จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,109



“ให้ตายสิ หงุดหงิดชะมัด”


เพราะอากาศภายนอกร้อนเกินไปหรือ?


คงไม่ใช่


ขณะตรึกตรองหาสาเหตุ กริดปฏิเสธแนวคิดตัวเอง


แคปซูลรุ่นโปรดกริดอย่างแคปซูลเพชรของโคเม็ตกรุป มีระบบรักษาอุณหภูมิร่างกายมนุษย์ให้อยู่ในระดับเหมาะสม ถึงแม้อากาศประเทศเกาหลีใต้จะร้อนระยำถึง 36 องศาเซลเซียส แต่แคปซูลจะปรับอุณหภูมิขณะเชื่อมต่อซาทิสฟายให้เย็นลงจนค่าความอึดอัดใกล้เคียงศูนย์


อย่างไรก็ตาม กริดกลับรู้สึกไม่สบายตัวและเอาแต่บ่มพึมพำอย่างหัวเสีย เป็นเช่นนี้นับตั้งแต่เดินทางกลับจากอาณาจักรเก๊าส์ ศีรษะของชายหนุ่มวิงเวียนคล้ายกับมีเสียงวิ้งในหัวตลอดเวลา


ทำไมกัน… เกิดอะไรขึ้นกันแน่


แต่เมื่อลองไตร่ตรองอย่างละเอียด กริดเริ่มสัมผัสได้ว่าสาเหตุของอาการหงุดหงิดมาจากเรื่องยูเฟอมิน่า


“บ้าจริง”


รวบรวมสมาธิไม่ได้เลย


ขณะกำลังรอสกังค์ ชายหนุ่มเคยคิดฆ่าเวลาด้วยการสร้างไอเท็มสักชิ้น แต่ตอนนี้เปลี่ยนใจเดินออกจากโรงเหล็กและส่งข้อความส่วนตัวไปหายูเฟอมิน่า


> นี่…


ราวสองชั่วโมงก่อนหน้า เป็นช่วงก่อนกริดจะเข้าไปหาลอเอลและเล่าเรื่องราวทั้งหมดในผืนป่าเก๊าส์ มันรีบไปหายูเฟอมิน่าเป็นอันดับแรกหลังเพื่อถามไถ่อาการ


เธอไม่เป็นอะไรแน่นะ?


กริดถามย้ำหลายหนด้วยสีหน้าเป็นกังวล แต่สาวสวยผมทองเพียงอมยิ้มและตอบกลับมาแค่ ‘ฉันไม่เป็นอะไร’


บางที นั่นคงเป็นสาเหตุกระมัง


> นายยังกังวลอยู่อีกหรือ ฉันสบายดีน่า


ยูเฟอมิน่าเข้าใจว่า กริดกำลังรู้สึกเจ็บปวดกับผลลัพธ์ความตายของเธอ หญิงสาวจึงรีบตอบกลับด้วยน้ำเสียงสดใส


> ไม่มีไอเท็มสำคัญดรอป เรื่องค่าประสบการณ์ก็ไม่ใช่ปัญหา อีกประเดี๋ยวก็เก็บเลเวลชดเชยคืนมาได้ เทียบกับนายแล้ว เลเวลของฉันยังน้อยกว่า—


> ฉันแค่อยากรู้ว่าเธอไม่เป็นอะไรใช่ไหม ตอบแค่นั้นก็พอ


กริดพูดแทรกยูเฟอมิน่าเสียงแข็ง


เนื้อเสียงของมันค่อนข้างสั่นเทา เป็นอาการสั่นจากภาวะโกรธเคือง


> ฉันทนไม่ไหวแล้ว ขอถามให้แน่ใจสักเรื่อง


> …?


> เพื่อจะแข็งแกร่งขึ้น เธอจึงเดินทางออกจากอาณาจักรเหมือนกับสิบวีรชนคนอื่นใช่ไหม?


