จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 652


    "เทพฟินิกซ์แดงสี่ตน...ทักษะบัญชาแห่งเทพทำงานอีกแล้วรึไง"

    สายข่าวของอาเรสจัดอยู่ในระดับสูงสุด  พวกเขาคือหน่วยงานทหารที่สมบูรณ์แบบ  ไม่ขาดตกบกพร่องในสิ่งที่กองทัพพึงมี  และงานข่าวกรองถือเป็นสิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้
    อาเรสย่อมรู้ถึงการมีตัวตนของภารกิจ <เจ็ดภัยพิบัติ> และสุดยอดทักษะลับทุกชนิด

    สามสุดยอดทักษะลับติดตัวสายโจมตี
    สามสุดยอดทักษะลับติดตัวสายป้องกัน
    และหนึ่งทักษะลับติดตัวสายกัดกร่อน
    เจ็ดทักษะประกอบกันเป็นเจ็ดภัยพิบัติ
    อาเรสอาจไม่รู้ถึงเงื่อนไขที่จะได้รับทักษะทั้งหมด  แต่ก็พอจะคาดเดาคุณสมบัติและเอฟเฟคของทุกทักษะลับได้
    ด้วยเหตุนี้  กองทัพอาเรสจึงเป็นเพียงน้อยคนที่มองออกว่ากริดครอบครอง <บัญชาแห่งเทพ> หนึ่งในสุดยอดทักษะลับติดตัวสายโจมตี  
    กริดใช้ทักษะไม้ตายสองครั้งซ้อนในการสู้กับบีเลียล  และสามารถอัญเชิญฟินิกซ์แดงได้สี่ตนในสงครามหนึ่งต่อแสนกับอีเทอนัล

    'แต่บัญชาแห่งเทพเป็นทักษะแบบเสี่ยงดวง...'

    เป็นเรื่องน่าฉงนไม่น้อยที่กริดใช้งานมันได้ในจังหวะสำคัญเสมอ  ราวกับเขาสั่งได้ดั่งใจนึก

    'หมอนั่นสวมไอเท็มเพิ่มค่าความโชคดีรึเปล่า...'

    'หรือเขาจะเป็นคนดวงดีสุดๆ'

    ขณะสก็อตต์และลัคกำลังครุ่นคิดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม  ช่องสนทนากิลด์ได้มีรายงานเพิ่มเติมเข้ามาอีกครั้ง
    
    @  ก--กริดอัญเชิญเทพฟินิกซ์แดงเพิ่มอีกสองตน...ท--ทั้งหมดหกตนแล้วตอนนี้!

    "!!!!"

    "ไม่ใช่ว่าบัญชาแห่งเทพทำงานไปแล้วตอนที่อัญเชิญครบสี่ตัวรึไง..."

    สก็อตต์และลัคเคยศึกษาวิดีโอสงครามอีเทอนัลอย่างละเอียด  เป็นการกระทำเพื่อมองหาจุดอ่อนและจุดแข็งของกริด

    'ฝ่ามือสีทองสองในสี่ข้างจะถูกเปลี่ยนเป็นธนู...'

    'ธนูคันหนึ่งกริดเป็นผู้ใช้งาน  ส่วนอีกคันหนึ่งให้หัตถ์เทวะสองข้างที่เหลือใช้งาน'

    'เดี๋ยวก่อน...'

    '...หรือฝ่ามือสีทองทุกข้างสามารถเปลี่ยนเป็นธนูได้หมด!'

    เมื่อตระหนักได้ถึงสิ่งนี้

    "บ้าน่า...!"

    สก็อตต์และลัคพลันขนลุกซู่
    โดยเฉพาะลัค  มันตกตะลึงมากเป็นพิเศษ
    ทำไมน่ะหรือ...
    เพราะก่อนหน้านี้  ลัคเคยประเมินกริดไว้ว่ามีฝีมือระดับเทียบเท่าตน  ซึ่งนับเป็นการประเมินที่สูงมากแล้ว

    'แต่เราคิดผิด'

    กริดเหนือกว่าเขามาก
    เมื่อค้นพบความจริง  ลัคได้แต่ยิ้มชืด

    'ครอเกล...นี่น่ะหรือ  คู่แข่งตลอดกาลที่นายหมายถึง'

