จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,125



“ทำไมถึงเพิ่งบอกเอาป่านนี้!”


“ก็ท่านไม่เปิดโอกาสให้ผมพูด”


“โอกาสเป็นของตัวเจ้าเอง! ตัวตนอย่างอริยดาบสามารถหลุดพ้นจากพันธนาการและเปิดปากพูดได้อยู่แล้ว!”


“ดังคำของท่านก่อนหน้า ผมยังบกพร่องอยู่มากในเส้นทางนักดาบ และท่านเป็นถึงสภาผู้ทรงเกียรติของหอแห่งปัญญา ผมย่อมไม่มีอำนาจต้านทาน”


“เด็กสมัยนี้อ่อนแอชะมัด สมัยข้ายังเป็นอริยดาบ เคยโค่นมังกรด้วยมือเดียวมาแล้ว!”


“แต่ผมไม่เคยได้ยินตำนานนั้น”


“ใจกล้าดีนี่… ไม่รู้จักการไว้หน้าผู้อาวุโสบ้างหรือ?”


“ขอโทษครับ”


“…อะแฮ่ม!”


บุคคลปริศนาพลันกระอักกระอ่วน


แม้จะมีนิสัยหุนหันพลันแล่น แต่เมื่อเผชิญท่าทีแสนนอบน้อมของครอเกล มันอดทำตัวตะกุกตะกักไม่ได้


ครอเกลยอมเอ่ยปากขอโทษแม้ตัวเองจะเป็นฝ่ายถูก มารยาทผู้ดีเช่นนี้สร้างความอึดอัดให้อีกฝ่ายไม่น้อย


‘เราไม่ใช่คนน่าเคารพสักหน่อย’


เพราะตัวมันมีชีวิตยืนยาวหลายร้อยปี จึงทราบดีว่า สันดานตั้งแต่เกิดเปลี่ยนกันได้ยาก


การเป็นผู้ใหญ่ไม่ได้ช่วยให้ฉลาดเสมอไป และการเป็นเด็กไม่ได้หมายความว่าจะต้องโง่


ถ้ายิ่งอายุมากจะยิ่งฉลาดขึ้นจริง แล้วโลกมนุษย์ยังเละเทะเช่นทุกวันนี้ได้อย่างไร? ป่านนี้โลกคงเต็มไปด้วยคนฉลาด มีคุณธรรม และดำรงสันติสุขร่วมกัน


‘เรื่องอื่นเราไม่ทราบ แต่นิสัยเด็กคนนี้เป็นของจริง’


บุคคลปริศนาถอนหายใจยาว


“เฮ่อ… ไม่ต้องสุภาพขนาดนั้น ชีวิตของข้าคงไม่ยืนยาวอีกแล้ว”


“เป็นเพราะท่านบอกความลับของหอแห่งปัญญาให้คนนอกอย่างผมฟัง?”


“ถูกต้อง… ไม่มีใครหลีกหนีบทลงโทษอันเข้มงวดของหอแห่งปัญญาได้”


“บทลงโทษคือความตายหรือ?”


“ปากเสีย! ใช้คำเปรียบเปรยไม่เป็นหรือไง? ข้าไม่ตลกด้วยหรอกนะ!”


“ขอโทษครับ”


“เฮ่อ…”


‘เขากำลังหวาดกลัว?’


ครอเกลพลันประหลาดใจ เมื่อเห็นชายประหลาดถอนหายใจพลางทำไหล่ห่อเหี่ยว


อีกฝ่ายเป็นถึงผู้สามารถสั่นคลอนฟ้าดิน นิสัยหยิ่งทระนงและจองหอง ไม่น่าจะแสดงท่าทีหดหู่ต่อหน้าคนอื่น


หมายความว่า บทลงโทษร้ายแรงซึ่งชายประหลาดกล่าวถึงเมื่อครู่ ถ้าไม่ใช่ความตายก็คงใกล้เคียงมาก


แต่ครอเกลมั่นใจ บุคคลสำคัญระดับสภาหอแห่งปัญญา ไม่มีทางถูกลงโทษด้วยความตายแน่นอน


“ท่านไม่ต้องกังวล ผมจะไม่นำเรื่องนี้ไปบอกใครเด็ดขาด”


