จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 911



หลังจากจบการดวลระหว่างกริดและร่างโคลน อดีตอัศวินสีชาด ซินกูเล็ด ได้เข้าเฝ้ากษัตริย์เมอร์เร่เพื่อกราบทูลลา


“ขอขอบพระทัยที่ฝ่าบาททรงดูแลกระหม่อมเรื่อยมา กระหม่อมจะไม่มีวันลืมบุญคุณครั้งนี้ตราบจนชีวิตจะหาไม่”


“…”


กษัตริย์หนุ่มแสดงสีหน้าเสียดายเมื่อทราบว่าซินกูเล็ดถึงเวลาต้องไป สำหรับราชวงศ์เมอร์เร่ ซินกูเล็ดถือเป็นแขกพิเศษอย่างลับๆ มานานกว่าสิบปีแล้ว กษัตริย์เมอร์เร่ไม่ต้องการให้อดีตอัศวินสีชาดผู้นี้จากไป เขาอยากให้ซินกูเล็ดคอยต่อสู้เพื่อปกป้องตนและอาณาจักรตราบนานเท่านาน


“ดูแลตัวเองด้วยนะ”


แต่กษัตริย์เมอร์เร่มิได้กล่าวในสิ่งที่ตนคิดและรู้สึก เขายังคงไม่ลืมวันแรกที่ได้พบซินกูเล็ดในสภาพร่อแร่เจียนตาย


กษัตริย์เมอร์เร่พยายามฉีกยิ้มให้กว้างและอบอุ่นที่สุด ในฐานะของราชาอาณาจักรเล็ก เขาย่อมทราบดี ตนไม่มีวันเก็บซินกูเล็ดไว้ข้างกายตลอดไปได้


“…”


หัวใจซินกูเล็ดพลันอบอุ่นเมื่อได้เห็นรอยยิ้มจากบุคคลที่ตนเคารพเทิดทูน ในอดีต ตัวเขาถูกอาณาจักรที่ถวายชีวิตให้ทอดทิ้ง ได้รับบาดเจ็บปางตาย เร่ร่อนไปทั่วทวีปเพื่อเอาชีวิตรอด จนกระทั่งอาณาจักรเมอร์เร่ยื่นมือเข้าช่วยเหลือ


กษัตริย์เมอร์เร่เป็นบุรุษที่ใจกว้างดุจดั่งมหาสมุทร แม้จะทราบดีว่า ซินกูเล็ดคืออัศวินสีชาดที่เคยโจมตีใส่อาณาจักรเมอร์เร่เมื่อในอดีต แต่ราชากลับมิได้ถือโทษเอาความ


เขากล่าวเพียงประโยคเดียว


“เรื่องมันผ่านไปแล้ว”


ซินกูเล็ดยังจดจำบทสนทนาในอดีตระหว่างตนและกษัตริย์เมอร์เร่ได้ชัดเจน


“ฝ่าบาท กระหม่อมคงต้องขอตัวทันทีที่บาดแผลฟื้นฟูกลับเป็นปรกติ”


“ทำไมกัน?”


“หากจักรวรรดิซาฮารันสืบทราบว่ากระหม่อมอยู่ที่นี่ อาณาจักรของฝ่าบาทจะ…”


“จักรวรรดิจะไม่มีวันทราบเรื่องนี้ คนของเราล้วนปิดปากเงียบเชียบ”


“จักรวรรดิสามารถติดสินบนขุนนางได้ทุกอาณาจักรบนทวีป พวกมันมีข้อแลกเปลี่ยนแสนเย้ายวนใจสำหรับต่อรอง ในอีกไม่ช้า จักรวรรดิต้องทราบแน่ว่ากระหม่อมอยู่ในเมอร์เร่…”


“ผิดแล้ว บริวารของเรามิได้แสวงหาเงินทองหรือความมั่งคั่งเป็นที่ตั้ง พวกเรากลมเกลียวเป็นหนึ่งด้วยความเชื่อใจ”


“…”


ซินกูเล็ดเคยมองว่า กษัตริย์หนุ่มผู้นี้ยังอ่อนประสบการณ์และไม่ทราบถึงความโหดร้ายของโลกภายนอก


