จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 648
กริดเล่าเรื่องราวที่ตนได้ประสบพบเจอบนทวีปตะวันออกให้สมาชิกโอเวอร์เกียร์ระดับบริหารทุกคนฟัง เป็นการแบ่งปันข้อมูลเพื่อวิเคราะห์และพัฒนาอาณาจักรโอเวอร์เกียร์ให้แข็งแกร่ง ทุกคนต่างพยายามเค้นสมองเพื่อตกตะกอนข้อมูลที่กริดได้รับมา
เหล่าผู้บริหาร ยกเว้นลอเอล พยายามทำความเข้าใจกับโครงสร้างเศรษฐกิจ สังคม วัฒธรรม การเมือง อุดมการณ์ และกำลังรบของอาณาจักรทวีปตะวันออก
ทุกคนพยายามนำมันมากลั่นกรองเป็นข้อมูลในเชิงรูปธรรม
แน่นอนว่ารวมถึงตัวตนของเหล่ายังบันและการัม
"กริดประเมินให้การัมเทียบเท่าระดับตำนาน เขาเผชิญหน้าการัมด้วยตนเอง และกริดไม่น่าจะมองผิดไปแน่ ดังนั้นเราต้องเชื่อว่าข้อมูลนี้ถูกต้อง แต่ฉันขอสงสัยหนึ่งเรื่อง...การัมจะแข็งแกร่งกว่าจอมอสูรเชียวหรือ"
"อืม...กริดกล่าวว่า พลังโจมตีและพลังป้องกันของการัมสูงกว่าบีเลียลมาก สิ่งเดียวที่ด้อยกว่าคือระดับพลังชีวิต แต่หากเป็นการดวลตัวต่อตัว การัมจะเอาชนะบีเลียลได้ไม่ยาก อย่างน้อยก็เทียบเท่าจอมอสูรลำดับต้น"
"ฉันขอเห็นต่าง...หากเป็นการต่อสู้จริง จอมอสูรน่าจะมีพลังเหนือกว่ายังบัน ทุกคนยังจำได้ใช่ไหมว่าบีเลียลสามารถอัญเชิญขุมนรกของตนออกมาได้ ถึงฝ่ายเราจะมียูร่าที่สยบขุมนรกไว้ก็เถอะ แต่การที่มันอัญเชิญเขตแดนออกมาได้คือเรื่องจริง"
"ฉันก็คิดแบบเดียวกัน บีเลียลแข็งแกร่งมากเมื่ออยู่ในเขตแดนของเธอ ยังบันน่าจะตกเป็นเหยื่อของจอมอสูรหากต้องสู้ในขุมนรก ไม่ว่าพวกมันจะแข็งแกร่งขนาดไหน"
"หรือก็คือ...ยังบันเก่งกาจกว่าผู้เล่นระดับตำนาน แต่ยังอ่อนแอกว่าจอมอสูร แบบนั้นใช่ไหม"
"นั่นจะตอบโจทย์ของความสมดุลในเกม ลองคิดดูให้ดีสิ ยังบันคือพลเมืองของอาณาจักรฮวาน อาณาจักรหนึ่งคงไม่ได้มีพลเมืองเพียงไม่กี่พันหรอกใช่ไหม หากพวกมันแข็งแกร่งถึงเพียงนั้นล่ะก็ ป่านนี้จอมอสูรคงถูกกวาดล้างหมดสิ้นแล้ว"
"ใช่...ขุมนรกจะไม่เหลือสิ่งใดให้เราเก็บกวาด"
"หืม..."
จิสึกะครุ่นคิดพร้อมชำเลืองสายตามองฮานซอกบง
"คุณฮานซอกบง ชาวทวีปตะวันออกรับรู้ถึงการมีตัวตนของจอมอสูรรึไม่"
"แน่นอน...พวกเราเองก็มองจอมอสูรเป็นภัยร้ายแรงของมนุษยชาติเช่นกัน"
"เช่นนั้นแล้ว ยังบันจากอาณาจักรฮวานเคยสู้รบกับจอมอสูรรึไม่"
"ไม่เลย พวกมันไม่เคยปะทะกันจอมอสูรซึ่งหน้า อาณาจักรฮวานผนึกทางเข้าออกขุมนรกโดยการวางดาบโค้งมังกรฟ้าไว้ทางทิศตะวันออกของอาณาจักรคายา วางหอกเสือขาวไว้ทางทิศตะวันตกของอาณาจักรปา วางคันศรฟินิกซ์แดงไว้ทางทิศใต้ของอาณาจักรโช และวางอัญมณีเต่าดำไว้ทางทิศเหนือของอาณาจักรชิง"
"สมบัติเทพที่กริดพูดถึงสินะ..."
