จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 912



“อัศวินทำลายล้าง ซินกูเล็ด ยินดีที่ได้พบกันอีกครั้ง”


“…?”


ฉายาต้องห้ามของตนที่ถูกหลงลืมนานกว่าสิบปี บุคคลผู้นี้รู้จักได้อย่างไร?


ซินกูเล็ดพลันดวงตาเบิกโพลงทันทีที่ย่างกรายเข้าเขตอาณาจักรโอเวอร์เกียร์พร้อมกับอัสโมเฟลและสหายของอัสโมเฟล


บุคคลที่ยืนรอต้อนรับ ณ ทางเข้า ซินกูเล็ดรู้สึกคุ้นเคยอย่างน่าประหลาด


ดวงตาที่ราวกับมองทะลวงทุกสิ่ง…


...ไม่มีคนอื่นอีกแล้วบนโลกนี้


“…เมอร์เซเดส?”


นี่คือชื่อเดียวในหัวที่ซินกูเล็ดนึกออก


สิบสองปีก่อน เมอร์เซเดสยังเป็นเพียงเด็กสาวน่ารัก แต่ยิ่งได้มอง ซินกูเล็ดก็ยิ่งเห็นภาพในอดีตซ้อนทับกับปัจจุบันชัดเจน


อัศวินรับใช้และศิษย์เอกของอดีตกัปตันปิอาโร่ เธอคือบุคคลที่จงรักภักดีต่อจักรวรรดิเหนือชีวิตมิใช่หรือ? แล้วเหตุใดถึงปรากฏตัวที่อาณาจักรโอเวอร์เกียร์ได้?


ซินกูเล็ดเริ่มสับสน บางที ความทรงจำของเขาอาจบกพร่อง


“เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่คุณยังจำได้”


สาวงามผมสีขาวบริสุทธิ์เบื้องหน้ามิได้ตอบปฏิเสธ เธอยอมรับว่าตนชื่อเมอร์เซเดส


ซินกูเล็ดเดือดดาลทันที


“เจ้าบ้าอัสโมเฟล! แกลวงฉันมาติดกับสินะ!”


ดวงตาของซินกูเล็ดพลันแผ่จิตสังหารรุนแรง เขาเริ่มชักดาบออกจากฝัก


ตลอดเวลากว่าสิบปีในอาณาจักรเมอร์เร่ ซินกูเล็ดคอยรวบรวมข้อมูลฝั่งจักรวรรดิเป็นระยะ เขาย่อมทราบว่า เมอร์เซเดส อัศวินรับใช้และศิษย์เอกปิอาโร่ ได้กลายเป็นอัศวินสีชาดลำดับหนึ่งคนปัจจุบัน


ซินกูเล็ดจึงเข้าใจผิด เขาคิดว่าเมอร์เซเดสดักรออยู่ที่นี่เพื่อจับกุมตน และไม่เพียงเท่านั้น ซินกูเล็ดยังเคลือบแคลงในความสัมพันธ์ระหว่างจักรวรรดิและอาณาจักรโอเวอร์เกียร์


“จักรวรรดิทำสนธิสัญญาสงบศึกกับอาณาจักรโอเวอร์เกียร์งั้นหรือ? ช่างน่าขัน! เป็นแค่ละครตบตาสินะ! แท้จริงแล้ว อาณาจักรโอเวอร์เกียร์ได้ตกเป็นเมืองขึ้นของจักรวรรดิเรียบร้อยแล้วใช่ไหม!”


ซินกูเล็ดแผดเสียงคำรามด้วยโทสะ


“คุณเข้าใจผิดแล้ว ฉันคืออัศวินส่วนตัวของราชาโอเวอร์เกียร์”


“อะไรนะ?”


คำอธิบายที่ไม่เข้าท่าของเมอร์เซเดสทำให้ซินกูเล็ดยิ่งโมโห


อัสโมเฟลเห็นท่าไม่ดี เขารีบอธิบายสมทบ


“เธอพูดความจริง เมอร์เซเดสมิใช่อัศวินสีชาดอีกแล้ว”


“พวกแกคิดว่าฉันจะเชื่อเรื่องเหลวไหลแบบนี้รึไง?”


