จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1036



“ฉันมีวิธีปราบเฟย์ริส”


จอมอสูรเฟย์ริสถูกอัญเชิญในจุดที่ห่างไกลกับจักรวรรดิมาก ส่งผลให้จักรวรรดิส่งกองทัพแทรกแซงได้ไม่สะดวก และกองทัพอาณาจักรทั่วไปก็ไม่สามารถรับมือการรุกรานไหว


หากต้องการชะลอความเสียหายให้ช้าลง ผู้เล่นต้องลงมือยับยั้งด้วยตัวเอง แต่ปัญหาคือ โอกาสสำเร็จต่ำมากจนแทบเป็นไปไม่ได้


หากปล่อยไว้ ทวีปตะวันตกกว่าครึ่งจะถูกลบออกจากแผนที่อย่างถาวร ภารกิจนับพันล้านจะหายไป หลายร้อยล้านคนจะสูญเสียที่พักพิง


นั่นคือสิ่งที่ SA กรุปต้องการอย่างนั้นหรือ?


กลุ่มแรงเกอร์ที่มีสติปัญญามากหน่อย พวกมันมั่นใจว่าต้องไม่ใช่แบบนั้นแน่ เฟย์ริสคือตัวตนที่ผู้เล่นสามารถโค่นลงได้ เพียงแต่ต้องมีกลยุทธ์พิเศษสำหรับรับมือโดยเฉพาะ


“จอมอสูร 33 ตนมาจากตำนาน 72 ปีศาจแห่งโซโลม่อน”


หลักฐานที่ชัดเจนคือ ชื่อของจอมอสูรทุกตนตรงตามบันทึกในตำนานทุกประการ ไม่ว่าจะเป็นบาเอล บีเลียล หรือเฟย์ริส


อาจไม่ใช่จอมอสูรทุกตน ที่มีเรื่องราวปูมหลังเหมือนกับตำนาน 72 ปีศาจ แต่จอมอสูรส่วนใหญ่ถูกสร้างโดยมีลักษณะคล้ายคลึงกับตำนาน 72 ปีศาจแห่งโซโลม่อน


และจากตำนานดังกล่าว เฟย์ริสมีของแสลงอยู่หนึ่งชนิด นั่นคือ ‘แหวนเวทมนตร์’


“ถ้าเรามีแหวนเวทมนตร์ กองทัพผู้เล่นอาจรับมือกับเฟย์ริสไหว… แน่นอน ไม่มีทางที่จอมอสูรจะถูกสยบพลังทั้งหมดเพียงเพราะแหวนวงเดียว แต่เชื่อผมเถอะ มันต้องอ่อนแอลงแน่ หรือถ้าเราโชคดี ฝ่ายมนุษย์อาจขับไล่มันกลับขุมนรกได้โดยไม่ต้องฆ่า”


“แล้วจะหาแหวนเวทมนตร์จากไหน?”


“สร้างขึ้นเอง”


“ผู้เล่นสามารถสร้างไอเท็มขับไล่จอมอสูรได้ด้วยหรือไง?”


“ทำได้แน่ ถ้าทุกคนร่วมมือกัน”


ณ เมืองชายแดนระหว่างอดีตอาณาจักรโรเทมอนกับอาณาจักรฮาเค่น


นักแปรธาตุแรงค์หนึ่งของโลก เซลก้า มันป่าวประกาศข้อมูลสุดน่าทึ่ง ต่อหน้าแรงเกอร์จำนวนมากที่รวมตัวกันเพื่อหวังปกป้องฮาเค่น


ใครบางคนแสดงสีหน้าเย้ยหยัน


“พวกเราทุกคนล้วนทราบดี ว่าเฟย์ริสมีพลังแปรธาตุและการโป้ปดเหมือนกับในตำนานโซโลม่อน แต่ไม่ใช่ว่า รายละเอียดทั้งหมดจะตรงตามตำนาน 72 ปีศาจเสียทีเดียว เพราะไม่อย่างนั้น เฟย์ริสต้องเป็นจอมอสูรลำดับ 28 ไม่ใช่ 22 เช่นนี้”


หรือก็คือ จุดอ่อนอาจไม่เหมือนกับในตำนาน


“ถ้าเกิดแหวนเวทมนตร์ไม่ได้ผล แกคิดจะทำอย่างไรต่อ?”


