จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1041


“หลังจากสืบสวนโดยละเอียด พวกเราพบว่าดยุคปิอาโร่มิใช่คนทรยศดังคำกล่าวอ้าง แต่ขาดหลักฐานที่จะพิสูจน์ให้องค์จักรพรรดิเห็น แถมหลักฐานปลอมของฝ่ายป้ายสียังชัดเจนกว่ามาก จึงมิอาจแก้ต่างให้ได้เลย…”


ปิอาโร่กลายเป็นอาชญากร หากต้องการพิสูจน์ความบริสุทธิ์ ดยุคที่เหลือต้องหาหลักฐานมาแก้ต่าง


“ในภายหลัง พวกเราพยายามให้การคุ้มครองตระกูลของท่าน แต่ผลลัพธ์ก็อย่างที่ท่านทราบ…”


เหตุการณ์เกิดขึ้นมาแล้วเกือบยี่สิบปี แต่สำหรับเกล็นฮาลและมอริส มันคล้ายกับเพิ่งเกิดเมื่อวาน เกล็นฮาลเล่าอดีตด้วยสีหน้าเจ็บแปลบเจือขื่นขม


ถึงสายตาจะพร่ามัว แต่มันก็ฝืนเล่าจนจบด้วยความรู้สึกสำนึกผิด ไม่กล้าเงยศีรษะขึ้นมาสู้หน้าปิอาโร่


“…”


ปิอาโร่แน่นิ่ง


คนเหล่านี้มิได้สะบั้นความสัมพันธ์ทิ้งอย่างที่ตนเคยคิด แต่ตัวมันกลับตำหนิพวกเขา…


ทั้งสองยังคงไม่กล้าเงยหน้ามองปิอาโร่


ชาวนาในตำนานแหงนมองฟ้าด้วยจิตใจอ่อนล้า มันเปล่งเสียงถามอย่างแหบพร่า


“มีใครบ้าง?”


“ผม มอริส เรเชล และรีกัล”


“…รีกัล?”


กริดที่กำลังยืนข้างปิอาโร่ พลันกำหมัดแน่นสั่นระริก


ราชาท้องฟ้า รีกัล


เข้าใจแล้วว่าเพราะเหตุใด รีกัลถึงได้มีท่าทางแปลกไปในตอนที่พบปิอาโร่


กริดเริ่มตำหนิตัวเอง ตนไม่ควรสั่งให้ปิอาโร่สังหารรีกัลกับมือ…


หมับ…


กำปั้นที่กำลังสั่นระริกของราชาโอเวอร์เกียร์ ปิอาโร่ใช้ฝ่ามือของตนระงับไว้


“ฝ่าบาท รีกัลคือศัตรูของอาณาจักร มันก่อเรื่องร้ายแรงที่ยากเกินอภัย ท่านมิได้กระทำสิ่งใดผิดพลาด อย่าได้ตำหนิตัวเองนักเลย”


‘ปัญหาไม่ได้อยู่ตรงนั้น… เจ้างั่ง!’


บาดแผลที่ไม่วันลบล้าง กริดเป็นผู้สลักลงบนจิตใจปิอาโร่กับมือ


‘ฉันขอโทษ’


เมื่อเห็นกริดโทษตัวเองสถานหนัก พวกพ้องด้านหลังรีบส่งข้อความเสียงหา


> กริด นายไม่ทราบอดีตมาก่อน ทั้งหมดทำไปเพราะผลประโยชน์ของอาณาจักร


> รีกัลคือคนที่บุกรุกไบรันและทำลายรูปปั้นข่านจนแหลกละเอียด ในตอนนั้นมันคือศัตรู พวกเราจำเป็นต้องปกป้องประชาชน


> ในสงคราม… พวกเรามีทางเลือกไม่มากนัก


“…”


ข้อความจากพวกพ้อง ไม่มีแม้แต่ประโยคเดียวที่ผิด


รีกัลรุกรานไบรัน ทำลายรูปปั้นข่าน ทำร้ายประชาชนอีกจำนวนมาก รวมถึงสังหารไอเบลลินสองครั้งจนถูกตัดการเชื่อมต่อ มันคือศัตรูที่เลือกหันคมดาบใส่ตนและพวกพ้อง การถูกตอบโต้เป็นสิ่งที่สมควรได้รับ


