จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1097
ซู่ว—!!
แรงโน้มถ่วงมหาศาลทำให้ผิวหนังต้องแบกรับน้ำหนักทั้งหมดของร่างกาย
วิวทิวทัศน์รอบข้างแล่นผ่านสายตาอย่างรวดเร็ว เสียงหวีดร้องจากสายลมแผดดังข้างใบหูตลอดเวลา
‘…เก้า’
ออร์คลอร์ดเทรูชานกำลังตกลงมาจากความสูงเหนือก้อนเมฆ
แม้ร่างกายใกล้ปะทะเข้ากับพื้นดินเย็นแข็งอย่างมิอาจหลีกเลี่ยง แต่สมาธิของมันกลับจดจ่อเพียงการนับเลข
ความตึงเครียดกำลังกัดกินจิตใจเทรูชานจากด้านใน
มันมิได้หวาดกลัวความตายหรือความเจ็บปวด แต่สำหรับนักรบ ไม่มีสิ่งใดน่าอับอายไปกว่าการเสื่อมเสียเกียรติอีกแล้ว
ราชาโอเวอร์เกียร์
มนุษย์บ้าบิ่นซึ่งยั่วยุตนให้ทนรับการโจมตีทั้งหมดสิบดาบ
อีกฝ่ายค่อนข้างแข็งแกร่ง
มาพร้อมความสามารถพิสดาร วิชาดาบลึกลับและทรงพลัง แถมยังช่ำชองเวทมนตร์หลากหลายธาตุ ร่างกายมีสายฟ้าประหลาดห่อหุ้มตลอดเวลา รวมถึงสมบัติวิเศษซึ่งสามารถเคลื่อนไหวได้ด้วยตัวเอง ปัจจัยเหล่านี้ประกอบกันจนราชาโอเวอร์เกียร์แข็งแกร่งยิ่งกว่าอดีตออร์คลอร์ดเสียอีก
ไม่เพียงเท่านั้น หลังจากประจักษ์พลังอัญเชิญสิ่งมีชีวิตคล้ายมังกรตรงหน้า เทรูชานเริ่มหวั่นวิตกและพบว่าตัวมันมีโอกาสพ่ายแพ้ค่อนข้างมาก
เปรี้ยง!
มังกรครามตัวใหญ่พร้อมด้วยประจุสายฟ้าปริมาณเข้มข้น พุ่งกระแทกลำตัวอันบึกบึนของเทรูชานเข้าอย่างจัง
ขณะแรงปะทะส่งผลให้ร่างกายทุกส่วนชะงักงันจนมิอาจขยับตัว
เทรูชานเริ่มตระหนัก
ราชาโอเวอร์เกียร์เป็นของจริง
ไล่เรียงจากอดีตอันยาวนาน สมญานามราชาวีรบุรุษไม่เคยถูกมอบให้ผู้อ่อนแอแม้แต่หนเดียว
ใช่แล้ว
การพ่ายแพ้ชายคนนี้ไม่ใช่เรื่องน่าอับอาย
แต่ไม่ว่าคู่ต่อสู้จะแข็งแกร่งสักเพียงใด การยอมจำนนโดยไม่คิดตอบโต้ ถือเป็นความน่าอับอายและเสื่อมเกียรติอย่างแท้จริง
ตัวมันก็เป็นราชาแห่งเหล่านักรบ
เคยสาบานไว้แล้วไม่ใช่หรือ ต่อให้ถูกมังกรกลืนเข้าไปในปาก แต่ก่อนตายก็ต้องไว้ลายด้วยการกัดลิ้นมังกรให้ขาดสะบั้น
ตัวมันคือจุดสูงสุดของสิ่งมีชีวิตสายพันธุ์ออร์คทั่วทั้งทวีป เป็นถึงราชาแห่งออร์คสนธยาผู้ยิ่งใหญ่ กับแค่การโจมตีเพียงสิบครั้งจะทนรับไม่ไหวเชียวหรือ?
