จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 650
แร้งเกอร์ปกปิดตัวตนนั้นมีจำนวนนับไม่ถ้วนทั่วโลก บนดินแดนอันกว้างใหญ่ของซาทิสฟาย ยอดยุทธ์มากมายจงใจเร้นกายปกปิดตัวตนมิให้บุคคลภายนอกรับรู้
อาเรสคือหนึ่งในนั้น
เขาอาจเป็นที่รู้จักและหวาดระแวงจากสมาชิกโอเวอร์เกียร์ แต่สำหรับผู้เล่นทั่วไปแล้ว แทบไม่มีใครที่รู้จักอาเรสเลยสักนิด
ณ อาณาจักรเบลโต้
อาณาจักรแห่งนี้มีขนาดเล็ก แถมเศรษฐกิจยังไม่เฟื่องฟูเท่าที่ควร ส่งผลให้กลายเป็นอาณาจักรทุรกันดารและห่างไกลความเจริญจากสายตาคนนอก ไม่มีประโยชน์อันใดที่จะอาศัยอยู่ภายในอาณาจักรเบลโต้ ประชากรผู้เล่นจึงน้อยนิดเป็นอย่างมาก
ด้วยเหตุนี้ ความลับและตัวตนของอาเรสจึงถูกปกปิดไว้มิดชิด
จนกระทั่ง...
"อาณาจักรโอเวอร์เกียร์ยื่นข้อเสมอจับมือเป็นพันธมิตรเข้ามา พวกเขาจะส่งกำลังสนับสนุนเราในภารกิจยึดครองอาณาจักรเบลโต้ และจะช่วยเหลือในการรับมือกับจักรวรรดิทุกรูปแบบ"
"..."
อาณาจักรโอเวอร์เกียร์รับรู้ถึงตัวตนกองทัพพวกมันได้ยังไง...
แถมยังรู้ด้วยว่ามีแผนจะยึดครองอาณาจักรเบลโต้
ฝ่ายบริหารส่วนหนึ่งถึงกับทึ่ง แต่อีกส่วนดูเหมือนจะคาดเดาไว้อยู่แล้ว
"ไม่แปลกที่อาณาจักรโอเวอร์เกียร์จะรู้ถึงพลังกองทัพเรา"
"มีข่าวลือว่า กริดสนิทกับครอเกลมาก คงเป็นฝ่ายครอเกลที่เผยแพร่ข้อมูลกองทัพเราให้กริด"
"พวกเราจะเป็นพันธมิตรกับโอเวอร์เกียร์ไม่ได้เด็ดขาด พวกมันหวังใช้โอกาสนี้ทำให้เรายอมปล่อยมือจากการตามล่าครอเกล"
"กิลด์โอเวอร์เกียร์รู้เรื่องที่พวกเราไล่ล่าครอเกลด้วยหรือ...คนอย่างครอเกลเนี่ยนะ จะป่าวประกาศบอกผู้อื่นว่าตนกำลังถูกไล่ฆ่า ฉันจินตนาการไม่ออกเลย"
"คิดเหมือนกัน...ข้อเสนอพันธมิตรครั้งนี้ไม่เกี่ยวกับครอเกลแน่ กิลด์โอเวอร์เกียร์ต้องการสิ่งอื่นมากกว่า"
"พวกเราต้องหาจุดประสงค์ให้ได้ ก่อนจะตัดสินใจว่าควรจับมือเป็นพันธมิตรหรือไม่ เราต้องมีข้อมูลมากกว่านี้"
อาเรสยังคงนิ่งเงียบโดยปล่อยให้เหล่าขุนพลออกความเห็นอย่างอิสระ
การปล่อยให้ลูกน้องแสดงความเห็นได้เต็มที่โดยไม่สนใจตำแหน่งและบรรดาศักดิ์ สิ่งนี้ถือเป็นจุดแข็งของอาเรสที่นำพาให้เขามาอยู่ในจุดปัจจุบันได้
"พวกนายก็รู้ใช่ไหม...อัศวินสีชาดยกทัพกลับเมืองหลวงทันทีที่พวกมันเอาชนะสงครามระหว่างเรา และปราบปรามกบฏชายแดนเสร็จเรียบร้อย"
"..."
