จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,113



ฉันจะฆ่านายเพราะว่านายแข็งแกร่งกว่า


ในถ้อยคำประกาศของอัสโมเฟลมีความขัดแย้งในตัวเองซ่อนไว้


โดยทั่วไปแล้ว ฝ่ายแข็งแกร่งควรกำหนดความเป็นความตายของเหยื่อไม่ใช่หรือ


จึงค่อนข้างน่าหงุดหงิดเมื่อได้ยินว่าฝ่ายอ่อนแอมีอำนาจบงการชีวิตเหนือกว่า


‘กล้าฝืนลิขิตฟ้าเชียว? ไปเอาความมั่นใจมาจากไหนกัน หยามหน้าท่านเทพสงครามเกินไปแล้ว!’


หลังจากได้ประจักษ์ปาฏิหาริย์แห่งเทพเต็มสองตา… ไม่สิ ไคล์เลื่อมใสศรัทธาเทพสงครามก่อนหน้านั้นด้วยซ้ำ พลังอันยิ่งใหญ่มาพร้อมกับคำสอนว่า ‘ผู้แข็งแกร่งคือฝ่ายกำหนดชะตากรรมของโลก’


ไคล์เชื่อเช่นนี้เรื่อยมา มันศรัทธาในพลังต่อสู้เหนือสิ่งอื่นใด


‘ข้าจะสอนกฎของโลกใบนี้ให้เอง แต่ต้องแลกมาด้วยความตายเจ้า!’


มันขบกรามแน่นถนัด สีหน้าแววตาบ่งบอกชัดเจนว่า ไม่มีสิ่งใดในโลกสามารถหยุดตนได้อีกแล้ว


แน่นอน มันย่อมรู้จักฉายา ‘ดาบพิโรธ’ ของอัสโมเฟล และทราบว่าหมายถึงสิ่งใด


‘เราแค่ต้องคอยระวังดาบไฟไว้’


น้อยคนนักจะทราบ แต่วิชาดาบของอัสโมเฟลจะทรงพลังอย่างแท้จริงในยามลุกโชนด้วยเปลวเพลิงเท่านั้น หาใช่บุปผาบานสะพรั่ง


แค่ระวังตัวให้ดีก็พอ เมื่อต่างคนต่างไม่ประมาท ผู้แข็งแกร่งกว่าย่อมต้องเป็นฝ่ายคว้าชัยชนะไปครอง สิ่งนี้คือสัจธรรมของโลกมนุษย์


เปรี้ยะ! เปรี้ยะ…!


ดวงตาไคล์เริ่มฟื้นฟูตัวเองหลังจากถูกฝักดาบแทงจนตาบอด ทำเช่นนี้ได้เพราะร่างกายมันมิได้ถูกขับเคลื่อนด้วยโลหิต แต่เป็นกระแสไฟฟ้าปริมาณมหาศาล ไคล์เคยใช้สิ่งนี้รักษาแขนของตัวเองจนกลับมาใช้งานได้อีกครั้ง


นับเป็นพลังอันเหนือจินตนาการ หาได้จากพระองค์เทพบนสวรรค์เท่านั้น


สิ่งนี้เทียบเท่าปาฏิหาริย์สำหรับไคล์


‘หมอนั่นไม่ใช้วิชาดาบพิโรธเลยสักครั้ง เนื่องจากมันกัดกร่อนพลังชีวิตผู้ใช้งาน’


แต่ถึงจะใช้ก็คงเอาชนะเราไม่ได้…


“ทำฟาร์มอิสระ”


“…?”


