จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,120



“ท่านแม่ทัพ ท่านพกพลั่วมาทำไมหรือ”


“ปิอาโร่เป็นชาวนา”


“เข้าใจแล้ว… ท่านคงถอนตัวสินะ”


ช่วงชีวิตในฐานะกบฏ อเมลด้าทราบถึงความทุกข์ทรมานได้ดีกว่าใคร เรื่องแขนขาหักกลายเป็นกิจวัตรประจำวัน ผ่านความตายมาก็นับครั้งไม่ถ้วน


ฉะนั้น ปิอาโร่ในฐานะหัวหน้ากบฏ คงต้องเผชิญนรกอันมืดมนยิ่งกว่าพวกตนหลายขุม…


‘ท่านคงเจ็บปวดจนเกิดแผลใจ และไม่กล้าจับดาบอีกตลอดชีวิต…’


หยดน้ำตาเริ่มไหลรินอาบสองแก้ม


น่าเจ็บใจนัก… เมอร์เซเดสโกหกเราว่าท่านปิอาโร่ใช้ชีวิตบั้นปลายอย่างมีความสุข ถึงจะทำไปเพื่อหวังดีก็เถอะ…


ไม่ว่าความจริงจะโหดร้ายสักเพียงใด คนเราก็ไม่ควรโกหกกันไม่ใช่หรือ


หากได้ทราบล่วงหน้า เราคงมีเวลาเตรียมหัวใจได้ดีกว่านี้…


ฮึก.


อเมลด้าเริ่มเข้าสู่ภวังค์ความโศกด้วยเหตุผลไร้สาระ


ขณะอัศวินสาวกำลังพรั่งพรูน้ำตาประหนึ่งไก่ขี้แตก ต้นรัฟเฟลเชียบนบ่าปิอาโร่เริ่มกระดุกกระดิกเป็นหนแรก


ดวงตาของมันเบิกกว้าง ตามด้วยการดิ้นทุรนทุรายอย่างทรงพลัง


> ปุล่าาาาาาา~—!!


“อั่ก!”


เมื่อรัฟเฟลเชียเริ่มแหกปากโวยวายด้วยเสียงหวีดแหลม กริดและสมาชิกปาร์ตี้ต่างพากันหน้าถอดสี


เหตุผลสำคัญก็คือ เสียงโหยหวนของรัฟเฟลเชียมาพร้อมอาการผิดปรกติสุดทรงพลัง


“มันคงตกใจ หลังจากตื่นขึ้นมาและพบว่าตนกำลังถูกรายล้อมด้วยสิ่งมีชีวิตอัปลักษณ์จำนวนมาก”


โนลล์พึมพำด้วยสีหน้าเห็นอกเห็นใจรัฟเฟลเชียเสียเต็มประดา


มันกำลังยืนห่างออกไป เนื่องจากแวมไพร์เป็นสิ่งมีชีวิตสายพันธุ์จมูกไว จึงมิอาจทนต่อกลิ่นเหม็นบัดซบของรัฟเฟลเชียในระยะใกล้ชิดได้


กริดและเมอร์เซเดสกำลังยืนหน้าสุด


บุรุษผมดำดวงตาเรียวคมดุร้าย และสตรีผมขาวดวงตาเย็นยะเยือกประหนึ่งน้ำแข็งขั้วโลกเหนือ ทำการชักดาบออกจากฝักในวินาทีเดียวกัน


“ทุกคนรีบฟื้นตัวโดยด่วน! เทรูชาน! นายถอยไปก่อน!”


“คุรุก! นักรบไม่มีวันวิ่งหนี—”


“เทรูชานหมดสติไปแล้วครับฝ่าบาท!”