เมอร์เซเดสสร้างวีรกรรมไว้มากมายขณะทำศึกให้กองทัพจักรวรรดิ เธอปราบกบฏที่แข็งแกร่งนับครั้งไม่ถ้วนด้วยกลยุทธ์แสนแยบยลและความห้าวหาญของหน่วยอัศวินสีชาด ซินกูเล็ดรับทราบเรื่องราวทั้งหมดผ่านหน่วยข่าวกรองของอาณาจักรเมอร์เร่


กระนั้น สองคนนี้กำลังจะบอกว่า อัศวินลำดับหนึ่งแห่งอาณาจักรเกิดถอนตัวและตัดสินใจรับใช้ราชาโอเวอร์เกียร์?


เหลวไหลสิ้นดี!


“เป็นความจริง”


“ก…กัปตัน!”


มหาจอมดาบ ปิอาโร่ บุคคลที่ซินกูเล็ดไว้เนื้อเชื่อใจมากที่สุด ปรากฏตัวเพื่อเพิ่มน้ำหนักให้กับคำพูดของเมอร์เซเดส


“ซินกูเล็ด ทำไมนายถึงแก่เร็วนัก?”


“…กัปตัน!”


ซินกูเล็ดไม่เคลือบแคลงอีกแล้ว เขามิอาจกลั้นน้ำตาในยามโผเข้ากอดปิอาโร่อย่างแนบแน่น


อดีตอัศวินทำลายล้าง ผู้เคยสังหารศัตรูของจักรวรรดินับร้อยศพด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว และจากรึกความหวาดผวาลงในใจกองทัพเหล่านั้น


เมื่ออยู่ต่อหน้าปิอาโร่ เขากลับกลายเป็นเพียงลูกแกะน้อยแสนเชื่อง


“นายคงผ่านเรื่องราวมามากสินะ คงเจ็บปวดไม่น้อยไม่ไหม”


พวกเขามิใช่กลุ่มอัศวินหนุ่มอีกแล้ว หากแต่เป็นกลุ่มของพวกพ้องชายวัยกลางคนที่เริ่มแก่ชรา


ปิอาโร่ทราบถึงความเจ็บปวดทรมานที่ซินกูเล็ดได้รับเป็นอย่างดี เพราะตัวเขาคือหนึ่งในเหยื่อที่ถูกกระทำแบบเดียวกัน


“กัปตัน! กัปตัน!! ฮึก! ฮือ—”


ปิอาโร่แหงนหน้ามองดวงตะวันสีแสดที่กำลังล่วงลับขอบฟ้าโดยมีซินกูเล็ดยืนร่ำไห้ในอ้อมกอด


อัสโมเฟลทำได้เพียงก้มศีรษะมองพื้นอย่างสำนึกผิด สีหน้าของเขากำลังเจ็บแปลบเหนือคำบรรยาย ชายคนนี้มิอาจเงยหน้าขึ้นได้แม้แต่วินาทีเดียว


หัวใจเมอร์เซเดสแทบแหลกสลายเมื่อได้เห็นความเจ็บปวดของอดีตวีรบุรุษที่ตนเทิดทูน


***


[พรเทพธิดาถูกใช้]


[ท่านเสริมแกร่งทักษะ (ท้าทายเทพ) การผลิตของช่างตีเหล็กในตำนาน]


[ทักษะ (ท้าทายเทพ) การผลิตของช่างตีเหล็กในตำนาน ถูกยกระดับเป็น (ท้าทายเทพ) การผลิตของช่างตีเหล็กในตำนาน — ที่แท้จริง]


[ (ท้าทายเทพ) การผลิตของช่างตีเหล็กในตำนาน — ที่แท้จริง]

* เปิดใช้งานปุ่มสร้างไอเท็มอัตโนมัติ ระยะเวลาในการสร้างไอเท็มลดลงจากเดิมมาก

* ผลลัพธ์ขั้นต่ำของไอเท็มที่ผลิตคือ ‘อีปิก’

* มีโอกาสสูงในการสร้างไอเท็มเกรดยูนีค

* มีโอกาสปานกลางในการสร้างไอเท็มเกรดเลเจนดารี

* หากบรรลุเงื่อนไขครบถ้วน มีโอกาสเล็กน้อยที่จะสร้างไอเท็มเกรดมิธ (จำลอง) และมิธ

* ไอเท็มทุกชนิดจะมีคุณสมบัติเพิ่มขึ้น 30%

* เมื่อไอเท็มเกรดมิธถูกผลิต ค่าสถานะทุกชนิดจะเพิ่มขึ้น 20 แต้มเป็นการถาวร ค่าชื่อเสียงระดับทวีปเพิ่มขึ้น 1000 แต้ม

