จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1040



หลังจากกริดออกเดินทางไปยังโบราณสถานเทพสงคราม ไม่มีวันใดที่ปิอาโร่ข่มตาหลับอย่างสบายใจ


ถึงตนจะเป็นชาวนา แต่ปิอาโร่ก็มีความรู้เกี่ยวกับสาวกเทพสงครามอยู่มาก มันจึงกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของกริดเป็นพิเศษ


โบราณสถานเทพสงครามคือสถานที่อันตรายถึงเพียงนั้น


ปิอาโร่ไม่ตำหนิที่กริดไม่นำตนไปด้วย มันเพียงเฝ้ารอการอัญเชิญอัศวินในสภาพสวมเกราะหนักเต็มรูปแบบอย่างสงบเสงี่ยม


เวลาทุกวินาทีมีค่า หากฝ่าบาทเดือดร้อนและใช้ทักษะอัญเชิญ มันจะได้ตอบรับทันทีโดยไม่ต้องเสียเวลาสวมเกราะ


ปิอาโร่ได้แต่ภาวนา ได้โปรดอย่ามีสถานการณ์ยากลำบากถึงขั้นที่กริดต้องเรียกหาตนเลย


ตลอดร่วมเดือนที่ผ่านมา ปิอาโร่ไม่ได้ทำตัวเป็นชาวนาหรือตำนานแม้แต่วินาทีเดียว มันเอาแต่สวมบทบาทของอัศวินผู้ซื่อสัตย์


และแล้ววันนั้นก็มาถึง วันที่กษัตริย์แห่งโอเวอร์เกียร์ถึงคราวตกที่นั่งลำบาก


“…นี่นาย”


ปิอาโร่จ้องดีวอสด้วยสายตาอาฆาต


ไอ้บัดซบนี่ตามล่าเจ้านายตนจากเรย์ดันมาถึงโบราณสถานเทพสงครามเชียวหรือ?


“บังอาจปองร้ายราชาของฉัน”


หลังจากกลายเป็นตำนาน ปิอาโร่ก็หลุดพ้นจากพันธนาการแห่งดาบโดยสมบูรณ์


เมื่อความแค้นที่มีต่อเพื่อนรักอย่างอัสโมเฟลจบลง จิตใจด้านลบที่เคยดำมืดของปิอาโร่ถูกบรรเทาลงหลายส่วน


ปิอาโร่ได้รับความเยือกเย็นในยุครุ่งเรืองกลับคืนมาทีละนิด ถึงจะไม่ยังไม่สมบูรณ์ แต่ก็ค่อยๆ สั่งสมจนอยู่ในระดับที่ไม่หุนหันพลันแล่นโดยง่าย


ทว่า ไม่ใช่กับตอนนี้


สติปิอาโร่ขาดผึ่ง


มันเคยนึกสงสัยมาตลอด ในวินาทีที่ตนต้องเผชิญหน้ากับจักรพรรดินีแมรี่ สีหน้าของตัวมันจะเป็นเช่นไร? อดทนได้มากน้อยแค่ไหน?


จะระงับโทสะสำเร็จไหม?


เดาว่าคงไม่…


เปรี้ยะ! เปรี้ยะ!


ท่ามกลางแสงอาทิตย์สีแดงอมส้มที่ใกล้ลับขอบฟ้า บรรยากาศรอบไร่อ้อยพลันปะทุด้วยประกายแสงอัสนี


ธรรมชาติรอบตัวเริ่มเสียสละอายุขัยของพวกมันและแปรเปลี่ยนเป็นพลังให้กับปิอาโร่ผู้เดือดดาล


นี่คืออิทธิฤทธิ์ของภาวะเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ


“พลังที่ฉันไม่มีวันได้ครอบครองหากยังยึดติดอยู่กับวิธีแห่งดาบ”


