จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1027



‘แค่นี้เองหรือ?’


กริดผิดหวังรุนแรงหลังจากเดินผ่านผืนป่าหนาทึบกว่าสิบชั่วโมง


โบราณสถานเทพสงคราม… ปรากฏตัวหลังจากซาทิสฟายเปิดตัวได้หกปี หมายความว่าเนื้อหาและความยากต้องมีระดับสูง


มันควรจะหฤโหดกว่านี้ไม่ใช่หรือ?


ด้วยความสัตย์จริง กริดจินตนาการอยู่เสมอว่าแผนสำรวจโบราณสถานเทพสงครามจะไม่ประสบความสำเร็จ


แต่พอมาถึง มันกลับไม่มีอะไรเลย ทุกสิ่งง่ายดายจนน่าเบื่อเมื่อมีมาสเตอร์คีย์


‘วิหารกัลกุนอสยังยากกว่า…’


สาวกของโบราณสถานมีเลเวลสูงกว่าสาวกในวิหารราว 50 ระดับ และครอบครองเทคนิคต่อสู้ในจำนวนที่มากกว่า


แต่ภัยคุกคามกลับไม่รุนแรงอย่างที่คิด พวกมันเป็นเพียงมอนสเตอร์ทั่วไปและเดินลาดตระเวนทีละหนึ่งตน วิหารกัลกุนอสซึ่งเต็มไปด้วยอันเดดมหาศาลจึงมีระดับความยากสูงกว่าอย่างไม่ต้องสงสัย


‘…แถมตัวตนกัลกุนอสก็ยังเป็นปริศนา’


ในซาทิสฟายไม่มีสูตรคำนวณตายตัว กริดจึงไม่ทราบว่าดันเจี้ยนบนทะเลแดงจะมีระดับความยากมาน้อยเพียงใดเมื่อเทียบส่วนอื่นของโลก


โลกถูกแบ่งเป็นสามส่วน ทวีปตะวันตก ตะวันออก และทะเลแดง


…สิ่งมีชีวิตอันดับหนึ่ง มังกร พวกมันอาศัยบนทวีปตะวันตก แบบนี้หมายความว่า ทวีปตะวันตกมีระดับความยากสูงสุดอย่างนั้นหรือ?


‘…ไม่ใช่เลยสักนิด’


ผืนป่าเป็นเพียงประตูนำไปสู่โบราณสถานที่แท้จริง หลังจากนี้ไป ระดับความยากต้องเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญแน่


“หืม…”


ภายในกระโจมส่วนตัว กริดกำลังใช้สมองครุ่นคิดพลางลูบไล้ไปบนเส้นขนของโนเอะซึ่งเริ่มดำเข้มขึ้นทุกวัน


สูตรผลิตไอเท็มใหม่ ที่โครงกระดูกโอเวอร์เกียร์จะใช้กระดูกพวกมันเป็นวัสดุหลัก กริดครุ่นคิดนานหลายวันโดยที่ยังหาข้อสรุปไม่ได้


ถึงจะทราบว่าหมายเลขหนึ่งเป็นดาบ และหมายเลขสองเป็นเกราะหมวก แต่กริดก็คิดไม่ตกว่าจะนำไอเท็มใดมาเป็นต้นแบบ


ในเมื่อโครงกระดูกโอเวอร์เกียร์คือกำลังสำคัญในอนาคต เขาต้องให้พวกมันสวมใส่ไอเท็มที่ดีที่สุดเท่านั้น


“…ยากฉิบ”


โครงกระดูกโอเวอร์เกียร์สามารถเรียนสูตรผลิตไอเท็มได้เพียงตัวละหนึ่งชนิดเท่านั้น จึงเป็นเรื่องยากที่กริดจะตัดสินใจเด็ดขาด


“เมี๊ยว”


โนเอะเลียมือกริด เจ้าแมวอ้วนเป็นกังวลหลังจากเห็นใบหน้าเจ้านายเริ่มบิดเบี้ยว


‘น่ารักชะมัด’


กริดฉีกยิ้มกว้างหลังจากได้รับความรักและไออบอุ่นจากสัตว์เลี้ยง


“ฝ่าบาทกริด!”


ลอเอลตะโกนจากนอกกระโจมด้วยน้ำเสียงร้อนรน


“มีเรื่องด่วน! รีบออกมาเร็วเข้า!”


