จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,105
ซีบาลเคยรับใช้องค์ชายอีธานมาก่อน
ในภายหลัง องค์ชายอีธานก่อกบฏ และปองร้ายต่ออดีตมหาจักรพรรดิฮวนเดอร์ แต่ตัวมันก็สิ้นลมตามไปในเวลาไล่เลี่ยกัน ทุกคนจึงพากันคิดว่าซีบาลคงถูกขับไล่ออกจากจักรวรรดิซาฮารันทันที
แต่มันกลับปรากฏตัวอีกครั้งพร้อมกับกลุ่มอัศวินสีชาด
นับเป็นเรื่องน่าประหลาด เหตุไฉนลูกน้องของกบฏ แผ่นดินถึงยังทำงานกับกลุ่มอัศวินใกล้ตัวเชื้อพระวงศ์
“นายก่อความผิดร้ายแรงต่อบ้านเมืองชนิดต่อให้ถูกประหารก็ไม่น่าแปลกใจ แต่กลับยังรับใช้จักรวรรดิได้อีกหรือ สงสัยเชื้อพระวงศ์คงประทับใจในฝีมือของนายมาก”
แน่นอน จักรวรรดิซาฮารันมิได้ตีแผ่เรื่องราวของแกรนมาสเตอร์ให้ทั่วโลกรับรู้ ผู้คนจึงทราบเพียงว่า องค์ชายอีธานก่อกบฏ และมหาจักรพรรดินีบาซาร่าได้ขึ้นครองบัลลังก์หลังจากจบสงคราม
ใช่แล้ว ทางวิหารยาธานก็ได้รับข่าวแบบเดียวกัน เพราะอีธานตัดขาดการติดต่อไปกลางคัน
พวกมันไม่ได้รับข้อมูลเพิ่มเติมในช่วงหลังของแผนก่อกบฏ จึงเข้าใจว่ากลุ่มอัศวินสีชาดตรงหน้าเป็นฝ่ายเดียวกับจักรวรรดิ
“ไหนมหาจักรพรรดินีประกาศว่าทุกอาณาจักรจะอาศัยร่วมกันอย่างมีความสุข ฉันเข้าใจมาตลอดว่านั่นรวมถึงการไม่แทรกแซงกองทัพอาณาจักรอื่น แต่ดูเหมือนพวกแกไม่ได้เปลี่ยนไปเลยสินะ ยังคงแฝงตัวอยู่ในกองทัพชาติอื่นประหนึ่งเห็บหมัด…”
“…”
“ไม่สิ ตรงกันข้ามด้วยซ้ำ จักรวรรดิแอบแทรกแซงชาติอื่นในรูปแบบเจ้าเล่ห์ยิ่งกว่าเดิม ไม่เห็นต่างจากวิหารยาธานตรงไหน ทำไมพวกนายไม่นับถือวิหารยาธานเป็นศาสนาประจำชาติไปเลยล่ะ”
โรสกล่าวเย้ยหยันอย่างไม่ไว้หน้า เธอไม่จำเป็นต้องเกรงกลัวสิ่งใด สาวกยาธานส่วนใหญ่กำลังรวบตัวรอบผืนป่าแห่งนี้
ด้วยจำนวนเหนือกว่า การรุมจัดการอัศวินสีชาดย่อมไม่ใช่เรื่องยากเย็น จากนั้นก็เป็นการเคลื่อนทัพเข้าไปในป่าตามแผนเดิม
“อยากเย้ยหยันจักรวรรดิสักเท่าไรก็เชิญ มิได้ใส่ใจอยู่แล้ว งานของพวกเราคือ จะไม่ยอมให้ใครผ่านเข้าไปในป่าโดยเด็ดขาด”
อัศวินสีชาดคนหนึ่งชี้ปลายดาบเข้าหาโรส อักษรเหนือศีรษะเขียนไว้ว่า ‘ซูซาน’ กึ่งกลางหน้าผากปรากฏรอยแผลเป็นขนาดใหญ่
“เห…? เกิดอะไรขึ้นกับพวกแก ฉันเคยได้ยินว่าความจงรักภักดีของอัศวินสีชาดนั้นกว้างใหญ่ลึกล้ำยิ่งกว่ามหาสมุทร นั่นเป็นแค่ข่าวลือหรอกหรือ”
“เมื่อไรจะหยุดเห่าสักที พวกสวะยาธาน ถ้าอยากตายนักก็ลองก้าวขาเข้ามา”
“รอยแผลเป็นอัปลักษณ์ชะมัด แค่ได้เห็นก็จะอ้วกแล้ว”
“สรุปว่าหล่อนเลือกความตาย”
ฉึบ!