“นี่เจ้าไม่รู้หรอกหรือ ว่าทำไมหอคอยแห่งนั้นถึงได้ชื่อว่าหอแห่งปัญญา”


“คนต่ำต้อยเช่นผม ย่อมไม่มีทางทราบความลับอันสูงส่งของสภาหอคอย”


มีหลากหลายเหตุผลช่วยให้ครอเกลรั้งอันดับหนึ่งของโลกได้นานหลายปี หนึ่งในนั้นคือความฉลาดในการวางตัวต่อผู้คน


เพียงสนทนากันไม่นาน ชายประหลาดเกิดความชื่นชอบครอเกลขึ้นมาเล็กน้อย


“ถูกเรียกหอแห่งปัญญา เพราะมีเหล่าอัจฉริยะรวมตัวกันมากมาย สภาหอคอยย่อมทราบรายละเอียดการกระทำของข้าทั้งหมดในวันนี้จากบันทึกย้อนหลัง พวกเขาไม่มีทางไม่ทราบความผิดพลาดเมื่อครู่”


“เข้าใจแล้วครับ…”


แน่นอน ครอเกลทราบอยู่แล้ว


เพราะย้อนกลับไปเมื่อ 6 ปีก่อน มันเคยเห็นเหล่าสมาชิกสภาหอคอยเรียงรายเกือบพร้อมหน้า ทุกคนล้วนเปี่ยมด้วยพลังแห่งสติปัญญาในระดับน่าทึ่งจนขนลุก


แต่ก็มีข้อยกเว้นอยู่บ้าง ตัวอย่างเช่นชายประหลาดตรงหน้าผู้นี้


อย่างไรก็ตาม เขาก็มีความอัจฉริยะในแบบของตัวเอง ไม่จำเป็นต้องเกี่ยวข้องกับปัญญาเสมอไป


‘ชายคนนี้มีฝีมือสุดหยั่ง… แถมยังใช้ชีวิตราวกับไม่เคยเกรงกลัวสิ่งใดมาตลอด’


หรือจะเป็นสาเหตุทำให้อายุยืนยาว?


ขณะครอเกลกำลังครุ่นคิด ชายประหลาดกล่าวด้วยเสียงเคร่งขรึม


“เจ้าไม่ต้องห่วงตัวเอง ข้าจะไม่ทำให้เจ้าพลอยติดร่างแหและถูกลงโทษไปด้วย”


“…”


แต่เราถูกบังคับให้ฟังไม่ใช่หรือ…?


อย่าว่าแต่มอบลงโทษเลย หากสมาชิกสภาหอคอยคนอื่นทราบเรื่องนี้ เกรงว่าพวกเขาคงแวะมาขอโทษด้วยตัวเอง


เพราะหอแห่งปัญญาคือองค์กรหลักแหลม


แต่เมื่อครอเกลเหลือบเห็นสีหน้าอึมครึมของชายประหลาด มันจำต้องปิดปากเงียบอย่างไม่มีทางเลือก


ทันใดนั้น ชายประหลาดซักถาม


“แล้วหัวแถวคนใหม่เป็นใคร?”


ผมไม่ทราบ… คำตอบห่วยแตกเช่นนี้คงไม่ได้ผลแน่


เป็นไปไม่ได้เลย ว่าบุคคลเช่นครอเกลจะไม่ทราบว่า ผู้แย่งชิงตำแหน่งของคนคือใคร


และไม่มีสาเหตุให้ต้องโกหกแต่แรก


เพราะหอแห่งปัญญาและหัวแถวมีภารกิจต้องร่วมมือกันปกป้องโลก


การเคลื่อนไหวของหอแห่งปัญญาจึงเป็นเรื่องดีกับหัวแถวเสมอ


เรื่องราวจากปากชายประหลาด เดาได้ไม่ยากเลยว่า สิ่งนี้จะต้องเป็นภารกิจลับ และจะมอบของรางวัลมูลค่ามหาศาล


“ราชาแห่งอาณาจักรโอเวอร์เกียร์”


“โอเวอร์เกียร์? ชื่อประหลาดฉิบ…”


“ความหมายคือ พลังแห่งยุทธภัณฑ์”


“พลังแห่งยุทธภัณฑ์?”


