จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1095



= คงไม่ได้รับผลกระทบโดยตรงสักเท่าไร


= ใช่แล้ว


ผู้คนซึ่งเคยพากันหวาดกลัวว่า การรุกรานของออร์คจะเลวร้ายเหมือนเมื่อครั้งจอมอสูรรุกราน ปัจจุบันเริ่มคลายความกังวล


= เจ้าพวกนี้ไม่เหมือนจอมอสูร


จอมอสูรคือตัวตนชั่วร้าย มองมนุษย์เป็นเพียงปศุสัตว์ชั้นต่ำ ชีวิตของมนุษย์ไร้ค่า สามารถย่ำยี ฆ่าล้างบาง และเหยียดหยันได้ตามใจชอบ


แต่ในทางกลับกัน ออร์คนั้นต่างออกไป


พวกมันเป็นสิ่งมีชีวิตทรงปัญญา ระดับไม่ห่างชั้นจากมนุษย์มากนัก แถมยังมีรูปลักษณ์ใกล้เคียง


ไม่เหมือนเผ่าอสูร พวกมันมีสามัญสำนึกพื้นฐานของโลกกึ่งกลาง และไม่โหดร้ายป่าเถื่อนเท่าจอมอสูร


ไม่ว่าจะด้านพลังรบหรืออุดมคติก็ไม่ต่างจากมนุษย์สักเท่าใด


ความปรารถนาพวกมันสามารถเข้าใจได้ สิ่งมีชีวิตทุกชนิดล้วงต้องการดินแดนสำหรับดำรงเผ่าพันธุ์อย่างมั่นคง


“ข้าคือลอร์ดเทรูชาน! ผู้นำกองทัพนักรบอันเกรียงไกร! ไม่มีเจตนาทำร้ายผู้อ่อนแอ! คุรุรุก! ครุรุก! ขอรับปากว่าจะไว้ชีวิตหากพวกเจ้ายอมจำนนแต่โดยดี!!”


เมืองป้อมปราการ โฮลว์


ยามปรกติจะมีทหารหัวกะทิประจำการราวสามหมื่นนาย นับเป็นยุทธศาสตร์สำคัญของชายแดนอาณาจักรโฟลด์ อัศวินรุ่นเก๋าผู้เคยผ่านร้อนผ่านหนาวนับร้อยนายคอยนำทัพทหารหนุ่มมากพละกำลังเข้าประจัญบานศัตรู


ใช่แล้ว กองทัพโฮลว์นั้นอาจหาญ


ต่อให้ฝ่ายบุกรุกเป็นกองทัพจักรวรรดิแสนเกรียงไกร แต่ทหารโฮลว์ก็จะรบจนตัวตาย


และในทางปฏิบัติ กองทัพโฟล์ดไม่เกรงกลัวการรุกรานจากจักรวรรดิอยู่แล้ว เนื่องจากพวกตนเป็นประเทศบริวารของอาณาจักรโอเวอร์เกียร์


ทว่า


“บัดซบ! ทำไมพวกออร์คถึงคิดบุกรุกอาณาจักรเรา!? อาณาจักรอื่นร่ำรวยกว่าตั้งเยอะไม่ใช่หรือไง?”


“พวกมันคิดจะนำดินแดนแห้งแล้งไปใช้ทำอะไรกันแน่?”


“กองทัพออร์คอาจยังไม่ทราบว่าดินแดนของพวกเราขาดความอุดมสมบูรณ์ ถ้าลองเล่ารายละเอียดให้ฟัง บางทีพวกมันอาจเปลี่ยนใจถอยทัพก็ได้”


แม้แต่กองทหารกล้าหาญของป้อมโฮลว์ยังหวาดผวาเมื่ออยู่ต่อหน้าออร์ค


ฉากกองทัพออร์คตัวดำกว่าแสนตนยืนเรียงรายใต้ป้อมปราการไม่ใช่เรื่องสนุก แต่ละตนล้วนสูงสองเมตรกว่า กล้ามเนื้อแข็งแกร่งบึกบึนชนิดมนุษย์มิอาจทัดเทียม ลำพังจิตสังหารก็มาพอจะข่มขวัญจนกระเจิง


โดยเฉพาะไอน้ำซึ่งระเหยออกจากลำตัวมหาออร์คลอร์ดอย่างต่อเนื่อง อัศวินอาวุโสต่างสัมผัสถึงพลังไม่ชอบมาพากล เพียงสบตาก็มากพอจะทำให้ร่างกายสั่นเกร็ง ทหารหนุ่มจิตอ่อนบางคนถึงกับเหงื่อแตกโดยยังไม่เริ่มศึก