***


ซ่าาาาาา—


เสียงน้ำตกดังอื้ออึงจนหูแทบดับ


ณ หุบเหวสุดทางเดินผืนป่า


น้ำตกใหญ่น้อยจำนวน 53 สายไหลรวมตัวกันที่จุดศูนย์กลางจนเกิดเป็นลำธารสายใหญ่เบื้องล่าง


จากบรรดาน้ำตกทุกสาย มีสองสายที่ใหญ่มากเป็นพิเศษ กว้างราวสามสิบเมตรเห็นจะได้ แรงดันน้ำมหาศาลชนิดที่พื้นใต้ลำธารถูกกัดเซาะเกิดเป็นหลุมลึก


และนั่นคือเหตุผลที่ว่า ไม่มีใครสังเกตเห็นสาวกเทพสงครามที่ซ่อนตัวอยู่ด้านหลังม่านน้ำตกเลย การเหลือบเห็นของสกังค์ถือเป็นเรื่องบังเอิญโดยแท้จริง


ในวินาทีที่สกังค์พบเข้า เป็นเพราะน้ำตกสองสายเกิดการกระทบรุนแรงผิดปรกติจนม่านน้ำเจือจาง และแสงจันทร์ยามค่ำคืนฉายสองทะลุม่านน้ำตกในจุดดังกล่าวพอดิบพอดี


“…สาวกเทพสงครามสิบเทคนิค”


เหล่าสิบวีรชนถึงกับผงะ พวกมันดวลตัวต่อตัวไม่ชนะสาวกห้าเทคนิคด้วยซ้ำ แต่มอนสเตอร์ด้านในกลับสัตว์ประหลาดมากถึงสิบเทคนิค ไม่มีแม้แต่คนเดียวที่จินตนาการพลังของมันออก


ก่อนหน้านี้ แวนเนอร์เคยบาดเจ็บสาหัสจากสาวกเทพสงครามที่ครองเทคนิค ‘ท่าเตะ’ ซึ่งมองข้ามพลังป้องกันเป้าหมาย มันได้แต่อ้อนวอนว่าสาวกสิบเทคนิคจะมีท่าเตะจำนวนไม่มากนัก


กริดเพิ่งมาถึงทีหลังสุด มันเอ่ยปากถาม


“มันยืนนิ่งมานานแค่ไหนแล้ว? พวกเราลอบโจมตีทีเผลอได้ไหม?”


อีกฝ่ายคือมอนสเตอร์ดุร้ายที่มาพร้อมปัญญาประดิษฐ์ระดับ NPC พิเศษ สีชื่อยังไม่ทราบแน่ชัด เพราะระยะทางไกลมาก รวมถึงมีม่านน้ำตกคอยหักเหแสง


หากโชคร้าย มันอาจเป็นถึงมอนสเตอร์ระดับบอสใหญ่


“มันยังไม่รู้ตัวใช่ไหมว่าถูกพวกเราพบเข้า?”


“คิดว่าอย่างงั้น ด้านในม่านน้ำตกคงมีเสียงดังอื้ออึง และการมองออกมาก็คงไม่เห็นอะไรมากนัก”


คลับคล้ายกับผู้ฝึกวรยุทธกำลังเข้าฌาน สาวกเทพสงครามสิบเทคนิคยืนนิ่งดุจดังรูปปั้นหิน เปลือกตาทั้งสองข้างปิดสนิท ใบหน้าหันเข้าหาม่านน้ำตก


เป็นสัตว์ประหลาดที่ไม่มีข้อมูลเลยสักนิด


“ขณะที่มันยังเผลอ ต้องฉวยโอกาสฆ่าให้เร็วที่สุด พวกนายก็ต้องช่วยด้วย”


ถึงกริดจะเคยตัดพ้อว่าผืนป่าแห่งนี้ง่ายดายเกินไป แต่นั่นเพราะเขาต้องการความตื่นเต้นบ้างพอเป็นสีสัน ไม่ใช่อันตรายที่ต้องเอาชีวิตเข้าไปเสี่ยง


ต้องรีบกำจัดภัยคุกคามทิ้งโดยเร็ว


กริ๊ก!


