จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,110
หงึก… หงึกหงึกหงึก!
ฝ่ามือของเรากำลังสั่นเทาอย่างตื่นเต้นจนยากจะกดปุ่มเปิดแคปซูลให้โดน ถึงจะเคยกดมันทุกวันตลอดหลายปีหลังก็ตาม
กริ๊ก! ปลายนิ้วจิ้มโดนสักทีหลังจากแกว่งส่งเดชนานกว่าหนึ่งนาที
ชี่~ เกิดเสียงเอฟเฟคดังคล้ายอินโทรโรงภาพยนตร์ในเครือ SF
ข้างในคือแดนสวรรค์อันอบอุ่น โลกปลอดความโหดร้ายและขุมนรก แตกต่างจากโลกความจริงโดยสิ้นเชิง
“ลูน่า…”
แอ็กนัสทิ้งตัวนั่งในแคปซูลราวกับร่างกายไร้เรี่ยวแรง
‘อีกนิดเดียว… อีกนิดเดียวเท่านั้น…’
เมื่อวานแอ็กนัสถูกบังคับล็อกเอาต์เนื่องจากเสียชีวิตสองครั้งติดต่อกัน ส่วนสาเหตุทำให้นอนไม่หลับทั้งคืน เพราะสมองของมันกำลังท่วมท้นด้วยความสุขและห้วงอารมณ์ตื่นเต้นเหนือพรรณนา
ได้พบหน้าคนรักอีกครั้ง ความปรารถนาตลอดหลายปีกำลังจะกลายเป็นจริงตรงหน้า
‘…ถ้าเป็นโลกใบนี้’
ฉันสามารถปกป้องเธอได้ตลอดกาล
เมื่อสิ้นเสียงสาบานอันว่างเปล่า สติและความนึกคิดของแอ็กนัสถูกโอนถ่ายไปยังโลกซาทิสฟายทันที
…ราวกับอีกฝ่ายรออยู่นานแล้ว
> โฮ่? จะเริ่มเลยหรือ
เป็นเสียงของบาเอลผู้เอนกายพิงบัลลังก์อย่างผ่อนคลาย ใบหน้าของมันซ่อนอยู่ใต้เงามืดจนแอ็กนัสมองเห็นไม่ชัดเจน
ราวกับบุคคลผู้นี้ทราบทุกสิ่งมาตลอด
บาเอลกำลังหัวเราะเงียบ… หัวเราะให้กับเราเหมือนเคย ท่าทีเช่นนี้คือพฤติกรรมปรกติของมัน มักแสยะยิ้มเยาะเย้ยผู้อื่นอย่างมีเลศนัยเสมอ เราเคยเห็นนับครั้งไม่ถ้วนแล้ว
“สร้างคนตาย”
แอ็กนัสใช้งานทักษะพิเศษ สิ่งนี้คือสุดยอดทักษะท่าไม้ตายของคลาสเกรดเลเจนดารี อยู่ในหมวดหมู่ ‘สร้าง’ เหมือนกับการออกแบบไอเท็มของผู้สืบทอดแพ็กม่า และสร้างวิชาดาบของอริยดาบ แน่นอน แอ็กนัสต้องผ่านการตอบคำถามมากมายจากระบบเหมือนกริดและครอเกล
จนกระทั่ง
“ฉ… ฉันจะ… คืนชีพ… คึ่ก!”