แต่ปัญหาคือ ตนหยิบยืมพลังจากปิอาโร่ และสร้างแผลใจที่ไม่มีวันลบเลือนให้เขา หากสะสางปัญหาได้ด้วยตัวเองแต่แรก เรื่องราวก็คงไม่ยุ่งยากซับซ้อนเช่นนี้


กริดตัดพ้อในความไร้พลัง


‘ถ้าเราแข็งแกร่ง… ถ้าเราเอาชนะรีกัลได้โดยไม่ต้องยืมมือปิอาโร่…’


แผลในใจก็จะไม่เกิด…


หลังจากตำหนิตัวเองเสร็จ กริดตัดสินใจตรวจสอบหน้าต่างข้อความระบบที่ค้างอยู่


[เลเวลของท่านเพิ่มขึ้นหนึ่งระดับ]


[เลเวลปัจจุบันของท่านคือ 399 ท่านบรรลุเงื่อนไขได้รับ ‘วิชาดาบทัพสองแสน’]


<หนังสือทักษะ : วิชาดาบทัพสองแสน>

เกรด : เลเจนดารี

หนังสือที่บรรจุเทคนิคดาบของมาดราไว้ แต่เนื่องจากเขียนในขณะที่เป็นอัศวินความตาย จึงไม่ใช่ทักษะที่ทัดเทียมกับสมัยยังเป็นราชาไร้พ่าย

มีเพียงทักษะ ‘ดาบสลายทัพสองแสน’ ที่ถูกบันทึกไว้ด้านใน

เงื่อนไขการเรียน :

- ถูกมาดรายอมรับ

- เลเวล 399 หรือสูงกว่า


“…”


ก่อนอัญเชิญปิอาโร่ กริดได้สร้างความเสียหายใส่ดีวอสรุนแรงราวหนึ่งในสามของพลังชีวิตสูงสุด ส่งผลให้ได้รับส่วนแบ่งค่าประสบการณ์จนเลเวลอัปถึง 399


พลังใหม่จะทำให้ตนพัฒนาไปอีกขั้น


กริดสาบานกับตัวเอง


‘นับแต่นี้ไป เราต้องเป็นฝ่ายแบกรับความเจ็บปวดแทนผู้อื่น’


ปิอาโร่ อัสโมเฟล บราฮัม เมอร์เซเดส


คนเหล่านี้คือสมาชิกครอบครัวแสนสำคัญ แต่ละคนล้วนมีปูมหลังที่น่าเศร้า หรือกระทั่งจอมปราชญ์สติกส์ก็ไม่ต่าง ถูกคำสาปมังกรจอมเขมือบตามหลอกหลอนทุกคืน มิอาจข่มตาหลับได้อย่างสบายใจ


อัศวินลำดับหนึ่ง จู๊ด เจ้านี่ก็มีปัญหา จากสมองที่มีอยู่ มันไม่น่าจะหาเมียได้ตลอดชีวิต…


ไมเนอร์ เครื่องตรวจจับแร่ มันขยันทำงานหนักทุกวัน และต้องกลับไปดูแลมารดาที่ป่วยไข้บ่อยครั้ง มารดาผู้นี้เลี้ยงดูไมเนอร์ตามลำพังมาตั้งแต่เล็ก


รอบตัวมีแต่คนประสบปัญหาชีวิต


กริดอยากช่วยเหลือ อยากเป็นพลังสนับสนุน


ทุกคนที่รับใช้ตนต้องอยู่อย่างสุขสบาย


‘ลองดูสักตั้ง’


แต่ไหนแต่ไร เขาไม่ใช่บุรุษที่ยอดเยี่ยม ไม่เคยเป็น ปราศจากพรสวรรค์ที่ใครหลายคนริษยา และด้วยความสัตย์จริง กริดไม่รู้ด้วยซ้ำว่าต้องพัฒนาตัวเองอย่างไร ในทิศทางไหน