ขณะกำลังตรวจสอบการมองเห็นของดวงตาข้างอีกข้าง ไคล์ได้ยินในสิ่งแปลกปลอม


วิชาดาบอิสระ*


สิ่งนี้คือเทคนิคดาบประจำตระกูลปิอาโร่อันโด่งดัง สมัยยุครุ่งเรืองสุดขีดของจักรวรรดิ วิชาดาบอิสระคือเครื่องหมายการค้าของแม่ทัพใหญ่แห่งกองอัศวินสีชาด ถือเป็นสัญลักษณ์แห่งความตาย


แล้วทำไมอัสโมเฟลถึงใช้ได้…


(*ตรงนี้ขออธิบายยาว ทวนอีกครั้งก็แล้วกัน ชื่อวิชาดาบของปิอาโร่ก่อนมาทำนา หากทุกคนยังจำกันได้จะมีชื่อว่า ‘วิชาดาบไร้ก้นบึ้ง’ ตอนนั้นผมยังแปลตามภาษาอังกฤษ ทางนั้นเขาใช้ชื่อว่า ‘Supreme Swordmanship’ ผมจึงแปลว่า ‘วิชาดาบไร้ก้นบึ้ง’ แต่ความจริงแล้วผิดมาก ชื่อวิชาดาบปิอาโร่เขียนว่า 무상검법 เป็นการผสมระหว่างคำว่า 무상 [อิสระ] และ 검법 [วิชาดาบ] โดยหลังจากนั้นปิอาโร่ก็ดัดแปลงส่วนท้าย เปลี่ยนตรงคำว่าวิชาดาบ ให้เป็นวลี ‘ทำฟาร์ม’ แทน ส่วนคำว่า Supreme [무상의] นั้นเขียนคล้ายกับคำว่า ‘อิสระ’ มาก จึงไม่แปลกหากทางผู้แปลอังกฤษจะเข้าใจผิด)


‘…ไม่สิ เราคงหูฝาดไปเอง’


เรากดดันเกินไปหน่อย จึงได้ยินอีกฝ่ายเอ่ยชื่อสุดยอดวิชาดาบของปิอาโร่ออกมา แต่เมื่อลองตั้งใจฟังให้ดี จะมีรายละเอียดแตกต่างกันอยู่เล็กน้อย


ทันใดนั้น


ขณะความคิดไคล์กำลังยุ่งเหยิง


“ผกผัน”


อัสโมเฟลสำเร็จการลอกเลียนพลังของ ‘อันดับหนึ่ง’ ผู้เป็นเป้าหมายมาตลอดชีวิต


ฟ้าววว—


“…นั่นมัน อะไรกัน?”


เปรี้ยะ! เปรี้ยะ!!


เพื่อเตรียมรับมือการแทรกแซงจากเมอร์เซเดส ไคล์ได้แผ่ใยแมงมุมไฟฟ้าออกมารอบตัวสักพักแล้ว มันจึงรีบสั่นสะเทือนอนุภาคของไฟฟ้าอย่างรุนแรงเพื่อป้องกันตัว


สัญชาตญาณกำลังร้องเตือนว่าอันตราย


“…!?”


ไคล์เพิ่งรู้ตัวเมื่อสาย เมื่อเห็นผืนป่าเริ่มถูกปกคลุมด้วยเงาดำมืดมิด มันรีบเงยหน้าขึ้นมองตามสัญชาตญาณ


แล้วก็ได้พบ


เสาหินขนาดยักษ์กำลังร่วงหล่นจากท้องฟ้าด้วยความเร็วสูง


‘ลำต้น?’


ลำต้นของอะไร? กุหลาบ? ถ้ากุหลาบขยายขนาดสักหมื่นเท่า จะมีลำต้นใหญ่ได้ถึงเพียงนี้เชียวหรือ?


ลำต้นปริศนาเต็มไปด้วยหนามแหลม ใหญ่ถึงขั้นว่า หากเผลอถูกหนามเกี่ยวเข้า ร่างกายคงแหลกละเอียดโดยไม่มีโอกาสได้ส่งเสียงร้อง


“คราวนี้ใช้ลูกไม้สกปรกอะไรอีก!”


