จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,107



พูดจาเชื่องช้าและเสียงทื่อ


ผอมแห้งแรงน้อยปราศจากกล้ามเนื้อ


เดินได้สักพักก็หอบเจียนตาย


จิตใจอ่อนแอถึงขนาดไม่กล้าฆ่ามด


ผู้คนรังเกียจทุกอย่างในตัวเรา และเมื่อต้องเผชิญสายตาสมเพชและดูถูกจากคนรอบข้างมากเข้า เราเริ่มเกิดความรู้สึกผิด


เริ่มคิดว่าตัวเองทำในสิ่งไม่ถูกต้อง


เริ่มคิดว่าตัวเองเป็นภาระของโลก


จนกระทั่งได้พบกับเธอ


“นายไม่ผิดสักหน่อย”


เธอกล่าวเช่นนั้น


นายไม่ได้เชื่องช้า แค่ระมัดระวังตัว


นายไม่ได้อ่อนแอ แค่ไม่ชอบใช้กำลัง


นายไม่ฆ่ามดเพราะตระหนักว่าทุกชีวิตมีคุณค่าเท่าเทียมกัน


“นายไม่ต้องรู้สึกผิด แค่คนรอบตัวนายเป็นพวกนิสัยไม่ดี ฝ่ายผิดคือพวกเขา”


เธอเปรียบดังประภาคารผู้มอบแสงสว่างให้กับเรือยามค่ำคืน เธอคือสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจเดียวของเรา


เราเลือกพึ่งพาเธอ และเธอก็คอยปกป้อง


แม้กระทั่งเวลามีพวกระยำคอยตามรังควานเธอ เราเอาแต่ก้มหัวขอร้องและบอกให้พวกมันหยุด แต่เธอทำเพียงอมยิ้มและบอกกับเราว่าไม่เป็นไร


ไม่ว่าจะต้องเจ็บปวดนับร้อยเท่าพันเท่า หรือกระทั่งนับล้านเท่า แต่เธอก็อดทนเพื่อเรามาตลอด…


“อะ…”


คราวนี้ก็ไม่ทันอีกแล้ว


แขนขาของเราเคยไร้เรี่ยวแรงจนมิอาจวิ่งไปคว้าตัวไม่ให้เธอกระโดดออกจากหน้าต่าง


เรากล่าวอะไรไม่ทันอีกครั้ง ริมฝีปากหนักอึ้งจนมิอาจเปล่งเสียงถ่ายทอดคำพูด


ฉึก—


ศรสีดำทะลวงปักหัวใจยูเฟอมิน่าแม่นยำ


ทำไมถึงเจ็บแปลบไม่ต่างกับหัวใจตัวเอง…


ภาพหญิงสาวร่างเล็กกำลังซ้อนทับกับอดีตคนรักผู้กระโดดออกจากหน้าต่างเพื่อจบชีวิต


“อะ…!”


เราทราบดี โลกความจริงไม่ควรถูกนำมารวมกับเกม ความตายในเกมมิได้สำคัญเมื่อนำไปเทียบกับโลกภายนอก แทบจะไม่มีส่วนใดเหมือนกันเลย


แต่


‘ทำไมเราถึง…’


“ว๊ากกกก!!”


เสียงคำรามของแอ็กนัสกึกก้องอาณาเขตป่ามอดไหม้ มันสูญเสียความเยือกเย็นจนหมดสิ้นเมื่อภาพยูเฟอมิน่าซ้อนทับกับอดีตคนรัก


“พวกมนุษย์… ข้าไม่มีวันอภัยเด็ดขาด”


เสียงของบุคคลผู้เล็งศรใส่ยูเฟอมิน่าดังแว่วในโสตประสาทแอ็กนัส หล่อนไม่ใช่ใครอื่นนอกจากดาร์คเอลฟ์ เบเนียลู เป้าหมายในการตามล่าตัวของมันตลอดหลายวัน


“แกนะแก…!!”


