จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,108
ณ วังไรนฮาร์ท
เมืองหลวงแห่งราชอาณาจักรโอเวอร์เกียร์
ดวงตาลอเอลพลันลุกวาวเมื่อได้ฟังเรื่องราวตั้งแต่ต้นจนจบจากปากกริด
“นั่นบาเอลไม่ใช่หรือ… ต้องใช่แน่!”
“จะเป็นไปได้ยังไง”
กริดรีบปฏิเสธสมมติฐานของลอเอล
“ตัวตนบาเอลไม่ต่างอะไรกับลาสบอสของเกมซาทิสฟาย ยังเร็วไปจะให้ผู้เล่นเผชิญหน้าตอนนี้ แถมยังกระจอกฉิบ มีดีแค่ความเร็ว”
กริดเองก็มีเหตุผลรองรับ แถมฟังขึ้น
อาจเป็นเพราะเฟย์ริสและบีเลียลสำแดงพลังในระดับน่าหวาดหวั่น ผู้เล่นทุกคนรวมถึงกริดจึงสัมผัสได้ถึงความสิ้นหวังขณะเผชิญหน้า ดังนั้นหากเป็นบาเอล จอมอสูรลำดับหนึ่งแห่งขุมนรก ตนคงทำได้เพียงยืนแข้งขาสั่นเทาโดยมิอาจรักษาความเยือกเย็นไว้ได้ กริดใช้หลักเกณฑ์ข้อนี้สนับสนุนสมมติฐานของตัวเอง เพราะขณะต่อสู้ ตนไม่ได้เกิดความกลัวมากมายนัก
“และคงไม่สมเหตุสมผลสักเท่าไรถ้าบอสใหญ่ของเกมมาปรากฏตัวในร่างผู้เล่น”
หากมีผู้เล่นคนใดสามารถหยิบยืมพลังของบอสใหญ่มาประทับร่าง สิ่งนั้นคงทำให้ซาทิสฟายเสียสมดุลอย่างมาก และ SA กรุปไม่มีทางปล่อยให้เกิดขึ้นแน่
“ฝ่าบาทยังยืมพลังบราฮัมได้เลย”
“บราฮัมไม่ใช่บอสใหญ่”
“ในสายตาคนปรกติ ไม่ว่าจะบราฮัมหรือบาเอลต่างก็โกงเหมือนกัน”
“แต่ไม่เหมือนแน่นอน และว่ากันตามหลักการ บราฮัมเป็นแค่ทายาทจอมอสูร ฉะนั้นตัวอะไรสักอย่างในร่างแอ็กนัสต้องไม่ใช่บาเอล”
กริดยืนกราน
“มันอ่อนแอว่าแกรนมาสเตอร์เสียอีก”
ชายหนุ่มไม่ได้พูดพล่อย สิ่งนี้คือความรู้สึกอย่างซื่อตรง จอมอสูรในร่างแอ็กนัสอ่อนแอกว่าเฟย์ริสด้วยซ้ำ
ไม่สิ อ่อนแอกว่าแม้กระทั่งบีเลียล
หากแกรนมาสเตอร์ไม่หลับ แอ็กนัสคงทำได้เพียงตั้งรับอยู่ฝ่ายเดียวโดยมิอาจตอบโต้
กริดจึงมั่นใจว่าไม่มีทางเป็นบาเอล จอมอสูรลำดับหนึ่ง ต่อให้เสื่อมพลังลงมากจากผลข้างเคียงการผสานร่างมนุษย์ก็ตาม
แน่นอน โอกาสเป็นจอมอสูรหลักเดียวมีค่อนข้างมาก ประกอบด้วยหลายปัจจัยเช่น อีกฝ่ายสามารถสยบพลังอสูรได้พริบตา เติมเต็มปราณต่อสู้รวดเร็วจนเกิดสถิติใหม่ สามารถใช้พลังคล้าย ‘ชุนโป’ บ่อยครั้ง