ความมุ่งมั่นแห่งอันดับสอง


พลังลับของอัสโมเฟล ถูกพัฒนาขึ้นเนื่องจากต้องการก้าวข้ามปิอาโร่ให้ได้ ไคล์ย่อมไม่เคยทราบถึงการมีอยู่มาก่อน


ส่งผลให้มันไม่เคยจินตนาการในหัวว่า อัสโมเฟลสามารถลอกเลียนแบบและดัดแปลงพลังบางส่วนของปิอาโร่มาใช้ได้ด้วย


อย่างนี้นี่เอง… เข้าใจแล้ว!


เป็นเพราะอัสโมเฟลไม่สามารถใช้วิชาดาบอิสระอันยอดเยี่ยมของปิอาโร่ได้ จึงพยายามลอกเลียนแบบเพื่อข่มขวัญศัตรู!


แต่ทำไมถึงตั้งชื่อทักษะได้ห่วยแตกนัก?


เปรี้ยะ! เปรี้ยะ!!


ฮึ! ไคล์พ่นลมหายใจเหยียดหยัน


นับแต่ตั้งแต่เริ่มสู้กับอัศวิน มันใช้สายฟ้าเพียงสองจุดประสงค์มาตลอด หนึ่งคือ ห่อหุ้มอวัยวะเพื่อโจมตีหรือตั้งรับ และสองคือ ช่วยเพิ่มความเร็วในการเคลื่อนไหวร่างกาย แต่ปัจจุบัน ถึงเวลาสำแดงอานุภาพของสายฟ้าแท้จริงให้ทุกคนได้ประจักษ์


ประหนึ่งร่างกายไคล์แปรเปลี่ยนเป็นสายฟ้าโดยสมบูรณ์


บึ้มมมมมมม—!


ผ่านไปเพียงอึดใจเดียว เสาต้นใหญ่หล่นกลืนกินทับร่างไคล์ไว้มิดชิด


ไม่หลงเหลือแม้แต่เศษซาก ผืนป่าในรัศมีราว 20 เมตรถูกลบออกจากโลกราวกับไม่เคยมีตัวตนมาก่อน


“อะ… อะอะ…?”


“…”


เนื่องจากเธอเป็นผู้ครอบครอง ‘เนตรมองทะลุ’ เมอร์เซเดสย่อมทราบว่าอัสโมเฟลแข็งแกร่งและมีทักษะใดบ้าง


ฉะนั้น ทุกคนนอกจากเมอร์เซเดสจึงกำลังอ้าปากค้างอย่างตกตะลึงสุดขีด


พลังทำลายเกิดขอบเขตมนุษย์ได้สร้างความประหลาดใจกับทุกฝ่าย ไม่เฉพาะหน่วยอัศวินตีนดำ แต่ยังรวมถึงอดีตอัศวินสีชาดหลักเดียว อดีตพวกพ้องเก่า


อย่างไรก็ตาม เลซีกลับตกใจในเรื่องอื่น


‘แม้แต่เขาก็เป็นชาวนางั้นหรือ?!’


ทำฟาร์มอิสระ


วิดีโอบันทึกภาพการต่อสู้ระหว่างมนุษย์และจอมอสูรบีเลียล ปัจจุบันมียอดวิวหลายพันล้าน ย่อมต้องเคยผ่านตาแรงเกอร์ระดับหัวแถวมาแล้วทุกคน พระเอกเด่นของศึกดังกล่าวเป็นใครไปไม่ได้นอกจากชาวนาปิอาโร่


อย่าบอกนะว่าอัสโมเฟลก็…


อาณาจักรโอเวอร์เกียร์เป็นโรงเรียนฝึกสอนชาวนาหรือไง?


ขณะเลซีกำลังคิดเป็นจริงเป็นจัง


“แฮ่ก… แฮ่ก… อพยพชาวเอลฟ์!”


ท่ามกลางความเงียบงัน อัสโมเฟลส่งเสียงหายใจหอบ ก่อนจะหันไปออกคำสั่ง


“แล้วก็… อย่าเพิ่งฆ่าเจ้านั่น”


ทันใดนั้น


ซู่ว!