ท่อนแขนผอมเพรียวของแอ็กนัสกำลังถือภาพใบหน้าอดีตคนรักไว้แน่นถนัด แต่สายตาอันพร่ามัวและฝ่ามือสั่นเกร็งทำให้มิอาจเปล่งเสียงออกไปได้ฉะฉาน อย่างไรก็ตาม ระบบซาทิสฟายรองรับแค่คำสั่งพื้นฐานอย่าง ‘สร้าง’ เท่านั้น มิใช่ ‘คืนชีพ’ หรืออีกความหมายหนึ่งคือ ระบบกำลังบอกใบ้เป็นนัยว่า…
เจ้าไม่สามารถคืนชีพอดีตคนรักได้
หล่อนจะเป็นแค่กายเนื้อว่างเปล่า ลอกเลียนได้แค่รูปโฉมภายนอก แต่ไม่ใช่บุคคลเดียวกันอย่างแน่นอน ปราศจากความทรงจำเดิมโดยสิ้นเชิง เป็นเพียงหุ่นกระบอกเย็นชาทั้งร่างกายและจิตใจ ของเหลวหล่อเลี้ยงร่างเนื้อคือสิ่งของเน่าเปื่อย หาใช่สายโลหิตอบอุ่น อารมณ์หล่อเลี้ยงจิตใจคือความพยาบาท มิใช่ความรักและห่วงหาเจ้าของ
จงจำไว้ให้ดี… ทั้งสองชีวิตไม่เหมือนกัน
ข้อความระบบแฝงปรัชญาจนแอ็กนัสชะงักงันหลายลมหายใจ
“ฉันจะ… สร้าง… ลูน่า·แคโรไลน์”
แอ็กนัสเปล่งเสียงอย่างยากลำบาก แต่ผลลัพธ์คือการเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวงของสภาพแวดล้อม ศิลาแห่งชีวิตบนแท่นบูชา ซากศพดาร์คเอลฟ์ รวมถึงกระดูกและโลหิต สิ่งของพิธีกรรมทั้งหมดหมุนในลักษณะวงกลมกล่อมผสมผสานกลายเป็นหนึ่งเดียว
ซู่ววว—
แสงสีดำสาดทอดทุกทิศทาง
คนตายถือกำเนิด
“อะ… อะอะ…”
สมองแอ็กนัสว่างเปล่าและขาวโพลน แต่สามัญสำนึกกลับกลายเป็นสีดำมืด มันกำลังหลงใหลรูปโฉมอดีตคนรักจนไม่แยแสสิ่งใดอีก
“ลูน่า…”
“…”
[ท่านนำวัตถุดิบไม่สมบูรณ์มาใช้ในทักษะสร้างคนตาย]
[‘สร้างคนตาย’ มีคุณภาพต่ำกว่าปรกติ]
[คนตายของท่าน ‘ลูน่า·แคโรไลน์’ ถูกจัดให้เป็นเกรดแรร์]
[เนื่องจากมีเกรดต่ำ ระบบสติปัญญาของลูน่า·แคโรไลน์จึงน้อยลงตามไปด้วย]
[เนื่องจากมีเกรดต่ำ ความคงทนร่างกายของลูน่า·แคโรไลน์จึงน้อยลงตามไปด้วย]
ข้อความระบบไม่น่าอภิรมย์แสดงขึ้นเรียงชิดติดกันเป็นทิวแถว คนสติดีอ่านเข้าคงรู้สึกผิดหวังจนหัวใจสลาย แต่แอ็กนัสกลับไม่ถือสาเลยสักนิดเดียว
‘ลูน่าของเราคือสิ่งสำคัญอันดับหนึ่งของโลก ไม่มีใครประเมินคุณค่าของเธอได้’
> มนุษย์มักเอาแต่หลีกหนีความจริงเสมอ
บาเอลบนบัลลังก์ใหญ่กำลังแสยะยิ้มอย่างพึงพอใจ
***
หนวดยาวน่าขยะแขยงจำนวนมากกำลังผุดขึ้นจากพื้น พวกมันล้วนชวนอาเจียน พิสดาร และคาดเดาทิศทางไม่ได้ ใบไม้เขียวขจีโปรยปรายท่วมท้นสนามรบก่อนฤดูกาล แต่ละใบระเบิดตัวเองเสียงดังสนั่นหวั่นไหวจนผืนดินสะเทือนหนักหน่วง มวลหมู่บุปผาแพร่กลิ่นเหม็นบรรลัยพร้อมกับสร้างอาการอัมพาตให้กับผู้สูดดม
“ถ้าไม่อยากถูกหนวดรัดและลากไปกิน ทุกคนรีบกระจายตัวเร็วเข้า!”
“แต่พวกเราจำเป็นต้องอยู่ด้วยกันเพื่อรับมือกับฝนธนู…!”