“…อา”


เจ้าเมืองโฮลว์ หนึ่งในบุคคลโด่งดังของอาณาจักรโฟล์ด สัญลักษณ์แห่งกองทัพ


มาร์ควิสเบเซล ไอดอลของผู้เล่นคลาสอัศวินผู้พิทักษ์หลายล้านคนทั่วโลก


มันตัดสินใจต่อรอง


“คงต้องเจรจาเท่านั้น ไม่มีวิธีใดเหมาะสมกว่านี้อีกแล้ว เปิดประตูป้อม! ฉันจะออกไปต่อรองกับออร์คด้วยตัวเอง!”


“ไม่ได้นะครับท่าน!”


คนของมาร์ควิสเบเซลรีบห้ามปราม


ว่ากันตามตรง พฤติกรรมของออร์คเหนือความคาดหมายทุกคนมาก เรียกว่าสุภาพอ่อนโยนจนน่าเหลือเชื่อ ประหนึ่งพวกมันคืออัศวินยึดมั่นในเกียรติยศ


เมื่อทุกคนได้ยินว่าหมู่บ้านตลอดทางผ่านของกองทัพออร์คไม่ถูกปล้นจี้ ไม่ถูกใช้ความรุนแรงถ้ายกธงขาว อาณาจักรโฟลด์รู้สึกโล่งใจไปหลายส่วน


แต่นั่นอาจเป็นเพียงฉากหน้า


ศัตรูคือศัตรูวันยังค่ำ


เมื่อแม่ทัพของตนกล่าวว่าจะเดินเข้าไปในเขตค่ายศัตรู ย่อมไม่มีขุนพลคนใดนิ่งดูดาย


“ถ้าท่านถูกจับเป็นตัวประกัน ป้อมโฮลว์คงถึงคราวจบสิ้นแน่นอนครับ!”


“ใช่ครับ! ได้โปรดไตร่ตรองด้วย! ส่งทูตไปเจรจาแทนก็ยังดี!”


“พวกเราเป็นฝ่ายต้องการเจรจา แต่กลับให้แม่ทัพใหญ่เอาแต่หลบหลังกำแพงเนี่ยนะ? ถ้าพวกออร์ครู้เข้าคงหัวเราะเยาะแน่”


“ถ้าอย่างนั้นก็สู้จนตัวตายเถอะครับ! ท่านออกไปคนเดียวอันตรายเกินไป!”


“ใช่ครับ! พวกมันคือออร์ค! ไม่ต่างอะไรกับมอนสเตอร์! ไม่มีทางยอมเจรจากับมนุษย์อย่างสันติแน่!”


“จะให้สู้ซึ่งหน้าอย่างโง่เขลาหรือ?”


“ฝั่งเรามีทหารกล้ามากถึงสามหมื่น! หากใช้ปราการให้เป็นประโยชน์ คงพอยื้อเวลาได้บ้างครับ!”


“ใช่ครับท่าน! ป่านนี้ท่านราชาคงกำลังส่งกองทัพหลวงตามมาสนับสนุน!”


“จะเป็นแบบนั้นแน่หรือ?”


“…”


เมื่อมาร์ควิสเบเซลตั้งคำถาม ขุนนางทุกฝ่ายต่างพากันปิดปากเงียบ


เบเซลชำเลืองมองหอกเล่มยักษ์เสียบปักบนกำแพงป้อมปราการหนาหลายเมตร


นี่คือหอกซึ่งถูกออร์คลอร์ดเทรูชานขว้างมาจากจุดไกลโพ้นชนิดไม่มีใครมองเห็น


รอยแตกบนกำแพงมีขนาดใหญ่จนแม้แต่อัศวินหลายสิบคนก็ไม่สามารถเลียนแบบ


หอกยาวฝังแน่นอยู่เช่นนั้นประหนึ่งถูกสร้างพร้อมกำแพงป้อมมาตั้งแต่เริ่ม


“พวกเราคงรับมือได้ไม่เกินสองวัน หากมันเปิดฉากโจมตีเต็มกำลังเมื่อใด กำแพงป้อมจะถูกถล่มง่ายดาย มนุษย์ทุกคนในป้อมจะถูกบดขยี้ไม่เหลือซาก เป็นการสูญเสียอย่างเปล่าประโยชน์ หากยังมีโอกาสเจรจาก็ควรรีบทำ”


“แต่ถ้าท่านมาร์ควิสถูกจับเป็นตัวประกัน พวกเราคงมิอาจรั้งได้นานถึงสองวันแน่”


“ถ้ามันดับลมหายใจของฉัน พวกนายทุกคนจงรีบถอนกำลังและอพยพชาวเมืองออกจากป้อมให้หมด หลบหนีไปทางถนนหลวงด้วยความเร็วสูงสุด ท่านไชน์นิ่งต้องต้อนรับเป็นอย่างดีแน่”


“ท่านคิดว่าพวกเราขี้ขลาด เห็นชีวิตสำคัญกว่าเจ้านายอย่างนั้นหรือครับ!”


