จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1096
‘ไหวแน่’
ผู้เล่นส่วนใหญ่ประเมินค่าออร์คลอร์ดในระดับเดียวกับจอมอสูร
แม้จะทราบว่าออร์คแพ้ทางเวทมนตร์ แต่ประสิทธิภาพด้านร่างกายสามารถกลบจุดอ่อนดังกล่าวจนมีพลังเฉลี่ยเทียบเท่าจอมอสูร
ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น?
ในสายตาผู้เล่นส่วนใหญ่ ไม่ว่าจะจอมอสูรหรือออร์คลอร์ดล้วนเป็นตัวตนเกินเอื้อมซึ่งอาจไม่มีโอกาสเผชิญหน้าเลยสักครั้งในชีวิต
‘มาตรฐาน’ ของออร์คลอร์ดและจอมอสูรในสายตาคนเหล่านี้จึงไม่แตกต่างสักเท่าไร
แต่กริดไม่คิดเช่นนั้น
มันมีประสบการณ์และมุมมองเกี่ยวกับโลกซาทิสฟายกว้างขวาง เคยเผชิญหน้าจอมอสูรมาแล้วสองตน จึงเชื่อว่าจอมอสูรยังอยู่เหนือออร์คลอร์ดไปหนึ่งขั้น
ว่ากันตามตรง ออร์คสนธยาถือเป็นเผ่าพันธุ์ระดับค่อนข้างสูง อาจไม่เท่าแวมไพร์ แต่ความแข็งแกร่งมีมากกว่ามนุษย์แน่นอน
อย่างไรก็ตาม ต่อให้เทรูชานเป็นสุดยอดตัวตนของเผ่าพันธุ์ออร์คสนธยา แต่สิ่งมีชีวิตระดับสูงก็ยังถือเป็นคนละมิติกับผู้ปกครองสูงสุดแห่งขุมนรกโดยสิ้นเชิง
หากยกตัวอย่างให้เห็นภาพ ต้องนึกถึงกษัตริย์เผ่าวารี ‘มาซง’
อาจเป็นสุดยอดตัวตนในสายพันธุ์ระดับสูงอย่างเผ่าวารี แต่ก็ถูกสยบโดยกริด อัศวินประจำตัว และยารุกต์ได้ไม่ยาก
เมื่อนำมาซงไปเปรียบเทียบกับจอมอสูร ฝีมือทั้งสองอยู่ในระดับใกล้เคียงกันจริงหรือ?
แน่นอนว่าไม่ใช่
ดังนั้น
ออร์คอาจบดขยี้แรงเกอร์ระดับท็อปหรือ NPC พิเศษได้ง่ายดาย แต่เมื่อเทียบกับจอมอสูรตัวจริงจะเป็นได้เพียงเด็กทารก บางทีอาจดวลไม่ชนะเมอร์เซเดสหรือปิอาโร่ด้วยซ้ำ
‘และถ้าสู้กับเรา’
เหนือมนุษย์ผู้ครองกวีสองบท
เจ้าของรองเท้ามังกรคราม
เจ้าของหัตถ์เทวะรุ่นใหม่
กริดผู้พัฒนาตัวเองอย่างก้าวกระโดดในช่วงหลายเดือนหลังกำลังมั่นใจว่า ตนไม่มีทางแพ้ดวลให้เมอร์เซเดสหรือปิอาโร่ในพริบตาเหมือนสมัยอดีตอีกแล้ว
อาจไม่ชนะ แต่ก็แพ้ไม่ง่ายเช่นกัน
ค่าสถานะและทักษะโดยรวมอาจสูสีหรือเหนือกว่าเล็กน้อย แต่หากอีกฝ่ายเอาจริง กริดตระหนักดีว่าตนคงรับมือ ‘เป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ’ เวอร์ชันใหม่ของปิอาโร่ไม่ไหว และ ‘เนตรมองทะลุทุกสิ่ง’ ของเมอร์เซเดสก็อยู่ในบริบทเดียวกัน