ใบหน้าของบุคคลปริศนา ซึ่งบางส่วนถูกบดบังใต้ผ้าคลุมหัว เริ่มปรากฏความบิดเบี้ยวอย่างชัดเจน


คมดาบเจิดจรัสได้เพราะวิชาดาบ


สิ่งนี้หมายถึง เทคนิคและพรสวรรค์สำคัญกว่าเครื่องมือ ฉะนั้นวลี ‘โอเวอร์เกียร์’ จึงขัดแย้งกับอุดมคติของมันมาก


นึกว่าการออกจากหอแห่งปัญญาคราวนี้จะไม่มีความน่าตื่นเต้นซะแล้ว…


เราคิดผิด


ชายประหลาดเดินมาจับมือครอเกล ผู้มีพรสวรรค์เทียบเท่ามุลเลอร์ในสายตามัน เพื่อแสดงความทักทายหลังจากไม่ได้พบกันนาน ปิดท้ายด้วยการกล่าวให้กำลังใจ


“ได้พบเจ้าอีกครั้งก็ไม่เลว คราวหน้า หวังว่าจะกลับไปเป็นหัวแถวได้นะ”


“จะพยายามครับ”


“ฮึ่ม…”


ชายประหลาดพ่นลมหายใจเหยียดหยัน มันสัมผัสถึงความมุ่งมั่นได้จากคำพูดครอเกล แต่กลับไม่พบความมั่นใจมากนัก


ราชานั่น… ยอดเยี่ยมถึงเพียงนั้นเชียว?


เดี๋ยวก่อน… ราชา… หรือว่า?


เส้นขนทั่วร่างชายประหลาดพลันตั้งชัน


มันหวนนึกถึงบุคคลในตำนาน ผู้มีความยอดเยี่ยมไม่แพ้มุลเลอร์ ขณะเดียวกันก็เป็นราชาของอาณาจักรบนทวีป


‘ผู้สืบทอดมาดรา?’


ราชาไร้พ่าย มาดรา


อัจฉริยะผู้เอาแต่ต่อสู้ภายในกรงอันคับแคบตลอดช่วงอายุขัย ไม่มีโอกาสได้สยายปีกโบยบินแม้แต่ครั้งเดียว


หากมุลเลอร์คืออัจฉริยะในรอบหนึ่งพันปี มาดราก็เป็นอัจฉริยะซึ่งหาไม่ได้อีกแล้ว


หากมาดรามีชีวิตยืนยาว หอแห่งปัญญาก็ไม่จำเป็นต้องมีตัวตน นั่นคือคำกล่าวของหัวหน้าใหญ่หอคอย


เพราะเหตุใด?


คำตอบคือ มังกรทั้งหมดบนโลกจะถูกชายคนนั้นผนึก และการมีอยู่ของหอแห่งปัญญาก็จะไม่จำเป็นอีกต่อไป


‘…หืม คิดมากเกินไปกระมัง’


ชายประหลาดส่ายหัว


เป็นไม่ได้ มาดราเสียชีวิตลงโดยไม่มีโอกาสได้สยายปีก มันไม่ได้ทิ้งคัมภีร์เคล็ดวิชาไว้ และเหนือสิ่งอื่นใด ชายคนนั้นอุทิศทั้งชีวิตให้กับการศึกสงคราม


ด้วยอาวุธขนาดเล็กในมือ มาดราใช้มันถล่มกองทัพนับแสนตามลำพัง


‘บางที ราชาโอเวอร์เกียร์อาจเป็นบุคคลทรงปัญญามากกว่าพละกำลัง’


ก้าวข้ามพรสวรรค์อันล้นเหลือของอริยดาบคนปัจจุบัน โดยการใช้ทรัพยากรอาณาจักรให้เกิดประโยชน์สูงสุด


แน่นอน หนึ่งบุคคลแข่งขันกับหนึ่งอาณาจักรไม่ง่าย ครอเกลจึงกำลังเผชิญความยากลำบาก


เมื่อกำหนดเป้าหมายได้ ชายประหลาดเริ่มมุ่งหน้าทันที เพราะมันทราบแล้วว่าอีกฝ่ายเป็นใคร


ขณะชายประหลาดกำลังจะกลับ ครอเกลส่งเสียงซักถาม


“ไม่ทราบว่า… ผมขอทราบนามอันสูงส่งของท่านได้หรือไม่?”