“พวกนายอาจหลีกเลี่ยงเสียงวิจารณ์จากชาวเมืองไม่ได้ แต่จงคิดไว้เสมอว่า ยอมถอยวันนี้ก็เพื่อประโยชน์ของอาณาจักรในวันหน้า พวกนายต้องแก้แค้นกองทัพออร์คให้สำเร็จ ดังนั้นช่วยทนอับอายเพื่อชาติก่อนได้ไหม?”


“ท่านมาร์ควิส!”


ไม่มีใครหยุดมาร์ควิสเบเซลได้อีก มันสั่งเปิดประตูเมืองพร้อมกับเดินผ่านเหล่าขุนนางซื่อสัตย์ออกไปเผชิญกองทัพออร์คตามลำพัง


“…แย่ล่ะสิ”


เหล่าขุนนางและอัศวินต่างรีบวิ่งขึ้นกำแพงด้วยใบหน้าขาวซีด


ฉากตรงหน้าคือภาพของมาร์ควิสเบเซลกำลังยืนเผชิญเทรูชานในระยะประชิด


อัศวินผู้พิทักษ์คือคลาสเน้นหนักด้านพลังป้องกันและการปกป้องผู้อื่น


จากบรรดาทั้งหมด มาร์ควิสเบเซลมีร่างกายใหญ่โตประหนึ่งยักษาในสายตามนุษย์ปรกติ แต่กลับกลายเป็นเด็กทารกเมื่อเทียบกับเผ่าออร์คสนธยาอย่างเทรูชาน


“ฉันคือเบเซล แม่ทัพใหญ่ประจำป้อมปราการแห่งนี้ และยังเป็นมาร์ควิสของอาณาจักรโฟลด์ด้วย ขอเป็นตัวแทนเจรจา”


“คุรุรุก! ว่ามา!”


เทรูชานขานตอบอย่างสนใจ


มันชื่นชมมนุษย์ตัวกระจ้อยร่อยผู้อาจหาญเดินเข้ามาในกองทัพออร์คตามลำพัง


“ดินแดนของพวกเรา อาณาจักรโฟลด์ เลื่องชื่อในด้านทุรกันดารและแห้งแล้งเป็นอันดับหนึ่งของทวีป แทบไม่มีเขตภูเขาหรือแม่น้ำ ไม่ต้องพูดถึงทะเล มิใช่ดินแดนอุดมสมบูรณ์ในฝันของเผ่าออร์คแน่นอน”


“หรือกำลังจะบอกให้พวกข้าเปลี่ยนไปบุกรุกอาณาจักรอื่น? คุรุรุก!”


“…แค่อยากให้พวกท่านยกทัพกลับ”


อาณาจักรโฟลด์ยังลือชื่อในด้านความหลากหลายและปริมาณของมอนสเตอร์ดุร้าย


มาร์ควิสเบเซลซึ่งออกรบแนวหน้ามาตลอดย่อมใช้ชีวิตโดยการเข่นฆ่ามอนสเตอร์มานับไม่ถ้วน


จึงเป็นภาพค่อนข้างประหลาดเมื่อมันยอมก้มหัวให้เผ่าออร์คซึ่งถือเป็นมอนสเตอร์ประเภทหนึ่ง


อย่างไรก็ตาม เบเซลมิได้ลังเลแม้แต่น้อย ยอมทำแม้กระทั่งคุกเข่าคำนับอย่างนอบน้อม


“อาณาจักรโฟลด์ไม่คู่ควรแก่การยึดครองเลยสักนิด ด้วยความปรารถนาดี พวกท่านไม่ควรเสียเวลากับอาณาจักรไร้อนาคตเช่นนี้”


ดูแคลนประเทศตัวเอง


เป็นกิริยามารยาทต่ำทรามยากเกินอภัย แม้จุดประสงค์ทำเพื่อความอยู่รอดของอาณาจักรก็ตาม