‘เครื่องดึงด้าย’ บริเวณด้ามจับวิญญาณดาบส่งเสียงทำงาน หลังจากใบดาบท้าทายเทพถูกติดตั้งเรียบร้อย กริดเตรียมใช้เวทบินพุ่งทะยานไปด้านหน้าด้วยความเร็วสูง


ม่านน้ำตกอยู่ห่างออกไปราวสามกิโลเมตร


ในหัวกริดกำลังจินตนาการแผนต่อสู้ เขาจะเปิดฉากด้วยเทคนิคดาบผสานสี่ชนิด เพื่อให้สาวกเทพสงครามสิบเทคนิคได้รับบาดเจ็บหนัก ความสนใจจะได้มุ่งมายังตนเพียงผู้เดียว พวกพ้องจะได้สนับสนุนโดยไม่ต้องห่วงหน้าพะวงหลัง


ทว่า เกล็นฮาลรีบห้ามไว้


“ใจเย็นก่อน อันตรายเกินไป”


กริดชะงัก


“อันตรายตรงไหน? ขณะที่มันยังไม่สังเกตเห็นเรา ไม่มีโอกาสใดเหมาะสมไปกว่านี้แล้ว”


“มันหยั่งรู้ตัวตนพวกเรานานแล้ว”


“คุณกำลังพูดเรื่องอะไร? เจ้านั่นหลับตาอยู่ตลอดไม่ใช่หรือ? ถ้ามันทราบว่าเราอยู่ที่นี่ มีหรือจะยืนนิ่งดูดายเช่นนั้นโดยไม่บุกโจมตีเข้ามา?”


“ท่านไม่ทราบหรือ ว่าทำไมเราถึงสัมผัสตัวตนของมันไม่ได้ในตอนแรก? นั่นเพราะมันเข้าสู่ภาวะ ‘เป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ’ โดยสมบูรณ์ ฝ่ายเราอาจไม่รู้สึกถึงมัน แต่ฝ่ายมันสามารถตระหนักถึงความเคลื่อนไหวทุกฝีก้าว ดวงตาอาจปิดอยู่ แต่มันสัมผัสได้ด้วยฌาน”


กริดย่อมทราบถึงพลัง ‘เป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ’ เพราะนั่นคือเทคนิคที่ปิอาโร่ครอบครองเมื่อหลายปีก่อน


“แล้วคุณจะให้ทำอย่างไร? รอให้อีกฝ่ายโจมตีเข้ามาก่อนงั้นหรือ?”


เกล็นฮาลพยักหน้าให้กริดที่กำลังหงุดหงิด


“ระยะห่างมีมากพอสมควร พวกเรายังพอรับมือได้ทันท่วงที แถมยังมีความได้เปรียบด้านจำนวนคน สามารถจัดกระบวนรบสำเร็จก่อนที่มันจะพุ่งถึงตัวแน่นอน สรุปโดยสั้นคือ ดักรอสวนกลับในสถานการณ์ที่ได้เปรียบกว่า”


“หืม…”


เข้าใจแล้ว หากเป็นวิธีดังกล่าว พวกตนไม่ต้องลากสังขารไกลสามกิโลเมตรเพื่อต่อสู้ด้านหน้าน้ำตก


กริดพยักหน้าเห็นด้วย


‘สามดยุครอบคอบกว่าที่คิด’


พวกมันคือสุดยอดบุคคลบนทวีปตะวันตกที่ยากจะหาใครทัดเทียม หากกวาดสายตามองจนถ้วนทั่ว สิ่งมีชีวิตอื่นคงเป็นเพียงได้มดปลวก ตัวตนที่แข็งแกร่งกว่าเจ็ดดยุคแห่งจักรวรรดินั้นมีไม่ถึงหนึ่งหยิบมือ


พวกมันมีสิทธิ์ที่จะโอหัง และกริดเคยคิดมาตลอดว่าเจ็ดดยุคคงมีนิสัยเช่นนั้น ตัวอย่างที่ชัดเจนคือรีกัล


ทว่าเกล็นฮาล มอริส และบาซาร่า ทั้งสามต่างออกไปโดยสิ้นเชิง


พวกมันยอมละทิ้งศักดิ์ศรีและร่วมมือกับฝ่ายโอเวอร์เกียร์เพื่อให้แผนสำรวจโบราณสถานลุล่วง เป็นความใจเย็นระดับที่น่าหวาดหวั่นหากพิจารณาอย่างถี่ถ้วน


และในสถานการณ์ที่ต้องเผชิญหน้าศัตรูแข็งแกร่งซึ่งมีข้อมูลไม่มาก พวกมันเลือกวางแผนอย่างรัดกุมและเตรียมตัวพร้อมตลอดเวลา


สรุปโดยสั้นคือ สามดยุคเบื้องหน้าแข็งแกร่งกว่ากริด และใจเย็นกว่ากริดที่เอาแต่พุ่งชนอุปสรรคด้วยกล้ามเนื้อและพละกำลังมาตลอด