ซูซานตวัดดาบออกไปเป็นเส้นตรง การโจมตีของเธอเกิดขึ้นในพริบตา ชนิดแรงเกอร์หลายคนบนโลกตอบสนองไม่ทัน แต่สิ่งนี้ไม่เป็นปัญหากับโรส เธอทำการเสกบาเรียเพชรห่อหุ้มร่างกายภายในเวลาอันสั้น
โรสคือแรงเกอร์ระดับสุดยอด และเตรียมพร้อมต่อสู้ตลอดเวลา โดยเฉพาะหลังจากได้เห็นชื่อซูซานถูกเขียนด้วยอักษรสีทอง
อย่างไรก็ตาม ประสิทธิภาพการโจมตีของซูซานกลับเหนือความคาดหมาย
‘ทำลายบาเรียเพชรในดาบเดียว?’
ใช่แล้ว ดาบจากซูซานทำลายบาเรียเพชรสุดแกร่งของโรสในพริบตา
หลังจากชักดาบกลับ ซูซานรีบเหวี่ยงดาบระลอกใหม่ใส่ซูซานโดยไม่ปล่อยให้เธอพักหายใจ แต่คราวนี้บาเรียเพชรติดระยะหน่วง โรสจึงประเมินว่าตนไม่สามารถหลบหลีกหรือปัดป้องสำเร็จ ทำได้เพียงเกร็งตัวรอรับความเจ็บปวด
แต่
เคร้ง!
โฟรโด้ผู้ยืนเงียบงันข้างโรสมานาน ยามนี้ชักหอกฟาดปัดป้องดาบของโรสง่ายดาย
“คุณแพ้ทางหล่อน ให้ผมจัดการเอง”
“ตกลง”
“กระจอกอย่างแกจะหยุดฉันได้จริงหรือ”
เคร้ง! เคร้ง! เคร้ง!
ซูซานเหวี่ยงดาบอย่างคล่องแคล่ว ความตั้งใจเดิมของเธอคือ เก็บกวาดสาวกยาธานตรงหน้าให้ราบคาบในดาบเดียว แต่ความจริงไม่ง่ายดายเช่นนั้น เพลงหอกของโฟรโด้อยู่ในระดับสูงส่งจนน่าตกใจ
“ข้ารับใช้?”
“ถูกต้อง เธอเองก็คงเป็นพวกหลักเดียว”
เคร้ง!
เคร้งเคร้ง! บึ้มบึ้ม! เคร้งเคร้งเคร้ง!
การต่อสู้เริ่มลุกลามเป็นวงกว้าง จากการดวลพัฒนาเป็นสงคราม โรสนำกองทัพสาวกยาธานระดับสูงหลายพันคน ช่วยระดมร่ายเวทมืดสนับสนุนโฟรโด้จากด้านหลัง
ส่วนอัศวินสีชาดคนอื่นนำทัพประจัญบานกลุ่มสาวกโดยมีซูซานคอยยื้อเวลาโฟรโด้
เป็นสงครามแบบ 20 ต่อหนึ่งพัน แต่กองอัศวินสีชาดไม่ทำให้เกียรติยศในอดีตต้องมัวหมอง การต่อสู้เป็นไปอย่างสูสีชนิดไม่มีฝ่ายใดกินกันลง
‘บ้าจริง! เก่งกว่าข่าวลืออีกหรือ’
สีหน้าโรสเริ่มดำมืด เพราะอัศวินเหล่านี้ไม่เพียงชำนาญเพลงดาบอย่างเอกอุ แต่ยังมีเวทมนตร์คอยสนับสนุนในระดับน่าทึ่ง
เวทมืดและคำสาปจากฝ่ายยาธานแสดงผลได้ไม่เต็มประสิทธิภาพสักเท่าไร เนื่องจากอัศวินสีชาดทุกคนเรียนรู้เวทบัฟและเวทบาเรียคุ้มกายต่อต้านคำสาป
‘ทำไมอัศวินสีชาดถึงเชี่ยวชาญเวทมนตร์ แล้วทำไมพวกเราถึงไม่เคยรู้มาก่อน!’