ไม่มีทางที่ขุนนางหลายร้อยคน ซึ่งมีความทะเยอทะยานแตกต่างกันไป จะกลมเกลียวเป็นหนึ่งได้ด้วยความเชื่อใจ


ซินกูเล็ดเชื่อมั่น อีกไม่นาน จักรวรรดิต้องหาตำแหน่งของตนพบ และคงต้องรีบหนีก่อนที่อาณาจักรเมอร์เร่ได้รับผลกระทบร้ายแรง


ทว่า ผ่านไปแล้วสิบเอ็ดปี จักรวรรดิซาทิสฟายกลับตามหาตัวเขาไม่พบ ไม่มีคนของจักรวรรดิแม้แต่คนเดียวที่เดินทางมายังเมอร์เร่และขอค้นวังหลวงเพื่อหาตัวซินกูเล็ด


อาณาจักรเมอร์เร่กลมเกลียวเป็นปึกแผ่นด้วยความเชื่อใจอย่างที่เขาพูด ไม่ว่าจะชนชั้นใด ประชาชนทุกคนล้วนจงรักภักดีต่อกษัตริย์และหวงแหนอาณาจักรอย่างมาก นับเป็นอาณาจักรที่น่าทึ่ง ช่างแตกต่างจากจักรวรรดิ ดินแดนที่ความมั่งคั่งสามารถซื้อได้ทุกสิ่ง


“…ฝ่าบาท”


ก่อนจะลาจาก ซินกูเล็ดมอบคำมั่นสัญญา


“หากเสร็จสิ้นภารกิจแล้วกระหม่อมยังมีลมหายใจอยู่ กระหม่อมขอสัญญาว่าจะกลับมายังเมอร์เร่อีกครั้ง ไม่มีที่ใดอบอุ่นและน่าอยู่ไปกว่าเมอร์เร่อีกแล้ว”


เขาต้องการค้นหาความจริงเบื้องหลังของเหตุการณ์สิบสองปีก่อน หากอัสโมเฟลมิได้โป้ปด หมายความว่า จุดจบของอนาคตวันข้างหน้าจะลงเอยได้เพียงสองแบบเท่านั้น


หากไม่ใช่ตนที่มอดม้วย จักรวรรดิก็ต้องถูกทำลายจนพินาศสิ้น


กระนั้น การล่มสลายของจักรวรรดิที่ปกครองทวีปนานหลายร้อยปี สิ่งนี้ยากเกินกว่าผู้ใดจะจินตนาการออก


กษัตริย์หนุ่มแห่งเมอร์เร่ต้องการห้ามปรามซินกูเล็ด ไม่อย่างนั้น จุดหมายที่รออยู่คงมีเพียงความตาย


ทว่า อีกใจก็คำนึงถึงหัวอกความคับแค้นของซินกูเล็ด นี่คือเรื่องที่ต้องสะสางด้วยศักดิ์ศรีของลูกผู้ชาย เป็นชะตากรรมที่ซินกูเล็ดแบกรับ หากไม่แก้แค้นให้แก่ดวงวิญญาณพ่อและแม่ เกรงว่า คงต้องใช้ชีวิตที่เหลือในฐานะบุตรอกตัญญู


กษัตริย์เมอร์เร่หวนนึกถึงบุรุษผมดำที่ตนเฝ้ามองการต่อสู้ผ่านกำแพงวังหลวงเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน


กษัตริย์หนุ่มได้แต่ภาวนา


‘ราชาโอเวอร์เกียร์ ได้โปรดปกป้องซินกูเล็ดด้วยพลังอันยิ่งใหญ่ของท่านด้วย’


อันที่จริง เมอร์เร่ไม่ชื่นชอบนัก ที่อาณาจักรใหม่อย่างโอเวอร์เกียร์ถือกำเนิด


อาณาจักรโอเวอร์เกียร์จะสั่นคลอนสันติสุขเดิมที่เคยเงียบสงบนานหลายร้อยปี และนั่นอาจเป็นบ่อเกิดของสงครามอันร้อนระอุที่ลามไปทั่วทวีป จักรวรรดิซาฮารันจะฉวยโอกาสนี้เก็บกวาดอาณาจักรที่เหลือ โดยใช้การจำกัดอาณาจักรโอเวอร์เกียร์เป็นข้ออ้าง


