จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 645
ผ้าคลุมล่องหน
ตามชื่อของมัน การใช้งานจะส่งผลให้ผู้สวมใส่ไม่ถูกพบเห็น
ผ้าคลุมล่องหนที่โด่งดังคือชิ้นที่ถูกสร้างโดยครูเกอร์ ช่างตัดเย็บในตำนาน ว่ากันว่าปัจจุบันเหลือเพียงห้าผืนเท่านั้น เป็นไอเท็มหายากระดับสูงสุด ไม่เคยมีใครเห็นกับตามาก่อน
สำหรับคนทั่วไป ผ้าคลุมล่องหนเป็นราวกับไอเท็มที่อยู่ในความฝัน
ยังมีคนอีกมากที่ไม่รู้ว่า บัดนี้ผ้าคลุมล่องหนได้ถูกใครสักคนสร้างขึ้นใหม่สำเร็จ
พรืด
"มันจะไม่ทำงานจนกว่าจะรูดซิปขึ้น"
เสื้อคลุมหัวแบบมีซิปของกริดสร้างจากทักษะออกแบบไอเท็ม
วัสดุที่ใช้เป็นเกรดพื้นฐาน ทำให้ประสิทธิภาพของการล่องหนอยู่ในระดับพื้นฐานเช่นกัน แต่อย่างน้อยก็ช่วยให้ผู้สวมใส่ไม่ถูกมองเห็นและพบตัว
'แน่นอนว่า...ผ้าคลุมล่องหนต้นตำหรับของครูเกอร์ย่อมดีกว่ามาก'
กริดคาดว่าผ้าคลุมล่องหนต้นตำหรับจะลบร่องรอยผู้สวมให้หายไปโดยสมบูรณ์จนยากแกการตรวจจับ สำหรับผู้ที่ผ่านประสบการณ์มากมายเช่นกริด เขาไม่กล้าฟันธงว่าผ้าคลุมของตนจะยอดเยี่ยมไปกว่าผ้าคลุมของช่างตัดเย็บในตำนานได้
แต่ประสิทธิภาพเท่านี้ก็เพียงพอแล้วสำหรับใช้งานทั่วไป
จุดประสงค์หลักของผ่าคลุมล่องหนมีเพื่อไม่ให้ถูกพบตัว และผ้าคลุมที่กริดสร้างก็นับว่าตอบโจทย์พื้นฐานข้อนี้
อย่างน้อยก็ช่วยให้เดินทางในคาราสึอย่างปลอดภัย
"ก--กริด!"
"นายกลับมาตอนไหน!"
ณ โรงเตี๊ยมที่ใดสักแห่ง
เมื่อกริดกลับถึงห้อง เขาพบหยางเฟยกำลังจัดที่นอนอย่างเป็นระเบียบ และไอดานกำลังอ่านหนังสือศึกษาสูตรทำอาหาร
คนทั้งสองแสดงสีหน้าตกตะลึงเมื่อจู่ๆ หน้าต่างก็เปิดออกอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย จากนั้นกริดก็ปรากฏตัวในห้องราวภูติผี
'แว่บไปแว่บมาเหมือนกับฮงกิลดง*ไม่มีผิด!'
( *ฮงกิลดง - ตำนานโรบินฮู้ดของเกาหลีสมัยราชวงศ์โชซอน ปรากฏตัวและหายตัวไปมาเพื่อปั่นหัวทางการครั้งแล้วครั้งเล่า ตามจับตัวได้ยากมาก เคยถูกสร้างเป็นซีรีย์ทางทีวีเกาหลีใต้)
กริดคือฮงกิลดงในตำนานรึไง...
ทันใดนั้น ชายหนุ่มกล่าวเรียกสติไอดานและหยางเฟยกลับคืนมา
"รีบไปจากที่นี่กัน"
"อะ...ด--ได้!"
ไอดานยังคงสับสนและปรับตัวไม่ทัน แต่หยางเฟยนั้นคล่องแคล่วว่องไว เธอพร้อมรับกับสถานการณ์รอบข้างเสมอ นับตั้งแต่ต้องคอยดูแล 15 ชีวิตที่บ้านตามลำพัง
ขณะไอดานเก็บข้าวของอย่างเงอะงะ หยางเฟยก็เก็บสัมภาระด้วยความเร็วที่น่าทึ่ง เมื่อเธอเก็บเสร็จ หยางเฟยหันมาจ้องไอดานตาเขม็ง ไอดานเห็นดังนั้นจึงลนลานรีบเก็บกระทะเข้ากระเป๋า
ไอดานจะอ่อนแอเสมอเมื่ออยู่ต่อหน้าหยางเฟยผู้นี้
เมื่อกริดเห็นคนทั้งสองเตรียมตัวเสร็จ ชายหนุ่มทำการอัญเชิญโนเอะออกมาพร้อมหัตถ์เทวะ
"ได้พักผ่อนเพียงพอแล้วใช่ไหม ช่วยพาสองคนนี้ตามฉันมาด้วย"
"เข้าใจแล้ว เมี๊ยว!"
