จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 652
"เทพฟินิกซ์แดงสี่ตน...ทักษะบัญชาแห่งเทพทำงานอีกแล้วรึไง"
สายข่าวของอาเรสจัดอยู่ในระดับสูงสุด พวกเขาคือหน่วยงานทหารที่สมบูรณ์แบบ ไม่ขาดตกบกพร่องในสิ่งที่กองทัพพึงมี และงานข่าวกรองถือเป็นสิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้
อาเรสย่อมรู้ถึงการมีตัวตนของภารกิจ <เจ็ดภัยพิบัติ> และสุดยอดทักษะลับทุกชนิด
สามสุดยอดทักษะลับติดตัวสายโจมตี
สามสุดยอดทักษะลับติดตัวสายป้องกัน
และหนึ่งทักษะลับติดตัวสายกัดกร่อน
เจ็ดทักษะประกอบกันเป็นเจ็ดภัยพิบัติ
อาเรสอาจไม่รู้ถึงเงื่อนไขที่จะได้รับทักษะทั้งหมด แต่ก็พอจะคาดเดาคุณสมบัติและเอฟเฟคของทุกทักษะลับได้
ด้วยเหตุนี้ กองทัพอาเรสจึงเป็นเพียงน้อยคนที่มองออกว่ากริดครอบครอง <บัญชาแห่งเทพ> หนึ่งในสุดยอดทักษะลับติดตัวสายโจมตี
กริดใช้ทักษะไม้ตายสองครั้งซ้อนในการสู้กับบีเลียล และสามารถอัญเชิญฟินิกซ์แดงได้สี่ตนในสงครามหนึ่งต่อแสนกับอีเทอนัล
'แต่บัญชาแห่งเทพเป็นทักษะแบบเสี่ยงดวง...'
เป็นเรื่องน่าฉงนไม่น้อยที่กริดใช้งานมันได้ในจังหวะสำคัญเสมอ ราวกับเขาสั่งได้ดั่งใจนึก
'หมอนั่นสวมไอเท็มเพิ่มค่าความโชคดีรึเปล่า...'
'หรือเขาจะเป็นคนดวงดีสุดๆ'
ขณะสก็อตต์และลัคกำลังครุ่นคิดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ช่องสนทนากิลด์ได้มีรายงานเพิ่มเติมเข้ามาอีกครั้ง
@ ก--กริดอัญเชิญเทพฟินิกซ์แดงเพิ่มอีกสองตน...ท--ทั้งหมดหกตนแล้วตอนนี้!
"!!!!"
"ไม่ใช่ว่าบัญชาแห่งเทพทำงานไปแล้วตอนที่อัญเชิญครบสี่ตัวรึไง..."
สก็อตต์และลัคเคยศึกษาวิดีโอสงครามอีเทอนัลอย่างละเอียด เป็นการกระทำเพื่อมองหาจุดอ่อนและจุดแข็งของกริด
'ฝ่ามือสีทองสองในสี่ข้างจะถูกเปลี่ยนเป็นธนู...'
'ธนูคันหนึ่งกริดเป็นผู้ใช้งาน ส่วนอีกคันหนึ่งให้หัตถ์เทวะสองข้างที่เหลือใช้งาน'
'เดี๋ยวก่อน...'
'...หรือฝ่ามือสีทองทุกข้างสามารถเปลี่ยนเป็นธนูได้หมด!'
เมื่อตระหนักได้ถึงสิ่งนี้
"บ้าน่า...!"
สก็อตต์และลัคพลันขนลุกซู่
โดยเฉพาะลัค มันตกตะลึงมากเป็นพิเศษ
ทำไมน่ะหรือ...