แต่ออร์คลอร์ดไม่มีของแบบนั้น
ชายหนุ่มวิเคราะห์การต่อสู้ของอีกฝ่ายอย่างละเอียดก่อนเดินทางมายังป้อมโฮลว์ และมั่นใจอยู่หลายส่วนว่าตนสามารถชนะได้
ออร์คลอร์ดแพ้ทางเวทมนตร์ตามความคาดหมายของหลายฝ่าย มันมิได้สวมใส่ไอเท็มโอเวอร์เกียร์ และยังมีทักษะโจมตีมีไม่มากเนื่องจากมานาค่อนข้างจำกัด
แต่ก็ประมาทไม่ได้เช่นกัน ท่าโจมตีแต่ละครั้งล้วนทรงพลังและสร้างภัยพิบัติไม่ต่างจากเวทมนตร์จอมอสูรเฟย์ริส (นี่คือเหตุผลว่าทำไมคนทั่วโลกถึงประเมินค่าให้ออร์คลอร์ดแข็งแกร่งเท่าจอมอสูร) อย่างไรก็ตาม กริดมีหัตถ์เทวะซึ่งเคลื่อนไหวได้เอง และรองเท้ามังกรครามมาพร้อมออปชันสายฟ้า ไอเท็มสองชนิดดังกล่าวมีค่าคงทนอนันต์ จึงสามารถใช้ปัดป้องการโจมตีช้างสารได้ดี
ไม่ผิดคาดสักเท่าไร
การบุกชุดแรกของออร์คลอร์ดล้วนเป็นการโจมตีธรรมดา และปิดท้ายด้วยทักษะรุนแรง
ความยอดเยี่ยมของไอเท็มช่วยให้กริดไร้รอยขีดข่วนจากพละกำลังออร์คลอร์ด
‘เราชนะได้แน่’
ไม่สิ ต้องชนะเท่านั้น!
ชายหนุ่มลั่นวาจาเงียบงัน
การเผชิญหน้าครั้งนี้มีความหมายพิเศษ
เมื่อตัดสินใจว่าจะดวลกับออร์คลอร์ด กริดวางเป้าหมายให้ตนชนะ และได้รับการยกย่องจากบรรดาเผ่าพันธุ์ออร์คว่าแข็งแกร่ง
หากมัวรอให้เอฟเฟคสมญานาม ‘ดยุคแห่งคุณธรรม’ หรือ ‘ราชาหลากเผ่าพันธุ์’ แสดงผลขึ้นเองตามธรรมชาติ วิธีนี้นับเป็นการพึ่งพาโชคชะตามากเกินไป บางทีอาจไม่เกิดขึ้นเลยก็ได้ตลอดชีวิต
‘ต้องเอาชนะและทำให้พวกมันยอมสยบ’
อาจเป็นเด็กทารกเมื่อเทียบกับจอมอสูร แต่เผ่าพันธุ์ระดับสูงก็ยังเป็นระดับสูงไม่เปลี่ยน
หากนับเฉพาะทวีปตะวันตก พวกมันอยู่ในลำดับต้นๆ อย่างไม่ต้องสงสัย
จากมุมมองกริด ในอนาคตตนอาจต้องเผชิญหน้าจอมอสูร ยังบัน เจ็ดมาร และรวมถึงเหล่าเทพ การครอบครองกองทัพแข็งแกร่งไว้เป็นบริวารจึงมีความสำคัญมาก
แถมกริดยังชื่นชอบความซื่อตรงของออร์ค
“สิบดาบ ถ้าแกยังรอดไปได้ จะยอมไว้ชีวิตเผ่าพันธุ์ออร์คทุกตนให้”
กริดประกาศกร้าวต่อหน้าออร์คลอร์ดด้วยสายตาเปี่ยมด้วยความละโมบ
ในวินาทีนี้ ชายหนุ่มกำลังแสดงธาตุแท้ของตัวเองโดยไม่ปิดบัง และนั่นได้กระตุ้นต่อมโทสะของเทรูชานจนเดือดดาล