สก็อตต์ หนึ่งในคนสนิทของอาเรส เอ่ยปากขึ้น
ทุกคนพลันเงียบลงทันที พวกเขารอฟังความเห็นสก็อตต์
"ดูเหมือนจักรวรรดิจะเบนความสนใจไปที่อาณาจักรโอเวอร์เกียร์แล้ว ตอนนี้พวกมันคงกำลังถูกจักรวรรดิกดดันอย่างหนัก การจับมือเป็นพันธมิตรกับเราก็เพื่อให้ตนเองพ้นภัย"
"อาณาจักรโอเวอร์เกียร์ขอจับมือกับพวกเราเพราะแบบนี้เองสินะ..."
"พวกมันหวังจะให้เราก่อความวุ่นวายขึ้นที่นี่ จักรวรรดิจะได้หันมาจับตามองอีกครั้ง จากนั้นก็ฉวยโอกาสพัฒนาอาณาจักรของตนเอง"
"เป็นสิ่งที่ฟังดูเข้าท่าที่สุดตอนนี้"
"อืม..."
อาเรสที่นิ่งเงียบมานาน บัดนี้พยักหน้าเห็นด้วย เป็นสัญญาณบ่งบอกว่าเขาเชื่อในความคิดสก็อตต์
"อาณาจักรโอเวอร์เกียร์ยื่นข้อเสนอพันธมิตรโดยอ้างว่าต้องการ 'ยื่นมือช่วยเหลือ' แต่ฝ่ายที่ต้องการความช่วยเหลือจริงๆ คือพวกมันต่างหาก"
อาณาจักรเบลโต้พ่ายแพ้ต่อจักรวรรดิยับเยินเมื่อไม่นานมานี้ ส่งผลให้จักรวรรดิไม่แยแสอาณาจักรเล็กๆ แห่งนี้อีกแล้ว
อาเรสไม่รีบร้อน มันมีแผนอาศัยตำแหน่งดยุคคอยสร้างฐานอำนาจอยู่ภายในอาณาจักรอย่างมั่นคง ยิ่งเวลาผ่านไป กองทัพของมันก็จะยิ่งแข็งแกร่งกว่ากองทัพฝ่ายราชวงศ์เบลโต้
การยึดครองอาณาจักรเบลโต้ขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้น
'ใช่แล้ว...เราไม่ต้องการความช่วยเหลือจากโอเวอร์เกียร์เลยสักนิด'
แน่นอนว่า อาเรสสามารถกลืนอาณาจักรเบลโต้ได้เร็วขึ้นหากได้รับความช่วยเหลือจากโอเวอร์เกียร์ แต่เป้าหมายในอนาคตของอาเรสนั้นมีกิลด์โอเวอร์เกียร์รวมอยู่ด้วย การยื่นมือช่วยโอเวอร์เกียร์ตอนนี้รังแต่จะทำให้อีกฝ่ายเติบโตจนรับมือได้ยาก
"ฉันจะปฏิเสธข้อเสนอ"
ขณะที่อาเรสตัดสินใจได้
"อาเรส! อาเรส!! แย่แล้ว!!"
เป็นอีกหนึ่งคนสนิทของอาเรส มันคิดว่าการประชุมนี้น่าเบื่อเกินไป จึงออกไปเดินเล่นด้านนอกฆ่าเวลา
ทุกคนประหลาดใจที่มันวิ่งหน้าตาตื่นกลับเข้ามา
"เกิดอะไรขึ้น"
สก็อตต์เอ่ยปากถามแทน
"ทัพหลวงกำลังมุ่งหน้ามาที่นี่!!"
"อะไรนะ..."
อาเรสสร้างรากฐานเป็นปึกแผ่นในฐานะดยุคแห่งอาณาจักรเบลโต้
เบื้องหน้าเขาคือขุนนางที่แสนจงรักภักดีอย่างหาที่สุดไม่ได้
เฉพาะเบื้องหน้าเท่านั้น...