> …


> นั่นเป็นคำโกหกหรือไง ทำไมฉันถึงพบว่าเธอกำลังไล่ตามแอ็กนัส ไม่ใช่การพัฒนาตัวเองเหมือนปากว่า


> …


> เหตุใดถึงต้องเสี่ยงชีวิตเพื่อมันด้วย? ความตายคือผลลัพธ์ตรงข้ามการเก็บเลเวลโดยสิ้นเชิง ดังนั้นเธอไม่ได้กำลังแสวงหาพลัง!


> กริด…


ยูเฟอมิน่าตกใจมาก


กริดผู้เป็นห่วงและเข้าใจหัวอกของพวกพ้องมาตลอด


กริดผู้เคารพในการตัดสินใจของพวกพ้องมาตลอด


ยามนี้กลับกำลังตั้งแง่และประชดประชันการตัดสินใจของเธอ


> เธอชอบแอ็กนัสงั้นหรือ? เธอตกหลุมรักมันใช่ไหม?


> ไม่ใช่แบบนั้น ฉันก็แค่…


> ข้ออ้างซ้ำซาก!


> …


> มันเป็นสุนัขเลี้ยงหรือไง ถึงจะตายถ้าไม่มีเธอคอยตามดูแลอย่างใกล้ชิด! เธอไม่เอาใจใส่มันมากไปหน่อยหรือ ถึงขั้นต้องทำให้ตัวเองเดือดร้อนเช่นนี้ ฉันเห็นเธอเคยช่วยเหลือมันหลายครั้งหลายหน


> …


> ฉันไม่ได้เกลียดชังอะไรแอ็กนัสนักหรอก มันเคยช่วยชีวิตลอร์ดกับไอรีน แต่มันเคยทำอะไรให้เธอบ้าง? เธอได้รับสิ่งใดตอบแทนจากความปรารถนาดี? ความตายด้วยฝีมือของมัน?


> แอ็กนัสไม่ได้ฆ่าฉัน แต่ในตอนนั้นเขาถูกใครบางคนสิงร่าง—


> หุบปาก! มันทำร้ายเธอมากี่หนแล้ว!? ทำไมถึงยังคอยเอาใจใส่มันอยู่อีก! เป็นครอบครัว? หรือเป็นคนรัก? ถ้าเธอไม่ได้รักมันแล้วจะให้เรียกว่าอะไรได้อีก!


> …


> …!


หลังจากพรั่งพรูออกไปด้วยความเดือดดาล กริดพลันชะงักคำพูดเมื่อเริ่มได้สติ


เพื่อนร่วมงาน พวกพ้อง ครอบครัว


ตนกลายมาเป็นผู้นำเฉกเช่นทุกวันนี้ได้ ทั้งหมดต้องขอบคุณกลุ่มคนข้างต้น


และยูเฟอมิน่าก็เป็นหนึ่งในพวกพ้องสำคัญ


หากไม่มีเธอ กิลด์โอเวอร์เกียร์คงมิอาจเอาชนะสงครามมากมายในอดีตได้ราบรื่น เรียงมาตั้งแต่สมัยยังไม่ได้ก่อตั้งอาณาจักร


กริดเคยสาบานกับตัวเองว่าจะสำนึกในบุญคุณและเคารพการตัดสินใจของยูเฟอมิน่าตลอดไป แต่เมื่อครู่ตนกลับโกรธเคืองจนเลือดขึ้นหน้าและตะคอกใส่อีกฝ่ายอย่างเสียหาย


เรามันบ้า…


ไม่สิ เราไม่ได้บ้า แต่เป็นความรู้สึกต่ำทรามจากส่วนลึกของจิตใจ


ความริษยา


เมื่อหนึ่งในพวกพ้องคนสำคัญกำลังเอาใจใส่คนนอกมากกว่า กริดเริ่มปวดแปลบจากส่วนลึกจิตใจ บดบังคำสาบานรวมถึงการสำนึกในบุญคุณจนหน้ามืดตาตัว


‘บ้าจริง…’


