จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,126



สามวันก่อน มันก่อความผิดพลาดใหญ่หลวงด้วยการเดินทางไปหาครอเกล


หากก่อความผิดพลาดอีกครั้ง คราวนี้คงไม่สามารถแก้ตัวกับสภาหอคอยได้อีก ขณะเดียวกันก็คงไม่ให้อภัยในความโง่ของตัวเอง ดังนั้น บีบันจึงลงมืออย่างระมัดระวัง


‘ต้องใจเย็นไว้…’


เมื่อตัดสินใจหนักแน่น บีบันใช้เวลาสามวันเต็มเพื่อสำรวจรอบปราสาทโอเวอร์เกียร์ มันพยายามระงับอารมณ์เอาแต่ใจ และเพ่งสมาธิค้นหาว่า บุคคลผู้ประสบความสำเร็จมากกว่าอริยดาบครอเกลคือใคร


ผลสรุปออกมาเป็น… เมอร์เซเดส


เมื่อได้เห็นความสามารถของเมอร์เซเดสเต็มสองตา บีบันนึกชมเชยจากใจจริง มันเริ่มตระหนักว่า เหตุใดครอเกลถึงพ่ายแพ้ในการแข่งจัดลำดับหัวแถว


ทุกท่วงท่าของเมอร์เซเดสสง่างามและน่าเกรงขาม ทหารและอัศวินต่างเคารพนับถืออย่างนอบน้อม แถมเหนือศีรษะยังสวมเครื่องประดับหรูหรา พิสูจน์ตัวตนและสถานะได้เป็นอย่างดี


‘ต้องเป็นผู้ปกครองอาณาจักรไม่ผิดแน่’


หลังจากเฝ้ามองเมอร์เซเดสนานสามวัน บีบันได้ข้อสรุปกับตัวเอง


ดังนั้น มันจึงเฝ้ารอโอกาสพบหน้าเมอร์เซเดสมาตลอด แต่เธอกลับไม่ย่างกรายออกจากปราสาทอีกเลย


‘หืม… แล้วใครเป็นผู้สร้างบาเรียเวทมนตร์ทรงพลังระดับนี้?’


ผิดไปจากความคาดหมายมาก บีบันเข้าถึงตัวเมอร์เซเดสได้ค่อนข้างลำบาก


ภายในปราสาทโอเวอร์เกียร์ ไม่เพียงมีบาเรียเวทมนตร์ทรงพลังคุ้มกัน แต่ยังมีภูตธาตุคอยปกป้อง การแทรกซึมโดยไม่ถูกพบตัว แทบไม่มีโอกาสสำเร็จ


บีบันฝึกฝนเพียงวิชาดาบมาทั้งชีวิต ย่อมไม่มีทางสลายบาเรียเวทมนตร์และภูตธาตุ


‘การถล่มปราสาทไม่ใช่เรื่องยากก็จริง…’


ไม่ว่าปราสาทโอเวอร์เกียร์จะมีระบบป้องกันยอดเยี่ยมสักเพียงใด หรือมีกองทัพทรงพลังมากแค่ไหน แต่หากบีบันเอาจริง ทุกสิ่งจะถูกทำลายในพริบตา ร่วมถึงชีวิตของบุคคลด้านในทั้งหมด


แต่สภาหอคอยมีกฎเหล็ก พวกมันห้ามฆ่ามนุษย์ส่งเดช และห้ามทิ้งร่องรอยไว้บนโลกกึ่งกลางโดยเด็ดขาด


บีบันไม่ทางเลือกนอกจากเฝ้ารอ


จนกระทั่งวันนี้


เมอร์เซเดสเดินออกจากปราสาทเสียที


ด้วยดวงตาซึ่งมองเห็นไกลยิ่งกว่าพญาเหยี่ยวของบีบัน พลันชะงักงันเมื่อจ้องมองเข้าไปในดวงตาเมอร์เซเดส


‘หือ…’


หลังจากสายตาประสานกัน บีบันรู้สึกเย็นเฉียบไปถึงไขสันหลัง


มันตระหนักได้ทันทีว่า เมอร์เซเดสสามารถมองเห็นตนได้อย่างแจ่มชัด ต่อให้ยืนไกลกันมากถึงสิบลี้