“ฝ่าบาท กระหม่อมจะดูแลทุกคนให้เอง กรุณาเพ่งสมาธิกับศัตรูตรงหน้า”


“ฝากด้วยนะ อัสโมเฟล”


กริดเพ่งมองรัฟเฟลเชียโดยไม่ละสายตา ปล่อยให้อัสโมเฟลคอยดูแลพวกพ้องหมดสติด้านหลังอย่างสบายใจ


‘โอกาสมาถึงแล้ว’


ปิอาโร่เล่าว่า


เขาใช้พลั่วขุดดินจนได้พบรัฟเฟลเชียกำลังนอนหลับอยู่


ส่วนโนลล์เล่าว่า


รัลเฟลเชียตื่นขึ้นมาเห็นใบหน้าอันหล่อเหลาของเรา (?) จึงอับอายความอัปลักษณ์ของตัวเอง และส่งเสียงกรีดร้องโหยหวน


หมายความว่ารัฟเฟลเชียในสภาพปัจจุบัน แทบไม่มีพลังป้องกันตัวแบบอื่นนอกจากเสียงแหกปาก


ฉะนั้น ตำนานอย่างตนและเมอร์เซเดสต้องรีบลงมือจัดการให้จบโดยเร็ว


หงึก.


เพียงมองตาก็ทราบความคิด เมอร์เซเดสผงกศีรษะรับหลังจากเข้าใจเจตนากริด


ในการต่อสู้กับสาวกเทพสงครามลีจอง ทั้งสองเคยสอดประสานการเคลื่อนไหวได้อย่างสมบูรณ์แบบ


“หือ? เจ้าตกใจหรือ?”


ปิอาโร่เผยรอยอมยิ้มอบอุ่นพร้อมกับใช้มือลูบหัว (?) รัฟเฟลเชียอย่างอ่อนโยน


เรื่องน่าประหลาดพลันเกิดขึ้น


> ปุล่า…?


รัฟเฟลเชียชะงักเสียงตะโกนทันที


แม้ภายในปากของมันจะเต็มไปด้วยฟันซี่แหลมคมเรียงราย แต่ปิอาโร่ก็มิได้หวาดกลัว ยังคงใช้ฝ่ามือลูบไล้ศีรษะ (?) อย่างทะนุถนอม


“เด็กดี… ไม่ต้องกลัวนะ ไม่มีใครทำอันตรายเจ้าแน่นอน—… เอ๋?”


สีหน้าปิอาโร่พลันอึมครึม


มันพบว่าลำต้นของรัฟเฟลเชียมีลักษณะไม่ปรกติ ขนาดความหนาไม่เท่ากัน บางจุดบวมพองจนถึงขีดจำกัด


“อ้อ… กินของผิดสำแดงเข้าไป…”


> ปุล่า?


รัฟเฟลเชียเอียงคออย่างฉงน มันกำลังสัมผัสถึงความอบอุ่นของมนุษย์เป็นครั้งแรก


แน่นอน มันไม่เข้าใจภาษามนุษย์


แต่กลับสัมผัสได้ชัดเจนว่า…


มนุษย์คนนี้เป็นห่วงเรา… ไม่สิ! ต้องเป็นกลลวงหลอกฆ่าเราภายหลังแน่!


> กรี๊~—!!


รัฟเฟลเชียแหกปากตะโกนอีกครั้งอย่างหวาดระแวง


ปิอาโร่เห็นดังนั้นจึงทำการบีบคอ (?) พืชโบราณไว้แน่นถนัด


“อดทนหน่อยนะ!”


ขณะส่งเสียงกระซิบข้างหูรัฟเฟลเชียอย่างอ่อนโยน ชาวนาในตำนานระเบิดพละกำลังจากท่อนแขนและสะโพกฉับพลันจนใบหน้าของมันเริ่มแดงก่ำ


โครมมมมม!!


ในสภาพงอตัวคล้ายสะพานโค้ง ปิอาโร่ทุ่มรัฟเฟลเชียไปข้างหลังด้วยท่ากลับหัว เกิดเสียงสั่นสะเทือนโครมครามบนพื้นดิน


ไม่ผิดนักหากจะกล่าวว่า มันเพิ่งจับอีกฝ่ายทุ่มท่า ‘แบ็คดร็อป*’ ได้อย่างสมบูรณ์แบบ


(* Backdrop ท่าทุ่มหลังของมวยปล้ำ)


“…?”


“…?”


