จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,112
‘กริดเรียนเทคนิคดาบจากอัสโมเฟล?’
ไม่แปลกหากเลซีจะเข้าใจผิด
เทคนิคดาบเสกดอกไม้และสร้างระเบิดสุดตระการตาของอัสโมเฟล งดงามอลังการไม่ต่างจากวิชาดาบ ‘สะพรั่ง’ ของกริดเลยสักนิด
ดาบพิโรธอัสโมเฟล ตำนานสองเสาหลักร่วมกับปิอาโร่สมัยอัศวินสีชาดกำลังรุ่งเรืองสุดขีด ในสายตาเลซี ฝีมือแท้จริงชายคนนี้ไม่ได้ด้อยไปกว่าข่าวลือเลยสักนิด
บึ้ม!
บึ้มบึ้มบึ้มบึ้ม!!
ดอกไม้ตูมผุดขึ้นบนร่างกายไคล์และเบ่งบานออกพร้อมแรงระเบิดสั่นสะเทือน
พลังทำลายมหาศาลจนส่งผลให้ผืนป่าโยกคลอนหนักหน่วง ไม่อนุญาตให้เหยื่อส่งเสียงร้องครวญครางโหยหวนออกมา
แต่ท่ามกลางเสียงดังกระหึ่ม
“คึฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!”
ไคล์ในสภาพเละเทะปรากฏตัว
แม้ร่างกายจะเปรอะเปื้อนด้วยเลือดสีแดงฉาน แต่สุขภาพจิตของมันยังเริงร่าจนน่าตกตะลึง ส่งผลให้ดวงตาของอเมลด้า เคนดริก และดันเต้เบิกโพลงอย่างไม่อยากเชื่อ
“ได้ยังไง? เจ้านั่นรอดมาได้ยังไง?”
“บางที… พลังของมันอาจทัดเทียมกับดอกไม้ระเบิด…”
“…”
สามอัศวินสีชาดล้วนทราบดี
เหตุผลเดียวทำให้อัสโมเฟลกลายเป็นอันดับสองตลอดกาล เพราะขีดจำกัดของมันอยู่ในตัววิชาดาบ
ท่าโจมตีของอัสโมเฟลคือเทคนิคระเบิดออร่าจำนวนมหาศาลไปพร้อมปราณดาบ ส่งผลให้พลังทำลายกระจายออกเป็นวงกว้าง แต่จะเสียเปรียบในการประลองแบบหนึ่งต่อหนึ่ง ยิ่งไปกว่านั้น วิชาดาบอัสโมเฟลยังกัดกร่อนพลังชีวิตของผู้ใช้ทุกขณะ
นั่นคือสาเหตุทำให้อัสโมเฟลไม่สามารถเอาชนะปิอาโร่ในการดวลได้แม้แต่ครั้งเดียว
แต่นั่นเฉพาะกับปิอาโร่ นอกเหนือจากนั้น อัสโมเฟลไม่เคยพ่ายแพ้ใครเลยในยุคสมัยเดียวกันอีกเลย
เพราะเหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น
คำตอบคือ นอกจากปิอาโร่แล้ว ไม่มีใครสามารถมอบความรู้สึก ‘ห่างชั้นเกินไป’ ให้กับปราณดาบถล่มเมืองของอัสโมเฟลได้อีก
ถูกต้อง ในความทรงจำของอดีตสามอัศวินสีชาด อัสโมเฟลคือชายผู้เหนือกว่าคนทั้งโลกยกเว้นปิอาโร่เพียงผู้เดียว
และในวันนี้ อัสโมเฟลพัฒนาตัวเองจนกลายเป็นมหาจอมดาบ แถมยังมีปราณดาบเพิ่มขึ้นจากเดิมอย่างมหาศาล แต่กลับถูกเด็กหนุ่มไคล์—สัตว์ประหลาดในสายตาสามอัศวิน—รับการโจมตีไว้ได้ด้วยพลังดิบซึ่งหน้า
‘ระดับเดียวกับปิอาโร่…!’