    ***

    ณ ที่ราบบัลเทล  ทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ที่มีเพียงหินก้อนเล็กก้อนน้อยเป็นอุปสรรคกีดขวาง  
    มันคือสนามรบที่สามารถรีดเร้นพลังของหน่วยเกราะหนักเจนศึกออกมาได้ถึงขีดสุด
    พวกมันทุกคนล้วนมีทักษะ <เพิ่มความเร็วบนพื้นราบ> และ <เพิ่มพลังโจมตีเมื่อใช้ทักษะพุ่งตัวด้วยระยะเกิน 100 เมตร>
    ปัจจุบัน  หน่วยเกราะหนักเจนศึกกำลังได้ใจสุดขีด  หากเป็นที่ราบแห่งนี้ล่ะก็  แม้แต่กองทัพจักรวรรดิก็มิอาจต่อกรพวกมันไหว

    "ระหว่างทางที่ผ่านมา  ยังไม่เคยมีทัพกบฏออกมาขัดขวางสักครั้งเลยสินะ"

    แม่ทัพของกองพลที่สามแห่งหน่วยเกราะหนักเจนศึก  <ปาสตาโน่>
    แววตาน้ำเงินเข้มสุดแสนมั่นใจกำลังส่องประกายผ่านเส้นผมดำด้านที่ปรกหน้า
    มันเชื่อว่า  กองพลของตนจะเคลื่อนทัพเข้าถึงปราสาทกบฏอาเรสได้ก่อนใคร  และนั่นจะถือเป็นความดีความชอบครั้งใหญ่
    
    "ดยุคอาเรส...เราเคยคิดว่าเจ้านั่นเป็นอาจารย์  แต่ตอนนี้ไม่ใช่อีกแล้ว"

    ปาสตาโน่มั่นใจว่ามันก้าวข้ามอาเรสได้  
    แต่อีกฝ่ายคืออาจารย์ที่ต้องให้ความเคารพนับถือ  ปาสตาโน่จึงไม่มีโอกาสได้ดวลเพื่อวัดฝีมือกับอาเรสเลยสักครั้งเดียว  สิ่งนี้ทำให้มันนึกเสียดายอยู่ไม่น้อย

    'แต่ทุกสิ่งก็เปลี่ยนไปเมื่อไม่กี่วันก่อน'

    ปาสตาโน่ยินดีมากเมื่อได้ยินว่า  ดยุคอาเรสคิดล้มล้างราชวงศ์
    มันหวังใช้โอกาสนี้สำแดงฝีมือให้เป็นที่ประจักษ์ต่อหน้าองค์กษัตริย์

    "อาเรส...!  จงกลายเป็นบันไดสู่ความสำเร็จของฉันเสียเถอะ!"

    ปาสตาโน่ตะเบ็งเสียงกึกก้องพร้อมกับเร่งฝีเท้าม้าตรงไปยังปราสาทอาเรส 
    อาชาที่มันควบพลันเร่งความเร็วขึ้นอย่างน่าทึ่ง
    ปาสตาโน่ได้บรรจุวิญญาณลงไปในตัวม้า  ส่งผลให้ม้าไม่รู้จักหวาดกลัวหรือเหน็ดเหนื่อย

    "คุฮ่าฮ่าฮ่า!  ไป!  ย่าห์!"

    ปาสตาโน่นำทัพ 2,500 ข้ามผ่านทุ่งหญ้าด้วยความเร็วสูง  มันกำลังจินตนาการภาพตนเองกำลังเผาทำลายปราสาทอาเรสในอีกสองวันข้างหน้า

    ...ทันใดนั้น  เกิดสิ่งไม่ชอบมาพากลขึ้น

    'หืม'

    ใครบางคนกำลังยืนขวางเส้นทางที่กองพลสามต้องเคลื่อนผ่าน  
    ไม่สิ...นั่นอาจไม่ใช่มนุษย์  เป้าหมายอยู่ไกลเกินกว่าจะระบุให้ชัดเจน

    'มอนสเตอร์งั้นหรือ...'

    ไม่มีมนุษย์สติดีคนใดกล้ายืนขวางทางทัพม้าเร็วจำนวน 2,500 แน่นอน
    เมื่อมั่นใจว่าสิ่งที่อยู่ไกลออกไปคือมอนสเตอร์  มันจึงส่งเสียงคำรามกึกก้อง

    "ทุกคนจงเหยียบมันให้แบน!!"

    "เฮ~~~!!"