คำประกาศสุดโอหังของมนุษย์ ถือเป็นการดูหมิ่นออร์คทุกตนบนโลกจนยากปล่อยผ่าน
หากตนทำตัวอ่อนแอ ออร์คทั้งหมดก็จะถูกอีกหลายเผ่าพันธุ์เหยียดหยันดูแคลน
…เหมือนกับในอดีต
ดังนั้น ต้องอดทนให้ได้
‘…สิบ’
ก่อนร่างกระแทกพื้น เทรูชานลืมตาขึ้น
มันกำลังนับจำนวนครั้งการโจมตี
ขณะดวลกันบนฟ้าเมื่อครู่ มันกวัดแกว่งดาบใหญ่ใส่กริดไปมากกว่า 20 หน แต่บาเรียคุ้มกายของราชาโอเวอร์เกียร์สามารถสลายคมดาบและเสียงคำรามจากเทรูชานได้เกือบสามสิบครั้ง
ในเมื่อกริดถึกทนถึงเพียงนั้น
ตัวมันก็ต้องทนให้ได้เช่นกัน
แต่เทรูชานกำลังเป็นกังวล ความน่าเกรงขามของมนุษย์ผู้นี้อยู่นอกเหนือจินตนาการอย่างแท้จริง ราชาเผ่าออร์คหวั่นเกรงว่าตนอาจรับการโจมตีอีกฝ่ายได้ไม่ครบสิบ
“คุรุก!”
ข้าสามารถกำราบเจ้าได้ในสิบดาบ ราชาโอเวอร์เกียร์ประกาศกร้าวต่อหน้าทุกคน
ดังนั้นถึงตนจะพ่ายแพ้ อย่างน้อยก็ขอรักษาศักดิ์ศรีอย่างสุดความสามารถก็แล้วกัน
เมื่อตระหนักได้ ดวงตาเทรูชานพลันลุกโชนด้วยไฟแห่งการต่อสู้
มัดกล้ามเนื้อทั่วร่างซึ่งเคยด้านชาจากพลังของสายฟ้า ถูกฝืนปลุกให้ตื่นอีกครั้งจากพลังจิตใจอันเข้มแข็งของผู้เป็นออร์คลอร์ด
ปึด!
อากัปกิริยาคล้ายคลึงพญาราชสีห์
ก่อนร่างกายปะทะกับพื้นดินด้านล่าง เทรูชานสลัดหลุดจากอาการอัมพาตโดยสมบูรณ์ เมื่อสามารถขยับร่างกายได้ตามใจนึก มันรีบขบกรามแน่น หมุนพลิกตัวเพื่อไม่ให้แผ่นหลังกระแทกใส่พื้นดินจนบาดเจ็บหนัก
โครม!
ร่างกายใหญ่ยักษ์ของเทรูชานพุ่งกระแทกพื้นจนเกิดเสียงสนั่น โดยเฉพาะกองทัพออร์คแสนตนบริเวณใกล้เคียง แรงสะเทือนดุจดังระฆังสวรรค์ส่งผลให้พวกมันออกอาการโซเซคล้ายคนเมาสุรา
“อ…อะ!”
มาร์ควิสเบเซลและทหารในป้อมปราการโฮลว์ต่างส่งเสียงชื่นชมกริด
ออร์คลอร์ดกำลังล้มครืนจนฝุ่นควันคละคลุ้งฟุ้งกระจายท่วมท้น ไม่เคยมีใครจินตนาการภาพเช่นนี้มาก่อนแน่นอน
ถึงออร์คลอร์ดจะมีผิวหนังแข็งมาก รวมถึงมัดกล้ามเนื้อกำยำไม่ต่างก้อนหิน แต่การตกจากจุดสูงเหนือก้อนเมฆก็ไม่รับประกันความปลอดภัยเช่นกัน
และผลลัพธ์คือ
“โฮกกกกกก!!”
หุ่นกำยำบึกบึนของเทรูชานปรากฏสู่สายตาทุกคนอีกครั้งหลังจากฝุ่นควันเริ่มบรรเทา เผยให้เห็นสภาพร่างกายค่อนข้างปรกติ ไม่มีอาการบาดเจ็บภายนอกมากนัก
สง่างามดุจดังสิงโตเพศผู้
เมื่อเห็นเทรูชานใช้ท่อนแขนสองข้างและเข่ายันไว้ได้ทันก่อนลำตัวกระแทกพื้น บรรดาออร์คทั้งหมดจึงโห่ร้องอย่างพร้อมเพรียงด้วยบรรยากาศฮึกเหิม
“เทรู—ชาน!! คุรุก!!”