เขาทราบเพียงว่า หากพยายามในทิศทางที่ถูกต้องอย่างไม่ลดละ ผลตอบแทนจะมอบคืนกลับมาในสักวัน


ขณะกริดจัดระเบียบความคิด รวมถึงให้คำมั่นอย่างหนักแน่น สามดยุคและปิอาโร่ยังคงสนทนาอีกหลายเรื่อง


“แมรี่คือสาเหตุหลักที่ผมไม่สามารถช่วยเหลือตระกูลท่านได้ หล่อนไม่ออกหน้าด้วยตัวเอง แต่คอยบงการขุนนางระดับสูงในเงามืด แถมยังกดดันฝ่าบาทให้ลงโทษคนทรยศทั้งตระกูล…”


“ทุกความวุ่นวายในจักรวรรดิ จะต้องมีนังนั่นเข้ามาเอี่ยวด้วยทุกครั้ง!”


ช่างเป็นภาพที่น่าขัน ดยุคใหญ่แห่งจักรวรรดิกำลังด่าทอราชินีบ้านเมืองตัวเอง


ถ้อยคำเมื่อครู่ไม่ต่างจากการล่วงเกินราชวงศ์ซาฮารัน และมีผลเทียบเท่าก่อกบฏ แต่เกล็นฮาลและมอริสก็ไม่ลังเลที่จะเรียกแมรี่ว่า ‘หล่อน’ และ ‘นังนั่น’


ฉึบ


ปิอาโร่ชำเลืองบาซาร่า


เธอคือหลานสาวรุ่นที่สามของจักรพรรดิซาฮารันพระองค์ก่อน มีสายสัมพันธ์ทางเครือญาติแนบชิดกับฮวนเดอร์


หมายความว่า บาซาร่าถือเป็นเชื้อพระวงศ์ชั้นสูง มีสายเลือดซาฮารันเข้มข้นกว่าดยุคคนใด


การที่เกล็นฮาลและมอริสพูดจาจาบจ้วงแมรี่ต่อหน้าบาซาร่า อาจทำให้เธอไม่พอใจเอาได้


ทว่า สีหน้าบาซาร่ายังคงเรียบเฉย


จากแววตาที่ปิอาโร่เห็น เธอเองก็คงเคลือบแคลงในตัวแมรี่ไม่น้อยเช่นกัน


และสาเหตุที่บาซาร่าไม่ยื่นมือช่วยเหลือตระกูลปิอาโร่ในอดีต คงเกี่ยวพันกับฐานะเชื้อพระวงศ์มากกว่า ไม่ใช่เพราะไม่สนิทกับปิอาโร่


“…และผมขออภัยที่ต้องเรียนตามตรง”


เกล็นฮาลตะกุกตะกัก


“ผมสืบทราบมาว่า เอิร์ลอัสโมเฟลแอบลอบติดต่อกับจักรพรรดินีแมรี่หลายครั้ง”


ปิอาโร่และอัสโมเฟล


สองเสาหลักผู้ยิ่งใหญ่ ไม่มีใครในจักรวรรดิที่ไม่เคยได้ยินชื่อ ปิอาโร่และอัสโมเฟลเป็นเพื่อนรักกันมาตั้งแต่ยังเด็ก


เกล็นฮาลอึดอัดใจที่จะเล่า มันเกรงว่าอาจทำให้โทสะปิอาโร่เดือดดาลยิ่งกว่าเก่า มันไม่อยากทำลายบรรยากาศดีๆ ในปัจจุบัน


ทว่า มอริสกล่าวออกไปโดยไม่ลังเล


“ไม่ใช่ลอบติดต่ออย่างลับๆ แต่นังนั่นออกคำสั่งใหญ่โต ให้อัสโมเฟลไล่กำจัดอัศวินสีชาดที่ยังเหลือทั้งหมด”


“…”


“ท่านดยุคปิอาโร่ ถึงแม้ยากจะเชื่อลง แต่อัสโมเฟลคือตัวการสำคัญที่ทำให้ท่านถูกป้ายสีจนกลายเป็นกบฏแผ่นดิน”


“…ฉันทราบดี”


“…”


ทราบดี?