หน่วยอัศวินตีนดำรุกรานผืนป่าต้นไม้โลกตามคำบัญชาของเทพสายฟ้าไคล์ แต่ยังไม่ทันจะเคลื่อนทัพเข้าไปลึก พวกมันก็ต้องเผชิญวิกฤติหนักแสนสาหัส
ขณะกำลังเผลอ พืชพรรณพิสดารนานาชนิดทำการก่อกวนและสร้างความระส่ำกับกองทัพ ตามด้วยการซุ่มยิงจากพลธนูเอลฟ์นับร้อยตน
“แฮ่ก… แฮ่ก…”
อัศวินปลายแถวอย่างเลซีมีอันได้รับบาดเจ็บหนักตั้งเริ่มศึก ความเป็น ‘ท็อปแรงเกอร์’ ไม่ได้ช่วยอะไรเลยสักนิด คำศัพท์นี้ถูกบัญญัติขึ้นเองเพื่อใช้เปรียบเทียบพลังระหว่างผู้เล่นด้วยกัน แม้กริดและโค้กจะช่วยบรรลุภารกิจลับจนเลซีมีเลเวล 367 แต่ตดยังไม่ทันหายเหม็น เลซีก็กลายเป็นขยะเปียกภาระพวกพ้อง
แม้กระทั่งเหล่าเอลฟ์จำนวนมากในป่า ถึงพวกมันจะต่อสู้อย่างขี้ขลาดโดยเอาแต่หลบหลังต้นไม้ใหญ่สูงเสียดฟ้า แต่เลเวลของเอลฟ์นับร้อยก็ล้วนไม่ต่ำกว่าเลซี—ท็อปแรงเกอร์หัวแถวของโลก
‘ระดับต่างกันเกินไป ไคล์คงกำลังหัวเสีย’
เลซีผู้กำลังใช้โล่ปัดป้องฝนธนูอย่างยากลำบาก ชำเลืองสายตามองรอบตัวเพื่อสำรวจสถานการณ์สงคราม พวกพ้องแทบทุกคนทำได้เพียงตั้งรับอย่างหมดหนทางตอบโต้ แม้กระทั่งอัศวินหัวกะทิคนโปรดของดูรันดัลก็ยังต้องยอมจำนนกับป้อมปราการธรรมชาติอันสมบูรณ์แบบ
‘พวกเราทะลวงเข้าไปไม่ได้แน่’
เถาวัลย์หนามแหลมรอบป่าเปรียบดังคูน้ำ พุ่มไม้หนาทึบปิดกั้นเส้นทางเปรียบดังสิ่งกีดขวาง และต้นไม้สูงใหญ่เปรียบดังกำแพงปราสาทอายุกว่าพันปี ไม่มีใครฝ่าด่านนรกเช่นนี้เข้าไปได้แน่ ตามช่องว่างระยะห่างของต้นไม้มีสัตว์ป่าดุร้ายจำนวนมากดักซุ่มอยู่ ลำตัวพวกมันมหึมายิ่งกว่าอสุรกาย และเอลฟ์ทุกตนบนต้นไม้ล้วนมีฝีมือธนูฉมังยิ่งกว่าหน่วยพลธนูใดในโลก
‘แม้แต่อดีตจักรพรรดิยังทำอะไรกับเอลฟ์ในป่าแห่งนี้ไม่ได้’
ไม่มีคำใดเหมาะสมไปกว่า ‘เขตหวงห้าม’ อีกแล้ว ต่อให้เป็นหน่วยอัศวินสีชาดสุดเกรียงไกรมาทำศึกเอง ผืนป่าแห่งนี้คงไม่ต่างจากสุสานฝังศพพวกมัน
เมื่อตระหนักได้ มุมเลซีเริ่มยกโค้ง
‘นายเดือดร้อนแน่ ไคล์เอ๋ย’
การตัดสินว่ากองทัพอัศวินตีนดำสามารถบดขยี้ผืนป่าแห่งนี้สำเร็จ นับเป็นความผิดพลาดร้ายแรงและโง่เขลายากเกินอภัย ศัตรูแข็งแกร่งและมีจำนวนมากกว่าอัศวินอาวุโสผู้ถูกไคล์ตัดคอด้วยซ้ำ
‘แกจะถูกตบหน้าและลงโทษจนอับอายโทษฐานไม่ฟังความเห็นอาวุโส บางทีองค์ชายดูรันดัลอาจเห็นแกเป็นตัวอย่างจนสามารถระงับความโลภในจิตใจ…
‘ถูกต้อง เรื่องราวสมควรต้องลงเอยเช่นนี้ หลังจากเหตุการณ์ความประมาทของไคล์ และพลังของเอลฟ์ถูกเปิดเผยออกไปทั่วโลก อาณาจักรอื่นจะไม่มีทางเลือกนอกจากยอมเปิดการเจรจาโดยสันติ และความสงบสุขอย่างแท้จริงจะกลับคืนสู่ทวีปกึ่งกลาง’
เลซีผู้ยึดมั่นใจคุณธรรมอัศวิน มันเชื่อมั่นว่าความยุติธรรมมีจริงและภาวนาให้เกิดขึ้นโดยเร็ว มันเอาแต่ก้มศีรษะขอร้อง ในอนาคต ได้โปรดให้ดาบของตนเข่นฆ่าเฉพาะคนชั่วและอสุรกายภัยร้ายต่อมวลมนุษย์ ขณะเดียวกัน ส่วนลึกของจิตใจเลซีก็ไม่ต้องการทำร้ายสตรีเผ่าเอลฟ์แสนสวยและน่าสงสาร
แต่ว่า
เคร้ง!