ฟ้าววววว…


รอบตัวปิอาโร่ถูกสายลมรุนแรงโอบล้อม ภายใต้ชุดเกราะหรูหรา จอบเล็กและเคียวที่ห้อยบริเวณเอวกำลังปลิวไสวตามแรงวายุพัดพา น้ำหนักของอุปกรณ์ทำฟาร์มน้อยนิดจนยากจะเชื่อว่านี่คืออาวุธ แต่ความคงกลับทนแข็งแกร่งไม่เป็นสองรองใคร


ปิอาโร่สะบัดข้อมือ


ฉึบ


วัตถุขนาดเล็กคล้ายเมล็ดพันธุ์ ยากจะระบุตัวตนได้ด้วยตาเปล่า จำนวนหลายสิบหลายร้อย พลันพุ่งแหวกห้วงมิติด้วยความเร็วเทียบเท่ากระสุนปืน


ดีวอสสัมผัสถึงอันตราย มันรีบโยกเอนร่างกายหลบหลีก


ด้วยดวงตาและการมองเห็นเหนือมนุษย์ ดยุคแห่งสุราทราบถึงตัวตนของวัตถุปริศนาได้ทันที


ละอองฟ้าดิน


แม้ขนาดจะเล็กมาก แต่อานุภาพทำลายล้างของละอองฟ้าดินสามารถสั่นสะเทือนธรรมชาติให้โครมคราม


…เดี๋ยวก่อน อาจไม่ใช่


ปราณฟ้าดิน


พลังที่ถูกกล่าวขานว่าเป็นขั้นสูงสุดของปราณดาบ จิตสังหารควรท่วมท้นปกคลุมท้องฟ้า แต่ท่าโจมตีของปิอาโร่กลับสุขุมอ่อนโยน


สัมผัสถึงพลังทำลายไม่ได้แม้แต่เศษเสี้ยว


ทันใดนั้น


แปะ แปะ แปะ…


วัตถุปริศนาพุ่งตกลงบนพื้นรอบตัวดีวอสโดยมิได้สำแดงเดช มันเพียงละลายคล้ายหิมะต้องเพลิง และซึมเข้าไปในดินอย่างเงียบงัน


‘ท่าโจมตีหลอก?’


มันบังคับให้เราต้องหลบหรือนี่?


แล้วจะมีอะไรตามมา?


ดีวอสเตรียมตัวรับแรงกระแทกเต็มที่ มันไม่มีทางทราบได้เลยว่าปิอาโร่จะโจมตีต่อเนื่องในลักษณะใด แล้วก็ไม่มั่นใจว่าจะรับการโจมตีตรงๆ ไหว


แต่อย่างน้อย มันก็มั่นใจความเร็วของตัวเองขณะอยู่ในภาวะมึนเมา มีโอกาสหลบพ้นหากมองเห็นตั้งแต่เนิ่นๆ


ขอแค่มองเห็นก่อน


“…?”


ทว่า ปิอาโร่ยังคงยืนนิ่งในจุดเดิม


ตรงข้ามกับที่ดีวอสคาดหมาย อีกฝ่ายไม่แม้ขยับปลายเท้า


ขณะดยุคแห่งสุรากำลังฉงนหนัก


“ทำฟาร์มอิสระรูปแบบที่สอง”


ปิอาโร่ชักจอบเล็กพร้อมตะโกน


“เร่งโต”


ครืนนน—!!


“…!?”


ดวงตาดีวอสพลันเบิกกว้าง


ใต้ฝ่าเท้าเกิดคลื่นกระเพื่อมฉับพลัน ผืนดินสะเทือนเป็นวงกว้างจนร่างกายต้องสั่นตาม


ไร้อ้อยที่โล่งเตียนด้วยแรงระเบิดซึ่งเป็นผลจากการต่อสู้สาวกเทพสงคราม เหตุใดถึงมีต้นข้าวและพืชพรรณนานาชนิดเติบโตในพริบตา?


เพียงไม่นาน ดินที่เคยแห้งแล้งกลายเป็นทุ่งนาขนาดย่อม เหตุการณ์ทั้งหมดใช้เวลาเพียงเสี้ยวอึดใจ


ดีวอสได้แต่นึกสงสัย มันกำลังฝันอยู่หรือไม่


‘ภาพมายา?’