จึงไม่แปลกที่กษัตริย์และราชวงศ์จะไว้วางใจอาเรสมากเป็นพิเศษ
แต่แล้วทำไมทัพหลวงถึงกำลังเคลื่อนพลมายังดินแดนของมัน...
เกิดอะไรขึ้นกันแน่...
บรรยากาศห้องประชุมเกิดความโกลาหลจากเหตุการณ์ไม่คาดฝัน
ท่ามกลางความวุ่นวายสับสน อาเรสและสก็อตต์พลันกำหมัดแน่นอย่างเจ็บแค้น
'เจ้าลอเอลนั่น...!'
อาณาจักรโอเวอร์เกียร์ถูกสร้างขึ้นโดยพลังของกริดและมันสมองของลอเอล คนทั่วโลกต่างตระหนักถึงความจริงข้อนี้เป็นอย่างดี ไม่เว้นแม้แต่กองทัพอาเรส
"อาเรส...ค่อนข้างแน่ชัดแล้วว่า ลอเอลคือผู้จุดประเด็นความขัดแย้งระหว่างพวกเราและราชวงศ์เบลโต้"
"ฉันรู้...นั่นก็เพื่อให้พวกเรายอมรับข้อเสนอพันธมิตร"
"อะไรนะ...! สถานกาณณ์ตรงหน้าถูกสร้างขึ้นโดยฝีมือโอเวอร์เกียร์งั้นหรือ"
"ไร้ยางอายสิ้นดี! อย่ารับพันธมิตรเด็ดขาด!"
กลุ่มผู้บริหารต่างโพล่งขึ้นอย่างหัวเสียเมื่อได้ยินบทสนทนาระหว่างอาเรสและสก็อตต์
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ลัค ชายคนนี้กำลังฉุนเฉียวอย่างหนัก
มันคือผู้ที่ตามไล่ฆ่าครอเกลตลอดสามเดือนเต็มเมื่อครั้งเลเวลของครอเกลถูกรีเซ็ต
ปัจจุบัน ลัคใบหน้าแดงก่ำด้วยความเดือดดาล
"หลังจากยึดของอาณาจักรเบลโต้สำเร็จ...พวกเราบุกถล่มโอเวอร์เกียร์เลยดีไหม"
สก็อตต์พยายามปรามให้ลัคใจเย็นลง
"เรื่องนั้นคงเป็นไปไม่ได้ พวกเราในปัจจุบันยังเอาชนะราชวงศ์เบลโต้ไม่ได้ด้วยซ้ำ"
อาณาจักรเบลโต้อาจมีขนาดเล็กและไม่ร่ำรวย แต่กำลังทหารของที่นี่นับว่ามหาศาลและแข็งแกร่งเกินตัว ถึงขั้นอัศวินลำดับหนึ่งต้องบัญชาการทัพจักรวรรดิด้วยตนเองเพื่อปราบปราม
เบลโต้มีกองทัพมากมายได้อย่างไร...
เป็นผลพวงมาจากตัวอาเรสเองทั้งสิ้น
อาเรสใช้พลังพิเศษของตนเกณฑ์ทหารสุดแกร่งออกมาอย่างต่อเนื่องและมอบเป็นของขวัญให้ราชวงศ์ สิ่งนี้ทำไปเพื่อซื้อใจ เพื่อให้ราชวงศ์มองว่าพวกตนถวายความจงรักภักดีอย่างหาที่สุดมิได้ และยิ่งไปกว่านั้น อาเรสหวังจะให้กองทัพอาณาจักรเบลโต้เอาชนะกองทัพจักรวรรดิ
แต่ปัจจุบัน การกระทำเมื่อครั้งอดีตกลับกลายเป็นพิษร้ายย้อนกลับมาทำลายตนเองอย่างน่าเจ็บใจ ทัพหลวงของราชวงศ์เบลโต้แข็งแกร่งจนยากจะต้านทานไหว
กองทัพอาเรสไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้ว
"ฉันว่า...ยอมรับข้อเสนอเป็นพันธมิตรกับโอเวอร์เกียร์เถอะ"
สก็อตต์เป็นคนแรกที่พยายามโน้มน้าว
"ศัตรูในอนาคตยังไม่น่ากลัวเท่าศัตรูที่อยู่ตรงหน้า..."
