จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,111
หลังจากครองบัลลังก์จักรพรรดินี งานแรกของบาซาร่าคือการแถลงขอโทษในพฤติกรรมอันเลวร้ายและข้อผิดพลาดของจักรวรรดิสมัยอดีต การตัดสินใจดังกล่าวมีเพื่อให้จักรวรรดิก้าวต่อไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคง
เพราะถ้าบาซาร่าประกาศว่า
‘ดิฉันไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการบริหารบ้านเมืองในอดีต ความผิดทั้งหมดมิได้เกิดจากฝีมือของดิฉันเลยสักนิด สิ่งเหล่านั้นกลายเป็นประวัติศาสตร์ไปแล้ว’
หากพูดออกเช่นนี้คงรวมใจประชาชนเป็นหนึ่งเดียวไม่ได้แน่ ทางเลือดเดียวของเธอคือการบอกเล่าความจริงอย่างตรงไปตรงมา และประกาศว่าตัวเธอจะแบกรับความผิดของบรรพชนเอาไว้
หากยังแสร้งตาบอดทำเป็นมองไม่เห็นความเจ็บปวดของผู้เคยได้รับผลกระทบ ไม่ช่วยเยียวยาแผลเก่าในใจให้หายสนิท แล้วจักรวรรดิซาฮารันจะมีอนาคตร่วมกับบุคคลเหล่านี้ได้อย่างไร ลูกหลานของคนเหล่านี้จะใช้ชีวิตอยู่ในดินแดนของยุคสมัยใหม่ได้หรือ
บาซาร่าทราบดี หากเธอต้องการสร้างสันติภาพแท้จริงบนทวีป ทางเลือกเดียวคือการยอมรับความผิดไว้ทั้งหมด
“เป็นไปไม่ได้…”
ดวงตาอัศวินตีนดำกำลังสั่นเทา
หญิงสาวผู้มีรอยแผลเป็นสีดำสามเส้นพาดยาวกึ่งกลางใบหน้า บุรุษร่างเล็กผู้ปราศจากใบหูซ้าย และชายชราดวงตาสองสี ทั้งสามคนล้วนสวมเกราะสีแดงสภาพค่อนไปทางเก่า
อเมลด้า. เคนดริก. ดันเต้.
อดีตอัศวินสีชาดหลักเดียว ภายใต้การนำของปิอาโร่ในยุครุ่งเรืองสุดขีดของจักรวรรดิซาฮารัน คนเหล่านี้เคยเป็นวีรบุรุษในดวงใจของเหล่าอัศวินตีนดำมาก่อน
“เทพธิดาแห่งแสง… จงเจริญ…”
กลุ่มอัศวินต่างพากันสรรเสริญทวยเทพ น้ำเสียงเป็นไปอย่างสั่นเครือ ต้องขอบคุณความจริงจากปากบาซาร่า อัศวินตีนดำทุกคนจึงกระจ่างในเรื่องราวสมัยอดีต
ปิอาโร่และอัศวินสีชาดรุ่น 2 มิใช่คนทรยศ พวกเขายังเป็นวีรบุรุษคนเดิมเสมอ
“เซอร์อเมลด้า! เซอร์เคนดริก! เซอร์ดันเต้! เป็นเกียรติอย่างมากกับการได้พบพวกท่าน!!”
อัศวินทุกคนคุกเข่าคำนับพร้อมเพรียง ดวงตาพวกมันกำลังแดงก่ำ ตรงหน้าคือเหล่าวีรบุรุษผู้เคยถูกป้ายสีในข้อหากบฏแผ่นดิน อนาคตอันสดใสต้องพังพินาศแม้จะไม่เคยก่อความผิดใดเลยก็ตาม
ชะตาชีวิตรันทดหดหู่ไม่ควรเกิดกับวีรบุรุษผู้อุทิศกายใจให้จักรวรรดิ ช่วงชีวิตในสิบปีหลังของทั้งสามต้องเผชิญความโหดร้ายและสูญเสียแสนสาหัส
อัศวินทุกคนล้วนมีความสุขเมื่อทราบว่าเหล่าวีรบุรุษของพวกตนยังมีชีวิตอยู่ และหวังว่าจักรวรรดิซาฮารันจะต้อนรับคนเหล่านี้กลับประเทศอย่างยิ่งใหญ่ อาจชดเชยบาปไม่ได้ทั้งหมด แต่คงพอเยียวยาหัวใจอันบอบช้ำได้บ้างไม่มากก็น้อย
อเมลด้าอุทานพลางแสยะยิ้ม
“เรื่องจริงหรือเนี่ย ไม่อยากจะเชื่อว่าความผิดของพวกเราถูกลบล้าง… เพื่ออะไร?”