เมื่อสิ้นเสียงกริด ปากทรง 'ㅅ' ของ โนเอะก็คาบคอเสื้อหยางเฟยทันที ส่วนหัตถ์ทั้งสี่ก็ช่วยกันจับร่างกายไอดานจนแน่น ทั้งหมดกระโดดออกจากหน้าต่างตามกริดและโบยบินไปบนท้องฟ้า
"อ--อึ๋ย...! มือพวกนี้อะไรกัน!"
ไอดานหวาดผวาเมื่อถูกมือสีทองที่ขยับได้เองลากขึ้นท้องฟ้า เขาจ้องมองลงมายังบ้านเรือนด้านล่างที่ค่อยๆ เล็กลงจนเหลือเพียงจุด
ประหนึ่งเป็นโรคกลัวความสูง ไอดานแทบสิ้นสติโดยพลัน
ตรงกันข้ามกับหยางเฟย แววตาของเธอพลันเปล่งประกายเมื่อได้อยู่บนท้องฟ้า
'เรากำลังบิน!'
หยางเฟยจ้องมองดวงอาทิตย์ย่ำรุ่งทางทิศตะวันออกด้วยสีหน้ามีความสุข
เธอจินตนาการภาพการใช้ชีวิตอยู่กับกริดหลังจากนี้...มันจะต้องสนุกมากแน่
[ ความสัมพันธ์กับไอดานลดลง 10 หน่วย ]
[ ความสัมพันธ์กับหยางเฟยเพิ่มขึ้น 10 หน่วย แต่ท่านมีความสัมพันธ์กับหยางเฟยถึงขีดจำกัดอยู่แล้ว ]
ไปถึงขีดจำกัดตอนไหนกันนะ...
***
"บรรยากาศภายในคาราสึเป็นยังไงบ้าง...พวกเรายังโดนตามล่าอยู่ไหม"
"กษัตริย์โชปลอดภัยรึเปล่า...ยังบันลงโทษอาณาจักรโชอย่างไรบ้าง"
ซูเอถามกริดที่กลับมาพร้อมไอดานกับหยางเฟย
ชายหนุ่มส่ายศีรษะ
"บอกไม่ได้เหมือนกัน...ฉันบินบนท้องฟ้ากลับมา จึงไม่รู้ถึงสถานการณ์เบื้องล่าง"
"บนท้องฟ้า..."
"นายบินกลับมา...!"
นั่นไม่ใช่ความสามารถเฉพาะตัวของคนทรงหรอกหรือ...
กริดเป็นกษัตริย์ นักดาบ ช่างตีเหล็กผู้สร้างคันศรฟินิกซ์แดง...แล้วยังบินได้อีก!
"คุณเป็นใครกันแน่...!"
ชายคนนี้สร้างความประหลาดใจให้ตนครั้งแล้วครั้งเล่า
ยิ่งฮานซอกบงได้รู้จักกริด เขาก็ยิ่งทึ่งในความสุดยอด
'เป็นบุคคลที่มีปริศนาเต็มไปหมด...'
ตั้งแต่เกิดจนถึงปัจจุบัน ซูเอมักถูกผู้ชายตามจีบไม่ขาดสาย แต่กลับไม่มีใครเลยที่สามารถสั่นคลอนหัวใจเธอได้ ซูเอเติบโตในสภาพแวดล้อมหม่นหมอง(?)เช่นนี้โดยตลอด ส่งผลให้ต้องใช้ชีวิตอย่างสงบเสงี่ยมเรียบร้อย ไม่เคยมีชายใดสามารถจุดไฟราคะในใจได้เลยสักครั้ง
จนกระทั่งได้พบกริด ซูเอต้องการมอบกายและใจทั้งหมดของเธอให้กริด
แต่ปัญหาคือ กริดกลับเอาแต่หลบหน้าทุกครั้ง
"เอ่อ..."
หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ฮานซอกบงตัดสินใจเอ่ยปากถาม
"พวกเราจะทำยังไงกันต่อ"
ผลกระทบที่ทำให้ยังบันบาดเจ็บนั้นร้ายแรงเกินไป อิทธิพลของยังบันแผ่ขยายทั่วทวีปตะวันออก ไม่มีสถานที่ให้กริดหลบซ่อนได้แน่ ต่อให้หลบหนีออกจากคาราสึสำเร็จ แต่อนาคตก็ยังมืดมนอย่างมากอยู่ดี
ทันใดนั้น ชายหนุ่มหยิบม้วนคาถากลับทวีปตะวันตกออกมา เขายื่นให้ฮานซอกบงผู้กำลังมีสีหน้าหวั่นวิตกได้เห็น
"ฉันบอกไปแล้วนี่...ฉันต้องการให้พวกนายคอยเป็นกำลังสำคัญในอาณาจักรของฉัน"
"เอ่อ..."
ม้วนคาถาที่กริดนำออกมานั้น ดูไม่ต่างจากกระดาษทั่วไปเลยสักนิด
มันคือแผ่นกระดาษเก่าโทรม
ตรงกันข้ามกับฮานซอกบงที่สีหน้าไม่สู้ดีนัก ซูเอกลับเข้าใจสถานการณ์ทันที
"นี่เป็นเครื่องรางที่ช่วยพากลับทวีปตะวันตกใช่ไหม"
กริดพยักหน้า
"ถูกต้อง นี่คือม้วนคาถาที่บรรจุเวทมนตร์สำหรับเคลื่อนย้ายทวีปอยู่ด้านใน"
"ถ้าใช้มัน พวกเราทุกคนจะถูกส่งไปทวีปตะวันตกงั้นหรือ..."
"ใช่แล้ว"
เดิมที ม้วนคาถากลับทวีปตะวันตกจะใช้ได้เพียงคนเดียว แต่กริดเดินทางมายังทวีปตะวันออกหนนี้ด้วยความตั้งใจจะหากำลังเสริมให้อาณาจักร เมื่อสติกส์เข้าใจจุดประสงค์ เขาย่อมไม่มอบม้วนคาถาธรรมดาให้กริดแน่
สติกส์คืออัจฉริยะที่มอบม้วนคาถากลับทวีปตะวันตกแบบกลุ่มให้กริด
ชายหนุ่มสามารถพาผู้คนกลับทวีปตะวันตกพร้อมกันได้หลายคน
"ไปกันเถอะ"
กริดกล่าวขึ้นพร้อมกับเตรียมจะฉีกม้วนคาถา แต่ฮานซอกบงกลับรีบห้ามไว้
เขาก้มศีรษะขอร้องด้วยสีหน้าเจ็บปวด
"ผมรู้ดีว่าอาจเป็นคำขอที่เห็นแก่ตัวเกินไป แต่ผมไม่อาจทิ้งท่านแม่ให้อยู่ในแพงเจียตามลำพังได้ ก่อนจะกลับ พวกเราไปแพงเจียเพื่อพาท่านแม่ไปพร้อมกันได้หรือไม่"
อันที่จริง ฮานซอกบงคิดว่า คำของร้องของตนช่างเห็นแก่ตัวนัก
การถูกยังบันตามล่าเช่นนี้ หากช้าแม้เพียงนิดเดียว ทุกสิ่งอาจสายเกินแก้ไข
แต่ถึงกระนั้น ฮานซอกบงก็ไม่อยากทิ้งมารดาไว้ในแพงเจียตามลำพัง มารดาของตนคงรู้สึกเจ็บปวดทุกคืนวันเมื่อบุตรชายถูกกล่าวโทษให้เป็นผู้ทรยศอาณาจักร
ฮานซอกบงมิอาจปล่อยเธออยู่คนเดียวได้
หัวใจของกริดพลันถูกสั่นคลอน
เขาเองก็มีแม่เช่นกัน
"เข้าใจแล้ว"
"...!!"