ขณะปิอาโร่จัดการรัฟเฟลเชียด้วยท่าทุ่มสุดป่าเถื่อน กริดและเมอร์เซเดสหันมองตากันอย่างหมดคำจะกล่าว


หลังจากพูดว่า ไม่ต้องกลัวนะ ไม่มีใครทำอันตรายเจ้าได้ ก็ตามด้วยการจับอีกฝ่ายทุ่มด้วยท่าแบ็คดร็อปทีเผลอเนี่ยนะ?


สัจจะของนายอยู่ตรงไหน?


เป็นวิธีล่ามอนสเตอร์แบบใหม่หรือไง?


อา… คงเพราะเป็นมอนสเตอร์พืช ปิอาโร่จึงลงมือได้อย่างมีประสิทธิภาพ


พลังของชาวนาในตำนานย่อมสามารถสื่อสารทางใจกับพืชได้อยู่แล้ว


‘ได้ผลไหมนะ…’


ไว้เราค่อยทดสอบกับมอนสเตอร์วันหลัง


ขณะกริดกำลังไตร่ตรองเคร่งขรึม


ค่อก! ค่อก!


ลำต้นของรัฟเฟลเชียผู้ถูกทุ่มกลับหลังดังโครม เริ่มกลับมาเคลื่อนไหวได้อีกครั้ง


สิ่งแปลกปลอมในลำต้นเริ่มถูกลำเลียงขึ้นไปยังกลีบดอกด้านบนอย่างเชื่องช้า


“อดทนได้ดีมาก”


หมับ!


ปิอาโร่โอบกอดลำต้นรัฟเฟลเชียอย่างแนบแน่นอีกครั้ง ตามด้วยการเขย่าสุดแรงจนเกิดสิ่งมหัศจรรย์


> ปุล่ากกกกกแค่ก!!


รัฟเฟลเชียกรีดร้องพร้อมกับเสียงอาเจียน


ปุฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!


วัตถุประหลาดพุ่งพรวดออกจากปากรัฟเฟลเชียในคราวเดียว ผลลัพธ์ตรงหน้าไม่ผิดไปจากจินตนาการกริดสักเท่าไร


“เบเนียลู!”


หนึ่งในสิบสองผู้พิทักษ์ผู้ถูกรัฟเฟลเชียเขมือบเข้าไปทั้งตัว เบเนียลู


ด้วยร่างกายสกปรกมอมแมมเปรอะเปื้อนของเหลวเหนียวข้น เอลฟ์สาวบรรจงหรี่ตาขึ้นทีละนิด


“เฮือก…!”


ปิอาโร่รีบถอดเสื้อของตนออก และนำไปปกปิดอวัยวะสำคัญให้เบเนียลู


มันใช้แขนข้างหนึ่งแบกรัฟเฟลเชีย—ผู้ไร้เรี่ยวแรงเพราะขาดสารอาหาร—ขึ้นบนบ่า จากนั้นก็ใช้แขนอีกข้างช่วยประคองเบเนียลูให้ลุกยืน


“ดีขึ้นหรือยัง?”


“…คุณ”


กลิ่นของดินอันอบอุ่นและเย็นสบาย


สุ้มเสียงก้องกังวานเปี่ยมด้วยพลัง ดุจดังรากแก้วของต้นไม้ใหญ่ ดวงตาแสนอ่อนโยนราวกับแสงแดดในยามเช้า


บุคคลผู้นี้ เบเนียลูรู้จักมักคุ้นเป็นอย่างดี


เพราะเธอไม่เคยลืม


“ท่านปิอาโร่…”


‘สุภาพบุรุษตัวจริง’ เพียงคนเดียวในสายตาเบเนียลู เหล่าเอลฟ์ชายของเผ่ามิอาจเทียบเคียงได้ในทุกแง่มุม


คนจริงลงมือทำ ไม่ใช่เก่งแต่ปากพร่ำ


ชายคนนี้ช่วยชีวิตเราไว้อีกแล้ว…


หมับ. เบเนียลูโผซบแผ่นอกใหญ่สามศอกของปิอาโร่อย่างไม่เกรงใจ หยดน้ำตาเริ่มไหลเปียกสองข้างแก้มทีละนิด


