จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 917
ชื่อ : ซินกูเล็ด
อายุ : 39
เพศ : ชาย
เผ่าพันธุ์ : มนุษย์
สมญานาม : ผู้สืบทอดเคล็ดสังหาร·ปราณเพชฌฆาต
* ขณะโจมตี มีโอกาส 22% ที่จะสร้างอาการ ‘ช้ำใน’ แก่ศัตรูโดยไม่สนใจค่าต้านทาน
* ขณะสวนกลับ มีโอกาส 9% ที่จะสร้างอาการ ‘ช้ำใน’ แก่ศัตรูโดยไม่สนใจค่าต้านทาน
(อาการช้ำในจะส่งผลให้ศัตรูปวดร้าวไปทั่วร่าง ค่าสถานะทุกชนิดลดลงฉับพลัน เกิดอาการ ‘เลือดออก’ แทรกซ้อน และลดอัตราการฟื้นฟูทรัพยากรตามธรรมชาติทุกชนิด)
สมญานาม : อัศวินทำลายล้าง
* เพิ่มพลังโจมตีกายภาพ 20% และทักษะโจมตีเป็นวงกว้างปรกติ 40%
* ยิ่งพลังชีวิตต่ำ พลังโจมตีก็ยิ่งเพิ่มขึ้น
* หากโจมตีใส่ศัตรูที่มีอาการ ‘ช้ำใน’ ความเสียหายจะเพิ่มขึ้น 2,400 ถึง 4,400 หน่วยโดยไม่สนพลังป้องกัน
เลเวล : 455
พละกำลัง : 4,001
ความอดทน : 1,760
ความว่องไว : 1,008
สติปัญญา : 209
รายการทักษะ :
- วิชาดาบจักรวรรดิ (B)
- บำเพ็ญตบะ (A)
- คลุ้มคลั่ง (SS)
- เคล็ดสังหาร·ปราณเพชฌฆาต (SS)
อดีตอัศวินสีชาดลำดับสาม
สืบทอดพลังอันยิ่งใหญ่มาจากตระกูล ในบางครั้งก็รู้สึกเสียใจที่พลังของตนคร่าชีวิตผู้อื่นด้วยความทุกข์ทรมานเกินไป
‘สุดยอด’
กริดทึ่งเมื่ออ่านรายละเอียดค่าสถานะของซินกูเล็ดผ่านทักษะสำรวจ เป็นครั้งแรกที่เขาเคยเห็น NPC พิเศษมีค่าสถานะเอนเอียงไปทางใดทางหนึ่ง
‘อัศวินเกือบทุกคนจะพัฒนาตัวเองอย่างสมดุล แต่เขากลับ…’
เคล็ดสังหาร·ปราณเพชฌฆาต—หรือซินกูเล็ดจะเน้นอัปค่าพละกำลังเพื่อเพิ่มความรุนแรงของทักษะที่มีชื่อน่าเกรงขามชนิดนี้
‘เข้าใจแล้วว่าทำไมเมอร์เซเดสถึงประเมินให้แข็งแกร่งกว่าอัสโมเฟลในการดวล’
เคล็ดสังหาร·ปราณเพชฌฆาตและคลุ้มคลั่งล้วนเป็นทักษะเกรดท็อปทั้งคู่ โดยเฉพาะคลุ้มคลั่ง ยิ่งพลังชีวิตต่ำ ค่าพละกำลังและความว่องไวก็ยิ่งเพิ่มขึ้นหลายเท่า แถมยังมีโอกาสสูงที่ซินกูเล็ดจะครอบครองพลังดูดเลือดเพื่อชดเชยพลังชีวิตที่เสียไป จุดอ่อนเดียวของนักรบสายนี้คือการแพ้ทางเวทมนตร์อย่างหนัก แต่อัสโมเฟลไม่ใช่จอมเวท หากดวลกับซินกูเล็ด เขาไม่น่าจะได้รับชัยชนะ
‘นอกจากปิอาโร่แล้ว คงไม่มีอดีตอัศวินสีชาดคนใดเอาชนะซินกูเล็ดได้ในการดวล แต่เขาจะเป็นเหยื่อแสนโอชะของเหล่าจอมเวทฝ่ายศัตรู’
