จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1030



[ค่าความสัมพันธ์กับเกล็นฮาล ดยุคแห่งจักรวรรดิซาฮารัน เพิ่มถึง 50 หน่วย เกล็นฮาลยินดีรับประทานอาหารร่วมโต๊ะกับท่านทุกมื้อ]


[ค่าความสัมพันธ์กับมอริส ดยุคแห่งจักรวรรดิซาฮารัน เพิ่มถึง 30 หน่วย มอริสจะอมยิ้มเมื่อท่านเล่นมุกตลกห่วยๆ]


[ค่าความสัมพันธ์กับบาซาร่า ดยุคแห่งจักรวรรดิซาฮารัน เพิ่มถึง 62 หน่วย ไม่ว่าท่านจะขอร้องสิ่งใด บาซาร่าจะพยายามไตร่ตรองและมอบคำตอบเชิงบวกให้ท่าน]


“…”


เมื่อถูกรายล้อมด้วยอัศวินและสามดยุคแห่งจักรวรรดิ กริดรู้สึกถึงประสบการณ์ใหม่


บุคคลทรงอิทธิพลแห่งจักรวรรดิที่ไม่เคยชายตามองตนเมื่อหลายปีก่อน ปัจจุบัน พวกมันกำลังเคารพเทิดทูน


ราวกับฝันไปก็ไม่ปาน


เป็นความรู้สึกที่ยากอธิบาย มีทั้งสุขและกระอักกระอ่วนปะปน


ทันใดนั้น ชายหนุ่มพลันเกิดคำถาม


‘ทำไมบาซาร่าถึงเพิ่มมากที่สุด?’


สำหรับเกล็นฮาล กริดพอจะเข้าใจได้ เพราะทั้งคู่สนทนากันบ่อยครั้ง เกล็นฮาลทำตัวเหมือนพี่ใหญ่ของทั้งสามดยุคมาตลอด แถมยังเกิดเหตุการณ์ ‘มือมาร’ สัมผัสเข้าในวันแรกที่จับมือ


ถ้าจะระบุว่าเป็นเพราะบุญคุณช่วยชีวิต ความสัมพันธ์ทั้งสามดยุคควรเพิ่มในปริมาณที่ใกล้เคียงกัน กริดจึงไม่เข้าใจเลยสักนิด ว่าเหตุใดบาซาร่าถึงชื่นชอบตนมากกว่าใคร


บาซาร่าเป็นสตรีเลอโฉมที่ครอบครองมหาสมุทรแห่งความรู้ เธอมีบุคลิกเย็นชาและเอาจริงเอาจังเสมอ ตลอดหลายวันที่ผ่านมา บาซาร่าเปิดปากพูดไม่มากครั้ง


‘เข้าใจยากจังแฮะ…’


กริดส่ายศีรษะ สายตาหันไปมองทางน้ำตก


หลังจากถูกบราฮัมดูดกลืนมานาจนเหือดแห้ง น้ำตกทั้ง 53 สายกลับสู่ความสงบไร้พิษภัย เป็นเพียงสายวารีไหลผ่านตามแรงโน้มถ่วง


เบื้องล่างน้ำตก สาวกเทพสงครามกำลังนอนแผ่หลาหมดสภาพ


สาวกเทพสงครามสิบเทคนิค


ในสายตากริด เจ้านี่ยังอ่อนแอกว่ายังบันการัมเล็กน้อย ถึงมันจะเคยอวดโอ่ว่าแข็งแกร่งสุดหยั่ง แต่ปัจจุบันกลับมีสภาพรอแร่ พร้อมตายในทุกวินาที


แข้งขาสั่นระริก ลำตัวปรากฏบาดแผลฉกรรจ์หลายจุด แขนซ้ายและใบหูขาดหาย โลหิตข้นไหลทะลักจากลำคอ


จนถึงไม่กี่นาทีก่อน มันต่อสู้ชนะสามดยุค กริด และสิบวีรชนฯ อย่างง่ายดายตามลำพัง


‘รีบฆ่าทิ้งดีกว่า’