เคนดริกขานตอบเสียงขรึม
“จนกระทั่งสองสามปีก่อน เด็กเหล่านี้ยังไล่ล่าพวกเราสุดขอบโลกอยู่เลย แต่ปัจจุบันกลับหน้าด้านเรียกว่ารุ่นพี่…”
“…”
ดันเต้ยังคงเงียบงัน
พวกมันมิได้ยินดีปรีดาสักเท่าใด ด้วยความสัตย์จริง อารมณ์ปัจจุบันค่อนไปทางขุ่นมัวและหงุดหงิดเสียมากกว่า ย่อมต้องเป็นเช่นนั้น เพราะการลบล้างความผิดไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้น เพราะเมื่อพวกมันสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตไปจนหมดแล้ว ไม่ลงเหลือพวกพ้องหรือครอบครัวให้ร่วมแสดงความยินดี ทุกลมหายใจตลอดชีวิตบั้นปลายจะถูกขับเคลื่อนด้วยแรงอาฆาตเพียงสิ่งเดียว
ไม่เกินจริงไปนักถ้าจะกล่าวว่า หากอัศวินและทหารคนเคยใดเคยมีส่วนพัวพันกับการฆ่าครอบครัวคนทั้งสาม อเมลด้า เคนดริก และดันเต้ไม่ลังเลเลยจะตามเข่นฆ่าล้างแค้นครอบครัวพวกมันให้ได้รู้สำนึกเสียบ้าง
“พวกท่านได้โปรดใจเย็นก่อน”
ขณะอเมลด้ากำลังฉีกยิ้มกว้างอย่างเย็นชา เมอร์เซเดสรีบส่งเสียงห้ามปราม
หลังจากสำรวจสภาพสงครามสักพัก อัศวินในตำนานสามารถคาดเดาสถานการณ์เบื้องต้นได้ทันที
‘ท่านบาซาร่ากำลังยุ่งอยู่กับการชดเชยความเสียหายให้เหยื่อของอดีตจักรวรรดิ เธอจำเป็นเดินทางไปแสดงความขอโทษอย่างจริงใจ ส่งผลให้กรุงไททันกำลังว่างเปล่า และเมื่อดูรันดัลมีไคล์อยู่ในมือ มันจึงวางแผนต่อรองอำนาจกับอาณาจักรเล็กโดยใช้เอลฟ์เป็นเครื่องมือ’
เมอร์เซเดสทราบสันดานของดูรันดัลเป็นอย่างดี เธอจึงตั้งสมมติฐานได้แม่นยำเช่นนี้
ในฐานะอดีตอัศวินลำดับหนึ่ง การเข้าพบเชื้อพระวงศ์ถือเป็นเรื่องปรกติ เมื่อประเมินจากนิสัยส่วนตัวขององค์ชายดูรันดัล คนอย่างมันไม่มีทางยอมอ่อนข้อให้มหาจักรพรรดินีบาซาร่าแน่นอน
สมองเมอร์เซเดสกำลังประมวลผลหาทางออกในสถานการณ์ปัจจุบัน
‘คงเลี่ยงการปะทะไม่ได้’
ในเมื่อเจ้านายของเธอ กริด เคยต่อสู้เพื่อปกป้องชาวเอลฟ์โดยไม่ห่วงความปลอดภัยของตัวเอง จึงไม่ใช่เรื่องแปลกหากเมอร์เซเดสจะสานต่อเจตนารมณ์ดังกล่าวด้วยเช่นกัน
เมื่อตัดสินใจหนักแน่น เธอหันไปมองทางไคล์โดยไม่ลังเล จากบรรดาอดีตห้าเสาหลัก เมอร์เซเดสย่อมทราบว่าฮวนเดอร์โปรดปรานไคล์มากเป็นพิเศษ ในช่วงเวลาดังกล่าว ไคล์ยังอ่อนแอกว่าใครทั้งหมด แต่ขณะเดียวกันก็มีศักยภาพสูงลิบคู่ควรให้คาดหวัง
‘เขาคงแข็งแกร่งกว่าสมัยอดีตมาก เราห้ามประมาทเด็ดขาด’
ปัจจุบัน จักรวรรดิซาฮารันและอาณาจักรโอเวอร์เกียร์เป็นพันธมิตรอันดีต่อกัน จึงไม่ใช่เรื่องปรกติหากมีฝ่ายใดเริ่มหันคมดาบเข้าใส่อีกฝ่าย แต่ในสายตาเมอร์เซเดส กริดเป็นพันธมิตรกับบาซาร่าเท่านั้น ส่วนดูรัลดัลกำลังรอฉวยโอกาสชิงบัลลังก์ไปจากเธอ ฉะนั้นการทำร้ายลูกน้องดูรัลดัลจึงไม่ส่งผลเสียหายจนลุกลามเป็นปัญหาระหว่างประเทศ
ขณะเมอร์เซเดสได้ข้อสรุป
“เลิกดูถูกกันสักที!”
