จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 914



[วิชาดาบแพ็กม่า Lv.4

- โหมดทั่วไป -

* สามารถกลายเป็นกลายเป็นหนึ่งเดียวกับดาบได้ทุกเมื่อ

* เพิ่มพลังโจมตี 34% อัตราคริติคอล 25% และความรุนแรงคริติคอล 20%

* แสดงผลเมื่อสวมใส่อาวุธประเภทดาบเท่านั้น

* ไม่สิ้นเปลืองมานา

- โหมดกระบวนดาบ -

* ท่านกลายเป็นหนึ่งเดียวกับดาบ สามารถใช้วิชาดาบจำพวกคลื่น หน่วง ร่ายรำ และสังหาร

* เอฟเฟคติดตัวจากโหมดทั่วไปจะถูกยกเลิก

* ใช้มานา 20 หน่วยเพื่อเปิดโหมดกระบวนดาบ

* หลังจากปิดโหมดกระบวนดาบ ทักษะจะติดระยะหน่วง 10 วินาทีจึงจะเปิดใช้งานใหม่ได้อีกครั้ง การปิดโหมดกระบวนดาบไม่ใช้ทรัพยากร


    นี่คือสาเหตุที่ดาบพินาศทัพหนึ่งแสนมีความทรงพลังจนน่าเหลือเชื่อ เดิมทีแล้ว ทักษะในโหมดกระบวนดาบจะมีข้อเสียใหญ่หลวงคือ ระยะเตรียมตัวและระยะหน่วงของทักษะที่นานมาก แต่หากมองในโหมดปรกติ ประสิทธิภาพของบัฟนับว่ายอดเยี่ยมกว่าทักษะชำนาญดาบชนิดใดทั้งหมด


    ทว่า ข้อเสียก็ยังมีปรากฏ บัฟในโหมดทั่วไปจะไม่แสดงผลขณะใช้ทักษะรำดาบดาบ แต่ในภายหลัง กริดได้ครอบครองทักษะความชำนาญอาวุธทุกชนิด เขาจึงไม่เสียใจกับจุดอ่อนด้านนี้มากนัก


    ‘จะเกิดอะไรขึ้นหากเราเสริมแกร่งวิชาดาบหลัก?’


    เดิมที กริดมีแผนจะอัปเกรดทักษะ ‘คลื่นทำลายล้างร่ายรำสังหาร’ แต่เขาไม่เคยนึกถึงวิชาดาบแพ็กม่าหลักที่เป็นทักษะกึ่งติดตัวกึ่งกดใช้เลยสักครั้ง อันที่จริง วิชาดาบแพ็กม่าถือเป็นสิ่งสำคัญที่อยู่คู่กริดมาตั้งแต่ต้น มันใกล้ตัวเขาเกินไปจนทำให้มองข้าม เหมือนกับอากาศที่มนุษย์ใช้หายใจ ถึงจะสำคัญมาก แต่อยู่ใกล้ตัวเกินไปจนหลงลืมว่ามีตัวตน


    คำถามใหม่ชนิดนี้ ผุดขึ้นระหว่างกริดครุ่นคิดถึงการใช้พรเทพธิดาเสริมแกร่งทักษะตีเหล็กชนิดอื่น เช่นลมหายใจช่างตีเหล็กในตำนาน หรือแม้กระทั่งการออกแบบของช่างตีเหล็กในตำนาน วิธีการคิดนอกกรอบเช่นนี้นำมาพาสู่ไอเดียการอัปเกรดทักษะวิชาดาบแพ็กม่าหลัก


    ‘มันต้องออกมาเจ๋งแน่’


    กริดไม่ต้องการเสริมแกร่งให้กับวิชาดาบพื้นฐานจำพวกร่ายรำ สังหาร หรือมายา ประสิทธิภาพของมันอาจเพิ่มขึ้นหลายเท่าก็จริงอยู่ แต่ระยะหน่วงจะถูกยืดออกไปเป็น 30 นาที การรอใช้ทักษะทุกครึ่งชั่วโมงไม่ใช่เรื่องน่าสนุกเลยสักนิด เรียกว่าเป็นการลดระดับคงจะเหมาะกว่าเสริมแกร่ง


