จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 635
จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 635
"ราชาโอเวอร์เกียร์มีท่าทีอย่างไรบ้าง"
ณ จักรวรรดิซาฮารัน
ปราสาทดยุคแห่งดาบ 'ลิมิต'
บึ้มบึ้มบึ้มบึ้ม!
ดาบยักษ์สี่เล่มล่องลอยบนท้องฟ้า พวกมันคือศาสตราที่ลิมิตเป็นผู้สร้างขึ้น
ทั้งหมดพลันพุ่งลงด้านล่างในพริบตา...กระหน่ำแทงทำลายพื้นดินลานฝึกจนพังพินาศ
นี่คือวิชาดาบเฉพาะตัวของลิมิต
มันเชื่ออย่างสุดหัวใจว่า...วิชาดาบของมันได้ก้าวข้ามมหาจอมดาบปิอาโร่ไปไกลแล้ว
ก้าวข้ามแม้กระทั่ง...อริยดาบมุลเลอร์
สิ่งเดียวที่มันยังขาดไปคือชื่อเสียง ส่งผลให้ลิมิตไม่อาจกลายเป็นตัวตนที่ยิ่งใหญ่เฉกเช่นอริยดาบหรือตำนานคนอื่น
เมอร์เซเดสกำลังคุกเข่าลงหนึ่งข้างท่ามกลางฝุ่นควันคละคลุ้ง
เธอตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
"เขายอมรับข้อเสนอ"
"เห...เจ้านั่นยอมคุกเข่างั้นหรือ"
ลิมิตเอียงคออย่างฉงน
มันหันมาจดจ้องเมอร์เซเดสที่กำลังคุกเข่า แววตาลุ่มลึกพิศวง
"กบฏที่อาจหาญเผชิญหน้ากับทัพหนึ่งแสนตามลำพัง แต่กลับยินยอมคุกเข่า และยอมรับเงื่อนไขอันแสนกดขี่ของจักรวรรดิแต่โดยดี แถมยังไม่แสดงท่าทีคลุ้มคลั่งเดือลดาลแม้แต่น้อย"
"ค่ะ...อย่างน้อยก็ภายนอก"
"ภายในแตกต่างไปสินะ"
"ค่ะ...กริดคือสัตว์ป่าที่ไม่มีวันเชื่อง แม้ยอมคุกเข่า...แต่เขาก็มิอาจเก็บซ่อนดวงตาอันคมกริบที่เปี่ยมด้วยความมุ่งมั่นไว้ได้"
"ดวงตาอัสโมเฟล...ใช่ไหม"
<ดวงตาอัสโมเฟล>
สิ่งนี้ถูกเรียกขานภายในกองอัศวินหลวง (อัศวินสีชาดและอัศวินทมิฬ)
หมายถึงดวงตาอันแน่วแน่ที่จะไม่ยอมแพ้ในทุกสถานการณ์ ไม่ว่าจะได้รับบททดสอบมากมายเพียงใด เจ้าของดวงตาก็จะข้ามผ่านมันได้ในที่สุด
เป็นดวงตาที่หนักแน่นของตัวตนหมายเลข 2
ผู้ที่มีพรสวรรค์เป็นรองใครสักคน...แต่ก็พร้อมจะก้าวข้ามตลอดเวลา
มีต้นกำเนิดจากดวงตาของอัสโมเฟลในยามจ้องมองปิอาโร่
"ก็ดี...ต้องอย่างนั้น ราชาโอเวอร์เกียร์เอ๋ย...จงทะเยอทยานเข้าไว้"
ลิมิตคือดยุคแห่งดาบ หนึ่งในเจ็ดมหาดยุคของจักรวรรดิ
ในสายตาบุคคลภายนอก ลิมิตควรจงรักภักดีต่อองค์จักรพรรดิมากกว่าใคร
ทว่า...คำพูดเมื่อครู่ของมัน หากใครได้ยินเข้า...อาจเข้าใจผิดจนเป็นเรื่องใหญ่ได้
เหตุใดลิมิตถึงแสดงสีหน้าพึงพอใจ แม้จะรู้ว่ากริดคิดแข็งข้อกับจักรวรรดิ
เมอร์เซเดสไม่เข้าใจเลยสักนิด
ถึงบรรยากาศจะผิดแผก...แต่เมอร์เซเดสยังคงสงบนิ่งได้อยู่
อัศวินสีชาดเดิมถูกทำลายไปแล้ว
อัศวินสีชาดยุคใหม่เกิดจากการฟื้นฟูด้วยฝีมือจักรพรรดินีแมรี่...มิใช่จักรพรรดิฮวนเดอร์
หากมองเพียงผิวเผิน...อัศวินสีชาดอาจดูเหมือนอัศวินประจำตัวองค์จักรพรรดิ แต่ความจริงมิได้เป็นเช่นนั้น
อัศวินสีชาดยุคใหม่จะเคลื่อนไหวภายใต้คำบงการจากจักรพรรดินี
ดยุคแห่งดาบ ลิมิต กัปตันกองอัศวินสีชาด มันจะทำตามพระประสงค์ของจักรพรรดินีแมรี่เท่านั้น
อันที่จริง...เรื่องราวในตอนแรกมิได้ดำเนินด้วยทิศทางเช่นนี้
ลิมิตเคยจงรักภักดีต่อองค์จักรพรรดิฮวนเดอร์อย่างหาที่สุดมิได้
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง...ในวันที่มันถูกแต่งตั้งให้เป็นกัปตันกองอัศวินสีชาดอันยิ่งใหญ่
แต่แล้ววันหนึ่ง...จักรพรรดิฮวนเดอร์กลับทรยศความรู้สึกของมัน
ฮวนเดอร์ก่อตั้งหน่วยใหม่ขึ้น
เป็นกลุ่มขุนพลข้างกาย ที่จักรพรรดิมอบความไว้วางใจในระดับสูงสุด
หน่วยใหม่นี้ถูกจัดลำดับให้มีบรรดาศักดิ์สูงกว่ากองอัศวินสีชาดเสียอีก
หน่วยที่ว่าก็คือ...ห้าเสาหลัก
แทนที่สองเสาหลักเดิม ซึ่งเคยเป็นตำแหน่งของปิอาโร่และอัสโมเฟล
นับแต่นั้น...ลิมิตได้หันหลังให้กับองค์จักรพรรดิตลอดมา
"เมอร์เซเดส...จงเข้าเฝ้าฝ่าบาท และทราบทูลทุกสิ่งที่เจ้ารู้สึกเกี่ยวกับราชาโอเวอร์เกียร์ พยายามโน้มน้าวให้ฝ่าบาททรงกริ้ว จนถึงขั้นยกทัพทำลายอาณาจักรโอเวอร์เกียร์ให้สิ้นซาก ระหว่างนี้...จักรพรรดินีแมรี่จะได้มีเวลาแทรกแทรงการเมืองมากขึ้น"
"ค่ะ"
เมอร์เซเดสตอบรับคำสั่งอย่างนอบน้อม ก่อนจะเดินออกมาเพื่อเตรียมเข้าเฝ้าองค์จักรพรรดิทันที
ระหว่างการเดินทางบนหลังม้าสีขาว เธอพยายามครุ่นคิดในสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยสีหน้าตึงเครียด
'ทางเลือกใดจะดีที่สุดสำหรับจักรวรรดิกันนะ...'