เลซีไม่ยอมให้ชีวิตตัวเองจบลงโดยง่าย ศรจากเอลฟ์ถูกโล่ปัดป้องไว้ได้อย่างชำนาญ มันฝืนแกว่งดาบเข่นฆ่าสัตว์ป่าและคอยป้องกันตัวเองจากลูกธนูเป็นระยะ ถึงไม่อยากเอาชนะ แต่ขณะเดียวกันก็ไม่อยากตาย
‘เราต้องถ่ายทอดเหตุการณ์ให้นานเข้าไว้ ภาพอัศวินตีนดำคนแล้วคนเล่าต้องจบชีวิตลงอย่างน่าสมเพช เพียงเพราะคำสั่งเหลวไหลของเทพสายฟ้าไคล์’
ทันใดนั้น
เปรี้ยะ!
กระแสไฟฟ้าพุ่งเป็นเส้นตรงเฉียดหน้าเลซี ก่อนจะปะทะใส่ต้นไม้ใหญ่และเกิดระเบิด
“อั่ก!”
เอลฟ์สามตนส่งเสียงครวญครางขณะร่วงหล่นพื้นและเสียชีวิตในเวลาถัดมา
“…?!”
เลซีหันกลับไปมองด้วยสีหน้าตกตะลึง ไคล์ด้านหลังมิได้แสดงอาการสั่นคลอนแม้แต่น้อย ราวกับคาดเดาไว้แล้วว่าผืนป่าต้นไม้โลกมีระบบป้องกันคล้ายปราการเหล็ก
“ว่ากันตามตรง ข้าอยากถนอมพลังตัวเองไว้ใช้ตอนสำคัญเท่านั้น แต่จะยอมช่วยพวกเจ้าสักหน่อยก็แล้วกัน”
เปรี้ยะ!
กระแสไฟฟ้าทั่วร่างไคล์พลันคลุ้มคลั่งราวกับต้องการอาละวาด ก่อนพวกมันจะพุ่งออกไปทุกทิศทางอย่างพร้อมเพรียง ประหนึ่งแต่ละเส้นคือเวทมนตร์อัสนีทรงพลังของราชาจอมเวทโกลด์ฮิต
เพียงพริบตา
ตึก!
ตึกกึกกึกกึกกึกตึก!
ฝูงสัตว์ป่าใกล้กับอัศวิน มวลหมู่พืชพรรณพิสดารมาพร้อมหนวดยาว รวมถึงเอลฟ์บนต้นไม้ ทั้งหมดถูกไฟฟ้าช็อตจนร่วงหล่นลงพื้น การโจมตีของไคลน์มาพร้อมผลอัมพาตรุนแรงเป็นวงกว้าง สิ่งนี้คล้ายคลึงกับสายฟ้าแห่งเทพมังกรครามของกริด
ไม่สิ หากพิจารณาอย่างถี่ถ้วน สายฟ้ารอบทิศของไคล์มีประสิทธิภาพสูงกว่าสายฟ้าของกริดมากพอสมควร
“มัวยืนเหม่อกันทำไม? พวกเจ้าคิดว่ากำลังชมวิวทิวทัศน์ยามตะวันตกดินอยู่หรือ”
ไคล์พ่นลมหายใจเหยียดหยันขณะจ้องมองเอลฟ์นับร้อยตนตกจากต้นไม้ในสภาพแน่นิ่ง ขณะเดียวกันก็หันไปตะคอกเตือนสติเหล่าอัศวินตีนดำ
“รีบจัดการให้เสร็จก่อนพวกมันจะหายจากอัมพาต”
“ข…ขอรับ”
เหล่าอัศวินเกิดอาการลังเลเล็กน้อยก่อนรีบปรี่เข้าหากลุ่มเอลฟ์บนพื้น ในฐานะอัศวิน พวกมันย่อมลังเลเมื่อต้องใช้ดาบทำร้ายคนไม่มีทางสู้
‘เอลฟ์คือศัตรู!’