ไม่ใช่แน่


กลิ่นดินและทุ่งนาไม่ใช่ของปลอม ตัวตนระดับดยุคอย่างมันไม่มีทางแยกแยะความจริงกับภาพลวงตาไม่ออก


“ลูกไม้พิสดารเยอะนักนะ!!”


ละอองที่ปิอาโร่โปรยต้องเป็นละอองแห่งชีวิตแน่ ความสามารถคือการมอบชีวิตให้ธรรมชาติ


เมื่อเริ่มเข้าใจพลังอีกฝ่าย ดีวอสรีบหยิบเหล้าขวดถัดไปออกมาซดอึกใหญ่ ก่อนจะอมไว้ในปากและพ่นใส่ปิอาโร่จากระยะไกล


พรูดดดด—!


ละอองสุราที่พ่นจากปากถูกเสริมความรุนแรงด้วยมานาปริมาณเข้มข้น


ทุ่งนาเบื้องหน้าดีวอสถูกทำลายทางยาวเป็นเส้นตรง ต้นข้าวและพืชพรรณหลายชนิดมิอาจทานทนพิษกัดกร่อนของสุราไหว พวกมันเริ่มเหี่ยวเฉาโรยรา


ปลายทางสุดท้ายของเวทมนตร์คือตัวปิอาโร่


ดีวอสรีบวิ่งลัดทุ่งข้าวพุ่งเข้าใส่อีกฝ่าย เมื่อใกล้ถึง มันกระโจนขึ้นกลางอากาศ


บึ้มมมม—


จอบเล็กในมือปิอาโร่ปะทะเข้ากับเวทมนตร์สุราของดีวอส เกิดระเบิดเป็นวงกว้างพร้อมคลื่นกระแทกที่แผ่พุ่งรอบทิศ


ฉึบ!


ในเมื่ออีกฝ่ายแข็งแกร่ง ดีวอสจำเป็นต้องงัดลูกไม้ทุกชนิดเข้าสู้ มันลอบซัดเข็มพิษใส่ปิอาโร่อย่างเงียบงันแม่นยำ


เข็มถูกอาบด้วยพิษแมงมุมไผ่ขนขาวที่หมักบ่มนานหลายปี


เข็มพิษไร้สุ้มเสียงพุ่งปักต้นขาปิอาโร่อย่างจัง คล้ายกับอีกฝ่ายไม่ทันระวังตัว


‘เสร็จฉัน!’


แสยะ… ดีวอสฉีกยิ้มกว้าง


ตระกูลดยุค ‘ทิฟฟ่อน’ คือเจ้าแห่งพิษ แม่ทัพระดับสูงของศัตรูหลายต่อหลายคนล้วนสิ้นชีพด้วยพิษของดีวอสทั้งสิ้น


ในวินาทีนี้ มันมั่นใจว่าตนกำชัยไว้ในมือเรียบร้อย ต่อให้อีกฝ่ายเป็นถึงปิอาโร่ อดีตเสาหลักแห่งจักรวรรดิที่มีผู้คนมากมายนับหน้าถือตาก็ตาม


ทว่า…


ปิอาโร่ยังสบายดี


“กระจอก”


“…!?”


ปิอาโร่ไม่ได้รับผลจากพิษแม้แต่น้อย นี่คืออำนาจของหนึ่งเดียวกับธรรมชาติและพลังแห่งตำนานผสานกัน


ปิอาโร่ทราบตั้งแต่ต้น มันมองเห็นเข็มพิษ รวมถึงทราบว่าตระกูลทิฟฟ่อนเอกอุด้านเหล้าพิษร้ายแรง


ปิอาโร่จงใจยืนรับการโจมตีเพื่อหวังบดขยี้ศักดิ์ศรีอีกฝ่ายให้ป่นปี้จนไม่เหลือชิ้นดี


ฟุ่บ!