การหลอกใช้องค์จักรพรรดิเช่นนี้ นับเป็นสิ่งดีแน่แล้วหรือ...
การแก่งแย่งชิงดีของขั้วอำนาจภายใน
แต่ละฝ่ายล้วนทำทุกวิถีทาง เพื่อให้องค์ชายฝ่ายตนขึ้นครองราชย์เป็นลำดับถัดไป
เมอร์เซเดสกังวัลว่า...ในอนาคต จักรวรรดิอาจถูกแบ่งแยกเป็นสองฝ่าย
ระหว่างนี้เอง...ใครบางคนกำลังจ้องมองเธออย่างใกล้ชิด
'เทพธิดาของฉัน!'
มันคืออัศวินรับใช้ประจำตัวเมอร์เซเดส...สกาย
สกายคือผู้เล่น...เป็นแร้งเกอร์ปกปิดตัวตน
นับตั้งแต่ซาทิสฟายเปิดตัว สกายได้พยายามอย่างหนักเพื่อไต่เต้าตำแหน่งภายในจักรวรรดิ
คลาสของมันคืออัศวิน
เมื่อไม่นานมานี้ สกายสามารถเข้าร่วมกองอัศวินทมิฬได้สำเร็จ
ฝีมือของมันโดดเด่นจนกลายเป็นอัศวินข้ารับใช้ประจำตัวเมอร์เซเดสในที่สุด
'ฉันจะยืนเคียงข้างเทพธิดาไปตลอดกาล!'
มันฉีกยิ้มจนแก้มปริ
เมอร์เซเดสคือสาวงามที่ทำให้ชายหนุ่มมากมายตกหลุมตั้งแต่แรกพบ
สกายหลงรักเมอร์เซเดสจนโงหัวไม่ขึ้น
เป็นความคลั่งไคล้ระดับเดียวกับที่ดาเมี่ยนมีให้อิสซาเบล
ทว่า...มันมิใช่ความรักอันบริสุทธิ์
'เทพธิดาเมอร์เซเดสเอ๋ย....ฉันจะเปลี่ยนเธอให้กลายเป็นทาสผู้ซื่อสัตย์เอง'
***
"สวัสดี...กริด"
"หืม..."
ที่นี่คือทวีปตะวันออก อัตราส่วนของผู้เล่นมีเพียงน้อยนิด
เรียกได้ว่า...เกินกว่า 99.9% เป็น NPC
ไม่เหมือนทวีปตะวันตก ผู้คนที่นี่ไม่รู้จักกริดมากนัก...ไม่สิ ไม่มีใครรู้จักเลยดีกว่า
แต่ชายคนนี้กลับเดินเข้ามาทักทายด้วยสีหน้ามั่นใจ
กริดรีบหันไปมองชายแปลกหน้าทันที จากนั้น...ชายหนุ่มเหลือบไปเห็นชื่อตัวละครเหนือศีรษะ
'มุโต้'
ผู้เล่น...
'ใช้ชีวิตอยู่บนทวีปตะวันออกได้...ย่อมไม่ใช่คนธรรมดา'
กริดพลันตื่นตัว
กลับกัน มุโต้เดินปรี่เข้ามาใกล้โดยปราศจากความระแวง...สีหน้าของเขายิ้มแย้ม
'น่าแปลกมาก...พวกแสร้งเป็นมิตรเช่นนี้ ส่วนใหญ่จะแฝงเจตนาไม่ดีไว้เสมอ'
แม้จะเป็นความอคติ แต่ก็ไม่ผิดนักที่กริดจะคิดเช่นนี้
ซาทิสฟายไม่ใช่โลกบนทุ่งลาเวนเดอร์ที่เส้นทางโรยด้วยกลีบกุหลาบ
คงเป็นการยาก...ที่จะพบคนแปลกหน้าผู้มาพร้อมความจริงใจ
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง...คนที่ติดตามมุโต้มาด้วยด้านหลัง พวกมันมีจำนวนมากถึงแปด
[ ดวงตาช่างตีเหล็ก ]
นี่คือทักษะที่...หากจ้องมองนานกว่า 3 วินาที ผู้ใช้งานสามารถตรวจสอบอุปกรณ์สวมใส่ของเป้าหมายได้บางส่วน
ด้วยเหตุนี้...กริดจึงทราบว่า ทั้งแปดคนที่มากับมุโต้ล้วนเป็น NPC เลเวลสูงกว่า 280
'มีลูกน้องแข็งแกร่งจำนวนมากเช่นนี้...กะแล้วว่าต้องไม่ใช่ผู้เล่นธรรมดา'
ขณะกริดกำลังระแวงหนัก มุโต้กล่าวขึ้น
"ตัวฉันไม่มีพลังต่อสู้หรอกนะ เดินทางมายังทวีปตะวันออกได้ก็เพราะทักษะการพูด ฉันเป็นพ่อค้า...เปิดบริษัทการค้ามุโต้ตามชื่อตัวเอง"
"ใครก็โม้ได้ทั้งนั้น"
กริดกล่าวด้วยสีหน้าเรียบเฉย เขายังไม่คลายความระแวง
มุโต้เกาศีรษะแกร่กอย่างจนปัญญา
"ไม่เหมือนกับนายหรอกนะ เลเวลของฉันไม่ติดอันดับแร้งเกอร์ แต่นายสามารถตรวจสอบรายชื่อของฉันได้จากอันดับพ่อค้า"
"อา..."