‘เราพยายามทำตัวให้สุขุมตลอดเวลาแล้ว แต่สมาธิมักหลุดไปชั่วขณะเมื่อความตื่นเต้นเข้าครอบงำ…’


ชายหนุ่มเริ่มเข้าใจขึ้นมาบ้าง ตัวเขาที่ปรารถนาจะเป็นอันดับหนึ่ง สิ่งสำคัญซึ่งขาดไม่ได้คือปัญญาและความสุขุมระดับเดียวกับเจ็ดดยุค


กาลเวลาไหลผ่านไปรวดเร็ว


“…”


ย่างเข้าสู่รุ่งเช้าของอีกวัน


“…”


และผ่านไปอีกหนึ่งวันเต็ม


“…”


แม้จะผ่านไปแล้วสองวัน แต่สาวกเทพสงครามยังคงปักหลักหลังม่านน้ำตกในจุดเดิมโดยไม่ขยับเขยื้อน


สีหน้าสามดยุคเริ่มไม่ค่อยสู้ดี


“ทำไมถึงไม่ยอมขยับไปไหนเลย?”


อย่าบอกนะ ว่ามันคิดจะยืนตรงนี้ไปตลอด?


เหล่าอัศวินทั้งสามร้อยที่เตรียมจัดทัพต่อสู้ตลอดสองวันเต็ม สีหน้าพวกมันเริ่มเหนื่อยล้าอิดโรย ทางฝั่งสิบวีรชนฯ ก็มีสภาพไม่ต่างกัน


จนกระทั่ง มอริส ราชาสัตว์ป่า เป็นฝ่ายเริ่มเปิดปากอย่างหัวเสีย


“พวกเรารอไม่ไหวแล้ว! บุกโจมตีเข้าไปตามที่ราชาโอเวอร์เกียร์เสนอเถอะ!”


สกังค์ช่วยเสริมให้คำพูดของมอริสมีน้ำหนักมากขึ้น


“ผมคิดว่าคงมีสมบัติลับซ่อนอยู่หลังม่านน้ำตก สาวกเทพสงครามตนนั้นจึงออกจากจุดเฝ้ายามไม่ได้”


“หืม…”


เกล็นฮาลเองก็ถึงขีดจำกัดแล้วเช่นกัน มันหันไปมองกริดเป็นนัยขอความเห็น


ชายหนุ่มพยักหน้าตอบ


“รอต่อไปเรื่อยๆ คงไม่ดีแน่ พวกเราไม่มีข้อมูลเลยว่า สาวกเทพสงครามตนนั้นจะเริ่มโจมตีเข้ามาเมื่อใด”


ไม่ใช่เพราะปรารถนาสมบัติ แต่เพื่อให้การสำรวจมีความคืบหน้า ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องขจัดทุกขวากหนามที่กีดขวางเส้นทาง


เมื่อกริดกล่าวจบ เกล็นฮาลพยักหน้าเห็นด้วย


“แต่ผมคงปล่อยให้ท่านไปคนเดียวไม่ได้”


ตลอดการเดินป่าด้วยกัน เกล็นฮาลแอบจับตามองฝีมือและพลังของกริดเป็นระยะ ถึงจะยังไม่มั่นใจว่า ราชาโอเวอร์เกียร์เป็นฝ่ายเอาชนะรีกัลได้ในการดวลตัวต่อตัว แต่ฝีมือของกริดก็ไม่มีสิ่งใดให้เคลือบแคลงสงสัย


…ในวินาทีที่จับมือ เกล็นฮาลสัมผัสถึงฐานะอันเท่าเทียมจากอีกฝ่าย มิได้ต่ำต้อยเยี่ยงกษัตริย์อาณาจักรเล็กทั่วไปอย่างที่พวกมันเคยเข้าใจ


มันไม่ต้องการให้กริดเข้าไปเผชิญอันตรายตามลำพัง


ความรู้สึกของเกล็นฮาลเกิดจากเอฟเฟคของแต้มสถานะพิเศษมากมายที่กริดมี รวมถึงพลังของสมญานามที่ช่วยให้ ‘ถูกยอมรับได้ง่าย’


“พวกเราก็จะไปด้วย”


เกล็นฮาล มอริส และบาซาร่า ทั้งสามกำลังยืนเคียงบ่าเคียงไหล่ไม่ห่างกริด สมาชิกโอเวอร์เกียร์ทุกคนต่างพากันขนลุกกับภาพที่เห็น