เพราะก่อนหน้านี้ ลัคเคยประเมินกริดไว้ว่ามีฝีมือระดับเทียบเท่าตน ซึ่งนับเป็นการประเมินที่สูงมากแล้ว
'แต่เราคิดผิด'
กริดเหนือกว่าเขามาก
เมื่อค้นพบความจริง ลัคได้แต่ยิ้มชืด
'ครอเกล...นี่น่ะหรือ คู่แข่งตลอดกาลที่นายหมายถึง'
***
ณ ที่ราบบัลเทล ทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ที่มีเพียงหินก้อนเล็กก้อนน้อยเป็นอุปสรรคกีดขวาง
มันคือสนามรบที่สามารถรีดเร้นพลังของหน่วยเกราะหนักเจนศึกออกมาได้ถึงขีดสุด
พวกมันทุกคนล้วนมีทักษะ <เพิ่มความเร็วบนพื้นราบ> และ <เพิ่มพลังโจมตีเมื่อใช้ทักษะพุ่งตัวด้วยระยะเกิน 100 เมตร>
ปัจจุบัน หน่วยเกราะหนักเจนศึกกำลังได้ใจสุดขีด หากเป็นที่ราบแห่งนี้ล่ะก็ แม้แต่กองทัพจักรวรรดิก็มิอาจต่อกรพวกมันไหว
"ระหว่างทางที่ผ่านมา ยังไม่เคยมีทัพกบฏออกมาขัดขวางสักครั้งเลยสินะ"
แม่ทัพของกองพลที่สามแห่งหน่วยเกราะหนักเจนศึก <ปาสตาโน่>
แววตาน้ำเงินเข้มสุดแสนมั่นใจกำลังส่องประกายผ่านเส้นผมดำด้านที่ปรกหน้า
มันเชื่อว่า กองพลของตนจะเคลื่อนทัพเข้าถึงปราสาทกบฏอาเรสได้ก่อนใคร และนั่นจะถือเป็นความดีความชอบครั้งใหญ่
"ดยุคอาเรส...เราเคยคิดว่าเจ้านั่นเป็นอาจารย์ แต่ตอนนี้ไม่ใช่อีกแล้ว"
ปาสตาโน่มั่นใจว่ามันก้าวข้ามอาเรสได้
แต่อีกฝ่ายคืออาจารย์ที่ต้องให้ความเคารพนับถือ ปาสตาโน่จึงไม่มีโอกาสได้ดวลเพื่อวัดฝีมือกับอาเรสเลยสักครั้งเดียว สิ่งนี้ทำให้มันนึกเสียดายอยู่ไม่น้อย
'แต่ทุกสิ่งก็เปลี่ยนไปเมื่อไม่กี่วันก่อน'
ปาสตาโน่ยินดีมากเมื่อได้ยินว่า ดยุคอาเรสคิดล้มล้างราชวงศ์
มันหวังใช้โอกาสนี้สำแดงฝีมือให้เป็นที่ประจักษ์ต่อหน้าองค์กษัตริย์
"อาเรส...! จงกลายเป็นบันไดสู่ความสำเร็จของฉันเสียเถอะ!"
ปาสตาโน่ตะเบ็งเสียงกึกก้องพร้อมกับเร่งฝีเท้าม้าตรงไปยังปราสาทอาเรส
อาชาที่มันควบพลันเร่งความเร็วขึ้นอย่างน่าทึ่ง
ปาสตาโน่ได้บรรจุวิญญาณลงไปในตัวม้า ส่งผลให้ม้าไม่รู้จักหวาดกลัวหรือเหน็ดเหนื่อย
"คุฮ่าฮ่าฮ่า! ไป! ย่าห์!"
ปาสตาโน่นำทัพ 2,500 ข้ามผ่านทุ่งหญ้าด้วยความเร็วสูง มันกำลังจินตนาการภาพตนเองกำลังเผาทำลายปราสาทอาเรสในอีกสองวันข้างหน้า
...ทันใดนั้น เกิดสิ่งไม่ชอบมาพากลขึ้น
'หืม'
ใครบางคนกำลังยืนขวางเส้นทางที่กองพลสามต้องเคลื่อนผ่าน
ไม่สิ...นั่นอาจไม่ใช่มนุษย์ เป้าหมายอยู่ไกลเกินกว่าจะระบุให้ชัดเจน
'มอนสเตอร์งั้นหรือ...'
ไม่มีมนุษย์สติดีคนใดกล้ายืนขวางทางทัพม้าเร็วจำนวน 2,500 แน่นอน
เมื่อมั่นใจว่าสิ่งที่อยู่ไกลออกไปคือมอนสเตอร์ มันจึงส่งเสียงคำรามกึกก้อง
"ทุกคนจงเหยียบมันให้แบน!!"
"เฮ~~~!!"