กริดรีบตรวจสอบอันดับพ่อค้า ทันใดนั้น...เขาพลันต้องตกใจ
มุโต้คือผู้เล่นอันดับสามของคลาสพ่อค้า!
'ไม่ได้โกหกเรื่องก่อตั้งบริษัทสินะ...ถ้าจำไม่ผิด ลอเอลเคยบอกให้ตีสนิทกับเหล่าพ่อค้าให้มาก กลุ่มพ่อค้าจะช่วยผลักดันเศรษฐกิจของอาณาจักรโอเวอร์เกียร์ให้ดีขึ้น'
ลอเอลกล่าวเสมอว่า อาณาจักรจำเป็นต้องมีพ่อค้าจำนวนมาก
แต่ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะติดต่อกับผู้เล่นพ่อค้าสักคน เพราะส่วนใหญ่จะทำการค้าภายในจักรวรรดิเสียมากกว่า
และที่แย่ก็คือ...อาณาจักรโอเวอร์เกียร์เพิ่งเกิดใหม่และมีประชากรจำกัด
จึงไม่เป็นที่น่าดึงดูดในสายตาของพ่อค้าเลยสักนิด
'เพื่ออาณาจักรแล้ว...เป็นมิตรกับพ่อค้าไว้ก่อนแล้วกัน'
กริดพยายามทำใจให้สงบ ถึงกระนั้นก็มิได้ลดสมาธิลง
ชายหนุ่มยื่นแขนออกไปจับมือมุโต้
"ฉันคือกริด...ยินดีที่ได้รู้จัก"
"เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้จับมือกับกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่แห่งอาณาจักรโอเวอร์เกียร์!"
ท่าทีสมกับเป็นพ่อค้า
กริดเอ่ยปากถามมุโต้ต่อไป
"คนกลุ่มนี้เป็นใคร"
"นักรบรับจ้าง...ฉันจ้างพวกเขาเมื่อเดินทางมาถึงทวีปตะวันออก ก็อย่างที่นายรู้...มอนสเตอร์ที่นี่โหดร้ายมาก นักรบรับจ้างของทวีปตะวันตกห่วยแตกเกินไป พวกเรามีแผนจะเดินทางไปเมืองคาราสึ นายก็ด้วยรึเปล่า"
"ถูกต้อง...ว่าแต่ นายไปคาราสึทำไม"
"มีแผนจะเข้าเฝ้ากษัตริย์แห่งโช...ฉันต้องการแลกเปลี่ยนสินค้ากับอาณาจักร"
"กษัตริย์แห่งโช..."
สีหน้าของกริดพลันดำมืด
ภารกิจของตนคือการช่วยเหลือสองพ่อลูกฮานออกมาอย่างปลอดภัย
บางที...อาจเลี่ยงไม่ได้ที่ต้องเป็นศัตรูกับกษัตริย์แห่งโช
เมื่อมุโต้เห็นสีหน้าตึงเครียดของกริด เขาพลันอมยิ้ม
"นายมีความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยดีกับกษัตริย์แห่งโชสินะ น่าแปลกมาก...ฉันคิดว่านายจะไปคาราสึเพราะต้องการสานสัมพันธ์กับอาณาจักรโชเสียอีก"
"ก็อยากจะทำแบบนั้นอยู่หรอก...แต่สถานการณ์ไม่อำนวยนัก"
ในอนาคต...กริดอาจถึงขั้นลงมือกับกษัตริย์แห่งโช
ชายหนุ่มมิอาจเล่าความจริงทั้งหมดให้มุโต้ฟังได้
ชายคนนี้ยังไม่สนิทใจพอให้เล่า
มุโต้เริ่มเปลี่ยนเรื่อง สายตาของเขาหันไปมองทางไอดานและหยางเฟย
"พวกเขาเป็นใครหรือ...นับเป็นสหายร่วมทางที่แปลกมาก"
แทนที่จะเป็นนักรบสุดแกร่ง...
บนทวีปตะวันออกอันแสนโหดร้าย กริดกลับเลือกเพื่อนร่วมทางเป็นชายแก่และหญิงสาว
นอกจากกริด...คงไม่มีผู้เล่นคนใดกล้าทำเช่นนี้อีกแล้ว
มุโต้จ้องมองกริดด้วยสายตาชื่นชม
ชายหนุ่มเริ่มอธิบาย
"คนหนึ่งคือพ่อครัวประจำตัว ส่วนอีกคนคือนักชงชาประจำตัว"
"สุดยอด..."
จะมีผู้เล่นสักกี่คนบนโลก...ที่เดินทางไปไหนมาไหนพร้อมพ่อครัวและนักชงชาส่วนตัว
อาจมีคนร่ำรวยที่จ้างพ่อครัวร่วมทางก็จริง...แต่กับนักชงชาแล้ว กรณีนี้ออกจะพิเศษสักหน่อย
'สมกับเป็นกษัตริย์...อยู่คนละมิติกับเราเลย'
แม้จะมีข่าวลือหนาหูว่า...อาณาจักรโอเวอร์เกียร์กำลังอยู่ในภาวะยากจน
แต่ไม่ได้หมายความว่ากริดต้องยากจนตามไปด้วย
ชายคนนี้คือผู้ก่อตั้งอาณาจักรด้วยเงินทุนมหาศาล จึงไม่แปลกที่เขาจะใช้ชีวิตหรูหรา
'ต้องตีสนิทให้มากที่สุด!'
ในมุมมองพ่อค้า...การตีสนิทกับคนรวยถือเป็นสิ่งปรกติ
โดยเฉพาะคนรวยระดับราชาอาณาจักร!