แอ็กนัสถลึงตาใส่เบเนียลูอย่างเดือดดาล


ในวินาทีนี้ มันกำลังโทษตัวเอง มิใช่คนอื่น


เหตุใดถึงได้ทำผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า


เหตุใดถึงปล่อยให้หล่อนลงมือสำเร็จ


เหตุใดคนใกล้ตัวถึงได้รับความเดือดร้อนเพราะเราเสมอ


เรามันตัวเชื้อโรค ไม่มีใครควรเข้ามาใกล้


“ไปตายซะ!!!”


แอ็กนัสแหกปากคำรามเยี่ยงสัตว์ป่าพร้อมกับกระโจนใส่เบเนียลู แต่ผู้ทำพันธสัญญากับบาเอลในสภาพร่อแร่หลังจากเพิ่งรับมือกับแมรีโรส ไม่ต่างอะไรจากแรงเกอร์ธรรมดาดาษดื่นคนหนึ่ง


เบเนียลูหลบการโจมตีแสนเชื่องช้าได้ง่ายดายโดยแทบไม่ออกแรง จากนั้นยิงศรสวนกลับทำลายกระดูกซี่โครงแอ็กนัสจนแหลกละเอียด


กร๊อบ!


แอ็กนัสผู้ไม่หลงเหลือเนื้อหนังพลันตัวงอ เบเนียลูไม่รีรอ ชักมีดสั้นขว้างใส่ใบหน้าซ้ำอย่างโหดเหี้ยม


“แอ็กนัส!!”


“อย่ามาเข้าสอด!!”


แอ็กนัสดึงมีดสั้นออกจากหว่างคิ้วพลางแผดเสียงตวาดใส่ซีบาลขึงขัง


มันต้องการอยู่คนเดียว ไม่ปรารถนาสายสัมพันธ์ใดอีกแล้ว


ขอแค่ได้ชุบชีวิตอดีตคนรัก และใช้เวลาตลอดอายุขัยของตนชดเชยความผิดในอดีต


ขณะภาพการมองเห็นกำลังกะพริบสีแดง แอ็กนัสงัดหนึ่งในไพ่ตายออกมาใช้ มันเก็บไว้เป็นแผนสำรองในยามฉุกเฉินมาแสนนาน


<นิทานกล่อมเด็ก>

อัญเชิญดวงวิญญาณของจอมอสูรอันดับ 1 แห่งขุมนรก บาเอล ให้มาสถิตร่างท่าน

เปลี่ยนคลาสเป็น ‘จอมอสูร’ และสูญเสียการควบคุมร่างเนื้อให้บาเอลชั่วคราว

เงื่อนไขแสดงผล : ได้รับสัญญาฉบับใหม่

ระยะเวลาแสดงผล : 2 นาที

ระยะหน่วง : รีเซตหลังจากสังเวยดวงวิญญาณมนุษย์ 3,000 ดวงให้บาเอล


แอ็กนัสไม่ต้องการใช้พลังนี้ มันไม่อยากให้ใครควบคุมร่างแทน


จะมีใครในโลกปรารถนาให้ผู้อื่นควบคุมร่างตัวเองแทนบ้าง? หากมีอยู่จริง หมอนั่นต้องโง่บัดซบจนกู่ไม่กลับ แม้แต่เด็กทารกยังคิดได้ว่าไม่สมควรกระทำ


นอกเสียจากกำลังเผชิญวิกฤติอย่างแท้จริง


ปัญหาสำคัญคือเงื่อนไข ‘สัญญาฉบับใหม่’ สำหรับใช้งานทักษะ


< ต้องฆ่ามนุษย์ 100 คนทุกวัน หากผิดสัญญา เลเวลตัวละครจะลดเหลือ 1 >


ไม่ง่ายเลยกับการฆ่ามนุษย์ 100 คนให้ได้ครบทุกวันโดยไม่ขาดตกบกพร่อง ยิ่งเหยื่อแข็งแกร่งก็ยิ่งต้องใช้เวลามาก บางทีในหนึ่งวันอาจไม่ได้ทำอะไรเลยนอกจากล่ามนุษย์