เส้นสายฟ้าพุ่งทะลวงใส่หน้าอกอัสโมเฟลโดยไม่มีใครมองทันแม้แต่คนเดียว


และไม่ใช่หนึ่งครั้ง


ซู่ว! ซู่ว! ซู่ว! ซู่ว! ซู่ว!


สายฟ้ากระหน่ำโจมตีหนแล้วหนเล่า เพียงพริบตา อัสโมเฟลมีสภาพยับเยินไม่ต่างจากผ้าขี้ริ้ว


จนกระทั่ง


ตุ้บ!


อดีตรองแม้ทัพอัศวินสีชาดทรุดนั่งลงคล้ายกับหุ่นกระบอกถูกตัดเชือก


ในเวลาเดียวกัน เส้นสายฟ้าเกรี้ยวกราดเริ่มหยุดการเคลื่อนไหว


เปรี้ยะ!


แสงสว่างบรรจงแปรเปลี่ยนเป็นรูปร่างมนุษย์ทีละนิด จนกระทั่งส่วนแขนก่อตัวเสร็จสมบูรณ์ ไคล์ใช้ฝ่ามือคว้าเส้นผมสีทองของอัสโมเฟลพร้อมกับดึงขึ้น


“เจ้าทำให้ข้าต้องอับอายหนแล้วหนเล่า! เป็นแค่มนุษย์แสนอ่อนหัดแท้ๆ !”


ปึด!


ไคล์ขบกรามแน่น สีหน้าของมันกำลังเผยความโกรธแค้นสุดขีด เพราะเมื่อไคลน์กลับร่างมนุษย์ ตามลำตัวเผยให้เห็นสภาพอันยับเยินราวกับถูกรถสิบล้อพุ่งชน


มันไม่เคยคาดคิดว่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้


ขณะร่างกายแปรเปลี่ยนเป็นสายฟ้าอย่างสมบูรณ์ การโจมตีทางกายภาพทุกชนิดจากศัตรูจะไร้ผลโดยสิ้นเชิง แถมยังเพิ่มค่าต้านทานธาตุอื่นอีกมากโข


ในร่างสายฟ้า ไคล์คิดว่าตัวเองไร้เทียมทาน และคงไม่เป็นอะไรมากนักเมื่อต้องเผชิญหน้าวิชาดาบเก๊จากอัสโมเฟล


แต่ในความเป็นจริง เสายักษ์กลับอัดแน่นด้วยปราณดาบและออร่าปริมาณท่วมท้นท้องฟ้า ส่งผลให้ได้รับบาดเจ็บสาหัสแม้จะอยู่ในสภาพป้องกันตัวเต็มพิกัด


โดยอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญก็คือ


อัสโมเฟลสามารถเลียนแบบพลังธรรมชาติของปิอาโร่ได้บางส่วน แม้แต่จอมอสูรยังต้องสูญเสียแขนไปหนึ่งข้างกับการโจมตีชนิดนี้ ฉะนั้นตัวตนอย่างไคล์จึงไม่ใช่คู่ต่อกรแน่นอน


“ว๊ากกกกก!!”


มันแหกปากคำรามลั่นคล้ายคนเสียสติ


…เราเกือบต้องตายเพราะศัตรูอ่อนแอ!


เราเกือบทำให้ ‘กฎ’ ของท่านเทพสงครามต้องมัวหมอง! ผู้แข็งแกร่งต้องเป็นฝ่ายกำหนดชะตากรรมของโลกเท่านั้น! เราทำผิดพลาด!


ท่านคงกำลังผิดหวังในตัวเรา และคงไม่คิดถ่ายทอดศิลปะการต่อสู้เพิ่มอีกแล้ว…


“บ้าจริง…! บัดซบ!! ว๊ากกกก!!”


ความกังวลและโทสะส่งผลให้สมองของไคล์เริ่มปั่นป่วน มันแผ่จิตสังหารท่วมท้นโดยปราศจากความลังเล หอกสายฟ้าถูกเสกออกมาจ่อลำคออัสโมเฟลเตรียมประหาร


แน่นอน การโจมตีของมันกลายเป็นหมัน


เพราะเมอร์เซเดสไม่ปล่อยให้ทำเช่นนั้น


เคร้ง—!