มุโต้จ้องมองกริดด้วยแววตาเปล่งประกาย
"กินอะไรสักหน่อยไหม"
พ่อครัวไอดานยื่นอาหารชามหนึ่งให้มุโต้
เป็นชามซุป
"ฉันกินได้ด้วยหรือ"
"ยังเหลือพอสำหรับหลายคน"
"ด้วยความยินดี!"
ใครจะปฏิเสธของฟรีกัน...
มุโต้ปลามปลื้มน้ำใจจากไอดาน เขารับชามซุปด้วยความเต็มใจ
ขณะเดียวกัน...กลิ่นอันพิสดารของอาหาร ได้พุ่งเสียดแทงรูจมูกมุโต้อย่างรุนแรง
แต่มุโต้ก็มิได้แยแส ค่าเรี่ยวแรงของตนกำลังเหลือน้อย อาหารคือสิ่งจำเป็น
จากนั้น...มุโต้ก็ได้สัมผัสขุมนรกที่แท้จริง
[ ท่านทานในสิ่งที่มนุษย์ไม่ควรกลืนลงท้อง ]
[ ท่านได้รับพิษ (รุนแรง) ]
[ พลังชีวิตจะลดลง 1,840 หน่วยทุก 1 วินาที ผิวหนังของท่านเริ่มเน่าเปื่อย ]
"เชี่ย!"
โอ๊กกกกก~
เป็นประสบการณ์เฉียดตายที่พ่อค้าอย่างเขาไม่เคยพานพบมาก่อน
มุโต้สัมผัสได้ถึงความตายในทุกลมหายใจเข้าออก
เขารีบกลืนยาถอนพิษชั้นเลิศราคาสูงลิบลงคอทันที
มันแพงยิ่งกว่ามูลค่าของอาหารหนึ่งมื้อเสียอีก
"อ--อะไรกัน...!"
หรือกริดพยามลอบสังหารตน...!
มุโต้รีบหันไปมองหน้ากริด...ไม่ใช่!
ทันใดนั้น
"นายก็เป็นอีกคนที่ลิ้นไม่ถึงสินะ...จุ๊จุ๊ ดันไม่รู้จักอาหารที่แท้จริงเสียได้"
"..."
ไม่ได้ผิดที่กริด แต่สาเหตุเกิดจากพ่อครัวบัดซบนี่!
มุโต้รีบหันไปมองกริดพร้อมกับยิ้มชืดอย่างเวทนา
'การจ้างพ่อครัวส่วนตัวที่มีรสมือราวกับจ้าวแห่งพิษเช่นนี้ หมายความว่า...ต่อมรับรสของกริดคงพิการตั้งแต่กำเนิดสินะ'
ชายคนนี้คงเกิดมาลิ้นพิการ...ไม่เคยลิ้มลองอาหารรสเลิศเลยสักครั้ง
ช่างน่าสงสาร...มุโต้เวทนากริดจับใจ
"หากนายไม่ว่าอะไร...เดินทางไปกับพวกเราไหม แม้จุดประสงค์ในการเดินทางไปยังเมืองคาราสึจะต่างกัน แต่ก็นับเป็นปลายทางเดียวกัน ฉันว่าพวกเราเป็นสหายร่วมทางที่ดีต่อกันได้ แถมฉันยังยินดีเป็นพิเศษ ที่ได้มีโอกาสใกล้ชิดคนอย่างนาย"
"ตกลง...แต่ฉันจะไม่ตั้งปาร์ตี้ ฉันไม่ชอบแบ่งค่าประสบการณ์กับใคร"
"ไม่มีปัญหา"
"แต่ว่า...หากนายตั้งให้หัวหน้าปาร์ตี้เก็บไอเท็มดรอปทั้งหมด บางทีฉันอาจเปลี่ยนใจยอมตั้งปาร์ตี้กับนายก็ได้...เหล่านักรบของนายมีหน่วยก้านค่อนข้างดี"
"...ขอผ่าน"
"คิดปฏิเสธน้ำใจจากฉันหรือ"
"..."
"ก็ได้ ก็ได้...งั้นฉันจะแบ่งไอเท็มอย่างเท่าเทียมภายหลัง"
"...เข้าใจแล้ว หวังว่ากษัตริย์ของอาณาจักรจะไม่เอาเปรียบพ่อค้านะ..."
"..."
คนทั้งสองร่วมทางกันนานถึงห้าวันเต็ม จนกระทั่งพวกเขามาถึงเมืองคาราสึ
ระหว่างทาง กริดและมุโต้สนทนาอย่างสนุกสนาน
กริดพยายามตีสนิทผู้เล่นพ่อค้าตามคำแนะนำของลอเอล ส่วนมุโต้ก็ชื่นชอบในวิสัยทัศน์ของกริดในการพัฒนาอาณาจักร
ลงเอยด้วย...
"บริษัทการค้ามุโต้ของฉัน...เข้าไปทำธุรกิจภายในอาณาจักรโอเวอร์เกียร์ได้ไหม"
ทุกสิ่งกำลังดำเนินไปในทิศทางที่กริดมุ่งหวัง
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง...ชายหนุ่มได้เรียนรู้สิ่งใหม่จากปากมุโต้
ประการแรก ผู้เล่นสามารถเดินทางระหว่างทวีปได้โดยไม่ต้องใช้ม้วนคาถา
ประการที่สอง เศรษฐกิจของจักรวรรดิใหญ่โตกว่าที่กริดจินตนาการไว้มาก
ประการที่สาม ผู้เล่นทั่วไปที่ไม่มีค่าต้านทานพิษ หากกินอาหารของไอดานอย่างต่อเนื่อง พวกเขาจะได้รับค่าต้านทานพิษเพิ่มขึ้น จนกระทั่งเข้าสู่ภาวะที่ร่างกายไม่ติดพิษอีกต่อไป
นับเป็นความสัมพันธ์ที่ได้ประโยชน์ร่วมกันทั้งสองฝ่าย
"ราชาโอเวอร์เกียร์มีท่าทีอย่างไรบ้าง"
ณ จักรวรรดิซาฮารัน
ปราสาทดยุคแห่งดาบ 'ลิมิต'
บึ้มบึ้มบึ้มบึ้ม!