จอบเล็กในมือพุ่งตรงใส่หัวใจดยุคแห่งสุราด้วยความเร็วสูง


แต่แน่นอน ดีวอสในร่างมึนเมาว่องไวจับตัวยากเข็ญ การเคลื่อนไหวสุดพิสดารผิดหลักธรรมชาติ คมจอบของปิอาโร่จึงสัมผัสโดนเพียงเสื้อผ้าซอมซ่อ


“ได้ยังไง!”


ทั้งที่โดยเข็มพิษเข้าไป ทำไมถึงยังยืนอยู่ได้?


ดยุคแห่งสุราตึกตะลึงยิ่งกว่าเมื่อครั้งได้เห็นทุ่งข้าวงอกเงยต่อหน้าต่อตาเสียอีก ความสับสนหวาดผวาเริ่มก่อตัว


แต่มันยังตั้งสติ ดีวอสรีบกระดกเหล้าเพื่อขับไล่จิตใจที่กำลังว้าวุ่น


ขณะเดียวกัน


“ท่านก้าวถึงระดับนี้แล้วหรือ…”


ดยุคเกล็นฮาลที่เฝ้ามองการต่อสู้จากจุดห่างไกล มันกำลังยืนสั่นเทา


หลังจากสูญสิ้นทุกสิ่งในชีวิต ปิอาโร่ต้องหลบๆ ซ่อนๆ เยี่ยงฤษีนานหลายปี ทุกวันผ่านไปอย่างเจ็บปวดทรมาน


เกล็นฮาลเคยมั่นใจมากว่า ปิอาโร่ไม่มีทางกลับไปยืนในจุดเดิมได้อีก


แต่นี่มันอะไร?


ปิอาโร่ที่ตอบรับคำอัญเชิญจากกริด สุภาพแข็งแรงกลับสมบูรณ์จนสมัยอดีตเทียบไม่ได้


โดยเฉพาะการทนทานพิษเมื่อครู่ พิสูจน์ให้เห็นเป็นอย่างดีว่า สภาพร่างกายปิอาโร่แข็งแกร่งทนทานมากเพียงใด


แต่หนึ่งสิ่งที่น่าฉงนคือ เหตุใดเขาถึงไม่ยอมชักดาบต่อสู้?


เกล็นฮาลและมอริสล้วนประหลาดใจในเรื่องเดียวกัน


ทุกคนล้วนทราบ สมัยอดีต ปิอาโร่คือมหาจอมดาบที่ใกล้เคียงกับอริยดาบมากที่สุด


แต่ปัจจุบัน ชายคนนั้นกลับใช้งานอุปกรณ์ทำฟาร์มที่ไม่ได้ใกล้เคียงกับดาบเลยสักนิด สิ่งเดียวที่ช่วยรักษามาดอัศวินคือชุดเกราะหนักซึ่งไม่เข้ากับจอบเล็กในมือสักเท่าไร


ไม่ว่าจะมองมุมใดก็เป็นแค่ชาวนา


เหตุใดถึงไม่ยอมเอาจริงสักที?


ขณะเกล็นฮาลและมอริสกังวลว่าปิอาโร่จะพ่ายแพ้


“ทำฟาร์มอิสระรูปแบบที่สี่”


ปิอาโร่หยุดโจมตีใส่ดีวอสที่โยกหลบพลิ้วไหวเยี่ยงมัจฉาแหวกว่ายในท้องน้ำ ชาวนาในตำนานถอยหลังกลับพลางหยิบคราดออกมาถือแทนจอบเล็ก


“ไถหน้าดิน”


ทันใดนั้น ละอองดินมหาศาลพลันพุ่งขึ้นฟ้าประหนึ่งโลกหมุนกลับหัวกลับหาง


ฟุ่บฟุ่บฟุ่บ—


“…!?”