เมื่อปิอาโร่กล่าวถ้อยคำเมื่อครู่จบ เกล็นฮาลและมอริสพลันปิดปากเงียบ


พวกมันมิอาจจินตนาการความเจ็บปวดที่ปิอาโร่ได้รับ จะต้องทรมานเพียงใดกัน เมื่อทราบว่าเพื่อนรักคนสนิท ทำการหักหลังและสังหารสมาชิกครอบครัวตัวเองจนสิ้นซาก


บาซาร่าพูดแทรก


“หลายปีก่อน ที่บ้านพักส่วนตัว เอิร์ลอัสโมเฟลหายไปอย่างไรร่องรอยราวกับหมอกควัน ถึงจะถูกรายงานว่าสาบสูญ แต่ฉันเชื่อว่าเขาถูกลอบสังหาร”


“…”


“ดยุคปิอาโร่ เป็นฝีมือคุณใช่ไหม?”


อัสโมเฟลถูกกักตัวในบ้านพักตลอดเวลา


บ้านพักนายทหารใหญ่ใจกลางกรุงไททันซึ่งมีระดับความปลอดภัยสูงเกือบที่สุด


แต่ผู้บุกรุกลงมือเงียบเชียบโดยไม่ถูกตรวจจับ และหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยเมื่อลอบสังหารสำเร็จ


ทั่วทั้งทวีป มีบุคคลเพียงหยิบมือที่สามารถกระทำการอุกอาจเช่นนี้ และหนึ่งในนั้นคือปิอาโร่ซึ่งมีความแค้นฝังรากลึก


ข้อสันนิษฐานของบาซาร่ามีเหตุผลรองรับ


เกล็นฮาลและมอริสพยักหน้าเห็นด้วย


แต่ปิอาโร่กล่าวในสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิด


“บุคคลที่ลอบเข้าบ้านพักอัสโมเฟลในวันนั้นคือฝ่าบาทกริด มิใช่ฉัน”


“…!?”


เกล็นฮาลและมอริสต่างตกตะลึง


ราชาโอเวอร์เกียร์ กริด


บุรุษสุดแกร่งที่สามารถปราบสาวกเทพสงครามสิบเทคนิคได้ตามลำพัง ชายคนนี้เก่งกาจมานานแล้วงั้นหรือ?


‘เป็นไปได้ เพราะในช่วงนั้น อัสโมเฟลมีสภาพโรยรา จะถูกราชาโอเวอร์เกียร์ลอบสังหารสำเร็จก็ไม่ใช่เรื่องแปลก…’


สามดยุคปักใจเชื่อคำพูดของปิอาโร่


อัสโมเฟลและปิอาโร่ในสภาพถดถอย ถึงจะยังเป็นยอดนักรบ แต่คงไม่สามารถเอาชนะราชาโอเวอร์เกียร์ผู้ยิ่งใหญ่ได้แน่


เครื่องพิสูจน์คือ ปิอาโร่เต็มใจรับใช้กริดมาจนถึงทุกวันนี้


‘ระดับเดียวกับแกรนมาสเตอร์?’


ชายหนุ่มผู้ครอบครองพลังตำนานแพ็กม่าและราชาวีรบุรุษไว้ในคนเดียว สองสุดยอดพลังผสมประสานจนเกิดเป็นตัวตนที่ยิ่งใหญ่


แต่นั้นไม่ใช่ทั้งหมด กริดยังสามารถปลดปล่อยเวทมนตร์ระดับทัดเทียมมหาจอมเวทได้ด้วย


‘ประสบความสำเร็จขนาดนี้ตั้งแต่ยังหนุ่ม…’


‘อัจฉริยะลำดับหนึ่งของทวีป’


สามดยุคจ้องมองกริดด้วยแววตาความเคารพชื่นชม


“อัสโมเฟลเล่าว่า จักรพรรดินีแมรี่ร่วมมือกับวิหารยาธานเพื่อหวังทำลายกองอัศวินสีชาด หล่อนต้องการลดอำนาจฝ่าบาทลง และส่งเสริมอำนาจในมือตัวเอง อัสโมเฟลถูกเล่นงานด้วยแก่นยาธานจนขาดสติ เป็นจุดเริ่มต้นของการทรยศตัวฉันและพวกพ้อง”


จากนั้น ปิอาโร่เล่าในสิ่งที่น่าทึ่ง


“…ฉันให้อภัยอัสโมเฟลแล้ว และเขากำลังรับใช้ฝ่าบาทกริดเหมือนกับฉัน”


“…?!”