    ปาสตาโน่ออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงขึงขัง
    เสียงขานรับของทหารดังกึกก้องไม่แพ้กัน  สอดประสานกับเสียงฝีเท้าอันหนักแน่นของยอดอาชาที่กระทบกับทุ่งหญ้า

    "โบยบิน!"

    กรี๊~~~~~~!

    สิ่งมีชีวิตที่พวกมันคิดว่าเป็นมอนสเตอร์  บัดนี้ตะโกนบางอย่างพร้อมกับง้างคันธนูสีทอง

    "..."

    เหตุใดถึงยืนตะโกนอยู่คนเดียว...
    หน่วยเกราะหนักเจนศึกสะดุ้งเล็กน้อย  แต่ไม่ถึงกับหยุดเคลื่อนที่  
    ทว่าทันใดนั้น  พวกมันกลับต้องอ้าปากค้างอย่างตะลึงงันพร้อมกัน  
    ด้านบนท้องฟ้า  นกตัวใหญ่กำลังโบยบินท่ามกลางท้องฟ้าสีคราม 
    นกไฟ...
    สัตว์เทพในตำนาน...ฟินิกซ์แดง!
    ขนาดของมันใหญ่จนปกคลุมท้องฟ้าไว้หลายส่วน

    "ฮ--เฮ้ย...!"

    "นั่นอะไร!"

    เมื่อตกตะลึง  พวกมันจงลดความเร็วลงตามสัญชาตญาณ  และนั่นถือเป็นความผิดพลาดร้ายแรง

    "โบยบิน!"

    ชายปริศนาตะโกนขึ้นอีกครั้งพร้อมกับง้างคันศร

    กรี๊~~~

    "อะไรกัน..."

    ฟินิกซ์อีกหนึ่งตัวปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า

    "นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันแน่...!"

    "อ--อัญเชิญเทพฟินิกซ์ได้งั้นหรือ..."

    "ม--ไม่มีทาง!"

    แม้จะเป็นนักรบเก่งกล้า  แต่มนุษย์ย่อมเป็นมนุษย์  เมื่อได้เผชิญหน้ากับสิ่งที่ไม่เข้าใจ  สติปัญญาจึงกระเจิดกระเจิงไปคนละทิศทาง
    ปาสตาโน่พยายามรักษาขวัญกำลังใจทหาร

    "ตั้งสติหน่อย!  พวกเราคือหน่วยเกราะหนักเจนศึกไร้พ่าย!  ภาพที่เห็นเป็นแค่กลเด็กเล่นเท่านั้น!!"

    ชายที่อัญเชิญฟินิกซ์ต้องเป็นหนึ่งในสมุนของอาเรสแน่
    หากลองไตร่ตรองให้ถี่ถ้วน  ไม่มีเหตุผลให้พวกมันต้องหวาดกลัวเลยสักนิด 
    ไม่มีทางที่มนุษย์จะอัญเชิญฟินิกซ์ในตำนานได้อยู่แล้ว
    ปาสตาโน่มองว่าฟินิกซ์บนท้องฟ้าคงเป็นเพียงกลลวง  เป็นการดิ้นรนเฮือกสุดท้ายอย่างสูญเปล่าของอาเรส

    "ประจัญบานเต็มกำลัง!  บดขยี้ไอ้งั่งที่กล้าตบตาพวกเรา!  เผาทำลายดินแดนอาเรสให้สิ้นซาก!!"

    "เฮ~~!!"

    เมื่อหน่วยเกราะหนักเจนศึกได้สติกลับมา  พวกมันพลันเร่งฝีเท้าเข้าบดขยี้ชายปริศนาด้วยความเร็วสูง
    แต่เพียงอึดใจเดียว  ชายคนดังกล่าวก็ง้างคันธนูสีทองอีกสองครั้งซ้อน

    "โบยบิน!"

    กรี๊~~~~

    พรึบ!

    "...!!"

    แม้กระทั่งดวงอาทิตย์ยังถูกบดบัง  
    ฟินิกซ์แดงสี่ตนสยายปีกปกคลุมท้องฟ้าโดยสมบูรณ์  แสงอันเจิดจ้าที่กำลังส่องสว่างท่ามกลางทุ่งหญ้าบัลเทลมิใช่แสงอาทิตย์  หากแต่เป็นแสงเปลวเพลิงจากร่างของฟินิกซ์แดงทั้งสี่ตน

    "ฟินิกซ์แดง..."

    "สี่ตน...!!"