ดาบยักษ์สี่เล่มล่องลอยบนท้องฟ้า พวกมันคือศาสตราที่ลิมิตเป็นผู้สร้างขึ้น
ทั้งหมดพลันพุ่งลงด้านล่างในพริบตา...กระหน่ำแทงทำลายพื้นดินลานฝึกจนพังพินาศ
นี่คือวิชาดาบเฉพาะตัวของลิมิต
มันเชื่ออย่างสุดหัวใจว่า...วิชาดาบของมันได้ก้าวข้ามมหาจอมดาบปิอาโร่ไปไกลแล้ว
ก้าวข้ามแม้กระทั่ง...อริยดาบมุลเลอร์
สิ่งเดียวที่มันยังขาดไปคือชื่อเสียง ส่งผลให้ลิมิตไม่อาจกลายเป็นตัวตนที่ยิ่งใหญ่เฉกเช่นอริยดาบหรือตำนานคนอื่น
เมอร์เซเดสกำลังคุกเข่าลงหนึ่งข้างท่ามกลางฝุ่นควันคละคลุ้ง
เธอตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
"เขายอมรับข้อเสนอ"
"เห...เจ้านั่นยอมคุกเข่างั้นหรือ"
ลิมิตเอียงคออย่างฉงน
มันหันมาจดจ้องเมอร์เซเดสที่กำลังคุกเข่า แววตาลุ่มลึกพิศวง
"กบฏที่อาจหาญเผชิญหน้ากับทัพหนึ่งแสนตามลำพัง แต่กลับยินยอมคุกเข่า และยอมรับเงื่อนไขอันแสนกดขี่ของจักรวรรดิแต่โดยดี แถมยังไม่แสดงท่าทีคลุ้มคลั่งเดือลดาลแม้แต่น้อย"
"ค่ะ...อย่างน้อยก็ภายนอก"
"ภายในแตกต่างไปสินะ"
"ค่ะ...กริดคือสัตว์ป่าที่ไม่มีวันเชื่อง แม้ยอมคุกเข่า...แต่เขาก็มิอาจเก็บซ่อนดวงตาอันคมกริบที่เปี่ยมด้วยความมุ่งมั่นไว้ได้"
"ดวงตาอัสโมเฟล...ใช่ไหม"
<ดวงตาอัสโมเฟล>
สิ่งนี้ถูกเรียกขานภายในกองอัศวินหลวง (อัศวินสีชาดและอัศวินทมิฬ)
หมายถึงดวงตาอันแน่วแน่ที่จะไม่ยอมแพ้ในทุกสถานการณ์ ไม่ว่าจะได้รับบททดสอบมากมายเพียงใด เจ้าของดวงตาก็จะข้ามผ่านมันได้ในที่สุด
เป็นดวงตาที่หนักแน่นของตัวตนหมายเลข 2
ผู้ที่มีพรสวรรค์เป็นรองใครสักคน...แต่ก็พร้อมจะก้าวข้ามตลอดเวลา
มีต้นกำเนิดจากดวงตาของอัสโมเฟลในยามจ้องมองปิอาโร่
"ก็ดี...ต้องอย่างนั้น ราชาโอเวอร์เกียร์เอ๋ย...จงทะเยอทยานเข้าไว้"
ลิมิตคือดยุคแห่งดาบ หนึ่งในเจ็ดมหาดยุคของจักรวรรดิ
ในสายตาบุคคลภายนอก ลิมิตควรจงรักภักดีต่อองค์จักรพรรดิมากกว่าใคร
ทว่า...คำพูดเมื่อครู่ของมัน หากใครได้ยินเข้า...อาจเข้าใจผิดจนเป็นเรื่องใหญ่ได้
เหตุใดลิมิตถึงแสดงสีหน้าพึงพอใจ แม้จะรู้ว่ากริดคิดแข็งข้อกับจักรวรรดิ
เมอร์เซเดสไม่เข้าใจเลยสักนิด
ถึงบรรยากาศจะผิดแผก...แต่เมอร์เซเดสยังคงสงบนิ่งได้อยู่
อัศวินสีชาดเดิมถูกทำลายไปแล้ว
อัศวินสีชาดยุคใหม่เกิดจากการฟื้นฟูด้วยฝีมือจักรพรรดินีแมรี่...มิใช่จักรพรรดิฮวนเดอร์
หากมองเพียงผิวเผิน...อัศวินสีชาดอาจดูเหมือนอัศวินประจำตัวองค์จักรพรรดิ แต่ความจริงมิได้เป็นเช่นนั้น
อัศวินสีชาดยุคใหม่จะเคลื่อนไหวภายใต้คำบงการจากจักรพรรดินี
ดยุคแห่งดาบ ลิมิต กัปตันกองอัศวินสีชาด มันจะทำตามพระประสงค์ของจักรพรรดินีแมรี่เท่านั้น
อันที่จริง...เรื่องราวในตอนแรกมิได้ดำเนินด้วยทิศทางเช่นนี้
ลิมิตเคยจงรักภักดีต่อองค์จักรพรรดิฮวนเดอร์อย่างหาที่สุดมิได้
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง...ในวันที่มันถูกแต่งตั้งให้เป็นกัปตันกองอัศวินสีชาดอันยิ่งใหญ่
แต่แล้ววันหนึ่ง...จักรพรรดิฮวนเดอร์กลับทรยศความรู้สึกของมัน
ฮวนเดอร์ก่อตั้งหน่วยใหม่ขึ้น
เป็นกลุ่มขุนพลข้างกาย ที่จักรพรรดิมอบความไว้วางใจในระดับสูงสุด
หน่วยใหม่นี้ถูกจัดลำดับให้มีบรรดาศักดิ์สูงกว่ากองอัศวินสีชาดเสียอีก
หน่วยที่ว่าก็คือ...ห้าเสาหลัก
แทนที่สองเสาหลักเดิม ซึ่งเคยเป็นตำแหน่งของปิอาโร่และอัสโมเฟล
นับแต่นั้น...ลิมิตได้หันหลังให้กับองค์จักรพรรดิตลอดมา
"เมอร์เซเดส...จงเข้าเฝ้าฝ่าบาท และทราบทูลทุกสิ่งที่เจ้ารู้สึกเกี่ยวกับราชาโอเวอร์เกียร์ พยายามโน้มน้าวให้ฝ่าบาททรงกริ้ว จนถึงขั้นยกทัพทำลายอาณาจักรโอเวอร์เกียร์ให้สิ้นซาก ระหว่างนี้...จักรพรรดินีแมรี่จะได้มีเวลาแทรกแทรงการเมืองมากขึ้น"
"ค่ะ"
เมอร์เซเดสตอบรับคำสั่งอย่างนอบน้อม ก่อนจะเดินออกมาเพื่อเตรียมเข้าเฝ้าองค์จักรพรรดิทันที
ระหว่างการเดินทางบนหลังม้าสีขาว เธอพยายามครุ่นคิดในสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยสีหน้าตึงเครียด
'ทางเลือกใดจะดีที่สุดสำหรับจักรวรรดิกันนะ...'