ปาสตาโน่ออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงขึงขัง
เสียงขานรับของทหารดังกึกก้องไม่แพ้กัน สอดประสานกับเสียงฝีเท้าอันหนักแน่นของยอดอาชาที่กระทบกับทุ่งหญ้า
"โบยบิน!"
กรี๊~~~~~~!
สิ่งมีชีวิตที่พวกมันคิดว่าเป็นมอนสเตอร์ บัดนี้ตะโกนบางอย่างพร้อมกับง้างคันธนูสีทอง
"..."
เหตุใดถึงยืนตะโกนอยู่คนเดียว...
หน่วยเกราะหนักเจนศึกสะดุ้งเล็กน้อย แต่ไม่ถึงกับหยุดเคลื่อนที่
ทว่าทันใดนั้น พวกมันกลับต้องอ้าปากค้างอย่างตะลึงงันพร้อมกัน
ด้านบนท้องฟ้า นกตัวใหญ่กำลังโบยบินท่ามกลางท้องฟ้าสีคราม
นกไฟ...
สัตว์เทพในตำนาน...ฟินิกซ์แดง!
ขนาดของมันใหญ่จนปกคลุมท้องฟ้าไว้หลายส่วน
"ฮ--เฮ้ย...!"
"นั่นอะไร!"
เมื่อตกตะลึง พวกมันจงลดความเร็วลงตามสัญชาตญาณ และนั่นถือเป็นความผิดพลาดร้ายแรง
"โบยบิน!"
ชายปริศนาตะโกนขึ้นอีกครั้งพร้อมกับง้างคันศร
กรี๊~~~
"อะไรกัน..."
ฟินิกซ์อีกหนึ่งตัวปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า
"นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันแน่...!"
"อ--อัญเชิญเทพฟินิกซ์ได้งั้นหรือ..."
"ม--ไม่มีทาง!"
แม้จะเป็นนักรบเก่งกล้า แต่มนุษย์ย่อมเป็นมนุษย์ เมื่อได้เผชิญหน้ากับสิ่งที่ไม่เข้าใจ สติปัญญาจึงกระเจิดกระเจิงไปคนละทิศทาง
ปาสตาโน่พยายามรักษาขวัญกำลังใจทหาร
"ตั้งสติหน่อย! พวกเราคือหน่วยเกราะหนักเจนศึกไร้พ่าย! ภาพที่เห็นเป็นแค่กลเด็กเล่นเท่านั้น!!"
ชายที่อัญเชิญฟินิกซ์ต้องเป็นหนึ่งในสมุนของอาเรสแน่
หากลองไตร่ตรองให้ถี่ถ้วน ไม่มีเหตุผลให้พวกมันต้องหวาดกลัวเลยสักนิด
ไม่มีทางที่มนุษย์จะอัญเชิญฟินิกซ์ในตำนานได้อยู่แล้ว
ปาสตาโน่มองว่าฟินิกซ์บนท้องฟ้าคงเป็นเพียงกลลวง เป็นการดิ้นรนเฮือกสุดท้ายอย่างสูญเปล่าของอาเรส
"ประจัญบานเต็มกำลัง! บดขยี้ไอ้งั่งที่กล้าตบตาพวกเรา! เผาทำลายดินแดนอาเรสให้สิ้นซาก!!"
"เฮ~~!!"
เมื่อหน่วยเกราะหนักเจนศึกได้สติกลับมา พวกมันพลันเร่งฝีเท้าเข้าบดขยี้ชายปริศนาด้วยความเร็วสูง
แต่เพียงอึดใจเดียว ชายคนดังกล่าวก็ง้างคันธนูสีทองอีกสองครั้งซ้อน
"โบยบิน!"
กรี๊~~~~
พรึบ!
"...!!"
แม้กระทั่งดวงอาทิตย์ยังถูกบดบัง
ฟินิกซ์แดงสี่ตนสยายปีกปกคลุมท้องฟ้าโดยสมบูรณ์ แสงอันเจิดจ้าที่กำลังส่องสว่างท่ามกลางทุ่งหญ้าบัลเทลมิใช่แสงอาทิตย์ หากแต่เป็นแสงเปลวเพลิงจากร่างของฟินิกซ์แดงทั้งสี่ตน
"ฟินิกซ์แดง..."