แต่ความจริงคือสิ่งใด? อาณาจักรโอเวอร์เกียร์กลับแข็งแกร่งกว่าอาณาจักรดั้งเดิมทั้งหมด และกำลังพัฒนาเติบโตด้วยความเร็วที่ไม่มีใครนอกจากจักรวรรดิไล่ตามทัน


ความเหิมเกริมของจักรวรรดิซาฮารันพลันต้องถูกสยบ อาณาจักรทั่วทวีปต่างยินดีต้อนรับและแอบยกย่องอาณาจักรโอเวอร์เกียร์จากในเงามืด


พวกเขาที่ถูกบีบบังคับจนเกือบทำลายตัวเอง ยามนี้มีโอกาสได้พักหายใจหายคอ


“ส่งทูตไปยังอาณาจักรโอเวอร์เกียร์”


“ฝ่าบาทจะเรียกร้องค่าเสียหายจากการต่อสู้ใจกลางเมืองหลวงใช่รึไม่?”


“ไม่ใช่”


กษัตริย์หนุ่มยืนครุ่นคิดหลังจากซินกูเล็ดเดินออกไป


“อาณาจักรเมอร์เร่จะหยุดส่งบรรณาการแก่จักรวรรดิซาฮารันนับแต่นี้เป็นต้นไป พวกเราจะกลายเป็นมิตรสหายอันดีกับอาณาจักรโอเวอร์เกียร์”


บารอนคิวดัน ขุนนางที่เคยเป็นตัวแทนอาณาจักรเมอร์เร่เข้าร่วมงานพิธีก่อตั้งอาณาจักรโอเวอร์เกียร์ในอดีต เขาเคยสรุปผลการประเมินอาณาจักรโอเวอร์เกียร์ไว้โดยคร่าว ดังนี้


…หนึ่งทหารโอเวอร์เกียร์จะแข็งแกร่งยิ่งกว่าอัศวินอาณาจักรอื่นหลายสิบ ขีดกำจัดของทหารเหล่านี้ยังมิอาจระบุได้แน่ชัด อาณาจักรโอเวอร์เกียร์จะเติบโตอย่างก้าวกระโดดกลายเป็นอาณาจักรใหญ่ด้วยระยะเวลาอันสั้น พวกเราควรรีบสานไมตรีโดยเร็ว…


ทว่า ถ้อยคำของบารอนคิวดันเมื่อครั้งนั้นน่าขบขันเกินไป ทั้งกษัตริย์และขุนนางต่างไม่มีใครเห็นด้วย


แต่ปัจจุบัน สถานการณ์ได้เปลี่ยนไปแล้ว เมื่อครู่ ขุนนางทุกคนรวมถึงตัวกษัตริย์ ต่างเห็นเต็มสองตาว่า ทหารปลายแถวหนึ่งนายสามารถดวลกับอดีตอัศวินสีชาดซินกูเล็ดได้อย่างสูสี แถมพลังของขุนนางสิบวีรชนฯ ผู้ก่อตั้งก็มากพอจะถล่มเมืองหลวงให้กลายเป็นซากปรักหักพัง


และเหนือสิ่งอื่นใด พลังของราชาโอเวอร์เกียร์…


เขาสามารถกำราบสัตว์ประหลาดนั่นได้ตามลำพัง อาณาจักรโอเวอร์เกียร์คือความหวังของยุคสมัยใหม่อย่างแท้จริง


***


‘บรรยากาศย่ำแย่กว่าที่คิดแฮะ’


เฮสเตอร์ออกปากขอเป็นผู้ติดตามช่วยอัสโมเฟลทำภารกิจ สาเหตุเพราะ มันหวังจะได้พบอดีตอัศวินสีชาดที่กระจายตัวทั่วทั้งทวีป


ภารกิจของอัสโมเฟลเกิดจากคำสั่งของราชาโอเวอร์เกียร์ ซึ่งแน่นอน เฮสเตอร์มิได้คิดช่วยสนับสนุนให้ภารกิจดังกล่าวลุล่วง ไม่มีเหตุผลให้มันต้องช่วยเหลือกริดหรืออาณาจักรของกริด มันจึงไม่กระตือรือร้นในการช่วยเหลืออัสโมเฟลมากนัก เหตุที่ขอติดตามก็เพราะผลประโยชน์ส่วนตัว