สัตว์ประหลาดสามตนนี้เป็นถึงเจ็ดดยุคแห่งจักรวรรดิ


ฉากที่ผู้ปกครองทวีปตะวันตกปรารถนาจะสู้ร่วมตายไปพร้อมกริด นี่คือความใฝ่ฝันที่แรงเกอร์ทั่วโลกมิอาจเอื้อมถึง


กริดยอดเยี่ยมถึงเพียงนั้น


เมื่อไม่กี่วันก่อน ศัตรูที่เหล่าสิบวีรชนฯ หวาดผวามากที่สุดได้ยอมสวามิภักดิ์เป็นพวกพ้องโดยฝีมือกริด แผ่นหลังของพวกมันไม่เคยอุ่นใจมากเท่านี้มาก่อน


‘ทั้งสามแทบไม่ต่างจากการัม’


อาจเป็นดังคำที่ลอเอลเคยว่าไว้ จักรวรรดิมิได้ต้องการเป็นศัตรูกับโอเวอร์เกียร์ตั้งแต่แรก ตรงกันข้าม พวกมันปรารถนาสายสัมพันธ์


และถ้าเป็นเช่นนั้นจริง อาณาจักรโอเวอร์เกียร์จะปลอดภัยและสงบสุขไปอีกแสนนาน ไม่ต้องคอยกังวลว่าทหารกล้าที่จงรักภักดีจะล้มหายตายจากไปทีละคนสองคนในยามสงคราม


“ตกลง ไปกันเถอะ”


เมื่อกล่าวจบ กริดปลดปล่อยเวทบินพร้อมกับพุ่งตัวไปด้านหน้า


ฟุ่บ!


สามดยุคกระโจนตามติดไม่ห่าง


ยูร่าและจิสึกะเข้าประจำจุดซุ่มยิง ยูเฟอมิน่าและลอเอลเตรียมใช้เวทมนตร์สนับสนุนในจังหวะเหมาะสม


เฟคเกอร์ คริส ป็อน เรกัส พีคซอร์ด แวนเนอร์ แค็ทซ์ และฮูเร็น ทุกคนพุ่งตามกริดและสามดยุคตรงเข้าไปยังกึ่งกลางหุบเหว


ถัดมาไม่นาน


“มายาร่ายรำสะพรั่ง!!”


กริดที่เปิดโหมดร่างมืดเคลื่อนที่เข้าใกล้ม่านน้ำตกเป็นคนแรก ชายหนุ่มสาดกระหน่ำรัศมีดาบ 40 เส้นพุ่งเข้าใส่สาวกเทพสงครามโดยไม่ลังเล


ทันใดนั้น


“…”


สัตว์ประหลาดที่ยืนนิ่งหลังม่านน้ำตกนานหลายวันพลันลืมตาตื่น


บึ้มบึ้มบึ้มบึ้มบึ้มบึ้ม—


เกิดเสียงระเบิดดังต่อเนื่องจนสายน้ำสาดกระเซ็นเป็นฟองฝอยไปทุกทิศ รัศมีดาบปะทะใส่ร่างสาวกเทพสงครามที่ยืนประจำในจุดเดิมเข้าอย่างจัง


อีกฝ่ายไม่คิดขยับตัวปัดป้องแต่อย่างใด ระบบป้องกันภัยอัตโนมัติทำงาน ม่านบาเรียวารีที่อัดแน่นด้วยพลังธรรมชาติช่วยลดทอนความเสียหายลงหลายส่วน


[ท่านสร้างความเสียหาย 3,500 หน่วย]


[ท่านสร้างความเสียหาย 3,320 หน่วย]


[ท่านสร้างความเสียหาย…]


“…!?”


ทักษะป้องกันตัวของสาวกเทพสงครามสิบเทคนิค ประสิทธิภาพด้านถึกทนเกินกว่าที่กริดจินตนาการไว้มาก


รัศมีดาบแต่ละเส้นของ ‘มายาร่ายรำสะพรั่ง’ ที่มีความรุนแรง 122% พลังโจมตีกายภาพ + 20% พลังโจมตีเวทมนตร์ กลับสร้างความเสียหายได้เพียงสามพันกว่าหน่วยเท่านั้น


ตัวเลขข้อความระบบทำให้จิตใจกริดเริ่มไม่อยู่กับเนื้อกับตัว


…เพราะพลังโจมตีคือสิ่งเดียวที่ตนมั่นใจว่ามีระดับทัดเทียมเจ็ดดยุคได้


บึ้มบึ้มบึ้มบึ้ม!!