    ‘ในกรณีของคลื่นทำลายล้างร่ายรำสังหาร ระยะหน่วงจะเหลือเพิ่ง 30 นาทีจากสามชั่วโมง แต่ว่า…’


    สามสิบนาทีก็ยังไม่เร็วพอ ในอดีต คลื่นทำลายล้างร่ายรำสังหารคือไม้ตายที่ใช้ในการดวลหรือล่าบอสได้เพียงหนเดียว ซึ่งต่อให้ลดเหลือสามสิบนาที เขาก็ยังใช้ได้เพียงหนเดียวเช่นเดิม ไม่มีสิ่งใดเปลี่ยนไป


    ‘แต่ถ้าเสริมแกร่งให้กับวิชาดาบแพ็กม่าหลักที่เป็นทักษะกึ่งติดตัว…’


    ทักษะวิชาดาบทั้งหมดอาจถูกยกระดับในคราวเดียว รวมถึงคลื่นทำลายล้างร่ายรำสังหารด้วย และไม่น่าจะมีปัญหาด้านระยะหน่วง 30 นาทีตามมา


    ‘หรืออาจเป็นจุดเริ่มต้นของทักษะผสานชนิดใหม่…’


    แน่นอน สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงการคาดเดา เขาอาจหวังสูงเกินไปก็ได้


    “ฟู่ว”


    ยิ่งคาดหวังมาก ความผิดหวังก็ยิ่งรุนแรง


    กริดสูดลมหายใจเข้าลึกเพื่อระงับความตื่นเต้น เขาเตรียมใจรอรับความผิดหวัง ก่อนจะลงมือตรวจสอบว่า ‘วิชาดาบแพ็กม่า’ สามารถเสริมแกร่งได้หรือไม่


    ขณะความกังวลเริ่มปะทุ ชายหนุ่มสวดอ้อนวอนในใจ


    ‘ได้โปรดอนุญาตให้เสริมแกร่งด้วย! อย่าขึ้นข้อความบัดซบจำพวก ทักษะที่ท่านเลือกไม่สามารถเสริมแกร่งได้’


    ชิ้ง—


    ข้อความระบบใหม่แสดงขึ้น


[เทคนิคมหาจอมดาบแพ็กม่า]


    * เพิ่มพลังโจมตีกายภาพ 40% อัตราคริติคอล 50% และความรุนแรงคริติคอล 80%


    * แสดงผลเมื่อสวมใส่อาวุธประเภทดาบเท่านั้น


    * จังหวะรำดาบลดลงเหลือเพียงครึ่งเดียว


    * ท่านสามารถใช้งานทักษะรำดาบเช่นคลื่น หน่วย ร่ายรำ และสังหาร


    * ทักษะเสริมแกร่งจะมีเลเวลสูงสุด


    “อะไรนะ…”


    กริดกะพริบตาถี่ๆ หลังจากอ่านรายละเอียดวิชาดาบแพ็กม่าที่ถูกเสริมแกร่งด้วยพรเทพธิดา เขาขมวดคิ้วด้วยสีหน้าสุดฉงน


    “ทำไมคำอธิบายถึงสั้นนัก?”


    ชายหนุ่มอ่านซ้ำย้ำอีกครั้ง รายละเอียดมิได้ระบุข้อแตกต่างระหว่าง ‘โหมดทั่วไป’ กับ ‘โหมดกระบวนดาบ’ อย่างที่ควรจะเป็น


    “หมายความว่ายังไง ห่วยลงงั้นหรือ?”


    สำหรับกริด วิชาดาบแพ็กม่ามีจุดบอดหลายแห่ง มันอาจมีพลังโจมตีที่รุนแรงระดับตำนาน แต่ข้อด้อยของคลาสสายผลิตยังคงปรากฏให้เห็น ซึ่งเป็นที่เข้าใจได้ เพราะคลาสผู้สืบทอดแพ็กม่ามีพื้นฐานเป็นช่างเหล็ก มิใช่นักรบ ด้วยหลักความคิดเช่นนี้ กริดจึงเข้าใจรายละเอียดใหม่ผิดไปชั่วขณะ


    ใช่แล้ว เพียงชั่วขณะเท่านั้น


    “ห่วยกับผีน่ะสิ! เจ๋งโคตรต่างหาก!”