แต่ถึงจะนำทั้งหมดมาประกอบกัน บาเอลก็ยังเป็นตัวตนเกินเอื้อมและไม่เข้าข่ายอยู่ดี
“แต่มันเรียกตัวเองว่าเป็นผู้ปกครองสูงสุดแห่งขุมนรกไม่ใช่หรือ”
“นายคิดว่าในนรกมีกี่ขุมกัน คำตอบคือ33 ขุม! จอมอสูรจะแบ่งกันปกครองในแต่ละชั้น ดังนั้นใครก็เป็นผู้ปกครองได้”
“แต่แอ็กนัสเป็นผู้ทำพันธสัญญาบาเอล”
“แค่เป็นผู้ทำพันธสัญญาไม่ได้หมายความว่าต้องผสานวิญญาณกันได้ แม้แต่ฉันยังใช้พลังของเฟย์ริสและบีเลียลโดยไม่ต้องทำพันธสัญญากับพวกมัน แอ็กนัสก็คงมีอักขระของตัวเอง และน่าจะใช้พลังจอมอสูรได้สักตน”
“แต่มันรู้จักแพ็กม่าเป็นอย่างดี หากประเมินจากจอมอสูรทั้งหมด ไม่น่าจะมีตนใดรู้จักแพ็กม่าดีไปกว่าบาเอลแล้ว เพราะพวกมันเคยทำพันธสัญญากัน”
แพ็กม่า…
นี่คือประเด็น จอมอสูรในร่างแอ็กนัสรู้จักแพ็กม่าดีไม่แพ้กริด และเป็นเหตุผลให้ลอเอลเชื่อว่ามันคือบาเอล
อย่างไรก็ตาม กริดก็มีเหตุผลคัดค้าน
“แพ็กม่าคือมนุษย์เพียงคนเดียวในสงครามต่อต้านจอมอสูรบนหมู่เกาะเบเฮ็น เขาขับไล่พวกมันกลับขุมนรกสำเร็จตามลำพัง จะต้องมีจอมอสูรเคยสู้กับแพ็กม่าไม่ต่ำกว่าหนึ่งหรือสองตนอยู่แล้ว ไม่ใช่แค่บาเอล บางทีเกือบทั้งหมดของจอมอสูรในสงครามครั้งนั้นอาจรู้จักแพ็กม่าเป็นอย่างดี”
“งั้นหรือ… เข้าใจแล้ว”
ลอเอลยกธงขาว
กริดคือราชาวีรบุรุษผู้ชำระล้างหมู่เกาะเบเฮ็นและเคยไปเยือนแอสการ์ดเพื่อแข่งตีเหล็กกับเทพมาแล้ว ความรู้ด้านเทพและจอมอสูร ย่อมเหนือกว่าลอเอลแน่นอน
หากอีกฝ่ายไม่ใช่กริด ลอเอลคงยืนกรานคัดค้านหัวชนฝา
“แล้วฝ่าบาทคิดว่าเป็นจอมอสูรตนใด”
“อาโมแรคมั้ง”
“หมายถึงข้ารับใช้ยาธานลำดับหนึ่งตามคำบอกเล่าของบราฮัมน่ะหรือ”
“ใช่… มีโอกาสเป็นมันมากกว่าใคร”
“แต่เจ้านั่นต้องคอยบงการวิหารยาธานจากในเงามืดตลอดเวลาไม่ใช่หรือ”
“…?”
“ดังนั้นไม่น่าจะมีเวลาสำหรับ ‘หาความสุขใส่ตัวด้วยการเฝ้ามองเทพและมนุษย์กระทำเรื่องน่าขบขัน’ หรอกกระมัง”
“งั้นก็คงเป็นจอมอสูรตนอื่น… แต่เป็นใครแล้วมันสำคัญยังไง?”