ร่างกริดถูกปะทะด้วยพลังปริศนารุนแรงจนเกิดระเบิด ชายหนุ่มเสียหลักร่วงหล่นลงลำธารเบื้องล่างฉับพลัน เป็นการตอบโต้จากสาวกเทพสงครามด้วยคลื่นพลังธรรมชาติซึ่งพวยพุ่งขึ้นจากลำธารใต้ฝ่าเท้ากริด


“แฮ่ก!”


กริดรีบแหวกว่ายขึ้นมายังผิวน้ำ


บึ้มบึ้ม! เคร้งเคร้งเคร้ง!!


การปะทะอันดุเดือดระหว่างสาวกเทพสงครามและสามดยุคเริ่มต้นขึ้น ทักษะที่อลังการไม่แพ้เทคนิคดาบผสานสี่ชนิดของกริดถูกปลดปล่อยอย่างละลานตา ม่านน้ำตกถูกคลื่นพลังกระแทกจนสาดกระเซ็น


เมื่อสามดยุคลงมือโจมตีประสาน สาวกเทพสงครามเริ่มตกเป็นฝ่ายตั้งรับเล็กน้อย


ต่อให้มันคือมอนสเตอร์ระดับบอสผู้ครอบครองสิบเทคนิคลับ แต่สามสุดยอดตัวตนของทวีปตะวันตกก็ไม่อ่อนแอเช่นกัน


‘ก็สู้ได้นี่? พลังหนึ่งเดียวกับธรรมชาติไม่เห็นจะน่ากลัวสักเท่าไร…’


แล้วสามดยุคหวาดกลัวสิ่งใด?


กริดครุ่นคิดครู่หนึ่ง ก่อนจะเริ่มรำดาบทักษะ ‘สะพรั่งทำลายล้างร่ายรำสังหาร’ เพื่อโจมตีสนับสนุน เขาหวังสำแดงประสิทธิภาพสูงสุดของ ‘มาร์ค’ ห้าขีด ซึ่งถูกประทับใส่ร่างสาวกเทพสงครามตั้งตอนที่โจมตีเปิดฉากด้วย ‘มายาร่ายรำสะพรั่ง’


การร่วม ‘แจม’ มอนสเตอร์ถือเป็นปัจจัยสำคัญในการได้รับค่าประสบการณ์ตัวละครและไอเท็ม


จนกระทั่ง


ซ่าาาา—


บึ้มบึ้มบึ้มบึ้มบึ้มบึ้ม!!


น้ำตกทั้ง 53 สายรอบบริเวณเริ่มเคลื่อนไหวอย่างผิดธรรมชาติ พวกมันเปลี่ยนตัวเองเป็นมังกรวารี พุ่งรัดพันแข้งขาสามดยุคราวกับมีชีวิตและความคิด


“อึก!”


“แค่ก!”


ส่วนหนึ่งรัดพัน แต่ส่วนที่เหลือได้พุ่งโจมตีหมายฉีกกระชากร่าง หลอดพลังชีวิตสามดยุคเริ่มลดลงในปริมาณน่าใจหาย แรงดันมหาศาลของสายน้ำตกไม่ใช่เรื่องล้อเล่นเลยสักนิด


นี่น่ะหรือ… หนึ่งเดียวกับธรรมชาติ


พลังของปิอาโร่เพิ่งอยู่ในขั้นต้นเท่านั้นสินะ


ชาวนาในตำนานทำได้เพียงหยิบยืมอายุขัยของธรรมชาติมาช่วยเสริมสมรรถภาพร่างกาย แต่สาวกเทพสงครามกลับ ‘บงการ’ ธรรมชาติดุจดังแขนขา


ฉึบ


สาวกเทพสงครามชำเลืองมองกริดเล็กน้อยก่อนจะเปล่งเสียง


“พวกเจ้าไม่มีทางเทียบชั้นข้าได้”


ฉึบ


ทันใดนั้น ปลายนิ้วของสาวกเทพสงครามชี้ไปยังสามดยุคที่กำลังขัดขืนดิ้นรน ก่อนจะเปล่งเสียงแหบพร่ากังวาน


“น้ำเต็มแก้วที่มิอาจพัฒนาไปมากกว่านี้”


ฉึบ


ปลายนิ้วชี้ไปยังอากาศอันว่างเปล่า นั่นคือจุดที่เฟคเกอร์เร้นกายเตรียมซุ่มโจมตี


“เด็กหนุ่มที่เพิ่งหัดเดินบนเส้นทางนักฆ่า”