“เทรู—ชาน!! คุรุก!!”
ตึง!! ตึง!! ตึง!! ตึง!! ตึง!!
เป็นเพราะสัญชาตญาณการเอาตัวรอดในธรรมชาติ เผ่าพันธุ์ออร์คจึงยอมจำนนต่อผู้แข็งแกร่งเสมอมา
การปฏิเสธหมายถึงต่อต้าน ดังนั้นถ้าไม่อยากตาย ทางรอดเดียวคือต้องก้มศีรษะให้กับผู้เหนือกว่า
แต่ในวินาทีนี้ เหตุผลของการกระทืบเท้าดังสนั่นพร้อมกับตะโกนชื่อเทรูชานกึกก้อง ไม่ได้มาจากสัญชาตญาณเหมือนทุกที แต่เกิดจากคิดวิเคราะห์อย่างถี่ถ้วน
พวกมันยอมรับในความสุดยอดทางร่างกายและเทคนิคของเทรูชาน ถึงแม้จะตกจากจุดสูงเหนือก้อนเมฆ แต่กลับยังรักษาชีวิตตัวเองไว้ได้
ราวกับวีรบุรุษในตำนานคนใหม่ถือกำเนิด
แผนประกาศศักดาของกริด กลับส่งผลให้เผ่าพันธุ์ออร์ครวมใจกลมเกลียวเป็นหนึ่งยิ่งกว่าเดิม
ในเวลาเดียวกัน บนฟากฟ้า
ราชาโอเวอร์เกียร์ลอยตัวในสภาพเหงื่อชุ่ม
‘หมอนั่นถึกชะมัด
‘มายาร่ายรำทำลายล้างสังหารสร้างความเสียหายได้แค่นี้เองหรือ’
กริดได้ทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างลงในการโจมตี
ไม่ว่าจะเป็นปราณต่อสู้ระดับสูงสุด บรรดาไอเท็มสุดโกงนานับชนิด รวมถึงวิชาดาบและเวทมนตร์ท่าไม้ตายทั้งหมด
การใช้คอมโบสะพรั่งทำลายล้างรำสังหารและมายาร่ายรำทำลายล้างสังหาร เป็นสิ่งยืนยันว่ากริดเอาจริงมากเพียงไหน
<มายาร่ายรำทำลายล้างสังหาร>
วิชาดาบผสาน 4 ชนิดรวมเป็นหนึ่ง
ยิงคลื่นดาบสังหาร 7 เส้นรวดภายใน 1 วินาที สร้างความเสียหายทางกายภาพ 3,700% พร้อมกับปลดไอเท็มเป้าหมายในจุดถูกคลื่นดาบปะทะ นอกจากนั้นยังสร้างอาการผิดปรกติเลือดออกและสิ้นหวัง
* ทุกคลื่นดาบสังหารจะมองข้ามพลังป้องกัน 65% ของเป้าหมาย
★ รายการเวทมนตร์
- เวทตรวจจับ
- ลมเฉือน
- เสริมแกร่งอาวุธ
เงื่อนไขใช้งาน : อาวุธประเภทดาบ
ปราณดาบ : 400
ระยะหน่วง : 2 ชั่วโมง
ตามหลักการของร่าง ‘มายา’ ทักษะชนิดนี้จะทำให้การโจมตีทุกชนิดรุนแรงขึ้น 2 เท่า และเปลี่ยนการโจมตีธรรมดาเป็นระยะไกล ฉะนั้นคลื่นดาบของ ‘มายาร่ายรำทำลายล้างสังหาร’ ก็ต้องรุนแรงขึ้นสองเท่าเช่นกัน
เมื่อใช้ใส่เป้าหมายติดมาร์คครบ 5 ขีด ความรุนแรงจะต้องมากกว่า ‘สะพรั่งทำลายล้างร่ายรำสังหาร’ ซึ่งมีพลังโจมตีทางกายภาพรวม 22,560% และพลังโจมตีเวทมนตร์อีก 100%
อย่างไรก็ตาม ทุกทักษะย่อมมีจุดอ่อน