ผู้เล่นกว่าห้าพันคนที่กำลังรวมตัว พวกมันไม่ได้มาเล่นสนุกหรือทัศนศึกษา แต่มาเพื่อปกป้องเมืองเกิดแสนสำคัญ เมืองที่เต็มไปด้วยภารกิจและความทรงจำล้ำค่า เมืองที่พวกมันมีสายสัมพันธ์แน่นแฟ้นมากมาย


ในมุมมองพวกมัน เซลก้าไม่ต่างจากนักตุ้มตุ๋นที่ฉวยโอกาสใช้ความตั้งใจของผู้อื่น สำหรับสนองกิเลสและผลประโยชน์ส่วนตน


“ถ้าทุกคนร่วมมือ แกจะสร้างแหวนเวทมนตร์สำเร็จอย่างนั้นหรือ? จะให้ทำพวกเราอะไร? ช่วยกันบริจาคเงินหรือไง?”


แน่นอน กลุ่มผู้เล่นเต็มไปด้วยท่าทีมุ่งร้าย


แต่เซลก้ามิได้หวาดหวั่น เป็นเรื่องปรกติที่คนทั่วไปจะตั้งคำถามหรือเกิดความแคลงใจ ทั้งหมดอยู่ในการคำนวณของมัน


เซลก้าอธิบายด้วยท่าทีสุขุม


“ไม่เลย ฉันไม่ได้ต้องการสิ่งของใด เพราะวัสดุสำคัญในการสร้างแหวนเวทมนตร์คือศิลาแห่งชีวิต สุดยอดอัญมณีที่มิอาจซื้อได้ด้วยเงิน”


“…?”


ศิลาแห่งชีวิต ต่อให้ไม่ใช้คลาสนักแปรธาตุ แต่ผู้คนทั่วไปล้วนเคยได้ยินชื่อของมัน


“…แกเสียสติไปแล้วรึไง”


กลุ่มผู้เล่นพลันผงะไปชั่วครู่ ก่อนจะได้สติกลับมาในภายหลัง ทุกคนต่างจ้องมองเซลก้าด้วยสายตาไม่เป็นมิตรยิ่งกว่าเก่า


“นึกว่าจะมีวิธีปราบจอมอสูรที่จับต้องได้เสียอีก ที่แท้ก็แค่ปั่นหัวพวกเราเล่น ช่างน่าขัน นี่น่ะหรือนักแปรธาตุแรงค์หนึ่ง ทำตัวไม่น่ายกย่องเลยสักนิด”


จริงอยู่ที่พวกมันมีข้อมูลของศิลาแห่งชีวิตไม่มาก แต่จากที่ได้เคยได้ยินหรือได้อ่าน หนังสือทุกเล่มระบุตรงกันว่า มันคืออัญมณีต้องห้ามซึ่งมีตัวตนเพียงแค่ในตำนาน


ฉะนั้น ถ้าไอเท็มดังกล่าวคือวัสดุสำคัญในการสร้างแหวนเวทมนตร์ หมายความว่า แหวนบัดซบนั่นคงไม่มีทางถูกสร้างขึ้นได้


เซลก้าไม่มีวิธีปราบเฟย์ริสตั้งแต่ต้น มันแค่ต้องการปั่นหัวให้ทุกคนหลงดีใจ


ชิ้ง—


ผู้เล่นหลายคนเริ่มชักอาวุธ พวกมันต้องการลงทัณฑ์เซลก้าที่บังอาจล้อเล่นกับความรู้สึกของคนหมู่มาก


เฉกเช่นทุกครั้ง เซลก้ายังคงมีสีหน้าเรียบเฉย


“เมื่อหลายเดือนก่อน พวกนายอาจเคยได้ยินข่าวที่ว่า หมาบ้าอย่างแอ็กนัสไล่ฆ่าช่างอัญมณีฝีมือเยี่ยมของทุกอาณาจักร แต่ในภายหลัง กิลด์โอเวอร์เกียร์ได้ออกมาพิสูจน์แล้วว่า แอ็กนัสเพียงแค่ถูกปรักปรำ ทว่า เรื่องที่มันออกตามหาช่างอัญมณีทั่วทวีป สิ่งนี้เป็นความจริงไม่ผิดแน่”


“แล้วเกี่ยวอะไรกัน?”