กริดพยักหน้าโดยไม่ลังเล ซึ่งผิดจากที่ฮานซอกบงคาดไว้มาก
ฮานซอกบงคิดว่า กริดอาจปฏิเสธ หรือไม่ก็ครุ่นคิดเป็นเวลานาน
"กริด...คุณสุดยอดมาก"
กริดยิ่งใหญ่จนฮานซอกบงมิอาจประเมินชายคนนี้ได้หมด
เป็นระดับที่เกินกว่ากษัตริย์ของอาณาจักรไปแล้ว
ฮานซอกบงชื่นชมกริดในใจ
ชายหนุ่มอมยิ้ม
"อันที่จริง พวกเรากลับไปแพงเจียก่อนก็ไม่เลว ฉันต้องการให้หน่วยฟินิกซ์แดงกลับไปเป็นพลังให้อาณาจักรอีกแรงด้วย"
หน่วยฟินิกซ์แดงแทบไม่มีผลงานเป็นชิ้นเป็นอันระหว่างล่าเกราะหนามก็จริง แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาอ่อนแอ ระดับฝีมือของหน่วยฟินิกซ์แดงเทียบเท่าอัศวินทมิฬแห่งจักรวรรดิ และจะกลายเป็นหน่วยที่มีฝีมือระดับต้นๆ ของทวีปตะวันตกได้แน่
'โดยเฉพาะอย่างยิ่ง...เมื่ออยู่ใต้บังคับบัญชาของซูเอ คนเหล่านั้นจะมีค่าสถานะทุกชนิดเพิ่มขึ้น 10% หากเราฝากฝังซูเอและหน่วยฟินิกซ์แดงให้อัสโมเฟลล่ะก็ พวกเขาจะพัฒนากลายเป็นกองพลปีศาจได้แน่'
ซูเอพยักหน้าเล็กน้อย
"เป็นความคิดที่เยี่ยมเลย...หน่วยฟินิกซ์แดงคงเลือกไปกับเราหากพวกเขารับรู้ความจริงทั้งหมด"
"อึก..."
ริมปากของซูเอมีระดับความเย้ายวนอยู่ในขั้นสุดยอด
กริดกลืนน้ำลายอึกใหญ่ทุกครั้งที่ซูเอเปิดปากพูด แต่ชายหนุ่มกลับไม่รู้ตัวเองเลยสักนิด
"อะแฮ่ม...ดีล่ะ ไปแพงเจียกัน"
คณะเดินทางรีบมุ่งหน้าไปยังแพงเจีย...แต่ด้วยความเร็วที่ไม่สูงนัก
ค่าพลังทางกายของไอดานและหยางเฟยอยู่ในระดับต่ำมากเมื่อเทียบกับฮานซอกบงและซูเอ คนทั้งสองเหน็ดเหนื่อยบ่อยครั้ง ทำให้ความเร็วการเดินทางลดลง
แต่ไม่มีใครที่คิดตำหนิไอดานและหยางเฟย
เหตุใดสองพ่อลูกฮานซอกบงซูเอถึงได้รับความรักจากประชาชนมากมายน่ะหรือ สาเหตุหนึ่งเพราะพวกเขามีจิตใจงดงาม ตลอดการเดินทาง ซูเอและซอกบงคอยให้กำลังใจไอดานกับหยางเฟยเสมอ
ระหว่างเส้นทาง ค่าเรี่ยวแรงของหยางเฟยและไอดานเพิ่มขึ้นอย่างมาก
กริดอมยิ้มอย่างอมอุ่น เขามองว่าการเดินทางมายังทวีปตะวันออกครั้งนี้ไม่สูญเปล่า
***
"ท่านเจ้าเมืองฮานซอกบงถูกประหารตั้งแต่สี่วันก่อนแล้วหรือ..."
"ท่านเจ้าเมืองผู้ยิ่งใหญ่...เขาช่างอับโชคนัก"
"ไม่อยากจะเชื่อเลย! นี่มันฝันร้ายชัดๆ ฮึก!"
"...ท่านเจ้าเมืองไปสบายแล้ว"
"แล้วคุณหนูซูเอล่ะ...เกิดอะไรขึ้นกับคุณหนูซูเอ!"
แพงเจียคือหนึ่งในเมืองใหญ่ของอาณาจักรโช
เมืองนี้คือเมื่องท่าที่สำคัญทางเศรษฐกิจ เปี่ยมด้วยวัฒนธรรมและสินค้าที่หลากหลาย แต่เรื่องราวทั้งหมดได้เปลี่ยนไปเมื่อไม่นานมานี้
หนึ่งเดือนก่อน เจ้าเมืองแพงเจีย ฮานซอกบง ถูกทางการจับกุมตัวไป
นับแต่นั้น บรรยากาศของเมืองแพงเจียก็หม่นหมองโดยตลอด และยิ่งได้ยินว่าโทษประหารถูกกำหนด บรรยากาศรอบเมืองก็ยิ่งแย่ลง ชาวเมืองต่างพากันเศร้าโศกและเจ็บแค้น
"แล้ว...ท่านแม่พัคล่ะ"
ท่านแม่พัค
นี่คือคำที่ชาวเมืองเรียกขานมารดาของฮานซอกบง พัคจูริม
ท่านแม่...ฉายาที่ชาวเมืองมอบให้มารดาของฮานซอกบง บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าพวกเขาเคารพรักสตรีผู้นี้มากเพียงใด
"ท่านเจ้าเมืองถูกประหารไปแล้ว ท่านแม่ไม่ปลอดภัยแน่..."