ขณะชายหนุ่มกำลังยกสองมือปิดใบหน้าอย่างรังเกียจตัวเอง เสียงยูเฟอมิน่าดังแว่ว


> ฉันขอโทษ


> ผิดแล้ว ทางนี้ต่างหากต้องเป็นฝ่ายขอโทษ


> ไม่ใช่ เป็นความผิดของฉันเอง ฉันไม่เคยนึกถึงหัวอกนายเลย ฉันไม่ได้รักหมอนั่น แค่เกิดความสนใจเพราะเขาน่าสงสาร ชะตาชีวิตรันทดหดหู่เกินกว่าจิตใจมนุษย์คนหนึ่งจะทนรับไหว


> …


> แต่ฉันกลับไม่เคยคิดถึงหัวอกนายเลย แม้จะทราบอยู่แก่ใจว่านายและแอ็กนัสเคยเข่นฆ่าเอาชีวิตกันมาแล้วหลายหน ฉันเอาแต่เชื่อว่าถ้าเป็นนาย เป็นกริดของฉัน คงจะยอมเข้าใจฉันพฤติกรรมของฉันโดยไม่มีเงื่อนไข คงจะใจดีและยอมยกโทษให้เหมือนทุกครั้ง


> …


> ฉันเคยทำให้นายเจ็บปวดในความเอาแต่ใจของตัวเองหลายครั้ง… ฉันขอโทษ นายมีสิทธิ์โกรธอย่างชอบธรรม ไม่สิ นายสมควรโกรธถึงจะถูก ฉัน… ขอโทษ… จากใจจริง


น้ำเสียงของเธอเริ่มสั่นเทา


ไม่ได้เกิดจากความโกรธ แต่สั่นไหวเพราะอารมณ์โศกเศร้าหลังจากสำนึกความผิดได้


เธอกำลังเสียใจต่อกริดอย่างแท้จริง


ตลอดหลายปีหลัง กริดทำเพียงเฝ้ามองเธอและให้อภัยทุกการกระทำเสมอมา แต่ตนกลับมองกริดเป็นของตายผู้ไม่มีวันโกรธ


เป็นเพราะกริดมีจิตใจเข้มแข็ง


เป็นเพราะกริดเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่กับพวกพ้องอยู่เสมอ โดยเฉพาะกับเธอ กริดแสดงท่าทีเกรงใจเป็นพิเศษจนออกนอกหน้า


เธอเชื่อว่ากริดจะไม่มีวันโกรธไปชั่วชีวิต


‘ความเอาแต่ใจของเราทำให้ชายคนนี้เจ็บปวดมาแล้วกี่ครั้ง…’


หัวใจยูเฟอมิน่าดำดิ่งลงไปสัมผัสกับความเจ็บปวดในแบบของกริด เธอเริ่มตาสว่างกับการกระทำแย่ๆ ในอดีตของตัวเอง


เธอเบียดเบียนความใจดีของกริด


และในเวลาเดียวกัน เธอก็ได้ตระหนัก


ว่ากริดมีความอดทนมากแค่ไหน


> ฉันขอโทษ… แล้วก็ขอบคุณมาก


> …?


> ขอบคุณสำหรับความจริงใจและความโกรธอย่างซื่อตรงโดยไม่ใช้รอยยิ้มปกปิดไว้


การพูดความรู้สึกจากใจจริงถือเป็นพรสวรรค์หายาก ทำกันไม่ได้ทุกคน และไม่จำเป็นต้องทำกับทุกคน ยูเฟอมิน่าจึงดีใจเมื่อทราบว่ากริดยอมพูดกับตนอย่างซื่อตรง


> ฉันมีความสุข เมื่อสัมผัสได้ว่านายเริ่มมองฉันเป็นเพื่อน


> …จะบอกอะไรให้ ฉันมองเธอเป็นเพื่อนมานานแล้ว ช่างเถอะ… แบบนี้ก็ไม่เลวเหมือนกัน


> คิคิก… นายรู้อะไรไหม


> อะไร


> นับตั้งแต่พวกเราพบกันครั้งแรก หัวใจของฉันจะอบอุ่นเสมอเมื่อได้คุยกับนาย มันรู้สึกปลอดภัยและมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก


> แต่เธอคงไม่ได้รู้สึกแบบนั้นทุกครั้ง หากวันใดเกิดคลั่งขึ้นมา รับประกันได้เลยว่าทุกอย่างรอบตัวคงได้พังพินาศ รวมถึงฉันด้วย


> ถ้าอย่างนั้น นายควรพกแส้ติดตัวไว้สักเส้น ถ้าวันใดฉันเกิดคลั่งขึ้นมา ก็ใช้แส้นั่นเฆี่ยนตีฉันจนกว่าจะสงบ


> สมกับเป็นคำพูดของผู้หญิงป่าเถื่อน


ความอบอุ่นในวันวานหวนกลับมาอีกครั้ง


โดยไม่ทันได้รู้ตัว หัวใจส่วนลึกของกริดถูกเยียวยาจนสมานกลับเป็นปรกติ ความกระสับกระส่ายฉุนเฉียวก่อนหน้าไม่หลงเหลืออยู่อีก


ในบางครั้ง คนเราก็ควรพูดความจริง…


สายสัมพันธ์อันมีค่าไม่จำเป็นต้องรักษาด้วยการพูดถนอมน้ำใจเพียงอย่างเดียว ซื่อตรงกับความรู้สึกตัวเองบ้างก็ได้


กริดฉีกยิ้มกว้างอย่างอิ่มเอมเมื่อตระหนักถึงอีกหนึ่งวิธีสำหรับอยู่ร่วมกับผู้อื่น


ทันใดนั้น


‘อ๊ะ!’ ชายหนุ่มพลันผงะ


มันเพิ่งนึกได้ว่า ตนมองข้ามประเด็นสำคัญมากมาตลอด เนื่องจากถูกอารมณ์ขุ่นมัวครอบงำจิตใจเป็นเวลานาน


กริดรีบส่งข้อความเสียงหาลอเอล


> ลอเอล!!


> …คึ่ก! สมกับเป็นเจ้าของสมญานามราชาอสูรผู้สร้างความหวาดหวั่นไปทั่วโลก กล่องเสียงของฝ่าบาทช่างแข็งแกร่งเสียนี่กระไร เพียงการตะโกนแผ่วเบาก็มากพอจะทำให้แก้วหูกระหม่อมฉีกขาด—


> แอ็กนัสนำศพดาร์คเอลฟ์ติดตัวไปด้วย!


> …หืม หมายความว่าจุดประสงค์ของแอ็กนัสคือดาร์คเอลฟ์ตั้งแต่แรกแล้วสินะ


> ถูกต้อง แล้วนายคิดว่าเหตุผลคืออะไร


> ต้องเป็นสิ่งนั้นอยู่แล้ว ข้อมูลถูกเผยออกไปทั่วโลกหลังจากเหตุการณ์ศิลาแห่งชีวิต


แต่ไหนแต่ไร แอ็กนัสมีจุดประสงค์ในการเล่นซาทิสฟายเพียงสิ่งเดียวมาตลอด


ชุบชีวิตอดีตคนรัก


หรือในอีกความหมายหนึ่งก็คือ


> มันต้องการนำศพของดาร์คเอลฟ์ไปสร้าง ‘กายเนื้อ’ ให้คนอดีตคนรัก


> บ้าจริง…!


ศพดาร์คเอลฟ์ในมือแอ็กนัสตอนนี้เป็นของปลอม เป็นแค่ร่างเสมือน มิอาจสร้างผลลัพธ์ได้ตรงตามความปรารถนาของแอ็กนัสแน่นอน กริดค่อนข้างมั่นใจว่าทักษะคืนชีพจะลงเอยด้วยความล้มเหลว หรือไม่ก็ให้กำเนิดสิ่งมีชีวิตประหลาดออกมาแทน


จะเกิดอะไรขึ้นถ้าแอ็กนัสไม่สามารถคืนชีพอดีตคนรักได้ตามความตั้งใจเดิม?


