จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 536



       ดยุคแห่งคุณธรรมของแพงเจีย

       'หากใครไม่รู้จักสมญานามดยุค  คงฟังผิดเป็นสมญานาม <พันดักกุง*> แน่นอน!'
       
(  ดยุคแห่งคุณธรรมของแพงเจีย - 
ภาษาเกาหลีถูกเขียนด้วยอักษร 3 ตัวที่อ่านว่า 'พันดักกุง' 
판덕공
พัน - เป็นคำย่อหมายถึงแพงเจีย (Pangea)
ดัก - หมายถึงคุณธรรม
กุง - เป็นยศเสนาบดีชั้นสูงสุดของเกาหลี  รองจากองค์ชาย  เทียบเท่าดยุค 
* สามคำนี้เมื่อรวมกันแล้วฟังเหมือนชื่อชาวเกาหลีใต้ )

       เรื่องเข้าใจผิดว่าเป็นชื่อพันดักกุงไม่ใช่ปัญหา  
       พันดักกุง  คำนี้เข้าหูกริดมากทีเดียว  ไม่แย่เท่าไร  ค่อนไปทางดี 
       แต่ปัญหาคือผลของสมญานาม

       'มีโอกาสไว้ชีวิตมอนสเตอร์เนี่ยนะ'

       แล้วค่าประสบการณ์ล่ะ  ไหนจะเงินอีก  รวมถึงไอเท็ม!

       'โดยเฉพาะขณะล่าบอส...'

       จะเกิดอะไรขึ้นหากกริดใช้เวลาหลายชั่วโมงเพื่อล่าบอสหนึ่งตัว  และในขณะที่มันกำลังจะตาย...  
       
[ สมญานาม <ดยุคแห่งคุณธรรมของแพงเจีย> แสดงผล ]

       ถ้ามันเกิดขึ้นล่ะ...

       "อึก..."

       แค่คิดก็ปวดหัว  กริดรู้สึกมวนท้องทันที  
       ใช่แล้ว  ชายหนุ่มตอบรับสมญานามจากฮานซอกบงโดยที่ไม่รู้ว่าเป็นสิ่งใด  
       เขาไม่คิดว่าการไว้ชีวิตมอนสเตอร์จะเป็นประโยชน์กับตนนัก  และไม่คิดว่ามันจะส่งผลให้มอนสเตอร์ชื่นชอบในตัวเขา  จนได้รับคลาสใหม่เป็นนักฝึกสัตว์
       ในมุมมองของกริด  สิ่งนี้เป็นไปไมได้แน่นอน
              
       ทำไมน่ะหรือ… ง่ายมาก  ตอนนี้กริดเป็นแม่มทุกอย่างแล้ว
       เขาคือช่างตีเหล็ก  นักดาบ  จอมเวท  หมอผี  
       คงเป็นการยากที่จะให้เชื่อว่า  ตนกำลังจะได้รับคลาสนักฝึกสัตว์เพิ่ม

       "เฮ่อ… ชิ...!"

       กริดยอมเสียสละคันศรฟินิกซ์แดงให้ฮานซอกบง  ส่งผลให้ตอนนี้มีค่าความสัมพันธ์สูงลิบถึง 80 แต้มแล้ว  เนื้อหาภารกิจระบุว่า  ของรางวัลการแข่งจะได้รับตามระดับค่าความสัมพันธ์  
       แต่มันกลับเป็นสมญานามขยะ!  เขาอยากได้สิ่งอื่น!
       ขณะกริดกำลังหัวเสียสุดขีด  ฮานซอกบงได้มอบไข่มุกให้เขาหนึ่งเม็ด  เป็นไข่มุกสีแดงฉาน  ใช่แล้ว  มันคือไข่มุกสีแดงสดที่งดงามระดับเดียวกับดวงตาของบราฮัม  
       ตอนแรก  กริดคิดว่ามันคือทับทิมเม็ดกลม  
       แต่ทันใดนั้น  เขาโพล่งขึ้นอย่างตกใจ

       "เปลวเพลิง...!" 