ฉึบ


ปลายนิ้วชี้ไปยังจุดห่างไกล เป็นบริเวณที่ยูร่าและจิสึกะกำลังซุ่มลอบยิง


“เด็กทารกที่พลังส่วนมากถูกผนึกไว้เนื่องจากภารกิจยังไม่ลุล่วง”


ฉึบ


สุดท้าย สาวกเทพสงครามชี้นิ้วมายังกริดที่กำลังยืนเผชิญหน้า


“ช่างเหล็กที่พัฒนาถึงขีดจำกัดแล้ว”


“…!”


“พวกเจ้าทุกคนล้วนอ่อนแอ มิอาจต่อกรกับตัวข้าผู้เดินบนเส้นทางบำเพ็ญตนได้”


แตกต่างจากสาวกเทพสงครามที่เคยเผชิญหน้าทั้งหมด สาวกตนนี้สามารถ ‘สนทนา’ กับมนุษย์ได้


คำประกาศกร้าวของมันทำให้จิตใจกริดถูกสั่นคลอนอย่างหนัก ความกังวลและความไม่มั่นใจเริ่มถาโถม ปมด้อยที่กริดแอบกังวลมานานถูกจี้ตรงจุด


‘เราพัฒนาถึงขีดจำกัดแล้ว?’


กริดทราบดีว่า ถ้อยคำของสาวกเทพสงครามหมายถึงสิ่งใด ชายหนุ่มขบกรามแน่นอย่างไม่ยอมรับ


“ขีดจำกัดอะไรกัน? เห็นเป็นช่างเหล็กธรรมดาหรือไง? ฉันคือผู้สืบทอดแพ็กม่า!”


กริดเคยครุ่นคิดและกังวลมาสักพักใหญ่


เมื่อเทียบกับนักล่าอสูร·ยูร่า พลังที่แท้จริงของเธอยังเบ่งบานไม่เต็มที่ และจะแสดงฝีมือได้น่าทึ่งในเนื้อเรื่องขุมนรกบทถัดไป


“ฉันจะแข็งแกร่งขึ้นอีกในอนาคต!”


เมื่อเทียบกับ ‘อริยดาบ’ ที่ทรงพลังตั้งแต่เริ่ม


“มีขีดจำกัดอีกมากมายให้ฉันพัฒนาไปถึง!”


มีหลายครั้งที่กริดเคยตัดพ้อว่า ผู้สืบทอดแพ็กม่าเป็นตำนานสายผลิตซึ่งมีพลังด้านต่อสู้อ่อนแอ ตนคิดถูกแล้วหรือที่เลือกเล่นทางนี้?


แต่เขาก็ทำลายความเชื่อเหล่านั้นหนแล้วหนเล่า พัฒนาตัวเองอย่างก้าวกระโดดจากเหตุการณ์ที่ตั้งใจและไม่ตั้งใจ จนกระทั่งกลายเป็นท้องฟ้าผืนปัจจุบันของเหล่าแรงเกอร์ทั่วโลกอย่างเป็นทางการ


ตัวตนที่ถูกริษยา ตัวตนที่ใครหลายคนใฝ่ฝันอยากเป็น


หากย้อนกลับไปสมัยอดีต ในวันแรกที่ได้กลายเป็นผู้สืบทอดแพ็กม่า กริดไม่มีทางจินตนาการว่าตนจะแข็งแกร่งอย่างทุกวันนี้


ขีดจำกัดช่างตีเหล็ก… เคยคำนี้ได้ยินบ่อยแล้ว


เขาเอาชนะชาตะกรรมเหล่านั้นมาตลอด จนกระทั่งไม่มีผู้เล่นใครในโลกทัดเทียม ความพยายามอย่างหนักตลอดหลายปีที่ผ่านมาไม่เคยไม่สูญเปล่า …มันไม่เคยทรยศหักหลัง


คำพูดเมื่อครู่ของสาวกเทพสงคราม กริดพยายามปฏิเสธมันอย่างหนักแน่น ตนยังมีหวังในการพัฒนาตัวเองอยู่ทุกลมหายใจ


เขาเชื่อเช่นนั้น


…จะไม่กลับไปตามหลังใครอีกแล้ว


ทว่า ถ้อยคำถัดไปของสาวกเทพสงครามช่างทำร้ายจิตใจแสนสาหัส


“ขีดกำจัดของช่างตีเหล็กนั้นต่ำต้อยนัก… ไม่ใช่ว่าแพ็กม่าต้องทำสัญญากับจอมอสูรเพื่อก้าวข้ามขีดกำจัดหรอกหรือ?”