โล่หุ้มด้วยปราณดาบเข้มข้น พุ่งกระแทกใส่หอกสายฟ้าเพื่อเบี่ยงวิธี จากนั้นก็ฟาดใส่ปลายคางไคล์เข้าอย่างจัง


เมอร์เซเดสโจมตีซ้ำด้วยการอาศัยแรงเฉื่อยหมุนตัวเตะกลับหลัง


ตุ้บ!


“…”


ไคล์ถูกอัดหมอบด้วยโล่และเท้า สภาพปัจจุบันช่างน่าอับอายเหนือคำบรรยาย


อุตส่าห์เอาชนะอัศวินหลักเดียวสามคนได้พร้อมกัน แถมยังล้มอัสโมเฟล แต่กลับเสียสติกะทันหันและปล่อยให้เมอร์เซเดสอัดฝ่ายเดียว


‘…ไม่ใช่ ไม่ง่ายขนาดนี้แน่’


อัศวินตีนดำและอดีตอัศวินสีชาดหลักเดียวต่างไม่เชื่อเหตุการณ์ตรงหน้า


แม้กระทั่งเลซี ถึงมันจะอยากให้ไคล์ตายมากกว่าใคร แต่ก็อดสงสัยไม่ได้


‘ไคล์ตื่นเต้นเกินไปจนลดการป้องกันลง?’


และเป็นไปตามความคาดหมาย


“แค่ก…! บ้าจริง! เหมือนกันหมด! พวกเจ้าบังอาจลบหลู่ข้าเหมือนกันหมด!”


ไคล์ดีดตัวยืนประหนึ่งสปริง


ด้วยดวงตาอันแดงก่ำ มันแปรเปลี่ยนแขนซ้ายให้กลายเป็นแส้สายฟ้าโดยสมบูรณ์


และในเสี้ยววินาทีนั้น


เลซีรวมถึงอัศวินตีนดำต่างมองเห็นแส้สายฟ้ากระแทกใส่ศีรษะเมอร์เซเดสอย่างเลือนราง เนื่องจากการโจมตีมีความเร็วสูงจนมนุษย์ยากมองตามทัน


ทุกคนต่างคุ้นเคยกับสายฟ้าประเภทนี้ เพราะมันเพิ่งเอาชนะอัสโมเฟลไปได้ไม่นาน


เคร้ง!


แต่เมอร์เซเดสใช้โล่ป้องกันไว้ได้


“บ้าน่า!”


เคร้ง! เคร้ง! เคร้ง!


ทุกครั้งเมื่อไคล์สะบัดแขน เส้นสายฟ้าจะพุ่งตรงเข้าหาเหยื่ออย่างรวดเร็ว ยิ่งสปีดการโจมตีเพิ่มขึ้น สายฟ้าหลายสิบเส้นจึงถูกสร้างขึ้นมาในเวลาแทบจะพร้อมกัน


เมอร์เซเดสไม่มีทางปกป้องได้หมดแน่


แต่ว่า


“…”


อัศวินในตำนานยังคงไร้รอยขีดข่วน


เส้นผมสีเงินยาวสลวยยังคงเรียบตรง ราวกับไม่ถูกประกายสายฟ้าสัมผัสแม้แต่น้อย


ไคล์ถึงกับหมดคำพูด


ปฏิกิริยาตอบสนองของเมอร์เซเดสยอดเยี่ยมจน เธอสามารถใช้โล่แค่หนึ่งอัน ป้องกันแส้สายฟ้าความเร็วเทียบเท่าเสียงไว้ได้อย่างหมดจดครบทุกเส้น


นั่นเป็นโล่เหล็กไม่ใช่หรือ? โลหะนำไฟฟ้า?