กริดฉีกยิ้มเมื่อเห็นซินกูเล็ดก้มศีรษะคำนับให้เล็กน้อย
“ยินดีต้อนรับสู่อาณาจักรโอเวอร์เกียร์ ฉันทราบสถานการณ์ของนายแล้ว ความแค้นต่อจักรวรรดิที่นายมีร่วมกับปิอาโร่และอัสโมเฟล อาณาจักรโอเวอร์เกียร์จะช่วยสนับสนุนอย่างเต็มที่ แต่ก่อนจะถึงเป้าหมายนั้น รบกวนเป็นพลังให้อาณาจักรนี้ร่วมกับปิอาโร่ด้วย”
“ขอครับ”
ซินกูเล็ดตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ปราศจากความกระตือรือร้น
ช่วยไม่ได้ ซินกูเล็ดเดินทางมายังอาณาจักรโอเวอร์เกียร์เพียงเพราะหวังแก้แค้น เขาไม่คิดจงรักภักดีต่อกริดตั้งแต่ต้น
‘การดวลคงต้องเลื่อนออกไปก่อน’
มีโอกาสสูงที่ค่าความสัมพันธ์กับซินกูเล็ดจะลดลงหากตนขอท้าดวล กริดวางตัวอย่างระมัดระวัง เขารอคอยโอกาสที่ค่าความจงรักภักดีของซินกูเล็ดเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันก็หันไปกระซิบข้างหูปิอาโร่
“ฉันอยากรู้ข้อมูลของปราณเพชฌฆาต แล้วก็ ช่วยเปิดใจซินกูเล็ดให้ฉันด้วย”
“กระหม่อมจะพยายาม”
***
‘อาณาจักรเราต้องการอัจฉริยะเพิ่ม’
ลอเอลหวังครอบครองกลุ่มอัจฉริยะจำนวนมากเพื่อเป็นรากฐานสำคัญของอาณาจักร ความคิดเช่นนี้เริ่มขึ้นนับตั้งแต่เขาตัดสินใจเข้าร่วมกริด และปัจจุบันยังคงไม่เปลี่ยนไป แม้ว่าอาณาจักรโอเวอร์เกียร์จะมีเหล่าอัจฉริยะอย่างปิอาโร่ เมอร์เซเดส และอัสโมเฟลแล้วก็ตาม
จักรวรรดิซาฮารัน อาณาจักรฮวานแห่งตะวันออก จอมอสูรแห่งขุมนรก และอีกหลายฝ่าย เหล่านี้คือศัตรูที่จะเป็นภัยคุกคามต่อกริดและอาณาจักรในอนาคต ส่งผลให้ลอเอลกำลังวิตกหนัก เขาต้องการเหล่าอัจฉริยะจำนวนมากเพื่อให้อาณาจักรเติบโตได้อย่างก้าวกระโดดทัดเทียมจักรวรรดิซาฮารัน อาณาจักรโอเวอร์เกียร์จะไม่มีอนาคตแม้แต่น้อยหากมิอาจสยบศัตรูใกล้ตัวอย่างจักรวรรดิลงได้
สำหรับลอเอล ปัญหาด้านกำลังคนแก้ไขได้ค่อนข้างยาก
‘อัจฉริยะเกือบทั้งหมดล้วนเข้าร่วมกับเราเรียบร้อยแล้ว’
หลังจากก่อตั้งอาณาจักรโอเวอร์เกียร์ ลอเอลคือมือขวาและรัฐมนตรีผู้มีอำนาจสูงสุด เขาทำทุกวิถีทางในการชักชวนอัจฉริยะให้เข้าร่วมอาณาจักร ไม่ว่าจะเป็นการมอบเซตกริด การงดเว้นภาษี การสร้างภารกิจพิเศษตอบแทน หรือแม้กระทั่งสมบัติมากมายที่ล่อตาล่อใจ ลอเอลไม่เกี่ยงวิธีการที่จะดึงตัวอัจฉริยะเข้าสู่อาณาจักร แต่น่าเสียดายที่จำนวนอัจฉริยะซึ่งเตะตาลอเอลมีเพียงหยิบมือเดียวเท่านั้น ยากจะหาใครทัดเทียมกลุ่มขุนพลหัวกะทิของกิลด์โอเวอร์เกียร์ดั้งเดิมได้