ถึงจะถูกมนุษย์ช่วยไว้ แต่ถ้าเป็นปิอาโร่ เธอไม่เคยรู้สึกละอายใจ


ในฐานะสตรี เธอเองก็ต้องการมีใครสักคนให้พึ่งพาเช่นกัน


“…”


ปิอาโร่ลูบหลังเบเนียลูอย่างทะนุถนอมโดยไม่กล่าวสิ่งใด


ตรงหน้ามันคือหญิงสาวผู้ถูกความจำปวดครอบงำจิตใจมานานกว่าร้อยปี ถึงภายนอกจะมีพลังแข็งแกร่งเพียงใด แต่ภายในใจย่อมรู้สึกเจ็บปวด


อาจแสร้งเข้มแข็งได้ แต่ปิอาโร่ก็มองออก


ในเวลาเดียวกัน ข้อความระบบน่ายินดีปรากฏมุมจอกริด


[ภารกิจ ‘ค้นหา’ เสร็จสิ้น!]


[รางวัลสำเร็จภารกิจ ค่าความสัมพันธ์กับต้นไม้โลกเพิ่มขึ้นเล็กน้อย อีกไม่นานท่านคงได้รับพรเพิ่มเติม]


[รางวัลสำเร็จภารกิจ ค่าความสัมพันธ์กับเบเนียลูเพิ่มถึงขีดจำกัด เบเนียลูพร้อมจะทำตามขอของท่านทุกชนิด ยกเว้นขอแต่งงาน]


‘แล้วคิดว่าเราอยากแต่งหรือ?’


ใครไปจะขอกัน


ถึงเบเนียลูจะมีหน้าตาค่อนข้างดี แต่หล่อนยังเทียบกับเมอร์เซเดสไม่ได้ด้วยซ้ำ


หลังจากเสียความมั่นใจ กริดพึมพำหัวเสียเล็กน้อย แต่หลังจากนั้นก็ฉีกยิ้มกว้างอย่างมีความสุข


‘เราไม่มีทางแย่งผู้หญิงของปิอาโร่แน่’


มันประจักษ์เต็มสองตา ปิอาโร่กำลังจับมือเบเนียลูไว้แนบแน่น


‘แบบนี้ดีแล้ว… นายได้มีวันกับเขานี้สักที’


กริดเผยรอยยิ้มอบอุ่น ภายในใจกำลังถูกความสุขเติมเต็มอย่างล้นปรี่


มันได้เห็นปิอาโร่ผู้เคยมีเพียงความเคียดแค้น เริ่มเปิดใจมอบความรักให้ใครสักคนอีกครั้ง ในฐานะลูกศิษย์ เพื่อน และเจ้านายอย่างตน กริดย่อมยินดียิ่งกว่าใคร


‘ข่าน…’


ชายหนุ่มแหงนมองท้องฟ้า


เจตนาพยายามเก็บซ่อนคราบน้ำตา


‘ลุงเห็นไหม…’


ทุกคนกำลังใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ตามคำสอนของลุงทุกประการ


***


ณ หมู่บ้านเอลฟ์


ตามธรรมชาติของเผ่า เหล่าเอลฟ์ต่างวิ่งปรี่เข้าหาโดยไม่สวมรองเท้า พวกเธอโผเข้ากอดเบเนียลู—ผู้รอดชีวิตกลับมา—อย่างแนบแน่นและอบอุ่น โดยเฉพาะเอลฟ์สาวสวยนางหนึ่ง ผู้มีใบหน้ากลมกลึงแต่นมเล็ก กำลังร่ำไห้ด้วยสีหน้ายินดีปรีดา


เดเลียลู


ต่างจากสิบสองผู้พิทักษ์คนอื่น เดเลียลูมิไม่คิดรักษาภาพลักษณ์ของตน


“รัฟเฟลเชียจะปรากฏตัวขณะล่าเหยื่อเท่านั้น เนื่องจากไม่สามารถสัมผัสอากาศของโลกได้เป็นเวลานาน พวกมันไม่มีทางเลือกนอกจากซ่อนตัวอยู่ในดิน เงื่อนไขดังกล่าวทำให้ล่าเหยื่อได้น้อยลง และเป็นสาเหตุให้ไม่รีบย่อยอาหารหลังจากกินเข้าไป เหยื่อในท้องจะเข้าสู่ภาวะคล้ายจำศีลเป็นเวลานาน นอกเสียจากรัฟเฟลเชียจำเป็นต้องใช้พละกำลังสำหรับล่าเหยื่อครั้งถัดไป”