เฉกเช่นเมอร์เซเดส ด้านไคล์ก็ประเมินสถานการณ์ปัจจุบันเสร็จแล้วเช่นกัน มันเปล่งเสียงอันเย็นชาเจือความเหยียดหยัน
“ข้าไม่ได้เอาแต่หนีหัวซุกหัวซุนนานสับสิบปีเหมือนกับพวกเจ้า! ยังคิดว่าข้าเป็นเด็กอมมืออยู่อีกหรือไง”
แม้ไคล์จะหน้าซีดไปสักพัก แต่มันกลับมาผ่อนคลายอย่างสุขุมได้อีกครั้ง เด็กหนุ่มหันไปมองอัสโมเฟลขณะประจุสายฟ้ากำลังเดือดพล่านรอบตัว
อัสโมเฟลอมยิ้มขื่นขม
“ฉันไม่เคยดูถูกนาย และไม่เคยคิดว่าเป็นเด็กอมมือ คำชมเมื่อครู่ออกมาจากใจจริง นายโตขึ้นจากเมื่อก่อนมาก”
อเมลด้าพูดแทรก
“ฮะฮะ! ใช่แล้ว! เจ้าหนูไคล์เคยเป็นเด็กแคระมาก่อนเมื่อเทียบกับเพื่อนฝูงวัยเดียวกัน แต่ตอนนี้นายโตขึ้นมาก ถึงความสูงจะยังไม่สมอายุก็เถอะ… หืม ถ้าฉันจำไม่ผิด เจ้าหนูไคล์เคยเป็นเด็กว่าง่ายและเคารพผู้หลักผู้ใหญ่ไม่ใช่หรือ แล้วน้ำเสียงและวิธีการพูดกระแทกกระทั้นแบบเมื่อครู่หมายความว่าอย่างไร”
“พวกโง่มักชอบคิดเองเออเอง อเมลด้า เธอไม่เปลี่ยนไปจากเดิมเลยสักนิด ไม่ละอายใจบ้างหรือ กับการฝืนดัดเสียงเด็กสาวด้วยร่างแก่ชราเหมือนคุณป้าแบบนี้ หรือศีรษะกระทบกระเทือนระหว่างกำลังหลบหนีจนสมองเพี้ยนไปหมดแล้ว?”
“อะไรนะ? ฉันเพิ่งสามสิบกว่า! ไม่ใกล้เคียงกับคำว่าป้าเลยสักนิด!”
“คึ…! คึคึคึก!”