‘มันจะออกอาละวาดครั้งใหญ่’


กริดเคยเห็นความบ้าคลั่งของแอ็กนัสมาแล้วหลายหน ถึงแม้หลายครั้งจะเป็นเพียงการแสร้งบ้าเพื่อตบตาศัตรู แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าอีกหลายครั้งก็เป็นการเสียสติของจริง


หากมันพบว่าศพดาร์คเอลฟ์ในมือเป็นของปลอม บุคคลร่วมเหตุการณ์อย่างยูเฟอมิน่าและกริดจะกลายเป็นเป้าความพยาบาทอย่างไม่ต้องสงสัย และมันจะนำภัยพิบัติมาลงกับอาณาจักรโอเวอร์เกียร์


ชายหนุ่มคิดไวทำไว


> ลอเอล จากความคิดของฉัน พวกเราควรรีบหาว่าจอมอสูรตนใดสิงร่างแอ็กนัสขณะนั้น


> ฝ่าบาทบอกว่าเป็นอาโมแร็คไม่ใช่หรือ


> ฉันก็แค่พูดส่งเดชตามชื่อของจอมอสูรลำดับสูงในความทรงจำ แล้วนายมีความเห็นว่าอย่างไร


> ก็เคยบอกไปแล้ว แต่ฝ่าบาทกลับไม่สนใจ เอาแต่หงุดหงิดเรื่องแอ็กนัสจนไม่ยอมฟังคำพูดคนอื่น


> ฉันทำตัวแย่ขนาดนั้นเลยหรือ


> ก็ไม่เชิง เป็นปรกติของมนุษย์เราอยู่แล้ว ย่อมต้องเกิดอารมณ์ขุ่นมัวขณะพูดถึงบุคคลไม่ชอบหน้า บางครั้งฉันก็หงุดหงิดแมวข้างบ้านเหมือนกัน


> แมวข้างบ้าน…?


> ทุกครั้งเมื่อออกมาเดินเล่น มันชอบมาขี้ในสวนบ้านฉันเสมอ เป็นกลิ่นขี้สุดพินาศ ถึงขั้นเคยคิดว่าเป็นอุจจาระมนุษย์ด้วยซ้ำ ทั้งเหม็นและฉุนกึก แม้จะตักไปทิ้งและฉีดน้ำหอมทับ แต่กลิ่นบรรลัยก็ไม่ยอมจางหายไป ทางเลือกเดียวคือการขุดดินตรงนั้นทิ้งทั้งหมด


> แย่หน่อยนะ


> เข้าเรื่องกันดีกว่า จอมอสูรในร่างแอ็กนัสคือบาเอลไม่ผิดแน่


> หืม…


> ฉันค้างคาใจจนนำเรื่องนี้ไปปรึกษาสติกส์ และเขาก็มั่นใจมากว่าอีกฝ่ายคือบาเอล


> มีเหตุผลรองรับไหม


> มีแน่นอน และไม่ใช่แค่หลักฐานจากสภาพแวดล้อม แต่เป็นหลักฐานบ่งชี้อย่างหนักแน่น จากบันทึกในหนังสือปฐมกาล จอมอสูรเพียงตนเดียวผู้คู่ควรกับวลี ‘ผู้ปกครองสูงสุดแห่งขุมนรก’ คือบาเอล


> …น่าแปลก แล้วทำไมบาเอลถึงได้อ่อนแอผิดวิสัยขนาดนั้น


> การเผชิญหน้าบาเอลครั้งถัดไปคงไม่เหมือนเดิมแน่ เพราะบาเอลในร่างมนุษย์เป็นเพียงเศษเสี้ยวดวงวิญญาณ


> เศษเสี้ยวดวงวิญญาณ?