    ปาสตาโน่และหน่วยเกราะหนักเจนศึกต่างพากันหน้าถอดสี  พวกมันกำลังหวาดผวาสุดขีด  
    นี่ต้องเป็นกลลวงภาพมายาของอีกฝ่ายแน่...  
    แต่เหตุใดความร้อนในบรรยากาศกลับกำลังแผดเผาผิวหนังทุกคนอย่างทารุนราวกับความจริง    พลังชีวิตพวกมันลดลงทุกวินาที  
    แม้เหล่าทหารจะกำลังสับสน  ทว่าพวกมันก็ไม่หยุดเร่งฝีเท้าเข้าโจมตีชายปริศนา 
    ทันใดนั้น...ชายคนดังกล่าวได้มอบความสิ้นหวังระดับเหนือจินตนาการ

    "เอาไปอีกสอง!  โบยบิน!"

    บัญชาแห่งเทพ
    ระหว่างที่กริดเปลี่ยนหัตถ์เทวะให้เป็นคันศรฟินิกซ์แดงทั้งหมดสี่ครั้ง  บัญชาเทพกลับทำงานถึงสองหน  ซึ่งนับเป็นความโชคดีเพียงน้อยนิดในชีวิตกริด  
    ด้วยเหตุนี้  เทพฟินิซ์แดงจึงถูกอัญเชิญโดยคันศรเกรดมิธทั้งหมดหกตน!
    ท้องฟ้าแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงฉานทันใด

    ซู่ววว ซู่ววว ซู่ววว ซู่ววว ซู่ววว...

    ไฟบอลนับหมื่นลูกทยอยร่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้าราวกับวันสิ้นโลก
    ทุ่งหญ้าเขียวขจีกลับกลายเป็นทะเลเพลิงอันร้อนระอุ

    "อ๊ากกกก!"

    "ช--ช่วยด้วย...!  อั่ก!"

    ไม่มีหย่อมหญ้าใดที่ปราศจากเปลวเพลิง  
    หน่วยเกราะหนักเจนศึกผู้ไม่เคยเกรงกลัวสิ่งใดในโลก  บัดนี้กำลังถูกย่างสดอย่างอำมหิต

[ เลเวลของท่านเพิ่มขึ้นหนึ่งระดับ ]
[ เลเวลของท่านเพิ่มขึ้นหนึ่งระดับ ]
[ เลเวลของท่านเพิ่มขึ้นหนึ่งระดับ ]
[ เลเวลของท่านเพิ่มขึ้นหนึ่งระดับ ]
[ เลเวลของท่านเพิ่มขึ้นหนึ่งระดับ ]

    "...เอ๋!"

    หลังจากทำลายกองทัพราวสามพัน  เลเวลของกริดกลับอัพมากถึงห้าระดับ...
    ชายหนุ่มประหลาดใจอย่างหนัก  เขาเริ่มตระหนักได้หนึ่งสิ่ง

    "ทหารพวกนี้ต้องมีเลเวลสูงมากแน่..."    

    "..."

    หน่วยข่าวกรองของอาเรสที่กำลังเฝ้ามองกริดอย่างเงียบงัน  บัดนี้ทำได้เพียงอ้าปากค้าง
    กริดทำลายหน่วยเกราะหนักเจนศึกมากถึง 2,500 นายในพริบตา...

    'ป--ปีศาจ...'

    'แข็งแกร่งระดับเดียวกับอาเรสเลยหรือ...'

    พวกมันไม่อยากจินตนาการถึงอนาคตที่กริดอาจต้องเป็นศัตรูในสักวัน

    "เอ๋...!"

    เมื่อเห็นผู้เหลือรอดในกองพลที่สาม  หน่วยข่าวกรองอาเรสต่างได้สติกลับมาอีกครั้ง
    พวกเขาเคยคิดว่า  คงไม่มีใครรอดชีวิตจากเทพฟินิกซ์แดงหกตัวไปได้แน่...
    คนที่ยังยืนหยัดท่ามกลางเปลวเพลิงไม่ใช่ใครอื่น  แต่เป็นแม่ทัพของกองพลที่สาม  ปาสตาโน่  เป็นหลักฐานแสดงให้เห็นชัดเจน  ระดับของแม่ทัพจะแตกต่างจากทหารเลวโดยสิ้นเชิง

    "แกเป็นใครกันแน่!!"