ไคล์หัวเราะด้วยเสียงน่าขนลุก มันสมเพชตัวเองเมื่อดันเกิดประหม่าในช่วงก่อนหน้า
ยิ่งไตร่ตรองถี่ถ้วนก็ยิ่งพบความน่าขบขัน ย้อนกลับเมื่อครั้งปิอาโร่ยังเป็นแม้ทัพใหญ่แห่งกองอัศวินสีชาด สมัยนั้นอัสโมเฟลคือรองแม่ทัพ ส่วนอเมลด้าคือลำดับห้า เคนดริกลำดับเจ็ด และดันเต้ลำดับเก้า
บุคคลเหล่านี้เคยเจิดจรัสอย่างมากในช่วงสิบห้าปีก่อน ตอนนั้นไคล์เพิ่งถูกฮวนเดอร์เก็บมาชุบเลี้ยงได้ไม่นาน จึงยังเป็นเด็กใหม่ขี้อาย และไม่กล้าจ้องมองเข้าไปในดวงตาของวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่เหล่านี้
แต่เหตุการณ์ผ่านมานานเกินสิบห้าปีแล้ว อัสโมเฟลถูกเวทมนตร์และยาพิษเล่นงานจนร่างกายทรุดโทรม ทิ้งช่วงฝึกดาบหลายปี ส่วนอีกสามคนต้องเหน็ดเหนื่อยทั้งกายและใจทุกคืนวัน เพราะคอยหลบหนีการตามล่าสุดขอบโลกจากกองทัพจักรวรรดิ ไม่แปลกเลยหากฝีมือจะถดถอยลงและไม่สุดยอดเหมือนก่อน ไม่สิ ต่อให้ได้รับฝีมือเดิมกลับคืนมาก็ไม่ใช่ปัญหา ไคล์มั่นใจว่าตนแข็งแกร่งกว่าพวกมันสมัยอดีตอย่างไม่เห็นฝุ่น
ในช่วงสิบกว่าปีหลัง ไคล์อยู่ภายใต้ร่มเงาของจักรพรรดิฮวนเดอร์ในฐานะห้าเสาหลัก ได้รับการฝึกฝนอย่างหนักทุกวัน ภายหลังยังถูกเทพสงครามเซราทุลปลุกพลังหลับใหลในตัวให้ตาตื่นขึ้น จนย่างกรายเข้าสู่ขอบเขตเหนือมนุษย์ได้สำเร็จ
จากบรรดาแขกไม่คาดฝัน มีเพียงหนึ่งเดียวต้องพึงระวัง คืออัศวินในตำนานเมอร์เซเดส แต่กระนั้น เมอร์เซเดสเพิ่งกลายเป็นตำนานได้ไม่กี่ปี พลังของเธอยังไม่เบ่งบาน และเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดา ไม่จำเป็นต้องหวั่นเกรงแม้แต่น้อย
“อัสโมเฟล”
ไคล์ยืนหัวเราะสักพักก่อนเปิดปาก
“นิสัยของเจ้าต่ำทรามยิ่งกว่าใครทั้งหมด ทั้งเรื่องเรียกข้าว่าปลาไหลไฟฟ้า รวมถึงการทรยศเพื่อสนิทอย่างปิอาโร่และป้ายความผิดโทษฐานกบฏ ทุกสิ่งเกิดขึ้นเพราะความรู้สึกต่ำต้อยในจิตใจสินะ? แต่ไม่คิดว่าเจ้าจะเป็นคนหน้าด้านหน้าทนเช่นนี้ ถ้าข้าเคยทรยศและทำลายครอบครัวของพวกพ้องมาก่อน คงไม่มีหน้าไปรวมทีมกับพวกเขาอีกครั้งแน่ ถึงจะรู้สึกผิดและอยากขอโทษแค่ไหนก็ตาม”
ไคล์เกลียดชังอัสโมเฟลมานานแล้ว ย้อนกลับไปตั้งแต่สมัยมันยังเป็นหน้าใหม่และไม่คุ้นเคยกับวังหลวง อัสโมเฟลเอาแต่เรียกเด็กขี้กลัวอย่างตนว่าปลาไหลไฟฟ้า แถมยังโบกมือเยาะเย้ยทุกครั้งไป คนรอบตัวแถวนั้นต่างพากันหัวเราะเยาะอย่างสนุกสนาน ไคล์มักเก็บเรื่องนี้เก็บไปฝันร้ายอย่างหวาผวาทุกคืน เป็นความอับอายและหงุดหงิดเหนือคำบรรยาย
มันต้องการแก้แค้นในสักวัน จึงเลือกใช้คำพูดยั่วยุให้อัสโมเฟลสติแตกแทนการฆ่าทิ้งในพริบตา เพราะแบบนั้นคงน่าเบื่อหน่ายเกินไป
แต่ท่าทีตอบสนองของอัสโมเฟลกลับตรงกันข้าม ห่างไกลจากความอับอายหรือโกรธเคือง มันเผยเพียงรอยยิ้มขื่นขมเจือความทุกข์
“ฉันรวมทีมกับพวกพ้องในอดีตเพื่อชดใช้บาปกรรมของตัวเอง เป็นคำสั่งจากเจ้านาย… ส่วนเรื่องเรียกนายว่าปลาไหลไฟฟ้า ฉัน—”
โดยไม่รอให้อัสโมเฟลอธิบายจบ
เปรี้ยะ—!