แน่นอน ยังมีวิธีง่ายกว่านั้น


ฆ่าพวกอ่อนแอ


หากเดินทางไปยังเมืองเกิด หรือแม็ปเก็บเลเวลเบื้องต้น และลงมือสังหารหมู่ผู้เล่นหน้าใหม่ทั้งหมด หนึ่งร้อยชีวิตคงไม่ยากเย็นนัก


แต่แอ็กนัสไม่มีงานอดิเรกฆ่าคนอ่อนแอ โดยเฉพาะเมื่อเป้าหมายเป็น NPC เด็กเล็กไร้เดียงสา


มันไม่ใช่คนดีเด่อะไรนัก แต่ก็ยังหลงเหลือสามัญสำนึกระดับล่างสุดของมนุษย์อยู่บ้าง


ทั้งหมดคือสาเหตุทำให้แอ็กนัสไม่เคยใช้พลัง ‘นิทานกล่อมเด็ก’ แม้แต่หนเดียว


แต่ปัจจุบัน สติของมันหลุดลอยโดยสมบูรณ์ ไม่หลงเหลือความคิดอันสุขุมเยือกเย็นเหมือนทุกคราว ขาดแคลนแม้กระทั่งศีลธรรมพื้นฐานขั้นต่ำสุด


เราสูญสิ้นทุกสิ่งเพราะอ่อนแอไม่ใช่หรือ


แม้แต่ศักดิ์ศรีอันน้อยนิดก็ยังถูกเหยียบย่ำ


ถึงเวลามนุษย์ทุกคนต้องชดใช้คืนบ้างแล้ว


แอ็กนัสกลายเป็นคนใหม่ผู้ไร้จิตสำนึก


“บาเอล!!”


[‘นิทานกล่อมเด็ก’ ถูกใช้งาน]


[บาเอล ผู้ปกครองสูงสุดแห่งขุมนรก กำลังแสยะยิ้มอย่างมีความสุขสุดขีด]


> หืม~ เกิดอะไรขึ้นหรือแอ็กนัส ข้าไม่เคยคิดว่าเจ้าจะเลือกวิธีนี้


“เลิกประชดประชันสักที!”


> คึคึคึก! ข้ามิได้ประชดประชัน แต่กำลังชื่นชมต่างหาก ทำได้ดีมาก น้อยครั้งนักจะตัดสินใจได้อย่างชาญฉลาด


[เศษเสี้ยวดวงวิญญาณบาเอลสถิตร่าง!]


ซู่ววว—


เมฆดำก่อตัวเหนือท้องฟ้าเบื้องบน สีของมันอมแดงจนคล้ายกับเลือดสด หย่อมหญ้าทั้งหมดในอาณาบริเวณพลันเหี่ยวเฉา ผืนดินปกคลุมด้วยเมือกสีดำเหนียวหนืด


อากาศชวนสะอิดสะเอียนทำให้ยูเฟอมิน่าผู้กำลังบาดเจ็บล้มทรุดหนัก ส่วนซีบาลและเบเนียลูต่างพากันหายใจติดขัด ทุกลมหายใจเข้าออกคล้ายกับสูดดมสารพิษจากนรกเข้าไป โลหิตเริ่มไหลซึมตามทวารร่างกาย


“อะไรกัน…”


เกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้น


ยูเฟอมิน่าและซีบาลต่างหันไปมองแอ็กนัสด้วยสายตาประหลาดใจ เพราะร่างกายผู้ทำพันธสัญญากับบาเอลกำลังท่วมท้นไปด้วยพลังอสูรเข้มข้นผิดวิสัย


ผิวพรรณขาวผ่อง ตาขาวถูกย้อมกลายเป็นสีดำสนิท สิ่งนี้ยิ่งส่งเสริมให้ดวงตาสีทองของมันแวววาวและทวีความเย็นชา


“คึคึก! คึฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!!”


