จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1097



ซู่ว—!!


แรงโน้มถ่วงมหาศาลทำให้ผิวหนังต้องแบกรับน้ำหนักทั้งหมดของร่างกาย


วิวทิวทัศน์รอบข้างแล่นผ่านสายตาอย่างรวดเร็ว เสียงหวีดร้องจากสายลมแผดดังข้างใบหูตลอดเวลา


‘…เก้า’


ออร์คลอร์ดเทรูชานกำลังตกลงมาจากความสูงเหนือก้อนเมฆ


แม้ร่างกายใกล้ปะทะเข้ากับพื้นดินเย็นแข็งอย่างมิอาจหลีกเลี่ยง แต่สมาธิของมันกลับจดจ่อเพียงการนับเลข


ความตึงเครียดกำลังกัดกินจิตใจเทรูชานจากด้านใน


มันมิได้หวาดกลัวความตายหรือความเจ็บปวด แต่สำหรับนักรบ ไม่มีสิ่งใดน่าอับอายไปกว่าการเสื่อมเสียเกียรติอีกแล้ว


ราชาโอเวอร์เกียร์


มนุษย์บ้าบิ่นซึ่งยั่วยุตนให้ทนรับการโจมตีทั้งหมดสิบดาบ


อีกฝ่ายค่อนข้างแข็งแกร่ง


มาพร้อมความสามารถพิสดาร วิชาดาบลึกลับและทรงพลัง แถมยังช่ำชองเวทมนตร์หลากหลายธาตุ ร่างกายมีสายฟ้าประหลาดห่อหุ้มตลอดเวลา รวมถึงสมบัติวิเศษซึ่งสามารถเคลื่อนไหวได้ด้วยตัวเอง ปัจจัยเหล่านี้ประกอบกันจนราชาโอเวอร์เกียร์แข็งแกร่งยิ่งกว่าอดีตออร์คลอร์ดเสียอีก


ไม่เพียงเท่านั้น หลังจากประจักษ์พลังอัญเชิญสิ่งมีชีวิตคล้ายมังกรตรงหน้า เทรูชานเริ่มหวั่นวิตกและพบว่าตัวมันมีโอกาสพ่ายแพ้ค่อนข้างมาก


เปรี้ยง!


มังกรครามตัวใหญ่พร้อมด้วยประจุสายฟ้าปริมาณเข้มข้น พุ่งกระแทกลำตัวอันบึกบึนของเทรูชานเข้าอย่างจัง


ขณะแรงปะทะส่งผลให้ร่างกายทุกส่วนชะงักงันจนมิอาจขยับตัว


เทรูชานเริ่มตระหนัก


ราชาโอเวอร์เกียร์เป็นของจริง


ไล่เรียงจากอดีตอันยาวนาน สมญานามราชาวีรบุรุษไม่เคยถูกมอบให้ผู้อ่อนแอแม้แต่หนเดียว


ใช่แล้ว


การพ่ายแพ้ชายคนนี้ไม่ใช่เรื่องน่าอับอาย


แต่ไม่ว่าคู่ต่อสู้จะแข็งแกร่งสักเพียงใด การยอมจำนนโดยไม่คิดตอบโต้ ถือเป็นความน่าอับอายและเสื่อมเกียรติอย่างแท้จริง


ตัวมันก็เป็นราชาแห่งเหล่านักรบ


เคยสาบานไว้แล้วไม่ใช่หรือ ต่อให้ถูกมังกรกลืนเข้าไปในปาก แต่ก่อนตายก็ต้องไว้ลายด้วยการกัดลิ้นมังกรให้ขาดสะบั้น


ตัวมันคือจุดสูงสุดของสิ่งมีชีวิตสายพันธุ์ออร์คทั่วทั้งทวีป เป็นถึงราชาแห่งออร์คสนธยาผู้ยิ่งใหญ่ กับแค่การโจมตีเพียงสิบครั้งจะทนรับไม่ไหวเชียวหรือ?