"...พ่อกับแม่ของฉันเคยรับใช้ท่านแม่พัค"
"ท่านแม่พัคพยายามอย่างหนักเพื่อแก้ไขปัญหาเศษรฐกิจตกต่ำหลังจากเกิดเหตุการณ์นักพรตชั่วนำกองทัพมอนสเตอร์รุกราน หากไม่มีท่านแม่พัคล่ะก็ พวกเราทุกคนคงอดตายไปนานแล้ว"
"พวกเราต้องปกต้องท่านแม่พัค! พวกเราต้องตอบแทนเธอ!"
"ใช่แล้ว! ปกป้องท่านแม่พัค!"
ชาวเมืองรวมใจเป็นหนึ่งเพื่อปกป้องพัคจูริม ทุกคนรีบมุ่งหน้าไปยังปราสาทเจ้าเมืองเพื่อหวังปกป้องท่านแม่พัคให้พ้นภัย
"ท่านแม่พัค! รีบซ่อนตัวเร็วเข้า!"
"ไม่ใช่เวลามัวอยู่ในปราสาทแล้ว! ทางการกำลังส่งทหารมาจับตัวท่าน!"
"พวกเราจะใช้อุปกรณ์ทำฟาร์มเพื่อปกป้องท่านแม่พัคเอง! พวกเราจะเป็นโล่มนุษย์ให้ท่านหนีจากทัพหลวง!"
"รีบหนีเร็วเข้า!"
ด้านนอกปราสาทแพงเจีย ผู้คนกำลังชุมนุมเสียงดังวุ่นวาย ทั้งหมดต่างถืออุปกรณ์ทำฟาร์มในมือพร้อมกับตะโกนบอกให้ท่านแม่พัคหนีไป
เมื่อพัคจูริมได้ยินเสียงเหล่านี้ เธอจึงรีบออกมาด้านนอก
"พวกเจ้ากล้าดียังไงถึงคิดต่อต้านราชวงศ์!"
"..."
เสียงของเธอดังกังวาลจนยากจะเชื่อว่าเป็นเสียงของหญิงชราวัย 80 ปี
ทุกคนที่ได้ยินต่างผิดคาด พวกเขานิ่งเงียบไปเป็นเวลานาน
ใบหน้าอันเหี่ยวย่นของพัคจูริมเริ่มเผยรอยยิ้มที่เศร้าหมอง
"บุตรชายของฉันเป็นขุนนาง เจ้าเมือง และลูกชายที่ยอดเยี่ยมก็จริง แต่พวกเราต้องยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้น เขาถูกประหารในโทษฐานคนบาป พวกเจ้าคิดจะปกป้องแม่ของคนบาปรึไง! พวกเจ้าอยากกลายเป็นคนบาปกันหมดรึไง! ทั้งสามีและลูกของฉันล้วนถูกตัดสินให้เป็นคนบาปของอาณาจักร...แล้วจะให้ประชาชนที่รักฉันกลายเป็นคนบาปเพิ่มอีกรึไง! เข้าใจที่ฉันพูดรึเปล่า!"
"..."
"ท่านแม่..."
ความโกลาหลของกลุ่มต่อต้านเริ่มซ่าลง
ท่านแม่พัค ผู้ที่ควรเจ็บปวดมากที่สุดในเวลานี้ กลับเป็นห่วงความปลอดภัยของพวกตนมากกว่าของตัวเธอเอง
อารมร์อันแปรปรวนและหลากหลายกำลังถาโถมจิตใจของชาวบ้านที่มาชุมนุม พวกเขาเริ่มครุ่นคิด ว่าการกระทำเช่นนี้จะช่วยท่านแม่พัคได้จริงหรือ
ลงเอยด้วย
ตุ้บ
"ฮึก...! ฮือ...ฮือ"
"ท่านแม่...ท่านแม่พัค!"