“หุบปาก!”


กริดที่ดวงตาแดงก่ำลงมือปลดปล่อยสะพรั่งทำลายล้างร่ายรำสังหารใส่สาวกเทพสงครามตามความตั้งใจเดิม


แต่แม้อีกฝ่ายจะถูกประทับมาร์คห้าขีดครบ


แม้อีกฝ่ายจะยืนนิ่งให้โจมตีโดยไม่ปัดป้อง


แต่ความเสียหายกลับน้อยนิดจนยากจะทำใจยอมรับ สาวกเทพสงครามเบื้องหน้ามีระดับพลังป้องกันและความถึกทนชนิดที่กริดไม่เคยพบเจอ


…หลอดพลังชีวิตแทบไม่กระดิกลด แม้ว่าจะถูกกระหน่ำอย่างจังด้วยท่าไม้ตาย


“และท้ายที่สุด เจ้าจะต้องละทิ้งวิชาดาบ”


ทันใดนั้น


<เซราทุล>


“…?”


ตั้งแต่ตอนไหน…? ชื่อเหนือศีรษะศัตรูที่จากเดิมคือ ‘สาวกเทพสงครามสิบเทคนิค’ ได้กลายเป็นคำสั้นเพียงสามพยางค์


แถมยังเหมือนกับนามแห่งเทพ…


เทพสงคราม


ซ่าาาา!!


บึ้มบึ้มบึ้มบึ้มบึ้มบึ้มบึ้มบึ้มบึ้มบึ้ม!!


น้ำตกทั้ง 53 สายพลันบ้าคลั่งเกรี้ยวกราด


กริดกำลังดำดิ่งลึกลงในห้วงสับสน ไม่หลงเหลือกะจิตกะใจจะต่อสู้อีก รอบข้างเต็มไปด้วยเสียงโหยหวนทรมานของสามดยุคและสิบวีรชนฯ แห่งอาณาจักร


ทันใดนั้น


[ดวงวิญญาณบราฮัมตื่นจากหลับใหล]


เสียงที่ชายหนุ่มไม่ได้ยินแสนนานพลันดังแว่วภายในหัวสมอง


> ยังเที่ยวสร้างปัญหาไปทั่วเหมือนเดิม คราวนี้เป็นเทพสงครามสินะ? นายไม่รักชีวิตตัวเองบ้างหรือไง?


“…!”


น้ำเสียงบราฮัมมิได้แยแสความอันตรายของเหตุการณ์รอบตัวแม้แต่น้อย


แววตาสาวกเทพสงครามที่เคยจ้องมองกริดอย่างเหยียดหยันและเฉยชา มีอันแปรเปลี่ยนอย่างชัดเจน


บราฮัมกล่าวเพื่อสงบจิตใจกริด


> ปล่อยให้คำพูดไร้ราคาเข้าหูซ้ายทะลุหูขวาออกไปเสีย ตัวนายมีพื้นฐานที่ยอดเยี่ยม และจะยิ่งแข็งแกร่งขึ้นอีกในอนาคต


กริดไม่เหมือนกับแพ็กม่า เขาไม่จำเป็นต้องขายวิญญาณให้จอมอสูร เพราะชายหนุ่มมีบุคคลที่ยอดเยี่ยมกว่าจอมอสูรให้พึ่งพา


> นายยังมีฉันเคียงข้างเสมอ


[ชิ้นส่วนลับปรากฏ!]


▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬
ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 4 ตอน
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,416
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/

Comments

  1. ค้างงงงมากเลยยครับสนุกมาก

    ReplyDelete
  2. บราฮัมเจ๋งกว่าจอมอสูรหรอ? อย่างดีเลย!!

    ReplyDelete
    Replies
    1. แพ็กม่ากับบาเอล..สามารถสร้างอัศวินแห่งความตายได้ แต่กริด กับบราฮัม สามารถสร้างจักกลเวทมนได้

      Delete
  3. เทพก็เทพเถอะ🤜

    ReplyDelete
  4. จอมเวทซึนเดเระมาแล้ว

    ReplyDelete
  5. นายยังมีฉันเคียงข้ามเสมอ!

    ReplyDelete
  6. โอ้ยแม่ เรือนี้มันเเข็งแกร่ง

    ReplyDelete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00