สามดยุคอ้าปากค้างอีกครั้ง อากัปกิริยาสุดตกตะลึงของพวกมันยังไม่มีทีท่าว่าจะจบลง


แม้กระทั่งบาซาร่าที่หลับตาตลอดเวลา เธอตื่นเต้นจนถึงกับต้องลืมตาขึ้น


‘สวยฉิบ…’


ขุนพลหนุ่มของโอเวอร์เกียร์ต่างทึ่งในความงดงามของบาซาร่า


สตรีผู้นี้ ทั้งที่วัยน่าจะย่างสี่สิบ แต่ใบหน้ากลับอ่อนเยาว์คล้ายเด็กสาวยี่สิบตอนต้น


บาซาร่าคือสตรีงดงามไร้จุดตำหนิ มาพร้อมกับสายเลือดบริสุทธิ์เข้มข้น ความสูงศักดิ์ของเธอถูกกล่าวขานว่า แม้แต่สามียังไม่กล้าจับมือหากไม่ได้รับอนุญาตก่อน


“ขออภัยที่ต้องเสียมารยาท… แต่ฉันขอถามให้แน่ใจว่า ท่านยกโทษให้อัสโมเฟลเพราะราชาโอเวอร์เกียร์ขอร้องใช่ไหม?”


ถูกแก่นยาธานครอบงำ…


ไม่ว่าจะมองมุมใดก็เป็นข้ออ้างสำหรับแก้ตัว


ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า อัสโมเฟลคือบุคคลแสนชั่วช้าที่ทรยศพวกพ้องและสังหารครอบครัวอัศวินสีชาดทุกคน


เหล่าดยุคต่างเห็นพ้อง ต่อให้ตัดประเด็นเรื่องการเมืองออกไป แต่ในฐานะมนุษย์คนหนึ่ง การกระทำของอัสโมเฟลนั้นยากที่จะให้อภัยลง


เหตุการณ์ดังกล่าวมีผู้สูญเสียหลักพันชีวิต


ในความคิดบาซาร่า ปิอาโร่ไม่น่าจะให้อภัยให้อัสโมเฟลง่ายดายขนาดนั้น นอกเสียจากจะถูกใครบางคนโน้มน้าว


เธอมิได้ตำหนิกริด แต่ในบางครั้ง ผู้เป็นกษัตริย์ควรมีจิตใจโหดเหี้ยมเยือกเย็น


ปิอาโร่ส่ายศีรษะ


“ไม่เลย ฉันอภัยด้วยตัวเอง เป้าหมายการแก้แค้นไม่ใช่อัสโมเฟล แต่เป็นแมรี่และขุนนางทุกคนที่เกี่ยวข้องในครั้งนั้น และอัสโมเฟลให้สัญญากับฉันแล้วว่า เขาจะร่วมสะสางความแค้นเพื่อชดใช้บาปที่ตัวเองก่อ”


“…หมายความว่า อดีตสองเสาหลักจักรวรรดิล้วนอยู่ในโอเวอร์เกียร์”


สามดยุคชื่นชอบกริดเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ยิ่งทราบเช่นนี้ ความศรัทธาก็ยิ่งแรงกล้าเป็นทวีคูณ


อาณาจักรโอเวอร์เกียร์ไม่เหมือนอาณาจักรเล็กอื่นๆ แม้จะเพิ่งก่อตั้ง แต่พวกมันสามารถเป็นภัยคุกคามแก่จักรวรรดิได้


หากไม่มีการค้นพบโบราณสถานเทพสงคราม ศึกระหว่างจักรวรรดิและโอเวอร์เกียร์คงยืดเยื้อยาวนานและไม่จบลงง่ายๆ แน่


ขณะสามดยุคกำลังเข้าใจผิดไปใหญ่โต


“พวกนายรู้จักเมอร์เซเดสใช่ไหม? อดีตอัศวินลำดับหนึ่งที่เพิ่งกลายเป็นอัศวินในตำนาน”


“แน่นอน แต่ทันทีที่กลายเป็นตำนาน ฝ่าบาทมหาจักรพรรดิกลับมีคำสั่งขับไล่”


“เธอกำลังรับใช้ฝ่าบาทกริด”


“…!?”