ครอเกลมอบข้อมูลสำคัญให้อีกฝ่าย จึงเชื่อว่าตนมีสิทธิ์รับรู้ชื่อเป็นอย่างน้อย


และไม่ผิดคาด ชายประหลาดตอบกลับโดยไม่แสดงอาการลังเล


“บีบัน… รุ่นแรก”


“…เป็นเกียรติอย่างยิ่งครับ”


ครอเกลเดาไว้ไม่ผิด นั่นคือนามของอริยดาบสองรุ่นก่อนหน้าตน บุคคลผู้ถ่ายทอดวิชาดาบอันสูงส่งให้มุลเลอร์


***


> นายทำอะไรอยู่?


[ไม่สามารถส่งข้อความเสียงหาเป้าหมาย]


> นาย…


[ไม่สามารถส่งข้อความเสียงหาเป้าหมาย]


“ให้ตายสิ เรื่องบ้าอะไรกัน”


กริดต้องการข้อมูลของหอแห่งปัญญา จึงพยายามติดต่อหาครอเกลตั้งแต่ 15 วันก่อน


แต่ตลอด 15 วัน ครอเกลอาศัยอยู่ในเขตห้ามส่งข้อความเสียงทุกครั้ง


โดยทั่วไปแล้ว แม็ปห้ามส่งข้อความเสียงมักเป็นจุดสำคัญในซาทิสฟาย หากไม่ใช้ดันเจี้ยนก็จะเป็นเขตพิเศษ กริดจึงไม่มีทางเลือกนอกจากยอมรับในความอดทนและพลังสมาธิของครอเกล


‘นายฝึกหนักตลอด 15 วันเต็ม…’


ต้องพกเนื้อตากแห้งเป็นจำนวนมาก ขยะราคาถูกบางชิ้นก็ต้องโยนทิ้ง การใช้โพชันเป็นไปอย่างมัธยัสถ์… แต่ว่า อุปกรณ์ซ่อมแซมมีน้ำหนักสูง ไม่มีทางพกไปได้หลายชิ้นแน่ แล้วนายจัดการกับความคงทนไอเท็มยังไง? หรือใช้อาวุธสำรอง?


‘แค่คิดก็เหนื่อยแทนแล้ว’


กริดสามารถซ่อมแซมไอเท็มได้โดยไม่ต้องพึ่งพาอุปกรณ์ซ่อม และด้วยค่าพละกำลังสูงกว่า ย่อมแบกน้ำหนักได้มากกว่าครอเกลมาก แถมยังมีอัตราการฟื้นฟูธรรมชาติรวดเร็วจากโอเวอร์เกียร์คอร์น อดีตสัตว์เลี้ยงของเคียร์


ไม่เพียงเท่านั้น กริดยังมีบริการรับส่งด้วยเวทเคลื่อนย้ายมิติของสติกส์ ไม่ต้องเสียเวลาเดินทางไปกลับหากมีเรื่องเร่งด่วน


เป็นความได้เปรียบมหาศาลชนิดครอเกลมิอาจเทียบเคียง


กริดรู้สึกสงสารครอเกลเล็กๆ


แต่ครอเกลกลับไม่เคยคิดเรื่องนี้


เพราะผู้เล่นอีกสองพันล้านก็เป็นแบบมัน


ใช่แล้ว ตนไม่ได้เสียเปรียบใคร จึงก้มหน้าก้มตาเล่นเกมโดยมองว่า เรื่องดังกล่าวเป็นอุปสรรคให้ฝ่าฟันเอาชนะ


กริดต่างหาก… ประหลาดกว่าชาวบ้านเขา


“ว่าแต่ หอแห่งปัญญาคืออะไรกันแน่”


เข้าออกได้เฉพาะ ‘หัวแถว’ เท่านั้น


ตอนแรก เราคิดว่าเป็นองค์กรข้อมูลข่าวสารธรรมดา แต่ทำไมถึงมีเอี่ยวกับการทำลายเหล็กมังกรคลั่ง?


น่ากังวลไม่น้อยทีเดียว


บางที พวกมันอาจเป็นหอคอยโสมม เหมือนกับหอแห่งนิรันดร์ของโกลฮิต


เคร้ง! เคร้ง!