    คำอธิบายทักษะเช่นนี้ย่อมหมายความว่า เมื่อวิชาดาบแพ็กม่าถูกอัปเกรด จะไม่แบ่งแยกโหมดปรกติและโหมดกระบวนดาบอีกต่อไป ซึ่งผลของบัฟพลังโจมตี อัตราคริติคอล รวมถึงความแรงคริติคอล ทั้งหมดจะแสดงผลตลอดเวลา รวมถึงขณะใช้ทักษะ


    ‘บัฟพลังโจมตีกลายเป็น 40%’


    ไม่เพียงเท่านั้น ความรุนแรงคริติคอลยังเพิ่มขึ้นมากจนน่าทึ่ง หากติดสมญานาม ‘ตายในการโจมตีเดียว’ เข้าไปอีก ค่าความรุนแรงคริติคอลรวมของกริดจะสูงถึง 400% เลยทีเดียว ทั้งที่ผู้เล่นทั่วไปสามารถทำได้เพียง 150% ถึง 210% เท่านั้น กริดที่เป็นช่างตีเหล็กกลับมีความรุนแรงคริติคอลสูงกว่าคลาสสายต่อสู้ถึงสองเท่า


    ‘หากบัญชาแห่งเทพแสดงผล บางที…’


    อาจมีสักวันที่เขาปราบบอสพิเศษได้ในการโจมตีเดียว ใช่แล้ว บอสพิเศษ มิใช่บอสแม็ปดาษดื่นทั่วไป


    “ส…สุดยอด! เจ๋งเป้ง!”


    นับว่าถูกหวยของแท้ สมองกริดพลันขาวโพลนไปชั่วขณะ ทักษะการสื่อสารลดลง เขานึกคำพูดอื่นไม่ออก ทำได้เพียงพะงาบปากกล่าวถ้อยคำเดิมซ้ำแล้วซ้ำเล่าเหมือนกับนกแก้วนกขุนทอง


    ทว่า ราชาโอเวอร์เกียร์พัฒนาขึ้นจากแต่ก่อนมาก เขาจะเป็นไอ้งั่งไปตลอดไม่ได้ กริดรีบดึงสติกลับมาพลางส่งเสียงตะโกน


    “มีใครอยู่ไหม?”


    “เพคะฝ่าบาท”


    หญิงสาวผู้หนึ่งขานรับ


    เธอคืออัศวินในตำนาน เมอร์เซเดส อัศวินผู้คอยอารักขากริดหน้าทางเข้าโรงเหล็ก


    “เขาชื่อซินกูเล็ดใช่ไหม? อดีตอัศวินสีชาดที่อัสโมเฟลพากลับมา”


    “เพคะ”


    “เคยเป็นอัศวินลำดับเท่าไร?”


    “ลำดับสาม”


    “เก่งแค่ไหน?”


    “ระดับไม่ต่างจากปิอาโร่และอัสโมเฟลมากนัก พวกเขาล้วนเป็นสัตว์ประหลาด ถึงจะผ่านมาแล้วสิบสองปี แต่เชื่อว่ายังคงฝึกฝนวิชาดาบทุกวันไม่ขาด”


    “ดีล่ะ! ขอวัดฝีมืออดีตอัศวินสีชาดหน่อยก็แล้วกัน”


    กริดฉีกยิ้มกว้างขณะกดปุ่มอัปเกรดวิชาดาบแพ็กม่าโดยไม่ลังเล


[‘วิชาดาบแพ็กม่า’ ถูกเสริมแกร่ง]


[‘วิชาดาบแพ็กม่า’ เปลี่ยนชื่อเป็น ‘เทคนิคมหาจอมดาบแพ็กม่า’]


    ใช่แล้ว นี่คือโอกาสทองที่จะได้เห็นฝีมือของอดีตอัศวินสีชาดไปพร้อมกับประสิทธิภาพของวิชาดาบใหม่ และอันที่จริง กริดคาดหวังกับซินกูเล็ดไว้มาก เพราะเขาตระหนักถึงความยอดเยี่ยมของปิอาโร่และอัสโมเฟลได้เป็นอย่างดี


    ‘ต้องเป็นไพ่ตายระดับ S อีกใบแน่’


    ซินกูเล็ดอาจไม่เทียบเท่าระดับ SSS อย่างปิอาโร่ เมอร์เซเดส หรืออัสโมเฟล แต่ชายคนนี้คือบุคคลที่พึ่งพาได้