‘ไม่ใช่แค่นั้น ปราณดาบห่อหุ้มโล่ยังหลงเหลือในปริมาณเท่าเดิม!’


ตามธรรมชาติแล้ว ถ้าโล่ถูกห่อหุ้มด้วยปราณดาบจนกลายเป็นวัตถุไม่นำไฟฟ้า ประจุไฟฟ้าก็ควรพุ่งเข้าหาชุดเกราะแทนไม่ใช่หรือ เนื่องจากเหนี่ยวนำไฟฟ้าได้ดีกว่าโล่


แล้วทำไมสายฟ้าทั้งหมดถึงถูกป้องกัน?


ท่ามกลางความฉงนและไม่เข้าใจ ไคล์เอาแต่เหวี่ยงแส้สายฟ้าอย่างบ้าคลั่ง จนกระทั่งมันเริ่มฉุกคิดได้เมื่อผ่านไปอีกสักพัก


การมองเห็นของตนเริ่มพร่ามัว


“อะ…”


ไคล์ก้มสำรวจร่างตัวเอง


ซี่โครงแตกละเอียด สะโพกหักครึ่ง กระดูกสีขาวยื่นยาวออกจากหัวไหล่ซ้าย


ด้วยสภาพเช่นนี้ หากหมดแรงล้มตายไปตอนไหนก็ไม่ใช่เรื่องแปลก


ตามสัญชาตญาณเอาตัวรอด ประจุสายฟ้าทั่วร่างกายจึงรับบทบาท ‘ฟื้นฟู’ ส่งผลให้พลังโจมตีเสื่อมประสิทธิภาพลงหลายเท่า


อีกฝ่ายเป็นถึงอัศวินในตำนานเจ้าของ ‘เนตรมองทะลุ’ ย่อมต้องมองเห็นจุดอ่อนของตนแน่อยู่แล้ว


‘แย่ล่ะสิ’


ไม่มีโอกาสเอาชนะได้เลย


ไม่เคยคิดมาก่อนว่าอัสโมเฟลจะสร้างความเสียหายได้มากขนาดนี้


กึก.


หนึ่งก้าว


กึก.


สองก้าว


ไคล์ผงะถอยหลังออกห่างจากเมอร์เซเดส


มันกำลังใช้สมองคิดคำนวณ


‘หาก 12 ผู้พิทักษ์ปรากฏตัว โอกาสหนีรอดจะแทบไม่หลงเหลือ’


ตามปรกติแล้ว 12 ผู้พิทักษ์แห่งเผ่าเอลฟ์จะเป็นพวกก้นหนัก ถ้าไม่เกิดเหตุการณ์สำคัญก็จะไม่โผล่หัวออกมาให้เห็น


แต่ปัจจุบัน เหตุการณ์สำคัญคือผืนป่าต้นไม้โลกถูกทำลายเป็นวงกว้าง


‘ต้องรีบหนี’


ยังไม่สายเกินไป


ถ้าใช้หน่วยอัศวินตีนดำเป็นโล่ ยังมีโอกาสให้หนีรอดไปจากเมอร์เซเดส


และถ้า 12 ผู้พิทักษ์กำลังล้อมป่าไว้ เรายังสามารถเสี่ยงใช้ ‘กระตุ้นแก่นพลัง’ เพื่อฝ่าวงล้อมออกไป ดังนั้นต้องรีบลงมือ


“ถอยทัพ! พวกเจ้ายื้อเวลาให้ข้า!”


ไคล์ออกคำสั่ง


“…ขอปฏิเสธ”


“…??”


อัศวินตีนดำไม่ปฏิบัติตามคำสั่ง


ไคล์แผดเสียงคำรามด้วยโทสะ


“ข้าคือตัวแทนดูรันดัล! มหาจักรพรรดิพระองค์ต่อไป! เป็นหัวหน้าพวกเจ้าทุกคน! อัศวินไม่มีสิทธิ์ขัดคำสั่ง!”