       ไข่มุกสีแดงโปร่งใส  ด้านในมีเปลวเพลิงเจือจางลุกโชนตลอดเวลาราวกับไม่มีวันมอดดับ  แม้จะมีขนาดเล็กเท่าหัวไม้ขีด  แต่พลังอำนาจกลับไม่ใช่เรื่องล้อเล่น  ประหนึ่งเปลวเพลิงด้านใดมีชีวิตก็มิปาน  กริดสงสัยหนัก  จึงเอ่ยปากถาม
       "นี่เหมือนกับไฟแช็กใช่ไหม" 

       "..."

       หากเป็นผู้เล่นคนชื่นชมในสติปัญญาของกริด  แต่ NPC ย่อมไม่รู้จักไฟแช็ก

       "อะไรคือไฟแช็ก..."

       ไวท์และฮานซอกบงเอียงคอสงสัยพร้อมกัน
       แต่กริดกลับเมินเฉยและไม่อธิบายพวกเขา

       "แล้วไฟแช็กนี่… ไม่สิ  ไข่มุกนี่คืออะไร"

       "ไข่มุกที่ข้างในมีเปลวเพลิงงั้นหรือ..."

       ไวท์เคยเห็นไข่มุกสีแดงงดงามเม็ดนี้มาก่อน  แต่นึกชื่อไม่ออก  เขาพยายามเค้นสมองครุ่นคิดเต็มที่

       'เหมือนกับในภาพวาด...'

       ฮานซอกบงอธิบายต่อ

       "มันคือลมหายใจฟินิกซ์แดง"

       "ลมหายใจ..."

       "ถูกต้อง  มันคือลมหายใจของเทพที่ควบแน่นเป็นไข่มุก  ในยามที่เทพผู้พิทักษ์ทั้งสี่ผ่านมาอวยพรให้กับผู้กลายเป็นเซียนเทพ*ขึ้นสู่สวรรค์"

( หลังจากนี้ขอเปลี่ยน นักพรตเต๋า เป็น เซียน )

       'เทพผู้พิทักษ์ทั้งสี่… เซียนเทพ'

       นี่คงเป็นเนื้อเรื่องหลักของทวีปตะวันออก  
       อาณาจักรฮวานเอย  สมบัติแห่งชาติเอย  ยังบันเอย  สี่ผู้พิทักษ์เอย  ทั้งหมดล้วนเป็นเนื้อเรื่องเกี่ยวกับตำนานของเกาหลีใต้และจีนอย่างเห็นได้ชัด

       'ต้องมีสักแห่งที่ดูเหมือนญี่ปุ่น'

       และพีคซอร์ดคงโมโหมากหากต้องไปเยือนที่นั่น
       เขาคงตั้งคำถามว่า  S. A. กรุ๊ปใส่ความเป็นญี่ปุ่นลงมาในเกมเกาหลีทำไม

       กริดอมยิ้มเมื่อหวนคิดถึงพวกพ้องที่ไม่ได้พบกันมาสักระยะ
       จากนั้น  ข้อความระบบได้ปรากฏขึ้นที่ขอบสายตา

[ ท่านได้รับ <ลมหายใจฟินิกซ์แดง> เป็นของรางวัลภารกิจ <เอาชนะการแข่งตีเหล็ก!> ]

       'การตรวจสอบของช่างตีเหล็กในตำนาน'

       ชิ้ง~

[ ลมหายใจฟินิกซ์แดง ]
       สิ่งอวยพรจากเทพฟินิกซ์แดง
       เพิ่มค่าต้านทานธาตุไฟ 30%       
       ใช้ผสานกับไอเท็มเพื่อเสริมออร่าพลังฟินิกซ์แดง
       แต่เงื่อนไขคือ  ไอเท็มที่ผสานต้องมีพลังธาตุไฟสูงมาก
น้ำหนัก : 2

       "เห..."