เดเลียลูอธิบายสาเหตุ ว่าทำไมเบเนียลูจึงกลับมาในสภาพครบถ้วนสมบูรณ์ แม้จะถูกรัฟเฟลเชียเขมือบเข้าไปทั้งตัว


“พวกมันยังไม่สูญพันธุ์เพราะตระหนักถึงอันตรายได้รวดเร็วและมีระบบจำศีลน่าทึ่ง”


“เฮ่อ… ช่างน่าสงสาร”


> ปุล่า…


ขณะกริดกำลังซึมซับความรู้ใหม่ ปิอาโร่เผยสีหน้าเศร้าใจ พลางใช้มือตบบ่ารัฟเฟลเชียอย่างอ่อนโยน


…เดี๋ยวนะ มันกำลังจะตาย?


กริดเพิ่งตระหนักว่าใบของรัฟเฟลเชียเริ่มออกอาการเหี่ยวเฉา


จริงอยู่ เป็นเรื่องดีสำหรับเราหากมอนสเตอร์เสียชีวิต เพราะจะได้รับไอเท็มดรอปและค่าประสบการณ์ แต่ปิอาโร่จะรู้สึกอย่างไร?


ขณะกริดกำลังครุ่นคิดหาทางออก


“ฝ่าบาท”


ปิอาโร่เปล่งเสียงด้วยสีหน้าขึงขัง


“กระหม่อมมีเรื่องต้องการขอร้อง อาจฟังดูน่าละอายใจไปสักหน่อย”


“ขอร้อง?”


คึกคึก! ชายหนุ่มพยายามซ่อนสีหน้ายินดี


ถือเป็นคำขอร้องสุดหายากจากปิอาโร่ ผู้เอาแต่เสียสละตัวเองเพื่อกริดหนแล้วหนเล่าโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน


สิ่งนี้เป็นเครื่องยืนยันว่า อีกฝ่ายยอมเปิดใจให้ตนโดยสมบูรณ์ ไม่แปลกหากกริดจะตื่นเต้นจนออกนอกหน้า


“ว่ามาเลย ฉันยินดีรับฟังทุกเรื่อง!”


อึก.


กริดไม่ทราบว่าทำไมเบเนียลูต้องกลืนน้ำลายเสียงดังขนาดนั้น ราวกับเธอกำลังคาดหวังคำขอร้องสุดอลังการจากปากปิอาโร่


ปิอาโร่ลังเลนานหลายวินาที ก่อนจะยอมเปิดปากอธิบาย


“กระหม่อมต้องการพาเด็กคนนี้กลับไปเลี้ยงดูในอาณาจักรโอเวอร์เกียร์”


“…”


ดวงตาเบเนียลูพลันเหม่อลอยกะทันหัน


กริดเริ่มกระอักกระอ่วน


“มันเป็นพืชกินเนื้อไม่ใช่หรือ”


“เด็กคนนี้ฉลาดมาก หากอบรมเลี้ยงดูอย่างถูกต้อง กระหม่อมมั่นใจว่าจะไม่สร้างปัญหาให้พวกเรา”


“เลี้ยงเพื่อจุดหมายใด”


“ด…เด็กคนนี้น่ารักมาก… และในเมื่ออาศัยอยู่ใต้ดินมานาน ย่อมต้องมีพลังช่วยให้ดินอุดมสมบูรณ์แน่นอน กระหม่อมมั่นใจว่าสามารถส่งเสริมคุณภาพดินของอาณาจักรได้ ตัวอย่างชัดเจนคือความอุดมบูรณ์ของผืนป่าต้นไม้โลก”


“ไม่ใช่ว่าดินบริเวณนี้อุดมสมบูรณ์เพราะพลังของมารดาต้นไม้โลกหรอกหรือ”


“…และหากอบรมเขาอย่างถูกต้อง เด็กคนนี้จะกลายเป็นหน่วยคุ้มกันให้เหล่าชาวนา”


“ก็ได้… ฉันอนุญาต”


“ฝ…ฝ่าบาทอนุญาต?”