‘ถ้าไม่ฆ่า พวกเราตายกันหมดแน่!’
ในสงคราม การฆ่าศัตรูไม่จำเป็นต้องหาเหตุผลด้านศีลธรรมหรือเกียรติยศมารองรับ อัศวินเหล่านี้ไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้ว หลังจากกัดฟันทนกับสายตาเกลียดชังจากบรรดาเอลฟ์ครู่หนึ่ง พวกมันตัดสินใจกำดาบกลับหัวเตรียมปักลง จุดจบของกองทัพเอลฟ์ชุดแรกคืบคลานเข้ามาใกล้ทุกขณะ
ทันใดนั้น
“อัศวินต้องมีเกียรติ!”
ใครบางคนตะโกนหนึ่งในคุณธรรมคร่ำครึตามตำราอัศวินออกมาเสียงดัง
“อัศวินห้ามทำร้ายคนไม่มีทางสู้! เกียรติข้อนี้ไม่ถูกละเว้นแม้จะเป็นสนามรบ!”
สิ่งนี้คือการกระทำของเลซี เป็นปณิธานอันแน่วแน่จากก้นบึ้งหัวใจ
“…”
ตำราอัศวินโบราณได้เขียนเรื่องไร้สาระไว้ไม่น้อย เกียรติยศอัศวินหลายข้อล้าสมัยเกินกว่าจะนำมาใช้ในยุคปัจจุบัน ตัวอย่างเช่นน ‘ห้ามอยู่อย่างอับอาย ต้องตายอย่างมีเกียรติ’ แค่ฟังก็พอเห็นภาพว่าใช้จริงในสนามรบไม่ได้
แน่นอน เกียรติแห่งอัศวินส่วนใหญ่ถูกบัญญัติโดยอัศวินรอดชีวิต หมายความว่าพวกมันเลือกชีวิตเหนือเกียรติตัวเอง แต่กลับย้อนแย้งเขียนกฎขึ้นจากความตายอย่างกล้าหาญของพวกพ้องแทน และนั่นคือสาเหตุหลักทำให้ผู้คนมักตลกขบขันเมื่ออ่านเกียรติแห่งอัศวินครบทุกข้อ อย่างไรก็ตาม อัศวินส่วนมากกลับเลือกเป็นอัศวินเนื่องจากหลงใหลในถ้อยคำเชิงวีรบุรุษเหล่านี้
“…”
เสียงตะโกนกึกก้องของเลซีทำให้อัศวินแทบทุกคนชะงักการกระทำชั่วขณะ
แต่ว่า
สิ่งเหล่านั้นเกิดขึ้นไม่ถึงหนึ่งวินาที
ฉึก!
ฉึกฉึก!!
ฉัวะ!
“อ๊ากกก!”
“คึ่ก!”
“แค่ก…”
หลังจากลังเลเพียงหนึ่งลมหายใจ อัศวินจำนวนมากเริ่มลงมือเข่นฆ่าโดยไม่เปิดโอกาสให้เหยื่อรอดชีวิต เอลฟ์ไร้การป้องกันถูกฟันแทงจนพรุนเพื่อให้มั่นใจว่าจะลุกขึ้นมาทำร้ายพวกตนได้อีก
พวกมันแต่ละคนล้วนเป็นอัศวินมานานหลายปี ความหลงใหลในกฎเกณฑ์เก่าเริ่มเสื่อมคลายและมองโลกด้วยความเป็นจริงมากขึ้น พวกมันเคยเผชิญความอดอยากชนิดไม่มีข้าวกินหลายหน ทางบ้านมีครอบครัวให้ต้องปกป้องเลี้ยงดู และเหนือสิ่งอื่นใดทั้งหมด…
“ต้องปฏิบัติตามคำสั่งอย่างไร้ข้อกังขา”
เกียรติแห่งอัศวินข้อสุดท้ายได้ดึงสติอัศวินตีนดำกลับสู่โลกความเป็นจริง
“อะ…” เลซีเกิดอาการชาไปทั้งตัว
เลือดสีแดงฉานสาดกระเซ็นใส่ต้นไม้เขียวและพื้นดินจนเกิดมลทิน วาจาเคียดแค้นรวมถึงน้ำตาแห่งความเจ็บปวดกระจัดกระจายไปทั่วสนามรบ สีหน้าเลซีพลันเหม่อลอยเมื่อได้เห็นฉากสยดสยองหดหู่เต็มสองตา
“เลซี! ได้สติสักที! ถ้าพวกเราไม่ฆ่ามัน! อัศวินตีนดำทุกคนจะตาย!”