       กลับกลายเป็นว่า  ของรางวัลมิใช่สมญานามดยุคแห่งคุณธรรมของแพงเจียเพียงอย่างเดียว  
       สิ่งนี้ต่างหากที่เป็นรางวัลแท้จริงจากการสร้างคันศรฟินิกซ์แดง!

       "ถ้านำไปหลอมรวมกับคันศรฟินิกซ์แดงแบบจำลอง  มันจะกลายเป็นคันศรฟินิกซ์แดงที่แท้จริงใช่ไหม"

       ฮานซอกบงผงกศีรษะให้กริด

       "ถูกต้อง  มันคือแหล่งกำเนิดเปลวเพลิงที่ไม่มีวันมอดดับ  ไม่มีแก่นพลังอัคคีใดจะแข็งแกร่งกว่านี้อีกแล้ว"

       'เจ๋ง!'

       เป็นสุดยอดไอเท็มอย่างแท้จริง  กริดไม่เคยคิดมาก่อนว่า  เขาจะได้ครอบครองสุดยอดไอเท็มที่ผสานอย่างลงตัวกับไม้ฟอสฟอรัสขาว

       'นี่คือสิ่งตอบแทนที่เหมาะสมกับไอเท็มเกรดเลเจนดารี!'

       หากตนนำลมหายใจฟินิกซ์แดงไปผสมกับคันศรฟินิกซ์แดง  มันจะไม่กลายเป็นเกรดมิธเอาหรือ
       กริดมีสีหน้าโล่งใจ  ทางฝั่งฮานซอกบงเองก็กำลังอมยิ้ม
       แพงเจียมีลมหายใจฟินิกซ์แดงทั้งหมดสามเม็ด  หนึ่งในนั้นถูกหลอมรวมกับคันศรฟินิกซ์แดงอันแรกที่ถูกขโมยไป  ทำให้เหลือเพียงสองเม็ดเท่านั้น  ไม่ใช่สิ่งที่ควรจะมอบเป็นรางวัลให้กริดเลยสักนิด
       หากคันศรฟินิกซ์แดงถูกขโมยไปอีกหน  คราวหน้าอาจไม่มีลมหายใจฟินิกซ์แดงสำหรับสร้างธนูอีกแล้ว

       แต่ฮานซอกบงคือชายรู้คุณ  คันศรฟินิกซ์แดงที่กริดสร้างขึ้น  ยอดเยี่ยมยิ่งกว่าคันศรฟินิกซ์แดงรุ่นต้นแบบเสียอีก  หากไม่มีลมหายใจแห่งเทพบรรจุอยู่ภายใน
       จึงไม่แปลกที่ฮานซอกบงจะตอบแทนกริดด้วยสิ่งล้ำค่าสูงสุดของแพงเจีย

       'เราจะทำผิดพลาดซ้ำสองไม่ได้'

       เขาจะไม่ยอมให้คันศรฟินิกซ์แดงถูกขโมยไปอีกแล้ว

       กริดหันไปถามฮานซอกบง
       "ว่าแต่  ดันเจี้ยนปราสาทอยู่ที่ไหน"

       เมื่อได้ยินคำถาม  ฮานซอกบงฉีกยิ้มกว้าง

       "ทางเข้าอยู่ทิศตะวันตกของปราสาท"

       "เข้าใจล่ะ"

       เกราะหนาม!  ด้ายเงิน!
       จุดเก็บเลเวลแห่งใหม่  กริดวาดฝันภาพดันเจี้ยนลับเอาไว้อย่างยิ่งใหญ่  เขาตื่นเต้นจนแสดงออกทางสีหน้าชัดเจน  แต่ฮานซอกบงรีบพูดห้ามปราม
       
       "แม้ท่านอาจได้รับสิทธิ์ให้เข้าดันเจี้ยนปราสาทก็จริง  แต่ท่านต้องผ่านการทดสอบให้ได้เสียก่อน"

       "เอ๋!  ทั้งที่ฉันมีสิทธิ์เข้าดันเจี้ยน  แต่ถ้าไม่ผ่านก็เข้าไม่ได้งั้นหรือ"

       "นั่นก็เพื่อความปลอดภัยของตัวท่านเอง  หากองครักษ์ยินยอมให้ท่านผ่าน  ท่านก็จะเข้าไปได้"

       "องครักษ์..."