โดยเฉพาะมาร์ควิสเบเซลผู้ทำศึกหนักมาทั้งชีวิตเพื่อรักษาเอกราชให้อาณาจักรโฟลด์


แต่มันไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้ว ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องโน้มน้าวให้ออร์คยอมถอย


อาณาจักรของตนไม่คู่ควรแก่การยึดครอง


ทั่วทวีปล้วนมองเห็นเช่นนี้มานาน


หลังจากตั้งใจฟังอย่างเงียบงัน เทรูชานแสยะยิ้มอย่างมีเลศนัย


“สำหรับเผ่านักรบอย่างชาวออร์ค อาณาจักรโฟลด์เหมาะแก่การยึดครองยิ่งกว่าดินแดนใดทั้งหมด”


“…?”


มาร์ควิสเบเซลคาดหวังว่าออร์คเป็นเพียงเผ่าพันธุ์โง่เขลาซึ่งรู้จักเพียงวิธีใช้กำลัง


พวกมันเพิ่งได้รับสิทธิ์ให้เดินเพ่นพ่านบนผืนทวีป จึงเลือกโจมตีอาณาจักรอื่นส่งเดชโดยไม่ได้วางแผนล่วงหน้า


นี่คือสมมติฐานของหลายฝ่าย ดังนั้นเบเซลจึงคิดว่าการโน้มน้าวของตนมีโอกาสสำเร็จ


เมื่อเผ่าออร์คทราบว่าอาณาจักรโฟลด์ปราศจากความอุดมสมบูรณ์ ไม่คู่ควรแก่การยึดครองให้สิ้นเปลืองกำลังและเวลา พวกมันอาจยอมยกทัพกลับแต่โดยดี


แต่ท่าทีตอบสนองเมื่อครู่อยู่นอกเหนือสามัญสำนึกของเบเซลโดยสิ้นเชิง


อาณาจักรโฟลด์เหมาะสมกับการยึดครองมากกว่าทุกดินแดน?


เมื่อเห็นมาร์ควิสเบเซลตกตะลึง เทรูชานฉีกยิ้มกว้างกว่าเก่า


เผยให้เห็นฟันกรามซี่ใหญ่ชนิดมิอาจหาพบได้ในบรรดาสัตว์ป่านักล่าสายพันธุ์ใด


“คุคุก! พวกเราฝึกฝนและเติมเต็มความหิวกระหายด้วยการล่ามอนสเตอร์เป็นเหยื่อ”


“…!”


“ไม่มีอาณาจักรใดเทียบได้อีกแล้ว โฟลด์คือเป้าหมายในอุดมคติของพวกเรา”


ผิดแผนไปหมด


เมื่อตระหนักว่าความฝันอันริบหรี่ถูกทำลายทิ้งโดยสมบูรณ์ เบเซลพยายามสูดลมหายใจเข้าปอดเพื่อขจัดความตื่นตระหนก


มันคิดไวทำไว


ตนต้องกลับเข้าไปในป้อมปราการ จากนั้นก็นำพาทหารและชาวเมืองหนีไปหาไชน์นิ่ง


การรบให้ชนะออร์คเหล่านี้ วิธีเดียวคือต้องใช้กองทัพทั้งหมดของอาณาจักรโฟลด์เข้าประจัญบานพร้อมกัน


แต่แผนดังกล่าวต้องเป็นหมันในพริบตา


‘…ไม่จริงน่า!’


พวกตนหนีไม่พ้นแน่


เสือดาวจุดแดง


สัตว์ป่าประเภทนี้คือสุดยอดนักล่า รวดเร็วคล่องแคล่วยิ่งกว่ามอนสเตอร์ชนิดใดทั้งหมด และถูกเผ่าออร์คฝึกฝนจนเชื่องมานานหลายปี


เมื่อเทรูชานเห็นมาร์ควิสเบเซลยืนสั่นกลัวหลังจากตระหนักถึงกองทัพเสือดาว มันมอบทางรอดให้อีกฝ่ายด้วยความเมตตากรุณา


“เจ้ากล้าหาญกว่ามนุษย์ทั่วไปมาก”


“…?”


“กล้าออกมาเผชิญข้าคนนี้ตามลำพัง ต้องนับถือในฐานะนักรบด้วยกัน คุรุก! ฉะนั้น ด้วยเกียรติของนักรบ ข้าจะมอบโอกาสรอดชีวิต”


“…!”


โอกาส!