‘เราไม่ได้ต้องการอัจฉริยะสุดโต่ง ขอเพียงบุคคลที่มีพรสวรรค์ในสายงานของตัวเองก็พอ’
ลอเอลถอนหายใจด้วยสีหน้าดำมืด เขาเริ่มสิ้นหวังในการแก้ปัญหาด้านบุคคล สาเหตุเพราะ ลอเอลทราบถึงเหตุผลที่เหล่าอัจฉริยะทั่วโลกไม่ต้องการร่วมมือกับอาณาจักรโอเวอร์เกียร์
‘เป็นผลข้างเคียงจากความโด่งดังของกริด’
ยังมีผู้เล่นอีกมากที่เลือกเป็นอริกับอาณาจักรโอเวอร์เกียร์ โดยเฉพาะเหล่าบุคคลที่ทระนงตนว่าพวกมันเหนือกว่า คนเหล่านี้จะเดินบนเส้นทางตรงข้ามกับโอเวอร์เกียร์ ซึ่งเป็นเส้นทางที่พวกมันมองว่าก้าวกระโดดได้ไกลกว่า แน่นอน หนทางที่ว่าคือการเข้าร่วมจักรวรรดิซาฮารัน พวกมันเคาะประตูจักรวรรดิและถวายตัวรับใช้โดยมีผลประโยชน์มหาศาลและชื่อเสียงเป็นสิ่งตอบแทน ไม่เพียงเท่านั้น พวกมันยังมองว่าการอยู่ฝ่ายตรงข้ามอาณาจักรโอเวอร์เกียร์ถือเป็นการผดุงคุณธรรม
‘เจ้าพวกงั่ง เป็นศักดิ์ศรีที่ไม่เข้าท่าเลยสักนิด’
ซาทิสฟายมอบอิสระไม่ต่างจากโลกจริง ส่งผลให้ผู้เล่นจำนวนมากต้องการสร้างตำนานเป็นของตัวเอง พวกเขาสนุกไปกับเนื้อหาของเกมจนมองข้าม ‘เนื้อเรื่องหลัก’ โดยสิ้นเชิง ทำไมน่ะหรือ เพราะเนื้อเรื่องหลักกับภารกิจแยกย่อยส่วนมากไม่มีความเกี่ยวข้องกันแม้แต่น้อย
‘โลกซาทิสฟายน่ากลัวกว่าที่พวกแกคิด ตัวอย่างที่ชัดเจนคือจักรวรรดิซาฮารัน’
จุดเริ่มต้นของผู้เล่นทุกคนคือทวีปตะวันตก และปัจจุบัน ทวีปตะวันตกเกือบทั้งหมดอยู่ภายใต้การปกครองของจักรวรรดิซาฮารัน พวกมันวางแผนจะรวมทวีปเป็นหนึ่งเดียวมาโดยตลอด หนึ่งเดียวชนิดไม่แบ่งแย่งเป็นอาณาจักรเล็กอาณาจักรน้อยเหมือนทุกวันนี้ และในเมื่อทุกอาณาจักรเริ่มอ่อนแอลงจากผลกระทบทางการเมืองที่จักรวรรดิบีบคั้น อีกไม่นาน จักรวรรดิซาฮารันจะเริ่มลงมือก่อสงครามใหญ่
‘สงครามเพื่อรวมทวีปเป็นหนึ่งเดียว’
ลอเอลคาดว่า มหาสงครามจะนำพาผู้เล่นทุกคนให้เข้าสู่บทเนื้อเรื่องหลักของซาทิสฟาย ชีวิตของประชากรสองพันล้านจะแปรเปลี่ยนในชั่วข้ามคืนขึ้นอยู่กับผลของศึกครั้งนี้
'หากจักรวรรดิรวมทวีปสำเร็จ ฝ่าย NPC พิเศษเช่นขุนนางระดับสูงของจักรวรรดิก็จะมีอำนาจมากขึ้น ขณะเดียวกัน นั่นจะหมายถึงจุดจบของพลังอำนาจผู้เล่น'