"..."
แน่นอนว่าอาเรสย่อมรู้ดี แต่ภายในใจกลับกระสับกระส่าย
หากต้องเต้นรำบนฝ่ามือผู้อื่น ศักดิ์ศรีของมันคงถูกระคายเคืองไม่น้อยทีเดียว
"ไม่ต้องห่วง...นายจะได้เอาคืนความเจ็บใจหนนี้แน่ โอกาสนั้นจะมาถึงหลังจากพวกเรายึดอำนาจจากราชวงศ์เบลโต้สำเร็จและทำให้อาณาจักรเป็นปึกแผ่น"
"...ช่วยไม้ได้ล่ะนะ"
หลังจากถูกสก็อตต์โน้มน้าวอยู่หลายหน ในที่สุดอาเรสก็ยอมจำนน
แต่อันที่จริง ต่อให้ไม่มีสก็อตต์ อาเรสก็มิใช่คนที่ตัดสินใจรับมือกับสถานการณ์อย่างโง่งมด้วยศักดิ์ศรีเป็นใหญ่อยู่แล้ว
"พวกเราจะเป็นพันธมิตรกับโอเวอร์เกียร์"
***
ณ อาณาจักรเบลโต้
กองทัพหลวงที่ส่งออกไปปราบกบฏอาเรสได้แบ่งออกเป็นแปดสาย
ท่ามกลางการเร่งฝีเท้าเคลื่อนทัพ เกิดเป็นฝุ่นควันคละคลุ้งกระจายทั่วถนน
ทหารทัพหลวงทำการล้างบางหมู่บ้านและเมืองในความปกครองอาเรสอย่างโหดเหี้ยม เกิดเสียงกรีดร้องดังระงม ผู้คนบาดเจ็บล้มตายระเนระนาด
กริดขมวดคิ้วอย่างหนักจากบนท้องฟ้า
>> ยังไม่มีความคืบหน้าอีกรึไง
ชายหนุ่มสำรวจด้านล่างพร้อมกับส่งข้อความส่วนตัวหาลอเอลด้วยน้ำเสียงกระสับกระส่าย ชายหนุ่มหงุดหงิดใจที่ต้องทนเห็นภาพ NPC ชาวเมืองถูกสังหารโดยมิอาจยื่นมือเข้าช่วย
ลอเอลตอบกลับ
>> อาเรสไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องยอมจับมือเป็นพันธมิตรกับพวกเรา ฝ่าบาทไม่ต้องกังวล อีกไม่นานจะได้รับข่าวดีแน่
>> นั่นแหละปัญหา
ด้วยมันสมองสุดอัจฉริยะ ลอเอลสามารถยุแยงราชวงศ์เบลโต้ด้วยเหตุผลร้อยแปด สิ่งนี้ก่อให้เกิดการเคลื่อนทัพเข้าโจมตีดินแดนของอาเรสในปัจจุบัน
อาเรสที่เข้าตาจนย่อมไม่เหลือหนทางเลือกอื่นนอกจากการจับมือ
กริดไม่ชอบสถานการณ์เช่นนี้เอาเสียเลย
>> พันธมิตรแบบนี้จะยั่งยืนหรือ...