เบเซลซึ่งสิ้นหวังไปแล้วเริ่มมองเห็นแสงสว่างปลายอุโมงค์


ในเมื่ออีกฝ่ายปรารถนาดี เบเซลก็ไม่มีเหตุผลให้ต้องปฏิเสธ มันรีบคว้าฟางเส้นสุดท้ายของมหาออร์คลอร์ดไว้อย่างเต็มใจ


“ช…เชิญกล่าวมาได้เลยครับ!”


เบเซลรีบร้อนตอบรับข้อเสนอเทรูชาน


“ประลองกับข้า”


การประลอง


สิ่งนี้คือของถนัดสำหรับมาร์คริสเบเซลผู้มีคลาสเป็นอัศวินผู้พิทักษ์อยู่แล้ว


“หากตัวข้าเทรูชานผู้นี้ ไม่สามารถล้มเจ้าได้ภายในสิบการโจมตี จะถือว่าข้าเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ และยอมถอนทัพแต่โดยดี คุรุก!”


“…!”


เบเซลแทบไม่เชื่อหูตัวเอง


ขอแค่มีชีวิตรอดหลังจากสิบการโจมตี?


อีกฝ่ายจะยอมยกทัพกลับแต่โดยดี?


ใจกว้างขนาดนี้เชียวหรือ?


เบเซลไม่เชื่อเพราะฝ่ายตนได้เปรียบเกินไป


เทรูชานอมยิ้มอย่างเอ็นดู


“นักรบออร์คจำนวนมากกำลังจ้องมองการกระทำของข้า หากไม่รักษาสัจจะต่อมนุษย์ ข้าคงเสื่อมเกียรติและไม่คู่ควรกับตำแหน่งลอร์ดอีกต่อไป”


หรือก็คือ มันรักษาสัญญาแน่นอน


มาร์ควิสเบเซลพยักหน้ารับ


“เข้าใจแล้ว! ฉันตอบรับข้อเสนอการประลองของท่าน! กรุณารักษาสัญญาด้วย”


ต่อให้น่าอับอายเพียงใด แต่เมื่อมองเห็นโอกาสรอดตรงหน้า มันไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากคว้าไว้ให้แน่น


หากจับฟางเส้นสุดท้ายไม่ทัน อนาคตเดียวของป้อมโฮลว์คือการถูกทำลายย่อยยับ


มาร์ควิสเบเซลหยิบโล่และดาบด้วยสีหน้าเอาจริงเอาจัง


อัศวินผู้ไม่ยอมหันหลัง


ไม่เพียงได้รับการนับหน้าถือตาจาก NPC อัศวินต่างอาณาจักร แต่เบเซลยังเป็นไอดอลของผู้เล่นคลาสอัศวินผู้พิทักษ์ทั่วโลก


ถือดาบกลับด้าน ร่างกายส่วนใหญ่ถูกปกคลุมด้วยโล่ยักษ์ ความถึกทนและความคล่องตัวอยู่ในระดับสูงส่ง


ไม่เปิดช่องว่างให้โจมตี และถ้าศัตรูฝืนบุ่มบ่ามบุกเข้าใส่ ชะตากรรมของอีกฝ่ายคือถูกโล่ใหญ่ปัดป้องและสวนกลับด้วยความคล่องแคล่วฉับพลัน


เทรูชานคำรามลั่น


“ยอดเยี่ยมมาก! สมกับเป็นนักรบ! ไม่ทำให้ข้าผู้นี้ผิดหวังจริงๆ”


ผิวหนังของออร์คสนธยาหนาและแกร่งยิ่งกว่าแผ่นโลหะหลายชั้นซ้อนทับ สีเขียวเข้มจนเกือบดำ คล้ายท้องฟ้าในยามพระอาทิตย์ใกล้ตกดิน


กล้ามเนื้อเต่งตึงดุจดังหินผา


ฝ่ามือใหญ่ นิ้วหนาและยาว สามารถบีบผลแตงโมยักษ์ให้แตกได้ด้วยมือข้างเดียว หนังฝ่ามือทั้งด้านและแข็ง บ่งบอกชัดเจนว่าผ่านการฝึกฝนอย่างหนัก มิใช่สัตว์ป่าผู้เอาแต่ใช้กำลังโดยไม่คิดหน้าคิดหลัง


เมื่อทุกปัจจัยรวมกัน ลำพังตัวตนของมหาออร์คลอร์ดเทรูชานก็มากพอจะข่มขวัญเบเซลให้ขวัญหนีดีฝ่อ


อย่างไรก็ตาม เบเซลมิได้สั่นกลัว


มันเองก็เป็นยอดนักรบในแบบฉบับมนุษย์


เกิดบนอาณาจักรอ่อนแอและยากจน ชีวิตต้องผ่านการดิ้นรนนับครั้งไม่ถ้วน ย่อมทราบวิธีรับมือศัตรูแข็งแกร่งเป็นอย่างดี


‘เข้ามาเลย!’