‘เนตรมองทะลุ…’


ไม่ใช่พลังจากการฝึกฝน แต่เป็นพรสวรรค์ติดตัว ดวงตาของเมอร์เซเดสแฝงพลังบางชนิดมาตั้งแต่แรกเกิด ถึงใครจะฝึกฝนดวงตาเพียงอย่างเดียวนับร้อยปีก็ไม่มีทางไล่ตามทัน


‘หล่อนจะพัฒนาไปถึงระดับไหน…’


หัวใจบีบันพลันเต้นโครมคราม


มันพลันตระหนักอีกครั้ง ว่าการออกจากหอแห่งปัญญาคราวนี้ไม่เป็นเรื่องสูญเปล่า


ทันใดนั้น สมาธิทั้งหมดของมัน พลันเพ่งไปยังเมอร์เซเดสแต่เพียงผู้เดียว


ไม่แยแสผู้ติดตามของหล่อน ไม่สนใจแม้กระทั่งเมมฟิสซึ่งบินวนเวียนรอบตัว


ขุมนรกคือส่วนหนึ่งของโลก ดังนั้น สัตว์อสูรอันดับหนึ่งแห่งขุมนรก จึงไม่ได้พิเศษต่อบีบันแต่อย่างใด


ฟุ่บ!


เมื่อเมอร์เซเดสย่างกรายเข้าเขตทางลัด บีบันชิงลงมือเคลื่อนไหวทันที


“นายเป็นใคร?”


“ผู้ติดตามหุบปากไป*”


(* ตอนก่อนหน้า ผู้เขียนพิมพ์ผิด จากคำว่า ‘시중’ [ผู้ติดตาม] เขียนผิดกลายเป็น ‘시장’ [ตลาด] )


“เนี๊ยวฮ่าฮ่าฮ่า!!”


บีบันยังคงไม่แยแสผู้ติดตาม รวมถึงเม็มฟิสข้างกาย มันเพ่งสายตาจดจ่อกับเมอร์เซเดสเพียงผู้เดียว


ไม่ผิดแน่ เธอคือตัวตนระดับตำนาน


ความองอาจของผู้ปกครองอาณาจักร


ดวงตาสุดทรงพลังและการฝึกฝนตัวเองอย่างหนักจนอาเจียนเป็นเลือด


อาจยังไปไม่ถึงระดับเหนือมนุษย์ เนื่องจากสั่งสมประสบการณ์และบารมีไม่มากพอ แต่เท่านี้ก็นับว่าสมบูรณ์แบบแล้ว


ในอีกความหมายหนึ่งก็คืิอ หากเธอเกิดในยุคสมัยเดียวกับมุลเลอร์และมาดรา ป่านนี้คงสร้างชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก


บางที เธออาจก้าวข้ามสองคนนั้นด้วยซ้ำ


“ไหนว่าพึ่งพาพลังแห่งยุทธภัณฑ์ แต่หัวจรดเท้ากลับไม่มีสิ่งใดพิเศษ”


“แกเป็นใคร…”


‘เฮือก’


บีบันพลันเย็นสันหวังวาบ


ดวงตาของเมอร์เซเดสจากระยะไกล แตกต่างกับการเผชิญหน้าระยะใกล้โดยสิ้นเชิง


มันสัมผัสถึงพลังเวทมนตร์มหาศาล กำลังพยายามแหวกทะลวงเข้ามาในดวงจิต


“ข้ามาจากหอคอย เพื่อพบเจ้า”


ตึกตัก! ตึกตัก! ตึกตัก!


บีบันไม่รู้สึกเคลือบแคลงตัวตนของเมอร์เซเดสอีกต่อไป


สตรีผู้นี้คือหัวแถวคนใหม่ และกำลังย่างกรายเข้าสู่ลำดับชั้นแห่งเหนือมนุษย์


“แสดงให้ข้าดูหน่อย! ว่าหัวแถวคนใหม่เจ๋งสักแค่ไหน!”


มันไม่ได้รู้สึกเช่นนี้มานานหลายร้อยปี นับตั้งแต่ได้เห็นมุลเลอร์จากระยะไกลเป็นครั้งแรก


บีบันถูกอารมณ์ตื่นเต้นครอบงำจนหน้ามืดตามัว มิอาจยับยั้งพฤติกรรมตัวเองได้อีก


เอาแต่ใจ. บ้าพลัง. และไม่ฉลาด.