อัศวินคนหนึ่งเดินเข้ามาพร้อมกับฝืนขยับดาบในมือเลซีเพื่อเข่นฆ่าเอลฟ์ไร้ทางสู้
อัศวินหัวโบราณ
นับตั้งแต่ได้พบเลซีครั้งแรก ไม่มีใครนึกรังเกียจอัศวินหนุ่มหัวโบราณคนนี้สักนิด ถึงเขาจะเอาแต่พร่ำเพ้อเรื่องความยุติธรรมและเกียรติยศตลอดเวลาก็ตาม เพราะครั้งหนึ่งทุกคนเคยเป็นแบบเลซี และบอกกับตัวเองว่า ‘เราไม่มีทางเปลี่ยนแนวทางอัศวินของตัวเองเด็ดขาด’ แต่เมื่อเผชิญโลกแสนโหดร้ายบ่อยครั้งเข้า ทุกคนจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อความอยู่รอด
พวกพ้องปรารถนาดีหลายคนพยายามฝืนให้เลซีลงมือฆ่าเอลฟ์ เพราะหากเด็กหนุ่มคนนี้ไม่เปลี่ยนทัศนคติ ไม่ช้าก็เร็วคงถูกฆ่าอย่างโหดเหี้ยมโดยฝีมือไคล์
“เร็วเข้า! เลซี!”
ไคล์เดินเข้ามาใกล้ทุกขณะ สายตาเย็นชาของมันจ้องมองแผ่นหลังเลซีไม่กะพริบ อัศวินรุ่นพี่พยายามเร่งเร้าให้ลงมือ แต่เลซีกลับเอาแต่ยืนเหมอลอยราวกับวิญญาณหลุดออกจากร่าง
ภายในสมองกำลังขัดแย้งรุนแรง
ทำไมกัน… เรามาทำอะไรในป่าแห่งนี้
เราเริ่มเล่นซาทิสฟายเพราะชื่นชมความกล้าหาญของพระเอกในภาพยนตร์สมัยเด็กไม่ใช่หรือ ซาทิสฟายเป็นแค่เกม เกมหมายถึงการสร้างความสุขให้ผู้เล่น
แล้วทำไม… เราถึงต้องอดทนต่อเหตุการณ์สุดระยำหนแล้วหนเล่า
‘เลิกเล่นถาวรดีไหม’
ขณะเลซีขบกรามแน่น ไคล์เดินเข้ามาประชิดตัวจากด้านหลัง ฝ่ามือของมันรายล้อมด้วยประจุไฟฟ้าเข้มข้น ไคล์เล็งโจมตีไปยังต้นคอเลซีพลางส่งเสียง
“ต่อจากคนนอกรีตก็เป็นคนทรยศสินะ สงสัยต้องคัดกรองสมาชิกกันใหม่แล้วกระมัง”
“หุบปาก!!”
‘เคอัน’ คือชื่อของอัศวินอาวุโสผู้คอยดูแลเลซีมานานหลายปี แต่ชายคนนั้นกลับถูกไคล์สังหารอย่างอำมหิต เพียงนึกภาพตามก็มากพอจะทำให้โทสะเดือดดาล เลซีตะโกนสุดเสียงพร้อมกับหมุนตัวเหวี่ยงดาบเต็มแรงไปทางด้านหลัง แต่แน่นอน สิ่งเหล่านี้คือการกระทำสูญเปล่า เทพสายฟ้าไคล์ ผู้กล่าวอ้างว่าตนเหนือกว่าดยุคแห่งจักรวรรดิ ย่อมไม่มีวันปล่อยให้การโจมตีจากผู้เล่นสัมผัสตัว
ไคล์หลบดาบเลซีง่ายดายพร้อมกับปลดปล่อยประจุสายฟ้ามหาศาล
“ความอ่อนแอคือบาป”
ปัจจุบันอาจยังไม่มีใครทราบ แต่ไคล์ได้หันหลังให้เทพธิดาแห่งแสงมาสักพักแล้ว
เมื่อเลซีได้ยินอีกฝ่ายอ้างหลักแข็งแกร่งอ่อนแอ จึงผุดความคิดหนึ่งในหัวทันที
‘หากเป็นคุณกริดล่ะก็ เขาต้องซัดหน้าไอ้ระยำนี่จนสาแก่ใจได้แน่นอน…’
อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์รอบตัวค่อนข้างผิดปรกติ เลซีไม่ควรมีเวลาให้คิดมากมายและยืดยาวขนาดนี้ เพราะไคล์ทำการยิงประจุสายฟ้าออกมาสักพักแล้ว และเหยื่ออย่างมันสมควรเสียชีวิตภายในหนึ่งลมหายใจ
“…?”