‘ข้าคือมหาออร์คลอร์ด แต่เจ้านี้กลับแสดงกิริยาโอหังอย่างไม่ละอาย’
หยาบคายนัก
มนุษย์และออร์คมีสรีระร่างกายค่อนข้างแตกต่าง ส่งผลให้พรสวรรค์ด้านพละกำลังห่างกันประหนึ่งท้องฟ้าหุบเหว
ความต่างของพลังมิได้เกิดจากความเกียจคร้าน แต่เป็นลิขิตฟ้าติดตัวมาตั้งแต่เกิด
ด้วยเหตุนี้ เทรูชานจึงไม่เคยดูแคลนเผ่ามนุษย์ผู้มีร่างกายอ่อนแอกว่าเลยสักครั้ง
เป็นความเข้าอกเข้าใจและเมตตากรุณา
หรืออีกความหมายหนึ่ง พวกออร์คสมเพชมนุษย์ผู้เกิดมาพร้อมความอ่อนแอทางร่างกาย
แต่วาจาโอหังก้าวร้าวของกริดได้ล้ำเส้น
“…สามหาว”
เทรูชานจ้องมองมนุษย์ตรงหน้าผู้เรียกตัวเองว่าราชาโอเวอร์เกียร์ ด้วยสายตาเหยียดหยันและรังเกียจ
แม้มันจะเป็นนักรบเปี่ยมด้วยเกียรติยศไม่ต่างจากอัศวิน แต่ออร์คก็ยังเป็นออร์ค
ไม่เหมือนมนุษย์ พวกมันความอดทนต่ำเพราะพึ่งพาสัญชาตญาณมากกว่าปัญญา
อาจมีมโนธรรมพื้นฐาน แต่เมื่ออีกฝ่ายไม่คาดคิดไว้หน้า ก็ไม่มีเหตุผลให้ต้องอดทน
“ก้มหัวลงซะ! คุรุรุก! ถ้าเป็นตอนนี้ข้าจะยอมอภัยให้!”
“ยังไม่เข้าใจสถานการณ์อีกหรือ?”
กริดแสยะยิ้มเหยียดหยันให้เทรูชานผู้กำลังถลึงตาใส่ด้วยโทสะ
“ฝ่ายกุมชะตาชีวิตคือทางนี้ต่างหาก”
“คุซุก!! สามหาวนัก!!”
เทรูชานสลัดหน้ากากสุภาพบุรุษทิ้ง แทนด้วยอารมณ์โกรธเกรี้ยวเดือดดาลของเผ่าพันธุ์ออร์คตามปรกติซึ่งมนุษย์คุ้นเคยดี
คล้ายกับพันธนาการภายในใจถูกทำลายอย่างเงียบงัน
เทรูชานแข็งแกร่งขึ้น
ไม่สิ นี่คือร่างแท้จริงต่างหาก
โฮกกกกกกกกกกก!!
ออร่าสีดำเทาพลันระเหยออกจากร่างมหาออร์คลอร์ดเทรูชานในปริมาณเข้มข้น ปกคลุมรัศมีหนึ่งเมตรครึ่งรอบตัวมันทุกทิศทาง
[ปราณต่อสู้ของท่านเพิ่มถึงค่าสูงสุด!]
[ค่าพละกำลัง ความว่องไว และความอดทนเพิ่มขึ้น 50%!]
ปราณต่อสู้ของกริดซึ่งถูกสั่งสมทีละนิดหลังจากเผชิญหน้าเทรูชาน บัดนี้พุ่งพรวดจนถึงค่าสูงสุดในรวดเดียว
หมอกสีม่วงอมแดงรอบตัวกริดกำลังส่องสะท้อนบนกระจกตาเทรูชานจนเกิดภาพงดงาม
“คุรุก! …ข้าเคยได้ยินตำนานของพลังนี้”
ราชาวีรบุรุษ
ตัวตนแข็งแกร่งอันดับหนึ่งในประวัติศาสตร์อันยาวนานของเผ่าพันธุ์มนุษย์
‘สิ่งนี้ไม่เหมือนกับปราณของอริยดาบมุลเลอร์ไปหน่อยหรือ?’