จุดยืนเดิมของอัสโมเฟลถูกกระแสไฟฟ้าเกรี้ยวกราดพุ่งใส่โดยไม่มีการยั้งมือ หลังจากหลบหลีกพ้น อัสโมเฟลหันไปมองไคล์ด้วยสายตาอึมครึม
ไคล์ประกาศกร้าว
“ข้าไม่อยากฟัง! จงเลือกมา! จะยอมกลับไปแต่โดยดีหรือถูกข้าเชือดทิ้งตรงนี้!”
อัสโมเฟลตอบกลับฉะฉาน
“ผืนป่าต้นไม้โลกคือดินแดนพันธมิตรของฝ่าบาทกริด ต่อให้ต้องตายด้วยฝีมือของนาย ฉันก็จะไม่หนีไปไหนแม้แต่ก้าวเดียว”
“รอฟังคำนี้นานแล้ว! งั้นก็ทิ้งชีวิตไว้ซะ!”
ซู่ววว—
พลังอัสนีกระเพื่อมออกจากร่างกายไคล์ทุกทิศทาง เป็นเวทมนตร์ชนิดเดียวกับเมื่อครั้งใช้ใส่กองทัพเอลฟ์ สรรพคุณคือ สร้างอาการอัมพาตใส่ศัตรูทุกเป้าหมายภายในรัศมี
ไคล์เกิดมาพร้อมพลังสายฟ้า ตอนเด็กจึงเอาแต่เครียดและอับอายเมื่อทราบว่าตัวเองผิดแผกจากมนุษย์คนอื่น ส่งผลให้กลายเป็นเด็กขี้กลัวและเข้าสังคมไม่เก่ง แต่ปัจจุบันมันไม่คิดเช่นนั้นอีกแล้ว ไคล์อาศัยการควบคุมสายฟ้าอันไร้จุดบอดของตน ปกครองมนุษย์อ่อนแอด้วยความหวาดกลัว
ภายใต้คำแนะนำจากฮวนเดอร์ วินัยอันเข้มงวดของตัวมัน และพรสุดประเสริฐจากเทพสงครามเซราทุล ทุกสิ่งหลอมรวมให้ไคล์กลายเป็นสุดยอดตัวตนไร้เทียมทาน
[การปัดป้องทางกายภาพไม่เกิดผล]
[ท่านได้รับความเสียหาย 15,900]
[ท่านตกอยู่ในอาการอัมพาต 5 วินาที]
“อึ่ก…!”
เมอร์เซเดส อัสโมเฟล อเมลด้า เคนดริก ดันเต้ เลซี และเอลฟ์ทุกตนในบริเวณล้วนถูกเล่นงานฉับพลัน คลื่นกระแสไฟฟ้าแผ่รัศมีเป็นวงกว้างและเจาะจงทำร้ายเฉพาะศัตรูของไคล์
มันคือเวทมนตร์สุดน่าทึ่ง แม้เลซีจะยกโล่ขึ้นมาปัดป้องได้ทัน แต่ก็ยังถูกกระแสไฟฟ้าเล่นงานหนักหน่วงจนล้มลงด้วยอาการอัมพาต แววตาสั่นเทาของอัศวินหนุ่มรีบหันไปมองทางกลุ่มเมอร์เซเดสตามสัญชาตญาณ
แล้วมันก็ได้ประจักษ์
กระแสไฟฟ้าสุดพิศวงของไคล์ถูกทำลายทิ้งอย่างง่ายดายด้วยปราณคมกริบ
“กระจอก”
เคนดริกตวาดอย่างเดือดดาล
“คิดว่าพลังอ่อนหัดเช่นนี้จะสยบพวกเราได้จริงหรือ สงสัยนายจะมองพวกเราเป็นแค่อัศวินเกษียณอายุสินะ”
แววตาอเมลด้าเริ่มแฝงจิตสังหาร
“ถูกต้อง! ไม่คิดบ้างหรือว่าพวกเราต้องขัดเกลาตัวเองมากแค่ไหน เพื่อให้รอดชีวิตจากการตามล่าไม่รู้จบสิ้นของจักรวรรดิ”
ดันเต้เปิดปากเป็นครั้งแรก
“คิดว่าอุปสรรคตลอดสิบปีของพวกเราเป็นเรื่องเล็กน้อยหรือไง”
“…!” ดวงตาเลซีพลันเบิกโพลง
อัศวินพิเศษทั้งสามคนพุ่งประชิดตัวไคล์ได้รวดเร็วประหนึ่งสายฟ้า เพียงพริบตาก็ล้อมไว้ทุกทิศอย่างง่ายดาย ความเร็วของแต่ละคนสูงส่งจนกัปตันหน่วยอัศวินตีนดำ—อัจฉริยะหนึ่งร้อยปีจะมีสักคน—ยังเทียบไม่ติด
เคร้ง!
