จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 648



    กริดเล่าเรื่องราวที่ตนได้ประสบพบเจอบนทวีปตะวันออกให้สมาชิกโอเวอร์เกียร์ระดับบริหารทุกคนฟัง  เป็นการแบ่งปันข้อมูลเพื่อวิเคราะห์และพัฒนาอาณาจักรโอเวอร์เกียร์ให้แข็งแกร่ง  ทุกคนต่างพยายามเค้นสมองเพื่อตกตะกอนข้อมูลที่กริดได้รับมา

    เหล่าผู้บริหาร  ยกเว้นลอเอล  พยายามทำความเข้าใจกับโครงสร้างเศรษฐกิจ  สังคม  วัฒธรรม  การเมือง  อุดมการณ์  และกำลังรบของอาณาจักรทวีปตะวันออก  
    
    ทุกคนพยายามนำมันมากลั่นกรองเป็นข้อมูลในเชิงรูปธรรม
    แน่นอนว่ารวมถึงตัวตนของเหล่ายังบันและการัม 

    "กริดประเมินให้การัมเทียบเท่าระดับตำนาน  เขาเผชิญหน้าการัมด้วยตนเอง  และกริดไม่น่าจะมองผิดไปแน่  ดังนั้นเราต้องเชื่อว่าข้อมูลนี้ถูกต้อง  แต่ฉันขอสงสัยหนึ่งเรื่อง...การัมจะแข็งแกร่งกว่าจอมอสูรเชียวหรือ"

    "อืม...กริดกล่าวว่า  พลังโจมตีและพลังป้องกันของการัมสูงกว่าบีเลียลมาก  สิ่งเดียวที่ด้อยกว่าคือระดับพลังชีวิต  แต่หากเป็นการดวลตัวต่อตัว  การัมจะเอาชนะบีเลียลได้ไม่ยาก  อย่างน้อยก็เทียบเท่าจอมอสูรลำดับต้น"

    "ฉันขอเห็นต่าง...หากเป็นการต่อสู้จริง  จอมอสูรน่าจะมีพลังเหนือกว่ายังบัน  ทุกคนยังจำได้ใช่ไหมว่าบีเลียลสามารถอัญเชิญขุมนรกของตนออกมาได้  ถึงฝ่ายเราจะมียูร่าที่สยบขุมนรกไว้ก็เถอะ  แต่การที่มันอัญเชิญเขตแดนออกมาได้คือเรื่องจริง"

    "ฉันก็คิดแบบเดียวกัน  บีเลียลแข็งแกร่งมากเมื่ออยู่ในเขตแดนของเธอ  ยังบันน่าจะตกเป็นเหยื่อของจอมอสูรหากต้องสู้ในขุมนรก  ไม่ว่าพวกมันจะแข็งแกร่งขนาดไหน"

    "หรือก็คือ...ยังบันเก่งกาจกว่าผู้เล่นระดับตำนาน  แต่ยังอ่อนแอกว่าจอมอสูร  แบบนั้นใช่ไหม"

    "นั่นจะตอบโจทย์ของความสมดุลในเกม  ลองคิดดูให้ดีสิ  ยังบันคือพลเมืองของอาณาจักรฮวาน  อาณาจักรหนึ่งคงไม่ได้มีพลเมืองเพียงไม่กี่พันหรอกใช่ไหม  หากพวกมันแข็งแกร่งถึงเพียงนั้นล่ะก็  ป่านนี้จอมอสูรคงถูกกวาดล้างหมดสิ้นแล้ว"

    "ใช่...ขุมนรกจะไม่เหลือสิ่งใดให้เราเก็บกวาด"

    "หืม..."

    จิสึกะครุ่นคิดพร้อมชำเลืองสายตามองฮานซอกบง

    "คุณฮานซอกบง  ชาวทวีปตะวันออกรับรู้ถึงการมีตัวตนของจอมอสูรรึไม่"

    "แน่นอน...พวกเราเองก็มองจอมอสูรเป็นภัยร้ายแรงของมนุษยชาติเช่นกัน"

    "เช่นนั้นแล้ว  ยังบันจากอาณาจักรฮวานเคยสู้รบกับจอมอสูรรึไม่"

    "ไม่เลย  พวกมันไม่เคยปะทะกันจอมอสูรซึ่งหน้า  อาณาจักรฮวานผนึกทางเข้าออกขุมนรกโดยการวางดาบโค้งมังกรฟ้าไว้ทางทิศตะวันออกของอาณาจักรคายา  วางหอกเสือขาวไว้ทางทิศตะวันตกของอาณาจักรปา  วางคันศรฟินิกซ์แดงไว้ทางทิศใต้ของอาณาจักรโช  และวางอัญมณีเต่าดำไว้ทางทิศเหนือของอาณาจักรชิง"

    "สมบัติเทพที่กริดพูดถึงสินะ..."
    