พลังชีวิตอีกฝ่ายเหลือไม่ถึงสิบเปอร์เซ็นต์ แต่เนื่องจากร่างกายถูกฉีกกระชากทารุณด้วยเวททอร์นาโด อาการผิดปรกติทางกายภาพหลายชนิดจึงซ้อนทับ ร่างกายมิอาจขยับได้ดังใจ บางทักษะถูกผนึกปิดตาย ไม่เก่งกาจปากกล้าเหมือนตอนต้น


“ปิดฉากมันกันเถอะ”


“ขอรับ”


กึก


กริดเดินเข้าหาร่างสาวกเทพสงครามโดยมีอัศวินจำนวนมากเดินตามหลัง ชายหนุ่มหวังดับลมหายใจสาวกตัวปัญหาโดยเร็ว หากปล่อยให้ฟื้นฟู เกรงว่าหายนะก่อนหน้าจะกลับมาเกิดซ้ำรอย โดยคราวนี้ไม่มีบราฮัมคอยช่วย


และเหนือสิ่งอื่นใด


‘ไอเท็มดรอปและค่าประสบการณ์ต้องเป็นของฉันแต่เพียงผู้เดียว!’


กริดต้องรีบลงมือ เขาไม่อยากสูญเสียค่าประสบการณ์และไอเท็มให้สามดยุค ในซาทิสฟาย หนึ่งปัจจัยสำคัญสำหรับสร้างคะแนนคุณงามความดีในการปราบบอสคือ—เป็นผู้ปิดบัญชี


กึก กึก


นัยน์ตากริดที่ย่างกรายเข้าหาสาวกเทพสงคราม กำลังลุกโชนด้วยเปลวเพลิงแห่งความละโมบ ภายในหัวจินตนาการถึง ‘คัมภีร์ลับ’ ซึ่งมีโอกาสดรอปจากสาวกเทพสงคราม รวมถึงค่าประสบการณ์ปริมาณมหาศาลที่มิอาจจินตนาการออก


หลายวันที่ผ่านมา คัมภีร์ลับซึ่งดรอปจากสาวก ‘ห้าเทคนิค’ ภายในป่า ส่วนใหญ่เป็นแบบชำรุดเสียหายจนมิอาจนำมาใช้งาน


“วิชาดาบแพ็กม่า”


เมื่อเข้าระยะโจมตี กริดรำดาบไม่รีรอ


ปราณดาบและมานากำลังเอ่อล้นท่วมร่าง เส้นรัศมีดาบเข้มข้นถูกปลดปล่อยจากคมดาบท้าทายเทพพร้อมกับเวทมนตร์อีกสี่ชนิด


สะพรั่งทำลายล้างร่ายรำสังหาร


ทันใดนั้น


[วิชาดาบและเวทมนตร์หลอมรวมเป็นหนึ่ง!]


ข้อความระบบใหม่ปรากฏขึ้นที่มุมสายตากริด


ขณะเดียวกัน การโจมตีสุดทรงพลังถูกปลดปล่อยใส่สาวกเทพสงครามที่ทำได้เพียงใช้แขนหนึ่งข้างปัดป้องอย่างไร้ทางสู้


[โลกเรียกขานบุคคลเช่นท่านว่า ‘จอมดาบเวท’]


[ระบบจะทำการมอบคลาสใหม่ให้ท่าน]


[ท่านได้รับคลาสรองที่สอง ‘มหาจอมดาบเวท’]


ชิ้ง—


<มหาจอมดาบเวท>

เกรด : เลเจนดารี (เติบโต)

จอมดาบเวทผู้สืบทอดพลังจากแพ็กม่าและถูกอุปถัมภ์บราฮัม เส้นทางของเขาเริ่มที่ตำนาน และจะจบลงด้วยเทวะตำนาน


[ผลจากคลาส ‘มหาจอมดาบเวท’ ค่ามานาสูงสุดและปราณดาบสูงสุดเพิ่มขึ้น 20% ถาวร]


[ผลจากคลาส ‘มหาจอมดาบเวท’ ระยะหน่วงของทักษะดาบและเวทมนตร์ลดลง10% ถาวร]


[ผลจากคลาส ‘มหาจอมดาบเวท’ ค่าพละกำลังและสติปัญญาเพิ่มขึ้น 100 แต้มถาวร]


[ผลจากคลาส ‘มหาจอมดาบเวท’ ค่าสถานะที่ได้รับต่อเลเวลเพิ่มขึ้น 2 แต้ม แต่จะถูกบังคับนำไปอัปค่าพละกำลัง]