ขณะไคล์กำลังเดือดดาล


อัศวินตีนดำนายหนึ่งก้าวขาออกมาด้านหน้าสุด ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากเลซี


“พวกเราฝ่าฝืนกฎของอัศวินมาแล้วครั้งหนึ่ง และนั่นเกิดจากคำสั่งของคุณ ดังนั้นคงไม่เป็นไรหากจะฝ่าฝืนเพิ่มอีกสักข้อ”


“เหตุผลเหลวไหล! พวกเจ้ากำลังก่อกบฏ ! คิดว่ามหาจักรพรรดิดูรันดัลจะไว้ชีวิตงั้นหรือ”


“ถึงพวกเราจะลุกขึ้นสู้ แต่ผลลัพธ์ก็คงลงเอยด้วยความตายอยู่ดี ในเมื่อไม่ว่าเลือกทางใดก็ต้องตาย ขอตายโดยไม่ต้องฆ่าใครสักคนก็แล้วกัน”


เมื่อสิ้นเสียงเลซี อัศวินตีนดำต่างกวาดสายตามองไปรอบตัว


เอลฟ์ทุกตนกำลังโก่งคันศรเล็ง


หลังจากเมอร์เซเดสและพรรคพวกอัศวินปรากฏตัว เอลฟ์เหล่านี้ฉวยโอกาสพักหายใจและเตรียมโต้กลับ


ทางรอดของพวกมันจึงไม่เหลืออีกแล้ว


“ไอ้พวกระยำ… ฉันจะฆ่าทิ้งให้หมด!!”


เรายังมีโอกาสรอด


ในเมื่อใช้อัศวินตีนดำเป็นโล่กำบังไม่ได้ คงมีแต่ต้องฝ่าดงเอลฟ์ออกไปโดยยอมเสียสละบางสิ่งแลกเปลี่ยน


เปรี้ยะ! เปรี้ยะ!!


ขณะไคล์เตรียมใช้ ‘กระตุ้นแก่นพลัง’ บรรยากาศรอบตัวพลันแผ่กลิ่นอายสายฟ้าปริมาณเข้มข้นอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน


แต่ทันใดนั้น


ฟุ่บ!


บุคคลปริศนาในผ้าคลุมสีเทากระโดดลงมายืนข้างไคล์


ผ้าคลุมศีรษะยาวปกปิดใบหน้า แถมยังมีแถบผ้าคาดทับดวงตาอีกชั้น


“ไคล์… พระองค์ส่งพวกเรามาช่วยเจ้า”


มันคือหนึ่งในสาวกเทพสงครามอันมากมายผู้เร้นกายบนทวีปตะวันตก


บุคคลปริศนาสำแดงอิทธิฤทธิ์วิชาตัวเบาพร้อมกับกระโจนขึ้นไปในอากาศอย่างน่าทึ่ง


“คงปล่อยให้หนีไม่ได้”


เมอร์เซเดสชักดาบสีขาวใสคล้ายสร้างจากแก้วออกมาถือ พร้อมกับกระโจนออกไปขวางทางสาวกเทพสงครามมิให้พาตัวไคล์หนี


โฮกกกกก!


“…!?”


เสียงพญาเสือคำรามกึกก้องทั่วผืนป่า


ฝนธนูหลายร้อยดอกถูกยิงสาดปกคลุมท้องฟ้าจนบรรยากาศมืดครึ้ม บดบังทัศนวิสัยด้านบนโดยสิ้นเชิง


ด้วยอุปสรรคมากมายถาโถมเข้าใส่ สาวกเทพสงครามเริ่มสูญเสียการทรงตัวอย่างมิอาจหลีกเลี่ยง


▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬
ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 4 ตอน
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,502
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/

Comments

  1. ???

    ยังไง......
    ค้าง..........
    ค้าง​ๆๆๆๆๆ.....
    ขออีกตอนครับแอด🙏
    ขอบคุณ​ครับ​😁

    ReplyDelete
  2. ขอบคุณสำหรับงานแปลเช่นเคยครับ

    ReplyDelete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00