คำประกาศสุดโอหังของมนุษย์ ถือเป็นการดูหมิ่นออร์คทุกตนบนโลกจนยากปล่อยผ่าน


หากตนทำตัวอ่อนแอ ออร์คทั้งหมดก็จะถูกอีกหลายเผ่าพันธุ์เหยียดหยันดูแคลน


…เหมือนกับในอดีต


ดังนั้น ต้องอดทนให้ได้


‘…สิบ’


ก่อนร่างกระแทกพื้น เทรูชานลืมตาขึ้น


มันกำลังนับจำนวนครั้งการโจมตี


ขณะดวลกันบนฟ้าเมื่อครู่ มันกวัดแกว่งดาบใหญ่ใส่กริดไปมากกว่า 20 หน แต่บาเรียคุ้มกายของราชาโอเวอร์เกียร์สามารถสลายคมดาบและเสียงคำรามจากเทรูชานได้เกือบสามสิบครั้ง


ในเมื่อกริดถึกทนถึงเพียงนั้น


ตัวมันก็ต้องทนให้ได้เช่นกัน


แต่เทรูชานกำลังเป็นกังวล ความน่าเกรงขามของมนุษย์ผู้นี้อยู่นอกเหนือจินตนาการอย่างแท้จริง ราชาเผ่าออร์คหวั่นเกรงว่าตนอาจรับการโจมตีอีกฝ่ายได้ไม่ครบสิบ


“คุรุก!”


ข้าสามารถกำราบเจ้าได้ในสิบดาบ ราชาโอเวอร์เกียร์ประกาศกร้าวต่อหน้าทุกคน


ดังนั้นถึงตนจะพ่ายแพ้ อย่างน้อยก็ขอรักษาศักดิ์ศรีอย่างสุดความสามารถก็แล้วกัน


เมื่อตระหนักได้ ดวงตาเทรูชานพลันลุกโชนด้วยไฟแห่งการต่อสู้


มัดกล้ามเนื้อทั่วร่างซึ่งเคยด้านชาจากพลังของสายฟ้า ถูกฝืนปลุกให้ตื่นอีกครั้งจากพลังจิตใจอันเข้มแข็งของผู้เป็นออร์คลอร์ด


ปึด!


อากัปกิริยาคล้ายคลึงพญาราชสีห์


ก่อนร่างกายปะทะกับพื้นดินด้านล่าง เทรูชานสลัดหลุดจากอาการอัมพาตโดยสมบูรณ์ เมื่อสามารถขยับร่างกายได้ตามใจนึก มันรีบขบกรามแน่น หมุนพลิกตัวเพื่อไม่ให้แผ่นหลังกระแทกใส่พื้นดินจนบาดเจ็บหนัก


โครม!


ร่างกายใหญ่ยักษ์ของเทรูชานพุ่งกระแทกพื้นจนเกิดเสียงสนั่น โดยเฉพาะกองทัพออร์คแสนตนบริเวณใกล้เคียง แรงสะเทือนดุจดังระฆังสวรรค์ส่งผลให้พวกมันออกอาการโซเซคล้ายคนเมาสุรา


“อ…อะ!”


มาร์ควิสเบเซลและทหารในป้อมปราการโฮลว์ต่างส่งเสียงชื่นชมกริด


ออร์คลอร์ดกำลังล้มครืนจนฝุ่นควันคละคลุ้งฟุ้งกระจายท่วมท้น ไม่เคยมีใครจินตนาการภาพเช่นนี้มาก่อนแน่นอน


ถึงออร์คลอร์ดจะมีผิวหนังแข็งมาก รวมถึงมัดกล้ามเนื้อกำยำไม่ต่างก้อนหิน แต่การตกจากจุดสูงเหนือก้อนเมฆก็ไม่รับประกันความปลอดภัยเช่นกัน


และผลลัพธ์คือ


“โฮกกกกกก!!”


หุ่นกำยำบึกบึนของเทรูชานปรากฏสู่สายตาทุกคนอีกครั้งหลังจากฝุ่นควันเริ่มบรรเทา เผยให้เห็นสภาพร่างกายค่อนข้างปรกติ ไม่มีอาการบาดเจ็บภายนอกมากนัก


สง่างามดุจดังสิงโตเพศผู้


เมื่อเห็นเทรูชานใช้ท่อนแขนสองข้างและเข่ายันไว้ได้ทันก่อนลำตัวกระแทกพื้น บรรดาออร์คทั้งหมดจึงโห่ร้องอย่างพร้อมเพรียงด้วยบรรยากาศฮึกเหิม


“เทรู—ชาน!! คุรุก!!”