    แม่ทัพที่สูญเสียกองทัพย่อมต้องเกิดความเดือดดาล
    ใช่แล้ว  ปาสตาโน่สูญเสียทุกสิ่ง  ทั้งเกียรติยศ  พลังอำนาจ  และจุดยืนในกองทัพ
    ความยะเทอทยานที่ผ่านมาทั้งชีวิตของมันต้องจบลงตรงนี้  
    สิ่งเดียวที่เหลืออยู่คือโทสะอันคลุ้มคลั่ง

    "ฉันจะฆ่าแก!!"

    ย๊ากกก!

    ปาสตาโน่คำรามพร้อมกับพุ่งใส่กริดด้วยความเร็วสูง  สิ่งนี้คือทักษะพุ่งร้อยเมตรในพริบตาที่จะเพิ่มพลังโจมตีไปในตัว 
    นับเป็นภาพอันน่าสะพรึงกลัวสำหรับผู้ที่ต้องเผชิญ  
    การพุ่งชาร์จของอัศวินม้าคือหนึ่งสิ่งที่น่าหวั่นเกรงในสนามรบเสมอ  
    ความดุดันจากตัวปาสโน่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น  
    แต่ทุกการโจมตีย่อมมีจุดอ่อน  ท่าพุ่งชาร์จของอัศวินม้าแม้จะรวดเร็ว  แต่ก็เป็นเส้นตรงและถูกมองเห็นได้ง่ายจากผู้ที่วิสัยทัศน์สูง   
    ช่างง่ายต่อการสวนกลับเสียนี่กระไร
    
    "วิชาดาบแพ็กม่า...วังวน"

    ซู่ววว!

    "...!!"

    เกราะเหล็กที่ปาสตาโน่สวมอยู่  ถูกการโจมตีสวนกลับแทงจนทะลุโหว่ขนาดใหญ่บนหน้าอก  
    +7 วิญญาณดาบในมือกริดขยับเป็นรูปวงกลม  และสะท้อนการโจมตีของมันในชั่วพริบตา

    "แค่ก!"

    ขณะได้รับบาดเจ็บ  สมองปาสตาโน่พลันสับสนอย่างหนัก

    'หมอนี่ไม่ใช่นักอัญเชิญรึไง...'

    ชายผมดำปริศนาสามารถอัญเชิญฟินิกซ์แดง  สัตว์เทพในตำนาน  ได้มากถึงหกตน  
    ถึงจะไม่รู้ว่าด้วยเหตุผลอะไร  แต่ปาสตาโน่ก็มั่นใจว่ากริดคือนักอัญเชิญแน่  ดังนั้นหากย่นระยะเข้าประชิดตัวได้  นักอัญเชิญทุกคนจะกลายเป็นสิ่งมีชีวิตแสนอ่อนแอ

    "วิชาดาบ...ทำไมนักอัญเชิญถึงใช้วิชาดาบได้!  แค่ก!  แค่ก!"

    กริดเปิดฉากโจมตีใส่ปาสตาโน่อย่างหนักหน่วง  
    เขาพยายามปราณีต่อศัตรูที่ร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผล  
    ปราณีด้วยการดับลมหายใจในพริบตาเพื่อไม่ให้ทรมาน
        
    "ฉันคนนี้กำลังจะถูกนักอัญเชิญฆ่างั้นหรือ...ช่างเสื่อมเกียรติซะจริง!"

    เคร้ง!

    "...!"

    ชายหนุ่มพลันขมวดคิ้วเมื่อปาสตาโน่ใช้หอกรับการโจมตีที่เฉียบคมได้อย่างแม่นยำ  
    แม้สภาพร่างกายของมันจะร่อแร่เต็มกลืน

    'หมอนี่ยังมีสติอยู่ได้ยังไง...'

    ปาสตาโน่ถูกฟินิซ์แดงหกตนโจมตีอย่างจังเหมือนกับทหารคนอื่น  พลังชีวิตปัจจุบันจึงอยู่ในระดับต่ำติดดิน  ร่างกายเปี่ยมด้วยบาดแผลทุกรูขุมขน  หากเปลี่ยนเป็น NPC เผ่ามนุษย์คนอื่น  ไม่มีทางที่จะขยับร่างกายในสภาพนี้ได้แน่  
    แต่ปาสตาโน่กลับปัดป้องวิญญาณดาบที่รวดเร็วของกริดได้ทัน

    'จบสิ้นแค่นี้แหละ!'