เหตุใดวิธีปราบจอมอสูรเฟย์ริสถึงเชื่อมโยงไปหาแอ็กนัสได้? ไม่พิลึกเกินไปหน่อยหรือ?


ขณะกลุ่มผู้เล่นพากันขมวดคิ้ว เซลก้ากล่าวตอกลิ่มลงไป


“แอ็กนัสกำลังหาคนเจียระไนศิลาแห่งชีวิต”


“…อะไรนะ?”


“หรือก็คือ แอ็กนัสมีศิลาแห่งชีวิตในครอบครอง และมันกำลังซ่อนตัวภายในอาณาจักรฮาเค่นแห่งนี้”


“…!!”


“แน่นอน ถ้าหมอนั่นไม่ต้องการ คงไม่มีใครสามารถแย่งชิงศิลาแห่งชีวิตจากแอ็กนัสได้”


เซลก้ากวาดสายตามองกลุ่มผู้เล่นทั้งห้าพัน


“แต่พวกเราสามารถทำได้ด้วยการกดดัน หากทุกคนร่วมใจป่าวประกาศว่า การปราบเฟย์ริสจำเป็นต้องใช้ศิลาแห่งชีวิต และชะตากรรมของผู้เล่นสองพันล้านตกอยู่กับอัญมณีเพียงหนึ่งก้อน เกรงว่า แม้แต่คนเสียสติอย่างแอ็กนัสก็มิอาจทนต่อแรงกดดันจากทั่วโลกไหว”


มวลชนเริ่มรู้สึกคล้อยตาม เพราะเซลก้ามีเหตุและผลที่ฟังขึ้น


เพียงแค่แอ็กนัสเสียสละ คนทั่วโลกก็จะรอดพ้นจากวิกฤติร้ายแรง


เมื่อข่าวนี้แพร่กระจายออกไป ผู้เล่นที่เหลือจะออกมาช่วยกดดันแอ็กนัสจากทุกทิศ และข่าวจะยิงกระพือเร็วขึ้นหากมีจุดเริ่มต้นจากผู้เล่นมากถึงห้าพัน


แถมพวกมันยังไม่ต้องรับความเสี่ยงใดๆ


เป็นทางออกที่เรียบง่ายและได้ผล ทว่า นั่นต้องอยู่ในเงื่อนไขที่แหวนเวทมนตร์สามารถสยบพลังเฟย์ริสได้จริง


“สมมติว่าแอ็กนัสยอมสละศิลาแห่งชีวิต แต่ถ้าเกิดแหวนเวทมนตร์ไม่ได้ผลขึ้นมาล่ะ?”


“ถ้าเป็นแบบนั้น ผมจะรับผิดแต่เพียงผู้เดียว พวกคุณไม่ต้องเป็นห่วง”


เหมือนกับการสั่งขี้มูกที่ไม่ใช้มือช่วย ต่อให้น้ำมูกกระเด็นออกมาก็ไม่ต้องกังวล เพราะมือไม่ได้เลอะ และถ้าน้ำมูกไม่ออกก็ไม่อะไรเสียหาย


“…หืม”


หลังจากทุกคนครุ่นคิดอยู่นาน


“ตกลง พวกเราจะช่วยกดดันให้แอ็กนัสมอบศิลาแห่งชีวิต แต่ถ้าแหวนใช้ได้ไม่ได้ผล นายต้องรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว”


“ไม่มีปัญหา วางใจได้เลย ฉันไม่มีพลังมากพอจะต่อกรคนหมู่มากอยู่แล้ว”


หลังจากนั้นไม่นาน


<ผู้เล่นอาณาจักรฮาเค่นค้นพบวิธีปราบจอมอสูรเฟย์ริส! >


<จอมอสูรเฟย์ริสแพ้ทางแหวนเวทมนตร์>


<วัสดุสำคัญในการสร้างแหวนเวทมนตร์คือศิลาแห่งชีวิต>


<แอ็กนัสมีศิลาแห่งชีวิตในครอบครอง! >


<ผู้เล่นหลายพันคนเริ่มเซ็นชื่อลงนามให้แอ็กนัสยอมมอบศิลาแห่งชีวิตเพื่อกำจัดเฟย์ริส>