การแบ่งแยกชนชั้นจะเกิดขึ้นทุกหัวระแหง แถม NPC ยังมีมายาคติที่แตกต่างจากผู้เล่น มันไม่มีทางปล่อยให้ผู้เล่นมี ‘อิสระ’ เหมือนอย่างเคยแน่
‘จากนั้น จักรวรรดิจะเริ่มรุกรานทวีปตะวันออกและปะทะกับยังบัน ความทะเยอทะยานของพวกมันจะทำให้ผู้เล่นเดือดร้อนสถานหนัก’
ลอเอลอาจมองในแง่ร้ายเกินไป แต่เขาก็มั่นใจว่า หากผู้ปกครองทวีปเป็นผู้เล่น ย่อมต้องดีกว่าผู้ปกครองทวีปที่เป็น NPC พิเศษ ตัวอย่างที่ชัดเจนคืออาณาจักรโอเวอร์เกียร์ สิ่งก่อสร้างและสิ่งอำนวยความสะดวกในอาณาจักรเอื้อประโยชน์แก่ผู้เล่นอย่างมาก ถือเป็นแดนสวรรค์สำหรับผู้เล่นก็ว่าได้ แต่สาเหตุหลักที่ผู้เล่นยังไม่กล้าเลือกเข้าร่วมอาณาจักรโอเวอร์เกียร์ เพราะกริดกำลังตั้งตัวเป็นศัตรูกับจักรวรรดิ
“ฝ่าบาทจะยอดเยี่ยมเกินไปแล้ว…”
ชายคนนั้นสามารถลักพาตัวอัจฉริยะได้ทุกครั้งที่ออกผจญภัย เขาทำมันซ้ำแล้วซ้ำเล่าราวกับเป็นเรื่องปรกติ ลำพังกริดเพียงคนเดียวสามารถซื้อใจสุดยอด NPC ระดับทวีปเฉกเช่นปิอาโร่ เมอร์เซเดส อัสโมเฟล สติกส์ และซูเอได้ง่ายดาย
“แน่นอนว่าเราฉลาดกว่าเขา อ่านความต้องการของผู้คนได้ดีกว่าเขา แต่ทำไมเราถึงหาอัจฉริยะไม่ได้แม้แต่คนเดียว ทว่าฝ่าบาทกลับทำได้ เรากับฝ่าบาทต่างกันตรงไหน หรือเราจะสมบูรณ์แบบเกินไปจนผู้คนต่างไม่กล้าเข้าใกล้”
ลอเอลกำลังยืนพูดจาเหลวไหลหน้ากระจกบานใหญ่
“นายทำอะไรอยู่ ที่สหรัฐกำลังฮิตทำตัวเหมือนคนบ้ารึไง”
ใครบางคนเปิดประตูพลางเอ่ยปากพูดโดยไม่เคาะตามมารยาท
ลอเอลหันไปมองกริดด้วยสีหน้าตกตะลึง สายตาของเขากำลังจ้องมองไปยังบุคคลด้านหลังกริด
“นี่คือ…”
“จำไม่ได้หรือ ฮูเร็นไง เขาจะเข้ากิลด์โอเวอร์เกียร์”
“…”
บุรุษแปลกหน้ามีหนวดเครายาวเฟิ้มกว่าปรกติ แต่ชื่อเหนือศีรษะย่อมไม่โกหกใคร ลอเอลยังคงจดจำชื่อและใบหน้านี้ได้ดี เป็นใครไปไม่ได้นอกจากออร่ามาสเตอร์ ฮูเร็น อดีตวีรบุรุษที่ชาวสหรัฐฝากความหวังไว้ในงานแข่งนานาชาติครั้งที่หนึ่ง ฮูเร็นคือแรงเกอร์น้อยคนบนโลกที่ลอเอลประเมินให้อยู่ในระดับสัตว์ประหลาด
“ฉันนึกว่านายจะดีใจซะอีก ทำไมถึงเอาแต่ยืนเหม่ออยู่ได้”
กริดขมวดคิ้วฉงน
“…คราวนี้ไปเก็บมาจากไหนอีก”
ลอเอลทรุดคุกเข่าอย่างไร้เรี่ยวแรง
***
“หืม ฝ่าบาทจะไม่ลงแข่งงานนานาชาติในปีนี้หรือ”
