จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 922



ทุกสิ่งต้องมีครั้งแรกเสมอ—นี่คือคำกล่าวจากประธานใหญ่แห่ง SA กรุปอย่างลิมชอลโฮ เขาระบุว่า งานแข่งซาทิสฟายนานาชาติที่จะมีขึ้นในอีกห้าสิบวันให้หลัง จะเป็นจุดเริ่มต้นของนวัตกรรมแปลกใหม่ รวมถึงอรรถรสรูปแบบใหม่ที่เปลี่ยนไปจากเดิม นับเป็นถ้อยคำที่ค่อนข้างคลุมเครือ และลิมชอลโฮได้เน้นย้ำทิ้งท้ายไว้ว่า


‘ความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่จะสอดคล้องกับอุดมคติของโลกซาทิสฟายที่กล่าวว่า—อนาคตสร้างขึ้นด้วยมือผู้เล่น’


***


“นึกว่าจะตายซะแล้ว”


ชินยองวูยืดเส้นยืดสายทันทีที่ลุกออกจากแคปซูล


“อยากสูดอากาศบริสุทธิ์จังแฮะ…”


หลังจากเดินทางไปเซ็นสัญญาที่สำนักงานใหญ่เมื่อสิบวันก่อน ชินยองวูอุทิศเวลาทั้งหมดให้กับการตรวจสอบสี่ราชันสวรรค์ของตน ทุกวินาทีที่เขาออนไลน์จะหมดไปกับการสร้างไอเท็มให้ปิอาโร่ เมอร์เซเดส อัสโมเฟล และโนลล์ อาการล้าจากความตึงเครียดส่งผลกระทบมากกว่าที่คิดไว้


เขาต้องการผ่อนคลายจิตใจและร่างกาย ทว่า ยองวูไม่กล้าที่จะท่องอินเทอร์เน็ตหรือออกไปพักผ่อนนอกบ้าน เขาไม่กล้าอ่านคอมเมนต์ด้านลบบนโลกอินเทอร์เน็ตหลังจากประกาศไม่เข้าร่วมแข่งไปเมื่อเช้า


อันที่จริง ยองวูคุ้นเคยกับการถูกดูหมิ่นและเย้ยหยันมานานหลายปี แต่นั่นเป็นเรื่องของอดีต ปัจจุบัน เขาคือบุคคลที่ประสบความสำเร็จและควรได้รับความเคารพ ไม่มีเหตุผลให้ต้องเคยชินกับเสียงด่าทอจากคนไม่รู้จัก


“ชิ”


เพียงวินาทีเดียวที่ความคิดด้านลบแล่นเข้ามาในหัว ชินยองวูพลันเจ็บแปลบที่หน้าอกจนลามขึ้นมาถึงลำคอ


วีรบุรุษของยุคสมัยปัจจุบันที่ใครต่อใครต่างให้ความนับถือ แต่เมื่อต้องเผชิญกับแผลใจในอดีต เขาเองก็เป็นมนุษย์คนหนึ่งที่มีอารมณ์ความรู้สึกเหมือนกับผู้อื่น ฝันร้ายที่ถูกสลักลงลึกลงในใจนั้นยากจะลบเลือน นี่คือสาเหตุที่เขาทำดีกับคนสำคัญอยู่เสมอ และไม่เคยปรานีต่อศัตรูที่อาจเป็นพิษภัยในอนาคต


“ช่างแม่งสิ”


ชินยองวูฝืนสลัดความหดหู่ที่แล่นวูบวาบไปทั่วร่าง เขารีบเดินไปเปลี่ยนเสื้อผ้าพร้อมกับสวมผ้าปิดปากมิดชิดเพื่อเตรียมออกนอกบ้าน


“ฮ่าห์…! อากาศแสนสดชื่น”


ชินยองวูถอนหายใจยาวหลังจากดื่มด่ำอากาศบริสุทธิ์และแสงแดด ความทรงจำน่าขยะแขยงเมื่อครู่มลายหายเป็นปลิดทิ้ง ชายหนุ่มเริ่มกวาดสายตามองวิวทิวทัศน์เบื้องหน้า อาคารพาณิชย์ใหญ่สองข้างฝั่งถนนตั้งเรียงรายหันหน้าเข้าหากัน ด้านล่างมีผู้คนคลาคล่ำสัญจรไปมา ลานจอดรถเต็มไปด้วยยานพาหนะนานับชนิด