       ฮานซอกบงหันไปมองไวท์ที่กำลังมีสีหน้าขมขื่น

       "หลายปีก่อน  แพงเจียของเราตกอยู่ในสภาพย่ำแย่หนักเมื่อขาดช่างตีเหล็กฝีมือเยี่ยมไป… ดาไวท์… หรือก็คือบิดาของไวท์"

       ดาไวท์คว้าชัยในการแข่ง  เขาได้รับสิทธิ์เข้าสู่ดันเจี้ยนปราสาท
       แต่หลังจากนั้น  ดาไวท์ถูกสังหารโดยเกราะหนาม  ทำให้ลอร์ดตระหนักได้ว่า  พวกเขาบกพร่องในการปกต้องชีวิตชาวเมือง

       "ใครก็ตามที่คิดย่างกรายเข้าดันเจี้ยน  กฏข้อแรกคือต้องสวมชุดเกราะเต็มยศ  กฏข้อสอง  ห้ามเข้าไปตามลำพังเด็ดขาด  ต้องมีทหารรับจ้างระดับเงินหรือทองอย่างน้อยหกคนคอยคุ้มกัน"

       "..."

       ทหารรับจ้าง  สิ่งมีชีวิตดังกล่าวเคลื่อนไหวได้ด้วยเงินเท่านั้น
       แต่กริดเป็นถึงช่างตีเหล็กในตำนาน  มิใช่ดาษดื่นทั่วไป  ในมือตนแข็งแกร่ง  กริดจึงไม่คิดที่จะจ่ายเงินให้ทหารอย่างสูญเปล่า
       ไม่มีเหตุผลต้องทำเช่นนั้นเลย

       "ฉันมีพลังมากพอจะปกป้องตัวเองได้"

       "ทุกคนมักพูดเช่นนั้น"

       "ไม่เลย  ฉันจริงจัง"

       "หืม..."

       ฮานซอกบงพิจารณากริดหัวจรดเท้า  ชายหนุ่มสวมเสื้อผ้าซอมซ่อ  
       แม้ร่างกายจะแผ่ออร่าน่าเกรงขาม  แต่อุปกรณ์ป้องกันกลับดูด้อยกว่ามาตรฐาน

       "ในสภาพนี้  ท่านจะตายทันทีเมื่อถูกเกราะหนามสะกิด"
       
       "แล้วถ้าเช่นนี้ล่ะ"

       สวบ!  สวบ!

       แกร๊ก!

       เฉกเช่นทุกครั้ง  กริดจะสวมเสื้อผ้าโทรมและเก่าในยามตีเหล็ก  
       บัดนี้เขานำสามชั้นออกจากช่องสัมภาระ  
       วินาทีที่กริดแต่งกายครบสมบูรณ์  ดวงตาของไวท์และฮานซอกบงพลันลุกวาว

       'ช่างตีเหล็กสวมเกราะหนักได้ยังไง!'

       'นั่นสินะ  เป็นถึงผู้ปกปิดตัวตน… พละกำลังและความอดทนย่อมสูงกว่าช่างตีเหล็กทั่วไป'

       ด้วยธรรมชาติของงาน  ช่างตีเหล็กมักมีค่าพละกำลังและความอดทนสูง  สองค่าสถานะนี้ล้วนจำเป็นในการตีเหล็ก  ไม่ใช่เรื่องผิดแผกเกินจริงไปนัก  กับการที่กริดสามารถสวมใส่ชุดเกราะหนักเช่นนี้ไหว  
       ใช่แล้ว  ทุกคนไม่เคลือบแคลง  แต่ยังกังวลว่ากริดจะเอาชีวิตรอดได้จริงหรือ