การเผชิญหน้าอดีตอัศวินสีชาดให้มากที่สุด สิ่งนี้จะช่วยเพิ่มโอกาสสำเร็จภารกิจประจำคลาส เฮสเตอร์ต้องการสำเร็จภารกิจบัดซบนี่เสียที เขาจะได้ครอบครองพลังทั้งหมดของจอมปราชญ์สีชาดอย่างครบถ้วน


แต่ความยากของภารกิจคือ ตัวมันไม่ทราบถึงความแข็งแกร่งของอดีตอัศวินแต่ละคน นั่นจึงเป็นเหตุผลที่มันติดตามอัสโมเฟล


ทันทีที่อัสโมเฟลเปิดเผยตัวตนต่อหน้าเพื่อนสมัยอดีต อีกฝ่ายก็จะเปิดฉากโจมตีโดยไม่รีรอ และเฮสเตอร์จะฉวยโอกาสนี้เพื่อวิเคราะห์จุดอ่อนจุดแข็งของอีกฝ่าย


…รวมถึงจุดอ่อนของอัสโมเฟลด้วย


หากอดีตอัศวินสีชาดคนอื่นล้วนแข็งแกร่ง มันคงไม่มีทางเลือกนอกจากดวลให้ชนะอัสโมเฟลเพื่อผ่านภารกิจ


ยิ่งมันออกเดินทาง มันก็ยิ่งได้พบว่า อดีตอัศวินสีชาดล้วนแข็งแกร่งจนน่าทึ่ง ไม่ใช่เรื่องง่ายในการดวลเอาชนะพวกเขา


“…”


อัสโมเฟล เฮสเตอร์ และซินกูเล็ด บรรยากาศระหว่างคนทั้งสามถูกอัดแน่นไปด้วยความอึดอัดตลอดทาง


อัสโมเฟลเดินมองตรงไปด้านหน้า ส่วนซินกูเล็ดเดินตามมองแผ่นหลังอัสโมเฟลด้วยสีหน้าขยะแขยงราวกับเห็นก้อนโคลน


บรรยากาศรอบตัวอัสโมเฟลหม่นหมองเกินไป คงไม่เหมาะหากเฮสเตอร์จะขอท้าดวลกับซินกูเล็ดตอนนี้


‘อาจฝืนดวลสำเร็จ ถ้าเราเปิดฉากโจมตีใส่ซินกูเล็ดก่อน แต่ว่า…เราไม่ควรก่อปัญหากับอดีตพวกพ้องของท่านอาจารย์ การดวลคงต้องเลื่อนออกไป จะรีบร้อนไม่ได้เด็ดขาด แถมยังถือโอกาสเที่ยวชมอาณาจักรโอเวอร์เกียร์ไปในตัว’


อัสโมเฟลกล่าวว่า เขาจะนำทางซินกูเล็ดกลับไปยังอาณาจักรโอเวอร์เกียร์ก่อน จากนั้นค่อยออกตามหาอดีตอัศวินสีชาดที่เหลือ


เฮสเตอร์ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากติดตามอัสโมเฟลแต่โดยดี


อาณาจักรโอเวอร์เกียร์


อาณาจักรแรกของผู้เล่นจะมีหน้าตาเช่นไร? จะเจิดจรัสงดงามเหมือนกับที่เห็นในทีวีรึเปล่า? หรือสื่อมักนำเสนอให้เกินจริงอยู่เสมอ?