มาควิสเบเซลไม่สนเสียงวิพากษ์วิจารณ์ มันรีบสาดบัฟป้องกันตัวและบาเรียคุ้มกายนานาชนิดคลุมร่างในพริบตา


ทั้งเจ็ดบัฟมีความยอดเยี่ยมเทียบเท่าทักษะท่าไม้ตายของสุดยอดผู้เล่นในแต่ละคลาส


‘หากใครได้ครอบครองสักหนึ่งบัฟ ผู้เล่นคนดังกล่าวจะกลายเป็นตัวแทงค์อันดับหนึ่งของโลกทันที’


นี่คือวลีอันโด่งดังในหมู่ผู้เล่นคลาสอัศวินผู้พิทักษ์แถวหน้าของโลก ยิ่งทำให้ตัวตนของมาร์ควิสเบเซลถูกยกยอสรรเสริญไม่รู้จบ


ขณะโล่ใหญ่ถูกยกตั้งท่าปัดป้อง


ฟุ่บ!


มหาออร์คลอร์ดเทรูชานลงมือโจมตีทันที


และผลลัพธ์ก็คือ


เปรี้ยง—!


“…แค่ก!”


ร่างมาร์ควิสเบเซลกระเด็นไปไกลหลายสิบเมตร ตามต่อด้วยกลิ้งบนพื้นอีกหลายตลบ


“ท่านมาร์ควิส!!”


ทหารสามหมื่นนายบนป้อมโฮลว์ต่างพากันหน้าถอดสี


= …บ้าบอสิ้นดี


ผู้ชมและชาวเน็ตจำนวนมากก็เช่นกัน


เป็นภาพอันน่าตกตะลึงและทำร้ายจิตใจไม่น้อย เมื่อเบเซลซึ่งเป็นแบบอย่างของใครหลายคนมีชะตากรรมน่าสมเพชหลังจากถูกโจมตีเข้าไปเพียงหนเดียว


เทรูชานยังคงยืนนิ่งในจุดเดิมโดยไม่ตามเข้าไปซ้ำ มันรอให้เบเซลเดินกลับมาเพื่อตนจะได้ลงมือโจมตีต่อในกระบวนท่าสอง


“แค่ครั้งแรกเองนะ คุรุรุก!”


“…แฮ่ก …แฮ่ก”


เบเซลฝืนลุกยืนอย่างยากลำบาก ท่าทางโงนเงนราวกับพร้อมล้มลงทุกเมื่อ โล่ใหญ่ถูกใช้พยุงร่างด้วยแข้งขาสั่นเทา ปลายดาบชี้ไปทางเทรูชานโดยไม่กล่าวสิ่งใด


การโจมตีสุดหฤโหดของศัตรูทำให้ความถึกทนมหาศาลกลายเป็นหมัน


มันเริ่มตระหนักว่า การประลองในหัวข้อทนรับการโจมตีสิบครั้ง คงไม่ฉลาดหากคิดตั้งรับอยู่ฝ่ายเดียว


อย่างไรก็ตาม แผนใหม่ก็ไม่ได้ผลเช่นเดิม


ฟุ่บ!


เปรี้ยง—!!


ก่อนดาบเบเซลจะได้สัมผัสผิวหนังเทรูชาน ดาบใหญ่ในมือออร์คลอร์ดถูกวาดครึ่งวงกลมปะทะใส่โล่ใหญ่ของยอดอัศวินเข้าอย่างจัง


หนึ่งดาบ


สองดาบ


สามดาบ


มาร์ควิสเบเซลฝืนกำโล่อย่างสุดความสามารถ แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่เหลือเรี่ยวแรงเหนี่ยวรั้ง ทำได้เพียงมองดูโล่ในมือตนกระเด็นลอยไปต่อหน้า


เหล่าผู้เล่นคลาสแทงค์ทั่วโลกทำได้เพียงอ้าปากค้างขณะรับชมถ่ายทอดสด


แม้แต่ NPC ตัวแทงค์ระดับท็อปของทวีปยังมิอาจต้านทานสุดยอดพลังโจมตี


หากพวกมันรู้เช่นนี้ คงไม่มีใครเลือกเล่นคลาสแทงค์ตั้งแต่แรกเป็นแน่


ถูกต้อง


พลังโจมตีเหนือจินตนาการของออร์คลอร์ดเทรูชานได้ทำให้พลังป้องกันกลายเป็นสิ่งไร้ความหมาย


ยิ่งได้รับชมก็ยิ่งตระหนักว่า บางทีเทรูชานอาจน่ากลัวยิ่งกว่าจอมอสูรเสียอีก


ในเวลาเดียวกัน


“ค…แค่ก!”