ด้วยระยะหน่วงนานถึงสองชั่วโมง แถมความรุนแรงก็ไม่เสถียรเท่า ‘สะพรั่งทำลายล้างร่ายรำสังหาร’ เพราะแพ้ทางศัตรูพลังป้องกันสูง
หรือก็คือ เมื่อศัตรูเป็นออร์คลอร์ดเทรูชาน ประสิทธิภาพของ มายาร่ายรำทำลายล้างสังหาร จะไม่ยอดเยี่ยมเท่า สะพรั่งทำลายล้างร่ายรำสังหาร
ค่าต้านทานเวทมนตร์ของอีกฝ่ายต่ำมาก แต่แลกมากับค่าพลังป้องกันกายภาพมหาศาล ชนิดว่าถูกหักลบเกราะด้วย ‘ทำลายล้าง’ ไปถึง 65% ก็ยังถึกทนได้อยู่
ไม่เพียงเท่านั้น การเปิดฉากด้วย สะพรั่งทำลายล้างร่ายรำสังหาร ก็ยังสร้างความเสียหายได้ต่ำกว่าการคำนวณของกริด
ประเด็นน่าหนักใจยิ่งกว่าก็คือ เทรูชานถึกทนได้ขนาดนี้โดยไม่ต้องพึ่งพาพลังแห่งไอเท็มแม้แต่ชิ้นเดียว
และเพราะมันมิได้สวมชุดเกราะ เอฟเฟคปลดไอเท็มจึงไม่เกิดประโยชน์
‘พลังแห่งแต้มสถานะช่างน่ากลัว’
กริดส่ายศีรษะผิดหวังพลางจ้องมองเทรูชานบนพื้นดิน
หลอดพลังชีวิตของมหาออร์คลอร์ดเหลือไม่ถึงหนึ่งในห้าก็จริง แต่สีหน้าชายหนุ่มกลับตรงข้ามความยินดี
ปัญหาคือความเร็วในการฟื้นฟูพลังชีวิตตามธรรมชาติของเผ่าพันธุ์ออร์ค และยิ่งเป็นออร์คจ่าฝูงอย่างเทรูชานด้วยแล้ว
ในทางกลับกัน ปราณดาบของตนกำลังจมก้นหลอด และนั่นคือสาเหตุให้กริดไม่ตามโจมตีซ้ำหลังจากทำให้เทรูชานเป็นอัมพาตด้วยเวทมนตร์ ‘อสนีบาต’ จากรองเท้า
วิธีการสั่งสมปราณดาบโดยเร็วคือ ต้องโจมตีธรรมดาใส่เป้าหมายอย่างต่อเนื่อง แต่ชายหนุ่มมิอาจกระทำเช่นนั้นได้ เพราะลั่นวาจาเอาไว้หนักแน่น ว่าจะสยบเทรูชานให้ได้ภายในสิบดาบ
‘สะพรั่ง
‘มายาร่ายรำสะพรั่ง
‘ร่ายรำ
‘สังหาร…’
ขณะก้มมองออร์คลอร์ด กริดยืนคำนวณว่าตนโจมตีไปแล้วทั้งหมดกี่ครั้ง
เจ็ด
เหลืออีกแค่สามก็จะครบสิบดาบ
เป็นไปได้ด้วยหรือ? กับการล้มออร์คลอร์ดซึ่งยังเหลือพลังชีวิตมากถึงหนึ่งในห้า โดยตนปลดปล่อยทักษะไม้ตายออกไปจนเกลี้ยงแล้ว
คำตอบคือ ไม่น่าจะเป็นไปได้
เมื่อกริดได้บทสรุป ร่างกายมันเริ่มสั่นเทา
‘…บัญชาเทพหัวค*ย’
หากยอมแสดงผลสักครั้ง รับประกันได้เลยว่าออร์คลอร์ดต้องยอมก้มหัวศิโรราบแน่นอน
โอกาส 50% ก็เหมือนลุ้นหวย
จะว่ามากก็มาก จะว่าน้อยก็น้อย
‘โชคร้ายชะมัด ดันไม่แสดงผลในเวลาสำคัญแบบนี้’
ชายหนุ่มผิดหวังรุนแรง
ขณะมันขบกรามแน่น
“ราชาแห่งมนุษย์เอ๋ย! คุรุก!!”