เฮสเตอร์ใช้เวลาตลอดเจ็ดปีหมกตัวอยู่บนยอดเขา มันจึงเกิดความอยากรู้อยากเห็นและตื่นเต้นราวกับเด็กเล็ก


ย่อมต้องเป็นเช่นนั้น แม้มันจะเคยออกเดินทาง ‘ครั้งแรก’ กับอัสโมเฟลไปแล้ว แต่เฮสเตอร์ก็ไม่มีประสบการณ์ผาดโผนและหลากหลายเหมือนกับห้าปาฏิหาริย์ที่เหลืออย่างกริด ครอเกล หรือแอ็กนัส


เป็นการเล่นเกมที่น่าเศร้าและเจ็บปวด


ลองนึกภาพตาม การต้องฝึกฝนทุกวันบนยอดเขาเปล่าเปลี่ยว 365 วันตลอดเจ็ดปีเต็ม ในขณะที่ห้าปาฏิหาริย์คนอื่นได้เปิดโลกทัศน์กว้างไกลผ่านการผจญภัยนานับชนิด


เฮสเตอร์ฝึกฝนฝีมืออย่างซ้ำซากจำเจโดยไร้แรงกระตุ้น ความสนุกสนานที่ได้เล่นเกม…มันหลงลืมไปหมดแล้ว


หลายปีที่ผ่านมา ในทุกวันจะมีแต่ความยากลำบากและน่าเบื่อหน่าย มีหลายหนที่มันคิดถอดใจเลิกเล่น แต่ถึงกระนั้น เฮสเตอร์ก็มีความอดทนมากพอ จนได้รับคลาสจอมปราชญ์สีชาดสุดแข็งแกร่ง


‘แต่ความพยายามและอุปสรรคของเราคงไม่ต่างจากกริดและครอเกลมากนัก สองคนนั้นคงไม่ได้เล่นซาทิสฟายอย่างมีความสุขเสมอไป อุปสรรคที่ยากลำบากจำเป็นต่อการหล่อหลอมนักรบกล้าแกร่ง แต่ละคนก็มีปัญหาของตัวเองแตกต่างกัน’


แม้จะทระนงในศักดิ์ศรี แต่เฮสเตอร์ก็มั่นใจว่าแรงเกอร์ที่เหลือคงพยายามอย่างหนักไม่ต่างจากตน โดยเฉพาะกริด มันประทับใจในฝีมือกริดมาก


หลังจากได้เห็นกริดดวลกับร่างโคลนระยะใกล้ชิด เฮสเตอร์ยอมรับให้กริดเป็นผู้เล่นอันดับหนึ่งของโลกคนปัจจุบันอย่างไร้ข้อกังขา


‘กริดพัฒนาขึ้นจากงานแข่งปีล่าสุดมาก เป็นระดับการเติบโตที่ไม่มีใครเทียบได้’


คง 30% ไม่สิ ราว 20% กระมัง


‘ไม่ใช่อยู่ดี คงสัก 10% เห็นจะได้’


นี่คือโอกาสในการเอาชนะกริด ที่เฮสเตอร์วิเคราะห์จากประสบการณ์ของตัวเอง


‘และต้องอยู่ในเงื่อนไขที่ว่า กริดแสดงฝีมือที่แท้จริงระหว่างดวลกับร่างโคลน’


แต่เฮสเตอร์มั่นใจ กริดยังไม่ได้เอาจริงแม้แต่น้อย เหมือนกับเมื่อครั้งนัดชิงชนะเลิศในงานแข่งนานาชาติที่ผ่านมา…


“…”


“นี่! นายน่ะ”


“ครับ?”


เฮสเตอร์ที่เดินพลางใช้สมองครุ่นคิด เขาส่งเสียงตอบกลับโดยไม่ทันตั้งตัว


ซินกูเล็ดจ้องมองเฮสเตอร์ด้วยสีหน้าเคลือบแคลง


“ทำไมนายถึงเดินไปยิ้มไป?”


“…เอ่อ ผมยิ้มด้วยหรือ?”


ตัวมันตื่นเต้นเกินไป กับประสบการณ์แปลกใหม่ที่กำลังรออยู่เบื้องหน้า


เฮสเตอร์รีบระงับอารมณ์และอธิบาย


“ผมมีความสุข ในที่สุดก็ได้พบคู่ดวลสมน้ำสมเนื้อสักที”


ในอดีตของวงการอีสปอร์ต มีนักกีฬาจำนวนมากที่ประสบความสำเร็จอย่างล้นหลามจนคู่ควรกับคำว่า ‘ตำนาน’ หนึ่งในนั้นคือปู่ของเฟคเกอร์ ‘เทพสังหาร’ แห่งอาณาจักรโอเวอร์เกียร์