แม้กระทั่งออร์คลอร์คอย่างเทรูชานยังเคารพนับถือมุลเลอร์ อดีตตำนานเผ่ามนุษย์
สีหน้าของมันเริ่มดำมืด
เทรูชานเพิ่งตระหนักได้เมื่อสาย ว่ามนุษย์ตรงหน้ามิได้อ่อนแอและน่าสมเพชตามความเข้าใจของตน
“มายาร่ายรำสะพรั่ง”
เมื่อรำดาบเสร็จ กริดจ้องมองเทรูชานผู้กำลังอยู่ในอากัปกิริยาตื่นตระหนก
ซู่ว!
กลีบดอกสีฟ้าครามปรากฏเหนือทุ่งกว้างหน้าป้อมปราการโฮลว์ ทั้งหมดถูกสร้างตามจำนวนออร์คผิวดำนับแสนตนด้านล่าง
บรรยากาศมืดมิดซึ่งเกิดจากผิวหนังดำสนิทของสิ่งมีชีวิตรูปร่างสูงใหญ่กว่าสองเมตรจำนวนเกือบแสนตน บัดนี้ถูกทำให้สว่างไสวอีกครั้งด้วยแสงกลีบดอกไม้บานสะพรั่ง
= …อะ!
เทศกาลดอกไม้บานหรือไง?
เมื่อวิวทิวทัศน์อันงดงามปรากฏเหนือน่านฟ้าสนามรบ ผู้ชมทางบ้านหลายล้านต่างตกตะลึงประหนึ่งวิญญาณหลุดออกจากร่าง แม้กระทั่งออร์คนับแสนก็ยังอ้าปากค้างไม่หุบ
อย่างไรก็ตาม เทรูชานรีบหรี่ตาลงพร้อมกับเพ่งสมาธิเตรียมรับมือ มันไม่กล้าประมาทแม้แต่วินาทีเดียว
หลังจากตระหนักถึงความไม่ชอบมาพากล เทรูชานรีบหันไปตะโกนบอกออร์คด้านหลัง
“คุรุก! เตรียมรับการโจมตี!!”
ทันใดนั้น
บึ้มบึ้ม!
บึ้มบึ้มบึ้มบึ้มบึ้ม—!!
กลีบดอกไม้แหลมคมกว่า 40เส้นซึ่งถูกสร้างจากปราณดาบ กำลังพวยพุ่งกรีดเฉือนร่างเทรูชานอย่างไร้ความปรานี
ขณะเดียวกันก็เกิดระเบิดกัมปนาทภายในกระบวนทัพออร์คนับแสนด้านหลัง
ฉึกฉึกฉึกฉึกฉึก!
พายุสายลมแหลมคมบางเฉียบฉีกกระชากร่างออร์คพร้อมกลีบดอกไม้จำนวนนับไม่ถ้วนจากฟากฟ้า
เปรี้ยะ! เปรี้ยะ!