[เมื่อใดที่คลาส ‘มหาจอมดาบเวท’ พัฒนากลายเป็นเกรดมิธ เอฟเฟคด้านบวกจะเพิ่มขึ้น]


[ตัวตนของท่านมีระดับสูงขึ้น ท่านได้รับทักษะชนิดใหม่ ‘กระตุ้นแก่นพลัง’]


★กระตุ้นแก่นพลัง★

จำนวนคงเหลือ : 3

หากใช้งาน ‘ค่าสถานะ’ ที่เลือกจะเพิ่มขึ้นสองเท่าเป็นเวลา 1 นาที การใช้งานหนึ่งหนจะสูญเสียจำนวนคงเหลือหนึ่งครั้ง

หากจำนวนคงเหลือถูกใช้จนหมด ค่าสถานะทุกชนิดของท่านจะลดลงครึ่งหนึ่งถาวร

* ไม่สามารถเพิ่มจำนวนคงเหลือของทักษะกระตุ้นแก่นพลังได้


“…!”


กระตุ้นแก่นพลัง


หลักการของมัน กริดทราบมานานแล้ว


สิ่งนี้คือต้นตอที่ทำให้เส้นผมเมอร์เซเดสกลายเป็นสีขาวโพลน แทนเส้นผมสีฟ้าครามสมัยอดีต


ศัตรูซึ่งมิอาจเอาชนะได้ด้วยวิธีการปรกติ เพื่อจะต่อกรอย่างสูสี เธอตัดสินใจเลือกเส้นทางสูญเสียพลังและยอมรับผลกระทบ ไม่แยแสสีผมอันงดงามซึ่งติดตัวมาตั้งแต่กำเนิดแม้แต่น้อย


เมื่อหวนนึกถึงเมอร์เซเดส กริดเกิดความรู้สึกผิดสถานหนัก เขาลั่นสัตย์สาบานในใจ


‘ต่อให้ความตายอยู่ตรงหน้า เราจะไม่ใช้มันอย่างเด็ดขาด!’


เมื่อครบสามครั้ง สมรรถภาพร่างกายจะเสื่อมถอยทันที แต้มสถานะทุกชนิดจะเหลือเพียงครึ่ง ไม่ต่างอะไรกับคนพิการ


แค่ลองใช้สักครั้งยังไม่กล้า…


บึ้ม!


บึ้มบึ้มบึ้มบึ้มบึ้ม!!


เสริมแกร่งศาสตรา เวทตรวจจับ


เวทอัสนี ลมเฉือน


เทคนิคดาบผสานสี่ชนิด รวมถึงเวทมนตร์สี่รูปแบบ เริ่มทำหน้าที่ประหัตประหารสาวกเทพสงครามอย่างไร้ความปรานี


กลไกการเอาตัวรอดสุดท้าย สาวกเทพสงครามพยายามโจมตีสวนกลับเพื่อขัดขืน แต่แขนข้างเดียวของมันย่อมมิอาจทำสิ่งใดเป็นชิ้นเป็นอัน


ลงเอยด้วย กริดกระหน่ำวิชาดาบแพ็กม่าตามซ้ำต่อเนื่องหลายชนิด เช่นมายาร่ายรำสะพรั่ง


“แค่ก…! อั่ก!”


สาวกเทพสงครามสิบเทคนิคที่ใกล้สิ้นชีพเต็มที พ่นถ้อยคำออกมาพร้อมก้อนโลหิตคำโต


“ขอบใจ… มาก”


“…!”


เป็นคำพูดที่ไม่คาดคิด กริดถึงกับชะงักนานหลายวินาที


เมื่อลองย้อนนึกดู สาวกเทพสงครามที่เคยฆ่าฟันไปก่อนหน้า ทั้งหมดจะเกิดใหม่เมื่อถึงเวลาที่กำหนด เหมือนกับมอนสเตอร์ทั่วไปที่มีอยู่ดาษดื่น


“นามของข้าคือเมอร์ลิน… ตามคำแนะนำของท่านเทพสงคราม ข้าเข้าสู่เส้นทางบำเพ็ญตนและตัดขาดอารมณ์นานกว่าห้าสิบปี…”