"สี่ตน...!!"
ปาสตาโน่และหน่วยเกราะหนักเจนศึกต่างพากันหน้าถอดสี พวกมันกำลังหวาดผวาสุดขีด
นี่ต้องเป็นกลลวงภาพมายาของอีกฝ่ายแน่...
แต่เหตุใดความร้อนในบรรยากาศกลับกำลังแผดเผาผิวหนังทุกคนอย่างทารุนราวกับความจริง พลังชีวิตพวกมันลดลงทุกวินาที
แม้เหล่าทหารจะกำลังสับสน ทว่าพวกมันก็ไม่หยุดเร่งฝีเท้าเข้าโจมตีชายปริศนา
ทันใดนั้น...ชายคนดังกล่าวได้มอบความสิ้นหวังระดับเหนือจินตนาการ
"เอาไปอีกสอง! โบยบิน!"
บัญชาแห่งเทพ
ระหว่างที่กริดเปลี่ยนหัตถ์เทวะให้เป็นคันศรฟินิกซ์แดงทั้งหมดสี่ครั้ง บัญชาเทพกลับทำงานถึงสองหน ซึ่งนับเป็นความโชคดีเพียงน้อยนิดในชีวิตกริด
ด้วยเหตุนี้ เทพฟินิซ์แดงจึงถูกอัญเชิญโดยคันศรเกรดมิธทั้งหมดหกตน!
ท้องฟ้าแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงฉานทันใด
ซู่ววว ซู่ววว ซู่ววว ซู่ววว ซู่ววว...
ไฟบอลนับหมื่นลูกทยอยร่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้าราวกับวันสิ้นโลก
ทุ่งหญ้าเขียวขจีกลับกลายเป็นทะเลเพลิงอันร้อนระอุ
"อ๊ากกกก!"
"ช--ช่วยด้วย...! อั่ก!"
ไม่มีหย่อมหญ้าใดที่ปราศจากเปลวเพลิง
หน่วยเกราะหนักเจนศึกผู้ไม่เคยเกรงกลัวสิ่งใดในโลก บัดนี้กำลังถูกย่างสดอย่างอำมหิต
[ เลเวลของท่านเพิ่มขึ้นหนึ่งระดับ ]
[ เลเวลของท่านเพิ่มขึ้นหนึ่งระดับ ]
[ เลเวลของท่านเพิ่มขึ้นหนึ่งระดับ ]
[ เลเวลของท่านเพิ่มขึ้นหนึ่งระดับ ]
[ เลเวลของท่านเพิ่มขึ้นหนึ่งระดับ ]
"...เอ๋!"
หลังจากทำลายกองทัพราวสามพัน เลเวลของกริดกลับอัพมากถึงห้าระดับ...
ชายหนุ่มประหลาดใจอย่างหนัก เขาเริ่มตระหนักได้หนึ่งสิ่ง
"ทหารพวกนี้ต้องมีเลเวลสูงมากแน่..."
"..."
หน่วยข่าวกรองของอาเรสที่กำลังเฝ้ามองกริดอย่างเงียบงัน บัดนี้ทำได้เพียงอ้าปากค้าง
กริดทำลายหน่วยเกราะหนักเจนศึกมากถึง 2,500 นายในพริบตา...
'ป--ปีศาจ...'
'แข็งแกร่งระดับเดียวกับอาเรสเลยหรือ...'
พวกมันไม่อยากจินตนาการถึงอนาคตที่กริดอาจต้องเป็นศัตรูในสักวัน
"เอ๋...!"
เมื่อเห็นผู้เหลือรอดในกองพลที่สาม หน่วยข่าวกรองอาเรสต่างได้สติกลับมาอีกครั้ง
พวกเขาเคยคิดว่า คงไม่มีใครรอดชีวิตจากเทพฟินิกซ์แดงหกตัวไปได้แน่...
คนที่ยังยืนหยัดท่ามกลางเปลวเพลิงไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นแม่ทัพของกองพลที่สาม ปาสตาโน่ เป็นหลักฐานแสดงให้เห็นชัดเจน ระดับของแม่ทัพจะแตกต่างจากทหารเลวโดยสิ้นเชิง
"แกเป็นใครกันแน่!!"