อดีตมหาจักรพรรดิฮวนเดอร์
เหตุใดจักรพรรดิไม่ได้ความและช่วงชิงทุกสิ่งทุกอย่างไปจากพวกตน ถึงได้มีสายตามองการณ์ไกลจนประเมินว่าไคล์จะเก่งกาจได้ถึงเพียงนี้
ขณะทั้งสามกำลังกัดริมฝีปากหงุดหงิด
เปรี้ยง! เปรี้ยง!!
ไคล์ห่อหุ้มร่างตัวเองด้วยสายฟ้าพร้อมกับรัวกำปั้นชกใส่อัสโมเฟลเป็นพัลวัน
ด้วยความแข็งแกร่งระดับสามารถสยบอดีตอัศวินสีชาดหลักเดียวพร้อมกันสามคน ไคล์ทุ่มพลังทั้งหมดรุกโจมตีใส่อัสโมเฟลโดยไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายพักหายใจ อวัยวะทุกส่วนของร่างกายถูกห่อหุ้มด้วยสายฟ้าและนำมาใช้เป็นอาวุธสังหาร
เคร้ง!!
ศอกเสยของไคล์พุ่งกระแทกใส่เกราะไหล่อัสโมเฟล
เคร้ง—!
ดาบอัสโมเฟลในท่าจับสลับแทงขัดขวางกำปั้นอีกข้างของไคล์จนเสียจังหวะ ตามต่อด้วยการตวัดแทงใส่ช่องท้อง
เปรี้ยะ!!
ไคล์รีบยกเข่าป้องกันดาบได้ทันท่วงที ก่อนจะรวบรวมพลังอัสนีปริมาณมหาศาลไว้ตรงปลายศอก ส่งผลให้เกราะไหล่อัสโมเฟลเกิดรอยร้าวและถูกอาการช็อกไฟฟ้าเล่นงาน
เปรี้ยง!
สายเลือดขุนนางแห่งจักรวรรดิผู้สูงศักดิ์
ใบหน้าแสนสง่างามและผิวพรรณขาวเนียนของอัสโมเฟลถูกกำปั้นไคล์ตะบันใส่เต็มเหนี่ยวโดยไม่ยั้งมือ
พรึบ!
ผ้าคลุมสีฟ้าเปื้อนเปรอะเศษฝุ่นสะบัดพลิ้ว
ด้วยทักษะย้ายตำแหน่งพริบตา ไคล์ตามพุ่งประชิดตัวอัสโมเฟลง่ายดาย เด็กหนุ่มสายฟ้าคว้าผ้าคลุมไว้แน่นถนัดและจับอัสโมเฟลฟาดกระแทกพื้นสุดแรง ตามด้วยการประเคนกำปั้นซ้ำใส่ใบหน้าอย่างไม่หยุดพัก
“ฮะฮะ…! คึฮ่าฮ่าฮ่า!!”