ท่ามกลางความวุ่นวาย ประจุสายฟ้าชิ่งไปมาระหว่างออร์คตนแล้วตนเล่าคล้ายกับไม่มีจุดสิ้นสุด
<มายาร่ายรำสะพรั่ง>
วิชาดาบผสาน 3 ชนิดรวมเป็นหนึ่ง
สร้างปราณดาบกลีบดอกไม้ 40 เส้นโจมตีใส่เป้าหมายด้วยความรุนแรง 200% พลังโจมตีกายภาพ พร้อมกับสร้าง ‘มาร์ค’ 1 ขีดใส่ทุก ‘เป้าหมาย’ ตามผู้ใช้กำหนด
หากเป้าหมายติดมาร์คอยู่ก่อนแล้ว จะสร้างกลีบดอกเพิ่ม 2 เส้นต่อมาร์ค 1 ขีด แต่ละเส้นสร้างความเสียหายรุนแรง 122% พลังโจมตีกายภาพและ 20% พลังเวท
หากเป้าหมายถูกกลีบดอกปราณดาบโจมตีใส่ครบสองครั้ง ทำการสร้างมาร์คเพิ่ม 1 ขีด สะสมได้สูงสุด 5 ขีดต่อ 1 เป้าหมาย
เงื่อนไขใช้งาน : สวมใส่อาวุธประเภทดาบ
ปราณดาบ : 300
ระยะหน่วง : 20 นาที
★ เสริมเวทมนตร์
- เวทตรวจจับ
- ลมเฉือน
- เวทอัสนี
มานา : 3,600
นี่คือความยอดเยี่ยมของทักษะโจมตีหมู่ประเภท ‘กำหนดเป้าหมายตามการมองเห็น’
กริดซึ่งกำลังอยู่ในโหมดบินย่อมทัศนาฉากสนามรบได้กว้างขวาง ออร์คหลายหมื่นตนได้รับบาดเจ็บจากการโจมตีเพียงหนเดียว
เทรูชานแหงนหน้ามองกริดบนท้องฟ้าพร้อมกับแผดเสียงตวาดขึงขัง
“คุรุก! ทำไมเจ้าถึงไม่สู้ตัวต่อตัว!!”
นักรบย่อมมีศักดิ์ศรีของนักรบ โดยเฉพาะเมื่อเป็นการดวลแบบหนึ่งต่อหนึ่ง
แต่อีกฝ่ายกลับไม่โจมตีใส่ตนผู้เดียว เลือกสร้างความเสียหายแก่กองทัพหมู่มากอย่างไม่เกรงกลัวว่าการถูกรุม
ท่าทีโอหังในทุกการกระทำของกริดยิ่งทำให้เทรูชานทวีความเดือดดาล
มันกระโจนขึ้นท้องฟ้าด้วยดวงตาแดงก่ำเจืออารมณ์อาฆาต แม้เมื่อครู่จะกลับไปใจเย็นได้แล้วก็ตาม
ผิวหนังของมันแทบไม่เกิดรอยขีดข่วนหลังจากถูกกลีบดอกไม้ 40 เส้นโจมตีใส่อย่างจัง
‘ถึกเอาเรื่องแฮะ’
หลังจากได้ยินเสียงตวาดของออร์คลอร์ด บรรดาทหารออร์คต่างเก็บงำความเจ็บปวดแม้ส่วนใหญ่จะถูกกลีบดอกพุ่งเฉือนผิวหนังร่างกาย ราวกับมีออร์คลอร์ดผู้รับคนเดียว 40 กลีบโดยไม่เปล่งเสียงครวญครางเป็นตัวอย่าง
ออร์ค
ไม่คิดว่าสิ่งมีชีวิตประเภทนี้จะเต็มไปด้วยนักรบกล้าหาญ กริดเคยมองพวกมันเป็นเพียงมอนสเตอร์ประเภทหนึ่งมาตลอด
ท่ามกลางความชื่นชม ชายหนุ่มรำดาบกลางอากาศเพื่อสานต่อท่าโจมตีถัดไป
“สะพรั่ง”
หลังจากได้รับทักษะ ‘เทคนิคมหาจอมดาบแพ็กม่า’ กริดคิดค้นคอมโบในการรับมือศัตรูแข็งแกร่งไว้นับแต่นั้น
เปิดด้วยการโจมตีหมู่และพยายามสร้างมาร์คบนร่างกายศัตรูให้มากขีดเข้าไว้ จากนั้นก็ตามต่อด้วยทักษะคำนวณความรุนแรงตามขีดมาร์คเพื่อรีดความเสียหายสูงสุด
“สะพรั่งทำลายล้างร่ายรำสังหาร!”