เรายังรอด?
หลังจากตกตะลึง เลซีได้สติกลับคืนในเวลาต่อมา ด้านหน้ามันคือแผ่นหลังบุคคลแปลกประหลาด จะว่าไม่คุ้นเคยก็ไม่เชิง เส้นผมสีเงินของเธอยาวสลวยจนถึงสะโพก ชุดเกราะเต็มตัว โล่ใบใหญ่ และดาบหนักแผ่กลิ่นอายความแข็งแกร่งอย่างท่วมท้น แค่มองจากด้านหลังก็ทราบทันทีว่าเป็นอัศวิน
อัศวินผู้มีเกียรติและสง่างามยิ่งกว่าใครทั้งหมดในโลก
“ท…ท่านเมอร์เซเดส…?”
“เกียรติยศของเจ้าช่างน่าชื่นชม”
ท่ามกลางผืนป่าเงียบสงัด เสียงใสกังวานของหญิงสาวดังอย่างไพเราะประหนึ่งระฆังสวรรค์ เธอคืออัศวินในตำนานผู้ใช้โล่รับกระแสไฟฟ้าของไคล์ไว้ง่ายดาย และใช้ดาบโจมตีจนเส้นผมของไคล์หลุดร่วง
“นี่เจ้า…!?”
แม้จะไคล์จะเลือดขึ้นหน้าและเตรียมตัวสวนกลับ แต่มันกลับชะงักงันในตอนสุดท้าย
อัศวินสีชาดยุคเก่า… อัศวินสีชาดรุ่น 2
ไคล์ชะงักเพราะอัศวินสวมเกราะสีแดงเต็มยศสามคน รวมถึงบุรุษผมทองสวมชุดคลุมสีฟ้าข้างกายซ้ายขวาเมอร์เซเดส
“หมายความว่ายังไงกัน? ไหนเธอบอกให้พวกเรามาเดินกินลมชมวิวและแวะเข้าไปทักทายต้นไม้โลกอย่างเป็นมิตรเล็กน้อย แล้วทำไมถึงมีข้าศึกแถวนี้”
“นังหนูเมอร์เซเดส เธอวางแผนหลอกเราแต่แรกแล้วหรือ”
“เปล่าค่ะ แค่บังเอิญ”
กลุ่มอัศวินชุดเกราะสีแดงกำลังสนทนาอย่างเป็นกันเองแม้จะทราบว่าบริเวณนี้คือใจกลางสนามรบ ไม่ปรากฏอาการหวาดกลัวหรือประหม่าแม้แต่น้อย ฝ่ายประหม่าและร้อนรนดูเหมือนจะเป็นไคล์มากกว่า
ย่อมต้องเป็นเช่นนั้น
“โฮ่? นั่นเจ้าหนูปลาไหลไฟฟ้าไคล์ไม่ใช่หรือ ไม่ได้เจอกันนาน โตขึ้นขนาดนี้เชียว”
“อัสโมเฟล…!”
กลุ่มคนเหล่านี้คืออัศวินสีชาดรุ่น 2 ผู้สร้างยุคทองอันรุ่งเรืองสุดขีดให้จักรวรรดิซาฮารัน ยิ่งไปกว่านั้น ทุกคนล้วนเป็นหลักเดียวทั้งหมด
▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬
ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 4 ตอน
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,499
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/
คุณว่าค้างใหม
ReplyDelete???
ผมว่าค้างอยู่นะ😁
ไม่ค้างไหม แต่ค้างมากกกกก
Delete😁😆👍
Deleteตรงประโยค"ความอ่อนแอคือบาป" นึกถึงท่านไฮซ์น ขึ้นมาเลย555
ReplyDeleteค้างมากครับขอบคุณที่แปลนะครับ
ReplyDelete