    "เห็นไหม  นี่คือเหตุผลที่อาณาจักรฮวานต้องปิดผนึกขุมนรกเอาไว้  เพราะพวกมันไม่อาจเอาชนะจอมอสูรได้ยังไงล่ะ  ด้วยเหตุนี้  จึงไม่สมเหตุสมผลเลยสักนิด  หากจะคาดเดาว่ายังบันแข็งแกร่งกว่าจอมอสูร"

    ขณะบรรยากาศการถกเถียงกำลังคุกรุ่น

    "ไม่เลย...อาณาจักรฮวานผนึกทางเข้าขุมนรกมิใช่เพราะพวกมันเกรงกลัวจอมอสูร  หากแต่ทำไปเพื่อให้อาณาจักรตนเองยิ่งใหญ่ในสายตาอาณาจักรรอบข้าง"

    ลอเอลเปิดประตูเข้ามาในห้องประชุม

    "ทำไปเพื่อความยิ่งใหญ่...ยังไง"

    เป็นถ้อยคำที่แฝงความนัย  ทุกคนหันมาสนใจลอเอลเป็นตาเดียว  ไม่เว้นแม้กระทั่งฮานซอกบง
    ลอเอลหันไปถามเขา

    "ถ้าฉันเดาไม่ผิด  ทวีปตะวันออกจะมีตำนานทำนองว่า 'เมื่ออดีตอันไกลโพ้น...ศัตรูที่มาจากดินแดนเบื้องล่างถูกหยุดยั้งไว้โดยอาณาฮวาน...หลังจากนั้นโลกก็พบพานแต่ความสงบสุขมาโดยตลอด'  ฉันพูดถูกต้องไหม"

    "ค--คุณรู้ได้ยังไง"

    "ฮุฮุฮุ...ของกล้วยๆ"

    ลอเอลได้ข้อมูลมาว่า  อาณาจักรฮวานคือผู้ปกครองทวีปตะวันออกมาตั้งแต่แรกเริ่ม  ในอีกความหมายหนึ่งก็คือ  อาณาจักรโดยรอบรับใช้อาณาจักรฮวานมาตั้งแต่ยุคสมัยกำเนิดทวีปตะวันออก  
    สิ่งเดียวที่อธิบายปรากฏการณ์นี้ได้  คืออาณาจักรฮวานต้องเคยกระทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ลงไปบนทวีปตะวันออกสมัยอดีตนานเมื่อมาแล้ว  
    ลอเอลจึงมั่นใจ

    "อาณาจักรฮวานได้ป่าวประกาศไปทั่วทวีปตะวันออกว่า  จอมอสูรคือสิ่งมีชีวิตที่อันตรายและน่าสะพรึงกลัว  ส่งผลให้ผู้คนในอาณาจักรอื่นต้องหวังพึงพาอาณาจักรฮวานเพื่อป้องกันการรุกรานจากจอมอสูร  ด้วยเหตุนี้  ผู้คนของทวีปตะวันออกจึงขาดการมีอยู่ของอาณาจักรฮวานไม่ได้  ยังบันแห่งฮวานจึงถูกกราบไว้บูชาดุจดั่งเทพ"

    "สาเหตุที่อาณาจักรฮวานไม่จัดการจอมอสูรให้สิ้นซาก  เพราะพวกมันต้องการปล่อยให้จอมอสูรคอยเป็นภัยคุกคามจากภายนอก  ผู้คนจะได้กราบไว้บูชาพวกตนตลอดเวลาสินะ...ไม่ใช่เพราะพวกมันหวาดกลัว"

    "น่าจะไม่ผิดไปจากนี้มากนัก...คงเป็นการยากที่จะมองว่ายังบันอ่อนแอกว่าจอมอสูร  เพราะกริดเป็นคนพูดเองว่าอยู่ในระดับเดียวกับตำนาน  และอันที่จริง  ซาทิสฟายคงน่าเบื่อเกินไปหาบทสุดท้ายของเกมคือขุมนรก"
    