ไคล์ระเบิดเสียงหัวเราะบ้าคลั่ง
มันย้อนนึกกลับไปยังขณะเทพสงครามช่วยมอบความเชื่อใจและพรสุดประเสริฐให้กับตน
หากเทียบกับห้าเสาหลักคนอื่น ตัวมันยังลีบเล็กจนแทบไม่มีจุดยืนในสมัยนั้น
แม้จะสูญเสียแขนไปข้างหนึ่งจนไม่หลงเหลือความมั่นใจในตัวเอง แต่ท่านมหาเทพกลับมีเมตตาประทานสุดยอดศิลปะการต่อสู้ให้
ลงเอยด้วย ไคล์ตระเวนสำรวจจนทั่วโบราณสถานเทพสงครามจนได้เรียนคัมภีร์ลับเทพสงครามทั้งหมด 7 เล่ม จึงประจักษ์ปาฏิหาริย์ของเทพหนแล้วหนเล่าและยิ่งเกิดศรัทธาอย่างแรงกล้า
ไม่เพียงได้รับแขนข้างใหม่ทดแทนของเดิม มันยังสร้างกระแสไฟฟ้าห่อหุ้มอวัยวะได้ทุกส่วนและควบคุมดังใจนึก
ทั้งหมดคือพลังจากท่านเทพผู้ยิ่งใหญ่
อีกไม่นาน ตนจะก้าวข้ามแกรนมาสเตอร์และแก้แค้นบุรุษผู้ช่วงชิงแขนของตนไป
หากตนสำเร็จศิลปะการต่อสู้ขั้นสูงสุดเมื่อใด การครอบครองโลกใบนี้ก็อยู่แค่เอื้อม ไคล์เชื่อเช่นนั้นและกำลังมั่นใจสุดขีด ความศรัทธาของตนจะต้องเป็นจริงแน่นอน
หลักฐานพิสูจน์คือ มันเพิ่งจัดการอัศวินหลักเดียวของยุคสมัยจักรวรรดิรุ่งเรืองสุดขีดได้สามคนพร้อมกัน ความสำเร็จเช่นนี้ส่งผลหัวใจไคล์พองโต
“คึ่ก—…?”
แต่ขณะกำลังเหวี่ยงกำปั้นอย่างบ้าคลั่ง ไคล์พลันหยุดขำพร้อมกับขมวดคิ้ว
มันสัมผัสถึงความแปลกประหลาด
อัสโมเฟลได้รับบาดเจ็บน้อยจนผิดวิสัย
แม้จะถูกกำปั้นกระหน่ำชกอย่างไม่หยุดมือ แต่กะโหลกของอีกฝ่ายกลับไม่ยอมแหลกละเอียดเสียที
‘กายาเหนือมนุษย์?’
หมอนี่เข้าสู่ขอบเขตของเหนือมนุษย์ด้วยพรสวรรค์ส่วนตัวเพียงอย่างเดียวหรือ
ไม่มีทาง เป็นไปไม่ได้แน่!
มันไม่ได้เก่งกาจขนาดนั้น!
เมื่อตระหนักว่าเสื้อคลุมสีฟ้ากำลังปกปิดใบหน้าบางส่วนของอัสโมเฟลไว้ ไคล์หรี่ตาลงพลางสำรวจอย่างละเอียด
‘หรือว่า…’
เสื้อคลุมตัวนี้ช่วยดูดซับความเสียหาย?
แค่ผืนผ้าชิ้นเดียวเนี่ยนะ?
แม้จะไม่อยากเชื่อ แต่ไคล์ก็ไม่มีทางเลือกนอกจากกระชากผ้าคลุมอัสโมเฟลออก
ทันใดนั้น คมดาบพุ่งสวนออกมาขณะผ้าคลุมกำลังถูกดึงม้วน
“ห้ามแตะต้องสมบัติของฝ่าบาท”
เมื่อสิ้นเสียง หน้าอกไคล์ถูกคมดาบเสียบ
อัสโมเฟลดีดตัวลุกขึ้นโดยใช้ไหล่กระแทก เมื่อเห็นไคล์ในท่านั่งคร่อมเริ่มเสียหลัก อัสโมเฟลโจมตีซ้ำด้วยการตวัดดาบใส่เป็นทรงจันทร์ครึ่งเสี้ยว
เปรี้ยะ!
ไคล์รีบสร้างกระแสไฟฟ้าชุดใหม่เพื่อป้องกันคมดาบ แต่กลับถูกขัดขวางในจังหวะสุดท้ายด้วยฝักดาบของอัสโมเฟล
เคร้ง!
เคร้ง!!