    “นำทางฉันไปหาซินกูเล็ด”


    “เพคะฝ่าบาท”


    เมอร์เซเดสขานรับ ขณะเดียวกันก็เล็งเห็นเจตนาของกริด


    “ฉันขอเตือนไว้ก่อน ในอดีต หากเป็นด้านฝีมือต่อสู้ เซอร์ซินกูเล็ดจะแข็งแกร่งกว่าเซอร์อัสโมเฟลมาก เพียงแต่ขาดวิสัยทัศน์ด้านกลยุทธ์ ความเป็นผู้นำ รวมถึงปูมหลังชาติตระกูล ส่งผลให้เซอร์ซินกูเล็ดดำรงตำแหน่งเพียงอัศวินลำดับสาม”


    “ง…งั้นหรือ? บ…แบบนั้นก็เยี่ยมเลย”


    “ฉันจะคอยช่วยเหลือฝ่าบาทเอง”


    เมอร์เซเดสอมยิ้ม


    เธอเป็นอีกหนึ่งบุคคลที่ยอมรับในพัฒนาการของกริด ชายคนนี้เติบโตขึ้นผิดหูผิดตาทุกครั้งที่ออกผจญภัย ราวกับไม่มีขีดกำจัดการพัฒนาการเหมือนกับมนุษย์คนอื่น


    ***


    บาเรียคุ้มกายสีส้มของเฮสเตอร์สามารถสลายทุกสิ่งที่เป็น ‘ทักษะ’ นับว่าเป็นของแสลงอย่างมากสำหรับออร่ามาสเตอร์ ฮูเร็น ที่ใช้ออร่าเป็นพลังหลัก แต่ถึงกระนั้น ฮูเร็นก็มิได้แสดงสีหน้าเป็นกังวล เขายังคงมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยม


    “เมื่อครู่แค่ลองเชิงเท่านั้น”


    ฮูเร็นเปิดใช้งานทักษะอ่านใจสุดโกง ส่งผลให้สปีดการโจมตีของเขาถูกรีดเร้นจนน่าทึ่ง คมดาบโหมกระหน่ำใส่เฮสเตอร์ราวกับพายุเกรี้ยวกราด การโจมตีธรรมดาเชือดเฉือนทะลวงผ่านบาเรียสีส้มอย่างง่ายดาย โดยขณะโหมรุกหนัก ฮูเร็นยังคงเปิดปากพูดเป็นระยะ


    “ฉันก็เหมือนกับผู้เล่นทุกคน มีจุดมุ่งหมายในการเป็นนักรบ นักดาบ หรืออัศวิน จนกระทั่งวันหนึ่ง ฉันทราบถึงการมีตัวตนของคลาสลับที่ชื่ออริยดาบ”


    คลาสสายต่อสู้อันดับหนึ่งของซาทิสฟาย อริยดาบ ฮูเร็นใฝ่ฝันครอบครองมันในทุกลมหายใจเข้าออก เขาพยายามทำทุกสิ่งเพื่อให้ตัวเองเข้าใกล้การเป็นอริยดาบ ฮูเร็นผุดสมมติฐานหนึ่งขึ้น หากเขาต้องการเพิ่มเลเวลทักษะ ‘ความชำนาญดาบ’ ให้เร็วกว่าใคร ตนจำเป็นต้องปิดตายทักษะโจมตีทั้งหมด นับแต่นั้น ฮูเร็นเอาแต่โจมตีธรรมดาด้วยดาบมาตลอดหลายปี การกระทำเช่นนี้ส่งผลให้ความชำนาญดาบของฮูเร็นเพิ่มระดับด้วยสปีดที่เหนือกว่าทุกคน เขายอมเก็บเลเวลได้ช้าลงเพื่อแลกกับการอัปเลเวลความชำนาญดาบ


    ฮูเร็นงดใช้ทักษะทุกชนิด การโจมตีธรรมดาคือสิ่งเดียวที่เขาหมั่นฝึกฝนอย่างเอาเป็นเอาตาย


