเร็วสูงสุดในบรรดาทุกคน แน่นอนว่าตำแหน่งกัปตันมิได้มาเพราะโชคช่วย
เพียงพริบตาเดียว เธอถูกดงมอนสเตอร์ล้อมไว้ทุกทิศทาง
แต่สิ่งที่น่าประหลาดใจที่สุด...
กริดตามเธอไปตั้งแต่เมื่อไร...!
"นี่นาย!"
เจ้าช่างตีเหล็กบ้านี่สมองทึบรึไง...
เธออุตส่าห์ยอมสละชีวิตยื้อเวลาเพื่อให้เขาหนี แต่กลับตามเข้ามาตกอยู่ในวงล้อมอย่างโง่เขลาเช่นนี้
ซูเอกำลังหัวเสียหนัก
แต่ทันใดนั้น ภาพอันน่าทึ่งก็ปรากฏตรงหน้าเธอ
"วิชาดาบแพ็กม่า"
พลังลึกลับอัดแน่นรอบกายกริดในยามที่เขารำดาบด้วย +9 ความผิดพลาด
"คลื่น!"
ซ่าาา!
คลื่นดาบอันทรงพลังพวยพุ่งออกไปทุกทิศท่ามกลางความมืดมิด
สนุกมากครับ
ReplyDeleteค้างโว้นยยยย อยากอ่านนนน
ReplyDeleteค้างมาก อยากอ่านต่อเร็วๆ จัง น่าจะลงให้อ่านทุกวัน 😂😂🙏🙏
ReplyDeleteค้างจัด
ReplyDeleteปักธงสาวไป1
ReplyDelete