แม้แต่มหาจอมปราชญ์อย่างสติกส์ยังไม่ทราบ ก็คงไม่มีใครในอาณาจักรทราบอีกแล้ว กริดจำต้องก้มหน้าตีเหล็กอย่างกระสับกระส่าย ปล่อยให้บรรดาสัตว์เลี้ยงออกไปเก็บเลเวลในรัศมีไม่ไกล


[ท่านสร้าง ‘ซอร์ดเบรคเกอร์’ สำเร็จ]


“ล้มเหลวอีกแล้ว”


กริดทุ่มเวลา 15 วันเต็มให้กับตัวเอง


มันเน้นพัฒนาโครงกระดูกโอเวอร์เกียร์ แรนดี้ โนเอะ และทีราเม็ท ขณะเดียวกันก็พยายามสร้าง ‘ซอร์ดเบรคเกอร์มังกรคราม’ เลียนแบบผลงานตัวเอง ในเซิร์ฟเวอร์งานแข่งนานาชาติครั้งล่าสุด


แต่ผลลัพธ์กลับเลียนแบบได้เพียงรูปทรงบางส่วน ประสิทธิภาพอันยอดเยี่ยมเหมือนกับเซิร์ฟเวอร์งานแข่งไม่ได้ตามมาด้วย


ก่อนหน้านี้ กริดได้ใช้ลมหายใจมังกรครามและกิ่งเขาอัสทารอธไปกับการสร้างรองเท้ามังกรครามแล้ว ปัจจุบันจึงไม่เหลือกิ่งเขาอัสทารอธสำหรับเลียนแบบประสิทธิภาพของซอร์ดเบรคเกอร์มังกรคราม


แต่กริดเชื่อว่า ลำพังลมหายใจมังกรครามก็มากพอจะเลียนแบบประสิทธิภาพของซอร์ดเบรคเกอร์ได้บางส่วน ไม่ต้อง 100% ก็ได้


อย่างไรก็ตาม จุดยากก็คือ รูปทรงของซอร์ดเบรคเกอร์ในเซิร์ฟเวอร์งานแข่งสมบูรณ์แบบเกินไป การเลียนแบบให้เหมือนทุกกระเบียดนิ้วจึงไม่ใช่เรื่องง่ายนัก


‘ยากชะมัด’


ส่วนหนึ่งเพราะขีดจำกัดของเตาหลอมแบบพกพาและทั่งขนาดเล็ก


แต่มันไม่ต้องการปล่อยเวลาสองวันให้ผ่านไปอย่างเปล่าประโยชน์โดยไม่ได้ตีเหล็ก อย่างน้อยก็ต้องสร้างอาวุธสำหรับการแข่งนานาชาติคราวหน้าเผื่อไว้...


“ไม่ไหวแฮะ… กลับดีกว่า”


โครงกระดูกโอเวอร์เกียร์และโนเอะซึ่งแยกย้ายกันล่ามอนสเตอร์ ถูกเรียกให้กลับมารวมตัวรอบกริด และเมื่อคณะเดินทางกลับถึงกรุงไรนฮาร์ท กริดได้ยัดซอร์ดเบรคเกอร์ 9 จาก 10 เล่มล่าสุดเข้าคลังสัมภาระกิลด์


สิทธิ์การเข้าถึงถูกกำหนดให้เป็น ‘นักดาบระดับสูง’ ของกิลด์ เช่นพีคซอร์ดและไอเบลลิน


หากพวกเขาเปิดคลังกิลด์วันหลัง คงหยิบติดมือไปลองทดสอบคนละเล่ม


แน่นอน คนเหล่านั้นมักจ่ายเงินตอบแทนกริดเสมอ เป็นความสมัครใจของเจ้าตัว


จิตสำนึกอยู่ในระดับน่าทึ่งมาก


แถมยังเป็นราคาสูงกว่าท้องตลาดเล็กน้อย


กริดไม่รู้จะขอบคุณอย่างไร


‘พวกนายหยิบไปฟรีบ้างก็ได้…’


ไอเท็มเกือบทุกชิ้นสร้างจากวัสดุน้ำพักน้ำแรงของสมาชิกกิลด์ ดังนั้น ทันจึงต้องการตอบแทนพวกเขาคืนบ้าง


“ฝ่าบาทจะไปโรงเหล็กโดยไม่พักเลยหรือ”