<ยังไม่มีท่าทีตอบสนองจากฝั่งแอ็กนัส>


<ยิ่งเวลาผ่านไปนาน ผู้คนยิ่งโจมตีแอ็กนัสด้วยถ้อยคำรุนแรงขึ้นทุกขณะ>


ผู้เล่นทั้งห้าพันคนของฮาเค่นเริ่มเคลื่อนไหวบนโลกอินเทอร์เน็ต สื่อทั่วโลกกล่าวถึงแอ็กนัส ศิลาแห่งชีวิต และจอมอสูรเฟย์ริสบ่อยครั้ง


ไม่มีใครสนว่าแหวนเวทมนตร์จะได้ผลหรือไม่ ทุกฝ่ายเอาแต่รุมกดดันแอ็กนัสอย่างหนักหน่วง สื่อหลายเจ้าพากันยินดีและชอบใจ ข่าวของจอมอสูรเฟย์ริสที่เริ่มซบเซากลับมาฮือฮาได้อีกครั้ง


ลุกลามมาจนถึงผู้ที่ไม่ได้เล่นซาทิสฟายหรือมีส่วนได้ส่วนเสีย ทุกคนต่างต้องการให้คนส่วนใหญ่ของโลกได้ประโยชน์ เริ่มมีการประณามความเห็นแก่ตัวของแอ็กนัสมากขึ้นทุกวัน


หากเป็นเช่นนี้ต่อไป เรื่องที่แอ็กนัสจะยอมมอบศิลาแห่งชีวิตให้เป็นสมบัติของโลก คงขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้น


“อึก…”


เมืองอินส์บรุค ชานเมืองประเทศออสเตรีย


ภายในปราสาทโบราณ แอ็กนัสกำลังนั่งบนโซฟาหรูหราตามลำพัง ร่างกายของมันสั่นระริกในสภาพสวมผ้าขนหนู


จู่ๆ ก็กลายเป็นคนบาปโดยที่ไม่ได้ทำอะไร ไม่ว่าจะอดีตหรือปัจจุบัน ไม่มีสิ่งใดเปลี่ยนไปเลยสักนิด


ความไม่พอใจของทุกฝ่ายถูกนำมาลงที่มันเพียงคนเดียว และแอ็กนัสจำเป็นต้องรับไว้โดยไม่มีทางเลือก


“…ว๊าก!!”


ทุกคนเกลียดมัน


ไม่มีใครเป็นที่พึ่งได้เลย


มันเดียวดายบนโลกใบนี้


โลกที่โหดร้ายและมีแต่คนรอเหยียบย่ำซ้ำเติม


แอ็กนัสนั่งสั่นเทาอย่างหวาดกลัว มันไม่ทราบว่าเหตุใดเรื่องร้ายๆ ถึงเกิดกับตนเสมอ จิตใจกำลังเจ็บปวดและเปราะบาง


ทันใดนั้น


“ทำไมล่ะ…”


มันถามกับตัวเอง


มันจำเป็นต้องถูกโจมตีฝ่ายเดียวด้วยหรือ?


ไม่จำเป็นสักหน่อย… มันมิได้อ่อนแอเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว ไม่มีเหตุผลต้องทนรับความกดดันฝ่ายเดียว ตัวมันในตอนนี้ครอบครองพลังมากมายมหาศาล


โงนเงน


แอ็กนัสพยุงร่างขึ้น มันเดินไปยังเครื่องแคปซูลที่ไม่ได้เฉียดใกล้มาหลายวัน ร่างกายกำลังสั่นระริกด้วยความโทสะ มิใช่หวาดกลัว


เป็นความเดือดดาลที่ปะทุหลังถูกผู้คนทั่วโลกรุมกดดันอย่างไร้เหตุผล รุมแย่งชิงสิ่งของๆ มันอย่างไม่เกรงอกเกรงใจ


***


“ให้ตายสิ ไอ้พวกขยะ”


คนส่วนน้อยต้องเสียสละเพื่อคนหมู่มาก นี่คือถ้อยคำที่ได้ยินบ่อยครั้งในสังคมที่มีประชากรคุณภาพต่ำ


สื่อทั่วโลกต่างประโคมข่าวความเห็นแก่ตัวของแอ็กนัสอย่างสนุกปาก สาธยายถึงประโยชน์ที่คนหมู่มากจะได้รับหากแอ็กนัสเสียสละ


ข่าวด่วนเช้า กลางวัน เย็น เอาแต่พูดถึงชื่อของแอ็กนัสจนติดหู บางคนแทบจะร้องเป็นเพลงตาม


ซีบาลรู้สึกขยะแขยงกลุ่มผู้เล่นที่เอาแต่ตะโกนชื่อแอ็กนัสเพื่อกดดัน


“ชิ!”