“อนุญาตให้เลี้ยงได้”


“กระหม่อมหูไม่ฝาดใช่ไหม?”


“อบรมสั่งสอนให้ดี… ฉันเชื่อใจนาย”


“ฝ่าบาท…!”


ว่ากันตามตรง เหตุผลในการขอรับเลี้ยงของปิอาโร่มีเพียงข้อเดียวเท่านั้น


เพราะแม่งน่ารัก


แต่สำหรับกริด ข้อเดียวก็เพียงพอแล้ว


ถึงจะไม่เข้าใจรสนิยมสักเท่าไร แต่ถ้าเป็นความสุขของปิอาโร่ ชายหนุ่มไม่คิดลังเล


ทันใดนั้น


> รสนิยมมนุษย์อาจไม่ชื่นชอบรูปลักษณ์ของรัฟเฟลเชีย แต่พวกเขาเป็นเด็กน่ารักแตกต่างจากหน้าตา และเหนือสิ่งอื่นใด เด็กเหล่านี้คอยปกป้องผืนป่าต้นไม้โลกจากผู้บุกรุกจิตใจดำมืดมานานแล้ว


เป็นเสียงของมารดาต้นไม้โลก


สุ้มเสียงแสนอบอุ่นของเธอ (?) ได้เยียวยาความอ่อนล้าทางร่างกายของกริดและปาร์ตี้อย่างชะงักงัน หลอดเรี่ยวแรงกลับมาเต็มเปี่ยมทันใด


> เด็กคนนี้โดดเดี่ยวมานานแล้ว เป็นนิมิตหมายอันดีเมื่อได้ไปอยู่กับเจ้านายจิตใจงดงาม


“อา…”


เข้าใจแล้วว่าทำไมมารดาต้นไม้โลกถึงมอบภารกิจ ‘ค้นหา’ ไม่ใช่ทำลายรัฟเฟลเชีย


ขณะกริดกระจ่าง ต้นไม้โลกกล่าวทักทาย


> ขอบใจมาก ราชาวีรบุรุษ เจ้าช่วยเหลือลูกหลานของเราหนแล้วหนเล่า ตอบแทนความไว้ใจของเราได้อย่างไม่มีจุดให้ตำหนิ


“…”


ในสมัยอดีต หากได้รับคำชมเชยจากมารดาต้นไม้โลกโดยตรง กริดจะรู้สึกกระชุ่มกระชวยและภาคภูมิใจอย่างมาก


ตำนานกล่าวไว้ว่า เทพธิดาแห่งแสงสร้างโลกโดยมีจุดกำเนิดจากรากแก้วของต้นไม้โลก


มีใครไม่ดีใจบ้าง เมื่อถูกตัวตนระดับตำนานบรรพกาลเช่นนี้ชื่นชมต่อหน้า?


แต่ไม่ใช่กับกริดในปัจจุบัน


“พวกพ้องของผมเกือบต้องสละชีวิต…”


กริดต้องการพูดสิ่งเหล่านี้มานานแล้ว มันขยับปากพรั่งพรูความในใจโดยไม่ลังเล


“ผมทราบว่าท่านมารดาต้นไม้โลกให้ความสำคัญกับเอลฟ์มาก แน่นอน ตัวผมเองก็ภูมิใจเมื่อได้ทำประโยชน์ให้ท่านมารดาและชาวเผ่าเอลฟ์ แต่ในภายภาคหน้า ตัวผมขอปฏิเสธภารกิจเสี่ยงอันตรายทุกชนิด ผมไม่ต้องการเสียสละพวกพ้องเพื่อช่วยเหลือเอลฟ์ จากพฤติกรรมไม่ระวังตัวของเอลฟ์เอง”


“…”


ตามปรกติแล้ว หากมีใครบังอาจก้าวร้าวต่อมารดาต้นไม้โลกเช่นนี้ พวกเธอคงแหกปากด่าทออย่างไม่เกรงใจ แต่ปัจจุบันกลับเงียบงันเนื่องจากอีกฝ่ายคือกริด