“เทรู—ชาน!! คุรุก!!”


ตึง!! ตึง!! ตึง!! ตึง!! ตึง!!


เป็นเพราะสัญชาตญาณการเอาตัวรอดในธรรมชาติ เผ่าพันธุ์ออร์คจึงยอมจำนนต่อผู้แข็งแกร่งเสมอมา


การปฏิเสธหมายถึงต่อต้าน ดังนั้นถ้าไม่อยากตาย ทางรอดเดียวคือต้องก้มศีรษะให้กับผู้เหนือกว่า


แต่ในวินาทีนี้ เหตุผลของการกระทืบเท้าดังสนั่นพร้อมกับตะโกนชื่อเทรูชานกึกก้อง ไม่ได้มาจากสัญชาตญาณเหมือนทุกที แต่เกิดจากคิดวิเคราะห์อย่างถี่ถ้วน


พวกมันยอมรับในความสุดยอดทางร่างกายและเทคนิคของเทรูชาน ถึงแม้จะตกจากจุดสูงเหนือก้อนเมฆ แต่กลับยังรักษาชีวิตตัวเองไว้ได้


ราวกับวีรบุรุษในตำนานคนใหม่ถือกำเนิด


แผนประกาศศักดาของกริด กลับส่งผลให้เผ่าพันธุ์ออร์ครวมใจกลมเกลียวเป็นหนึ่งยิ่งกว่าเดิม


ในเวลาเดียวกัน บนฟากฟ้า


ราชาโอเวอร์เกียร์ลอยตัวในสภาพเหงื่อชุ่ม


‘หมอนั่นถึกชะมัด


‘มายาร่ายรำทำลายล้างสังหารสร้างความเสียหายได้แค่นี้เองหรือ’


กริดได้ทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างลงในการโจมตี


ไม่ว่าจะเป็นปราณต่อสู้ระดับสูงสุด บรรดาไอเท็มสุดโกงนานับชนิด รวมถึงวิชาดาบและเวทมนตร์ท่าไม้ตายทั้งหมด


การใช้คอมโบสะพรั่งทำลายล้างรำสังหารและมายาร่ายรำทำลายล้างสังหาร เป็นสิ่งยืนยันว่ากริดเอาจริงมากเพียงไหน


<มายาร่ายรำทำลายล้างสังหาร>

วิชาดาบผสาน 4 ชนิดรวมเป็นหนึ่ง

ยิงคลื่นดาบสังหาร 7 เส้นรวดภายใน 1 วินาที สร้างความเสียหายทางกายภาพ 3,700% พร้อมกับปลดไอเท็มเป้าหมายในจุดถูกคลื่นดาบปะทะ นอกจากนั้นยังสร้างอาการผิดปรกติเลือดออกและสิ้นหวัง

* ทุกคลื่นดาบสังหารจะมองข้ามพลังป้องกัน 65% ของเป้าหมาย

★ รายการเวทมนตร์

- เวทตรวจจับ

- ลมเฉือน

- เสริมแกร่งอาวุธ

เงื่อนไขใช้งาน : อาวุธประเภทดาบ

ปราณดาบ : 400

ระยะหน่วง : 2 ชั่วโมง


ตามหลักการของร่าง ‘มายา’ ทักษะชนิดนี้จะทำให้การโจมตีทุกชนิดรุนแรงขึ้น 2 เท่า และเปลี่ยนการโจมตีธรรมดาเป็นระยะไกล ฉะนั้นคลื่นดาบของ ‘มายาร่ายรำทำลายล้างสังหาร’ ก็ต้องรุนแรงขึ้นสองเท่าเช่นกัน


เมื่อใช้ใส่เป้าหมายติดมาร์คครบ 5 ขีด ความรุนแรงจะต้องมากกว่า ‘สะพรั่งทำลายล้างร่ายรำสังหาร’ ซึ่งมีพลังโจมตีทางกายภาพรวม 22,560% และพลังโจมตีเวทมนตร์อีก 100%


อย่างไรก็ตาม ทุกทักษะย่อมมีจุดอ่อน


ด้วยระยะหน่วงนานถึงสองชั่วโมง แถมความรุนแรงก็ไม่เสถียรเท่า ‘สะพรั่งทำลายล้างร่ายรำสังหาร’ เพราะแพ้ทางศัตรูพลังป้องกันสูง