ฝักดาบลอยขึ้นฟ้าราวสองเมตรและค้างอยู่เช่นนั้นโดยไม่มีทีท่าว่าจะหล่นกลับลงมา
สาเหตุเกิดจากสองบุคคลเบื้องล่างกำลังสาดพลังเข้าใส่กันอย่างไม่หยุดพักจนสร้างคลื่นกระแทกสลับกับสนามแม่เหล็ก ฝักดาบมีชะตากรรมเพียงกระเด้งกระดอนกลางอากาศเช่นนั้นคล้ายกับกำลังเต้นรำ
ซู่วว—
ระหว่างแลกหมัดดาบดุเดือดหลายกระบวนท่า บุปผาผุดขึ้นจากความว่างเปล่าหลายดอก แต่ก็สลายไปในเวลาไม่นานเช่นกัน
ดาบอัสโมเฟลเริ่มสูญเสียความคงทนมากขึ้นทุกขณะ มันทำได้เพียงกัดฟันปลดปล่อยวิชาดาบหนอย่างสุดฝีมือ
แต่ในทางกลับกัน
เปรี้ยะ—!
เปรี้ยะ! เปรี้ยะ! เปรี้ยะ! เปรี้ยะ!!
มวลกระแสไฟฟ้าอันเกรี้ยวกราดของไคล์กลับไม่สูญเสียความน่าสะพรึงกลัวลงเลย
สำหรับไคล์แล้ว ปริมาณกระแสไฟฟ้าของมันใกล้เคียงค่าอนันต์ สามารถสร้างออกมาได้เรื่อยๆ โดยไม่มีวันหมด
ไม่ต้องสูญเสียทรัพยากร
เรียกได้ว่าแทบจะไร้จุดบอด
วืด—
ดาบอัสโมเฟลกำลังส่องสว่างจากผลของปราณดาบอันเจิดจ้า บดบังการมองเห็นไคล์ไปชั่วขณะ อัสโมเฟลฉวยโอกาสเกร็งมือแทงดาบเฉียดกระดูกไหปลาร้าไคล์ไปเล็กน้อยอย่างน่าเสียดาย
เมื่อการโจมตีพลาดเป้า มันรีบกระโดดถอยหลังหลบอย่างชำนาญ
เปรี้ยง!
ไคล์พุ่งตัวไล่ตามติดพร้อมกับซัดฝ่ามือสายฟ้าใส่หน้าอกอัสโมเฟลเต็มแรง
แก๊ง!
ฝักดาบร่วงหล่นลงพื้นหลังจากเต้นรำกลางอากาศอยู่นาน
“แค่ก…!”
อัสโมเฟลอาเจียนเป็นเลือด แต่มันฝืนกัดฟันไม่ส่งเสียงร้องเจ็บปวดออกมา
ขณะกำลังสัมผัสความทุกข์ทรมานประหนึ่งเครื่องในถูกทำลาย มันพลันตระหนัก
ตนกำลังพ่ายแพ้ให้กับเด็กหนุ่มขี้กลัวผู้เริ่มฝึกวิชาช้ากว่าใครทั้งหมด
ไคล์ในปัจจุบันได้เติบโตไปไกลกว่าจินตนาการของฮวนเดอร์มาก
‘เราไม่ใช่บุคคลอันดับสองคอยไล่ตามอันดับหนึ่งอีกแล้ว’
เราเสียเวลาไปมากเมื่อเทียบกับคนอื่น
เราค้างคาอยู่ในจุดเดิมหลายปี
‘ถ้าฝ่าบาทกริดมาช่วยเราเร็วกว่านี้…’
ไม่สิ ถ้าเราได้สติก่อนฝ่าบาทกริดมาพบ
ไม่สิ ถ้าเราไม่ตกหลุมพรางแมรี
ไม่สิ ถ้าเราไม่ริษยาปิอาโร่เมื่อตอนนั้น
มีแต่ความผิดพลาดในชีวิตเต็มไปหมด
ภาพแสนเศร้าสมัยอดีตย้อนกลับมาฉายในความทรงจำอัสโมเฟลทีละฉาก
ทันใดนั้น
“…”
ดวงตาอัสโมเฟลเริ่มสูญเสียความแวววาว
ขณะอัสโมเฟลล้มลง ใบหน้าเลซีพลันขาวซีดยิ่งกว่ากระดาษ มันหันไปเห็นเมอร์เซเดสและสามอดีตอัศวินทำเพียงยืนเฝ้ามองอย่างเงียบงัน
เลซีพยายามรบเร้า
“ไม่เข้าไปช่วยเขาหรือไง!”