สุดยอดทักษะผสาน 4 ชนิดซึ่งสามารถสร้างความเสียหายได้สูงสุดในทางทฤษฎี
อาวุธในปัจจุบันของกริดคือศาสตราผสานระหว่างไม้เท้าบีเลียลและดาบอัสนี
< ไม้เท้าบีเลียล + ดาบอัสนีแห่งการบรรลุสัจธรรมฯ >
เกรด : มิธ (ก้าวข้าม)
…
* สติปัญญา +30%
* พลังโจมตีเวท +40%
* พลังโจมตีธาตุไฟ +30%
* พลังโจมตีธาตุมืด +30%
* พลังโจมตีธาตุสายฟ้า +15%
…
* มีโอกาสปานกลางในการปลดปล่อย เปลวเพลิง (มหึมา) ขณะโจมตี
* มีโอกาสเล็กน้อยในการปลดปล่อยภาพหลอนขณะโจมตี
* มีโอกาสเล็กน้อยในการปลดปล่อยสายฟ้าสีชาดขณะโจมตี
★ มีโอกาสปานกลางในการปลดปล่อยเพลิงทมิฬขณะโจมตี
* เพิ่มความเร็วร่ายเวท 30%
* สามารถร่ายเวทมนตร์สามชนิดได้พร้อมกัน
(ใช้ความชำนาญสูงมาก)
(หากเวทมนตร์ธาตุไฟและมืดถูกปลดปล่อยพร้อมกัน การโจมตีแต่ละชนิดจะรุนแรงขึ้น 200%)
* สร้างบาเรียคุ้มกาย 5,000 หน่วยทุกครั้งเมื่อเจ้าของอาวุธปลดปล่อยเวทมนตร์
(ผู้โจมตีใส่บาเรียมีโอกาสตกอยู่ในอาการหวาดกลัวและเชื่องช้า)
★ ออปชันเพลิงมหึมา ภาพหลอน สายฟ้าสีชาด และเพลิงทมิฬจะถูกนับให้เป็นการปลดปล่อยเวทมนตร์
* เพิ่มโอกาสคริติคอลเวทมนตร์ 20%
พลังโจมตีและพลังเวทของอาวุธผสานจะต่ำกว่าขณะแยกชิ้นเล็กน้อย เป็นผลมาจากการรวมอาวุธต่างประเภท ทำให้รูปทรงเสียสมดุลแม้จะถูกระบบช่วยปรับแต่ง
ออปชันส่วนใหญ่คล้ายก่อนรวม นำข้อดีของทั้งสองอาวุธมาใส่ไว้ในชิ้นเดียว
ยกเว้นเพียงหนึ่ง
* สร้างบาเรียคุ้มกาย 5,000 หน่วยทุกครั้งเมื่อเจ้าของอาวุธปลดปล่อยเวทมนตร์
(ผู้โจมตีใส่บาเรียมีโอกาสตกอยู่ในอาการหวาดกลัวและเชื่องช้า)
★ ออปชันเพลิงมหึมา ภาพหลอน สายฟ้าสีชาด และเพลิงทมิฬจะถูกนับให้เป็นการปลดปล่อยเวทมนตร์
ออปชันสุดโกงชนิดนี้ช่วยให้กริดอยู่ในภาวะไร้พ่าย
และจะยิ่งโดดเด่นเมื่ออีกฝ่ายเป็นสิ่งมีชีวิตเผ่าออร์คซึ่งแพ้ทางเวทมนตร์สถานหนัก
“…คึ่ก!”