ที่ดินซึ่งเคยห่างไกลความเจริญเมื่อสองปีก่อน หลังจากยองวูก่อสร้างตึกเจ็ดชั้นเสร็จ ปัจจุบัน เขตนี้กลายเป็นย่านดาวน์ทาวน์ใหม่ของเมือง นักท่องเที่ยวบางส่วนเดินทางมาเที่ยวชมเพื่อหวังได้เห็นใบหน้าชินยองวูแม้เพียงเล็กน้อย เหล่าพ่อค้าย่อมเล็งเห็นคนกลุ่มนี้เป็นแหล่งรายได้ จึงเกิดเป็นชุมชนธุรกิจค้าขายขนาดใหญ่ ทั้งหมดเกิดขึ้นจากอิทธิพลของชายที่ชื่อชินยองวู มิใช่กริด


“ชาร้อนค่ะ”


ชินยองวูผู้กำลังดื่มด่ำบรรยากาศพลันชะงักกับถ้อยคำไม่คาดฝัน เมื่อเขาหันกลับไป พนักงานร้านคาเฟ่ในตึกกำลังวิ่งออกมาพร้อมกับถ้วนชาร้อนในมือ


“ของผมหรือ…”


“คุณยองวูกำลังสวมผ้าปิดปาก แปลว่าป่วยอยู่ใช่ไหมคะ ทานนี่แล้วน่าจะดีขึ้น”


ยองวูคิดว่าการสวมผ้าปิดปากมิดชิดจะทำให้ไม่มีใครจดจำได้ ซึ่งนั่นผิดถนัด ผ้าปิดปากของเขาได้ทำให้ดวงตาและจมูกที่เป็นเอกลักษณ์ดูโดดเด่นยิ่งขึ้น เกือบทุกคนในละแวกนี้ล้วนจำได้ตั้งแต่แรกเห็น พวกเขาไม่มีทางลืมชายรูปร่างสูงใหญ่หุ่นกำยำที่มีดวงตาเรียวคมได้


“ขอบคุณครับ”


ยองวูกล่าวพลางรับถ้วยชาไว้ เขาไม่มีทางปฏิเสธน้ำใจแสนอบอุ่นที่อีกฝ่ายหยิบยื่น ชายหนุ่มกล่าวต่อไปอย่างเคอะเขิน


“เอ่อ… ผมไม่ลดค่าเช่าให้เจ้านายคุณหรอกนะ”


“ฮุฮุ! ทราบแล้วค่ะ อีกอย่าง แก้วนี้หักจากเงินเดือนของฉันเอง”


“เดี๋ยวก่อน”


ชินยองวูส่งเสียงเรียกพนักงานสาวสวยขณะเธอกำลังจะเดินกลับเข้าร้าน


“คุณไม่โกรธผมหรือ…”


“เรื่องอะไรคะ”


“เรื่องที่ผมไม่ลงแข่งนานาชาติในปีนี้”


ชายคนนี้… คงเป็นสาเหตุที่เขาต้องสวมผ้าปิดปากและทำท่าทีลับๆ ล่อๆ สินะ


เธอส่ายศีรษะพร้อมกับอธิบาย


“ไม่เลยสักนิด ตลอดสามปีที่ผ่านมา ฉันคอยเชียร์คุณอย่างมีความสุขอยู่เสมอ คุณอาจไม่ทราบ แต่ครอบครัวของฉันอาศัยในอพาร์ตเมนท์ ทุกครั้งที่คุณทำเรื่องสุดยอดในการแข่ง ตึกของบ้านเราจะโยกคลอนอย่างหนัก พ่อแม่และปู่ย่าของฉัน พวกท่านตามโลกของซาทิสฟายไม่ค่อยทัน แต่ถึงอย่างนั้น พวกเขาก็คอยติดตามการแข่งซาทิสฟายนานาชาติในทุกปีแม้จะไม่รู้กติกา บางครั้งก็หัวเราะ บางครั้งก็เจ็บปวด ครอบครัวของฉันเป็นแฟนตัวยงของคุณมานานแล้ว”