> ถูกต้อง บาเอลในร่างแอ็กนัสไม่ใช่บาเอลผู้ถูกลดทอนพลัง แต่เป็นเพียงเศษเสี้ยวดวงวิญญาณเล็กๆ เท่านั้น ถ้ามีโอกาสได้สู้กับบาเอลหนถัดไป ฝ่าบาทต้องเปลี่ยนความคิดแน่


> …


> อย่างไรก็ตาม แอ็กนัสแข็งแกร่งมาก พวกเราควรช่วยมันสร้างตุ๊กตาให้สำเร็จ


ลอเอลมองในมุมเดียวกันกับกริด โอเวอร์เกียร์ไม่ควรปล่อยให้แอ็กนัสอาละวาด


ขณะกริดออกท่าทางลังเล ลอเอลได้กล่าวเพื่อคลายความกังวล


> ไม่ต้องห่วง เรื่องแอ็กนัสไม่จำเป็นต้องถึงมือฝ่าบาท ได้โปรดมีสมาธิกับภารกิจของตัวเองให้มากก็พอ เวลานัดหมายใกล้มาถึงแล้ว


ขณะกริดผงกศีรษะรับ สายตาเหลือบเห็นกลุ่มคนจำนวนหนึ่งกำลังเดินเข้ามาใกล้


> ขอบใจมาก ลอเอล


***


ผู้คนส่วนใหญ่ต่างทราบว่าอัศวินทมิฬและอัศวินสีชาดคือสุดยอดอัศวินของจักรวรรดิ แต่ความจริงแล้วไม่ได้มีแค่สองหน่วยนี้


จากบรรดาอัศวินทั้งหมดภายในซาฮารัน กว่า 99% จะถูกส่งไปบรรจุหน่วยอัศวินทมิฬเพื่อฝึกฝนทักษะ แต่ก็มีส่วนน้อยถูกคัดเลือกเป็นพิเศษสำหรับเข้าหน่วยลับ


ข้อยกเว้นดังกล่าวตกเป็นของหน่วย ‘อัศวินตีนดำ’ ประจำตัวองค์ชายดูรันดัล หน่วยอัศวินพิเศษภายใต้การสนับสนุนเงินทุนมหาศาลและผ่านการหลักสูตรฝึกเข้มข้น


มุมปากดูรันดัลจะคันยุบยิบทุกครั้งเมื่อมีคนไม่รู้เดียงสาริอ่านเรียกหน่วยของตนว่าเป็น ‘อัศวินองครักษ์ทั่วไป’


เลซี่่เองก็สังกัดอัศวินตีนดำ แต่อยู่ในระดับปลายแถว


‘…ได้เครื่องราชฯ ง่ายชะมัด’


เลซี่และอัศวินตีนดำตระเวนมาแล้วทั้งหมดเจ็ดผืนป่า ทุกครั้งเมื่อจบภารกิจหนึ่งขั้นตอน เลซี่จะได้รับเครื่องราชฯ ประดับยศเพิ่มหนึ่งเหรียญ โดยปัจจุบันภารกิจ ‘ทวงคืนผืนป่า’ ดำเนินมาถึงขั้นสามแล้ว หมายความว่าการทวงคืนแต่ละผืนป่าไม่ใช่เรื่องยากเย็น ลำพังเอลฟ์สิบกว่าตนและสัตว์ป่าดุร้ายอีกร้อยตัวไม่มีทางต่อกรกองทัพอัศวินตีนดำไหว


“…”


ขณะอัศวินอาวุโสกำลังไล่ล่าเอลฟ์หนีตาย เลซี่ยืนถอนหายใจเหนื่อยหน่ายท่ามกลางเสาแสงเทาหลายต้นรอบตัว สีหน้าของมันไม่ปรากฏความยินดีนัก แม้เพิ่งได้รับเครื่องราชฯ มาสองเหรียญ เพิ่มแต้มสถานะทุกชนิด +2


‘เราคงมีความสุขไม่ได้’