       "แค่เพราะท่านสวมใส่เกราะหนักได้  มิได้หมายความว่าท่านใช้มันอย่างชำนาญ  ด้วยเพียงค่าพละกำลังและความอดทน  ท่านมิอาจเคลื่อนไหวได้สะดวกนัก  และคงไม่สามารถรีดเร้นพลังป้องกันได้สูงสุด"

       ฮานซอกบกกำลังพูดถึงคลาสที่ไร้ทักษะ 'ความชำนาญเกราะหนัก'
       ในอีกความหมายหนึ่ง  ผลข้างเคียงจะต้องคอยถ่วงขากริดแน่  ไม่มีทางที่ค่าป้องกันของชุดเกราะจะแสดงผลเต็มประสิทธิภาพ  
       แต่กริดก็พูดด้วยน้ำเสียงมั่นใจ

       "ฉันไม่เป็นไรแน่"

       คลาสผู้สืบทอดแห่งแพ็กม่าถูกจัดให้อยู่ในหมวดหมู่คลาสสายผลิต
       มีทักษะวิชาดาบแพ็กม่าที่เทียบเคียงทักษะความชำนาญดาบ  แต่ถึงกระนั้นก็ยังไม่มีทักษะความชำนาญเกราะหนักอยู่ดี  และนั่นอาจส่งผลข้างเคียงร้ายแรง
       แต่หารู้ไม่ว่า  กริดไม่มีผลข้างเคียงจากการสวมใส่ไอเท็มทุกชนิด  หรืออีกความหมายหนึ่งก็คือ  แม้กริดมิอาจดึงประสิทธิภาพชุดเกราะได้ไม่เกิน 101%  แต่เขาก็ไม่ถูกบทลงโทษแน่นอน  พลังป้องกันของชุดเกราะยังเป็น 100% เช่นเดิม

       'ความมั่นใจจนเกินเหตุมักนำไปสู่จุดจบ… และผู้ปกปิดตัวตนส่วนใหญ่มักเป็นเช่นนั้น'

       เมื่อเห็นกริดในปัจจุบัน  ฮานซอกบงพลันย้อนนึกถึงดาไวท์เมื่อหลายปีก่อนทันที  เขาแสดงสีหน้าขมขื่นครู่หนึ่ง  จากนั้นก็งัดไม้แข็งออกมาใช้

       "เช่นนั้นก็ต้องพิสูจน์"

       "ให้พิสูจน์งั้นหรือ..."

       "ถูกต้อง  พวกเรามีองครักษ์เฝ้าประตูดันเจี้ยนอยู่  พลังโจมตีของเขาเทียบเท่ากับเกราะหนาม  หากท่านรอดชีวิตจากการโจมตีได้หนึ่งครั้ง..."

       แน่นอนว่า  ฮานซอกบงแอบสั่งให้ผู้เฝ้าประตูออมมือ  ไม่อย่างนั้น  กริดคงตายในหมัดเดียวแน่นอน

       'ใช้ซัก 30% ก็แล้วกัน… คงไม่ถึงตาย'

       กริดคงสลบไปหลายวัน  แต่ก็ดีกว่าความตาย
       เมื่อฮานซอกบงตัดสินใจได้  เขาเดินนำกริดและไวท์ไปยังทางเข้าดันเจี้ยนลับทันที

       สีหน้าของไวท์หมองหม่นลงเรื่อยๆ  
       เฉกเช่นกริด  ไวท์เองก็มีสิทธิ์เข้าดันเจี้ยน

       'เราอยากแก้แค้นให้ท่านพ่อและรวบรวมด้ายเงินให้มากที่สุด...'

       แต่ตนคงไม่มีปัญญาผ่านบททดสอบเข้าสู่ดันเจี้ยนแน่
       เขารู้สึกเจ็บแค้นใจ 

       กริดนำมือไปจับไหล่ไวท์และกล่าวว่า
       "ฉันมีเซ็ตกริดรุ่นผลิตจำนวนมาก… เป็นชุดเกราะที่ดีและนายสามารถใส่ได้  จะลองยืมไปใช้ดูไหม"

       "เอ๋!  จ--จริงหรือ..."