* จะเกิดเหตุการณ์พิเศษทุกครั้งที่ไอเท็มเกรดมิธถูกสร้างครบสามชิ้น

* ทักษะที่ถูกเสริมแกร่งจะมีเลเวลสูงสุด


กริดสลัดความเย้ายวนใจที่เจ็ดนักบุญภัยพิบัติหยิบยื่นให้ และเลือกชำระล้างปฐมดาบศักดิ์สิทธิ์ตามความตั้งใจเดิม


เมื่อครอบครองพรเทพธิดาถึงสองข้อ เขาไม่ลังเลที่จะนำหนึ่งในสองไปอัปเกรดทักษะตีเหล็ก


หลังจากอัปเกรดเสร็จสิ้น กริดกำค้อนท้าทายเทพในมือแน่นถนัด


‘ผลิตไอเท็มอัตโนมัติ!’


กริดกำลังตื่นเต้นสุดขีด เพราะในที่สุด เขาก็มีปุ่มผลิตอัตโนมัติเหมือนคนอื่นบ้างสักที


‘ประการแรก เลือกสูตรผลิต จากนั้นก็เตรียมวัสดุ และสุดท้ายคือกดปุ่มเริ่มสร้าง’


กริดเปิดอ่านหนังสือ ‘คู่มือช่างตีเหล็กเบื้องต้น’ ก่อนจะลงมือสร้างหนึ่งในเซตกริดรุ่นผลิตจำนวนมาก เขาเตรียมวัตถุดิบตามที่สูตรระบุ และลงมือกดปุ่มที่ลอยอยู่มุมล่างขอบสายตา


…เรื่องมหัศจรรย์ได้เกิดขึ้น


[ท่านเริ่มผลิตไอเท็ม]


เคร้ง!


เคร้ง เคร้ง!


กริดแทบไม่เชื่อสายตา ร่างกายของตนกำลังขยับเร่งอุณหภูมิเตาหลอมด้วยตัวเอง จากนั้นก็หลอมเหล็ก รวมถึงนำโลหะออกมาทุบด้วยค้อน กริดไม่ต้องเพ่งสมาธิแม้แต่เศษเสี้ยว เขาเหลือสมองไว้สำหรับประมวลผลสิ่งสำคัญด้านอื่นมากมาย


เคร้ง! เคร้ง!


‘ไม่สบายไปหน่อยรึไง?’


กริดดื่มด่ำไปกับความน่าทึ่งของระบบผลิตอัตโนมัติ แต่ไหนแต่ไรมา การสร้างไอเท็มแต่ละครั้งมักมีหลายสิ่งให้กังวล เช่นการควบคุมอุณหภูมิเตาหลอม การทุบค้อนขึ้นรูปโลหะในองศาที่เหมาะสม และจำนวนครั้งของการชุบแข็งซ้ำ เพื่อให้ไอเท็มออกมามีประสิทธิภาพสูงสุด


เขาใช้เวลาหลายชั่วโมงถึงหลายวันเพื่อสร้างไอเท็มเพียงหนึ่งชิ้น กิจกรรมเช่นนี้สิ้นเปลืองพลังทางสมองและจิตใจเป็นอย่างมาก แต่ทั้งหมดจะเปลี่ยนไปทันทีเมื่อมีปุ่มผลิตอัตโนมัติ กริดไม่ต้องคอยกังวลกับสิ่งใด เขาเหลือสมาธิมากมายสำหรับขบคิดเรื่องอื่น


‘ช่างตีเหล็กปรกติใช้ชีวิตสุขสบายแบบนี้มาตลอดเลยรึไง?’


ร่างกายชายหนุ่มกำลังเบาสบาย วิธีการเช่นนี้อำนวยความสะดวกอย่างสุดโต่ง


ทว่า มีจุดหนึ่งที่น่าเป็นกังวล แม้ร่างกายจะขยับอย่างกระฉับกระเฉง แต่กริดก็มองออกว่าการเคลื่อนไหวยังไม่เฉียบคมและประณีตเท่ากับลงมือเอง


‘สิ่งนี้จะช่วยเราได้จริงหรือ?’