“…”
“พวกพ้องไม่ใช่หรือ?”
ไม่มีอัศวินคนใดในจักรวรรดิซาฮารันไม่รู้จักอัสโมเฟล
วีรบุรุษผู้ร่วงหล่น
คนทรยศขายพวกพ้องอย่างหน้ามืดตามัวเนื่องจากลุ่มหลงในความรัก
แต่ความจริงจากปากจักรพรรดินีบาซาร่าได้ทำให้คดีเมื่อสิบห้าปีก่อนกระจ่าง บาปและความผิดของอัสโมเฟลถูกลบล้างในพริบตา
ถึงจะไม่ถูกยกย่องให้เป็นวีรบุรุษเฉกเช่นสมัยอดีต แต่ก็มีอัศวินจำนวนมากกลับมายกย่องชื่นชมอัสโมเฟลอีกครั้ง
เหนือสิ่งอื่นใด สามอัศวินตรงหน้าล้วนเคยถูกอัสโมเฟลถูกหักหลังในอดีต ฉะนั้นเมื่อพวกเขาปรากฏตัวพร้อมกัน ย่อมหมายความว่าบาปในอดีตได้ถูกให้อภัยแล้วไม่ใช่หรือ
ต้องใช้ความกล้ามากเพียงใดเพื่อให้ได้รับการอภัยโทษ ต้องเจ็บปวดและเสียสละตัวเองมากเพียงใดตลอด 15 ปีผ่านมา เลซีและเหล่าอัศวินตีนดำพอจะเดาได้อย่างเลือนราง
เป็นเพราะอัสโมเฟลเจ็บปวดกว่าใคร ทุกคนจึงมีความสุขเมื่อได้เห็นเขาสามารถลบล้างความตัวผิดสำเร็จ
แต่เขาคนนั้นกำลังจะตายไปต่อหน้าต่อตา
“พวกคุณยกโทษแล้วไม่ใช่หรือ?”
“…”
“แล้วทำไมถึงไม่ยอมช่วย!”
เลซีตะโกนตำหนิ
มันไม่ได้สนิทสนมกับอัสโมเฟลแต่อย่างใด
ว่ากันตามตรง อัสโมเฟลจะเป็นตายร้ายดีอย่างไร เลซีมิได้ใส่ใจมากนัก แต่มันโมโหเพราะทั้งเมอร์เซเดสและสามอัศวินสีชาดล้วนเป็น ‘อัศวิน’ เหมือนกัน คนเหล่านี้ทำเพียงเฝ้ามองอัสโมเฟลถูกเข่นฆ่าต่อหน้าโดยไม่ติดยื่นมือเข้าช่วย
“ไม่ว่าจะเกลียดชังมากเพียงใด แต่อัศวินห้ามทอดทิ้งพวกพ้องเด็ดขาด! นั่นคือคำปฏิญาณของพวกเราทุกคน!”