ปึด!


แอ็กนัส ไม่สิ ต้องเรียกว่าเศษเสี้ยววิญญาณบาเอล กำลังแสยะยิ้มชั่วร้ายสุดขีด มันดึงเขาอสูรออกจากกึ่งกลางศีรษะแอ็กนัสและนำมาถือในมือต่างดาบ


ทันใดนั้น เบเนียลูล้มลงฉับพลัน หน้าอกเกิดบาดแผลขนาดใหญ่โดยไม่รู้ตัว


เขาอสูรยาวเหยียดในมือบาเอลทะลวงผ่านแผ่นอกดาร์คเอลฟ์สุดแกร่งอย่างง่ายดายโดยไม่มีใครมองทัน


“เจ้าถูกกัดกร่อนสินะ แล้วทำไมถึงเอาแต่หลบอยู่ในป่าเหมือนพวกหนูท่อ”


หมับ!


บาเอลปรี่เข้าประชิดตัวเบเนียลูพลางแสยะยิ้มเย้ยหยัน มันใช้มือคว้าเส้นผมของเธอพร้อมกับเปล่งเสียงกระซิบแผ่วเบา


“เจ้าเอลฟ์ขี้ขลาด จงจำให้ขึ้นใจ บทบาทเดียวของผู้ถูกกัดกร่อนคือการทำลาย แก้แค้น และสร้างความปั่นป่วน”


เปรี้ยง!


“แต่ช่างเถอะ เจ้าไม่มีโอกาสได้ทำเรื่องแบบนั้นอีกแล้ว”


“…”


เบเนียลูถูกบาเอลชกใส่เต็มแรงจนแผ่นหลังกระแทกต้นไม้ใหญ่ดังโครม ร่างของเธอฝังคาในสภาพหมดสติ ปรากฏเพียงอาการสั่นเทาเล็กๆ อย่างต่อเนื่อง


ร่างกายชุ่มเลือดของเบเนียลูสยดสยองเหนือคำบรรยาย น่ากลัวจนแม้แต่ซีบาลยังไม่กล้าจ้องมองโดยตรง


ยูเฟอมิน่าผู้ได้รับบาดเจ็บหนักจากศรปักอกรวมถึงอาการผิดปรกติรุนแรง ตอนนี้เริ่มฟื้นฟูสติกลับมาได้บางส่วน


เธอรีบตะเบ็งเสียง


“แอ็กนัส! ใจเย็นก่อน! ฉันไม่เป็นอะไร!”


“หืม”


บาเอลรีบหันมองยูเฟอมิน่า


“เป็นเจ้าเองหรือ”


กึก. กึก. กึก.


บาเอลย่างสามขุมเข้าหายูเฟอมิน่าพร้อมฉีกยิ้มกว้าง เป็นรอยยิ้มแสนผ่อนคลาย แต่ปลายนิ้วของมันกลับเปลี่ยนรูปร่างเป็นมีดสั้น


“ด้วยรสนิยมส่วนตัว ข้าชอบกินเครื่องเคียงก่อนอาหารจานหลัก”


“แอ็กนัส…?”


ฉึก—!


คมมีดทะลวงลำคอแสนบอบบางของยูเฟอมิน่าจนมิดด้าม ดวงตาสีฟ้าครามพลันอับแสง เรือนร่างเล็กกะทัดรัดล้มเซเข้าสู่อ้อมแขนบาเอลประหนึ่งหุ่นเชิดถูกตัดด้าย


“เจ้าอย่าตะโกนเสียงดังได้ไหม ข้าปวดหัว จงเฝ้ามองเหตุการณ์ทั้งหมดอย่างมีความสุขเสียเถิด ไม่ต้องห่วง ข้าจะทำให้ความฝันของเจ้าเป็นจริงเอง”