เพราะเอลฟ์เหล่านี้เริ่มรุกรานป่าหลังจากได้รับอิสรภาพจากมหาจักรพรรดินีบาซาร่า


พวกมันทุกข์ทรมานกับการถูกมนุษย์กดขี่นานหลายร้อยปี ปัจจุบันจึงกำลังดื่มด่ำไปกับธรรมชาติเขียวขจีและรื่นรมย์ แต่กลับกลายเป็นว่า ฝ่ายจักรวรรดิได้นำกองอัศวินมารุกรานโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง


ในมุมมองของเอลฟ์ สิ่งนี้ไม่ต่างอะไรกับการโดนมนุษย์หักหลังอีกครั้ง


เลซี่ศึกษาประวัติของเอลฟ์จากภารกิจมากมายในอดีต มันย่อมรู้สึกเจ็บปวดหัวใจเมื่อได้เห็นฉากปัจจุบัน ประหนึ่งตนคือวายร้ายจิตใจอำมหิตและสองมือเปื้อนเลือด


“สิ่งนี้คือสงครามศักดิ์สิทธิ์เพื่อมวลมนุษย์”


เมื่อเห็นเลซี่ทำสีหน้าอึมครึม อัศวินอาวุโสเดินเข้ามาใช้มือสัมผัสบ่า แต่อัศวินหนุ่มก็ไม่ได้รู้สึกดีขึ้นสักเท่าไร


การเข่นฆ่าอยู่ฝ่ายเดียวเช่นนี้จะเป็นสงครามศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างไร


คงเป็นได้เพียงโศกนาฏกรรมเพื่อสนองตัณหาไร้ก้นบึ้งขององค์ชายดูรันดัลเท่านั้น


‘ว่ากันตามตรง การกระทำของเอลฟ์ก็ไม่ถูกต้องสักเท่าไร พวกมันไม่มีสิทธิ์ยึดครองผืนป่าไว้เพียงผู้เดียว แต่อย่างน้อยมนุษย์ก็ควรเจรจาสักหน่อยไม่ใช่หรือ’


ซักถามว่าเพราะเหตุใดพวกมันต้องปิดป่า


ซักถามว่ามนุษย์ต้องทำเช่นไรจึงจะได้รับผืนป่ากลับคืน


เอลฟ์ไม่ได้ทำไปอย่างไรสมอง พฤติกรรมทั้งหมดล้วนมีจุดประสงค์เพื่อต่อรองกับมนุษย์อย่างชัดเจน


แต่บรรดาอาณาจักรเล็กกลับไม่เลือกวิธีสันติอย่างเจรจา คงเพราะมีรากฐานมาจากความหวาดกลัว จึงโง่เขลาจนมองไม่ออกว่าสหเผ่าพันธุ์ต้องการต่อรองกับมนุษย์


ยิ่งคิดก็ยิ่งละอายใจ


“…?”


ขณะเลซี่กำลังดื่มน้ำและดำดิ่งอยู่ในห้วงอารมณ์ด้านลบ หูของมันได้ยินเสียงแว่ว


เนื่องจากสามารถปลดปล่อยประจุไฟฟ้าได้อย่างอิสระ อดีตห้าเสาหลัก ไคล์ จึงถูกมอบฉายา ‘เทพสายฟ้า’ หลังจากกลับจากโบราณสถานเทพสงคราม


“การต่อสู้เช่นนี้ไม่เกิดประโยชน์ เอลฟ์ส่วนใหญ่หลบหนีเข้าป่าไปได้ ถ้าพวกเรายกทัพกลับ มันก็แค่ออกมายึดผืนป่าเหมือนเดิม ดังนั้นพวกเราควรยึดครองป่าต้นไม้โลกให้เสร็จในคราวเดียว กองทัพเอลฟ์บริเวณนั้นคงมีจำนวนไม่มากในปัจจุบัน”


‘เสียสติไปแล้วหรือไง’


ขณะเลซี่รีบกลืนน้ำดื่มลงคอ อัศวินอาวุโสด้านข้างได้ออกปากคัดค้าน


“ท่านไคล์ ผืนป่าต้นไม้โลกถือเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์อย่างแท้จริง ตามชื่อของมัน บริเวณดังกล่าวมีเทพต้นไม้โลกสถิตอยู่ การถือดาบเข้าไปรุกรานอาจทำให้เทพไม่พอใจ— คึ่ก!”