เทรูชานเรียกขานกริด
แขนซ้ายและขาขวาของมันปราศจากเรี่ยวแรงคล้ายกระดูกแตกละเอียด เป็นผลพวงมาจากการแบกรับน้ำหนักตัวมหาศาลขณะกระแทกพื้น
“ตัวข้า …คุรุก! เทรูชานผู้นี้รับการโจมตีไปมากกว่า 50 ดาบแล้ว!”
เทรูชานตะโกนอย่างฮึกเหิม แถมยังแสดงสีหน้าแสนภูมิใจ
เพราะยอมรับว่าอีกฝ่ายแข็งแกร่ง ตัวมันจึงยินดีมากเมื่อทราบว่าสามารถเอาชีวิตรอดมาได้ถึง 50 ดาบ
แต่กริดขมวดคิ้ว
“แกกำลังพูดเรื่องอะไร? ฉันเพิ่งโจมตีไปได้เจ็ดครั้งเท่านั้น”
“คุรุก? แต่เจ้าแกว่งดาบไป 40 ครั้งแล้ว! มากกว่านั้นด้วยซ้ำ!!”
ผู้คนมากมายล้วนเห็นเต็มสองตา
กริดแกว่งดาบกลางอากาศไม่ต่ำกว่าสี่สิบ
แม้ออร์คจะเป็นเผ่าพันธุ์มารยาททรามกว่าสิ่งมีชีวิตชนิดอื่น แต่เมื่อได้เห็นข้ออ้างเหลวไหลของกริด พวกมันยังอดสมเพชไม่ได้
“ไร้สาระ ฉันอาจกวัดแกว่งดาบหลายสิบหนก็จริง แต่เพิ่งโจมตีไปแค่เจ็ดท่าเท่านั้น! หมายความว่ายังเหลืออีกสามท่า!”
“…?”
“…”
หมอนี่เป็นนักแถหรือไง?
ตรรกะอันสุดบกพร่องของกริดดังกึกก้องทั่วสนามรบหน้าป้อมโฮลว์อันเงียบสงัด
ทั้งทหารของโฟลด์และเหล่าออร์คนับแสนต่างพากันหมดคำพูด
แม้กระทั่งออร์คลอร์ดป่าเถื่อนก็ยังรักษาสัญญากับมาร์ควิสเบเซล รวมถึงให้เกียรติอีกฝ่ายในฐานะนักรบกล้าหาญ แต่ราชาโอเวอร์เกียร์ผู้มีอำนาจเท่ามหาจักรพรรดินีบาซาร่า กลับไม่รู้สึกละอายใจสักนิดเลยหรือ?
บางคนผิดหวัง บางคนเย้ยหยัน
แต่เทรูชานกำลังตื่นเต้น
“คุรุก! แบบนี้นี่เอง! เพิ่งเจ็ดท่าสินะ!”
กล่าวกันตามตรง มันค่อนข้างหวั่นวิตก
ราชาโอเวอร์เกียร์แข็งแกร่งมาก เทรูชานคิดเช่นนี้จากใจจริง
ดังนั้น
“ก็ได้! คุรุก! ข้าเองก็ปรารถนาการต่อสู้!”
จิตใจนักรบกำลังเดือดพล่านจนสยบอาการหวาดกลัวไปหมดสิ้น
เทรูชานต้องการทราบขีดจำกัดตัวเอง มันปรารถนาการต่อสู้อันเข้มข้น ชนิดต้องทุ่มพลังทั้งหมดเข้าห้ำหั่นโดยไม่ออมมือ
แม้ผลลัพธ์อาจลงเอยด้วยความตาย แต่มันจะไม่เสียใจภายหลังอย่างแน่นอน
หากใครรักตัวกลัวตาย มันผู้นั้นไม่สมควรเป็นนักรบตั้งแต่แรก
“คุรุก!! มาดวลกัน! จนกว่าจะมีใครสักคนหมดลมหายใจ! เริ่มได้!!”
“ด้วยความยินดี”
การดวลโดยปราศจากข้อผูกมัด
ว่ากันตามตรง กริดไม่มั่นใจในสามดาบสุดท้ายของตัวเองสักเท่าไร สาเหตุสำคัญมาจากความเหือดแห้งของปราณดาบ
แสยะ
ชายหนุ่มฉีกยิ้มกว้างถึงมุมปาก ใบหน้าของมันกำลังชั่วร้ายไม่ต่างจากจอมอสูร
“อย่ารีบตายซะล่ะ”
ฟุ่บ!