“…”


“ฉันไม่มีทางโกรธคุณ เพราะว่าคุณคือบุคคลที่ทำให้ครอบครัวของฉันมีความสุข”


เธอจ้องมองเข้าไปในดวงตาที่กำลังสั่นระริกของชินยองวู


“เพื่อนของฉัน ครอบครัวของเพื่อนฉัน ทุกครอบครัวที่ฉันรู้จัก พวกเขาล้วนเป็นแฟนตัวยงของคุณและคอยเอาใจช่วยเสมอ หากติดปัญหาส่วนตัวหรือภารกิจที่สำคัญ คุณไม่จำเป็นต้องลงแข่งนานาชาติเพื่อพวกเราทุกคน ต่อให้ไม่มีคุณแล้วทีมเกาหลีใต้ได้อันดับห่วย คนส่วนใหญ่จะไม่โทษว่าเป็นความผิดของคุณแน่นอน”


เธอนำโทรศัพท์มือถือออกมา ภาพหนึ่งภาพเป็นเครื่องพิสูจน์ได้ดีกว่าร้อยคำพูด พนักงานสาวกดเข้าไปในบทความที่เกี่ยวข้องกับกริดพร้อมกับยื่นโทรศัพท์ให้


“ลองดูสิคะ ทุกคนต่างเป็นห่วงเป็นใยคุณ พวกเขากังวลว่าคุณอาจป่วย และอาจได้รับความเสียหายมากหากพลาดเหรียญทองในปีนี้ไป”


ที่เธอพูดล้วนเป็นความจริง ผู้คนมากมายล้วนคอมเมนต์ให้กำลังใจและเป็นห่วงกริด


‘กริดทำให้ทีมเกาหลีใต้พังพินาศ’


‘ผู้เล่นเกาหลีทุกคนต้องบอกลาบัฟค่าประสบการณ์’


แทบไม่มีใครพิมพ์ถ้อยคำเหล่านี้ นั่นยิ่งทำให้ชินยองวูรู้สึกเจ็บแปลบมากกว่าเดิม


“ฉัน…”


ชินยองวูยอมรับบทบาทของราชาอสูรเพราะเป็นข้อเสนอที่ล่อตาล่อใจกว่า การเป็นราชาอสูรจะทำให้เขาได้รับรางวัลมากถึงเจ็ดชิ้น แต่การแข่งตามปรกติจะได้รับรางวัลสูงสุดเพียงสามชิ้นเท่านั้น ความเห็นแก่ตัวในครั้งนี้ส่งผลให้เขาต้องละทิ้งทีมชาติเกาหลีใต้ มีโอกาสสูงมากที่ผู้เล่นเกาหลีใต้จะไม่ได้รับบัฟค่าประสบการณ์เหมือนอย่างเคย แต่นั่นก็ช่วยไม่ได้ เขาเล่นซาทิสฟายเพราะเหตุผลส่วนตัว มิใช่การกุศล สิ่งที่กริดต้องคำนึงมีเพียงความก้าวหน้าของตนและอาณาจักร


ใช่แล้ว ชินยองวูไม่ใช่วีรบุรุษมิได้หวังทำประโยชน์เพื่อทุกคน แต่ถึงอย่างนั้น ชาวเกาหลีจำนวนมากกลับยังยกย่องและเป็นห่วงถึงสุขภาพของตน ทุกสิ่งที่แสดงบนโทรศัพท์ของเธอไม่ต้องมีคำอธิบายใดเพิ่มเติม


ในยามปรกติ ชินยองวูอาจชื่นชอบให้คนสรรเสริญเยินยอ ทว่า…


‘เราไม่สมควรได้รับเลยสักนิด’


ใบหน้าของเขาเปี่ยมด้วยความรู้สึกผิด


เมื่อสัมผัสถึงบรรยากาศที่เปลี่ยนไป พนักงานสาวกล่าวขึ้น


“คุณไม่ต้องกังวล พวกเรายกย่องคุณให้เป็นวีรบุรุษเพราะผลงานในอดีต มิใช่อนาคต ไม่มีใครต้องการสร้างภาระแก่คุณมากกว่านี้แล้ว อย่าได้แสดงสีหน้าเจ็บปวดอีกเลย ไม่มีชาวเกาหลีใต้คนใดมีสิทธิ์ชี้หน้าต่อว่าคุณ หากใครทำเช่นนั้น จะมีผู้คนอีกมากคอยรุมประณาม”