ละอองดินระเบิดสร้างฝุ่นควันฟุ้งตลบอบอวลบดบังการมองเห็นดีวอสชั่วขณะ


เมื่อหมอกน้ำตาลจางลงในอีกไม่กี่วินาทีถัดมา ภาพการมองเห็นดีวอสถูกแทนที่ด้วยเมล็ดข้าวนับไม่ถ้วน นี่คือผลจากเทคนิคทำฟาร์มอิสระรูปแบบที่ห้า—เก็บเกี่ยว


เมล็ดข้าวหลายร้อย ไม่สิ หลายพันกำลังพุ่งใส่ดีวอสจากทุกทิศทาง


“ชิ…!”


ทางหนีทั้งหมดถูกปิดกั้น ความเร็วมิใช่สิ่งมีค่าในสถานการณ์ปัจจุบัน ขณะดยุคแห่งสุรากำลังกระวนกระวายสุดขีด


‘เดี๋ยวสิ… พวกมันก็แค่เมล็ดข้าว!’


สงบใจไว้!


ใช่แล้ว รอบตัวเรามีแต่เมล็ดข้าว


ต่อให้อ่อนแอเพียงใด แต่มนุษย์ไม่มีทางถูกฆ่าด้วยเมล็ดข้าวแน่ ไม่ควรวิตกกังวลเกินเหตุ


ดีวอสหมุนพลิกตัวกลางอากาศ มันเตรียมสวนกลับปิอาโร่ที่มัวยุ่งอยู่กับการทำฟาร์ม


ช่างโง่เขลา


“ทำฟาร์มอิสระรูปแบบที่แปด·ขัดสีข้าว”


“…!?”


บึ้ม!


บึ้มบึ้มบึ้มบึ้มบึ้มบึ้มบึ้มบึ้มบึ้มบึ้ม—!


สนามรบเกิดระเบิดกัมปนาท สร้างคลื่นกระแทกพุ่งออกไปทุกทิศ เมล็ดข้าวทั้งหมดทำหน้าที่คล้ายกับดินปืนต้องไฟ พวกมันระเบิดในจังหวะไล่เลี่ยคล้ายประทัดพวง สร้างความเสียหายลูกโซ่ชนิดที่สามารถลบล้างทุกสรรพสิ่ง


ร่างดีวอสคือจุดศูนย์กลางหายนะดังกล่าว


“อ๊ากกกกกกก!!”


ดีวอสที่กำลังประมาท มันบาดเจ็บสาหัสพร้อมกับส่งเสียงโอดครวญน่าสมเพช ภาวะเมาสุราถูกลบล้างในพริบตา ร่างกายร่วงหล่นลงจากท้องฟ้าประหนึ่งวิหคปีกหัก


ปิอาโร่ไม่รีรอ จอบเหล็กแทงทะลวงกึ่งกลางหัวใจดยุคแห่งสุราอย่างอำมหิตโหดเหี้ยม


มันไม่แม้กะพริบตา


อีกฝ่ายมิใช่ตัวตนธรรมดา ให้ออมมือสู้คงไม่ถูกต้อง


[ดยุคแห่งจักรวรรดิ ดยุคแห่งสุรา ดีวอส ถูกสังหาร!]


[เป็นความสำเร็จที่ไม่เคยมีผู้ใดทำได้มาก่อน]


[ค่าชื่อเสียงระดับทวีปเพิ่มขึ้น 2,000 แต้ม]


[เลเวลของท่านเพิ่มขึ้นหนึ่งระดับ!]


[ท่านได้รับ ‘ขวดน้ำเต้าเวทมนตร์’ สมบัติประจำกูลทิฟฟ่อน]


[ท่านได้รับ ‘แก่นมังกรขาว’ สมบัติประจำกูลทิฟฟ่อน]


[อัศวินของท่าน ‘ปิอาโร่’ ได้รับความสำเร็จ ‘ก้าวข้ามเจ็ดดยุค’]


[อัศวินของท่าน ‘ปิอาโร่’ มีระดับบารมีสูงขึ้น!]