อีกฝ่ายก็เศษเสี้ยวแค่วิญญาณจอมอสูร ถูกอัญเชิญโดยใช้ไอเท็มหรือทักษะพิเศษบางชนิดเป็นสื่อกลาง
การใช้พลังผ่านอักขระไม่มีทางทรงพลังเท่าจอมอสูรตัวจริงสมัยยังมีชีวิต ส่วนการผสานวิญญาณแบบเดียวกับบราฮัมก็ไม่ต่างกันมากนัก ขีดกำจัดแต้มสถานะตัวละครผู้เล่นส่งผลให้ใช้พลังได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ กรณีของจอมอสูรในร่างแอ็กนัสก็คงหนีไปจากเหตุผลสองข้อนี้ไม่มาก
(*แปลถึงการผสานวิญญาณกับบราฮัมแล้วเอะใจ สรุปว่าตอน 1107 ผมแปลชื่อทักษะของแอ็กนัสผิด จริงๆ ก็ไม่เชิงผิด เพราะคำว่า 동화 [ดงฮวา] มีความหมายหลักแปลว่า ‘นิทานกล่อมเด็ก’ และมีความหมายสแลงแปลว่า ‘ผสาน’ ดังนั้นผมขอแก้ไขให้เป็นชื่อทักษะ ‘ผสานวิญญาณ’ เหมือนของกริดกับบราฮัมคงเหมาะสมกว่า)
แค่คิดว่าเป็นพลังของแอ็กนัสก็พอแล้วไม่ใช่หรือ จะเป็นวิญญาณจอมอสูรตนใดก็ไม่เห็นสำคัญสักหน่อย ไม่มีความจำเป็นต้องเสียเวลาขบคิดให้ปวดหัว
ลำพังนึกถึงแอ็กนัสก็ทำให้กริดเกิดความหงุดหงิดและหัวเสีย
“ตอนนี้มีปัญหาอื่นให้ควรกังวลมากกว่า”
กริดแชร์รายละเอียดภารกิจให้ลอเอล
เป็นภารกิจของต้นไม้โลก
<สืบสวน>
ระดับความยาก : SS
ต้นไม้โลกต้องการให้เบเนียลูตาย
จงช่วยต้นไม้โลกตามหาตัวเบเนียลู
เงื่อนไขสำเร็จภารกิจ : ความตายของเบเนียลู
รางวัลภารกิจ :
- เพิ่มค่าความสัมพันธ์กับต้นไม้โลกเล็กน้อย
- ได้รับภารกิจต่อเนื่อง <ค้นหา>
บทลงโทษภารกิจล้มเหลว : ไม่มีบทลงโทษ
* ท่านบรรลุภารกิจนี้แล้ว
“…??”
ลอเอลขมวดคิ้วสับสน
ต้นไม้โลกเปรียบดังมารดาของทุกชีวิต ดำรงตนมาตั้งแต่ยุคต้นกำเนิด ประโยคระบุว่าหล่อนต้องการความตายของเอลฟ์ ช่างขัดหูขัดตาลอเอลเหลือเกิน
กริดอธิบาย
“ต้นไม้โลกเชื่อว่ามีพลังภายนอกบางชนิดทำให้เบเนียลูถูกความมืดกัดกิน”
แม้เอลฟ์จะเป็นเผ่าพันธุ์จิตใจบริสุทธิ์ แต่พวกมันนับว่าหัวรั้นมาก หากไม่เต็มใจกระทำสิ่งใดก็จะขัดขืนอย่างสุดความสามารถ
ในอดีต กริดเคยช่วยเผ่าเอลฟ์ให้รอดพ้นจากเงื้อมมือของราคาพ่อค้าเคียร์ ทำให้เอลฟ์ส่วนใหญ่ไม่ถูกจับไปขายเป็นทาส เบเนียลูจึงหวังขจัดความมืดมิดออกจากร่างกายให้ได้
“ลองอ่านรายละเอียดภารกิจถัดไป”
ภารกิจ <สืบสวน> บรรลุทันทีเมื่อเบเนียลูเสียชีวิตลง กริดจึงแชร์รายละเอียดภารกิจต่อเนื่องให้ลอเอลอ่าน
<ค้นหา>
ระดับความยาก : S
ต้นไม้โลกมองออกอย่างทะลุปรุโปร่งว่า ดาร์คเอลฟ์เบเนียลูภายในผืนป่าเก๊าส์เป็นเพียงร่างเสมือน
ต้นไม้โลกตั้งข้อสังเกตว่าเรื่องนี้อาจเป็นฝีมือของเผ่าพันธุ์โบราณ ‘รัฟเฟลเชีย’
นับตั้งแต่อดีตกาล รัฟเฟลเชียมักล่อลวงสิ่งมีชีวิตภายในป่าให้กลายเป็นเผ่าพันธุ์อสูร จากนั้นพวกมันจะกินความมืดในจิตใจของเหยื่อเป็นอาหาร