    ปัดเป่าจอมอสูรและทำให้โลกนี้สงบสุขงั้นหรือ...ช่างน่าขัน
    ตราบใดที่ยังมีมนุษย์  โลกไม่มีวันสงบสุขแน่นอน 
    เรื่องราวที่แท้จริงของซาทิสฟายจะเกิดขึ้นหลังจากจอมอสูรถูกขจัดหมดสิ้นแล้วต่างหาก  ผู้เล่นที่มีพลังอำนาจจะหันมาฆ่าฟันกันเองเพื่อแก่งแย่งชิงดี  และฝ่ายที่เป็นตัวแปรสำคัญคืออาณาจักรฮวานแห่งทวีปตะวันออก

    'พวก S.A กรุ๊ปเจ้าเล่ห์ฉิบ...'

    แต่ช่างเถอะ

    "เป็นผลดีกับเราแล้วที่อาณาจักรฮวานไม่ปราบจอมอสูรจนหมด  จอมอสูรจะต้องตกเป็นเหยื่อของอาณาจักรโอเวอร์เกียร์เท่านั้น...คุคุคุ!  คุฮ่าฮ่าฮ่า!"

    "..."

    ลอเอลยังคงไม่เลิกนิสัยปิดครึ่งหน้าหัวเราะ  
    เขาพยายามทำให้มันออกมาดูเท่มากที่สุด  แต่ฮานซอกบงกลับไม่เข้าใจพฤติกรรม
    
    "ทำไมคนผู้นั้นถึงต้องปิดครึ่งหน้าระหว่างหัวเราะด้วยครับ..."

    "...ฉันว่าคุณอย่ารู้เลยจะดีกว่า"

    จิสึกะหันไปยิ้มอย่างกระอักกระอ่วน
    เมื่อได้ยินคำอธิบาย  ฮานซอกบงก็ไม่เซ้าซี้ถามต่อ  
    ขณะลอเอลกำลังหัวเราะชั่วร้าย  สติกส์เดินเข้ามาในห้องประชุมพอดิบพอดี  
    สาเหตุเพราะสติกส์ถูกลอเอลตามตัวมาที่นี่  
    ลอเอลเอ่ยปากถาม

    "ม้วนคาถากลับทวีปตะวันตกแบบกลุ่ม  มีรุ่นที่สามารถพาคนกลับได้มากกว่าสามหมื่นไหม"

    "นั่นคงเป็นไปไม่ได้  ม้วนที่กระผมมอบให้ฝ่าบาทไป  คือม้วนใหญ่ที่สุดซึ่งใช้เวลาสร้างนานถึงสิบปีบนหมู่เกาะเบเฮ็น"

    "สิบปี...ยิ่งคนเยอะก็ยิ่งสร้างนานสินะ  งั้นขอเปลี่ยนคำถาม  เอาเป็นม้วนคาถาที่ใช้เคลื่อนย้ายแบบกลุ่ม  ไม่จำเป็นต้องข้ามทวีป  แต่สำหรับใช้งานในสงครามภายในทวีปตะวันตก"

    "สิ่งที่คุณหมายถึงคือม้วนคาถาข้ามมิติแบบกลุ่ม  ของแบบนั้นต้องใช้เวลาสร้างนานถึง 15 ปี  ด้วยเงื่อนไขที่กระผมต้องใช้เวลาทั้งหมดอยู่บนหมู่เกาะเบเฮ็นโดยไม่ทำสิ่งอื่น"

    "...งั้นก็ช่างมันเถอะ"

    นักปราชญ์สติกส์มีค่ามากกว่านั้น  การต้องสูญเสียคนเช่นเขานานถึง 15 ปีเพียงเพื่อสร้างม้วนคาถาใบเดียวคงเป็นเรื่องโง่เขลาเกินไป

    "ลืมเรื่องอาณาจักรฮวานและยังบันไปก่อน  ตอนนี้พวกเราอยู่บนทวีปตะวันตก  และกำลังเผชิญหน้ากับศัตรูที่ชื่อจักรวรรดิ"

    เป็นเวลากว่าสองเดือนแล้วที่อาณาจักรโอเวอร์เกียร์ต้องส่งบรรณาการให้จักรวรรดิซาฮารัน  สิ่งนี้ทำให้อาณาจักรต้องหยุดพัฒนาหลายหน่วยงานไปถึงสองเดือนเต็ม  อาณาจักรโอเวอร์เกียร์ต้องทุ่มเม็ดเงินลงทุนกับภาคเกษตรกรรมเพื่อไม่ให้ทหารและชาวเมืองอดตาย