มันถูกผู้คนเรียกขานเช่นนี้มาตั้งแต่ยังเป็นมนุษย์ปุถุชน บีบันเป็นพวกอารมณ์ร้อน และเอาแน่เอานอนไม่ได้


สรุปโดยสั้นก็คือ มันกำลังสติหลุด


การแลกดาบเป็นไปอย่างดุเดือด อีกฝ่ายแทบไม่ปล่อยให้การโจมตีของบีบันเล็ดลอดสัมผัสร่าง จนกระทั่ง อดีตอริยดาบ ตัดสินใจปลดปล่อยเพลงดาบอันชดช้อย


เคร้ง! เคร้งเคร้ง!!


“ไม่อยากจะเชื่อว่าสามารถรับมือข้าคนนี้ได้นานหลายวินาที! โลกนี้มีอัจฉริยะถึงสองคนเชียวหรือ!”


ดวงตาคู่นั้นสามารถอ่านทางดาบของมันได้เกือบหมดจด ถ้าไม่กล่าวชมก็คงจะใจร้ายเกินไปสักหน่อย


ฟุ่บ—!


เมื่อเมอร์เซเดสเสียหลัก บีบันพุ่งตัวผ่านไปด้านหลัง หมายกำจัด ‘ผู้ติดตาม’ ให้สิ้นซาก เพราะมันคือ ‘พยานรู้เห็น’ เพียงหนึ่งเดียว


ทว่า


กึก!


“…!?”


ผู้ติดตามได้นำชุดเกราะ ดาบ หมวกเหล็ก รองเท้า และผ้าคลุมออกมาสวมเต็มอัตราศึก โดยบีบันไม่ทันได้รู้ตัวว่า อีกฝ่ายแอบหยิบออกมาใส่ตอนไหน


เป็นความเร็วสุดน่าทึ่ง จนสมควรตั้งคำถามว่า ชายคนนี้ฝึกฝนการสวมใส่ไอเท็มมาตลอดชีวิตเลยหรือ?


‘เป็นไปไม่ได้!’


เมื่อโจมตีล้มเหลว บีบันผงะถอยหลังตามสัญชาตญาณ ดวงตาของพลันเบิกโพลงสุดขีด


‘ทำไมเราเพิ่งเห็นเอาป่านนี้…?’


ตำนาน. เหนือมนุษย์.


ความองอาจสง่างามของราชา


บุคคลผู้ข้ามขีดจำกัดหนแล้วหนเหล่า ลำพังพรสวรรค์เพียงอย่างเดียว ไม่สามารถก้าวมาถึงจุดนี้ได้แน่


มีแม้กระทั่ง… ปราณต่อสู้


ไอ้หน้าปลาหมึก ซึ่งมันคิดว่าเป็นแค่ผู้ติดตามมาตลอด แท้จริงแล้วกลับ… บีบันจ้องมองกริดด้วยใบหน้าบิดเบี้ยวราวกับเห็นผี


มันเพิ่งตระหนักเมื่อสายว่า บุคคลซึ่งเดินทางมาพร้อมเมอร์เซเดส บางทีอาจเป็น…


‘ฉิบหายล่ะสิ…’


อารมณ์เหนือเหตุผลกำลังพรั่งพรู


ล้มเหลว. เคว้งคว้าง. และบ้าคลั่ง ความคิดด้านลบถาโถมจิตใจบีบันอย่างหนักหน่วง


“สมกับเป็นผู้ปกครองแห่งอาณาจักร! ท่วงท่าโจมตีร้ายกาจมาก!”


บีบันหันไปกล่าวกับเมอร์เซเดส มันยังไม่อยากยอมรับตัวตนของบุรุษตรงหน้า


มันพยายามหลอกตัวเองว่า ความกังวลในใจเมื่อครู่ เป็นเพียงการคิดมากไปเองคนเดียว ประหนึ่งกำลังตะเกียกตะกายขณะจมน้ำ และพยายามใช้มือคว้าฟางเส้นสุดท้าย


“ตัวตนของหอคอยจะถูกแพร่งพรายไปยังคนนอกไม่ได้เด็ดขาด ดังนั้น ช่วยบอกให้อัศวินของเจ้าออกไปก่อน”


“แล้วแกเป็นใคร?”