เมื่อกลับถึงไรนฮาร์ท เมอร์เซเดส อัศวินส่วนพระองค์ ผู้ตามประกบติดกริดทุกฝีเท้าราวกับเงา เอ่ยปากซักถามเมื่อเห็นชายหนุ่มถอดชุดเกราะและสวมชุดช่างเหล็ก


เหนือศีรษะเมอร์เซเดสกำลังสวมรัดเกล้าประดับด้วยเพชรสีฟ้าเม็ดงาม


เป็นผลงานของช่างอัญมณีเพียงหนึ่งเดียวในกิลด์โอเวอร์เกียร์ อลิซาเบธ สร้างโดยใช้หยดน้ำตาของกษัตริย์เผ่าวารี และได้ความช่วยเหลือจาก ลาเอลล่า จอมเวทอัคคีอันดับหนึ่งของโลก บรรจุเวทมนตร์ ‘พรแห่งอัคคี’ ลงไป เป็นทักษะติดตัวช่วยให้ผู้สวมฟื้นฟูค่าเรี่ยวแรงได้รวดเร็วกว่าปรกติ


ส่งผลให้เมอร์เซเดสแทบไม่เคยเหนื่อย


“อา… ฉันคงต้องเอาจริงสักหน่อย”


กริดตอบพร้อมรอยยิ้ม


การได้เดินเคียงข้างสาวงามราวกับประติมากรรมรูปปั้นแกะสลักอย่างเธอ ย่อมทำให้ชายหนุ่มมีความสุขเป็นธรรมดา กริดรู้สึกราวกับตนคือหนอนเขียวกำลังคืบคลานไปบนกลีบกุหลาบงาม หัวใจกระชุ่มกระชวยเหนือคำบรรยาย


แค่ได้อยู่ใกล้คนหน้าตาดี โลกก็สดใสแล้ว


“ฝ่าบาท”


หลังเดินออกจากปราสาท


ขณะกริดอาศัยทางลัดผ่านตลาดไปยังโรงเหล็กหลวง เมอร์เซเดสพลันส่งเสียงเรียกให้ชายหนุ่มหยุดฝีเท้า


“…?”


กว่าจะทราบว่าเกิดอะไรขึ้น ก็ต้องรอให้อัศวินสาวสวยชักดาบสีขาวโปร่งใสพร้อมกับขยับตัวมายืนบังตน


บุคคลลึกลับกำลังย่างกรายใกล้ มันสวมผ้าคลุมบดบังศีรษะมิดชิด บรรยากาศรอบตัวพิสดารและไม่เป็นมิตร


‘ตัวตนของเรายังสูงไม่พอ…’


แม้จะกลายเป็นเหนือมนุษย์และได้รับการยกระดับหนแล้วหนเล่า แต่พลังตรวจจับสิ่งแปลกปลอม กลับยังเทียบไม่ได้กับเนตรมองทะลุขององครักษ์คู่กาย


เมื่อบุคคลปริศนาเดินเข้ามาใกล้ในระยะสิบเมตรถ้วน กริดส่งเสียงถาม


“นายเป็นใคร?”


“เจ้าซุกหัวนอนในตลาดแห่งนี้หรือ?”


“เนี๊ยวฮ่าฮ่าฮ่า!!”


โนเอะกระพือปีกข้างกริดอย่างชอบใจ


“เจ้านายแต่งกายเหมือนขอทาน จึงถูกเข้าใจผิดว่าเป็นทาส— แอ๊พ!”


“โนเอะ เงียบก่อน”


เมื่อเห็นสถานการณ์ไม่ปรกติ กริดใช้หลังมือเคาะพุงอ้วนกลมของโนเอะอย่างแผ่วเบา


บุคคลปริศนาหันมาสนใจเมอร์เซเดส


“ไหนว่าพึ่งพาพลังแห่งยุทธภัณฑ์ แต่หัวจรดเท้ากลับไม่มีสิ่งใดพิเศษ”


“แกเป็นใคร!”