พวกเธอเข้าใจเจตนากริด


“เอลฟ์รุกรานผืนป่าทุกแห่งบนทวีป หลังจากนั้นก็มนุษย์โจมตีตอบโต้ เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ทุกฝ่ายหัวเสียและหงุดหงิด… แน่นอน ผมทราบว่าเหตุช่วงชิงผืนป่าไปเพื่อสิ่งใด เพื่อเป็นการปกป้องธรรมชาติใช่ไหม? เพราะมนุษย์ทำลายธรรมชาติมานานแล้ว เอลฟ์จึงใช้ความรุนแรงเพื่อปกป้อง โดยหวังว่ามนุษย์จะยอมเจรจาด้วย… แต่ผลลัพธ์ล่ะ?”


ความรุนแรงมักเรียกหาความรุนแรง


หนึ่งในสิบสองผู้พิทักษ์ เรเมียลู ก้าวออกมาด้านหน้า


“ผู้มีพระคุณของพวกเรา ท่านต้องการกล่าวสิ่งใดกันแน่”


เป็นคำถามใสซื่อ ปราศจากความเกลียดชังหรือโมโห


กริดตอบกลับอย่างสั้นกระชับ


“ในอนาคต ก่อนเอลฟ์จะทำกิจกรรมใดนอกผืนป่าต้นไม้โลก ต้องรายงานให้ผมรับรู้ก่อนเท่านั้น”


“อะไรนะ…”


บรรดาเอลฟ์เริ่มส่งเสียง


แบบนี้จะต่างอะไรกับการตกเป็นเบี้ยล่าง


“คุณคิดจะปกครองเอลฟ์หรือ”


“เปล่าเลย แค่ต้องการมอบคำแนะนำอย่างเหมาะสม ผมมีคนฉลาดอยู่รอบตัว พวกเขามอบคำแนะนำมีประโยชน์ให้เอลฟ์ได้แน่”


“…”


เพียงเอลฟ์ทุกคนจ้องมองกริด พวกหล่อนต่างทราบทันทีว่า :


กริดมิได้โกหกแม้แต่หนึ่งพยางค์


และไม่ใช่การอวดโอ่


เป็นคำแนะนำเพื่อเอลฟ์โดยแท้จริง แต่เหนือสิ่งอื่นใด ตัวกริดก็ได้รับประโยชน์เช่นกัน


เดเลียลูพยักหน้ารับ


“ฉันคิดว่าไม่เลวนะ!”


เบเนียลูเห็นด้วย


“พวกเราทำกันเองไม่ไหวหรอก”


เอลฟ์ตนอื่นเริ่มคล้อยตาม


“พวกเรายังไม่เข้าใจวิถีชีวิตมนุษย์ดีพอ”


“ถ้าเช่นนั้น ทำไมถึงไม่ใช้โอกาสนี้สร้างความสัมพันธ์ทางการทูตให้เป็นกิจจะลักษณะไปเลยล่ะ?”


“เอาแบบนี้เป็นไง ฉันจะย้ายไปอยู่กับอาณาจักรโอเวอร์เกียร์ เพื่อเป็นทูตคอยกระชับความสัมพันธ์ระหว่างสองอาณาจักร”


“เบเนียลูจะไปเองเลยหรือ?”


“ถูกต้อง ฉันคิดว่าตัวเองเหมาะสม”


“…”


แต่ฉันคิดว่าตัวเองกำลังจะได้ลูกน้องใหม่…


กริดรำพัน


▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬
ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 4 ตอน
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,509
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/

Comments

  1. อืม....ผ่านไปหลายวันกริดเริ่มฉลาดจนจนอยากจะเชื่อเลยหะ...(บ.ร. เเละได้ลูกน้องเพื่ม1ea)

    ReplyDelete
  2. เจ้านายซื่อบื้อเรื่องผูหญิงยังไง ลูกค้าก็ซื่อบื้อไม่ต่างกัน เบเนียลูอุส่าคาดหวังว่าปิอาโร่จะขอแต่งงาน5555555

    ReplyDelete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00