เธอคือมนุษย์แสนธรรมดาที่เขาสามารถพบได้ทั่วไป ทว่า พนักงานสาวร้านคาเฟ่กลับพูดแทนใจชาวเกาหลีใต้ส่วนใหญ่ของประเทศได้อย่างสมบูรณ์แบบ ถ้อยคำของเธอคือสิ่งเดียวกับที่ลอเอลเคยพูดไว้


นัยน์ตาของชินยองวูเริ่มกลับมาสงบนิ่งอีกครั้ง


“…ขอบคุณมาก”


ในช่วงแรก ‘ความรักชาติ’ ของชินยองวูเกิดขึ้นสมัยเป็นทหารเกณฑ์ ภาพจำเลือนรางในตอนนั้นคือ ตนต้องจงรักภักดีต่อประเทศและต่อสู้เพื่อเกาหลีใต้


ทว่า นิยามของความรักชาติได้เปลี่ยนไปในวินาทีนี้ ชินยองวูเริ่มตระหนักถึงความสำคัญของเพื่อนบ้านในละแวกใกล้เคียง เริ่มตระหนักความสำคัญของประเทศที่มีเพื่อนบ้านเหล่านี้อาศัยอยู่


เกิดเป็นความรู้สึกแปลกใหม่ขึ้นในใจของชายหนุ่ม เขาลั่นวาจา


‘เราต้องปกป้องอาณาจักรโอเวอร์เกียร์ไว้ให้ได้’


เขาจะเริ่มต้นที่มอบสันติสุขให้กับประชาชนทุกคนในอาณาจักรโอเวอร์เกียร์ และหลังจากนั้น…


‘เราจะเป็นวีรบุรุษตัวจริงของเกาหลีใต้ให้ได้!’


การจะเป็นวีรบุรุษ เขาต้องครองความยิ่งใหญ่ในซาทิสฟายไว้ให้นานที่สุด นี่คือสิ่งที่กริดต้องรีบทำเป็นอันดับแรก


หากใครได้ยินเข้าคงหัวเราะและคิดในใจว่า ‘ไอ้หมอนี่คงปัญญาอ่อน’ คิดจะเป็นวีรบุรุษให้ประเทศด้วยการตั้งใจเล่นเกมเนี่ยนะ…


นี่เป็นเพียงเรื่องราวในปัจจุบัน เฉกเช่นที่เกมออนไลน์เสมือนจริงเคยเปลี่ยนแปลกโลกยุคใหม่ ตัวเขาที่เป็นผู้เล่นในเกมก็สามารถเปลี่ยนโลกได้เช่นกัน


ไม่มีใครแม้แต่คนเดียวที่ทราบว่า ความมุ่งมั่นแสนน่าขันของชินยองวูในวันนี้ จะกลายเป็นตัวแปรสำคัญต่อและเกาหลีใต้และโลกทั้งใบในอนาคต


***


การสอบซือโหยวคือบททดสอบและความบันเทิงเพียงหนึ่งเดียวของยังบันผู้มีพลังเบ็ดเสร็จเด็ดขาดเหนือมนุษย์ ในทุกหนึ่งร้อยปี ยังบันทุกคนต้องผ่านบททดสอบที่อัดแน่นด้วยภาวะบีบคั้นทางจิตใจ ว่ากันว่า หากคนเราผ่านพ้นอุปสรรคใหญ่ในชีวิตไปได้ พวกเขาจะเติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดด และพรสวรรค์ก็จะยิ่งเบ่งบานเป็นเท่าทวี


ยังบันจำเป็นต้องแข็งแกร่งขึ้นด้วยหรือ ทั้งที่มนุษย์ทวีปตะวันออกต่างมีคำกล่าวที่ว่า


‘ยังบันมิได้ครอบครองพลัง ยังบันเป็นหนึ่งเดียวกับพลัง’


“แฮ่ก… แฮ่ก…”