"เห็นไหม นี่คือเหตุผลที่อาณาจักรฮวานต้องปิดผนึกขุมนรกเอาไว้ เพราะพวกมันไม่อาจเอาชนะจอมอสูรได้ยังไงล่ะ ด้วยเหตุนี้ จึงไม่สมเหตุสมผลเลยสักนิด หากจะคาดเดาว่ายังบันแข็งแกร่งกว่าจอมอสูร"
ขณะบรรยากาศการถกเถียงกำลังคุกรุ่น
"ไม่เลย...อาณาจักรฮวานผนึกทางเข้าขุมนรกมิใช่เพราะพวกมันเกรงกลัวจอมอสูร หากแต่ทำไปเพื่อให้อาณาจักรตนเองยิ่งใหญ่ในสายตาอาณาจักรรอบข้าง"
ลอเอลเปิดประตูเข้ามาในห้องประชุม
"ทำไปเพื่อความยิ่งใหญ่...ยังไง"
เป็นถ้อยคำที่แฝงความนัย ทุกคนหันมาสนใจลอเอลเป็นตาเดียว ไม่เว้นแม้กระทั่งฮานซอกบง
ลอเอลหันไปถามเขา
"ถ้าฉันเดาไม่ผิด ทวีปตะวันออกจะมีตำนานทำนองว่า 'เมื่ออดีตอันไกลโพ้น...ศัตรูที่มาจากดินแดนเบื้องล่างถูกหยุดยั้งไว้โดยอาณาฮวาน...หลังจากนั้นโลกก็พบพานแต่ความสงบสุขมาโดยตลอด' ฉันพูดถูกต้องไหม"
"ค--คุณรู้ได้ยังไง"
"ฮุฮุฮุ...ของกล้วยๆ"
ลอเอลได้ข้อมูลมาว่า อาณาจักรฮวานคือผู้ปกครองทวีปตะวันออกมาตั้งแต่แรกเริ่ม ในอีกความหมายหนึ่งก็คือ อาณาจักรโดยรอบรับใช้อาณาจักรฮวานมาตั้งแต่ยุคสมัยกำเนิดทวีปตะวันออก
สิ่งเดียวที่อธิบายปรากฏการณ์นี้ได้ คืออาณาจักรฮวานต้องเคยกระทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ลงไปบนทวีปตะวันออกสมัยอดีตนานเมื่อมาแล้ว
ลอเอลจึงมั่นใจ
"อาณาจักรฮวานได้ป่าวประกาศไปทั่วทวีปตะวันออกว่า จอมอสูรคือสิ่งมีชีวิตที่อันตรายและน่าสะพรึงกลัว ส่งผลให้ผู้คนในอาณาจักรอื่นต้องหวังพึงพาอาณาจักรฮวานเพื่อป้องกันการรุกรานจากจอมอสูร ด้วยเหตุนี้ ผู้คนของทวีปตะวันออกจึงขาดการมีอยู่ของอาณาจักรฮวานไม่ได้ ยังบันแห่งฮวานจึงถูกกราบไว้บูชาดุจดั่งเทพ"
"สาเหตุที่อาณาจักรฮวานไม่จัดการจอมอสูรให้สิ้นซาก เพราะพวกมันต้องการปล่อยให้จอมอสูรคอยเป็นภัยคุกคามจากภายนอก ผู้คนจะได้กราบไว้บูชาพวกตนตลอดเวลาสินะ...ไม่ใช่เพราะพวกมันหวาดกลัว"
"น่าจะไม่ผิดไปจากนี้มากนัก...คงเป็นการยากที่จะมองว่ายังบันอ่อนแอกว่าจอมอสูร เพราะกริดเป็นคนพูดเองว่าอยู่ในระดับเดียวกับตำนาน และอันที่จริง ซาทิสฟายคงน่าเบื่อเกินไปหาบทสุดท้ายของเกมคือขุมนรก"
ปัดเป่าจอมอสูรและทำให้โลกนี้สงบสุขงั้นหรือ...ช่างน่าขัน
ตราบใดที่ยังมีมนุษย์ โลกไม่มีวันสงบสุขแน่นอน
เรื่องราวที่แท้จริงของซาทิสฟายจะเกิดขึ้นหลังจากจอมอสูรถูกขจัดหมดสิ้นแล้วต่างหาก ผู้เล่นที่มีพลังอำนาจจะหันมาฆ่าฟันกันเองเพื่อแก่งแย่งชิงดี และฝ่ายที่เป็นตัวแปรสำคัญคืออาณาจักรฮวานแห่งทวีปตะวันออก
'พวก S.A กรุ๊ปเจ้าเล่ห์ฉิบ...'