แต่ไหนแต่ไรมา พรสวรรค์ที่กริดโดดเด่นกว่าใครคือความอุสาหะ หากเขาเกียจคร้านเมื่อใด ช่างตีเหล็กทั่วโลกคงไล่ตามทันในสักวันแน่


“…”


แต่อย่างน้อย วิธีนี้จะเกิดช่องว่างทางความคิดเพื่อนำไปสร้างประโยชน์ด้านอื่น จิตใจของกริดกำลังแยกจากกับร่างกายโดยสมบูรณ์


‘ใช้เวลานี้ฝึกฝน [ร่ายสามเวทผสาน] ก็แล้วกัน’


ร่ายสามเวทผสาน ออปชันที่ติดมากับไม้เท้าเกรดมิธ ถือเป็นออปชันสุดโกงที่อนุญาตให้ผู้เล่นร่ายเวทมนตร์สามชนิดพร้อมกัน


กริดสามารถร่ายและปลดปล่อยเวทมนตร์ได้สามชนิด ขณะที่ผู้เล่นอื่นร่ายได้เพียงแค่หนึ่ง


‘เป็นออปชันที่โกงมาก…’


แต่ปัญหาก็คือ การจะใช้ออปชันร่ายสามเวทผสาน หัวสมองของกริดต้องแบ่งประสาทเพื่อเอ่ยนามของเวทมนตร์สามชนิดในเวลาเดียวกัน ตัวอย่างเช่น หากกริดต้องการร่ายศรเวท ใบมีดวายุ และไฟบอล เขาต้องท่องคำว่า ‘ศรเวท’ ‘ใบมีดวายุ’ และ ‘ไฟบอล’ ในหัวอย่างพร้อมเพรียง


ฟังดูเป็นไปไม่ได้เลยสำหรับกริด


‘เราเคยฟลุคร่ายสองเวทผสานสำเร็จก็จริง แต่การร่ายสามเวทผสานไม่ใช่สิ่งที่ทำได้โดยการใช้โชค’


หากลองจับคนเดินถนนจำนวนหนึ่งร้อยคนมาทดสอบ ไม่จำเป็นต้องชื่อเวทมนตร์ เอาเป็นดาราที่พวกเขาชื่นชอบคนละสามชื่อ จะมีสักกี่คนที่สามารถท่องทั้งสามชื่อในหัวได้พร้อมกันโดยไม่ติดขัด? ร้อยทั้งร้อยคงล้มเหลว


กริดจึงเชื่อว่า การร่ายสามเวทผสาน คือสิ่งที่เขาต้องฝึกฝนอย่างหนักเพื่อทำให้เกิดขึ้นจริง ตนไม่มีทางใช้ร่ายสามเวทผสานได้ตลอดชีวิตถ้าไม่ลงมือฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ


‘ศรเวท ไฟบอล ใบไม้…ศรเวท ฟอนไบ ใบมีดวา…ศรเวท ไบฟอน…โธ่เว่ย!’


เคร้ง! เคร้ง! เคร้ง!


ร่ายกายของกริดยังคงขยับผลิตไอเท็มอย่างต่อเนื่อง ส่วนหัวสมองของเขาฝึกฝนการท่องชื่อเวทมนตร์ไปพร้อมกัน


แต่ยิ่งเวลาผ่านไป การท่องชื่อเวทมนตร์ก็ยิ่งมอบผลลัพธ์แย่ลงทุกขณะ ไม่แปลกที่กริดจะเริ่มหงุดหงิด


ขณะเหงื่อไคลไหลชุ่มกาย จิตใจกำลังท้อแท้สุดขีด


‘ศรเวท ไฟบอล ใบมีดวาบุ…ศร…ไฟ…ใบ…’


กระนั้น กริดกลับยังคงฝึกฝนโดยไม่หยุดพัก ไม่ว่าเขาจะล้มเหลวสักกี่หน แต่ก็จะกัดฟันเริ่มต้นใหม่ได้เสมอ หากมีสิ่งใดที่มิอาจไขว่คว้าได้ในชั่วข้ามคืน เขาก็จะไขว่คว้ามันให้ได้ภายในหนึ่งเดือน


***


“ใช่แล้ว กษัตริย์หนุ่มแห่งเมอร์เร่…”