ชาวเมืองวางอุปกรณ์ทำฟาร์มลงพร้อมกับคุกเข่าร่ำไห้ พวกเขาล้วนตื้นตันในความใจกว้างของพัคจูริม
แต่ทันใดนั้น มีบางคนได้กล่าวในสิ่งที่ไม่ควรพูด
"ทั้งหมดเป็นเพราะช่างตีเหล็กนั่น...! คนที่สร้างคันศรฟินิกซ์แดง! ถ้ามันไม่สร้างคันศรฟินิกซ์แดงสำเร็จ ท่านเจ้าเมืองฮานซอกบงคงไม่ถูกประหาร..."
"..."
อันที่จริงทุกคนล้วนรู้อยู่เต็มอก ฮานซอกบงถูกทางการจับตัวไปและประหาร เพราะเขาไม่ยอมเปิดเผยข้อมูลของช่างตีเหล็กผู้สร้างคันศรฟินิกซ์แดง
แต่ก็ไม่สมควรโยนความผิดให้ช่างตีเหล็กผู้นั้น เพราะหากเขาสร้างคันศรฟินิกซ์แดงไม่สำเร็จ แพงเจียจะต้องตกที่นั่งลำบากยิ่งกว่านี้แน่ พวกยังบันอาจทำลายทั้งเมืองให้ราบเป็นหน้ากลอง
"ฉันรู้น่า...รู้เหมือนกับทุกคน!"
"พวกเราไม่ควรโยนความผิดให้ชายคนนั้น เพียงเพราะเขาคือผู้สร้างคันศรฟินิกซ์แดงสำเร็จ...ฉันรู้ว่าพวกเราควรสำนึกในบุญคุณ!!"
แต่พวกตนจะทำอะไรได้อีกในสถานการณ์เช่นนี้
เหตุการณ์ตรงหน้าสิ้นหวังเกินไป ขอตัดพ้อแค่นิดหน่อยก็ไม่ได้รึไง
ครืนนนน! เปรี้ยง!
หรือน้ำตาของประชาชนนับหมื่นจะทำให้สวรรค์เห็นใจ...
พลันเกิดพายุฝนขึ้นท่ามกลางท้องฟ้าสดใสเมื่อครู่
ซ่าาา...
ฝนตกใส่หัวจนชาวเมืองทุกคนเริ่มใจเย็นลง พื้นด้านล่างเปียกแฉะ พัคจูริมเป็นห่วงว่าคนเหล่านี้อาจเปียกและป่วยไข้ไม่สบาย
"...เดี๋ยวพวกเจ้าก็ป่วยกันหมดหรอก"
เธอห่วงใยประชาชนราวกับลูกในไส้ นี่คือปฏิธานที่ตระกูลฮานใช้ปกครองชาวเมืองสืบทอดต่อกันรุ่นสู่รุ่น พัคจูริมที่แต่งเข้าตระกูลย่อมซึมซับเข้าไปไม่มากก็น้อย
"พวกเจ้ามัวรออะไรอยู่ รีบส่งพวกเขากลับบ้านได้แล้ว"
พัคจูริมหันไปตะโกนกับหน่วยฟินิกซ์แดง
แต่ทันใดนั้น สุ้มเสียงที่คุ้นเคยกลับดังลงมาจากกระเบื้องด้านบนหลังคาปราสาท
"อย่างเพิ่ง...ให้พวกเขาอยู่ต่อ ยิ่งคนมากเท่าไรก็ยิ่งดี"
"...!!!"
พัคจูริมและหน่วยฟินิกซ์แดงต่างตกตะลึง
ดวงตาของชาวเมืองทุกคนพลันเบิกโพลง
เบื้องหน้าพวกเขาคือชายผมดำ ที่ร่างกายบึกบึนและดวงตาคมกริบ
"ดยุคแห่งคุณธรรมของแพงเจีย!"
ผู้สร้างคันศรฟินิกซ์แดง!
▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬
ตอนฟรีลงทุกวันอังคาร - เสาร์
ติดตามผู้แปลได้ที่ : www.facebook.com/bjknovel/
แบบนี้ต้องไปด้วยกันทั้งเมืองแล้ว
ReplyDeleteคาดว่ากริดจะเอาไปทั้งเมืองแพงเจีย
ReplyDeleteจะเกิดอะไรขึ้นถ้าคนทั้งเมืองหายไปซะเนี่ย555+
ReplyDeleteคือมันจะฮาเลยนะถ้าคำภีเคลื่อนย้ายใช้ได้คนเดียว
ReplyDelete