       ไวท์เชื่อทุกคำพูดกริดโดยไม่เคลือบแคลง
       ทันใดนั้น  ชายหนุ่มพลันอมยิ้มชั่วร้าย
       
       "ค่าเช่า 500 เหรียญทองต่อหนึ่งชั่วโมง  สนไหม"

       หากเป็นคนอื่น  กริดคงโขกราคามหาโหดยิ่งกว่านี้  แต่เขาไม่ต้องการทำร้ายน้ำใจไวท์มากนัก

       "ฉันยอมจ่ายทุกสิ่ง  เพื่อให้ผ่านการทดสอบเข้าสู่ดันเจี้ยน!"

       พันธะสัญญาขายวิญญาณปีศาจเป็นอันตกลง
       กริดยิ้มอย่างมีความสุขพร้อมกับเปิดช่องสัมภาระ  จากนั้นก็นำเซ็ตกริดรุ่นผลิตจำนวนมากออกมา  พวกมันล้วนเป็นเซ็ตไอเท็มเกรยูนีคที่เสริมแกร่งถึงระดับ +7
       มันเคยถูกสวมโดย รอยแมน อัศวินรุ่นใหม่ของเรย์ดันมาแล้วหนหนึ่ง  

       'ผู้หญิงคนนั้น… ป่านนี้พัฒนาไปแค่ไหนแล้วนะ'

       กริดไม่ได้พูดถึงขนาดหน้าอก  เขาหมายถึงทักษะความสามารถในฐานะอัศวิน
       รอยแมนคือคนแรกที่ปิอาโร่เจาะจงฝึกพิเศษ  กริดจึงตั้งความหวังกับเธอไว้มาก

       ***

       "พวกเรามาถึงแล้ว"

       ไม่กี่นาทีหลังจากกริดและไวท์ทำสัญญาปีศาจ  
       คณะสามคนเดินมาถึงบ่อน้ำทางทิศตะวันตกของปราสาทแพงเจีย
       เบื้องหน้าคือทางเข้าดันเจี้ยนลับ  ซ้ายขวามีองครักษ์คอยขนาบข้างป้องกัน

       "ชายคนนี้สามารถป่นหินเป็นผงได้ด้วยกำปั้น  พวกคุณยังคิดจะทดสอบอยู่ไหม"

       ฮานซอกบงเอ่ยปากถามกริดเป็นหนสุดท้าย

       "อัดมาได้เลย  ฉันไม่เป็นไรแน่"

       แต่ว่า...

       "ไวท์  นายอาจถึงตายได้นะ  ผู้เฝ้าประตูพวกนี้ไม่ธรรมดาเลยสักนิด"

       "...เอ๋!"

       ไวท์พลันใบหน้าขาวซีด  แต่เขายังเชื่อมั่นในเกราะของกริด  
       กลับกัน  ยามนี้กำลังมีใครบางคนจ้องมองกริดและไวท์ด้วยสีหน้าหงุดหงิด  
       เธอคือบุตรสาวของฮานซอกบง  อัศวินแห่งปราสาทแพงเจีย  
       หนึ่งในทีมสำรวจดันเจี้ยนลับแพงเจีย

Comments

  1. สนุกมากครับ ขอบคุณที่แปลให้ได้อ่านครับ

    ReplyDelete
  2. กำลังจะได้ฮาเร็มเพิ่มอีกคนรึเปล่านะ

    ReplyDelete
  3. อ่านนิยายเกาหลี แต่ก็เหมือนอ่านนิยายจีน ถูกจริตสุดๆ

    ReplyDelete
    Replies
    1. ประมาณว่าจีนมีประวัติ ตำนานเยอะ ประมาณนี้มั้ง

      Delete
  4. ผู้หญิงหื่นกาม

    ReplyDelete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00