บุรุษผู้หนึ่งเพิ่งผ่านการสอบซือโหยวอย่างฉิวเฉียด ร่างกายของมันเปียกชุ่มด้วยเลือดและบาดแผล ผมเผ้ายุ่งเหยิงพัวพัน สายตากำลังอัดแน่นไปด้วยจิตสังหารปริมาณมาก แต่ถึงกระนั้น เหล่าอาวุโสทั้งห้าที่เป็นผู้คุมสอบก็มิได้แยแสสภาพอันน่าสมเพชแม้แต่น้อย


“ยังบันมีตัวตนเพื่อแก้ไขโลกนี้ให้เข้าที่เข้าทาง”


“การัม หากเจ้าเลือกเส้นทางเข่นฆ่า หมายความว่าเจ้าต้องเข่นฆ่าทุกสรรพสิ่งบนโลกโดยไม่ลังเล”


“จงทำให้ ‘การเกิดใหม่’ เข้าสู่ภาวะสมดุลด้วย ‘การฆ่าทิ้ง’ สิ่งนี้ก็เพื่อความสงบสุขของโลก”


“เมื่อใดที่จิตสังหารของเจ้าสงบลง สันติสุขจะสูญสิ้นไปจากโลก”


สี่จากห้าอาวุโสต่างมอบคำสอนและหลักการดำเนินชีวิตแก่การัม แต่ยังเหลืออีกหนึ่งคนที่เอาแต่เงียบงัน การัมเอ่ยปากถามอาวุโสผู้นั้น


“ท่านฮานึล ยังจำแพ็กม่าได้รึไม่”


สี่อาวุโสที่เหลือต่างพากันขมวดคิ้วเมื่อได้ยินชื่อที่ไม่คาดคิด แพ็กม่าคือบุคคลนอกรีตที่เอาแต่ตั้งถามถึงความชอบธรรมของอาณาจักรฮวาน—ผู้ปกครองทวีปตะวันออกตั้งแต่ยุคสมัยแรกเริ่ม แพ็กม่าเป็นพวกกลายพันธุ์ที่น่ารังเกียจ ชายคนนั้นเอาแต่พร่ำเพ้ออย่างไร้แก่นสารว่า ‘ยังบันและมนุษย์เท่าเทียมกัน’ แพ็กม่าคือบุคคลที่ไม่น่าจดจำในสายตาห้าอาวุโส


ขณะเดียวกัน ฮานึลแห่งห้าอาวุโสมิได้เผยสีหน้าขุ่นเคือง


“จำได้ กล้องสูบยาของเจ้าก็สร้างโดยแพ็กม่าสินะ”


ทันใดนั้น การัมหยิบกล้องสูบยาที่แขวนตรงเอวขึ้นมาหักทิ้งให้แหลกคามือ กล้องสูบยาสุดทนทานที่สามารถปัดป้องดาบของกริดได้ง่ายดาย บัดนี้แปรเปลี่ยนเป็นซากขี้เถ้าและปลิวกระจัดกระจายไปทั่วห้อง


“มันตายแล้ว”


“…”


ห้าอาวุโสมิได้แสดงความประหลาดใจ ยังบันทุกคนที่ออกจากอาณาจักรฮวานจะสูญเสียชีวิตอันเป็นนิรันดร์ พวกเขาล้วนทราบว่า ในไม่ช้าก็เร็ว แพ็กม่าต้องตายอย่างทรมานเยี่ยงสุนัขข้างถนน แต่สิ่งที่ออกปากจากการัมหลังจากนี้ทำให้ทุกคนต้องผงะ


“ก่อนตาย มันถ่ายทอดพลังกระจอกนั่นให้กับมดปลวกตัวหนึ่ง”


“ถ่ายทอดพลัง… มดปลวก…”


การสืบทอดพลังคือสิ่งต้องห้ามในอาณาจักรฮวาน พลังของเหล่ายังบันทุกคนต้องเกิดจากความหมั่นเพียรของตัวเองเท่านั้น สำหรับยังบัน พลังคือสิ่งสำแดงความเป็นปัจเจก การสืบทอดพลังหรือให้ผู้อื่นหยิบยืมพลังถือเป็นความผิดร้ายแรง


“ใครสืบทอดพลังของแพ็กม่าไป”