ซู่ว…


เป็นถึงดยุคผู้ยิ่งใหญ่แห่งจักรวรรดิ แต่กลับมีจุดจบแสนสมเพช…


เกล็นฮาล มอริส และบาซาร่า สายตามันจ้องมองร่างดีวอสที่กลายเป็นละอองเทาโดยไม่กล่าวสิ่งใดเพิ่มเติม ภายในใจกำลังสับสนด้วยอารมณ์หลากหลาย


พวกมัน…


“ไม่มีใครช่วยเหลือเหมือนเคย…”


ปิอาโร่เค้นเสียงในลำคอ


“พวกนายไม่ได้เปลี่ยนไปเลยสักนิด…”


ใช่แล้ว


ปิอาโร่ทราบถึงการมีตัวตนของสามดยุคตั้งแต่ต้น ทว่า ตราบใดที่คนเหล่านี้ไม่ทำร้ายกริด ปิอาโร่จะไม่เสี่ยงเปิดฉากโจมตีก่อน มันเลือกลงมือเฉพาะดีวอสคนเดียว


เมื่อประเมินจากอุปนิสัยแต่ละคน ปิอาโร่ค่อนข้างมั่นใจว่า พวกมันไม่ยื่นมือช่วยเหลือดีวอสแน่


ดยุคแห่งจักรวรรดิ


ในอดีตก็เคยเป็นเช่นนี้ ไม่มีใครเลยสักคนที่ยื่นมือช่วยเหลือตระกูลปิอาโร่ในยามที่ตนต้องหนีตายหัวซุกหัวซุน


หมับ!


ปิอาโร่ขบกรามแน่น ดวงตาอาฆาตแค้น


พวกมัน…


ปิอาโร่เคยเชื่อว่าพวกมันเป็นพวกพ้องและมิตรสหายร่วมเป็นร่วมตาย


กับบาซาร่าอาจต่างออกไป เธอและปิอาโร่ไม่มีโอกาสพบหน้าบ่อยครั้งนัก แต่เกล็นฮาลและมอริสนั้นไม่ใช่ พวกมันล้วนเป็นนักรบ และนักรบย่อมเคยทำสงครามร่วมกับแม่ทัพใหญ่แห่งกองอัศวินสีชาด


พวกมันเคารพและช่วยเหลือเกื้อกูลกันเสมอ เป็นสายสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นระหว่างนักรบที่รับใช้จักรพรรดิองค์เดียวกัน รับใช้ประชาชนบ้านเมืองเดียวกัน


แต่ดูเหมือนปิอาโร่จะคิดไปเองคนเดียว


ตรงข้ามกับตน ดยุคที่เหลือสะบั้นมิตรภาพทิ้งอย่างง่ายดาย


“ท่านดยุคปิอาโร่…”


เมื่อสัมผัสถึงอารมณ์ขุ่นมัวของปิอาโร่จากดวงตาที่จ้องมอง เกล็นฮาลและมอริสรีบก้มศีรษะสำนึกผิด


พวกมันไม่กล้าสู้หน้า


อันที่จริง ในช่วงหลายปีแรก หลังเกิดเหตุการณ์ทรยศได้ไม่นาน เกล็นฮาลและมอริสพยายามลอบช่วยเหลือครอบครัวปิอาโร่อย่างสุดความสามารถ พยายามโน้มน้าวองค์จักรพรรดิให้เชื่อว่าปิอาโร่บริสุทธิ์


แต่พลังของดยุคไม่มากพอจะทำเช่นนั้น จนท้ายที่สุด ครอบครัวปิอาโร่ถูกล้างบางพินาศสิ้น


พวกมันไม่กล้าสู้หน้าปิอาโร่อีกเลย


ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ เมื่อรับรู้ว่าปิอาโร่ยังคงโกรธแค้น ทั้งมอริสและเกล็นฮาลไม่กล้ากล่าวสิ่งใดออกจากปาก


พวกมันคือคนบาปหนา


ปิอาโร่พยายามระงับโทสะ


“…ฉันจะไม่โทษว่าเป็นความผิดพวกนาย”


สายตาชำเลืองมองแผลบนหัวไหล่เกล็นฮาล บุรุษผู้เปรียบดังน้องชายในสายเลือด


“หายนะของตระกูลเกิดขึ้นเพราะตัวฉันไร้ความสามารถ… ไม่มีสิทธิ์ไปโกรธแค้นใคร”


ด้านมอริส ปิอาโร่เองก็ชื่นชอบ ถึงมันจะมีนิสัยป่าเถื่อนต่อหน้าคนอื่น แต่มอริสจะสุภาพนอบน้อมกับครอบครัวปิอาโร่เสมอ


“เรื่องพวกนั้นเป็นอดีตไปแล้ว… ปัจจุบัน หน้าที่ของฉันคือต่อสู้เพื่อปกป้องฝ่าบาท!”