หรือก็คือ เมื่อศัตรูเป็นออร์คลอร์ดเทรูชาน ประสิทธิภาพของ มายาร่ายรำทำลายล้างสังหาร จะไม่ยอดเยี่ยมเท่า สะพรั่งทำลายล้างร่ายรำสังหาร


ค่าต้านทานเวทมนตร์ของอีกฝ่ายต่ำมาก แต่แลกมากับค่าพลังป้องกันกายภาพมหาศาล ชนิดว่าถูกหักลบเกราะด้วย ‘ทำลายล้าง’ ไปถึง 65% ก็ยังถึกทนได้อยู่


ไม่เพียงเท่านั้น การเปิดฉากด้วย สะพรั่งทำลายล้างร่ายรำสังหาร ก็ยังสร้างความเสียหายได้ต่ำกว่าการคำนวณของกริด


ประเด็นน่าหนักใจยิ่งกว่าก็คือ เทรูชานถึกทนได้ขนาดนี้โดยไม่ต้องพึ่งพาพลังแห่งไอเท็มแม้แต่ชิ้นเดียว


และเพราะมันมิได้สวมชุดเกราะ เอฟเฟคปลดไอเท็มจึงไม่เกิดประโยชน์


‘พลังแห่งแต้มสถานะช่างน่ากลัว’


กริดส่ายศีรษะผิดหวังพลางจ้องมองเทรูชานบนพื้นดิน


หลอดพลังชีวิตของมหาออร์คลอร์ดเหลือไม่ถึงหนึ่งในห้าก็จริง แต่สีหน้าชายหนุ่มกลับตรงข้ามความยินดี


ปัญหาคือความเร็วในการฟื้นฟูพลังชีวิตตามธรรมชาติของเผ่าพันธุ์ออร์ค และยิ่งเป็นออร์คจ่าฝูงอย่างเทรูชานด้วยแล้ว


ในทางกลับกัน ปราณดาบของตนกำลังจมก้นหลอด และนั่นคือสาเหตุให้กริดไม่ตามโจมตีซ้ำหลังจากทำให้เทรูชานเป็นอัมพาตด้วยเวทมนตร์ ‘อสนีบาต’ จากรองเท้า


วิธีการสั่งสมปราณดาบโดยเร็วคือ ต้องโจมตีธรรมดาใส่เป้าหมายอย่างต่อเนื่อง แต่ชายหนุ่มมิอาจกระทำเช่นนั้นได้ เพราะลั่นวาจาเอาไว้หนักแน่น ว่าจะสยบเทรูชานให้ได้ภายในสิบดาบ


‘สะพรั่ง


‘มายาร่ายรำสะพรั่ง


‘ร่ายรำ


‘สังหาร…’


ขณะก้มมองออร์คลอร์ด กริดยืนคำนวณว่าตนโจมตีไปแล้วทั้งหมดกี่ครั้ง


เจ็ด


เหลืออีกแค่สามก็จะครบสิบดาบ


เป็นไปได้ด้วยหรือ? กับการล้มออร์คลอร์ดซึ่งยังเหลือพลังชีวิตมากถึงหนึ่งในห้า โดยตนปลดปล่อยทักษะไม้ตายออกไปจนเกลี้ยงแล้ว


คำตอบคือ ไม่น่าจะเป็นไปได้


เมื่อกริดได้บทสรุป ร่างกายมันเริ่มสั่นเทา


‘…บัญชาเทพหัวค*ย’


หากยอมแสดงผลสักครั้ง รับประกันได้เลยว่าออร์คลอร์ดต้องยอมก้มหัวศิโรราบแน่นอน


โอกาส 50% ก็เหมือนลุ้นหวย


จะว่ามากก็มาก จะว่าน้อยก็น้อย


‘โชคร้ายชะมัด ดันไม่แสดงผลในเวลาสำคัญแบบนี้’


ชายหนุ่มผิดหวังรุนแรง


ขณะมันขบกรามแน่น


“ราชาแห่งมนุษย์เอ๋ย! คุรุก!!”