แต่ช่างเถอะ
"เป็นผลดีกับเราแล้วที่อาณาจักรฮวานไม่ปราบจอมอสูรจนหมด จอมอสูรจะต้องตกเป็นเหยื่อของอาณาจักรโอเวอร์เกียร์เท่านั้น...คุคุคุ! คุฮ่าฮ่าฮ่า!"
"..."
ลอเอลยังคงไม่เลิกนิสัยปิดครึ่งหน้าหัวเราะ
เขาพยายามทำให้มันออกมาดูเท่มากที่สุด แต่ฮานซอกบงกลับไม่เข้าใจพฤติกรรม
"ทำไมคนผู้นั้นถึงต้องปิดครึ่งหน้าระหว่างหัวเราะด้วยครับ..."
"...ฉันว่าคุณอย่ารู้เลยจะดีกว่า"
จิสึกะหันไปยิ้มอย่างกระอักกระอ่วน
เมื่อได้ยินคำอธิบาย ฮานซอกบงก็ไม่เซ้าซี้ถามต่อ
ขณะลอเอลกำลังหัวเราะชั่วร้าย สติกส์เดินเข้ามาในห้องประชุมพอดิบพอดี
สาเหตุเพราะสติกส์ถูกลอเอลตามตัวมาที่นี่
ลอเอลเอ่ยปากถาม
"ม้วนคาถากลับทวีปตะวันตกแบบกลุ่ม มีรุ่นที่สามารถพาคนกลับได้มากกว่าสามหมื่นไหม"
"นั่นคงเป็นไปไม่ได้ ม้วนที่กระผมมอบให้ฝ่าบาทไป คือม้วนใหญ่ที่สุดซึ่งใช้เวลาสร้างนานถึงสิบปีบนหมู่เกาะเบเฮ็น"
"สิบปี...ยิ่งคนเยอะก็ยิ่งสร้างนานสินะ งั้นขอเปลี่ยนคำถาม เอาเป็นม้วนคาถาที่ใช้เคลื่อนย้ายแบบกลุ่ม ไม่จำเป็นต้องข้ามทวีป แต่สำหรับใช้งานในสงครามภายในทวีปตะวันตก"
"สิ่งที่คุณหมายถึงคือม้วนคาถาข้ามมิติแบบกลุ่ม ของแบบนั้นต้องใช้เวลาสร้างนานถึง 15 ปี ด้วยเงื่อนไขที่กระผมต้องใช้เวลาทั้งหมดอยู่บนหมู่เกาะเบเฮ็นโดยไม่ทำสิ่งอื่น"
"...งั้นก็ช่างมันเถอะ"
นักปราชญ์สติกส์มีค่ามากกว่านั้น การต้องสูญเสียคนเช่นเขานานถึง 15 ปีเพียงเพื่อสร้างม้วนคาถาใบเดียวคงเป็นเรื่องโง่เขลาเกินไป
"ลืมเรื่องอาณาจักรฮวานและยังบันไปก่อน ตอนนี้พวกเราอยู่บนทวีปตะวันตก และกำลังเผชิญหน้ากับศัตรูที่ชื่อจักรวรรดิ"
เป็นเวลากว่าสองเดือนแล้วที่อาณาจักรโอเวอร์เกียร์ต้องส่งบรรณาการให้จักรวรรดิซาฮารัน สิ่งนี้ทำให้อาณาจักรต้องหยุดพัฒนาหลายหน่วยงานไปถึงสองเดือนเต็ม อาณาจักรโอเวอร์เกียร์ต้องทุ่มเม็ดเงินลงทุนกับภาคเกษตรกรรมเพื่อไม่ให้ทหารและชาวเมืองอดตาย
จิสึกะถามขึ้น
"หากปล่อยไว้แบบนี้...ในอีกไม่ช้า เราคงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากประจัญบานกับจักรวรรดิเต็มกำลัง"
ถ้าต้องส่งบรรณาการต่อไป อาณาจักรจะล่มสลายในอีกไม่กี่เดือนแน่
ทุกคนล้วนคิดเหมือนกันว่า ขอประจัญบานซึ่งหน้าและพ่ายแพ้อย่างมีศักดิ์ศรี ดีกว่าอาณาจักรต้องจบสิ้นในฐานะทาสที่น่าสมเพช
ลอเอลเองก็เห็นด้วย
"แน่นอนว่าพวกเราต้องสู้ แต่พวกเราจะไม่หลั่งเลือดโดยตรง"