ราชาโอเวอร์เกียร์ทะยานลงพื้นด้วยความเร็วสูงสุด แผนของมันคือ รีบกอบโกยผลประโยชน์ขณะยังอยู่ในบัฟร่างมืด
เปรี้ยะ! เปรี้ยะ!
กริดอาจไม่รู้ตัว แต่ร่างกายของมันเริ่มสว่างขึ้นทุกขณะจนใกล้เป็นสีขาวโพลน
ทักษะติดตัวแบบมีเงื่อนไขจากรองเท้ามังกรคราม เมื่อเคลื่อนตัวด้วยความเร็วสูงสุด มีโอกาสต่ำในการแปลงร่างเป็นเทพสายฟ้า
ฟุ่บ!
“…คุรุก!”
หรืออีกฝ่ายกำลังรอสิ่งนี้ตั้งแต่แรก?
หัวใจเทรูชานพลันหนักอึ้ง มันรีบตวัดดาบใหญ่ปัดป้องวิถีดาบจากกริดโดยไม่ประมาท
การโจมตีของราชาโอเวอร์เกียร์ถูกผนวกด้วยแรงโน้มถ่วงของโลก มากพอจะทำให้มหาออร์คลอร์ดอย่างเทรูชานเกิดความสั่นเกร็ง
“เจ้ามนุษย์! คุรุก! ข้าต้องการทราบชื่อจริงของเจ้า!!”
ดวงตาเปล่งประกายแววาวของเทรูชาน
และ ดวงตาแสนละโมบชั่วร้ายของกริด
ทั้งสองประสานสายตากันกลางอากาศ
“ฉันชื่อกริด”
เคร้ง! เคร้งเคร้งเคร้ง!!
พายุสายฟ้าเริ่มโหมกระหน่ำเต็มรูปแบบ
เมื่อผลของทักษะผสานไอเท็มหมดลง ดาบอัสนีฯ กลับคืนสภาพเดิมพร้อมกับรัวฟาดฟันใส่ดาบใหญ่เทรูชานไม่หยุดพัก
“มนุษย์ผู้กำลังจะได้ปกครองออร์ค”
ผิวหนังของทั้งคู่ยิ่งร้อนรุ่มอย่างตื่นเต้นเมื่อยิ่งแลกดาบซึ่งกันและกัน
หลังจากได้ยินกริดโพล่งความประสงค์ออกมาอย่างโผงผางไม่ปิดบัง หัวใจเทรูชานยิ่งเปี่ยมด้วยความฮึกเหิม
“คุฮ่าฮ่า! พวกเราคือนักรบ! ไม่มีทางก้มหัวให้มนุษย์เด็ดขาด!!”
เทรูชานหัวเราะร่วน
สิ่งนี้มิใช่อาการเย้ยหยัน รวมถึงไม่ได้โกรธเคืองในคำพูดของกริด
เพราะในอดีตกาลนานโพ้น ออร์คลอร์ดสมัยก่อนเคยเคารพบูชามนุษย์เยี่ยงเทพ
บึ้ม! เคร้ง! บึ้ม! บึ้ม!
เสียงเสียดทานระหว่างสองศาสตราดังสลับกับเสียงระเบิดเป็นระยะไม่หยุดพัก
ขณะเทรูชานและกริดอยู่ในภาวะเพ่งสมาธิถึงขีดสุด พวกมันโหมโจมตีใส่กันและกันด้วยวิถีดาบซับซ้อนรวดเร็ว
กล้องจากสำนักข่าวทั่วโลกเริ่มจับความเคลื่อนไหวตกหล่น จนกระทั่งหลายช่องเกิดความท้อแท้ เลิกคิดถ่ายภาพซูมในระยะใกล้
ทันใดนั้น
วาบ!
เทพสายฟ้าสถิตร่างสมบูรณ์
หลังจากวินาทีนี้
ดาบใหญ่ในมือเทรูชานมิอาจสัมผัสร่างกริดได้อีกเลย
7 สกิล แต่ฟันไป40-50ดาบแล้ว 5555555
ReplyDelete👍👍👍👍👍
ReplyDeleteขอบคุณครับ
ReplyDeleteเดี๋ยวนะ ออร์คขึ้นไปบนเมฆได้ไงวะ
ReplyDelete