เทรูชานถึงกับหน้าเปลี่ยนสีเมื่อถูกกระหน่ำโจมตีกลางอากาศโดยไม่คาดฝัน ตามร่างกายเริ่มปรากฏบาดแผลฉกรรจ์ให้เห็น
ดวงตาหดเกร็งขณะแกว่งดาบโจมตีใส่กริดซึ่งกำลังลอยเหนือท้องฟ้า บาดแผลตามร่างกายเลวร้ายทุกขณะยิ่งเวลาผ่านไป มันไม่เคยเผชิญเหตุการณ์เช่นนี้เลยสักครั้งนับตั้งแต่ต่อสู้กับอดีตออร์คลอร์ดในศึกชิงบัลลังก์
ในเวลาเดียวกัน รอบร่างราชาโอเวอร์เกียร์มีบาเรียโปร่งแสงหนาหลายชั้นปกคลุม
ต่อให้ทำลายทิ้งสำเร็จ แต่ก็สลายไปเพียงชั่วอึดใจเท่านั้น
ทุกครั้งเมื่อราชาโอเวอร์เกียร์ใช้ทักษะหรือเกิดระเบิดเพลิงสีดำออกจากดาบ บาเรียจังไรจะก่อตัวขึ้นใหม่เพื่อปกป้องร่างเจ้านายไปพร้อมกับฝ่ามือสีทองดำ 4 ข้าง
นอกเหนือจากนั้น ราชาโอเวอร์เกียร์ยังสวมเกราะหนักรวมถึงรองเท้าประหลาด เรียกได้ว่าร่างกายห่อหุ้มด้วยโลหะชนิดพิเศษจนยากจะสร้างความเสียหายกับเนื้อหนัง
“เอาแต่หดหัวเป็นเต่าในกระดองอยู่ได้!!”
แม้เทรูชานจะเหยียดหยันด้วยสีหน้าดูแคลน แต่แววตากลับมิอาจคลายความตึงเครียดลง
เพราะทุกครั้งเมื่อทำลายบาเรียปริศนา ร่างกายของมันจะหนักอึ้งคล้ายถูกบางสิ่งพันธนาการ แถมยังเกิดความรู้สึกหวาดกลัวภายในจิตใจอย่างเจือจาง
อย่างไรก็ตาม เทรูชานคือตัวตนอันดับหนึ่งของเผ่าพันธุ์ ย่อมถูกปกป้องด้วย ‘ต้านทานอาการผิดปรกติส่วนใหญ่’ ส่งผลให้อาการหวาดกลัวไม่ทำงาน แต่อาการ ‘ช้า’ ยังคงแสดงผลในปริมาณน้อย
ฉะนั้น
“…อั่ก!”
บึ้มบึ้มบึ้มบึ้ม!!
“…เจ้าเป็น …จอมเวท!!”
วืด!
ความเร็วโจมตีเทรูชานเชื่องช้ากว่าปรกติเล็กน้อย อาจไม่เด่นชัดจนประจักษ์ แต่การเคลื่อนไหวของดาบใหญ่ขนาดสองเมตรสูญเสียสปีดไม่ผิดแน่
ผู้ชมทางบ้านไม่มีทางตระหนักว่าเทรูชานถูกลดทอนความเร็ว แต่มิใช่สำหรับกริด จากประสบการณ์ต่อสู้อันยาวนาน มันสัมผัสได้ทันทีว่าอีกฝ่ายกำลังหน่วงหนืด
ฉึก—!
ฉวยโอกาสเทรูชานวาดวงดาบได้เชื่องช้า ราชาโอเวอร์เกียร์เล็งแทงอาวุธกึ่งหอกใส่ผิวหนังหนาแข็งของออร์คลอร์ดชนิดอีกฝ่ายไม่มีโอกาสหลบหลีก
“ไม่เจ็บไม่คันหรอกน่า!”