เลซีหันไปตะโกนใส่เมอร์เซเดส
อัศวินในตำนานเพียงหนึ่งเดียว แม้อดีตจักรพรรดิฮวนเดอร์จะรังเกียจอัศวินสีชาด แต่มันก็รักและชื่นชอบเมอร์เซเดสเป็นกรณีพิเศษ ถึงภายหลังจะถูกขับไล่ไปอยู่กับราชาโอเวอร์เกียร์ก็ตาม
เพราะเลซีนับถือในตัวเธอมากกว่าอัศวินคนใดในซาทิสฟาย จึงทนไม่ได้เมื่อเห็นหญิงสาวผู้นี้หันหลังให้กับเกียรติแห่งอัศวิน
“นายน่ะ…”
หลังจากเฝ้ามองสถานการณ์อย่างเงียบงันเป็นเวลานาน เมอร์เซเดสหันมาทางเลซีพลางขยับปากพูดเป็นครั้งแรก พร้อมกับส่งรอยยิ้มอันงดงามจนยากจะหาสตรีใดทัดเทียม
“ยังไม่รู้จักเขาดีพอ”
สามอัศวินหันมากล่าวเสริมคล้ายกับกำลังรออยู่นานแล้ว
“นายคิดว่าคนอย่างรองแม่ทัพจะถูกจัดการง่ายดายเช่นนี้จริงหรือ”
“หมอนั่นเจ้าเล่ห์กว่าใครทั้งหมด มันถึงวางแผนทรยศพวกเราและท่านแม่ทัพสำเร็จยังไงล่ะ!”
“รองแม่ทัพจะต้องถูกเชือดด้วยฝีมือพวกเราเท่านั้น!”
“…?!”
ขณะยืนฟังถ้อยคำยากจะเข้าใจของบรรดาอัศวินรุ่นพี่ ดวงตาเลซีพลันเบิกโพลงอย่างหวาดผวา
อัสโมเฟลกำลังกลิ้งตัวไปบนพื้นหลายตลบเพื่อหลบการโจมตีของไคล์ แต่อดีตรองแม่ทัพแห่งกองอัศวินสีชาดผู้นี้กลับทำดาบหลุดมือ
หากอัศวินใดสูญเสียดาบ
อัศวินผู้นั้นถึงคราวจบสิ้น
“ตายซะ!”
ไคล์มั่นใจในชัยชนะเสียเต็มประดา มันรวบรวมประจุไฟฟ้าไว้บนฝ่ามือทั้งสอง ก่อนจะเล็งปลดปล่อยใส่อัสโมเฟลในระยะประชิด
อย่างไรก็ตาม มันทำได้เพียง ‘เล็ง’ แต่มิได้ยิงออกไปสมปรารถนา ตรงกันข้าม ไคล์ส่งเสียงร้องโหยหวนอย่างน่าเวทนา
อัสโมเฟลดีดตัวลุกขึ้นจากพื้นพร้อมกับใช้ ‘ฝักดาบ’ กระแทกใส่เบ้าตาไคล์อย่างแม่นยำในทีเผลอ
“อั่ก…! เล่นสกปรก!!”
ยอมลงไปเกลือกกลิ้งบนพื้นเพราะวางแผนใช้ฝักดาบโจมตีแต่แรกแล้วหรือ?
เขายอมทิ้งดาบในมือเพราะจดจำตำแหน่งของฝักดาบบนพื้นได้? ขณะเดียวกันก็เป็นการปล่อยให้ศัตรูประมาทจนเกิดช่องว่าง
เขาจงใจเผยจุดอ่อนตัวเองหลายหนและแสร้งไม่ตระหนักถึงการมีอยู่ของฝักดาบแม้แต่ครั้งเดียว…
ชายคนนี้เจ้าเล่ห์เข้าขั้นน่ากลัว
ขณะไคล์กำลังเสียหลักเซถอยหลัง
“นายคิดเรียกร้องการต่อสู้อย่างบริสุทธิ์ยุติธรรมจากไอ้ขยะอย่างฉันคนนี้หรือ”
อัสโมเฟลกระซิบข้างหูด้วยเสียงเย็นชา
แม้แววตาของมันจะเคยอับแสงไปแล้วหนึ่งหน แต่ปัจจุบันกำลังอัดแน่นด้วยห้วงอารมณ์มากมาย
เฉกเช่นเมื่อครั้งทรยศหักหลังปิอาโร่และพวกพ้องทุกคน มันยอมละทิ้งศีลธรรมและเกียรติยศของอัศวิน แต่ก็ไม่เหมือนกับคราวก่อนเสียทีเดียว เพราะหนนี้มันทำไปเพื่อฝ่าบาทกริด มิใช่เพื่อตัวเอง
“ฝ่าบาทกำชับให้ฉันมีชีวิตรอดกลับไป ต้องขออภัยด้วย คงตายให้ตรงนี้ไม่ได้”
ว่ากันตามตรง อัสโมเฟลอยากตายมากกว่าใครในโลก
เพียงสบตากับพวกพ้อง ความรู้สึกผิดพลันเอ่อล้นในใจจนอยากกัดลิ้นตายให้รู้แล้วรู้รอด
แต่ท่านราชาบอกว่ายังไม่ถึงเวลา
ฝ่าบาทยังไม่อนุญาตให้มันตาย
[อัศวินของท่าน ‘อัสโมเฟล’ ทำการใช้งานทักษะ ‘ความมุ่งมั่นของอันดับ2’]
“…อัสโมเฟล?”