แต่ไหนแต่ไรมา มีเพียงสาวกเทพสงครามสิบเทคนิคเท่านั้นที่สามารถสนทนาโต้ตอบกับมนุษย์


“…ตัวข้าที่จมอยู่กับความมืดมิดและสิ้นหวัง ไม่พบเคยแสงสว่างหรือปลายทางมาแสนนาน ในที่สุดก็ถูกปลดปล่อยให้เป็นอิสระเสียที… ขอบใจเข้ามาก”


มันเหมือน NPC มากกว่ามอนสเตอร์


ซู่ว—


ในที่สุด ร่างสาวกเทพสงครามนามเมอร์ลินก็กลายเป็นแสงสีเทา


กรอด!


กริดขบกรามแน่น แม้จะดีใจที่ได้รับคลาสรองเพิ่ม แต่ขณะเดียวกันก็รู้สึกเกลียดชังเซราทุลเป็นล้นพ้น


ไม่แปลกที่ชายหนุ่มจะโกรธเคือง ภาพแพ็กม่าที่หลงเดินทางผิดในอดีตได้ทับซ้อนเมอร์ลินจนกริดรู้สึกเจ็บแปลบ


‘แกทำลายชีวิตผู้คนไปมากแค่ไหนกัน?’


เหยื่อจำนวนไม่น้อยต้องเผชิญโศกนาฏกรรมเฉกเช่นแพ็กม่าและบราฮัม


ต่ำทรามที่สุด…


ขณะคิดเช่นนั้น


[เทพสงคราม·เซราทุลกำลังเฝ้ามองท่าน]


> โกรธแค้นเราหรือ


เสียงอันผ่อนคลายของเทพสงครามดังก้องในหัว มันมิได้ถือสาพฤติกรรมต่อต้านของกริด


ย่อมต้องเป็นเช่นนั้น


เทพเซราทุลเป็นสิ่งมีชีวิตที่ทรงพลังลำดับต้นๆ ของซาทิสฟาย มันทระนงและโอหัง ไม่จำเป็นต้องแยแสความรู้สึกมดปลวกต่ำต้อย


เพียงความเกลียดชังจากมนุษย์หนึ่งคน ไม่มากพอจะทำลายความสุขุมของเทพสงครามได้


ใบหน้ากริดบิดเบี้ยวยิ่งกว่าเก่า ชายหนุ่มโกรธแค้นที่เซราทุลไม่แสดงท่าทีสำนึกผิดแม้แต่น้อย


ทว่า นั่นเป็นการถูกครอบงำ…


คำสาปแห่งเทพ คำสาปซึ่งจะกัดกินจิตใจใครก็ตามที่บังอาจสังหารสาวกเทพสงครามซึ่งเทพเซราทุลเคยสิงร่าง


[โทสะกำลังสุมในอกท่าน!]


[ท่านต้องการปลดปล่อยเดี๋ยวนี้!]


[ท่านมิอาจแยกแยะมิตรศัตรู!]


“อ…อะไรนะ?”


ภาพการมองเห็นของกริดกลายเป็นสีแดงฉานและเริ่มหมุนเคว้ง ร่างกายถูกแรงกดดันลึกลับเข้าครอบงำ สูญเสียสมดุลบังคับ หลงทิศ กลับซ้ายเป็นขวา กลับบนลงล่าง


ซู่ววว—


หลังจากดึงสติกลับมาได้ รอบตัวกริดเต็มไปด้วยสาวกเทพสงครามจำนวนมาก


ราวสามร้อยเห็นจะได้


พวกพ้อง อัศวินจักรวรรดิ รวมถึงสามดยุค ทั้งหมดหายไปโดยสิ้นเชิง


“พวกแกบังอาจ….!”


กล้าสังหารพวกพ้องฉันเชียวหรือ?


กริดเลือดขึ้นหน้า ชายหนุ่มเริ่มระบำดาบด้วยสีหน้าเดือดดาลสุดขีด


> ใจเย็นก่อน


[เทพตีเหล็ก·เฮ็กเซเทียสงบจิตใจท่าน]


“กริด…! กริด! ตื่นสิ!!”