มีดสั้นสองเล่มของอเมลด้าพุ่งโจมตีใส่จุดตายของไคล์แม่นยำ แต่กลับถูกป้องกันไว้ด้วยอาภรณ์กระแสไฟฟ้า
เคร้ง!
ดาบยักษ์สับใส่กลางกะโหลกไคล์จากด้านบนด้วยความเร็วสุดน่าทึ่ง แต่เด็กหนุ่มกลับใช้ฝ่าเท้าอาบสายฟ้ารับแรงเฉื่อยของดาบมหึมาไว้ได้ไม่ยากเย็น
ปึก!
ขณะเท้าไคล์กำลังลอยจากพื้น ดันเต้ฉวยโอกาสหวดกระบองลูกตุ้มใส่เต็มแรง แต่ก็ถูกอาภรณ์สายฟ้าสกัดไว้ได้อีกครั้ง
“อะ…”
ไม่ใช่เฉพาะเลซี แต่อัศวินตีนดำทุกคนต่างกำลังดื่มด่ำฉากต่อสู้สุดตระการตาตรงหน้าอย่างตื่นเต้น ไคล์รับมืออดีตอัศวินสีชาดหลักเดียวพร้อมกันสามคนได้อย่างสู้สี ไม่มีใครกล้าปฏิเสธความยอดเยี่ยมหลังจากเห็นด้วยสองตาของตัวเอง
บึ้มบึ้มบึ้มบึ้ม!!
การต่อสู้ดำเนินไปอย่างไม่หยุดพัก สามอัศวินไล่ประกบติดไม่ให้ไคล์รักษาระยะห่าง ด้านเด็กหนุ่มผู้ใช้พลังสายฟ้าเป็นอาวุธและอาภรณ์เริ่มเอาแต่ตั้งรับและหาทางถอย
‘ถึงจะเก่งขึ้นจนผิดหูผิดตา…’
‘แต่สนามรบไม่ได้วัดกันแค่พรสวรรค์ส่วนตัวเพียงอย่างเดียว!’
‘ยังเทียบกับพวกเราไม่ได้! เราทุกคนต้องเผชิญนรกบนดินทุกวันตลอดสิบปี!’
สามอัศวินเริ่มเห็นเค้าลางชัยชนะ ตลอดการต่อสู้จนถึงเมื่อครู่ ไคล์ใช้พลังไฟฟ้าในการรับมือทุกการโจมตี ไม่มีศิลปะการต่อสู้หรือวิชาดาบมาเกี่ยวข้องแม้แต่น้อย
ฉะนั้น ในเมื่อกระแสไฟฟ้าคือทุกสิ่งทุกอย่างของไคล์ แค่ตัดมันทิ้งก็สิ้นเรื่องแล้ว
ฉึบ!
ฉึก!
อาภรณ์กระแสไฟฟ้าเกรี้ยวกราดประหนึ่งอสุรกายเก้าหัวรอบตัวไคล์ ถูกสามอัศวินผนึกกำลังพร้อมเพรียงฉีกทำลายจนเกิดรูโหว่
ปราณดาบคมกริบสามเส้นพุ่งแหวกอากาศด้วยความเร็วสูงโดยมีเศษเสี้ยวสายฟ้ากระจัดกระจายในอากาศ เมื่ออาภรณ์อัสนีเริ่มไม่เหลือเค้าเดิม สามอัศวินย่อมไม่พลาดโอกาสจู่โจม สามศาสตราต่างรูปทรงต่างวิถีถูกเล็งแทงใส่ช่องว่างกึ่งกลางหน้าอกไคล์อย่างแม่นยำ
มันควรจะเป็นเช่นนั้น
“ฮึ!”