ซีบาลที่ถ่อมาไกลพร้อมกับไรเดอร์ส มันหมดอารมณ์จะปราบเฟย์ริสทันทีเมื่อได้เห็นผู้เล่นนับหมื่นร้องตะโกนชื่อแอ็กนัสใต้กำแพงเมือง พวกมันหวังให้แอ็กนัสเสียสละต่อส่วนรวมโดยการมอบศิลาแห่งชีวิต


มีสิทธิ์อะไรแย่งชิงไอเท็มจากผู้อื่น?


ทำไมแอ็กนัสต้องเสียสละเพื่อส่วนรวม?


ความสามัคคีเช่นนี้ หากเปลี่ยนเป็นไปการร่วมแรงร่วมใจปราบจอมอสูรเฟย์ริส ฝ่ายมนุษย์คงเอาชนะจอมอสูรเฟย์ริสไปนานแล้ว


มันส่ายศีรษะอย่างระอา


“ซีบาล! มาถึงแล้วหรือ?”


สหายเก่าแก่วิ่งเข้ามาสวมกอดซีบาล


เอิร์ลแพลตินั่ม


สมัยซีบาลยังเป็นขุนนางอาณาจักรฮาเค่น เอิร์ลแพลตินั่มได้ผ่านร้อนผ่านหนาวและร่วมเป็นร่วมตายมาด้วยกัน


ถึงจะเป็นแค่ NPC พิเศษ ถึงซีบาลจะเคยมองเป็นเพียงผู้มอบภารกิจ แต่หลังจากฝ่าฟันอุปสรรคด้วยกันบ่อยครั้ง ความสัมพันธ์ก็ยิ่งแน่นแฟ้น


ฉะนั้น ด้วยความที่ NPC มีชีวิตเดียว ซีบาลจึงวิตกกังวลกับชะตากรรมของแพลตินั่ม


“ในเมื่อบ้านเกิดถูกจอมอสูรรุกราน ผมจะไม่กลับมาได้อย่างไร… ทุกคนพร้อมรึยัง?”


“พวกเขาอยู่ที่นี่แล้ว ยกเว้นมาร์ควิสยูลันที่ต้องเข้าเฝ้าฝ่าบาท… แถวนี้เสียงดัง เข้าไปคุยกันต่อที่คฤหาสน์ของฉันดีกว่า”


“อา…”


ขณะเดินไปบนถนนพร้อมเอิร์ลแพลตินั่ม ซีบาลสัมผัสได้ว่า อาณาจักรฮาเคนกำลังอยู่ในสภาวะโกลาหลวุ่นวาย


ชาวเมืองมีสีหน้าหม่นหมองและหวาดผวา พวกมันกังวลเกี่ยวกับการรุกรานจากจอมอสูรทุกลมหายใจ


พ่อแม่วัยหนุ่มสาวถือหอกดาบเพื่อปกป้องทายาทที่ยังเล็ก ส่วนเด็กหนุ่มที่โตขึ้นมาหน่อย พวกมันสวมเครื่องแบบพลทหารพลางฝึกฝนใช้อาวุธด้วยแววตามุ่งมั่น คนเหล่านี้มีชะตากรรมต้องเป็นรั้วของชาติ รั้วที่อาจถูกทำลายและไม่ได้กลับมาพบหน้าพ่อแม่


มีอีกหลายคนที่ก้มหน้าร่ำไห้อย่างหมดอาลัยตายอยาก คล้ายกับพรุ่งนี้คือวันสิ้นโลก


เราจะปกป้องพวกเขาได้จริงหรือ?