เลซี่ค่อนข้างนับถืออัศวินอาวุโส


ถึงจะเถรตรงเกินไปจนน่าอึดอัด แต่ก็เปี่ยมด้วยความจงรักภักดีเป็นล้นพ้น นับเป็นอัศวินในอุดมคติตามมโนภาพของเลซี่


แต่ชายคนนั้นกลับถูกสะบั้นเศียรหลุดจากบ่าและสิ้นลมฉับพลัน


“…?”


ง่ายแบบนี้เลยหรือ


โดยไม่ทันตั้งตัว เลซี่ผู้กำลังเหม่อลอยเหลือบเห็นไคล์ใช้มือคว้าศีรษะอัศวินอาวุโสอย่างเลือดเย็น เส้นเลือดในดวงตาอีกฝ่ายถูกหล่อเลี้ยงด้วยกระแสไฟฟ้าแทนโลหิต สำหรับเลซี่ สิ่งนี้ห่างไกลความเป็นมนุษย์มากทีเดียว


หากอธิบายให้สวยหรู บุคคลตรงหน้าไม่ต่างจากเทพลงมาจุติบนโลก แต่หากต้องการคำอธิบายแบบน่าสะพรึง สิ่งมีชีวิตต่ำทรามผู้นี้ไม่ต่างจากอสุรกายระยำในขุมนรก


“อัศวินขององค์ชายมีพวกนอกรีตปะปนอยู่ด้วยหรือ น่าแปลกจังเลยนะ”


“…?”


“จักรวรรดินับถือเพียงเทพบนแอสการ์ดเท่านั้น เช่นเทพธิดาแห่งแสงรีเบคก้า และเทพสงครามเซราทุล แล้วอะไรคือเทพต้นไม้โลก? อะไรคือดินแดนศักดิ์สิทธิ์? เหมือนกับถ้อยคำล้างสมองของพวกนอกรีตไม่มีผิด”


“…”


“องค์ชายดูรันดัลมอบอำนาจเต็มในการบริหารกองทัพแก่ข้า ถ้าช่วยทำตามคำสั่งอย่างว่าง่ายและไม่ส่งเสียงน่ารำคาญออกมา ขอรับประกันว่าพวกเจ้าจะมีอนาคตสดใส… เอาล่ะ ถึงเวลาเคลื่อนทัพแล้ว ข้าทราบพิกัดของผืนป่าต้นไม้โลก”


ในวินาทีนี้ เลซี่มั่นใจมาก


ต้องฉิบหายแน่


หากองค์ชายดูรันดัลได้ครองบัลลังก์เมื่อใด จักรวรรดิซาฮารันจะเกิดความฉิบหายเป็นวงกว้างถ้าไคล์ยังเป็นมือขวาอยู่


‘ดูเหมือนนอกจากเรา กองทัพดูรันดัลจะไม่มีผู้เล่นคนอื่นสังกัดอีกแล้ว ฉะนั้นเราต้องถ่ายทอดความจริงให้โลกรับรู้ผ่านดวงตาคู่นี้!’


ภาพทั้งหมดในการมองเห็นของเลซี่เริ่มถูกบันทึกเป็นวิดีโอ


▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬
ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 4 ตอน
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,498
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/

Comments

  1. ขอบคุณครับ
    .
    .
    เจอกริดแล้วก็วิ่งหนีอีกรอบ

    ReplyDelete
  2. ขอบคุณ​มาก​ครับ​

    ReplyDelete
  3. พวกเราร้องเพลงต้อนรับเลซี่หน่อย

    ReplyDelete
  4. เห้ออออ หนักใจกะกริดเหลือเกิน

    ReplyDelete
  5. นับตั้งแต่กว่าเรื่องนี้พันกว่าตอน ตอนนี้เป็นตอนที่หงุดหงอดกริดที่สุดละ

    ReplyDelete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00