โรสเริ่มผงะถอยหลัง
ในฐานะบุคคลผู้ไต่เต้ามาถึงตำแหน่งสูงด้วยฝีมือและสัญชาตญาณ ลางสังหรณ์ของเธอมักแม่นยำเสมอ
‘ช่องว่างของพลังมีมากเกินไป! บางที กว่ากองทัพหลักของศัตรูจะมาถึง ฝ่ายเราก็ล้มตายไปเกินกว่าครึ่งแล้ว’
ฝั่งยาธานยังไม่ทราบด้วยซ้ำว่า ‘เจ้านาย’ ในความหมายของซีบาลและอัศวินสีชาดเป็นใครกันแน่ ถ้าหมายถึงบุคคลระดับดยุคล่ะก็ โอกาสชนะสงครามของฝ่ายยาธานยิ่งริบหรี่
และมีอีกหนึ่งสิ่งไม่ควรถูกมองข้าม
‘ถ้าแขกพิเศษหมายถึงแมรีโรส… เจ้านายของอัศวินสีชาดต้องยิ่งใหญ่ขนาดไหน? และถ้าพวกมันเจรจากันสำเร็จ วิหารยาธานจะถูกถล่มราบคาบด้วยความร่วมมือจากแมรีโรสและอัศวินสีชาด!’
โรสร่ายเวทมืดสนับสนุนพวกพ้องขณะความคิดด้านลบจำนวนมากกำลังถาโถมสมอง
เราต้องรีบหนี
แล้วภารกิจ?
ช่างแม่งสิ!
สำหรับโรสผู้ถือครองไอเท็มดรอปสุดหายากจากภารกิจอัญเชิญจอมอสูร ความสำคัญอันดับหนึ่งคือการเอาชีวิตให้รอด
‘เราไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย… ฝืนสู้ต่อไปก็มีแต่จะเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์’
โรสเริ่มฉวยโอกาสหลบหนี
ถ้ารีบลงมือตอนนี้ เธอมั่นใจว่าตัวเองจะรอดพ้นจากหายนะหวุดหวิด เพราะโฟรโด้และสาวกยาธานคนอื่นกำลังเพ่งสมาธิอยู่กับกองทัพศัตรู
แต่เธอคิดผิดมหันต์
เปรี้ยง—!
“คึ่ก…!”
‘เราโดนอะไรเข้าไป มีอุกกาบาตตกลงมาจากท้องฟ้าหรือไง’
โรสถูกอัดหน้าทิ่มดิน สมองของเธอกำลังสับสนกระวนกระวายจนเผยสีหน้าประหลาดใจโดยมิอาจเก็บซ่อน
ภาพการมองเห็นมีแต่ดิน ขณะเดียวกัน หน้าจอได้กะพริบแสงสีแดงเตือนตลอดเวลา
‘เกิดอะไรขึ้นกันแน่’
ครืนนน—
เงาดำของวัตถุขนาดมหึมาขยับเข้ามาใกล้โรสทุกขณะ มองผิวเผินคล้ายภูเขาทั้งลูกกำลังเคลื่อนไหว
“…?”
เธอไม่ทราบอะไรเลย ไม่รู้ว่าตัวเองตกอยู่ในสภาพปางตายเพราะสาเหตุใด
โรสยังคงสับสนหนัก ทำได้เพียงฝืนขยับคออย่างสั่นเทาเพื่อเงยหน้ามองไปรอบตัว
แล้วเธอก็ได้เห็นเต็มสองตา
ยักษ์ใหญ่ตัวสีขาว กำลังดึงหอกยาวกลับไปถือข้างลำตัวอย่างไม่รีบร้อน
“เธอรู้ไหมว่าฉันรังเกียจคนแบบไหน”
ซิบาลกล่าวด้วยเสียงเย็นชา
ปัจจุบัน มันกำลังนั่งภายในห้องนักบินของจักรกลเวทมนตร์ไรเดอร์ส ปลายนิ้วชี้มาทางโรสพร้อมกับตะโกน
“คนเห็นแก่ตัวแบบเธอยังไงล่ะ!”
“แค่ก…!”
“เธอรู้ไหมว่ามีกี่คนต้องเดือดร้อนเพราะแผนอัญเชิญจอมอสูรขององค์ชายเบนัวต์! และทุกครั้งต้องมีเธออยู่เบื้องหลังเสมอ!”