ลอเอลฉีกยิ้มกว้าง เป็นรอยยิ้มอันชั่วร้ายที่กริดชอบทำ
โชคดีมากที่ลอเอลกับพวกเดียวกับตน ทุกคนล้วนคิดเช่นนี้
สมาชิกโอเวอร์เกียร์ระดับบริหารต่างรอคอยฟังแผนลอเอลอย่างใจจดใจจ่อ
"ฉันจะส่งกลุ่มขุนพลบางส่วน รวมถึงกริด ไปเข้ากับกองทัพอาเรส"
"อะไรนะ...!"
"กองทัพอาเรส..."
เทพสงครามอาเรส ว่ากันว่าเป็นแร้งเกอร์ปกปิดตัวตนที่แข็งแกร่งที่สุด พลังอำนาจของเขามหาศาลยิ่งกว่าผู้เล่นเกรดดวงอาทิตย์หลายคน อาเรสมีลูกน้องที่แข็งแกร่งมากมายนับไม่ถ้วน
ทั้งหมดคือข้อมูลที่ได้รับจากครอเกลเมื่อไม่นานมานี้
ครอเกลยังเล่าว่า ตนเคยประมือกับลูกน้องของอาเรสสมัยยังเป็นผู้เล่นอันดับหนึ่งของโลก
ลูกน้องอาเรสทุกคนล้วนแข็งแกร่งราวกับปีศาจ
"เดี๋ยวนะ...พวกเราต้องคอยระวังอาเรสไม่ใช่หรือ แล้วทำไมถึงยื่นมือเข้าช่วย"
"ฉันเข้าใจว่าศัตรูของศัตรูคือมิตร แต่กองทัพอาเรสเพิ่งพ่ายแพ้ต่อจักรวรรดิอย่างยับเยินเมื่อสองเดือนก่อนไม่ใช่รึไง การยื่นมือช่วยเหลือพวกมันจะคุ้มค่าแน่หรือ"
"กองทัพที่สูญเสียไป ปัจจุบันถูกฟื้นฟูกลับมาเป็นปรกติแล้ว จากข้อมูลที่ครอเกลแจ้งเข้ามา...หนึ่งในสุดยอดทักษะของอาเรสคือ <เกณฑ์ทหาร>"
"เกณฑ์ทหาร...หืม แล้วจุดประสงค์ของพวกเราคืออะไร"
"พวกเราจะช่วยให้อาเรสได้เป็นกษัตริย์ สองอาณาจักรจะจับมือกันต่อต้านจักรวรรดิและตีขนาบสองฝั่ง ปัจจุบันอาเรสอยู่ในอาณาจักรเบลโต้ ซึ่งเป็นทิศตรงกันข้ามกับโอเวอร์เกียร์โดยสิ้นเชิง หากเราคอยกดดันจักรวรรดิจากทั้งสองทาง พวกเรามีโอกาสทำให้จักรวรรดิตกที่นั่งลำบาก"
"จะเบี่ยงเบนความสนใจของจักรวรรดิสินะ"
"ใช่แล้ว พวกเรามีโอกาสฟื้นฟูอาณาจักรหากการจับตามองจากจักรวรรดิลดลง"
"เป็นความคิดที่ดี แต่นั่นจะไม่เป็นผลเสียระยะยาวหรอกหรือ หวังว่าคงไม่สร้างปีศาจเพิ่มอีกตัว เพียงเพราะหวาดกลัวปีศาจตัวเก่าหรอกนะ"
"แล้วมีทางเลือกอื่นอีกหรือ...ปีศาจตรงหน้ากำลังจะเขมือบเราอยู่แล้ว และอย่างที่กล่าวไปข้างต้น กองทัพอาเรสจะกลายเป็นปีศาจเข้าสักวันอยู่ดี ไม่เกี่ยวกับเราจะยื่นมือเข้าช่วยหรือไม่"
แต่นั่นเป็นเรื่องในอนาคตอีกยาวไกล
"ถึงพวกเราจะทำให้อาเรสแข็งแกร่งเร็วขึ้น แต่เราก็ได้รับประโยชน์โดยการหลุดพ้นวิกฤติจักรวรรดิ ตราบใดที่พลังอำนาจอันล้นพ้นของจักรวรรดิยังคงอยู่ พวกเราก็จะเป็นพันธมิตรกับอาเรสต่อไปเรื่อยๆ ยิ่งไปกว่านั้น..."