การหลอกใช้องค์จักรพรรดิเช่นนี้ นับเป็นสิ่งดีแน่แล้วหรือ...
การแก่งแย่งชิงดีของขั้วอำนาจภายใน
แต่ละฝ่ายล้วนทำทุกวิถีทาง เพื่อให้องค์ชายฝ่ายตนขึ้นครองราชย์เป็นลำดับถัดไป
เมอร์เซเดสกังวัลว่า...ในอนาคต จักรวรรดิอาจถูกแบ่งแยกเป็นสองฝ่าย
ระหว่างนี้เอง...ใครบางคนกำลังจ้องมองเธออย่างใกล้ชิด
'เทพธิดาของฉัน!'
มันคืออัศวินรับใช้ประจำตัวเมอร์เซเดส...สกาย
สกายคือผู้เล่น...เป็นแร้งเกอร์ปกปิดตัวตน
นับตั้งแต่ซาทิสฟายเปิดตัว สกายได้พยายามอย่างหนักเพื่อไต่เต้าตำแหน่งภายในจักรวรรดิ
คลาสของมันคืออัศวิน
เมื่อไม่นานมานี้ สกายสามารถเข้าร่วมกองอัศวินทมิฬได้สำเร็จ
ฝีมือของมันโดดเด่นจนกลายเป็นอัศวินข้ารับใช้ประจำตัวเมอร์เซเดสในที่สุด
'ฉันจะยืนเคียงข้างเทพธิดาไปตลอดกาล!'
มันฉีกยิ้มจนแก้มปริ
เมอร์เซเดสคือสาวงามที่ทำให้ชายหนุ่มมากมายตกหลุมตั้งแต่แรกพบ
สกายหลงรักเมอร์เซเดสจนโงหัวไม่ขึ้น
เป็นความคลั่งไคล้ระดับเดียวกับที่ดาเมี่ยนมีให้อิสซาเบล
ทว่า...มันมิใช่ความรักอันบริสุทธิ์
'เทพธิดาเมอร์เซเดสเอ๋ย....ฉันจะเปลี่ยนเธอให้กลายเป็นทาสผู้ซื่อสัตย์เอง'
***
"สวัสดี...กริด"
"หืม..."
ที่นี่คือทวีปตะวันออก อัตราส่วนของผู้เล่นมีเพียงน้อยนิด
เรียกได้ว่า...เกินกว่า 99.9% เป็น NPC
ไม่เหมือนทวีปตะวันตก ผู้คนที่นี่ไม่รู้จักกริดมากนัก...ไม่สิ ไม่มีใครรู้จักเลยดีกว่า
แต่ชายคนนี้กลับเดินเข้ามาทักทายด้วยสีหน้ามั่นใจ
กริดรีบหันไปมองชายแปลกหน้าทันที จากนั้น...ชายหนุ่มเหลือบไปเห็นชื่อตัวละครเหนือศีรษะ
'มุโต้'
ผู้เล่น...
'ใช้ชีวิตอยู่บนทวีปตะวันออกได้...ย่อมไม่ใช่คนธรรมดา'
กริดพลันตื่นตัว
กลับกัน มุโต้เดินปรี่เข้ามาใกล้โดยปราศจากความระแวง...สีหน้าของเขายิ้มแย้ม
'น่าแปลกมาก...พวกแสร้งเป็นมิตรเช่นนี้ ส่วนใหญ่จะแฝงเจตนาไม่ดีไว้เสมอ'
แม้จะเป็นความอคติ แต่ก็ไม่ผิดนักที่กริดจะคิดเช่นนี้
ซาทิสฟายไม่ใช่โลกบนทุ่งลาเวนเดอร์ที่เส้นทางโรยด้วยกลีบกุหลาบ
คงเป็นการยาก...ที่จะพบคนแปลกหน้าผู้มาพร้อมความจริงใจ
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง...คนที่ติดตามมุโต้มาด้วยด้านหลัง พวกมันมีจำนวนมากถึงแปด
[ ดวงตาช่างตีเหล็ก ]
นี่คือทักษะที่...หากจ้องมองนานกว่า 3 วินาที ผู้ใช้งานสามารถตรวจสอบอุปกรณ์สวมใส่ของเป้าหมายได้บางส่วน
ด้วยเหตุนี้...กริดจึงทราบว่า ทั้งแปดคนที่มากับมุโต้ล้วนเป็น NPC เลเวลสูงกว่า 280
'มีลูกน้องแข็งแกร่งจำนวนมากเช่นนี้...กะแล้วว่าต้องไม่ใช่ผู้เล่นธรรมดา'
ขณะกริดกำลังระแวงหนัก มุโต้กล่าวขึ้น
"ตัวฉันไม่มีพลังต่อสู้หรอกนะ เดินทางมายังทวีปตะวันออกได้ก็เพราะทักษะการพูด ฉันเป็นพ่อค้า...เปิดบริษัทการค้ามุโต้ตามชื่อตัวเอง"
"ใครก็โม้ได้ทั้งนั้น"
กริดกล่าวด้วยสีหน้าเรียบเฉย เขายังไม่คลายความระแวง
มุโต้เกาศีรษะแกร่กอย่างจนปัญญา
"ไม่เหมือนกับนายหรอกนะ เลเวลของฉันไม่ติดอันดับแร้งเกอร์ แต่นายสามารถตรวจสอบรายชื่อของฉันได้จากอันดับพ่อค้า"
"อา..."