แม่ทัพที่สูญเสียกองทัพย่อมต้องเกิดความเดือดดาล
ใช่แล้ว ปาสตาโน่สูญเสียทุกสิ่ง ทั้งเกียรติยศ พลังอำนาจ และจุดยืนในกองทัพ
ความยะเทอทยานที่ผ่านมาทั้งชีวิตของมันต้องจบลงตรงนี้
สิ่งเดียวที่เหลืออยู่คือโทสะอันคลุ้มคลั่ง
"ฉันจะฆ่าแก!!"
ย๊ากกก!
ปาสตาโน่คำรามพร้อมกับพุ่งใส่กริดด้วยความเร็วสูง สิ่งนี้คือทักษะพุ่งร้อยเมตรในพริบตาที่จะเพิ่มพลังโจมตีไปในตัว
นับเป็นภาพอันน่าสะพรึงกลัวสำหรับผู้ที่ต้องเผชิญ
การพุ่งชาร์จของอัศวินม้าคือหนึ่งสิ่งที่น่าหวั่นเกรงในสนามรบเสมอ
ความดุดันจากตัวปาสโน่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น
แต่ทุกการโจมตีย่อมมีจุดอ่อน ท่าพุ่งชาร์จของอัศวินม้าแม้จะรวดเร็ว แต่ก็เป็นเส้นตรงและถูกมองเห็นได้ง่ายจากผู้ที่วิสัยทัศน์สูง
ช่างง่ายต่อการสวนกลับเสียนี่กระไร
"วิชาดาบแพ็กม่า...วังวน"
ซู่ววว!
"...!!"
เกราะเหล็กที่ปาสตาโน่สวมอยู่ ถูกการโจมตีสวนกลับแทงจนทะลุโหว่ขนาดใหญ่บนหน้าอก
+7 วิญญาณดาบในมือกริดขยับเป็นรูปวงกลม และสะท้อนการโจมตีของมันในชั่วพริบตา
"แค่ก!"
ขณะได้รับบาดเจ็บ สมองปาสตาโน่พลันสับสนอย่างหนัก
'หมอนี่ไม่ใช่นักอัญเชิญรึไง...'
ชายผมดำปริศนาสามารถอัญเชิญฟินิกซ์แดง สัตว์เทพในตำนาน ได้มากถึงหกตน
ถึงจะไม่รู้ว่าด้วยเหตุผลอะไร แต่ปาสตาโน่ก็มั่นใจว่ากริดคือนักอัญเชิญแน่ ดังนั้นหากย่นระยะเข้าประชิดตัวได้ นักอัญเชิญทุกคนจะกลายเป็นสิ่งมีชีวิตแสนอ่อนแอ
"วิชาดาบ...ทำไมนักอัญเชิญถึงใช้วิชาดาบได้! แค่ก! แค่ก!"
กริดเปิดฉากโจมตีใส่ปาสตาโน่อย่างหนักหน่วง
เขาพยายามปราณีต่อศัตรูที่ร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผล
ปราณีด้วยการดับลมหายใจในพริบตาเพื่อไม่ให้ทรมาน
"ฉันคนนี้กำลังจะถูกนักอัญเชิญฆ่างั้นหรือ...ช่างเสื่อมเกียรติซะจริง!"
เคร้ง!
"...!"
ชายหนุ่มพลันขมวดคิ้วเมื่อปาสตาโน่ใช้หอกรับการโจมตีที่เฉียบคมได้อย่างแม่นยำ
แม้สภาพร่างกายของมันจะร่อแร่เต็มกลืน
'หมอนี่ยังมีสติอยู่ได้ยังไง...'
ปาสตาโน่ถูกฟินิซ์แดงหกตนโจมตีอย่างจังเหมือนกับทหารคนอื่น พลังชีวิตปัจจุบันจึงอยู่ในระดับต่ำติดดิน ร่างกายเปี่ยมด้วยบาดแผลทุกรูขุมขน หากเปลี่ยนเป็น NPC เผ่ามนุษย์คนอื่น ไม่มีทางที่จะขยับร่างกายในสภาพนี้ได้แน่
แต่ปาสตาโน่กลับปัดป้องวิญญาณดาบที่รวดเร็วของกริดได้ทัน
'จบสิ้นแค่นี้แหละ!'