จงตามหาตำแหน่งของเผ่ารัฟเฟลเชียให้พบ ร่างจริงของเบเนียลูอาจอยู่กับพวกมัน
เงื่อนไขสำเร็จภารกิจ : ตามหาเผ่ารัฟเฟลเชียให้พบ
รางวัลสำเร็จภารกิจ :
- ค่าความสัมพันธ์กับต้นไม้โลกเล็กน้อย
- ค่าความสัมพันธ์กับเบเนียลูเพิ่มถึงค่าสูงสุด
บทลงโทษภารกิจล้มเหลว :
- ไม่มีบทลงโทษตัวละคร
- เบเนียลูตาย
“อ้อ… ต้นไม้โลกมองออกแต่แรกแล้วว่าเบเนียลูในป่าเก๊าส์เป็นร่างเสมือน สมกับเป็นสิ่งมีชีวิตบรรพกาลตั้งแต่ยุคต้นกำเนิด”
“ดูเหมือนสิ่งมีชีวิตโบราณมักรวมตัวรอบป่าต้นไม้โลก และคงเป็นเหตุผลให้พวกเราได้เผชิญหน้าพวกครั้งบ่อยครั้ง… ว่าแต่ นายมีใครจากกิลด์โอเวอร์เกียร์ 2 แนะนำบ้างไหม ฉันไม่มีทักษะค้นหา ต้องการความช่วยเหลือจากมืออาชีพจำพวกนักลอบสังหาร”
ไม่ใช่ภารกิจเข่นฆ่าทำสงคราม แค่หาตำแหน่งให้พบก็พอแล้ว แถมยังมีระดับความยากแค่ S เท่านั้น ไม่ถึงขั้นคอขาดบาดตายแน่นอน จึงไม่มีเหตุผลให้กริดปฏิเสธภารกิจของต้นไม้โลก การช่วยเบเนียลูจะเป็นไปอย่างราบรื่น
แล้วทำไมถึงต้องช่วยเบเนียลู
กริดไม่ได้ต้องการเพิ่มค่าความสัมพันธ์เพราะเธอคือหนึ่งใน 12 ผู้พิทักษ์สุดแกร่ง นั่นไม่ใช่เหตุผล แต่เป็นเพราะทั้งสองเคยร่วมต่อสู้ร่วมเป็นร่วมตายมาด้วยกัน คอยแบ่งปันความโศกเศร้าและเดือดดาล
กริดต้องการให้หัวใจของเบเนียลูกลับมาเบ่งบานเหมือนดอกแคนารีอีกครั้ง
ลอเอลทราบความจริงดีกว่าใคร จึงอมยิ้มมุมปากอย่างมีความสุข
“การค้นหารอบป่าต้นไม้โลกไม่ใช่เรื่องง่าย น่าเสียดาย กิลด์โอเวอร์เกียร์ยังไม่มีผู้เชี่ยวชาญด้านค้นหาตัวจริง”
“งั้นหรือ… นายพูดถูก ฉันนึกไม่ออกเลยว่ามีใครชำนาญด้านนี้อย่างจริงจัง”
“แต่มีคนนอกเหมาะสมอย่างมาก”
“คนนอก?”
“ถูกต้อง”
ลอเอลชี้นิ้วไปบนอกกริด
“ชายผู้ตกหลุมรักฝ่าบาทยังไงล่ะ”
“…?”
“สกังค์ นักสำรวจแรงค์หนึ่ง เขาต้องช่วยฝ่าบาทแน่”
***
‘หลังจากได้ไคล์เป็นพวกก็ทำตัวเหมือนกับไม่หวาดกลัวสิ่งใดในโลกอีกเลย’
พักหลัง มันถอนหายใจจนติดเป็นนิสัย
ในฐานะอัศวินรับใช้ดูรันดัล องค์ชายลำดับสองแห่งจักรวรรดิ เลซี่รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังเดินบนแผ่นน้ำแข็งเปราะบาง สาเหตุเพราะดูรัลดัลผู้ไม่ยอมปล่อยวางจากบัลลังก์สักที แอบวางแผนลับอยู่เบื้องหลัง
“เราจะคืนอิสระให้ผืนป่าของเจ้า”
ดูรัลดัลเขียนจดหมายเช่นนี้ส่งไปยังหลายอาณาจักรทั่วทวีป
“ด้วยอำนาจขององค์ชายจักรวรรดิ ผืนป่าในอาณาจักรเจ้าจะถูกทวงคืนจากเอลฟ์ จากนั้นก็จะได้ร่วมงานกับเราอย่างใกล้ชิด”