“ต้องหาให้พบและทำลายทิ้ง พวกเราจะปล่อยให้มีความเชื่อมต่อระหว่างยังบันกับมดปลวกไม่ได้”


เมื่อเห็นใบหน้าเดือดดาลจากอาวุโสทั้งสี่คน การัมหันไปกล่าวกับฮานึล


“เจ้าหมอนั่น… มันเป็นกษัตริย์บนทวีปตะวันตก ท่านฮานึล ได้โปรดแยกทะเลแดงให้ข้าด้วย ข้าจะลงโทษมันและอดีตราชาที่ทอดทิ้งพวกเราไปเมื่อหลายพันปีก่อนให้สาสม!”


“ไม่ได้เด็ดขาด!”


หนึ่งในห้าอาวุโสรีบโพล่งขึ้น


“ดินแดนตะวันตกปนเปื้อนไปด้วยพลังโสโครกของเหล่าเทพเจ้าเล่ห์! ทันทีที่เจ้าเหยียบลงบนทวีป เจ้าจะถูกหนึ่งในเทพจัดการจนสูญเสียพลังบางส่วน! บางทีอาจถึงขั้นสูญเสียชีวิตอันเป็นนิรันดร์!”


“…”


การัมถึงกับผงะ มันไม่เคยทราบมาก่อนว่า ดินแดนตะวันตกที่เหล่าอาวุโสไม่เคยแยแสเลยสักครั้ง แท้จริงแล้วจะปนเปื้อนด้วยสิ่งโสโครกมากขนาดนี้ แถมตัวมันยังอาจสูญสิ้นชีวิตนิรันดร์…


คำเตือนเมื่อครู่ได้กระตุ้นต่อมความหวาดกลัวในใจการัม ทว่า โทสะของมันมีมากยิ่งกว่าความขลาดเขลา การัมไม่มีวันลืมใบหน้าของมดปลวกที่บังอาจใช้เคล็ดวิชาแพ็กม่าสร้างรอยขีดข่วนแก่มัน


“ข้ายอมเสียสละชีวิตนิรันดร์เพื่อแก้ไขโลกใบนี้! ได้โปรดแยกทะเลแดงให้ข้าด้วย…”


“เจ้าไม่จำเป็นต้องข้ามไป”


ฮานึลกล่าวตัดบท


เพียงพริบตา ‘นิมิต’ ของฮานึลได้แล่นข้ามผ่านทะเลแดงอย่างรวดเร็ว จุดหมายปลายทางของนิมิตการมองเห็นคือเมืองมนุษย์แห่งหนึ่ง


“ศัตรูจะเป็นฝ่ายข้ามทะเลแดงมาเอง”


ฮานึลเริ่มสำแดงสุดยอดพลังให้โลกสามภพได้ประจักษ์


[★ ภารกิจลับ ★ ‘เสียงเพรียกจากสวรรค์’ ถูกสร้างขึ้น]


ข้อความระบบแบบเดียวกันได้แสดงขึ้นต่อหน้าผู้เล่นนับล้านคน ประกอบด้วยผู้เล่นของอาณาจักรโอเวอร์เกียร์จำนวนไม่น้อย หนึ่งสิ่งที่ทุกคนมีเหมือนกันก็คือ—พวกเขาล้วนเป็นช่างตีเหล็ก


เหลือเวลาอีก 50 วันก่อนงานแข่งซาทิสฟายนานาชาติครั้งที่สี่จะเริ่มขึ้น หากเทียบเป็นเวลาในซาทิสฟายจะเท่ากับ 150 วัน


ดินแดนที่โหดร้ายยิ่งกว่าขุมนรกกำลังอ้าปากรอการมาเยือนของเหยื่อ

▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬

ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 4 ตอน

ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,315

ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/


Comments

  1. เอาแลัวไง จะล่อคนไปฆ่าละสิ

    ReplyDelete
  2. อยากให้ถึงงานแข่งไวๆจัง
    สนุก​มาก​ขอบคุณ​ครับ​😁

    ReplyDelete
  3. ฟร้อนเดิมก็ดีอยู่ละ เปลี่ยนฟร้อนให้อ่านลำบากทำส้นตีนไร

    ReplyDelete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00