    เลเวลของกริดเพิ่มขึ้นมากถึงห้าระดับจากการสังหารหน่วยเกราะหนักเจนศึก 2,500 คน  
    สิ่งนี้บ่งบอกเป็นอย่างดีว่า  ทหารเลวของกองพลนี้มีเลเวลที่สูงขนาดไหน  ดังนั้นเลเวลของแม่ทัพย่อมไม่ธรรมดาแน่  
    ทั้งหมดต้องเป็นพลพวงจากทักษะของอาเรสแน่  
    เมื่อตระหนักถึงสิ่งนี้   กริดพลันเย็นสันหลังวาบ 
    แม้ฝีมือการต่อสู้ของอาเรสจะยังไม่แน่ชัด  แต่พลังในการสร้างกองทัพนั้นน่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างยิ่ง  อาเรสคือบุคคลที่กริดไม่ควรเป็นศัตรูด้วยประการทั้งปวง 
    คำเตือนเกี่ยวกับอาเรสทั้งหมดที่ผ่านมา  ไม่มีสิ่งใดเกินจริงเลยแม้แต่อย่างเดียว

    "ย๊ากกก!"

    เคร้ง! เคร้ง!

    ปาสตาโน่คำรามพร้อมกับโจมตีใส่กริดด้วยแรงเฮือกสุดท้าย  
    แต่พลังชีวิตของมันก็ไม่เอื้อมอำนวยนัก  เพียงกริดฟาดฟันสองหนก็มากพอจะส่งมันไปสู้ความตาย

    ข้อความระบบที่แสดงขึ้น  ทำให้กริดต้องตะลึงยิ่งกว่าเดิม

[ ท่านสังหาร <ปาสตาโน่> แม่ทัพกองพลที่สามแห่งหน่วยเกราะหนักเจนศึก  ]    
[ หน่วยเกราะหนักเจนศึกต่างเคียดแค้นท่าน!  ทหารหน่วยเกราะหนักเจนศึกที่เหลือจะได้รับค่าสถานะเพิ่มขึ้นเมื่อเผชิญหน้ากับท่าน ]

    "เอาจริงดิ..."

    การสังหารแม่ทัพศัตรู  แทนที่จะได้รับรางวัล  กลับกลายเป็นบทลงโทษเสียได้
    ขณะกริดกำลังฉงน  หน่วยข่าวกรองของอาเรสได้เดินมาหาพร้อมกับอธิบาย

    "นี่คือความสามารถของนักรบที่ฝึกฝนโดยอาเรส"

    "ใครก็ตามที่เก่งกาจพอจะสังหารแม่ทัพของอาเรสได้..."

    "ทหารของอาเรสจะแข็งแกร่งขึ้นหลายเท่าเมื่อเผชิญหน้ากับคนผู้นั้น"

    "คอเกลกำลังตกเป็นเหยื่อของทักษะนี้"

    สาเหตุที่หน่วยข่าวกรองยอมเปิดเผยข้อมูลกับกริด  เหตุผลนั้นง่ายมาก  
    พวกเขาต้องการให้กริดหวาดผวาเมื่อได้ยิน  แต่การตอบสนองของกริดกลับแตกต่างจากที่หน่วยข่าวกรองคาดไว้

    "โทษจากการสังหารแม่ทัพไม่มีผลกับฉันแม้แต่น้อย...เพราะฉันไม่ต้องเผชิญกับทหารของอาเรสอีกแล้ว"

    "..."

    "ด้านทหารหน่วยเกราะหนักเจนศึกที่เหลือ...พวกพ้องของฉันจะจัดการจนสิ้นซากในอีกไม่กี่อึดใจ"

    ความนัยของกริดนั้นง่ายมาก
    เขาไม่สนว่าบทลงโทษในการสังหารแม่ทัพจะร้ายแรงเพียงใด  เพราะอีกไม่นาน  พวกพ้องของตนจะจัดการทัพหลวงกองพลที่ได้รับมอบหมายอย่างราบคาบ

    สงครามจิตวิทยาของทั้งสองฝ่ายเริ่มขึ้นแล้ว

▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬
ตอนฟรีลงทุกวันอังคาร - เสาร์
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/

Comments

  1. สนุกมากครับ ขอบคุณ🙏

    ReplyDelete
  2. กริดเองแน่ใจวาจะให้พวงนันเกษ

    ReplyDelete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00