บาเอลโยนศพยูเฟอมิน่าทิ้งอย่างไม่แยแส ร่างของเธอกำลังกระจัดกระจายกลายเป็นละอองธุลีสีเทาหม่น


มันหันไปมองเบเนียลูผู้ยังคาอยู่ในซากต้นไม้ด้วยร่างกายสั่นระริก บาเอลฉีกยิ้มชั่วร้ายพลางใช้มีดชุ่มเลือดเล็งแทงใส่


แต่คมมีดกลับชะงักงัน เนื่องจากฝ่ามือสีดำทองข้างหนึ่งกำลังพุ่งเข้าหาใบหน้าบาเอล


เคร้ง—!


จอมอสูรดึงมีดกลับมาปัดป้องได้ทันท่วงที


แต่ฝ่ามือยังเหลืออีกสามข้าง ทุกข้างกำลังถือดาบหรูหราพร้อมกับร่ายรำท่วงท่า


ร่ายรำ. สังหาร. ทำลายล้าง.


บาเอลคุ้นเคยกับวิชาดาบเหล่านี้ดี เพราะเป็นหนึ่งในพลังของผู้ทำพันธสัญญาคนก่อน


“คึคึก! น่าสนใจดีนี่!”


หลังจากทราบว่าผู้มาเยือนเป็นใคร บาเอลเผยสีหน้าแสนตื่นเต้น มันแหงนหน้ามองฟ้าพร้อมกับขัดขวางท่ารำดาบของหัตถ์เทวะทั้งสามข้างอย่างง่ายดาย


วาบ!


ครืนนน!


สายฟ้าฟาดผ่าจากเบื้องบน


“แอ็กนัส!!”


“ผู้สืบทอดแพ็กม่า!!”


เปรี้ยงง!!


ดาบอัสนีฯ ปะทะเข้ากับมีดสั้นชุ่มเลือดจนเกิดคลื่นกระแทกแผ่เป็นวงกว้าง


แสงดวงตากริดส่องลอดผ่านไรผมปรกหน้า เปี่ยมด้วยโทสะมหาศาลเจือปนความเกลียดชังท่วมท้นท้องฟ้า


“ไอ้ระยำ!! แกกล้าดียังไง… กล้าดียังไงทำแบบนั้นกับยูเฟอมิน่า!!”


กริดเดินทางมายังผืนป่าแห่งนี้เพราะถูกต้นไม้โลกเรียกหา


ใจความสำคัญคือ : ช่วยเบเนียลู


แต่ภาพแรกหลังจากมาถึงจุดเกิดเหตุกลับเป็นความตายของยูเฟอมิน่า


ขณะตนกำลังทำงานช่วยเหลือคนนอก พวกพ้องตัวเองกลับตายอย่างโดดเดี่ยวลำพัง


“ไอ้บัดซบ!!”


กริดเริ่มแกว่งดาบอัสนีฯ อีกครั้ง


ตัวมันคือเหนือมนุษย์ อีกฝ่ายเป็นแค่ผู้เล่น


หลังจากการประเมินเบื้องต้น กริดมั่นใจอยู่หลายส่วนว่าตนสามารถโค่นแอ็กนัสในสภาพอ่อนแรงได้ไม่ยาก


แต่


เคร้ง! เคร้ง! เคร้ง!!


แอ็กนัสกลับรับกระบวนดาบอันดุดันได้ง่ายดายด้วยมีดสั้นเพียงเล่มเดียว แม้ระหว่างการฟันจะเกิดเพลิงทมิฬและสายฟ้าสีชาดหลายระลอก แต่ทั้งหมดกลับสลายหายไปด้วยพลังอสูรลึกลับ


‘นายแข็งแกร่งขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไร’


กาลเวลาเท่าเทียมกับทุกคนเสมอ ในเมื่อตนเติบโตได้ คนอื่นก็เช่นกัน แน่นอน กริดทราบหลักการข้อนี้ดีกว่าใคร


แต่ก็ควรมีขีดจำกัดไม่ใช่หรือ


กริดไม่เชื่อว่าตนจะล้มแอ็กนัสผู้ปราศจากอัศวินความตายและลิชไม่ได้


“ร่างมืด!”