“เคยบอกไปแล้วนี่ ข้ามาจากหอคอย”


“หอแห่งนิรันดร์?”


“โฮ่? กล้าเทียบหอแห่งปัญญากับหอคอยกระจอกเชียวหรือ”


“หอแห่งปัญญา? ฉันไม่เคยได้ยินมาก่อน”


“…”


ฟางเส้นสุดท้ายพลันขาดผึ่ง


โลกแห่งความจริงช่างโหดร้ายกับมันนัก


มันทำผิดพลาดอีกครั้ง… มันล้มเหลว


บีบันเริ่มทำใจ แต่ยังคงไม่ยอมรับจนถึงหยดสุดท้าย


“ข้าเห็นเจ้าเดินออกจากวังหลวง อัศวินและทหารทุกนายล้วนแสดงความเคารพต่อเจ้าอย่างนอบน้อม จึงหมายความว่า เจ้าคือผู้มีอำนาจสูงสุดของเมือง”


ได้โปรดตอบว่า ‘ใช่’ ทีเถิด…


“เจ้าคือผู้ปกครองอาณาจักรนี้ใช่ไหม?”


มันจ้องมองเมอร์เซเดสด้วยสายตาเว้าวอน


“เปล่า”


เมอร์เซเดสส่ายหน้าแผ่วเบา


“แล้วทำไมเพิ่งมาบอกเอาตอนนี้ละโว้ย!!”


ความผิดพลาดโง่ๆ สองครั้งติดต่อ


เรื่องนี้ต้องกลายเป็นปัญหาใหญ่แน่


การลงทัณฑ์จากหอคอย คงรุนแรงจนมันมิอาจจินตนาการภาพออก…


ขณะบีบันกำลังหงุดหงิด บุคคลซึ่งมันเข้าใจผิดมาตลอดว่าเป็นผู้ติดตาม ได้เปล่งเสียงดังแว่ว


“แค่เดินเข้าไปถามชาวเมืองสักคน ก็ทราบแล้วว่าราชาของอาณาจักรเป็นใคร”


“…”


นั่นสินะ… มันตัดขาดจากโลกนานเกินไป


น่าอับอายฉิบ เรื่องพื้นฐานของมนุษย์ แค่นี้ก็ยังนึกไม่ออก


บีบัน ผู้ยืนเหม่อลอยอยู่นาน ตัดสินใจยอมรับความผิดพลาด


“ข้าผิดเอง พวกเจ้าบริสุทธิ์ ดังนั้น ข้าจะรับบทลงโทษทั้งหมดแต่เพียงผู้เดียว”


“เพ้ออะไรคนเดียวอีกแล้ว…”


“หมอนี่คงเพี้ยนไปแล้วเจ้านาย! เมี๊ยว!”


“…”


หนึ่งชายหนึ่งแมวกำลังทำท่าทางยียวนกวนบาทาสุดขีด


เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยจนน่าเดินเข้าไปถีบ


แต่ตรงกันข้ามกับความโมโห บีบันเพียงเผยรอยยิ้มขื่นขม


ไม่ว่าระหว่างทางจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง แต่ผลลัพธ์สุดท้ายคือ มันได้พบหัวแถวแล้ว


“เจ้าคือราชาใช่ไหม”


น้ำเสียงบีบันเปี่ยมด้วยความมั่นใจ


คราวนี้มันจ้องมองกริดโดยไม่สั่นคลอน


กริดยังคงไม่ให้ความร่วมมือ


“แล้วทำไมถึงคิดว่าเป็นฉัน”


“ถ้านายไม่ใช่ราชา โลกนี้ก็ไม่มีใครสามารถเป็นราชาได้อีกแล้ว”


“…?”