    จิสึกะถามขึ้น

    "หากปล่อยไว้แบบนี้...ในอีกไม่ช้า  เราคงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากประจัญบานกับจักรวรรดิเต็มกำลัง"

    ถ้าต้องส่งบรรณาการต่อไป  อาณาจักรจะล่มสลายในอีกไม่กี่เดือนแน่  
    ทุกคนล้วนคิดเหมือนกันว่า  ขอประจัญบานซึ่งหน้าและพ่ายแพ้อย่างมีศักดิ์ศรี  ดีกว่าอาณาจักรต้องจบสิ้นในฐานะทาสที่น่าสมเพช
    ลอเอลเองก็เห็นด้วย

    "แน่นอนว่าพวกเราต้องสู้  แต่พวกเราจะไม่หลั่งเลือดโดยตรง"

    ลอเอลฉีกยิ้มกว้าง  เป็นรอยยิ้มอันชั่วร้ายที่กริดชอบทำ
    โชคดีมากที่ลอเอลกับพวกเดียวกับตน  ทุกคนล้วนคิดเช่นนี้  
    สมาชิกโอเวอร์เกียร์ระดับบริหารต่างรอคอยฟังแผนลอเอลอย่างใจจดใจจ่อ

    "ฉันจะส่งกลุ่มขุนพลบางส่วน  รวมถึงกริด  ไปเข้ากับกองทัพอาเรส"

    "อะไรนะ...!"

    "กองทัพอาเรส..."

    เทพสงครามอาเรส  ว่ากันว่าเป็นแร้งเกอร์ปกปิดตัวตนที่แข็งแกร่งที่สุด  พลังอำนาจของเขามหาศาลยิ่งกว่าผู้เล่นเกรดดวงอาทิตย์หลายคน  อาเรสมีลูกน้องที่แข็งแกร่งมากมายนับไม่ถ้วน  
    ทั้งหมดคือข้อมูลที่ได้รับจากครอเกลเมื่อไม่นานมานี้  
    ครอเกลยังเล่าว่า  ตนเคยประมือกับลูกน้องของอาเรสสมัยยังเป็นผู้เล่นอันดับหนึ่งของโลก  
    ลูกน้องอาเรสทุกคนล้วนแข็งแกร่งราวกับปีศาจ

    "เดี๋ยวนะ...พวกเราต้องคอยระวังอาเรสไม่ใช่หรือ  แล้วทำไมถึงยื่นมือเข้าช่วย"

    "ฉันเข้าใจว่าศัตรูของศัตรูคือมิตร  แต่กองทัพอาเรสเพิ่งพ่ายแพ้ต่อจักรวรรดิอย่างยับเยินเมื่อสองเดือนก่อนไม่ใช่รึไง  การยื่นมือช่วยเหลือพวกมันจะคุ้มค่าแน่หรือ"

    "กองทัพที่สูญเสียไป  ปัจจุบันถูกฟื้นฟูกลับมาเป็นปรกติแล้ว  จากข้อมูลที่ครอเกลแจ้งเข้ามา...หนึ่งในสุดยอดทักษะของอาเรสคือ <เกณฑ์ทหาร>"

    "เกณฑ์ทหาร...หืม  แล้วจุดประสงค์ของพวกเราคืออะไร"

    "พวกเราจะช่วยให้อาเรสได้เป็นกษัตริย์  สองอาณาจักรจะจับมือกันต่อต้านจักรวรรดิและตีขนาบสองฝั่ง  ปัจจุบันอาเรสอยู่ในอาณาจักรเบลโต้  ซึ่งเป็นทิศตรงกันข้ามกับโอเวอร์เกียร์โดยสิ้นเชิง  หากเราคอยกดดันจักรวรรดิจากทั้งสองทาง  พวกเรามีโอกาสทำให้จักรวรรดิตกที่นั่งลำบาก"

    "จะเบี่ยงเบนความสนใจของจักรวรรดิสินะ"

    "ใช่แล้ว  พวกเรามีโอกาสฟื้นฟูอาณาจักรหากการจับตามองจากจักรวรรดิลดลง"

    "เป็นความคิดที่ดี  แต่นั่นจะไม่เป็นผลเสียระยะยาวหรอกหรือ  หวังว่าคงไม่สร้างปีศาจเพิ่มอีกตัว  เพียงเพราะหวาดกลัวปีศาจตัวเก่าหรอกนะ"