‘เจ้านั่นใช้ทักษะสุดโกงอย่างเสียงเย้ยหยันของเบนทาโอไปแล้วหรือยัง’


ขณะปราณอสูรกำลังไหลซึมออกจากร่าง กริดยืนขบคิดหาวิธีรับมือศัตรู แม้สีหน้าแววตาจะแสดงความเดือดดาลชัดเจน แต่ภายในกลับกำลังสุขุมจนน่าทึ่ง


มันประเมินแล้วว่า ในขณะเบเนียลูกำลังเจ็บหนัก ตนต้องรีบจบการต่อสู้โดยเร็ว


แต่


ซู่ว…!


“…?”


แม้จะอยู่ในร่างมืด แต่พลังอสูรของกริดกลับเหือดแห้งหายไปในพริบตา ร่างมืดถูกยกเลิกประหนึ่งไม่เคยถูกเปิดใช้งาน


บาเอลจ้องมองกริดผู้กำลังฉงน


“ช่างโง่เขลานัก กล้าใช้พลังอสูรต่อหน้าข้าเชียวหรือ”


“…?”


“คึฮ่าฮ่า! ถึงขั้นนี้แล้วยังไม่เข้าใจอีกหรือไง ฮะฮะฮะ! คึฮ่าฮ่าฮ่า! ซื่อบื้อไม่สมกับเป็นผู้สืบทอดแพ็กม่าเลยสักนิด!”


หมอนี่กำลังพูดเรื่องอะไร


แต่หลังจากพยายามไตร่ตรองถ้อยคำเหลวไหลหนแล้วหนเล่าของแอ็กนัส ชายหนุ่มเริ่มตระหนักถึงบางสิ่งเลือนราง


ผิวขาวซีดเซียว เขี้ยวยาวผิดปรกติ ตาขาวถูกย้อมเป็นสีดำล้วน


รูปโฉมแอ็กนัสผิดไปจากทุกที


‘เหมือนกับเราในร่างมืด’


[ปราณต่อสู้กลายเป็นค่าสูงสุด]


“…!?”


ปราณต่อสู้เต็มทันที?


สถิติใหม่อย่างแท้จริง


“แกเป็นใคร”


กริดพลันเย็นสันหลังวาบ เหงื่อเย็นเฉียบเริ่มผุดขึ้นบนลำตัวหลายจุด


บาเอลตอบกริดด้วยเสียงแหบพร่า


“ผู้ปกครองสูงสุดของขุมนรก


“หาความสุขใส่ตัวด้วยการเฝ้ามองเทพและมนุษย์กระทำเรื่องน่าขบขัน


“เฮ่อ~ แต่ละวันช่างผ่านไปอย่างน่าเบื่อ”


คงไม่ต้องอธิบายสิ่งใดเพิ่มเติมแล้ว


ผู้สืบทอดแพ็กม่าจะแสดงสีหน้าเช่นไรเมื่อทราบตัวจริงของเรา?


“คึคึ—…?”


บาเอลคาดหวังใบหน้าแสนสิ้นหวังจากกริด มันส่งเสียงหัวเราะอย่างเหยียดหยัน


แต่ทันใดนั้น รอยยิ้มบนใบหน้าพลันจืดชืด


สาเหตุเพราะกริดไม่เปลี่ยนท่าที ไม่ได้แสดงอาการประหลาดใจแม้แต่น้อย


‘เจ้านี่ไม่กลัวเราเลยหรือ’


ขณะบาเอลกำลังกระอักกระอ่วน กริดเปล่งเสียงใสกังวาน


“แล้วตกลงแกเป็นใคร”


“…”