ขณะกริดเพิ่งมาถึงป่าต้นไม้โลกไม่ได้นาน ข้อความระบบอันน่าตกตะลึงได้แจ้งเตือนตรงมุมหน้าจอ
ในจุดห่างไกลจากกริดไปมาก อัสโมเฟลส่งเสียงถามไคล์อย่างเย็นชา
“หนีไปไม่ดีกว่าหรือ อาณาจักรโอเวอร์เกียร์กำลังเป็นพันธมิตรกับจักรวรรดิซาฮารัน พวกเราไม่ควรสู้กันจนถึงขั้นมีใครตาย”
“พล่ามไร้สาระอะไรอยู่? พวกเจ้าเข้ามาขัดขวางแผนการของข้าก่อนไม่ใช่หรือ? แถมยังทำให้ต้องเสื่อมเสียเกียรติ และเหนือสิ่งอื่นใดทั้งหมด ข้าแข็งแกร่งกว่าเจ้ามาก!”
“นั่นสินะ เป็นความผิดของฉันเอง และในเมื่อนายแข็งแกร่งกว่าฉัน หนทางเดียวในการควบคุมคือฆ่าทิ้ง”
ย้อนกลับไปสมัยอดีต อัสโมเฟลในยุครุ่งเรืองไม่เคยพ่ายแพ้ผู้ใดนอกจากปิอาโร่
ฉะนั้น มาตรฐานของมันคือปิอาโร่เสมอมา
ไม่ว่าศัตรูจะแข็งแกร่งสักเพียงใด แต่ถ้าอีกฝ่ายอ่อนแอกว่าปิอาโร่ อัสโมเฟลจะมั่นใจทุกครั้งว่าตนสามารถเอาชนะศัตรูได้ง่ายดาย ขอเพียงใช้พลังของปิอาโร่ได้สักครึ่งหนึ่ง
[อัศวินของท่าน ‘อัสโมเฟล’ กำลังจินตนาการถึงแผ่นหลังของบุคคล ‘อันดับ 1’ ผู้เป็นเป้าหมายสูงสุดมาตลอด]
“ทำฟาร์มอิสระผกผัน”
ซู่วว—
เงาดำทะมึนกำลังกลืนกินอาณาเขตสนามรบจนถ้วนทั่ว
แท่งเสาขนาดมหึมา กว้างใหญ่ยิ่งกว่าเส้นรอบวงต้นไม้โลก กำลังร่วงหล่นจากท้องฟ้าจนมองเห็นชัดเจนด้วยตาเปล่า
สิ่งนี้มีใช่ปราณดาบ แต่เป็นพลังลึกลับมาพร้อมอำนาจสะกดข่มกดปริมาณมหาศาลเหนือพรรณนา
“นั่นมัน… อะไร?”
โครมมมมมมมมมม!!
ขณะไคล์กำลังยืนอึ้ง เงาดำปริศนาได้หล่นทับร่างมันโดยสมบูรณ์
สุดดดด ยอดดดดดด😆👍
ReplyDelete2 ครก ดับเบิ้ลครก
ReplyDeleteส้มตำ?
Deleteแบร่บแบร่บ 555+
Delete