กริดรีบตรวจสอบอันดับพ่อค้า ทันใดนั้น...เขาพลันต้องตกใจ
มุโต้คือผู้เล่นอันดับสามของคลาสพ่อค้า!
'ไม่ได้โกหกเรื่องก่อตั้งบริษัทสินะ...ถ้าจำไม่ผิด ลอเอลเคยบอกให้ตีสนิทกับเหล่าพ่อค้าให้มาก กลุ่มพ่อค้าจะช่วยผลักดันเศรษฐกิจของอาณาจักรโอเวอร์เกียร์ให้ดีขึ้น'
ลอเอลกล่าวเสมอว่า อาณาจักรจำเป็นต้องมีพ่อค้าจำนวนมาก
แต่ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะติดต่อกับผู้เล่นพ่อค้าสักคน เพราะส่วนใหญ่จะทำการค้าภายในจักรวรรดิเสียมากกว่า
และที่แย่ก็คือ...อาณาจักรโอเวอร์เกียร์เพิ่งเกิดใหม่และมีประชากรจำกัด
จึงไม่เป็นที่น่าดึงดูดในสายตาของพ่อค้าเลยสักนิด
'เพื่ออาณาจักรแล้ว...เป็นมิตรกับพ่อค้าไว้ก่อนแล้วกัน'
กริดพยายามทำใจให้สงบ ถึงกระนั้นก็มิได้ลดสมาธิลง
ชายหนุ่มยื่นแขนออกไปจับมือมุโต้
"ฉันคือกริด...ยินดีที่ได้รู้จัก"
"เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้จับมือกับกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่แห่งอาณาจักรโอเวอร์เกียร์!"
ท่าทีสมกับเป็นพ่อค้า
กริดเอ่ยปากถามมุโต้ต่อไป
"คนกลุ่มนี้เป็นใคร"
"นักรบรับจ้าง...ฉันจ้างพวกเขาเมื่อเดินทางมาถึงทวีปตะวันออก ก็อย่างที่นายรู้...มอนสเตอร์ที่นี่โหดร้ายมาก นักรบรับจ้างของทวีปตะวันตกห่วยแตกเกินไป พวกเรามีแผนจะเดินทางไปเมืองคาราสึ นายก็ด้วยรึเปล่า"
"ถูกต้อง...ว่าแต่ นายไปคาราสึทำไม"
"มีแผนจะเข้าเฝ้ากษัตริย์แห่งโช...ฉันต้องการแลกเปลี่ยนสินค้ากับอาณาจักร"
"กษัตริย์แห่งโช..."
สีหน้าของกริดพลันดำมืด
ภารกิจของตนคือการช่วยเหลือสองพ่อลูกฮานออกมาอย่างปลอดภัย
บางที...อาจเลี่ยงไม่ได้ที่ต้องเป็นศัตรูกับกษัตริย์แห่งโช
เมื่อมุโต้เห็นสีหน้าตึงเครียดของกริด เขาพลันอมยิ้ม
"นายมีความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยดีกับกษัตริย์แห่งโชสินะ น่าแปลกมาก...ฉันคิดว่านายจะไปคาราสึเพราะต้องการสานสัมพันธ์กับอาณาจักรโชเสียอีก"
"ก็อยากจะทำแบบนั้นอยู่หรอก...แต่สถานการณ์ไม่อำนวยนัก"
ในอนาคต...กริดอาจถึงขั้นลงมือกับกษัตริย์แห่งโช
ชายหนุ่มมิอาจเล่าความจริงทั้งหมดให้มุโต้ฟังได้
ชายคนนี้ยังไม่สนิทใจพอให้เล่า
มุโต้เริ่มเปลี่ยนเรื่อง สายตาของเขาหันไปมองทางไอดานและหยางเฟย
"พวกเขาเป็นใครหรือ...นับเป็นสหายร่วมทางที่แปลกมาก"
แทนที่จะเป็นนักรบสุดแกร่ง...
บนทวีปตะวันออกอันแสนโหดร้าย กริดกลับเลือกเพื่อนร่วมทางเป็นชายแก่และหญิงสาว
นอกจากกริด...คงไม่มีผู้เล่นคนใดกล้าทำเช่นนี้อีกแล้ว
มุโต้จ้องมองกริดด้วยสายตาชื่นชม
ชายหนุ่มเริ่มอธิบาย
"คนหนึ่งคือพ่อครัวประจำตัว ส่วนอีกคนคือนักชงชาประจำตัว"
"สุดยอด..."
จะมีผู้เล่นสักกี่คนบนโลก...ที่เดินทางไปไหนมาไหนพร้อมพ่อครัวและนักชงชาส่วนตัว
อาจมีคนร่ำรวยที่จ้างพ่อครัวร่วมทางก็จริง...แต่กับนักชงชาแล้ว กรณีนี้ออกจะพิเศษสักหน่อย
'สมกับเป็นกษัตริย์...อยู่คนละมิติกับเราเลย'
แม้จะมีข่าวลือหนาหูว่า...อาณาจักรโอเวอร์เกียร์กำลังอยู่ในภาวะยากจน
แต่ไม่ได้หมายความว่ากริดต้องยากจนตามไปด้วย
ชายคนนี้คือผู้ก่อตั้งอาณาจักรด้วยเงินทุนมหาศาล จึงไม่แปลกที่เขาจะใช้ชีวิตหรูหรา
'ต้องตีสนิทให้มากที่สุด!'
ในมุมมองพ่อค้า...การตีสนิทกับคนรวยถือเป็นสิ่งปรกติ
โดยเฉพาะคนรวยระดับราชาอาณาจักร!