    “ฉันมุ่งมั่นฝึกฝนด้วยวิธีพิสดารอย่างบ้าคลั่ง ระดับความชำนาญดาบของฉันพุ่งทะยานอย่างก้าวกระโดด บางทีอาจมากกว่าครอเกลด้วยซ้ำ และนั่นคือเหตุผลที่ฉันเป็นผู้เล่นคนแรกในโลกที่ก้าวไปถึงความชำนาญดาบขั้นกลาง”


    ระบบซาทิสฟายได้ตอบแทนความเพียรของฮูเร็นอย่างเหมาะสม เขาได้รับทรัพยากรใหม่ที่ชื่อ ‘ออร่า’ สาเหตุเพราะผู้เล่นคนนี้ปฏิเสธการใช้ทรัพยากรเดิมที่มีอยู่อย่างมานา ผลจากความอุตสาหะ ซึ่งมีโชคและพรสวรรค์รวมอยู่ด้วย ได้ก่อให้เกิดคลาสลับชนิดเติบโต ‘ออร่ามาสเตอร์’


    ปัจจุบัน บาเรียคุ้มกายสีส้มของเฮสเตอร์เริ่มจางลง ทักษะของเฮสเตอร์มิใช่บาเรียที่หายไปหลังจากรับความเสียหายถึงกำหนด สิ่งนี้ย่อมหมายความว่า ระยะเวลาของบัฟใกล้หมดลงแล้ว ฮูเร็นที่รอคอยมานาน เขาเล็งฟันดาบเฉือนใส่หน้าอกเฮสเตอร์พร้อมกับใช้ทักษะชนิดใหม่


    “ออร่าเขมือบ!”


    ออร่าสีฟ้าครามพวยพุ่งจากหัวไหล่ฮูเร็นประหนึ่งมังกรวารี มันกลืนกินร่างเฮสเตอร์ในระยะประชิดตั้งแต่หัวจรดเท้า ว่ากันว่า นี่คือทักษะที่ทรงพลังที่สุดในการดวลของออร่ามาสเตอร์ มันจะพันธนาการศัตรูด้วยความเสียหาย 9,900 x 2 และเมื่อผลของพันธการหมดลง ศัตรูจะได้รับความเสียหายเพิ่มเติมอีก 9,900 หน่วย


    เมื่อเฮสเตอร์ถูกออร่าเขมือบร่างโดยสมบูรณ์ ฮูเร็นแสยะยิ้มอย่างพึงพอใจ


    ‘หมดสิทธิ์ขัดขืนสินะ’


    ทักษะอ่านใจของฮูเร็นเป็นแบบกดใช้งาน ข้อเสียคือการสิ้นเปลืองมานา 100% นานหกวินาที แต่บัฟจะช่วยให้ค่าความว่องไวเพิ่มขึ้น 20% และมอบพลัง ‘อ่านใจ’ ซึ่งสามารถมองเห็นการเคลื่อนไหวของเป้าหมายในรัศมีสิบเมตรรอบตัว ฮูเร็นในโหมดอ่านใจจะปราดเปรียวและไร้เทียมทานเฉกเช่นครอเกลยุคสมัยรุ่งเรือง


    ทักษะอ่านใจของครอเกลด้อยลงหลังจากกลายเป็นอริยดาบก็จริง แต่ข้อดีคือมันกลายเป็นทักษะติดตัวที่แสดงผลตลอดเวลา ซึ่งสำหรับสัตว์ประหลาดอย่างครอเกลแล้ว แม้อ่านใจจะด้อยประสิทธิภาพลง แต่ก็เพียงพอให้อัจฉริยะของเขาได้เฉิดฉาย


[ท่านได้รับความเสียหาย 9,900 หน่วย]


[ท่านได้รับความเสียหาย 9,900…]


[ท่านได้รับความเสียหาย 9,900…]


    ‘อะไรกัน?’


    เฮสเตอร์ถูกออร่าเขมือบร่างฉับพลัน มันต้องทึ่งเมื่อได้รับความเสียหายอย่างต่อเนื่องในปริมาณที่สูง ในสายตาเฮสเตอร์ ฮูเร็นแข็งแกร่งยิ่งกว่าครอเกลเสียอีก ครอเกลที่มันเอาชนะได้ง่ายดายเมื่อไม่กี่เดือนก่อน


    ‘ครอเกลกลายเป็นอริยดาบที่มีพลังผ่าโลกเป็นสองซีก แต่ถึงอย่างนั้น ฮูเร็นกลับแข็งแกร่งยิ่งกว่าครอเกล?’