เลเวลของกริดเพิ่มขึ้นมากถึงห้าระดับจากการสังหารหน่วยเกราะหนักเจนศึก 2,500 คน
สิ่งนี้บ่งบอกเป็นอย่างดีว่า ทหารเลวของกองพลนี้มีเลเวลที่สูงขนาดไหน ดังนั้นเลเวลของแม่ทัพย่อมไม่ธรรมดาแน่
ทั้งหมดต้องเป็นพลพวงจากทักษะของอาเรสแน่
เมื่อตระหนักถึงสิ่งนี้ กริดพลันเย็นสันหลังวาบ
แม้ฝีมือการต่อสู้ของอาเรสจะยังไม่แน่ชัด แต่พลังในการสร้างกองทัพนั้นน่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างยิ่ง อาเรสคือบุคคลที่กริดไม่ควรเป็นศัตรูด้วยประการทั้งปวง
คำเตือนเกี่ยวกับอาเรสทั้งหมดที่ผ่านมา ไม่มีสิ่งใดเกินจริงเลยแม้แต่อย่างเดียว
"ย๊ากกก!"
เคร้ง! เคร้ง!
ปาสตาโน่คำรามพร้อมกับโจมตีใส่กริดด้วยแรงเฮือกสุดท้าย
แต่พลังชีวิตของมันก็ไม่เอื้อมอำนวยนัก เพียงกริดฟาดฟันสองหนก็มากพอจะส่งมันไปสู้ความตาย
ข้อความระบบที่แสดงขึ้น ทำให้กริดต้องตะลึงยิ่งกว่าเดิม
[ ท่านสังหาร <ปาสตาโน่> แม่ทัพกองพลที่สามแห่งหน่วยเกราะหนักเจนศึก ]
[ หน่วยเกราะหนักเจนศึกต่างเคียดแค้นท่าน! ทหารหน่วยเกราะหนักเจนศึกที่เหลือจะได้รับค่าสถานะเพิ่มขึ้นเมื่อเผชิญหน้ากับท่าน ]
"เอาจริงดิ..."
การสังหารแม่ทัพศัตรู แทนที่จะได้รับรางวัล กลับกลายเป็นบทลงโทษเสียได้
ขณะกริดกำลังฉงน หน่วยข่าวกรองของอาเรสได้เดินมาหาพร้อมกับอธิบาย
"นี่คือความสามารถของนักรบที่ฝึกฝนโดยอาเรส"
"ใครก็ตามที่เก่งกาจพอจะสังหารแม่ทัพของอาเรสได้..."
"ทหารของอาเรสจะแข็งแกร่งขึ้นหลายเท่าเมื่อเผชิญหน้ากับคนผู้นั้น"
"คอเกลกำลังตกเป็นเหยื่อของทักษะนี้"
สาเหตุที่หน่วยข่าวกรองยอมเปิดเผยข้อมูลกับกริด เหตุผลนั้นง่ายมาก
พวกเขาต้องการให้กริดหวาดผวาเมื่อได้ยิน แต่การตอบสนองของกริดกลับแตกต่างจากที่หน่วยข่าวกรองคาดไว้
"โทษจากการสังหารแม่ทัพไม่มีผลกับฉันแม้แต่น้อย...เพราะฉันไม่ต้องเผชิญกับทหารของอาเรสอีกแล้ว"
"..."
"ด้านทหารหน่วยเกราะหนักเจนศึกที่เหลือ...พวกพ้องของฉันจะจัดการจนสิ้นซากในอีกไม่กี่อึดใจ"
ความนัยของกริดนั้นง่ายมาก
เขาไม่สนว่าบทลงโทษในการสังหารแม่ทัพจะร้ายแรงเพียงใด เพราะอีกไม่นาน พวกพ้องของตนจะจัดการทัพหลวงกองพลที่ได้รับมอบหมายอย่างราบคาบ
สงครามจิตวิทยาของทั้งสองฝ่ายเริ่มขึ้นแล้ว
▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬
ตอนฟรีลงทุกวันอังคาร - เสาร์
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/
สนุกมากครับ ขอบคุณ🙏
ReplyDeleteกริดเองแน่ใจวาจะให้พวงนันเกษ
ReplyDeleteต่อเลย
ReplyDelete