ไม่ผิดนักหากจะกล่าวว่า บาเอลมีเชื่อเสียงมากเป็นอันดับหนึ่งในบรรดาจอมอสูรด้วยกัน ถ้าเป็นภาพยนตร์ บาเอลก็คือบอสใหญ่รอให้พระเอกยกกองทัพมาต่อกร


ตลอดช่วงเวลาหลายร้อยปีหลัง ผู้กล้าเผ่าพันธุ์มนุษย์ทุกคนมีหนึ่งสิ่งเหมือนกันทั้งหมด คือไม่ว่าจะแข็งแกร่งหรืออ่อนแอ แต่พวกมันล้วนเฉลียวฉลาด


บาเอลเคยเผชิญหน้าเหล่าวีรบุรุษแห่งยุคสมัยมามากมาย สำหรับบางคน พูดไม่ถึงสิบคำก็เข้าใจสถานการณ์อย่างแจ่มแจ้ง


‘แล้วทำไมเจ้านี่ถึง…’


บาเอลเงียบงันหลายอึดใจเมื่อเผชิญคำตอบคาดไม่ถึงจากอีกฝ่าย


จนกระทั่ง มันแผดเสียงตะโกน


“อย่างนี้นี่เอง… สมกับผู้สืบทอดแพ็กม่าแสนเจ้าเล่ห์ รู้แต่แรกแล้วสินะว่าข้าเป็นใคร แต่แสร้งทำเป็นโง่เขลาเพื่อกลบเกลื่อน เหมือนกับแพ็กม่าไม่มีผิด เจ้าอัจฉริยะยิ่งกว่าวีรบุรุษหลายคนในอดีตเสียอีก”


“…?”


“รู้ตั้งแต่ตอนไหนหรือว่าข้าเหลือเวลาอีกไม่มาก วางแผนถ่วงเวลาได้แยบยลไม่เบา… คึคึคิก! แต่น่าเสียดาย ไว้ค่อยยลโฉมพลังของเจ้าวันหลังก็แล้วกัน”


“…?”


พล่ามอะไรของมันอยู่…?


ขณะกริดกำลังประหลาดใจ บาเอลฉวยโอกาสเคลื่อนไหวด้วยความเร็วสูงจนน่าทึ่ง ชนิดแม้แต่สัมผัสของเหนือมนุษย์ก็ไล่ตามแทบไม่ทัน


มันปรากฏกายข้างเบเนียลูในพริบตา


“โชคยังดี ข้าเหลือเวลาพอให้สะสางงานจนลุล่วง”


“หยุด!!”


กริดรีบรำดาบอย่างร้อนรน เป็นวิชาดาบผสานสี่ชนิดสุดทรงพลัง มีอำนาจมากพอจะดับลมหายใจบาเอลในร่างอ่อนแอของแอ็กนัส


แต่ไม่ทันการ บาเอลชิงปลิดชีพเบเนียลูเรียบร้อยแล้ว


“ฮะฮะ! ไว้พบกันใหม่คราวหน้า”


ฉึก—!


ในวินาทีดาบกริดทะลวงร่างบาเอล


[ระยะเวลาของ ‘นิทานกล่อมเด็ก’ หมดลง]


จิตบาเอลถูกส่งกลับขุมนรก ส่วนแอ็กนัสได้ร่างกายตัวเองกลับคืน


ในลมหายใจสุดท้ายก่อนตาย แอ็กนัสเตรียมใช้เสียงเย้ยหยันเบนทาโอตามสัญชาตญาณ แต่สุดท้ายกลับชะงักมือค้างไว้บนศพเบเนียลู


ซู่ววว—


ร่างแอ็กนัสสลายกลายเป็นแสงสีเทา


“เพื่อจะช่วยเบเนียลู กุญแจสำคัญคือการฆ่าเบเนียลูเนี่ยนะ…? หือ?”