เมอร์เซเดสเริ่มฉุนเฉียว


ไม่เพียงยืนกีดขวางเส้นทาง แต่ยังเข้าใจผิดว่าเจ้านายของตนเป็นขอทาน


‘เดาฝีมือไม่ออกเลย…’


เนตรมองทะลุของเมอร์เซเดสยังไม่ใช่รุ่นสมบูรณ์ เหลือช่องว่างให้พัฒนาได้อีกมาก


อย่างไรก็ตาม ตลอดหลายปีหลัง พลังเนตรของเธอก้าวกระโดดพอสมควร และสามารถประเมินศัตรูส่วนใหญ่ได้ในพริบตา ไม่เว้นแม้แต่สาวกเทพสงครามอย่างไคล์ และลีจอง


ทว่า เธอกลับอ่านบุคคลตรงหน้าไม่ออก


ต้องเหนือความคาดหมายแค่ไหนกัน?


บุคคลลึกลับมองหน้าเมอร์เซเดส


“ข้ามาจากหอคอย เพื่อพบเจ้า”


“หอคอย…?”


เมอร์เซเดสเอียงคอสงสัย


สำหรับเธอ คำว่าหอคอยสั้นห้วนเกินกว่าจะเข้าใจบริบทโดยรวม


แต่ในทางกลับกัน กริดกำลังตะลึง


‘มันหมายถึงหอแห่งปัญญา?’


ในเมื่อละโมบถูกใช้ไปเกือบหมด แล้วพวกมันตรวจจับพลังของเหล็กมังกรคลั่งได้ยังไง?


ขณะกริดไม่มั่นใจเจตนาของอีกฝ่าย มันรีบนำยุทธภัณฑ์จากคลังสัมภาระออกมาสวม


“แสดงให้ข้าดูหน่อย! ว่าหัวแถวคนใหม่เจ๋งสักแค่ไหน!”


บุคคลปริศนาแหกปากตะโกน


‘ไม่ผิดคาด… เป็นคนจากหอแห่งปัญญา’


เคร้ง! เคร้งเคร้ง!!


คมดาบของเมอร์เซเดสและบุคคลปริศนาปะทะกันกลางอากาศหลายระลอก


ทั้งหมดเป็นการป้องกันฝ่ายเดียวของเธอ


อย่างไรก็ตาม อีกฝ่ายโจมตีด้วยท่วงท่าพิสดารเหนือคำบรรยาย คมดาบโค้งอ่อน ตวัดฉวัดเฉวียนยากคาดเดาทิศทาง การพุ่งแหวกอากาศจะสร้างวังวนลึกลับดูดกลืน


จนกระทั่งดาบเมอร์เซเดสเริ่มเสียสมดุล


“ไม่อยากจะเชื่อว่าสามารถรับมือข้าคนนี้ได้นานหลายวินาที! โลกนี้มีอัจฉริยะถึงสองคนเชียวหรือ!”


ฟุ่บ—!


เมื่อเมอร์เซเดสเสียหลัก ชายปริศนาพุ่งผ่านเธอเข้าประชิดตัวกริดทันที


เมอร์เซเดสพยายามไล่ตาม แต่อีกฝ่ายรวดเร็วกว่าเล็กน้อย


ปลายนิ้วมันเล็งทะลวงจุดบนร่างกายกริด


ทว่า


[ท่านสวมใส่ <+4 ดาบอัสนีแห่งการบรรลุสัจธรรมจนก่อเกิดภวังค์ปรารถนาแรงกล้า>]


[ท่านสวมใส่ <+3 วัลฮัลล่าแห่งห้วงอาทรชั่วนิรันดร์>]


[ท่านสวมใส่ <+4 ผ้าคลุมลันเทียร์>]


[ท่านสวมใส่ <+7 หมวกเหล็กทรงกรวย>]


[ท่านสวมใส่ <+7 มงกุฎโอเวอร์เกียร์>]


[ท่านสวมใส่ <+4 (สร้างโดยแพ็กม่า) ถุงมือว่องไวอเล็กซ์>]


[ท่านสวมใส่ <+1 รองเท้ามังกรครามโอหังสยบฟ้าดิน>]


ภายในเวลาอันน้อยนิด กริดสวมใส่ไอเท็มสำคัญจากช่องสัมภาระจนครบถ้วน


ต้องขอบคุณเมอร์เซเดสสำหรับเวลา


เตือนความจำสักนิด ครอเกลสวมใส่เครื่องแต่งกายประเภทชุดคลุมของตะวันออก จัดอยู่ในหมวดหมู่ของ ‘ชุดผ้า’


ได้รับความว่องไวมหาศาล แต่แลกมากับร่างกายแสนเปราะบาง


ในทางกลับกัน เครื่องป้องกันของกริดล้วนเน้นหนักไปทางพลังป้องกันกายภาพ


กึก!