“อย่าพยายามเก็บซ่อนอีกเลย ข้ามองเห็นความน่าเกรงขามอันท่วมท้นจากตัวเจ้า”


‘แต่เราไม่เคยซ่อน…’


“แล้วก็”


บีบันมองทะลวงเข้าไปลึกถึงแก่นจิตใจกริด


‘กายา’ กริดมีร่องรอยการข้ามขีดจำกัดหลายหน ‘ดวงวิญญาณ’ กริดถูกสลักด้วยอุปสรรคนานับชนิดในอดีต ราวกับรอยเท้าซึ่งบ่งบอกเส้นทางตั้งแต่เริ่มต้นจนปัจจุบัน


“เส้นทางวีรบุรุษของเจ้า คือเครื่องพิสูจน์ว่าเจ้าคือหัวแถวของยุคสมัยนี้”


“…”


เส้นทางวีรบุรุษ


เท่ฉิบหาย…


กริดยืนสั่นระริกอย่างตื้นตัน มันอยากเดินเข้าไปจับมือกับบุคคลประหลาด พร้อมกับขอบคุณจากก้นบึ้ง


ทว่า กริดรีบดึงสติกลับมา


‘ห้ามประมาทเด็ดขาด ไม่ว่าจะด้วยเหตุใด แต่เป้าหมายของมันคือละโมบไม่ผิดแน่’


หากมองเพียงผิวเผิน หอแห่งปัญญาและบุคคลหัวแถวไม่ควรเป็นศัตรูต่อกัน


หัวแถวได้รับสิทธิ์ให้ ‘เข้า’ หอแห่งปัญญา


ฉะนั้น หอแห่งปัญญาย่อมชื่นชอบหัวแถว


เป็นเหตุให้ชายประหลาดมิได้เผยจิตสังหารใดออกมา ถึงแม้จะมีพลังมหาศาล ระดับทำให้เมอร์เซเดสสั่นกลัว แต่มันก็ทำเพียงท้าดวลกับเธอเพื่อวัดฝีมือ


อย่างไรก็ตาม กริดยังเบาใจไม่ได้


ถึงหอแห่งปัญญาจะชื่นชอบหัวแถว แต่ถ้าเป็นเรื่องเกี่ยวกับเหล็กมังกรคลั่ง หนังจะกลายเป็นคนละม้วนทันที


‘ระบบเคยเตือนไปแล้ว’


หอแห่งปัญญา ผู้สัมผัสถึงของตัวตนของเหล็กมังกรคลั่งภายใน ‘ละโมบ’ เริ่มออกค้นหาพิกัดของพลังเวทมนตร์ และหากพบเข้าเมื่อไร พวกมันจะทำลายทิ้งทันที


‘ถ้าเราเปิดเผยตัวตน ละโมบอาจถูกนำไปทำลายทั้งหมด…’


แต่ในสถานการณ์เช่นนี้ ถ้าปากแข็งไม่ยอมเปิดเผยตัวตน จะช่วยให้เรารอดพ้นจากอันตรายได้จริงหรือ?


ก็คงไม่


ชายประหลาดมั่นใจแล้วว่าเราเป็นใคร มันสามารถเดินออกไปถามชาวเมืองเพื่อยืนยันเรื่องนี้ได้


‘…แต่ถ้าเกิดว่า?’


กริดผู้กำลังกระวนกระวาย เริ่มวิเคราะห์อย่างสุขุมเยือกเย็น


มันตระหนักว่า แม้บุคคลปริศนาจะเห็นรองเท้ามังกรครามของตนแล้ว แต่กลับไม่แสดงปฏิกิริยาใดออกมา


เป็นเพราะพลังเวทมนตร์ในเหล็กมังกรหายไปโดยสมบูรณ์ มันจึงไม่ทราบว่าละโมบผลิตจากเหล็กมังกรคลั่ง?


บางที มันอาจสัมผัสถึงละโมบภายในคลังสัมภาระของเราได้… ไม่สิ คงตรวจสอบไม่ได้ เพราะไม่อย่างนั้น มันคงซัดเราปางตายไปแล้ว


‘หรือมันไม่ได้ตามหาละโมบ…?’