กริดก้มหน้าบ่นพึมพำท่ามกลางผืนป่าวอดวายเป็นวงกว้าง แต่ทันใดนั้น ชายหนุ่มพลันตกตะลึง เนื่องจากมันเพิ่งเหลือบเห็นซีบาล


ซีบาลมองกริดตอบด้วยสายตาแสนชื่นชม


“นายยังยอดเยี่ยมเหมือนเคย”


“เห? เดี๋ยวก่อน…”


กริดประหลาดใจสุดขีด


“แกรนมาสเตอร์? เขามาทำอะไร”


เป็นเจ้าชายนิทราหรือไง


ทำไมถึงหลับตรงนี้


กริดขมวดคิ้วฉงน ก่อนจะย่างสามขุมเข้าไปหาซิกเฟรคเตอร์


ซีบาลรีบส่งเสียงห้าม


“ปลุกไปก็ไม่ตื่นหรอก ฉันลองดูแล้ว นายรีบกลับไปก่อนดีกว่า อีกไม่นานหน่วยอัศวินสีชาดใหม่จะมาถึง ต่อให้เป็นนาย แต่รับมือคนพวกนั้นหลายสิบพร้อมกันไม่ไหวแน่”


“ไหวสิ ฉันยังมีปิอาโร่”


“คิดง่ายไปแล้ว… ถ้านายไม่รีบหนี คงเกิดปัญหาตามมาแน่หากแกรนมาสเตอร์ตื่นขึ้น”


“หืม… นายอยู่ฝ่ายแกรนมาสเตอร์สินะ”


“เหมือนจะเป็นแบบนั้น”


“ทำได้ไม่เลว”


กริดฉีกยิ้มกว้าง


เมื่อกล่าวจบ หน่วยอัศวินสีชาดกำลังวิ่งเข้ามาใกล้ด้วยสีหน้าอ่อนล้า เมื่อประเมินว่าสภาพของทุกคนค่อนข้างย่ำแย่ สิ่งนี้หมายถึงกองทัพวิหารยาธานก็ไม่ง่ายเช่นกัน


“เข้าใจแล้ว ตอนนี้ฉันก็ไม่ว่างสักเท่าไร”


กริดนำม้วนคาถากลับเมืองออกมาใช้งาน


มันต้องการรีบกลับไปดูอาการยูเฟอมิน่าเป็นอันดับแรก ก่อนจะวนกลับมาหาต้นไม้โลกอีกครั้งเพื่อสะสางภารกิจ


“น่ากลัวชะมัด…”


หลังจากกริดหายตัวไป ซีบาลทำได้เพียงส่ายศีรษะอย่างสมเพชตัวเอง


แม้บาเอลในร่างแอ็กนัสจะไม่ใช่ตัวจริง แต่กริดกลับเยือกเย็นและรับมือกับจอมอสูรลำดับหนึ่งได้อย่างชาญฉลาด ไม่น่าเชื่อว่าผู้เล่นแค่หนึ่งคนจะมีพลังมากขนาดนี้


▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬
ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 4 ตอน
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,496
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/

Comments

  1. สนุกมากครับ😁😁😁

    ReplyDelete
  2. กริดมันไม่นึกถึงบาเอลจริงๆมากกว่า ไม่ใช่แกล้งไม่รู้หรอก 55555555
    ปล.ขอบคุณสำหรับงานแปลดีๆเช่นเคยครับ

    ReplyDelete
  3. อะ อ่านจนถึงที่ต้องรออ่านแล้ว

    ReplyDelete
  4. ถ้ากริดได้เป็นเทพ ก็คงจะเป็นเทพแห่งความบังเอิญและความเข้าใจผิด 555555555 พลังเเห่งความบังเอิญของกริดแม่งโคตรทรงพลัง

    ReplyDelete
    Replies
    1. น่าจะเป็นเทพแห่งโชคชะตามากกว่า สามารถสร้างเหตุการณ์ที่ดีกับฝ่ายตัวเองได้

      Delete
  5. บาเอล ไอ้ติงต๊อง

    ReplyDelete
  6. สาุป เบเนียลูตายแล้วใช่มั้ย

    ReplyDelete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00