    "แล้วมีทางเลือกอื่นอีกหรือ...ปีศาจตรงหน้ากำลังจะเขมือบเราอยู่แล้ว  และอย่างที่กล่าวไปข้างต้น  กองทัพอาเรสจะกลายเป็นปีศาจเข้าสักวันอยู่ดี  ไม่เกี่ยวกับเราจะยื่นมือเข้าช่วยหรือไม่"

    แต่นั่นเป็นเรื่องในอนาคตอีกยาวไกล

    "ถึงพวกเราจะทำให้อาเรสแข็งแกร่งเร็วขึ้น  แต่เราก็ได้รับประโยชน์โดยการหลุดพ้นวิกฤติจักรวรรดิ  ตราบใดที่พลังอำนาจอันล้นพ้นของจักรวรรดิยังคงอยู่  พวกเราก็จะเป็นพันธมิตรกับอาเรสต่อไปเรื่อยๆ  ยิ่งไปกว่านั้น..."
    ลอเอลแสยะยิ้ม
    "เราจะใช้โอกาสนี้สำเร็จจุดแข็งจุดอ่อนกองทัพอาเรส...ว่าที่ศัตรูในอนาคต"

    "..."

    "ขอเตือนล่วงหน้าสำหรับผู้ที่จะถูกส่งไปเข้ากองทัพอาเรส  ห้ามใช้ทักษะที่ยังไม่เคยเปิดเผยมาก่อนเด็ดขาด  จงใช้พลังที่แท้จริงเพียง 70%  และพยายามสำรวจของทัพอาเรสให้มากที่สุด  ส่วนฝ่าบาทกริด  คงต้องให้เขาใช้พลังเพียง 40% ของทั้งหมด"

    ลอเอลเชื่อว่า  สมาชิกที่ถูกส่งเข้ากองทัพอาเรสจะได้เปิดหูเปิดหามากขึ้นและพัฒนาไปอีกหลายระดับ
    ยังมีหลายสิ่งที่สามารถเรียนรู้ได้จากชายที่ถูกขนานนามว่า 'เทพสงคราม'

    "เชื่อมือฉัน...เหตุการณ์ครั้งนี้จะมอบผลประโยชน์มหาศาลให้พวกเราทุกคน"

    ***

[ อำนาจปกครอง ]
เกรด : SSS
    หนึ่งในทักษะติดตัวสายโจมตี  เคียงคู่มากับ <บัญชาแห่งเทพ> และ <เขตแดน>
    พลังโจมตีทางกายภาพเพิ่มขึ้น 20% เป็นการถาวร  ความรุนแรงทักษะและเวทมนตร์เพิ่มขึ้น 10% เป็นการถาวร
    ด้วยการโจมตีธรรมดา  มีโอกาส 30% ที่จะโจมตีรุนแรงเป็นสองเท่า

    <สังหารผู้เล่นอันดับหนึ่งของแต่ละคลาสจำนวน 20 คน>
    นี่คือเงื่อนไขที่ต้องบรรลุ  เพื่อจะได้รับสุดยอดทักษะติดตัว <อำนาจปกครอง> 
    ในสายตาคนทั่วไป  ภารกิจนี้คือสิ่งที่ไม่มีวันบรรลุได้เลยตลอดชีวิต  แต่สำหรับแอ็กนัส  การให้ไล่ฆ่าคนนั้นง่ายยิ่งกว่าพลิกผ่ามือเสียอีก

    "หลังจากครอบครองอักขระแห่งความตาย  ทุกสิ่งก็ง่ายไปหมด...สะดวกดีเหมือนกันแฮะ"

    แอ็กนัสอ่านรายละเอียดของทักษะอำนาจปกครองด้วยสีหน้าพึงพอใจ  
    ขณะมันกำลังทรมาณลิชมูมัดด้วยมีดในมือ  เสียงข้อความส่วนตัวพลันดังแว่วในหู
    เป็นของเวอราดิน

    >>  ได้รับอำนาจปกครองแล้วใช่ไหม  ขอแสดงความยินดีด้วยครับ

    >>  คิคิคิก!  แสนรู้จังนะ

    เวอราดิน  อัจฉริยะระดับเดียวกับลอเอล  คนทั้งสองต่างถูกจัดให้เป็นผู้เล่นสิบรุคกี้รุ่นแรกของโลก
    เมื่อครั้งได้ยินว่าเวอราดินขอติดตาม  แอ็กนัสทั้งประหลาดใจและเคลือบแคลงสงสัยอยู่ไม่น้อย  มันไม่เชื่อว่าจะมีใครสักคนยอมรับใช้ชายเสียสติโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน

    'ตอนแรก...เราเคยคิดว่าเจ้านั่นเป็นพวกหวังรอกินเศษอาหารต่อจากเรา'

    แอ็กนัสแสยะยิ้มเมื่อย้อนนึกถึงอดีต

    >>  ใช่แล้ว...มันกินเวลานานกว่าที่คิดไว้มาก เพราะแกเอาแต่ขอร้องฉันไม่ให้ล่าพวกโอเวอร์เกียร์  เหยื่อของภารกิจนี้จึงตามหาตัวได้ยากขึ้นไปอีก

    >>  พวกเรายังไม่รู้จักพลังที่แท้จริงของโอเวอร์เกียร์  ผมไม่อยากคุณให้เสี่ยงโดยไม่จำเป็น    

    >>  แกเป็นนกขุนทองรึไง  พูดแค่คำเดิมซ้ำไปมาอยู่ได้!  แล้วฉันต้องหดหัวไปอีกนานแค่ไหน!

    >>  ไม่ต้องอีกแล้ว

    >>  หือ...

    >>  ได้เวลาที่คุณจะประกาศศักดิ์ดาให้อาณาจักรโอเวอร์เกียร์รับรู้  ถึงเวลาแสดงฝีมือให้พวกมันประจักษ์  ความอับอายทั้งหมดที่ผ่านมา  สิ้นสุดแล้วในวันนี้

    >>  ...คิคิคิคิก!  คราวนี้จะให้ทำฉันทำอะไร

    >>  อีกไม่นาน  อาณาจักรโอเวอร์เกียร์จะจับมือเป็นพันธมิตรกับกองทัพอาเรส  พวกมันกำลังถูกจักรวรรดิไล่ต้อนกดดันถึงขีดสุด  

    เวอราดินอาศัยสายข่าวเพื่อสืบสวนเรื่องราวของอาณาจักรโอเวอร์เกียร์  มันจึงคาดเดาการกระทำของลอเอลได้ไม่ยาก  
    เวอราดินไม่เคยคำนวณผิดพลาด  แอ็กนัสได้ยินดังนั้นจึงแสยะยิ้ม

    >>  คุณต้องเข้าร่วมฝ่ายจักรวรรดิ  นี่คือโอกาสทองที่จะกำราบศัตรูสองคนในคราวเดียว

    "...คิก!  คิคิคิคิก!"

    แอ็กนัสฉีกยิ้มกว้างถึงหูพร้อมกับหัวเราะ  
    ไหล่ของมันกำลังสั่นระริกอย่างมีความสุข

    "พวกมันต้องน่าสนุกไม่แพ้ครอเกลแน่..."

    แอ็กนัสหวังให้ทุกวันในซาทิสฟายเต็มไปด้วยเรื่องสนุกและตื่นเต้น  เพื่อที่มันจะได้ลืมเลือนโชคชะตาอันโหดร้ายที่เกิดขึ้นในโลกแห่งความจริง

    ดวงตาสีทองของแอ็กนัสกำลังส่องประกายอย่างคาดหวัง
    
    ผู้ทำพันธสัญญากับบาเอล
    ชายเสียสติที่จะอยู่ฝั่งตรงข้ามกริดไปตลอดกาล

▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬
ตอนฟรีลงทุกวันอังคาร - เสาร์
ติดตามผู้แปลได้ที่ : www.facebook.com/bjknovel/

Comments

  1. ศัตรูเยอะมากกริด สู้ๆ

    ReplyDelete
  2. ความมืด Vs ความตาย
    กริด Vsแอ็กนัส

    ReplyDelete
  3. น่าเสียดายที่แอ็กนัสไม่อยู่พวกเดียวกับกริด

    ReplyDelete
    Replies
    1. ถ้าคนเก่งๆอยู่ฝ่ายเดียวกันหมดก็ไม่สนุกสิครับ กลุ่มพระเอกจะไปสู้กับใครล่ะ

      Delete
  4. กองทัพแห่งโอเวอร์เกียร์ vs กองทัพแห่งความตาย
    กริด vs แอ็กนัส

    ReplyDelete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00