เทรูชานเรียกขานกริด


แขนซ้ายและขาขวาของมันปราศจากเรี่ยวแรงคล้ายกระดูกแตกละเอียด เป็นผลพวงมาจากการแบกรับน้ำหนักตัวมหาศาลขณะกระแทกพื้น


“ตัวข้า …คุรุก! เทรูชานผู้นี้รับการโจมตีไปมากกว่า 50 ดาบแล้ว!”


เทรูชานตะโกนอย่างฮึกเหิม แถมยังแสดงสีหน้าแสนภูมิใจ


เพราะยอมรับว่าอีกฝ่ายแข็งแกร่ง ตัวมันจึงยินดีมากเมื่อทราบว่าสามารถเอาชีวิตรอดมาได้ถึง 50 ดาบ


แต่กริดขมวดคิ้ว


“แกกำลังพูดเรื่องอะไร? ฉันเพิ่งโจมตีไปได้เจ็ดครั้งเท่านั้น”


“คุรุก? แต่เจ้าแกว่งดาบไป 40 ครั้งแล้ว! มากกว่านั้นด้วยซ้ำ!!”


ผู้คนมากมายล้วนเห็นเต็มสองตา


กริดแกว่งดาบกลางอากาศไม่ต่ำกว่าสี่สิบ


แม้ออร์คจะเป็นเผ่าพันธุ์มารยาททรามกว่าสิ่งมีชีวิตชนิดอื่น แต่เมื่อได้เห็นข้ออ้างเหลวไหลของกริด พวกมันยังอดสมเพชไม่ได้


“ไร้สาระ ฉันอาจกวัดแกว่งดาบหลายสิบหนก็จริง แต่เพิ่งโจมตีไปแค่เจ็ดท่าเท่านั้น! หมายความว่ายังเหลืออีกสามท่า!”


“…?”


“…”


หมอนี่เป็นนักแถหรือไง?


ตรรกะอันสุดบกพร่องของกริดดังกึกก้องทั่วสนามรบหน้าป้อมโฮลว์อันเงียบสงัด


ทั้งทหารของโฟลด์และเหล่าออร์คนับแสนต่างพากันหมดคำพูด


แม้กระทั่งออร์คลอร์ดป่าเถื่อนก็ยังรักษาสัญญากับมาร์ควิสเบเซล รวมถึงให้เกียรติอีกฝ่ายในฐานะนักรบกล้าหาญ แต่ราชาโอเวอร์เกียร์ผู้มีอำนาจเท่ามหาจักรพรรดินีบาซาร่า กลับไม่รู้สึกละอายใจสักนิดเลยหรือ?


บางคนผิดหวัง บางคนเย้ยหยัน


แต่เทรูชานกำลังตื่นเต้น


“คุรุก! แบบนี้นี่เอง! เพิ่งเจ็ดท่าสินะ!”


กล่าวกันตามตรง มันค่อนข้างหวั่นวิตก


ราชาโอเวอร์เกียร์แข็งแกร่งมาก เทรูชานคิดเช่นนี้จากใจจริง


ดังนั้น


“ก็ได้! คุรุก! ข้าเองก็ปรารถนาการต่อสู้!”


จิตใจนักรบกำลังเดือดพล่านจนสยบอาการหวาดกลัวไปหมดสิ้น


เทรูชานต้องการทราบขีดจำกัดตัวเอง มันปรารถนาการต่อสู้อันเข้มข้น ชนิดต้องทุ่มพลังทั้งหมดเข้าห้ำหั่นโดยไม่ออมมือ


แม้ผลลัพธ์อาจลงเอยด้วยความตาย แต่มันจะไม่เสียใจภายหลังอย่างแน่นอน


หากใครรักตัวกลัวตาย มันผู้นั้นไม่สมควรเป็นนักรบตั้งแต่แรก


“คุรุก!! มาดวลกัน! จนกว่าจะมีใครสักคนหมดลมหายใจ! เริ่มได้!!”


“ด้วยความยินดี”


การดวลโดยปราศจากข้อผูกมัด


ว่ากันตามตรง กริดไม่มั่นใจในสามดาบสุดท้ายของตัวเองสักเท่าไร สาเหตุสำคัญมาจากความเหือดแห้งของปราณดาบ


แสยะ


ชายหนุ่มฉีกยิ้มกว้างถึงมุมปาก ใบหน้าของมันกำลังชั่วร้ายไม่ต่างจากจอมอสูร


“อย่ารีบตายซะล่ะ”


ฟุ่บ!