“แค่ก! นายเป็นพ่อพระของทุกคนหรือไง ฉันก็แค่ทำภารกิจ! แค่ก! แค่เล่นไปตามเกม อึก…! จอมอสูรมีกำหนดต้องปรากฏตัวบนโลกอย่างเลี่ยงไม่ได้อยู่แล้ว! คั่ก! ถึงไม่ใช่ฉัน แต่ใครสักคนก็ต้อง… แค่ก! แค่ก! ทำเรื่องแบบเดียวกันอยู่ดี!”
“นั่นก็อาจจะใช่ แต่ฉันมั่นใจว่าไม่มีใครหน้าด้านไปกว่าเธออีกแล้ว”
“…?”
“สมัยก่อน ขณะกิลด์โอเวอร์เกียร์ออกประกาศล่าตัวเธอ ฉันสะอิดสะเอียนทุกครั้งเมื่อได้เห็นเธอแสร้งบีบน้ำตาต่อหน้ากล้อง”
“อะไรนะ…”
“คนแบบเธอสมควรตายเยี่ยงหนูในท่อน้ำ! คนแบบเธอไม่มีสิทธิ์แสดงความเจ็บปวด เพราะเธอได้ตักตวงความสุขของตัวเองโดยแลกมากับชีวิตของผู้คนนับสิบล้าน! มีหลายคนต้องสูญเสียสิ่งสำคัญ!”
“นายเป็นบ้าไปแล้วหรือไง! ฉันก็แค่ทำภารกิจ! แค่เล่นเกม! ทำไมต้องรู้สึกผิดด้วย! ฉันเองก็เป็นมนุษย์คนหนึ่ง มีสิทธิ์แสดงความไม่พอใจในเวลาตัวเองเดือดร้อน”
โรสแอบดื่มโพชันพลางร่ายเวทมืด ขณะเดียวกันก็กำลังนับเลขถอยหลัง เธอรอให้ถึงเวลาจักรกลเวทมนตร์ของซีบาลหยุดทำงาน
ซีบาลแผดเสียง
“มีผู้บริสุทธิ์มากมายต้องตายเพราะภารกิจของเธอ! ไม่คิดถึงหัวอกครอบครัวคนเหล่านั้นสักนิดเลยหรือ”
“หือ…? ก็พอจะรู้นะว่าคงเจ็บปวด แต่ใครจะสนกันล่ะ! จะให้มัวใส่ใจกับความตายของ NPC ในเกมเนี่ยนะ น่าขนลุกฉิบ! นายไม่คลั่งเกมไปหน่อยหรือ เป็นโอตาคุใช่ไหม”
โรสโต้เถียงอย่างไม่ยอมแพ้ เธอพยายามโน้มน้าวให้ซีบาลเชื่อว่าตนเป็นฝ่ายถูกกระทำ
ขณะเดียวกันก็แอบแสยะยิ้มมุมปาก
เธอยอมรับว่าซีบาลเหนือกว่าเพียงเพราะการมีอยู่ของ ‘จักรกลเวทมนตร์’ ในทางกลับกันจึงหมายความว่า โรสไม่เกรงกลัวซีบาลผู้ปราศจากไรเดอร์ส
ขณะเวลาของซีบาลเหลืออยู่ไม่มาก
“แบล็คโฮล!”
มนตร์ดำท่าไม้ตายของโรสถูกปลดปล่อย
กล่าวกันว่าสิ่งนี้คือสุดยอดเวทมืดทรงพลัง ไม่เพียงสร้างความเสียหายรุนแรงต่อทุกสรรพสิ่งในรัศมี แต่ยังจะสร้างดีบัฟแต่ต่างกัน 5 ชนิดใส่ทุกเป้าหมาย
ซู่ววววว—!
โรสเล็งโจมตีใส่ซีบาลอย่างแม่นยำ ห้วงมิติจุดดังกล่าวเริ่มบิดเบี้ยวประหนึ่งแผ่นกระดาษถูกขยำยับ กึ่งกลางไม่ใช่ใครอื่นนอกจากซีบาลและจักรกลเวทมนตร์
โรสจินตนาการว่าอีกฝ่ายต้องส่งเสียงร้องครวญครางอย่างเจ็บปวดทรมาน
แต่
ฉึบ—!