ลอเอลกล่าวถามด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ เขาทึ่งที่กริดบอกว่าจะไม่ลงแข่งนานาชาติซึ่งจะมีขึ้นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ทั้งที่ชายคนนี้เคยรับบทดาวเด่นของงานแข่งมาตลอด แถมยังมีเรื่องสปอนเซอร์ซึ่งเป็นรายได้มหาศาลที่กริดจะพลาดโอกาสไป
“เหรียญทองงานแข่ง สำหรับฝ่าบาทก็เหมือนกับของตาย ทำไมถึงยอมพลาดโอกาสคว้ารางวัลแสนล้ำค่าเช่นนี้ หรือฝ่าบาทกังวลว่าอาณาจักรอาจถูกลอบโจมตีอีก ไม่ต้องเป็นห่วง หนนี้กระหม่อมเตรียมการรับมืออย่างรัดกุมเป็นพิเศษ”
“อา อย่าลืมปกป้องอาณาจักรให้ดีล่ะ แต่สาเหตุที่ฉันไม่ลงแข่ง ไม่เกี่ยวกับเป็นห่วงที่อาณาจักรจะถูกโจมตีหรอกนะ”
“หืม…”
ลอเอลเริ่มครุ่นคิดอย่างใจเย็น หากกริดลงแข่ง ชายคนนี้สามารถคว้าสามเหรียญทองมาครองได้ง่ายดาย โดยเฉพาะในปีปัจจุบันที่กริดคือผู้เล่นอันดับหนึ่งของโลกอย่างไร้ข้อกังขา
ในยามปรกติ ชายคนนี้คือราชาจอมละโมบมิใช่หรือ ต้องมีเหตุผลสำคัญที่ทำให้กริดเลือกปฏิเสธเข้าแข่งแน่
ลอเอลได้ข้อสรุป เขายักไหล่เล็กน้อย
“เข้าใจแล้ว ฝ่าบาทคงมีแผนของตัวเองสินะ”
“ถูกต้อง”
กริดมีแผนจะดื่มด่ำไปกับความสนุกที่ได้รับจากบทบาทราชาอสูร เขาอยากอวดโอ่เรื่องนี้กับลอเอลใจแทบขาด แต่ทาง SA กรุ๊ปได้ระบุไว้ในสัญญาว่า ห้ามนำเรื่องนี้แพร่งพรายให้บุคคลภายนอกรับรู้ด้วยประการทั้งปวง ในซาทิสฟาย กริดมิอาจเล่าให้ใครฟังได้ ตัวเขาย่อมถูกทีมงานจับตามองตลอดเวลาที่ออนไลน์
“หืม…”
ลอเอลเล็งเห็นเจตนาบางประการในแววตากริด เขาแสดงสีหน้าโล่งใจ
“ฝ่าบาทคงไม่ใช่คนที่ยอมเสียผลประโยชน์แน่ ขอให้ไปได้สวยนะ”
“ฉันสัญญาว่าจะทำเต็มที่ นายเองก็เหมือนกัน ขณะที่เรื่องย้ายสัญชาติจากสหรัฐเป็นเกาหลีใต้ยังไม่เรียบร้อย ทีมสหรัฐควรเป็นเจ้าเหรียญทองในปีนี้”
“หากฝ่าบาทไม่เข้าร่วม เจ้าเหรียญทองต้องเป็นของทีมสหรัฐอยู่แล้ว”
“มั่นใจเกิดไปรึเปล่า เกาหลีใต้ยังมียูร่ากับพีคซอร์ดอยู่นะ”
“พวกเขาแข็งแกร่งก็จริง รวมถึงจกบัลด้วย แต่เพียงแค่สามบุคคลจะเอาชนะทีมสหรัฐได้เชียวหรือ”
“อา…”
เมื่อพิจารณาถึงความเก่งกาจของทีมสหรัฐอย่างถี่ถ้วน กริดเริ่มเห็นด้วยว่าเพียงสามคนนี้ไม่พอแน่
‘ไม่ได้จะดูถูกยูร่ากับพีคซอร์ดหรอกนะ แต่ว่า…’