กายาปราศจากจุดอ่อน
เทรูชานเชื่อว่าผิวหนังของมันแข็งแกร่งยิ่งกว่าแผนโลหะหนาหลายชั้นของชุดเกราะเผ่ามนุษย์
นักรบออร์คทุกคนจะขัดเกลาผิวหนังและมัดกล้ามเนื้อให้แกร่งกล้าจนคมหอกดาบมิอาจทะลวงผ่าน
เมื่อเทียบกับมนุษย์ เผ่าพันธุ์ออร์คซึ่งเทคโนโลยีตีเหล็กยังล้าหลัง ทราบเพียงวิธีการสร้างเครื่องมืออย่างหยาบ ไม่มีทางรู้จักความโอเวอร์เกียร์ได้เลย
“…คึ่ก!?”
โลหิตไหลซึมจากรูจมูกเทรูชาน
เมื่อก้มหน้าลงไปมอง มันเห็นภาพศาสตราในมือกริดทะลวงผ่านผิวหนังแสนภาคภูมิใจของยอดนักรบชาวออร์คได้ง่ายดาย
เทรูชานตกตะลึงจนรีบกวัดแกว่งดาบใหญ่ในมืออย่างส่งเดช
เมื่ออาการ ‘ช้า’ สลายไป วงแขนมัดกล้ามเนื้อของมันสามารถส่งแรงเหวี่ยงได้มหาศาลและรวดเร็ว แต่กริดเตรียมวิธีรับมือไว้แล้ว
“ร่างมืด”
บรึม.
เอื้อมแตะถึงความเร็วสูงสุดอีกครั้ง
ทันใดนั้น ร่างกริดถูกฉาบด้วยแสงสว่างสีขาวโพลนดุจดังเทพสายฟ้า
มันโยกตัวหลบการโจมตีฉับไวจากเทรูชานได้ไม่ยากเย็น จากนั้นก็เต้นรำกลางอากาศจนครบกระบวนเพื่อพรั่งพรูปราณดาบปริมาณมหาศาลออกไปจากร่าง
“มายาร่ายรำทำลายล้างสังหาร!”
ฉึก—!
ฉึกฉึกฉึกฉึกฉึก!
“…คึ่ก!”
เสียงครวญครางจากยอดนักรบ
สิ่งนี้ถือเป็นความอัปยศและตราบาปของนักรบเผ่าพันธุ์ออร์คทุกตน
ร่างกายใหญ่ยักษ์ประหนึ่งภูเขาหินของเทรูชานร่วงหล่นกระแทกพื้นจนปฐพีสั่นสะเทือน
กริดไม่ตามลงไป
ด้วยร่างกายกำลังส่องแสง มันลอยกลางอากาศเช่นนั้นพลางขยับปลายเท้าเล็กน้อย
“อสนีบาต!”
เปรี้ยง!
เกิดเสียงฟ้าคำรามกึกก้องประหนึ่งผืนนภาถูกแยกออกเป็นสอง มังกรครามมหึมาพุ่งจากฝ่าเท้ากริดในลักษณะพญาอินทรีโฉบเหยื่อ
อย่างไรก็ตาม รูปลักษณ์มังกรครามแตกต่างจากมังกรทั่วไปค่อนข้างมาก
สัตว์ปริศนาพุ่งกระแทกเป้าหมายใต้ฝ่าเท้าราชาโอเวอร์เกียร์พร้อมด้วยประจุสายฟ้าปริมาณเข้มข้น
ในเวลาเดียวกัน
‘หนึ่ง สอง …สามครั้ง’
เทรูชานรีบนับเลขในใจอย่างลนลาน
มันพยายามคำนวณว่าตนจะมีชีวิตอยู่จนครบสิบครั้งหรือไม่
อยากอ่านตอนต่อไปมากครับชอบมากๆ
ReplyDeleteค้างงงงง
ReplyDelete...............
ขอบคุณครับ
ยังไม่เกิน 10 ดาบอีกเรอะ
ReplyDeleteเป็นไงล่ะ เจอก็อดกริด ... นับเลขแทบไม่ทัน 5555 😂😂กลัวตาย😱🙏
ReplyDeleteน่าจะบอกว่า 10 วิชาดาบ55
ReplyDeleteขอบคุณครับ
ReplyDelete