ท่ามกลางฟาร์มเกษตรกรรมกว้างใหญ่ ปิอาโร่และซินกูเล็ดกำลังนั่งสนทนาแลกเปลี่ยนประสบการณ์เคียงข้างกัน


ปิอาโร่รู้สึกชื่นชมกษัตริย์เมอร์เร่ที่ยื่นมือเข้าช่วยซินกูเล็ดและปกปิดเรื่องราวไว้เป็นความลับ ขณะเดียวกัน ซินกูเล็ดเกิดความรู้สึกแปลกประหลาดเมื่อได้ฟังเบื้องหลังการทรยศของอัสโมเฟล


“ถึงอย่างนั้น…ฉันก็ยกโทษให้อัสโมเฟลไม่ได้”


ซินกูเล็ดยังจดจำภาพในวันนั้นได้ชัดเจน ตระกูลของตนถูกจับกุมตัวและตัดศีรษะยกครัว ไอ้บัดซบอัสโมเฟลออกคำสั่งให้กลุ่มทหารหันคมหอกดาบมายังซินกูเล็ดและพวกพ้อง ฉากเยี่ยงขุมนรกเหล่านี้ถูกสลักลึกลงในความทรงจำซินกูเล็ดเรื่อยมา มันคอยตามหลอกหลอนในทุกคืนที่หลับตา


“ฉ…ฉัน”


เขาต้องการกะซวกดาบใส่หัวใจอัสโมเฟลและองค์จักรพรรดิ นี่คือสิ่งที่ซินกูเล็ดเฝ้ารอและคิดแผนการทำให้สำเร็จมาตลอดสิบสองปีเต็ม


ปัจจุบัน แม้เขาจะได้รับทราบความจริงแล้ว แต่ซินกูเล็ดก็มิอาจอภัยให้อัสโมเฟล


“ฉันไม่ได้บอกให้นายยกโทษ”


ปิอาโร่วางมือลงบนไหล่ซินกูเล็ดที่กำลังโกรธแค้น สับสน หงุดหงิด และเจ็บปวดหัวใจ


“อัสโมเฟลไม่หวังได้รับการอภัยจากผู้ใดเช่นกัน แต่สิ่งหนึ่งที่นายต้องจดจำไว้ก็คือ จักรพรรดินีแมรี่เป็นตัวการใหญ่เบื้องหลังการทรยศของอัสโมเฟล หล่อนคือศัตรูที่แท้จริงของพวกเรา”


“…”


“ชะตากรรมของอัสโมเฟลจะถูกตัดสินหลังจากพวกเราแก้แค้นจักรพรรดินีสำเร็จ”


“…เข้าใจแล้ว”


สายลมเย็นพัดเอื่อย ทุ่งข้าวสาลีสีทองอร่ามเริ่มโยกคลอนเป็นคลื่นตามแรงลม


ขณะเดียวกัน ใบไม้ของมันฝรั่งสีรุ้งเริ่มฟุ้งกระจาย ล่อลวงให้เหล่าวิหคเข้ามาจิกกิน


เหยี่ยวตัวหนึ่งบินโฉบลงจากท้องฟ้า มันคว้าใบไม้มันฝรั่งไว้จำนวนหนึ่ง จากนั้นก็รีบบินขึ้นท้องฟ้าหนีหายไปอย่างรวดเร็ว


‘ปิอาโร่…’


จอมปราชญ์สีชาด เฮสเตอร์ มันกำลังเฝ้ามองแผ่นหลังปิอาโร่


มหาจอมดาบที่ว่ากันว่า เคยเป็นนักดาบอันดับหนึ่งของจักรวรรดิ เคยเป็นเสาหลักที่คอยค้ำจุนจักรวรรดิมาช้านาน และเคยเป็นที่เคารพรักของประชาชนไม่ต่างจากองค์จักรพรรดิ


ปิอาโร่—หนึ่งในยอดบุคคลที่อาจารย์ของมัน วินฟรีด ยกย่องไม่ขาดปาก


ปิอาโร่กำลังทำให้เฮสเตอร์หวั่นวิตก


‘เขาพัฒนาขึ้นจากเหตุการณ์บีเลียลมาก มากยิ่งกว่ากริดเสียอีก’


ในฐานะ NPC พิเศษที่พัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง บางที ปิอาโร่อาจแข็งแกร่งกว่าร่างโคลนกริดด้วยซ้ำ