“…?”


ขณะปลายนิ้วของอริยดาบสองรุ่นก่อน ถูกป้องกันไว้โดยเกราะวัลฮัลล่าของข่าน


ฉัวะ—!


ดาบเมอร์เซเดสฟันใส่แผ่นหลังบุคคลปริศนาอย่างจัง… ไม่สิ ระบุให้ชัดคือ ฟันโดนเสื้อคลุมผ้าไหมของมัน


บีบันทั้งอับอายและหงุดหงิด มันหมุนตัวหลบคมดาบได้อย่างฉิวเฉียด ต้องขอบคุณประสบการณ์หลายร้อยปี รวมถึงการฝึกฝนอย่างหนักหน่วงโดยไม่ละเลย


“สมกับเป็นผู้ปกครองแห่งอาณาจักร! ท่วงท่าโจมตีร้ายกาจมาก!”


บีบันหันไปตะโกนกับเมอร์เซเดสด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ก่อนจะอธิบายเสริมเสียงเรียบ


“ตัวตนของหอคอยจะถูกแพร่งพรายไปยังคนนอกไม่ได้เด็ดขาด ดังนั้น ช่วยบอกให้อัศวินของเจ้าออกไปก่อน”


“แล้วแกเป็นใคร?”


“เคยบอกไปแล้วนี่ ข้ามาจากหอคอย”


“หอแห่งนิรันดร์?”


“โฮ่? กล้าเทียบหอแห่งปัญญากับหอคอยกระจอกเชียวหรือ”


“หอแห่งปัญญา? ฉันไม่เคยได้ยินมาก่อน”


“…”


ความเงียบงันเข้าครอบงำกะทันหัน


คราวนี้สงบนิ่งเป็นเวลานาน


หลังจากยืนสั่นระริกคนเดียวสักพัก บีบันเริ่มสงบสติอารมณ์ตัวเอง


มันสูดลมหายใจเข้าออกอย่างเยือกเย็น


“ข้าเห็นเจ้าเดินออกจากวังหลวง อัศวินและทหารทุกนายล้วนแสดงความเคารพเจ้าอย่างนอบน้อม จึงหมายความว่า เจ้าคือผู้มีอำนาจสูงสุดของเมือง”


ด้วยเหตุนี้ บีบันจึงมั่นใจก่อนลงมือ


จนกระทั่ง มันตัดสินใจซักถามเมอร์เซเดสเพื่อยืนยันเป็นครั้งสุดท้าย


“เจ้าคือผู้ปกครองอาณาจักรนี้ใช่ไหม?”


“เปล่า”


เมอร์เซเดสส่ายหน้าแผ่วเบา


“แล้วทำไมเพิ่งมาบอกเอาตอนนี้ละโว้ย!!”


“…?”


‘หมอนี่คงเพี้ยนไปแล้ว’


‘เป็นพวกไม่เต็มแหง’


กริดและโนเอะต่างคิดแบบเดียวกัน


▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬
ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 4 ตอน
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,514
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/

Comments

  1. โบ๊ะบ๊ะทุกอิริยาบถ!!!

    ReplyDelete
  2. 😆🤣😁
    👍👍👍👍👍
    ขอบพระคุณ​เป็น​อย่างยิ่ง​ครับ🙏

    ReplyDelete
  3. "การเป็นผู้ใหญ่ไม่ได้ช่วยให้ฉลาดเสมอไป และการเป็นเด็กไม่ได้หมายความว่าจะต้องโง่
    ถ้ายิ่งอายุมากจะฉลาดขึ้นจริง แล้วโลกมนุษย์ยังเละเทะเช่นทุกวันนี้ได้อย่างไร? "
    👍 อย่างชอบ

    ReplyDelete
  4. พี่แกเพี่ยนดีจัง 555555

    ReplyDelete
  5. ตอนแรกนึกว่า'หอแห่งปัญญา'จะเหมือนกับ'ร้านค้าชื่อเสียง' 555+ ลำบากคนตามหามาก

    ReplyDelete
  6. มึนซ้ำมึนซ้อนจริงๆ555555 คนในหอแห่งปัญญาปล่อยออกมาคนเดียวได้ไง

    ReplyDelete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00