>> พวกเราไม่คิดผูกมิตรที่ยั่งยืนกับอาเรสแต่แรกแล้ว พวกเขาทะเยอทะยานเกินไปจนไม่มีทางยอมร่วมมือกับเราตลอดรอดฝั่งแน่ หรือระบุให้ชัดก็คือ นี่คือพันธมิตรแบบฉาบฉวย ไม่มีเหตุผลต้องทำให้ยั่งยืน
>> ...หืม
ถึงกระนั้น ฉากการถูกสังหารหมู่ของ NPC ก็ยังน่าเจ็บปวดใจสำหรับกริด ชาวเมืองของอาเรสถูกฆ่าแกงโดยยังไม่ทันตระหนักรู้ความผิด
ไม่มีประชาชนคนใดเข้าใจสถานการณ์ ทัพหลวงรุกรานและทำลายทุกสิ่งจนราบคาบในพริบตา ราชวงศ์เบลโต้คงมองว่าชาวเมืองเหล่านี้เป็นรากฐานความมั่งคั่งของกบฏอาเรส
'ตัดไฟตั้งแต่ต้นลมสินะ'
ทุกคนล้วนมีเหตุผลของตน
ขณะกริดพยายามสงบจิตใจ ข้อความส่วนตัวจากลอเอลก็ส่งมาถึง
>> อาเรสยอมรับข้อเสนอแล้ว แต่มีเงื่อนไขเล็กน้อย พวกเขาต้องการให้เราช่วยยื้อทัพหลวงไว้สองจากแปดกองพลที่ถูกส่งมา ระยะเวลาในการยื้อคือสามวัน หากเราทำสำเร็จ ทัพหลักของอาเรสซึ่งถูกส่งไปฝึกฝนที่อื่นจะกลับมาทันช่วยรบพอดี
>> พวกเราต้องทำอะไรวุ่นวายแบบนี้ด้วยหรือ
>> ทางนั้นต้องการทดสอบเรา
>> แต่นายห้ามไม่ให้ฉันเปิดเผยพลังที่แท้จริง...
>> ถูกต้อง การเผยพลังทั้งหมดให้ว่าที่ศัตรูในอนาคตเห็นย่อมไม่ใช่เรื่องดี ฝ่าบาทต้องสำแดงเฉพาะพลังที่เคยใช้กับบีเลียลเท่านั้น
กริดเริ่มแสยะยิ้ม
>> สรุปก็คือ...ให้ฉันบดขยี้ทัพหลวงจำนวนสองกองพลใช่ไหม
>> ...ไม่ใช่! ฝ่าบาท! เพียงยื้อเวลาไว้สามวันก็พอ...! ฝ่าบาท! ฝ่าบาท! ตอบด้วย!
***
"เรานึกสงสัยอาเรสมาตั้งแต่ต้นแล้ว..."
ดยุควานิช
เดิมที มันเคยมีอำนาจล้นพ้นในอาณาจักรเบลโต้
แต่แล้ววันหนึ่ง อาเรสกลับปรากฏตัวขึ้นและค่อยๆ ได้รับความชื่นชอบจากทุกฝ่าย
อาเรสมีพลังทางการทหารที่น่าเหลือเชื่อ ชายคนนี้ได้ติดเขี้ยวเล็บให้กองทัพอาณาจักรเบลโต้จนแข็งแกร่งอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ทุกฝ่ายต่างชื่นชอบอาเรสมาก ทั้งกษัตริย์ สภาขุนนาง และประชาชน
ดยุควานิชเริ่มสัมผัสได้ถึงพลังอำนาจที่หายไปของตน จึงไม่แปลกที่ชายคนนี้จะแอบเคียดแค้นอาเรสอยู่ลึกๆ
ตระกูลของมันที่สร้างชื่อเสียงมานานหลายอายุคน บัดนี้กำลังจะถึงคราวจบสิ้นแล้วงั้นหรือ...ดยุควานิชยอมไม่ได้เด็ดขาด
แต่เป็นการยากที่จะให้สร้างความดีความชอบเหนือกว่าชายที่ชื่ออาเรส
พรสวรรค์ด้านกองทัพของอาเรสนั้นสุดยอดเกินไป ด้วยระยะเวลาเพียงสามปี อาเรสได้เปลี่ยนให้อาณาจักรสุดอ่อนแออย่างเบลโต้ กลายเป็นอาณาจักรที่มีกองทัพเกรียงไกรจนสามารถงัดข้อกับจักรวรรดิ
ว่ากันว่า หากไม่มีจักรวรรดิคอยขัดขวาง ป่านนี้อาณาจักรเบโต้คงฮุบกลืนอาณาจักรข้างเคียงไปหมดแล้ว
'ไม่ใช่เรื่องปรกติเลยสักนิด...ที่คนมีพรสวรรค์ระดับนั้นจะยอมก้มหัวรับใช้อาณาจักรเล็กๆ เช่นเบลโต้'
ด้วยพลังที่อาเรสมี แม้แต่จักรวรรดิซาฮารันยังยินดีอ้าแขนต้อนรับ
แล้วเหตุใดคนเช่นนั้นถึงจงรักภักดีต่ออาณาจักรเบลโต้...