ทีมสหรัฐมีแรงเกอร์ระดับสัตว์ประหลาดมากเกินไป ลำพังครอเกลกับลอเอลก็รับมือได้ยากแล้ว ไม่ต้องพูดถึงอัจฉริยะคนอื่น แถมฮูเร็นก็ยังอยู่ในทีมสหรัฐ
‘ยังมีซีบาลอีกคนที่ซุ่มเงียบ’
หากเทียบกับเกาหลีใต้…
‘ต่างชั้นเกินไป’
สำหรับกริด เขาแข็งแกร่งพอจะรับประกันอย่างน้อยสองเหรียญทอง แต่ไม่ใช่กับยูร่าและพีคซอร์ด
‘พวกเขาจะพลาดหนึ่งเหรียญทองหากบังเอิญลงแข่งรายการเดียวกับครอเกล…’
กริดเริ่มมองเห็นความผิดพลาดของตัวเอง จะเกิดอะไรขึ้นหากเกาหลีใต้พบความฉิบหายในงานแข่งที่กำลังจะมาถึง ประเทศต้องตกต่ำเพียงเพราะตนอยากเป็นราชาอสูรเพื่อหาความสนุกและผลประโยชน์ส่วนตัว
‘แอนตี้แฟนของเราคงเพิ่มจำนวนขึ้นหลายเท่า…’
หากประเมินจากนิสัยของชาวเน็ตเกาหลีใต้ สิ่งนี้เกิดขึ้นแน่ กริดจะถูกวิจารณ์อย่างหนักหลังความจริงปรากฏ เขาจะถูกเพื่อนร่วมประเทศตราหน้าว่าเป็นคนขายชาติ
‘แย่ล่ะสิ’
กริดไม่ใช่ปัจเจกบุคคลอีกแล้ว เขาคือสัญลักษณ์ เป็นสัญลักษณ์ของอาณาจักรโอเวอร์เกียร์ หากชื่อเสียงกริดเสื่อมถอย ความนิยมของอาณาจักรก็จะลดลงตามไปด้วย
‘เราปฏิเสธตำแหน่งราชาอสูรทันไหม’
ราวกับลอเอลอ่านสีหน้าหวั่นวิตกของกริดออก เขารีบปลอบประโลม
“ฝ่าบาททำในสิ่งที่ใจต้องการเถอะ ฝ่าบาทปกครองอาณาจักรโดยมีผลประโยชน์ของส่วนรวมเป็นที่ตั้งก็จริง แต่พวกเราก็ไม่ต้องการให้ตำแหน่งกษัตริย์คอยพันธนาการอิสระของฝ่าบาทไว้ จงทำในสิ่งที่อยากทำ อย่าได้มัวห่วงหน้าพะวงหลัง”
“นายนี่มัน…”
ในบางครั้ง ลอเอลคือบุคคลแสนน่ารำคาญที่ปากเสียเหนือคำบรรยาย แต่บางครั้งก็มอบกำลังใจได้อย่างน่าเหลือเชื่อ กริดลุกยืนขึ้นพลางอมยิ้มอย่างอบอุ่น
“ฉันได้ยินมาว่า พักนี้นายอยากให้ดวงตาดูเท่ขึ้นกว่าเดิมใช่ไหม ตั้งตารอได้เลย ฉันจะหาทางสร้างแว่นกันแดดให้ได้หลังจากจบงานแข่งนานาชาติ”
“แว่นกันแดดหรือ”
“ถูกต้อง แว่นกันแดดที่จะปลดผนึกพลังของราชาเนตรมาร”
▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬
ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 4 ตอน
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,310
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/
สงสารลอเอลเลยตอนเข้าประตูมา
ReplyDeleteเเว่นกันเเดด?
ReplyDeleteขอบคุณมากครับ😊
ReplyDelete