“…!?”
ยักษ์สีขาว
จักรกลเวทมนตร์ไรเดอร์สควงหอกสะบั้นเวทแบล็คโฮลจนขาดครึ่ง ซีบาลส่งยิ้มเหยียดหยันให้โรส หล่อนกำลังหน้าซีดประหนึ่งเห็นผี
“ไม่ประเมินฉันต่ำไปหน่อยหรือ”
ในวันอีธานสิ้นลม ซีบาลและหน่วยอัศวินสีชาดต่างหนีออกจากวังหลวงพร้อมกับแกรนมาสเตอร์ ขณะเดียวกัน ทุกคนก็ถูกแกรนมาสเตอร์ชักชวนให้ทำงานในฐานะผู้ติดตาม
แน่นอน ซีบาลไม่มีทางพลาดโอกาสครั้งใหญ่ของชีวิต แกรนมาสเตอร์คือหนึ่งในสุดยอดตัวตนอย่างไร้ข้อกังขา
และผลลัพธ์คือพลังในปัจจุบัน
ซีบาลพัฒนาขึ้นอย่างมากจากความช่วยเหลือของแกรนมาสเตอร์
“ด…เดี๋ยวก่อน! จ…จริงๆ แล้วฉันก็เสียใจกับครอบครัวผู้เสียหาย ถึงขั้นหลั่งน้ำตาให้กับเหยื่อทุกคน! ฉันสำนึกผิดทุกลมหายใจ! แค่ไม่กล้ายอมรับตรงๆ เพราะมันน่าละอายเกินไป”
โรสรีบร้องขอชีวิต เธอพรั่งพรูน้ำตาออกมาไม่หยุดหย่อนประหนึ่งไก่ท้องเสีย ใบหน้ากำลังโศกเศร้าเหนือพรรณนา ราวกับรู้สึกสำนึกผิดจากก้นบึ้งของหัวใจ
แต่เปล่าประโยชน์
หอกไรเดอร์สเสียบทะลวงร่างโรสพร้อมกับเปลี่ยนให้เธอกลายเป็นเศษฝุ่นละอองสีเทา
ทันใดนั้น
บึ้มมมมมมมมม—!!
เกิดระเบิดกัมปนาทโดยมีศูนย์กลางมาจากภายในผืนป่า กลิ่นอายของแรงระเบิดอัดแน่นด้วยเพลิงอัคคีและพลังอสูรเข้มข้น เผาทำลายเกินกว่าครึ่งของอาณาเขตป่าจนพินาศย่อยยับ
สีหน้าซีบาลพลันดำมืด
‘การเจรจาล้มเหลว?’
แกรนมาสเตอร์ซิกเฟรคเตอร์ ผู้เรียกตัวเองว่าเป็นร่างจุติของเจ็ดมาร ได้เปิดเผยความจริงอันน่าตกตะลึงกับซีบาลหลายเรื่อง
เป้าหมายของมันคือการพบ ‘เทพตกสวรรค์’ เพื่อร่วมมือกันป่าวประกาศให้คนทั่วโลกรับรู้ว่าเทพในยุคปัจจุบัน ‘เสื่อมทราม’ และไม่คู่ควรแก่การเคารพบูชา
แน่นอน เป้าหมายของซิกเฟรคเตอร์กลายเป็นก้างขวางคอสำคัญของเทพเสื่อมทรามและบรรดาจอมอสูรจำนวนมาก แต่มันก็ยังยืนกรานจะเผชิญหน้าศัตรูแข็งแกร่งด้วยพลังทั้งหมดของตน
จนกระทั่งแวมไพร์เคาต์เทสแมรีโรสลืมตาตื่นขึ้นจากภวังค์หลับใหล
ซิกเฟรคเตอร์คาดหวังกับแมรีโรสไว้มาก
ในเมื่อพวกมันมีเป้าหมายร่วมกันคือ ‘จัดการจอมอสูรให้หมดไปจากขุมนรก’ แกรนมาสเตอร์จึงเชื่อว่าตนสามารถชักชวนให้แมรีโรสกลายเป็นพวกเดียวกันสำเร็จ
อย่างไรก็ตาม ต้องไม่ลืมว่าแวมไพร์มีรากฐานเป็นเผ่าพันธุ์อสูร เธอจะยอมร่วมมือกับร่างจุติของเจ็ดมารจริงหรือ ซิกเฟรคเตอร์เองก็กังวลกับเรื่องนี้
ทันใดนั้น เสียงซูซานดังแว่ว
“ซีบาล! ทางนี้ปล่อยให้เป็นงานพวกเรา! นายรีบไปหาท่านแกรนมาสเตอร์เร็วเข้า!”