ไฟการต่อสู้ของเฮสเตอร์กำลังลุกโชน เขาหวังจะได้ซึมซับฝีมือจากบุคคลที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้


การดวลกับปิอาโร่ ตนจะได้กอบโกยเทคนิคและประสบการณ์มากน้อยแค่ไหนกัน


‘อดีตอัศวินสีชาดเหล่านี้ ถ้าเรามีโอกาสได้ดวลกับทุกคน ตัวเราจะพัฒนาอย่างก้าวกระโดดแน่ อาจไล่ตามกริดได้ทันก่อนการแข่งนานาชาติในปีถัดไป’


ความพ่ายแพ้ต่อปิอาโร่จะไม่เกิดผลเสียใด เขาสามารถขอท้าดวลได้ทุกเมื่อ


‘เอาล่ะ เริ่มเลยก็แล้วกัน’


เฮสเตอร์รีบเดินเข้าใกล้ปิอาโร่เพื่อขอท้าดวล แต่ขณะที่มันกำลังจะเข้าระยะส่งเสียงเรียก…


“เฮ้! แกคิดจะเดินเหยียบต้นอ่อนรึไง?”


ชาวนาผู้หนึ่งตะโกนหยุดเฮสเตอร์ไว้


“…?”


เฮสเตอร์สะดุ้งพลางก้มลงมองพื้น แล้วก็พบว่าตนเกือบจะเหยียบใบไม้สีฟ้าเข้า


“ฉันขอโทษ”


เฮสเตอร์เป็นนักกีฬาอีสปอร์ต มันย่อมเข้าใจระบบเกมเป็นอย่างดี มันมิได้เหยียดชนชั้นว่าชาวนาคือพลเมืองระดับต่ำ และยิ่งไปกว่านั้น เฮสเตอร์มอบความเคารพในตัว NPC เป็นอย่างสูง เพราะเหนือสิ่งอื่นใด อาจารย์ของมัน วินฟรีด ก็ถือเป็น NPC คนหนึ่งเช่นกัน


มันยอมก้มศีรษะขอโทษอย่างนอบน้อมแม้อีกฝ่ายจะเป็น NPC ชาวนาปลายแถว จากนั้น เฮสเตอร์รีบก้าวขาถอยหลังเพราะกลัวจะเหยียบต้นเดิมซ้ำ


“คิดจะเหยียบอีกต้นด้วยรึไง?”


ชาวนาคนเดิมโพล่งขึ้น เฮสเตอร์รีบขยับขาอย่างลนลาน


ชาวนาผู้นี้กำลังโมโหสุดขีด


“ว่าแต่ คนอย่างแกมาทำอะไรที่นี่กันแน่? ทำไมถึงมีคนนอกในฟาร์มเกษตรกรรมโอเวอร์เกียร์ได้? หรือแกเป็นไส้ศึกที่จักรวรรดิส่งมา?”


ชาวนาปริศนาแผดเสียงดุด่าพลางถอดหมวกออก ชื่อเหนือศีรษะระบุชัดเจนว่าเป็นผู้เล่น มิใช่ NPC


นามของเขาคือ ฮูเร็น และเฮสเตอร์ก็รู้จักชื่อนี้เป็นอย่างดี


‘ออร่ามาสเตอร์?’


เหตุใดฮูเร็น อดีตแรงเกอร์หลักเดียวของโลกที่หายตัวไปเมื่อหลายปีก่อน ถึงกำลังทำฟาร์มอยู่ในเขตเกษตรกรรมของอาณาจักรโอเวอร์เกียร์?


ฮูเร็นจ้องเขม็งไปยังเฮสเตอร์ที่กำลังยืนตื่นตระหนก


“ตกลงแกเป็นสายลับใช่ไหม? หากดูจากพฤติกรรมที่ลอบเข้าข้างหลังปิอาโร่เหมือนกับหนูสกปรก แกคงเป็นนักลอบสังหารที่ถูกส่งมาปิดปากปิอาโร่สินะ”


“ไม่ใช่! เลิกกล่าวหาเหลวไหลได้แล้ว! ฉันกำลังจะขอท้าดวลกับเขาต่างหาก ไม่ใช่การลอบสังหาร!”


“อะไรนะ? ท้าดวล? แกเป็นใครกัน? เฮสเตอร์? คิดว่าปิอาโร่ว่างมากขนาดมีเวลาดวลกับขยะเลยหรือ?”