ลอเอลแสยะยิ้ม
"เราจะใช้โอกาสนี้สำเร็จจุดแข็งจุดอ่อนกองทัพอาเรส...ว่าที่ศัตรูในอนาคต"
"..."
"ขอเตือนล่วงหน้าสำหรับผู้ที่จะถูกส่งไปเข้ากองทัพอาเรส ห้ามใช้ทักษะที่ยังไม่เคยเปิดเผยมาก่อนเด็ดขาด จงใช้พลังที่แท้จริงเพียง 70% และพยายามสำรวจของทัพอาเรสให้มากที่สุด ส่วนฝ่าบาทกริด คงต้องให้เขาใช้พลังเพียง 40% ของทั้งหมด"
ลอเอลเชื่อว่า สมาชิกที่ถูกส่งเข้ากองทัพอาเรสจะได้เปิดหูเปิดหามากขึ้นและพัฒนาไปอีกหลายระดับ
ยังมีหลายสิ่งที่สามารถเรียนรู้ได้จากชายที่ถูกขนานนามว่า 'เทพสงคราม'
"เชื่อมือฉัน...เหตุการณ์ครั้งนี้จะมอบผลประโยชน์มหาศาลให้พวกเราทุกคน"
***
[ อำนาจปกครอง ]
เกรด : SSS
หนึ่งในทักษะติดตัวสายโจมตี เคียงคู่มากับ <บัญชาแห่งเทพ> และ <เขตแดน>
พลังโจมตีทางกายภาพเพิ่มขึ้น 20% เป็นการถาวร ความรุนแรงทักษะและเวทมนตร์เพิ่มขึ้น 10% เป็นการถาวร
ด้วยการโจมตีธรรมดา มีโอกาส 30% ที่จะโจมตีรุนแรงเป็นสองเท่า
<สังหารผู้เล่นอันดับหนึ่งของแต่ละคลาสจำนวน 20 คน>
นี่คือเงื่อนไขที่ต้องบรรลุ เพื่อจะได้รับสุดยอดทักษะติดตัว <อำนาจปกครอง>
ในสายตาคนทั่วไป ภารกิจนี้คือสิ่งที่ไม่มีวันบรรลุได้เลยตลอดชีวิต แต่สำหรับแอ็กนัส การให้ไล่ฆ่าคนนั้นง่ายยิ่งกว่าพลิกผ่ามือเสียอีก
"หลังจากครอบครองอักขระแห่งความตาย ทุกสิ่งก็ง่ายไปหมด...สะดวกดีเหมือนกันแฮะ"
แอ็กนัสอ่านรายละเอียดของทักษะอำนาจปกครองด้วยสีหน้าพึงพอใจ
ขณะมันกำลังทรมาณลิชมูมัดด้วยมีดในมือ เสียงข้อความส่วนตัวพลันดังแว่วในหู
เป็นของเวอราดิน
>> ได้รับอำนาจปกครองแล้วใช่ไหม ขอแสดงความยินดีด้วยครับ
>> คิคิคิก! แสนรู้จังนะ
เวอราดิน อัจฉริยะระดับเดียวกับลอเอล คนทั้งสองต่างถูกจัดให้เป็นผู้เล่นสิบรุคกี้รุ่นแรกของโลก
เมื่อครั้งได้ยินว่าเวอราดินขอติดตาม แอ็กนัสทั้งประหลาดใจและเคลือบแคลงสงสัยอยู่ไม่น้อย มันไม่เชื่อว่าจะมีใครสักคนยอมรับใช้ชายเสียสติโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน
'ตอนแรก...เราเคยคิดว่าเจ้านั่นเป็นพวกหวังรอกินเศษอาหารต่อจากเรา'