    หลังจากกลายเป็นอริยดาบ ครอเกลถูกรีเซตเลเวลจนเหลือเพียงหนึ่ง ส่งผลให้ทักษะและค่าสถานะยังต่ำมากหากเทียบกับแรงเกอร์แถวหน้าในยุคปัจจุบัน แต่แน่นอน มีเพียงน้อยคนที่ทราบเรื่องการรีเซตเลเวล หนึ่งในนั้นคือเฮสเตอร์ ขณะมันกำลังมันสน หลอดพลังชีวิตได้ลดลงอย่างฮวบฮาบจนถึงจุดวิกฤติ


[‘ปัญญาแห่งจอมปราชญ์สีชาด’ ได้มอบค่าต้านทานออร่าแก่ท่าน]


[ความเสียหายทุกชนิดจากออร่าลดลง 30%]


    ข้อความระบบที่มันรอคอยแสดงขึ้น


    ‘ต้องอย่างนั้น’


    ตัวมันคือเฮสเตอร์ ราชานักกีฬาอีสปอร์ตผู้ไร้พ่าย อันที่จริง สาเหตุที่มันปล่อยให้ตัวเองถูกออร่าเขมือบ ก็เพื่อหวังสร้างค่าต้านทาน มิใช่รอรับความพ่ายแพ้อย่างที่อีกฝ่ายเข้าใจ เฮสเตอร์นำโพชันออกมาดื่มพร้อมกับสร้างบาเรียสีส้มอีกครั้ง มันหลุดพ้นจากการเขมือบของออร่าอย่างง่ายดาย


    ต้องขอบคุณอาจารย์วินฟรีด มันจึงทราบถึงการมีตัวตนของทักษะอ่านใจ และมองออกว่าฮูเร็นกำลังจะหมดแรงในอีกไม่ช้า


    ทักษะอ่านใจมิใช่สิ่งหายากขนาดนั้น มหาจอมดาบเกือบทุกคนล้วนมีในครอบครอง และอัศวินสีชาดเกือบทั้งหมดเป็นมหาจอมดาบ หากยังจำกันได้ แม้แต่อัศวินสีชาดลำดับ 19 อย่างฟูลิโต้ที่เคยพ่ายแพ้กริด มันผู้นั้นก็ยังมีทักษะอ่านใจ


    “ได้โปรดหยุดก่อน”


    “…!?”


    “…!”


    เฮสเตอร์ที่เพิ่งหลุดพ้นพันธนาการจากออร่าเขมือบ รวมถึงฮูเร็นที่กำลังอ่อนแรง คนทั้งสองแสดงสีหน้าตกตะลึงพร้อมกัน


    สาเหตุเพราะ บุรุษผมดำที่ปรากฏตัวขึ้นและตะโกนให้หยุดการต่อสู้ด้วยเสียงนุ่มนวล บุรุษผมดำที่มีดวงตาเรียวคมเหมือนกับพญาอินทรี…


    เขาคือ…


    “สวัสดี ฉันชื่อกริด ขอโทษที่ขัดจังหวะการต่อสู้ แต่ทั้งสองฝ่ายได้โปรดหยุดมือก่อน”


    “…???”


    ใช่แล้ว เป็นกริด แต่วิธีการพูดไม่แปลกไม่หน่อยหรือ?


    ‘เกิดอะไรขึ้นกันแน่?’


    ฮูเร็นเริ่มขนลุก


    สาเหตุเพราะ กริด ชายที่ขึ้นชื่อด้านมารยาทต่ำทราม ได้กล่าวห้ามปรามด้วยน้ำเสียงสุภาพเรียบร้อยจนน่าตกใจ กริดปฏิบัติตัวราวกับไม่รู้จักทั้งสองแม้แต่น้อย เป็นคนแปลกหน้าโดยสิ้นเชิง


    ฮูเร็นรู้สึกเสียศักดิ์ศรีอย่างมาก ขณะเดียวกัน กริดฉีกยิ้มกว้างพลางกล่าวต่อไปด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล


    “ฟาร์มเกษตรเสียหายหนักจากการต่อสู้ของพวกคุณสองคน ก่อนจะกลับไปสู่ต่อ ช่วยตอบได้ไหมว่าฉันจะเรียกเก็บค่าเสียหายได้จากใคร?”