ราชาโอเวอร์เกียร์ทะยานลงพื้นด้วยความเร็วสูงสุด แผนของมันคือ รีบกอบโกยผลประโยชน์ขณะยังอยู่ในบัฟร่างมืด


เปรี้ยะ! เปรี้ยะ!


กริดอาจไม่รู้ตัว แต่ร่างกายของมันเริ่มสว่างขึ้นทุกขณะจนใกล้เป็นสีขาวโพลน


ทักษะติดตัวแบบมีเงื่อนไขจากรองเท้ามังกรคราม เมื่อเคลื่อนตัวด้วยความเร็วสูงสุด มีโอกาสต่ำในการแปลงร่างเป็นเทพสายฟ้า


ฟุ่บ!


“…คุรุก!”


หรืออีกฝ่ายกำลังรอสิ่งนี้ตั้งแต่แรก?


หัวใจเทรูชานพลันหนักอึ้ง มันรีบตวัดดาบใหญ่ปัดป้องวิถีดาบจากกริดโดยไม่ประมาท


การโจมตีของราชาโอเวอร์เกียร์ถูกผนวกด้วยแรงโน้มถ่วงของโลก มากพอจะทำให้มหาออร์คลอร์ดอย่างเทรูชานเกิดความสั่นเกร็ง


“เจ้ามนุษย์! คุรุก! ข้าต้องการทราบชื่อจริงของเจ้า!!”


ดวงตาเปล่งประกายแววาวของเทรูชาน


และ ดวงตาแสนละโมบชั่วร้ายของกริด


ทั้งสองประสานสายตากันกลางอากาศ


“ฉันชื่อกริด”


เคร้ง! เคร้งเคร้งเคร้ง!!


พายุสายฟ้าเริ่มโหมกระหน่ำเต็มรูปแบบ


เมื่อผลของทักษะผสานไอเท็มหมดลง ดาบอัสนีฯ กลับคืนสภาพเดิมพร้อมกับรัวฟาดฟันใส่ดาบใหญ่เทรูชานไม่หยุดพัก


“มนุษย์ผู้กำลังจะได้ปกครองออร์ค”


ผิวหนังของทั้งคู่ยิ่งร้อนรุ่มอย่างตื่นเต้นเมื่อยิ่งแลกดาบซึ่งกันและกัน


หลังจากได้ยินกริดโพล่งความประสงค์ออกมาอย่างโผงผางไม่ปิดบัง หัวใจเทรูชานยิ่งเปี่ยมด้วยความฮึกเหิม


“คุฮ่าฮ่า! พวกเราคือนักรบ! ไม่มีทางก้มหัวให้มนุษย์เด็ดขาด!!”


เทรูชานหัวเราะร่วน


สิ่งนี้มิใช่อาการเย้ยหยัน รวมถึงไม่ได้โกรธเคืองในคำพูดของกริด


เพราะในอดีตกาลนานโพ้น ออร์คลอร์ดสมัยก่อนเคยเคารพบูชามนุษย์เยี่ยงเทพ


บึ้ม! เคร้ง! บึ้ม! บึ้ม!


เสียงเสียดทานระหว่างสองศาสตราดังสลับกับเสียงระเบิดเป็นระยะไม่หยุดพัก


ขณะเทรูชานและกริดอยู่ในภาวะเพ่งสมาธิถึงขีดสุด พวกมันโหมโจมตีใส่กันและกันด้วยวิถีดาบซับซ้อนรวดเร็ว


กล้องจากสำนักข่าวทั่วโลกเริ่มจับความเคลื่อนไหวตกหล่น จนกระทั่งหลายช่องเกิดความท้อแท้ เลิกคิดถ่ายภาพซูมในระยะใกล้


ทันใดนั้น


วาบ!


เทพสายฟ้าสถิตร่างสมบูรณ์


หลังจากวินาทีนี้


ดาบใหญ่ในมือเทรูชานมิอาจสัมผัสร่างกริดได้อีกเลย


▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬
ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 4 ตอน
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,486
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/

Comments

  1. 7 สกิล แต่ฟันไป40-50ดาบแล้ว 5555555

    ReplyDelete
  2. เดี๋ยวนะ ออร์คขึ้นไปบนเมฆได้ไงวะ

    ReplyDelete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00