แอ็กนัสแสยะยิ้มเมื่อย้อนนึกถึงอดีต
>> ใช่แล้ว...มันกินเวลานานกว่าที่คิดไว้มาก เพราะแกเอาแต่ขอร้องฉันไม่ให้ล่าพวกโอเวอร์เกียร์ เหยื่อของภารกิจนี้จึงตามหาตัวได้ยากขึ้นไปอีก
>> พวกเรายังไม่รู้จักพลังที่แท้จริงของโอเวอร์เกียร์ ผมไม่อยากคุณให้เสี่ยงโดยไม่จำเป็น
>> แกเป็นนกขุนทองรึไง พูดแค่คำเดิมซ้ำไปมาอยู่ได้! แล้วฉันต้องหดหัวไปอีกนานแค่ไหน!
>> ไม่ต้องอีกแล้ว
>> หือ...
>> ได้เวลาที่คุณจะประกาศศักดิ์ดาให้อาณาจักรโอเวอร์เกียร์รับรู้ ถึงเวลาแสดงฝีมือให้พวกมันประจักษ์ ความอับอายทั้งหมดที่ผ่านมา สิ้นสุดแล้วในวันนี้
>> ...คิคิคิคิก! คราวนี้จะให้ทำฉันทำอะไร
>> อีกไม่นาน อาณาจักรโอเวอร์เกียร์จะจับมือเป็นพันธมิตรกับกองทัพอาเรส พวกมันกำลังถูกจักรวรรดิไล่ต้อนกดดันถึงขีดสุด
เวอราดินอาศัยสายข่าวเพื่อสืบสวนเรื่องราวของอาณาจักรโอเวอร์เกียร์ มันจึงคาดเดาการกระทำของลอเอลได้ไม่ยาก
เวอราดินไม่เคยคำนวณผิดพลาด แอ็กนัสได้ยินดังนั้นจึงแสยะยิ้ม
>> คุณต้องเข้าร่วมฝ่ายจักรวรรดิ นี่คือโอกาสทองที่จะกำราบศัตรูสองคนในคราวเดียว
"...คิก! คิคิคิคิก!"
แอ็กนัสฉีกยิ้มกว้างถึงหูพร้อมกับหัวเราะ
ไหล่ของมันกำลังสั่นระริกอย่างมีความสุข
"พวกมันต้องน่าสนุกไม่แพ้ครอเกลแน่..."
แอ็กนัสหวังให้ทุกวันในซาทิสฟายเต็มไปด้วยเรื่องสนุกและตื่นเต้น เพื่อที่มันจะได้ลืมเลือนโชคชะตาอันโหดร้ายที่เกิดขึ้นในโลกแห่งความจริง
ดวงตาสีทองของแอ็กนัสกำลังส่องประกายอย่างคาดหวัง
ผู้ทำพันธสัญญากับบาเอล
ชายเสียสติที่จะอยู่ฝั่งตรงข้ามกริดไปตลอดกาล
▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬
ตอนฟรีลงทุกวันอังคาร - เสาร์
ติดตามผู้แปลได้ที่ : www.facebook.com/bjknovel/
ศัตรูเยอะมากกริด สู้ๆ
ReplyDeleteความมืด Vs ความตาย
ReplyDeleteกริด Vsแอ็กนัส
น่าเสียดายที่แอ็กนัสไม่อยู่พวกเดียวกับกริด
ReplyDeleteถ้าคนเก่งๆอยู่ฝ่ายเดียวกันหมดก็ไม่สนุกสิครับ กลุ่มพระเอกจะไปสู้กับใครล่ะ
Deleteกองทัพแห่งโอเวอร์เกียร์ vs กองทัพแห่งความตาย
ReplyDeleteกริด vs แอ็กนัส