แผนของมันคือการวางรากฐานจากภายนอกจักรวรรดิเพื่อเตรียมศึกชิงบัลลังก์ เนื้อความในจดหมายแฝงเจตนาไว้ชัดเจนจนหลายราชวงศ์ต่างพากันประหลาดใจ
แต่ทุกอาณาจักรล้วนตอบรับข้อเสนอดูรัลดัลโดยแทบไม่คิด พวกมันปรารถนาให้อาณาจักรของตนกลับมารุ่งโรจน์อีกครั้ง
พวกมันต้องการผืนป่าคืน ขณะเดียวกันก็ไม่พึงพอใจสถานภาพทางการเมืองในปัจจุบัน
ฝั่งอาณาจักรเล็กกำลังเหี่ยวเฉาใกล้ตายลงทีละนิด แต่ฝั่งจักรวรรดิและมิตรของจักรวรรดิอย่างโอเวอร์เกียร์กลับตักตวงน้ำผึ้งอย่างมีความสุขโดยไม่แบ่งใคร จึงไม่แปลกหากอาณาจักรอื่นจะเกิดความไม่พึงพอใจ
พวกมันเกลียดชังจักรวรรดิผู้เอาแต่ปรนนิบัติเลี้ยงดูโอเวอร์เกียร์ยิ่งกว่าไข่ในหิน
พวกมันเกลียดชังจักรวรรดิผู้ให้อิสระกับสหเผ่าพันธุ์ แต่กลับปล่อยให้อาณาจักรเล็กรับมือภัยคุกคามด้วยตัวเอง
มีการตั้งข้อสงสัยว่า ภายใต้อุดมการณ์ ‘ทุกเผ่าเท่าเทียม’ แท้จริงแล้วจักรวรรดิต้องการให้สหเผ่าพันธุ์ช่วยทำลายอาณาจักรอื่นรอบข้าง
จนกระทั่งองค์ชายดูรัลดัลยื่นข้อเสนอ
ในเมื่อพวกตนถูกกดขี่จากจักรวรรดิยุคใหม่ อดีตองค์ชายจึงขอเสนอตัวและพลังอำนาจเข้าช่วยเหลือ
‘อาณาจักรเล็กตัดสินใจได้สมเหตุสมผล แต่ดูรันดัลก็ละโมบเกินไป’
ภายในจักรวรรดิยังเหลือผู้สนับสนุนฝั่งดูรันดัลจำนวนไม่น้อย ไม่สิ เพิ่มจำนวนขึ้นจากตอนแรกด้วยซ้ำ เพราะบรรดาขุนนางกังฉินคดโกงบ้านเมืองถูกบาซาร่าปราบปรามจนเสื่อมพลังอำนาจ จึงหันมารวมตัวรอบองค์ชายดูรันดัลแทน
เหนือสิ่งอื่นใด เมื่อไคล์กลับจากโบราณสถานเทพสงคราม ดูรัลดัลคอยเอาอกเอาใจเป็นพิเศษจนไคล์ยอมเป็นพวก ไม่เกินจริงเลยหากจะกล่าวว่าพลังอำนาจของดูรัลดัลได้ก้าวข้ามเหล่าดยุคไปแล้ว
และถ้าได้รับแรงสนับสนุนจากอาณาจักรเล็กเพิ่มเข้าไปอีก มันจะมีพลังถึงขั้นสามารถงัดข้อกับมหาจักรพรรดินี และจักรวรรดิจะตกอยู่ในวังวนพายุสงครามกลางเมืองครั้งใหญ่
‘ท่านบาซาร่าไม่ทราบเรื่องนี้แน่…’
ผลลัพธ์ในอุดมคติคือ บาซาร่าชิงออกมาตัดไฟตั้งแต่ต้นลมด้วยการสังหารดูรัลดัล
แต่เธอกลับปล่อยให้ดูรัลดัลเคลื่อนไหวได้ตามใจชอบอย่างผิดวิสัย จนถึงกับมีข่าวลือว่า เป็นเพราะมหาจักรพรรดินีทรงเอ็นดูหลานชายในสายเลือดของตัวเอง
ยิ่งไปกว่านั้น การฆ่าบุตรของฮวนเดอร์จะเท่าขัดต่อเจตนารมณ์สุดท้ายของอดีตจักรพรรดิ
‘อย่างไรก็ตาม ดูรัลดัลถือเป็นเสี้ยนหนามใหญ่เกินไปสำหรับมหาจักรพรรดินี บางทีอาจใกล้ถึงคราวผิดคำสัญญาต่ออดีตจักรพรรดิแล้วกระมัง’
เธอคงกำลังชั่งใจว่า ควรปล่อยดูรัลดัล—องค์ชายผู้จะกลายเป็นกบฏแผ่นดินในอนาคต—ไว้ดีหรือไม่ แต่ถ้าเป็นแบบนั้น บัลลังก์ของตัวเองจะถูกคุกคามอย่างหนัก