ทว่า ในบรรดาตำนานเหล่านั้น ไม่มีใครเลยที่ได้รับชัยชนะตลอดกาล พวกเขาล้วนเคยมีช่วงเวลาที่ยากลำบากและท้อแท้สิ้นหวัง


แต่ไม่ใช่กับเฮสเตอร์


ตลอดชีวิตการเล่นเกม FPS อันยาวนาน เฮสเตอร์ไม่เคยพลาดแชมป์ในทุกรายการที่ลงแข่ง ไม่เคยต้องท้อแท้หรือหดหู่ เขาคือราชาผู้มาพร้อมความสำเร็จอย่างแท้จริง


หากกล่าวขานถึงเฮสเตอร์แห่งวงการ FPS ชายคนนี้คือผู้เล่นเกรดมิธที่อยู่เหนือระดับตำนานทั่วโลก


‘ใช่แล้ว…’


ความเก่งกาจของครอเกล ที่เคยถูกสลักในใจเฮสเตอร์มาเป็นระยะเวลาหนึ่ง ยามนี้เริ่มเลือนหายและถูกแทนที่ด้วยตัวตนของกริด


‘เราจะสานต่อตำนานอันยิ่งใหญ่ต่อไปในซาทิสฟาย’


เฮสเตอร์สาบานกับตัวเอง มันจะแข็งแกร่งขึ้น และล้มกริดให้ได้ในสักวัน


มันไม่ได้มีปัญหาส่วนตัวกับกริด มิได้โกรธแค้นกริดเป็นพิเศษ เพียงแต่ เฮสเตอร์ต้องการสานต่อตำนานของตัวเองให้ยาวนานออกไป


ความคิดเช่นนี้คือสิ่งที่พลาดมหันต์ มันตัดสินใจมองข้ามครอเกลหลังจากเอาชนะมาได้ง่ายดาย ทว่า เฮสเตอร์ยังไม่รู้จักครอเกลดีพอ ตรงกันข้ามกับความสำเร็จที่ทุกคนเห็นเป็นฉากหน้า ครอเกลเคยลิ้มรสความขมขื่นของการพ่ายแพ้มากกว่าใคร และเขารู้จักนำความผิดหวังมาเป็นแรงผลักดันในการพัฒนาตัวเองอย่างก้าวกระโดด


สิ่งเดียวที่เฮสเตอร์ประเมินผิดพลาดไปก็คือ เรื่องที่มันคิดว่าครอเกลอัจฉริยะ ‘เทียบเท่า’ กับตัวเอง


***


ท่ามกลางซากศพของมอนสเตอร์สามตาที่เรียงรายก่ายกอง ครอเกลลืมตาขึ้นหลังจากนั่งทำสมาธิครู่ใหญ่ เขาได้สังหารมอนสเตอร์สามตาไปแล้วหลายร้อยตัวภายในเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง


“10%”


จอมปราชญ์สีชาด เฮสเตอร์


กำแพงสูงตระหง่านที่เคยเป็นอุปสรรคในใจครอเกลตลอดหลายเดือนให้หลัง ยามนี้พังครืนลงเรียบร้อยแล้ว


ขณะเดียวกัน มอนสเตอร์สามตาที่เกิดใหม่เมื่อถึงเวลา พวกมันพลันถูก ‘บดขยี้’ ในพริบตาด้วยฝีมือของคมดาบหินนับไม่ถ้วนที่พวยพุ่งจากพื้นดิน เป็นการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชนิดที่ไม่มอบโอกาสให้อีกฝ่ายตอบโต้


ท้องฟ้าที่เคยพังครืน ยามนี้กำลังฟื้นฟูตัวเองอย่างมั่นคงและยั่งยืน

▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬

ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 4 ตอน

ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,304

ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/


Comments

  1. ตอนนี้คือตอนที่ไม่มีพระเอก

    ReplyDelete
  2. ขอบคุณ​มาก​ครับ​😊

    ReplyDelete
  3. ฉันจะตามรอยฮิวรอย

    ReplyDelete
    Replies
    1. เดอะแร็พด่าพ่อล่อแม่ก็อด

      Delete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00