“อะ…”


ภาพการมองเห็นกริดที่เคยแดงฉานและหมุนส่ายซ้ายขวาชวนเวียนหัว กลับสู่สภาพปรกติอย่างแท้จริง


สาวกเทพสงครามสามร้อยตนเบื้องหน้าสลายไป แทนที่ด้วยพวกพ้อง สามดยุค และอัศวิน


‘อย่าบอกนะว่า…’


สาวกเทพสงครามที่ตนเห็นเมื่อครู่ ที่จริงแล้วเป็นคนเหล่านี้หรอกหรือ?


บุคคลที่เรากำลังจะลงมือทำร้าย…


คำสาปแห่งเทพ


เมื่อตระหนักถึงความน่ากลัว ชายหนุ่มพลันเย็นสันหลังวาบ หัวไหล่สั่นระริกรุนแรง


“เกิดอะไรขึ้น? เห็นผีมารึไง?”


พวกพ้องของเขา รวมถึงยูร่าและจิสึกะ รีบวิ่งเข้ามาหาพร้อมไต่ถาม


แต่ไม่มีใครเซ้าซี้ให้มากความ ทุกคนกล่าวเพียงประโยคสั้นอย่างห่วงใยและคอยจ้องมองด้วยสายตาอบอุ่น


เท่านี้ก็เพียงพอแล้วสำหรับกริด


“ไม่ใช่ผี… แต่เป็นมอนสเตอร์”


กริดอมยิ้มพลางส่ายศีรษะ ก่อนจะรีบสำรวจความผิดปรกติที่เกิดขึ้นกับร่างกายตนเอง


ความรู้สึกถูกครอบงำเมื่อครู่ยังคงตกค้างเล็กน้อย ยากจะสลัดออกจากจิตใจโดยสมบูรณ์


นอกเหนือจากนั้น ค่าประสบการณ์ยังเพิ่มขึ้นจากเดิมมากถึง 20% นี่คือปริมาณที่ได้รับเมื่อสังหารสาวกเทพสงครามสิบเทคนิคไปแค่ตนเดียว


‘ข้างในมีสมบัติสินะ?’


กริดไม่แยแสซากศพสาวกอีก เขารีบมุ่งหน้าไปยังม่านน้ำตกซึ่งสาวกเทพสงครามเคยยืนเฝ้าตลอดสองวันที่ผ่านมา


สกังค์เดาว่า ด้านในต้องมีสมบัติลับซ่อนอยู่


หลังจากย่างกรายเข้าไป สิ่งแรกที่เห็นคือ ผนังหินรอบทิศล้วนเต็มไปด้วยภาพจิตรกรรมหลากหลาย ลักษณะคล้ายกับภาพวาดผนังถ้ำของวัดพุทธ สีสันสดใสเปี่ยมด้วยเรื่องราว


แต่ขณะเดียวกันก็มอบความหวาดกลัว


“คงต้องใช้เวลาตีความนานพอสมควร”


สกังค์กวาดสายตามองโดยรอบ น้ำเสียงบ่งบอกชัดเจนว่ายังไขปริศนาไม่ได้ แต่แววตากลับส่องประกายราวกับเด็กได้ของเล่นใหม่


นี่คงเป็นปริศนาที่เต็มไปด้วยความลึกลับและเรื่องราวมากมาย ขณะครุ่นคิด กริดรีบกวาดสายตาสำรวจโดยรอบด้วยค่าวิสัยทัศน์อันสูงส่ง


จนกระทั่งได้พบปากทางเข้าถ้ำขนาดเล็ก


“ฉันเอง”


เฟคเกอร์รีบจับบ่ากริดไว้แน่น ก่อนจะเดินเข้าไปเสี่ยงอันตรายด้านในด้วยท่าทีระมัดระวัง ในฐานะนักลอบสังหาร สัมผัสกับดักของมันย่อมเฉียบแหลมกว่าทุกคลาสที่ขุนพลโอเวอร์เกียร์มี


เมื่อตระหนักว่าปลอดภัย มันส่งสัญญาณให้พวกพ้องด้านนอกตามเข้าไป


โพรงถ้ำไม่ใหญ่มาก ลึกราวหนึ่งร้อยเมตร


“นั่นมัน…”