“…ขยะ? แกไม่รู้จักฉันรึไง?”


“หน้าฉันเหมือนคนที่เคยได้ยินชื่อแกเป็นครั้งที่สองรึเปล่า?”


“หา?”


เฮสเตอร์คือหนึ่งในนักกีฬาอีสปอร์ตที่โด่งดังที่สุดของโลก นั่นคือความภูมิใจของมันเสมอมา เฮสเตอร์เชื่อว่า บุคคลที่เล่นเกมในระดับแข่งขัน อย่างน้อยต้องเคยเห็นชื่อและใบหน้าของมันมาบ้าง ทว่า ฮูเร็นกลับบอกว่าไม่รู้จัก ศักดิ์ศรีของมันจึงแหลกละเอียดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย


ขณะเดียวกัน ฮูเร็นรีบกลืนมันฝรั่งลงคอพร้อมกับเปิดฉากโจมตีใส่เฮสเตอร์ บุคคลที่เขาเชื่อว่าเป็นศัตรู


ด้านเฮสเตอร์ก็ไม่คิดว่า ความเข้าใจผิดครั้งนี้จำเป็นต้องอธิบายให้กระจ่าง


“ฉันจะสอนมารยาทแกเอง”


“นักลอบสังหารที่ย่องเข้าข้างหลัง คิดจะสอนมารยาทผู้อื่นงั้นหรือ?”


นี่คือถ้อยคำจากปากฮูเร็น บุรุษผู้เคยนำกองทัพอีเทอนัลลอบโจมตีเรย์ดันจากด้านหลัง


ความอดทนของเฮสเตอร์ถึงขีดจำกัด เส้นเลือดบริเวณขมับเริ่มปูดโปนปนกระตุก ดาบในมือกวัดแกว่งใส่ฮูเร็นโดยไม่ปรานี


นี่คือวินาทีที่หนึ่งในห้าปาฏิหาริย์ และบุคคลที่มีพลังมากพอจะล้มครอเกล ได้เปิดเผยตัวตนต่อแรงเกอร์แถวหน้าของโลกเป็นครั้งแรก


แต่คู่ดวลของเฮสเตอร์ในหนนี้ย่อมไม่ง่าย ฮูเร็นเคยเป็นตัวเต็งชิงตำแหน่งอริยดาบพร้อมครอเกล เขาสามารถบงการออร่าได้อย่างไร้ขีดจำกัด แถมยังฝึกฝนร่วมกับปิอาโร่นานหลายปี ฮูเร็นคือบุคคลที่ปิอาโร่ให้ความสนใจและเลือกเฟ้นด้วยตัวเอง


“…?!”


เฮสเตอร์ถูกกระด้งสานไผ่ขว้างใส่จนมึนงงไปเล็กน้อย กระด้งคือวัตถุที่มีน้ำหนักเบาและไร้เสียงเวลาถูกขว้าง


เฮสเตอร์เริ่มเย็นสันหลังวาบ การโจมตีที่คาดเดาทิศทางไม่ได้เช่นนี้ กลับมีพลังทำลายและความเสียหายในระดับสูงพอสมควร


“แกก็เป็นหนึ่งในพวกเราสินะ…!”


“ใครเป็นพวกแก? ออร่าอสรพิษ!”


“…อ๊ะ!”


ฟาร์มเกษตรกรรมเริ่มสั่นสะเทือนรุนแรง


ณ จุดห่างไกลออกไป ปิอาโร่กำลังหัวเราะอย่างมีความสุข


“ฮูเร็นคนนั้น เขาอยากมีงานทำมากขึ้นในวันพรุ่งนี้สินะ สมกับเป็นชาวนาตัวอย่าง”

▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬

ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 4 ตอน

ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,305

ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/


Comments

  1. ความเข้าใจผิดไปกันใหญ่แล้ว ขอบคุณมากครับ สนุกมากเลย

    ReplyDelete
  2. โอเวอร์เกียร์เป็นอาณาจักรที่ทุกอย่างล้ำมาก ขนาดที่ทำให้แม้แต่ความคิดของตัวละครทุกตัวล้ำไปไกลโพดด

    ReplyDelete
  3. 😄😆😂
    สนุก​มาก​
    ขอบคุณ​ครับ​

    ReplyDelete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00