“อะไรนะ…”
ทำไมเธอถึงไม่เลือกคนอื่น เหตุใดถึงเลือกบุคคลอ่อนแออันดับหนึ่งในหน่วยอัศวินสีชาด!
ซีบาลตัดพ้ออย่างหงุดหงิด
แต่เมื่อภารกิจลับปรากฏตรงหน้า มันกลับรีบสับเท้าอย่างเต็มกำลังเข้าป่าโดยไม่คิดชีวิต ไม่สนว่าจะลิ้นห้อยน่าเกลียดแค่ไหนก็ตาม
***
เพลิงเกรี้ยวกราดกำลังกลืนกินธรรมชาติ
ใจกลางผืนป่ามีสามบุคคลกำลังยืนเผชิญหน้าในสภาพเสื้อผ้าขาดรุ่งริ่ง สิ่งนี้เป็นผลจากแรงระเบิดกัมปนาทเมื่อครู่
แวมไพร์เคาต์เทส แมรีโรส
แวมไพร์มาร์ควิส เฟนเรียร์
แกรนมาสเตอร์ ซิกเฟรคเตอร์
แมรีโรสจ้องมองซิกเฟรคเตอร์ด้วยดวงตาสีเขียวมรกต
“เจ้าแข็งแกร่งมาก ทำเอาข้านึกถึงเครย์เชอร์ในวันวาน”
“ข้าไม่เหมือนกัน กายาอาจเป็นแค่มนุษย์ แต่วิญญาณของข้าไม่ใช่”
“อวดเบ่งเหลือเกิน ไม่มีใครเคยบอกหรือไงว่าไม่ควรพูดจาโอหังเกินตัว!”
“ข้าคือร่างจุติของเจ็ดมาร”
“…?”
“ข้าคือดวงวิญญาณของมารลำดับ 6 ซิก ผู้สิ้นสุดวัฏจักรเวียนว่ายตายเกิด”
“…”
“ความฝันของข้าคือการแก้แค้นเทพเสื่อมทรามทุกตน รวมถึงจอมอสูรอีกบางตน พวกมันให้ความร่วมมือกับเทพเสื่อมทราม”
“…”
“ข้าปรารถนาจะลงโทษเหล่าทวยเทพเสื่อมทรามมาตลอด พวกมันบังอาจยัดเยียดบาปให้พวกเราเจ็ดนักบุญ ข้าต้องการป่าวประกาศความจริงให้ทุกคนบนโลกได้ทราบ”
“นี่แก! หยุดพล่ามเรื่องไร้สาระได้แล้ว”
เฟนเรียร์พูดแทรก
มันมั่นใจว่าอีกฝ่ายโกหก เพราะถ้อยคำของซิกเฟรคเตอร์หลุดโลกจนยากจะเชื่อลง
แน่นอน ใครได้ยินล้วนต้องคิดเช่นนี้
ซิกเฟรคเตอร์มิได้แยแสเฟนเรียร์ มันหันไปกล่าวกับแมรีโรสด้วยสายตาขึงขัง
“การจะสานฝันของเราให้สำเร็จ จำเป็นต้องทราบตำแหน่งของเทพตกสวรรค์ และเราได้พบตำแหน่งใกล้เคียงความจริงแล้ว”
“เจ้าต้องการให้ข้าช่วยสำรวจ?”