ช่างน่าขัน ซีบาลไม่มั่นใจเลยสักนิด


การล่มสลายของอาณาจักรโรเทมอนเมื่อไม่กี่วันก่อน กลายเป็นข่าวที่น่าอกสั่นขวัญแขวนสำหรับประชาชนชาวฮาเค่นทุกคน


จอมอสูรเฟย์ริส ศัตรูในคราวนี้ไม่ธรรมดา


แต่ไม่ว่าอย่างไร ซีบาลก็ต้องสู้ให้ถึงที่สุด


หากตนหันหลังให้ทุกคน ชาวเมืองเหล่านี้จะต้องตายโดยที่มองไม่เห็นแสงแห่งความหวัง


‘…ให้ตายสิ’


เป็นเพราะสถานการณ์กำลังสิ้นหวังอย่างนั้นหรือ? ลึกๆ ในใจซีบาล มันกำลังหวังพึ่งพาใครสักคน


ใครก็ได้ที่แข็งแกร่งกว่า ได้โปรดช่วยต่อสู้ไปด้วยกัน เพื่อปกป้องอาณาจักรฮาเค่นที่มันรัก…


แต่ชื่อเดียวที่มันนึกออกคือ…


กริด


บุรุษที่ทำให้ตนตกที่นั่งลำบากหนแล้วหนเล่า บุรุษที่สามารถสร้างปาฏิหาริย์และผลลัพธ์เหนือสามัญสำนึกได้เสมอ


เหตุใดซีบาลถึงหวังพึ่งพาบุคคลที่เคยทำลายเกียรติยศของตนจนป่นปี้?


คำตอบคือ ในใจลึกๆ แล้ว มันยอมรับว่าฝีมือของกริดอยู่เหนือใครทั้งหมด


“ฮะฮะ เราอ่อนแอขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไร…”


ซีบาลอมยิ้มขื่นขม มันกำลังตำหนิตัวเอง


แต่ความจริงแล้ว ซีบาลไม่ได้อ่อนแอลง มันแข็งแกร่งยิ่งกว่าสมัยเป็นผู้นำเจ็ดกิลด์ใหญ่ สมัยที่ยังโอหังและเรียกตัวเองว่าท้องฟ้า


มันทรงพลังยิ่งกว่าอดีตกาลหลายเท่า


หากกวาดสายตามองหาแรงเกอร์ทั่วโลก คงมีไม่เกินสิบบุคคลที่สามารถโค่นซีบาลในร่างจักรกลเวทมนตร์ลงได้


แต่ถึงอย่างนั้น กริดคือบุคคลที่พิเศษกว่าใคร



▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬
ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 4 ตอน
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,425
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/

Comments

  1. ขอบคุณ​มาก​ครับ​🙏

    ReplyDelete
  2. เห็นแก่ตัวมากเลยนะ คิดได้ไงอ่ะศิลาแห่งชีวิตไม่ได้มีแค่ของแอ็กนัสมั่ย ทำไมต้องเจาะจงแต่คนเดียว

    ReplyDelete
    Replies
    1. เพราะว่าศิลาเป็นของในตำนานไงไม่มีใครรู้วิธีได้มันมา ซึ่งแอกนัสก็ได้มาเพราะสังเวยคนบริสุทจำนวนมาก แต่คนส่วนมากไม่มีใครรู้ถ้าไม่เดี่ยวข้องกับวิหารยาธาน ด้วยความมักง่ายของ การแย่งของที่มีอยู่จริงย่อมง่ายกว่า โคตรเลว

      Delete
    2. สังเวยคนบริสุทธิ์จำนวนมากก็เลวนะ

      Delete
    3. ใช่ครับเห็นแค่ตัวมากชอบพูดว่าเพื่อส่วนรวมเพราะว่าตัวเองไม่ได้เป็นคนที่ต้องเสียสละหรือเสียผลประโยชน์

      Delete
    4. แอ็กนัสได้ศิลาชีวิตจากวิหารยาธานไม่ใช่เหรอ จากบทพูดฝั่งวิหารยาธานเองเลย จากตอนที่แอ็กนัสทรยศเพื่อช่วยำอรีนอะ

      Delete
    5. แล้วบอกว่ารับผิดชอบนี่คือ ยังไง? จะสร้างขึ้นใหม่ให้อ๋อ พูดง่ายไป๊~ แค่บอกว่าจะรับผิดชอบ..แค่นี้อ๋อ ง่ายไป๊ มักง่ายเกิ๊นนน

      Delete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00