มุโต้จ้องมองกริดด้วยแววตาเปล่งประกาย
"กินอะไรสักหน่อยไหม"
พ่อครัวไอดานยื่นอาหารชามหนึ่งให้มุโต้
เป็นชามซุป
"ฉันกินได้ด้วยหรือ"
"ยังเหลือพอสำหรับหลายคน"
"ด้วยความยินดี!"
ใครจะปฏิเสธของฟรีกัน...
มุโต้ปลามปลื้มน้ำใจจากไอดาน เขารับชามซุปด้วยความเต็มใจ
ขณะเดียวกัน...กลิ่นอันพิสดารของอาหาร ได้พุ่งเสียดแทงรูจมูกมุโต้อย่างรุนแรง
แต่มุโต้ก็มิได้แยแส ค่าเรี่ยวแรงของตนกำลังเหลือน้อย อาหารคือสิ่งจำเป็น
จากนั้น...มุโต้ก็ได้สัมผัสขุมนรกที่แท้จริง
[ ท่านทานในสิ่งที่มนุษย์ไม่ควรกลืนลงท้อง ]
[ ท่านได้รับพิษ (รุนแรง) ]
[ พลังชีวิตจะลดลง 1,840 หน่วยทุก 1 วินาที ผิวหนังของท่านเริ่มเน่าเปื่อย ]
"เชี่ย!"
โอ๊กกกกก~
เป็นประสบการณ์เฉียดตายที่พ่อค้าอย่างเขาไม่เคยพานพบมาก่อน
มุโต้สัมผัสได้ถึงความตายในทุกลมหายใจเข้าออก
เขารีบกลืนยาถอนพิษชั้นเลิศราคาสูงลิบลงคอทันที
มันแพงยิ่งกว่ามูลค่าของอาหารหนึ่งมื้อเสียอีก
"อ--อะไรกัน...!"
หรือกริดพยามลอบสังหารตน...!
มุโต้รีบหันไปมองหน้ากริด...ไม่ใช่!
ทันใดนั้น
"นายก็เป็นอีกคนที่ลิ้นไม่ถึงสินะ...จุ๊จุ๊ ดันไม่รู้จักอาหารที่แท้จริงเสียได้"
"..."
ไม่ได้ผิดที่กริด แต่สาเหตุเกิดจากพ่อครัวบัดซบนี่!
มุโต้รีบหันไปมองกริดพร้อมกับยิ้มชืดอย่างเวทนา
'การจ้างพ่อครัวส่วนตัวที่มีรสมือราวกับจ้าวแห่งพิษเช่นนี้ หมายความว่า...ต่อมรับรสของกริดคงพิการตั้งแต่กำเนิดสินะ'
ชายคนนี้คงเกิดมาลิ้นพิการ...ไม่เคยลิ้มลองอาหารรสเลิศเลยสักครั้ง
ช่างน่าสงสาร...มุโต้เวทนากริดจับใจ
"หากนายไม่ว่าอะไร...เดินทางไปกับพวกเราไหม แม้จุดประสงค์ในการเดินทางไปยังเมืองคาราสึจะต่างกัน แต่ก็นับเป็นปลายทางเดียวกัน ฉันว่าพวกเราเป็นสหายร่วมทางที่ดีต่อกันได้ แถมฉันยังยินดีเป็นพิเศษ ที่ได้มีโอกาสใกล้ชิดคนอย่างนาย"
"ตกลง...แต่ฉันจะไม่ตั้งปาร์ตี้ ฉันไม่ชอบแบ่งค่าประสบการณ์กับใคร"
"ไม่มีปัญหา"
"แต่ว่า...หากนายตั้งให้หัวหน้าปาร์ตี้เก็บไอเท็มดรอปทั้งหมด บางทีฉันอาจเปลี่ยนใจยอมตั้งปาร์ตี้กับนายก็ได้...เหล่านักรบของนายมีหน่วยก้านค่อนข้างดี"
"...ขอผ่าน"
"คิดปฏิเสธน้ำใจจากฉันหรือ"
"..."
"ก็ได้ ก็ได้...งั้นฉันจะแบ่งไอเท็มอย่างเท่าเทียมภายหลัง"
"...เข้าใจแล้ว หวังว่ากษัตริย์ของอาณาจักรจะไม่เอาเปรียบพ่อค้านะ..."
"..."
คนทั้งสองร่วมทางกันนานถึงห้าวันเต็ม จนกระทั่งพวกเขามาถึงเมืองคาราสึ
ระหว่างทาง กริดและมุโต้สนทนาอย่างสนุกสนาน
กริดพยายามตีสนิทผู้เล่นพ่อค้าตามคำแนะนำของลอเอล ส่วนมุโต้ก็ชื่นชอบในวิสัยทัศน์ของกริดในการพัฒนาอาณาจักร
ลงเอยด้วย...
"บริษัทการค้ามุโต้ของฉัน...เข้าไปทำธุรกิจภายในอาณาจักรโอเวอร์เกียร์ได้ไหม"
ทุกสิ่งกำลังดำเนินไปในทิศทางที่กริดมุ่งหวัง
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง...ชายหนุ่มได้เรียนรู้สิ่งใหม่จากปากมุโต้
ประการแรก ผู้เล่นสามารถเดินทางระหว่างทวีปได้โดยไม่ต้องใช้ม้วนคาถา
ประการที่สอง เศรษฐกิจของจักรวรรดิใหญ่โตกว่าที่กริดจินตนาการไว้มาก
ประการที่สาม ผู้เล่นทั่วไปที่ไม่มีค่าต้านทานพิษ หากกินอาหารของไอดานอย่างต่อเนื่อง พวกเขาจะได้รับค่าต้านทานพิษเพิ่มขึ้น จนกระทั่งเข้าสู่ภาวะที่ร่างกายไม่ติดพิษอีกต่อไป
นับเป็นความสัมพันธ์ที่ได้ประโยชน์ร่วมกันทั้งสองฝ่าย
ถือเป็นเรื่องที่ดี
ReplyDeleteกินจนต้านทานพิษ 555
ReplyDeleteไอ้ข้อสามนี่รู้เลยว่ากริดจะเอาไปใช้ประโยชน์ยังไง
ReplyDelete