“ถูกต้อง มิติดังกล่าวถูกก่อกวนอย่างรุนแรงจนตัวเราไม่สามารถสำรวจได้ตามลำพัง จำเป็นต้องพึ่งพาบุรุษผู้ได้รับความรักจากเทพเป็นล้นพ้น หรือไม่ก็บุคคลผู้มีพลังทัดเทียมกับจอมอสูรแถวหน้า”
“ฉันคืออย่างหลังสินะ”
แมรีโรสแสยะยิ้มอย่างสนอกสนใจ ก่อนจะซักถามโดยยอมเชื่อว่าคำพูดของซิกเฟรคเตอร์เป็นเรื่องจริง
“แล้วไม่มีคนเข้าข่ายแบบแรกบ้างหรือ”
“มีสิ”
“ใครกัน”
“เขาคือ…”
ซิกเฟรคเตอร์พลันชะงักขณะอ้าปากตอบ
เฉกเช่นแมรีโรสและเฟนเรียร์ ทั้งสามคนรีบหันไปมองในทิศทางเดียวกัน
ประตูมิติสีดำกำลังเปิดออกกึ่งกลางท้องฟ้า
กลิ่นนรกโชยหึ่งจนชวนให้อาเจียน
พวกมันทุกคนทราบทันทีว่า สิ่งนี้คือประตูนรกสำหรับเชื่อมต่อขุมนรกกับโลกกึ่งกลาง
เฟนเรียร์ตื่นตัวเป็นคนแรก
แน่นอน หากใครสักคนสามารถเปิดประตูนรกได้ดั่งใจนึก บุคคลดังกล่าวย่อมไม่ธรรมดา
‘ฝีมือใครกัน แม้แต่จอมอสูรหลักเดียวก็ยังเปิดประตูนรกได้ไม่ง่าย’
ทันใดนั้น ชื่อหนึ่งผุดขึ้นในหัวคนทั้งสามอย่างพร้อมเพรียง
“บาเอล…!!”
ผู้ปกครองสูงสุดและไร้เทียมทานแห่งนรก
สีหน้าแมรีโรสและซิกเฟรคเตอร์พลันดำมืด ส่วนใบหน้าเฟนเรียร์กำลังบิดเบี้ยวประหนึ่งถูกบังคับให้กินขี้
ขณะทั้งสามกำลังรวบรวมมานาปริมาณมหาศาลไว้รอบตัว บุคคลผู้หนึ่งปรากฏตัวท่ามกลางประตูนรกสีดำชวนขนลุก
“พวกแกเป็นใคร”
มนุษย์ผมเขียวเดินออกจากประตูมิติพลางซักถามอย่างหงุดหงิด เป็นใครไปไม่ได้นอกจากแอ็กนัส
มันมองสลับไปมาระหว่างแมรีโรส เฟนเรียร์ และซิกเฟรคเตอร์ ก่อนจะแผดเสียงตะโกนด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว
“นังดำนั่นอยู่ไหน! ตอบมา! ฉันยังไม่อยากเชือดพวกแกทุกคนทิ้ง”
“…ผู้ทำพันธสัญญากับบาเอล?”
ดวงตาแมรีโรสเริ่มลุกวาว
หนึ่งในเหตุผลของการตื่นจากภวังค์หลับใหลคราวนี้ คือการอาละวาดส่งเดชของผู้ทำพันธสัญญาบาเอล
“เฟนเรียร์ กระชากหัวใจมันออกมา จากนั้นก็ลบตราประทับของบาเอลทิ้งซะ”
***
ในเวลาเดียวกัน
ราชาโอเวอร์เกียร์ยังคงอยู่ในไรน์ฮาร์ท
“ท่านแม่ของข้าต้องการพบฝ่าบาท”
จอมปราชญ์สติกส์เข้าเฝ้ากริดและเกริ่นนำ
ชายหนุ่มแสดงสีหน้าประหลาดใจทันที เพราะมันทราบว่าดีสติกส์อายุมากแค่ไหน
“แม่นายยังไม่ตายอีกหรือ”
“…”
“ฝ่าบาท… สติกส์หมายถึงต้นไม้โลก”
ลอเอลรีบอธิบายแทนสติกส์ผู้กำลังยืนอึ้ง
สติกส์เจอไปหนึ่งฮา
ReplyDeleteพามม!! 555
Deleteขอบคุณครับ
ReplyDeleteสุดท้ายแต่ละฝ่ายไปเจอกันที่ป่าสินะพระเอก(กริด)ต้องมาคนสุดท้ายชัวร์
ReplyDeleteขยะเเขยงโรสอะ ปากดีเหลือเกิน อยากให้กริดจัดหนักจนมันเลิกเล่นไปเลย
ReplyDeleteโรสสวะ
ReplyDeleteไอลูกหมาขยะ
เกลียดขี้หน้าอีผู้หญิงหน้าด้านปากดีชิบหาย ตอแหละไปเรื่อยขยะแขยง
ReplyDelete