เมื่อได้ข้อสรุป กริดพยักหน้ารับ


“ถูกต้อง ฉันคือราชาและหัวแถว”


“อา…”


บีบันถอดเสื้อคลุมหัวออก


เผยให้เห็นตัวอักษรสีทองเหนือศีรษะ บีบันสวมรอยยิ้มอ่อนโยน พลางยื่นมือออกมาทักทายกริด


“เป็นเกียรติอย่างยิ่ง”


ในเวลาเดียวกัน มันแอบส่งข้อความเสียงหากริด เพื่อไม่ให้เมอร์เซเดสได้ยินบทสนทนา


[หัวแถวเอ๋ย ข้ามีกฎเหล็กต้องบอกเจ้า ความลับของหอแห่งปัญญาจะถูกแพร่งพรายไปสู่บุคคลภายนอกไม่ได้เด็ดขาด หากผิดกฎ เจ้าจะถูกลงโทษสถานหนัก ส่วนรายละเอียดเพิ่มเติม เจ้าจะได้ทราบหลังจากเข้าไปในหอแห่งปัญญา แต่ตอนนี้ พวกเรามาคุยธุระสำคัญกันก่อน]


‘คนปากพล่อยมันนายไม่ใช่หรือ?’


ถึงกริดจะอยากขัด แต่มันตัดสินใจรอฟังอีกฝ่ายเล่าเรื่องอย่างใจเย็น เพราะเกิดลางสังหรณ์ว่า ถ้าไปขัดคอกลางคัน การสนทนาคงจบลงเพียงเท่านี้แน่


ทันใดนั้น บีบันขอร้องอย่างเป็นทางการ


[หัวแถวเอ๋ย หอแห่งปัญญาต้องการความร่วมมือจากเจ้า บนโลกแห่งนี้มีแร่อยู่ชนิดหนึ่ง ชื่อว่าเหล็กมังกรคลั่ง ถือกำเนิดจากอิทธิพลของมังกรคลั่งเนอวาร์ธาน พลังเวทมนตร์ภายในแร่ อาจส่งผลให้มังกรคู่อริของเนอวาร์ธานเริ่มเคลื่อนไหว ณ ปัจจุบัน หอแห่งปัญญามีหลักฐานว่า ใครบางคนกำลังรวบรวมเหล็กมังกรคลั่งเป็นจำนวนมาก บุคคลดังกล่าวกำลังกุมชะตากรรมของโลกใบนี้ไว้]


“…?”


[สันติสุขของโลกกำลังตกอยู่ในอันตราย หัวแถวเอ๋ย เจ้าจงใช้พลังอำนาจส่วนตัวบนโลกกึ่งกลาง ค้นหาผู้ครอบครองแร่ชนิดดังกล่าวให้พบโดยเร็ว ทางหอแห่งปัญญาจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมดอย่างเหมาะสม]


ชิ้ง~


[★ภารกิจลับ★ <ภารกิจจากหอคอย> ถูกสร้างขึ้น]


<ภารกิจจากหอคอย>

★ภารกิจลับ★

หอแห่งปัญญาคือองค์กรลับซึ่งต่อสู้เพื่อสันติสุขของโลก

งานหลักของพวกเขาคือ คอยระงับภัยอันตรายจากเหล่ามังกร

จงร่วมมือกับหอแห่งปัญญาและตามหาผู้ครอบครองเหล็กมังกรคลั่ง!

รางวัลรับภารกิจ :

- เงิน 1,000 เหรียญทอง

- โพชันบัฟระดับสูงสุดชนิดละ 20 ขวด

เงื่อนไขสำเร็จภารกิจ :

- แย่งชิงเหล็กมังกรคลั่งจากเจ้าของเดิม

หรือ

- สังหารเจ้าของเหล็กมังกรคลั่ง

รางวัลสำเร็จภารกิจ : เกล็ดมังกร (สุ่มธาตุ)

“…”


หลังจากอ่านเนื้อหาภารกิจจบ สมองกริดพลันขาวโพลนนานหลายวินาที และเมื่อรวบรวมสติกลับมาได้ ชายหนุ่มแผดเสียงตวาดอย่างเดือดดาล


“แล้วทำไมเพิ่งมาบอกเอาตอนนี้ละโว้ย!!”


“…?!”


▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬
ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 4 ตอน
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,515
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/

Comments

  1. หมดกัน บารมีที่สั่งสมมาทั้งหมดพินาศสิ้นด้วยคำว่า "แล้วทำไมเพิ่งมาบอกเอาตอนนี้ละโว้ย"

    ReplyDelete
  2. ผลัดกันโบ๊ะบ๊ะ

    ReplyDelete
  3. นึกว่าอ่านนิยายตลกอยุ่นะนิ 5555

    ReplyDelete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00