ดยุควานิชเคลือบแคลงในความจริงข้อนี้มานานแล้ว
จนกระทั่งห้าวันก่อน...มีเอกสารลับฉบับหนึ่งถูกส่งมาถึงมันโดยไม่เปิดเผยชื่อผู้ส่ง
เอกสารร่ายยาวระบุถึงเป้าหมายสูงสุดของอาเรสพร้อมเหตุผลประกอบโดยละเอียด
สรุปใจความได้คือ...อาเรสคิดกบฏ และมีแผนยึดครองอาณาจักรเบลโต้
นับเป็นเอกสารที่เชื่อถือได้แม้จะไม่รู้ว่าใครเป็นผู้ส่งมา สิ่งที่เขียนไว้ในเอกสารตรงกับความเคลื่อนไหวของกบฏอาเรสทุกประการ อาเรสวางกำลังทหารไว้หลายจุด แต่ละจุดล้วนพร้อมรุดหน้าเข้าประชิดเมืองหลวงได้ในระยะเวลาเพียงไม่กี่วัน
ดยุควานิชยังแอบส่งคนเข้าสืบข้อมูลกองทัพอาเรสตามที่เอกสารลับแนะนำ แล้วเขาก็ได้พบความจริงที่น่าตกตะลึงว่า กองทัพอาเรสกำลังฝึกฝนยุทธวิธีเข้าจู่โจม โดยจำลองโครงสร้างเมืองหลวงเป็นเป้าหมาย
นี่คือหลักฐานของการคิดกบฏอย่างชัดเจน
ดยุควานิชรายงานเรื่องนี้ให้กษัตริย์ทรงทราบ
เมื่อกษัตริย์รับรู้ความจริงก็ทรงกริ้วอย่างหนัก ยิ่งเชื่อใจมาก ในยามถูกหักหลังก็ยิ่งเจ็บแค้นเป็นเท่าทวี
กษัตริย์ได้สั่งให้ดยุควานิชนำทัพหลวงออกกำจัดอาเรสให้สิ้นซาก
"หมอนั่นคิดจะหยุดกองทัพหนึ่งหมื่นด้วยวิธีใดกันนะ..."
กองทัพหลวงของราชวงศ์เบลโต้กำลังแข็งแกร่งสุดขีด พวกมันถูกฝึกอย่างหนักในทุกวันเพื่อเตรียมรบกับจักรวรรดิ
ในทางกลับกัน กองทัพส่วนใหญ่ของอาเรสถูกทำลายไปแล้วในสงครามกับจักรวรรดิเมื่อหลายเดือนก่อน อาเรสไม่เหลือพลังพอจะต่อต้านทัพหลวงได้แน่
"คุคุคุ...คุฮ่าฮ่าฮ่า! บดขยี้มัน! เผาทำลายดินแดนที่เคยเป็นของกบฏอาเรส! ทุกสิ่งที่เคยเป็นของอาเรส ทำลายให้สิ้นซาก! ลบออกจากแผนที่ให้หมด!"
"เฮ~~~!!"
ดยุควานิชกำลังมีความสุข มันนำทัพหลวงแบ่งออกเป็นแปดสาย และเคลื่อนพลข้ามผ่านดินแดนของอาเรสพร้อมทำลายทุกสิ่งจนราบคาบ
ไม่มีใครหยุดมันได้อีกแล้ว...
ไม่สิ...ดยุควานิชคิดว่าไม่มีใครหยุดมันได้
▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬
ตอนฟรีลงทุกวันอังคาร - เสาร์
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/
ยิ่งอ่านยิ่งเข้มข้น
ReplyDelete