ในจุดลึกสุดของถ้ำ


จิตรกรรมฝาผนังขนาดมหึมา


เป็นภาพของมนุษย์ที่ตัวเล็กเท่ามดกำลังทำท่าคำนับท้องฟ้า ไม่เป็นที่แน่ชัดว่าเป้าหมายการคำนับคือสิ่งใด


กึ่งกลางท้องฟ้ามีเพียงจุดสีแดงที่ส่องสว่าง


นั่นคงไม่ใช่ดวงอาทิตย์ แต่ความสว่างและขนาดไม่ด้อยไปกว่าดวงอาทิตย์แม้แต่น้อย


“หากประเมินจากสภาพแวดล้อมบนเกาะแห่งนี้ นั่นคงเป็นสัญลักษณ์แทนเทพสงคราม”


สกังค์ให้ความเห็นขณะยืนพิจารณาด้วยสีหน้าครุ่นคิด


หลังจากใคร่ครวญพักหนึ่ง มันส่ายศีรษะ


“แต่ดูแปลกไปสักหน่อยหากจะบอกว่าเป็นการบูชา เพราะตามปรกติแล้ว ผู้คนในภาพต้องแสดงสีหน้ายินดีหรือสนุกสนาน ทว่า มนุษย์ทุกคนในภาพล้วนกลับกำลังร่ำไห้”


ทันใดนั้น


ครืนนนนน—


ถ้ำเริ่มสั่นสะเทือนรุนแรง พื้นดินยกสูงขึ้นและก่อตัวเป็นรูปทรงแท่นบูชา กึ่งกลางแท่นมีหีบเก่าวางอยู่หนึ่งใบ


<หีบคัมภีร์>


“มันล็อกอยู่ พวกเราต้องหากุญแจ…”


สกังค์ยังคงไม่เชื่อในพลังมาสเตอร์คีย์ที่กริดครอบครอง มันหันมากล่าวกับทุกคนเป็นนัยว่า ต้องช่วยกันค้นหากุญแจให้พบ


กริ๊ก


กริดใช้กุญแจจังไรไขหีบสมบัติอย่างง่ายดาย


‘กุญแจบัดซบ!’


สกังค์สบถในใจโดยไม่ให้เสียงเล็ดลอด


***


ขณะเดียวกัน บริเวณหาดชายฝั่งโบราณสถานเทพสงคราม


“ฟู่ว! มาถึงสักที”


ในที่สุด เรือทัพเสริมของจักรวรรดิก็แล่นมาถึงจุดหมาย แม้จะช้ากว่ากำหนดการเดิมถึงสองเท่าก็ตาม


‘นั่นมัน…?’


ดยุคแห่งสุรา·ดีวอสที่กระโดดลงจากเรือ มันแสยะยิ้มชั่วร้ายเมื่อเหลือบเห็นเรืออีกลำที่กำลังจอดเทียบท่าอยู่ก่อน


ข้างลำเรือติดธงโอเวอร์เกียร์เด่นสง่า


“สงครามยกที่สองเริ่มขึ้นบนเกาะแห่งนี้สินะ”


ดยุคแห่งสุรา·ดีวอส ในอดีต มันเคยลอบสังหารราชาโอเวอร์เกียร์ล้มเหลว ทั้งที่อีกฝ่ายอยู่ห่างเพียงแค่เอื้อม นั่นคือความอัปยศครั้งใหญ่ของชีวิตมัน เป็นความอับอายที่มันไม่ยอมยกโทษให้ตัวเองเด็ดขาด


“รอก่อนเถอะ ราชาโอเวอร์เกียร์… ฉันคนนี้จะเป็นผู้ตัดเศียรของแกเอง”


เตือนความจำกันสักนิด


ดยุคดีวอสอ่อนแอที่สุดในบรรดาเกล็นฮาล มอริส และบาซาร่า


▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬

ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 4 ตอน

ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,419

ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/


Comments

  1. ถ้าจะเล่นงานกริดต้องผ่านด่านสามดยุคนี้ไปให้ได้ก่อนนะ​ดยุคดีวอส

    ReplyDelete
  2. ไม่นะ ดีวอสนายมาได้โคตรผิดเวลาเลย อาเมน~

    ReplyDelete
  3. ไว้อาลัยแด่ดยุคดีวอสด้วยครับ

    ReplyDelete
  4. ตายแน่ไอขี้เมา

    ReplyDelete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00