ปิอาโร่ขจัดโทสะในแววตาจนหมด


อุปกรณ์ทำฟาร์มถูกกำแน่นถนัด จากสภาพแวดล้อมที่เห็น ปิอาโร่เดาว่าเกล็นฮาล มอริส และบาซาร่าคงร่วมเดินทางมาพร้อมกับดีวอส


กริดกำลังเป็นอันตราย


มันคิดเป็นอื่นไปมิได้ เพราะจักรวรรดิและอาณาจักรโอเวอร์เกียร์กำลังอยู่ในภาวะสงคราม


‘การต่อสู้จะยืดเยื้อไม่ได้เด็ดขาด’


ปิอาโร่ยังเข้าถึงภาวะเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติไม่สมบูรณ์ ประสิทธิภาพไม่มากพอจะโค่นล้มสามดยุคพร้อมกัน


โดยเฉพาะหลังจากเพิ่งทุ่มพลังส่วนใหญ่ไปกับการฆ่าดีวอสเมื่อครู่


หากหวังช่วยเหลือกริดให้สำเร็จ ตัวมันต้องทุ่มพลังเอาชนะดยุคทั้งสามในคราวเดียว ด้วยท่าไม้ตายที่ยังเหลือ รวมถึงทักษะ ‘กระตุ้นแก่นพลัง’ แบบเดียวกับที่เมอร์เซเดสเคยทำ


แม้ในภายหลังต้องอ่อนแอลงก็ตาม


‘กระหม่อมจะปกป้องฝ่าบาทเอง’


ชีวิตตนมิได้สลักสำคัญ


ชีวิตที่ได้รับจากกริด ก็เหมาะสมแล้วที่ต้องสละมันเพื่อกริด


ขณะปิอาโร่ลั่นวาจาหนักแน่ กริดทำการพ่นถ้อยคำสุดเหลวไหลยากจะทำความเข้าใจ


“ปิอาโร่ วางจอบลง”


“…?”


“ทั้งสามเป็นสหายของฉัน”


“…ฝ่าบาท?”


ปิอาโร่ขมวดคิ้ว สีหน้าเคลือบแคลงสุดขีด


“ในอดีต สองคนนี้พยายามปกป้องตระกูลของคุณอย่างสุดความสามารถแล้ว แต่ท้ายที่สุดก็ไม่สำเร็จ พวกเขาต้องจมอยู่กับความรู้สึกเจ็บปวดทรมานยาวนานเกือบยี่สิบปี คุณเองก็น่าจะทราบว่านั่นไม่ต่างจากขุมนรก”


บาซาร่า บุคคลที่ปิอาโร่รู้จักในนามสตรีผู้ทรงปัญญาและซื่อสัตย์ เธอกล่าวเสริม


“ม…ไม่เลย… ผมทำอะไรไม่ได้เลย…”


“ผมขอโทษ… ผมขอโทษ…”


เกล็นฮาลและมอริสคุกเข่าลงและกล่าวขอโทษปิอาโร่ที่ยืนนิ่งเป็นรูปปั้นหิน


ร่างปิอาโร่ทรุดลง มันไม่หลงเหลือเรี่ยวแรงจะฝืนยืนอีกต่อไป ศีรษะวิงเวียนคล้ายกับได้ยินเสียงแมลงดังแว่วข้างใบหู


ภาพการมองเห็นเริ่มพร่ามัว


▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬
ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 4 ตอน
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,430
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/

Comments

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00