ไคล์พ่นลมหายใจเหยียดหยันพลางเอนหลังหลบหลีกคล่องแคล่ว ส่งผลให้การโจมตีสามประสานพลาดเป้าไปฉิวเฉียด เด็กหนุ่มไม่รีรอ รีบกำหมัดพร้อมกับหมุนตัวชกใส่หน้าอกดันเต้เต็มแรง ประจุไฟฟ้าจำนวนมหาศาลถูกรวบรวมไว้ในกำปั้นไคล์ก่อนหมัดจะสัมผัสกับชุดเกราะสีแดง
ปัง—!
เสียงคล้ายลูกโป่งแตกดังสนั่นทั่วป่า ดันเต้อาเจียนเลือดคำใหญ่พร้อมกับเสียหลักหงายหลังกระแทกพื้นอย่างสิ้นท่า
“ไม่เลวนี่…!”
อเมลด้าแทงมีดสั้นปักต้นขาไคล์ทีเผลอ
เปรี้ยะ!
เกิดวังวนกระแสไฟฟ้าพัดพาอัศวินสาวร่างเล็กให้ลอยเคว้งขึ้นไปในอากาศ เคนดริกฉวยโอกาสเล่นงานด้านหลังด้วยการหมุนควงดาบใหญ่โจมตีใส่เต็มแรง แต่ก็ถูกไคล์ประกบฝ่ามือรับแรงเฉื่อยมหาศาลของดาบไว้ได้อีกครั้ง
ผลลัพธ์การต่อสู้ไม่ตรงตามจินตนาการสามอัศวินสักเท่าไร เพราะไคล์มิได้ฝึกฝนแค่พลังอัสนีให้แข็งแกร่งขึ้น แต่สมรรถภาพร่างกายก็จัดอยู่ในระดับไม่ธรรมดา ไม่ใช่เรื่องแปลกเลยสักนิดหากทราบว่ามันคือหนึ่งในสาวกเทพสงคราม
“สัตว์ประหลาด…”
ไม่เกิดคำอวดโอ่ของมันเลยสักนิด ไคล์ก้าวข้ามดยุคแห่งจักรวรรดิไปแล้ว และบางทีอาจแข็งแกร่งเป็นอันดับหนึ่งของทวีปตะวันตก ความจริงข้อนี้ทำให้เลซีเกิดความสิ้นหวังสุดขีด
‘ไม่มีอะไรเปลี่ยนไป’
อัศวินตีนดำจะต้องเข่นฆ่าชาวเอลฟ์มากมายตามกำหนดการเดิม
ขณะเลซีกำลังหดหู่
“จงเบ่งบาน”
ท่ามกลางผืนป่ารกทึบ เลซีรู้สึกคล้ายกับตนได้ยินเสียงอัสโมเฟลตะโกนบางสิ่ง
ซู่ว—
บุปผาสีแดงโปร่งใสดอกตูมใหญ่ผุดขึ้นบนร่างไคล์อย่างกะทันหัน แค่มองผ่านก็ทราบทันทีว่าสิ่งนี้ถูกสร้างจากปราณดาบทรงพลัง
“…!”
ใบหน้าเรียวยาวของไคล์กำลังขาวซีด มันทำได้เพียงขบกรามแน่นพลางปล่อยให้โลหิตสีแดงฉานไหลซึมออกจากหูและจมูก
“ฉันจะไม่ฆ่านาย”
ขณะกล่าว อัสโมเฟลชักดาบ
ซู่ว!
ทันใดนั้น ปลายดอกตูมสีแดงเริ่มเบ่งบานกลายเป็นบุปผาสะพรั่งแสนงดงาม
ฉูด—!
ป่าเขียวขจีถูกย้อมด้วยเลือดสด
อัสโมเฟล โชว์ฟอร์ม👍
ReplyDeleteจงเบ่งบาน เซมบงซากุระ... ผิดเรื่อง
ReplyDelete