เบเซลครางในลำคอก่อนล้มทรุดลงโดยยังไม่ทันรับการโจมตีกระบวนท่าลำดับ 5


เมื่อต้องเผชิญหน้าสุดยอดตัวตน เบเซลได้รับความอับอายและสิ้นหวังชนิดไม่เคยพานพบมาก่อนในชีวิต


มันตระหนักถึงความอ่อนแอของตัวเอง และรู้สึกสิ้นหวังกับอนาคตอันริบหรี่ของอาณาจักรโฟลด์


ทันใดนั้น สุ้มเสียงหนึ่งดังแว่วข้างหูเบเซล


“โอกาสของเจ้าหมดลงแล้ว คุรุรุก! จงกลับเข้าไปในป้อมและรอคอยการบุกโจมตีของพวกข้าด้วยความสั่นกลัว! คุรุรุก! เหล่านักรบทั้งหลาย! กลับค่าย!”


“…”


สีหน้าของเบเซลพลันดำมืด


ล้มเหลวไม่เป็นท่า


มันไม่อยากกลับเข้าไปในป้อมปราการด้วยสภาพเนื้อตัวเปี่ยมบาดแผล เบเซลไม่รู้เลยว่าตนต้องทำหน้าอย่างไรในยามพบเหล่าขุนนางคนสนิท


ต้องพูดปลุกใจทหารอย่างไร ในเมื่อสภาพของตัวเองถูกย่ำยีเยี่ยงสุนัขสุกร


จะให้บอกทหารว่า …จงสู้จนตัวตาย?


มาร์ควิสเบเซลย่ำเท้าด้วยย่างก้าวเชื่องช้า มันพยายามประคองสติไม่ให้ล้มลงต่อหน้าทุกคนในสภาพน่าสมเพช


ทันใดนั้น


เปรี้ยง!!


สายฟ้าสีขาวสว่าง ฟาดผ่าลงมาจากท้องฟ้าเบื้องบนอย่างฉับพลัน พร้อมกับการปรากฏกายของบุรุษหนึ่งคน


เส้นผมดำขลับ สวมมงกุฎหรูหราอลังการ


ทุกสายตาจดจ้องไม่กะพริบ รวมถึงเบเซลและเทรูชาน


“เจ้าเป็นใคร?”


เทรูชานซักถาม


ผู้ชมหลายล้านคนทั่วโลกต่างคาดเดาคำตอบได้ถูกเผง


“ราชาโอเวอร์เกียร์”


“…ราชา?”


แววตาเทรูชานพลันส่องประกายแวววาวอย่างตื่นเต้นยินดี


มันไม่แยแสว่าราชาโอเวอร์เกียร์มาทำอะไรหน้ากำแพงป้อมปราการชายแดนอาณาจักร


เพียงนึกสงสัยว่า มนุษย์ระดับราชาจะแข็งแกร่งได้สักแค่ไหน


ขณะสีหน้าของเทรูชานบ่งบอกชัดเจนว่าต้องการประลองด้วย กริดฉีกยิ้มกว้างพลางแหงนมองหัวไหล่ออร์คลอร์ดซึ่งกำลังบิดตัวเตรียมง้างฟันดาบเต็มแรง


“ออกมา”


ไม่มีเสียงขานตอบ


หัวไหล่บึกบึนของเทรูชานส่งแรงบิดไปยังท่อนแขนมหึมา ดาบยักษ์ยาวสองเมตรถูกตวัดเป็นทรงจันทร์เสี้ยวหมายฟันร่างกริดให้ขาดสะบั้น


= …อ๊า!