หรือจะยอมเสี่ยงปล่อยให้ดูรัลดัลก่อกบฏ เธอจะได้ปราบปรามอย่างชอบธรรมโดยไม่ขัดคำสั่งเสียของอดีตจักรพรรดิ
‘บัดซบ! ระบบปฏิญาณตนรับใช้ของอัศวินเคร่งครัดเกินไปแล้ว! ผลเสียร้ายแรงจนไม่คุ้มกับการเปลี่ยนฝั่ง’
สำหรับอัศวิน คำสาบานสำคัญอย่างมาก
อัศวินไม่รักษาสัตย์ คืออัศวินไม่มีค่า
เจ้านายสามารถทิ้งอัศวินได้ทุกเมื่อ แต่อัศวินห้ามทอดทิ้งหรือทรยศเจ้านายโดยเด็ดขาด สิ่งนี้คือสาเหตุให้ผู้เล่นอัศวินทั่วโลกกลืนไม่เข้าคายไม่ออกมานักต่อนัก
ขณะเลซี่กำลังไตร่ตรองสถานการณ์รอบตัวอย่างละเอียด ข้อความระบบได้แสดงเตือนมุมหน้าจอ
[เจ้านาย ‘ดูรัลดัล’ ได้มอบคำสั่งใหม่แก่อัศวินทุกนาย]
[ภารกิจถูกสร้างขึ้น]
<ทวงคืนผืนป่า>
ระดับความยาก : S
ข้าพเจ้าจะไม่ยอมทนเห็นมนุษย์ด้วยกันเองถูกสหเผ่าพันธุ์แย่งชิงผืนป่าไปครอง
ถึงเวลาลุกขึ้นสู้เพื่อสันติภาพ สิทธิ และศักดิ์ศรีของเผ่ามนุษย์แล้ว!
พวกเราจะร่วมมือกับเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายเพื่อทวงคืนผืนป่าทั่วทั้งทวีปตะวันตก!
เงื่อนไขสำเร็จภารกิจ : ทวงคืนผืนป่า 3 แห่ง
รางวัลภารกิจ :
- เครื่องราชอิสริยาภรณ์
- ภารกิจต่อเนื่อง <ทวงคืนผืนป่า II>
บทลงโทษภารกิจล้มเหลว : ดูรัลดัลเสื่อมเสียชื่อเสียง
“คึ่ก…”
‘เราคงทำอะไรไม่ได้นอกจากเฝ้ามองเหตุการณ์ดำเนินไป’
ภายใต้การนำของอัศวินอาวุโส เลซี่เดินทางออกจากจักรวรรดิด้วยอารมณ์หดหู่
▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬
ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 4 ตอน
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,497
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/
ไปเจอกริดในป่า? ? 🤔?
ReplyDeleteใกล้ได้เวลาเลซี่มาอยู่โอเวอร์เกียร์แล้วมั้ง
ReplyDeleteกริดนี่โง่จริงๆ แต่ก็สุดยอดไปในตัว ที่ทำให้บาเอลยืนกระอักกระอ่วนได้ 55
ReplyDeleteทำไมรุสึกไม่ค่อยชอบกริดตอนนี้เลย ดูโง่อะ ผู้ทำพันธสัญญากับบาเอลมันก้ต้องเชิญบาเอลมาปะ จะให้เชิญใครมา ลำดับ2 หรือไง หือ? บางครั้งก้โง่เกินเเต่บางครั้งก้เฉลียวฉลาดเกิน กลางๆบ้างก้ดี
ReplyDeleteคนเขียนพยายามยัดเยียดให้มันดูตลก แต่ดันขัดกับตัวกริดในปัจจุบันที่พัฒนาขึ้นมาก จนไม่น่าเชื่อว่าเรื่องแค่นี้ไม่ได้ หลังๆอ่านแล้วติดๆขัดไปหมด
Deleteกริดแม่งโคตรเถี่ยง ทั้งๆที่ตัวเองก็รู้ว่าบาเอลสนุกกับการมองดูคนอื่นทรมาน พอเถียงไม่ได้แม่งก็เปลี่ยนประเด็นอย่างไว
Deleteแล้วกริดมันมีหอสมุดที่ให้เฉพาะแรงค์1 แต่ดันไม่ใช้เลย คือโคตงง เหมือนกริดเติบโต แต่คนเขียนไม่ได้เติบโตด้วยอ่ะ ผลลัพธ์คือ กริดชอบกลับมาโง่เหมือนเดิม
Delete