    หลังจากได้ดวลกับเทพตีเหล็ก เฮ็กเซเทีย กริดก็มั่นใจในตัวเองอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ปัจจุบัน เขาตระหนักได้ว่า การมอบความสุภาพแก่คนแปลกหน้าคือสิ่งจำเป็น ท่าทางนอบน้อมไม่ใช่เรื่องน่าละอาย แต่เป็นการเคารพและมอบเกียรติให้อีกฝ่าย


    กริดแตกต่างจากกริดคนเก่าโดยสิ้นเชิง กริดในอดีตที่มีแค่ความคิดด้านลบ ไม่มั่นใจในตัวเอง และแสดงความแข็งกร้าวทุกครั้งเพราะไม่ต้องการเป็นตัวตลกในสายตาใคร


    “หืม…ว่ายังไงเอ่ย?”


    กริดเคยเข้าใจผิดว่าบุคคลที่นอบน้อมคือบุคคลขี้ขลาด ซึ่งไม่ใช่เลย ผู้นอบน้อมต่างหากที่เหนือกว่าใครทั้งหมด


    “อ…เอ่อ ฉันขอโทษ…”


    ฮูเร็นตอบกลับท่าทีสุภาพของกริดอย่างตะกุกตะกัก


    “ฉันก็ขอโทษ…”


    เฮสเตอร์ไหลไปตามน้ำ


    ทว่า บรรยากาศที่เหมือนจะราบรื่น สามารถคงอยู่ได้เพียงชั่วครู่เท่านั้น


    ‘…เรากำลังทำบ้าอะไรอยู่?’


    ท่ามกลางความกระอักกระอ่วน เฮสเตอร์ได้สติกลับคืนมา มันนึกขึ้นได้ว่า การกระทำก่อนหน้านี้ส่งผลให้ฮูเร็นอ่อนแรงลงจากเดิมมาก เฮสเตอร์ฉวยโอกาสซัดดาบใส่ฮูเร็นทีเผลอ


    ทว่า คมดาบพุ่งไปไม่ถึงเป้าหมาย


[ค่าความคงทนของดาบวินฟรีดลงลด 43 หน่วย]


    กริดใช้ ‘สยบ’ เพื่อหยุดการกระทำของทั้งคู่จนอยู่หมัด เขาไม่ได้แสดงทักษะนี้ในระหว่างดวลกับร่างโคลนเมื่อครั้งก่อนหน้า


    ‘ทักษะฉับพลันที่ไม่ต้องรำดาบ!?’


    ดวงตาเฮสเตอร์พลันเบิกโพลงขณะมันใช้มือกุมแขนข้างที่จับดาบอย่างสั่นระริก กริดยังคงฉีกยิ้มเช่นเดิม แต่น้ำเสียงในคราวนี้เคลือบแฝงด้วยความขุ่นเคืองใจเต็มประดา


    “กล้าเมินกันเพราะเห็นว่าฉันใจดีรึไง?”


    “ข…ขอโทษ จะหยุดเดี๋ยวนี้แหละ”


    เกิดอะไรขึ้นกันแน่ เหตุใดพวกตนสองคนต้องก้มศีรษะให้กริด? ทั้งฮูเร็นและเฮสเตอร์ต่างกำลังฉงนอย่างหนัก พวกเขาถูกกริดที่เติบโตขึ้นสยบด้วยคำพูดและบรรยากาศ


▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬

ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 4 ตอน

ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,307

ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/


Comments

  1. สุดยอดด
    ก็อด​กริด​👍

    ReplyDelete
  2. เทพมาก ความน่าเกรงขามสุดยอด ก็อดกริด สนุกมากครับ รอลุ้นตอนต่อไป ขอบคุณที่แปลครับแอด

    ReplyDelete
  3. ฮิวรอยฉันไปไหน

    ReplyDelete
    Replies
    1. นักด่าพ่อล่อแม่ในตำนานน่าจะไปทรมานเรดอร์นในคุกหลวงต่อมั้ง

      Delete
    2. ไม่นะน้องลูกเจียบ

      Delete
    3. น้องลูกเจี๊ยบยังไม่โตใช่ไหม

      Delete
    4. ฮิวรอยโคตโหดร้ายอ่ะ

      Delete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00