ช่องแชตทั่วโลกต่างเต็มไปด้วยถ้อยคำตัดพ้ออย่างนึกเสียดาย


การโจมตีสุดทรงพลังชนิด NPC ตัวแทงค์ระดับท็อปของทวีปตะวันตกยังสิ้นท่า


แม้กริดจะโอเวอร์เกียร์จนมีค่าพลังป้องกันมากมายเพียงใด แต่ก็ไร้ประโยชน์เมื่อเผชิญหน้าการโจมตีจากออร์คลอร์ด


หากกริดมาถึงเร็วกว่านี้สักนิด


เขาคงได้ประจักษ์ความน่าสะพรึงกลัวของมหาออร์คลอร์ดนามว่าเทรูชาน และไม่ผลีผลามเข้าหาอีกฝ่ายโดยไม่เตรียมพร้อม


เมื่อปล่อยให้อีกฝ่ายเปิดฉากโจมตีในระยะประชิด การต่อสู้คงจบลงเพียงเท่านี้แล้ว


ขณะผู้ชมจำนวนมากนึกเสียดายว่าจะไม่ได้เห็นพลังใหม่ของกริด ฉากเหตุการณ์ตรงหน้าทำให้พวกมันถึงกับอ้าปากค้าง


หัตถ์เทวะสีดำทอง 4 ข้าง


อดีตสัญลักษณ์อันโด่งดังของราชาโอเวอร์เกียร์กริด ‘หัตถ์เทวะ’ ซึ่งสาบสูญไปนานหลายปี ปัจจุบันกำลังช่วยปัดป้องดาบใหญ่สองเมตรของเทรูชานอย่างแข็งขัน


“น่าสนุก! คุรุก! ของเล่นน่าสนใจมาก!”


เทรูชานใช้พลังโจมตีช้างสารของมันซัด 4 หัตถ์เทวะจนกระเด็นปลิว เมื่ออีกฝ่ายไร้การป้องกัน มันเหวี่ยงดาบทรงจันทร์เสี้ยวในวิธีพลิกแพลง เล็กฟาดฟันส่วนล่างลำตัวกริด


ทันใดนั้น


“…!?”


ฝ่ายกระเด็นมิใช่ราชาโอเวอร์เกียร์


แต่เป็นมหาออร์คลอร์ดเทรูชาน


พลังลึกลับได้ผลักดาบของมันกลับหลังอย่างไร้เหตุผล


“จอมเวทงั้นหรือ?”


“เปล่า …ช่างเหล็ก”


“…?”


เปรี้ยะ! เปรี้ยะ!


ประจุสายฟ้าเริ่มห่อหุ้มร่างกริด


ฝ่าเท้าชายหนุ่มลอยขึ้นเหนือพื้นเล็กน้อย ศีรษะอยู่ระดับเดียวกับเทรูชานผู้สูงสองเมตรกว่า สายตากริดประสานกับอีกฝ่ายโดยปราศจากความหวาดหวั่น


“สิบครั้ง”


“…?”


“ถ้าแกยังมีชีวิตรอดหลังจากฉันโจมตีครบสิบครั้ง จะยอมไว้ชีวิตก็แล้วกัน”


“…”


เผ่ามนุษย์ยอมให้คนบ้าเป็นราชาด้วยหรือ?


เทรูชานนึกฉงนจากก้นบึ้งหัวใจ


อย่างไรก็ตาม มันไม่ปล่อยโอกาสตรงหน้าหลุดลอย ร่างกายใหญ่ยักษ์หมุนควงสว่านพร้อมกับถือดาบยาวสองเมตรในมือ นี่คือทักษะโจมตีสุดทรงพลังซึ่งไม่หักลบค่าพลังป้องกันของเป้าหมาย


และผลลัพธ์คือ


ฟ้าว—


ฉึก!


คมดาบหันกลับไปทิ่มแทงหัวใจเทรูชานเสียเอง


“…แค่ก!”


ได้ยังไง?


ความตื่นเต้นในตอนแรกหายไปจนหมดสิ้น เหลือเพียงโทสะอันเดือดดาลสุมในอก


ช่างย้อนแย้ง มันตามหาคู่ต่อสู้สมน้ำสมเนื้อมาแสนนาน แต่เมื่อพบตัว สีหน้ากลับดำมืดปราศจากความยินดีโดยสิ้นเชิง


▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬
ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 4 ตอน
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,484
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/

Comments

  1. Replies
    1. Greed น่าจะชื่อธาตุใหม่ที่กริดสร้าง

      Delete
  2. คุณรู้จัก"ก็อดกริด"ไหม???

    ReplyDelete
  3. ดู้วยูว์โนว์ก๊อดกริ๊ด?

    ReplyDelete
  4. คุณรู้จักก็อด​กริด​หรือปล่าว​

    ReplyDelete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00