“พวกนายรู้จักจอมปราชญ์สติกส์ไหม? ไฮเอลฟ์ทรงปัญญาที่เชี่ยวชาญคาถาเคลื่อนย้าย”


“…?”


“เขากำลังรับใช้ฝ่าบาทกริด”


“…”


“แวมไพร์ทายาท สัตว์อสูรลำดับหนึ่งแห่งขุมนรก พวกมันล้วนเป็นสัตว์เลี้ยงของฝ่าบาทกริดทั้งสิ้น”


ปิอาโร่เริ่มอวดโอ่สรรพคุณเหนือมนุษย์ของกริด เป็นเครื่องพิสูจน์ชัดเจนว่า ชายคนนี้จงรักภักดีและภาคภูมิใจในตัวกริดมากแค่ไหน


เกล็นฮาลและมอริสต่างอมยิ้ม เมื่อได้เห็นปิอาโร่ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขตลอดหลายปีที่ผ่านมา


“…อยู่ดีกินดีเหมือนกันนะครับ”


หลังจากฟังปิอาโร่อวดโอ่เจ้านาย มอริสหันไปกล่าวติดตลก


“ฮะฮะฮะ!”


เกล็นฮาลหัวเราะอย่างมีความสุข


บาดแผลและความเจ็บปวดของพวกมันเริ่มถูกเยียวยาทีละนิด


พวกมันได้บทเรียนแล้ว ในอนาคต ตนต้องไม่หลงผิดก้าวเดินบนเส้นทางเดียวกับอดีต และแน่นอน ต้องไม่ลืมขจัดต้นตอใหญ่ซึ่งเป็นรากฐานปัญหาทั้งหมด


สามดยุคมีแผนบอกเล่าความชั่วร้ายของแมรี่ให้องค์จักรพรรดิฮวนเดอร์รับทราบ รวมถึงช่วยขจัดมลทินให้อดีตอัศวินสีชาดและครอบครัวที่ถูกฝังดินในฐานะคนบาป


‘และท้ายที่สุด ต้องสานสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นกับอาณาจักรโอเวอร์เกียร์’


เกล็นฮาลและมอริสต่างมั่นใจ ไม่ใช่เรื่องฉลาดหากคิดเป็นศัตรูกับโอเวอร์เกียร์


หลังจากกลับไป ภารกิจแรกคือการโน้มน้าวองค์จักรพรรดิ แต่เมื่อคำนึงถึงโอกาสสำเร็จ พวกมันเริ่มแสดงสีหน้าดำมืด


จักรพรรดิจะยอมเชื่อใจพวกตนหรือ?


ความจริงที่ว่า ปิอาโร่ถูกป้ายสีโดยฝีมือจักรพรรดินีแมรี่ที่มีวิหารยาธานหนุนหลัง


องค์จักรพรรดิจะยอมเชื่อทั้งหมดหรือไม่?


หลังจากสูญเสียจักรพรรดินีอาเรียและถูกสหายคนสำคัญทรยศ นับแต่นั้น จักรพรรดิฮวนเดอร์ก็เอาแต่พึ่งพาแมรี่มาตลอด


แล้วเขาจะยอมเคลือบแคลงในตัวเธอไหม?


‘และไม่ว่าความจริงจะเป็นเช่นไร แต่คงยากที่จะให้ฝ่าบาทยกโทษให้ปิอาโร่ ยิ่งอัสโมเฟลและเมอร์เซเดสยังหนีตามไปรับใช้กริด ความโกรธแค้นขององค์จักรพรรดิต้องพาลมาลงกับอาณาจักรโอเวอร์เกียร์ด้วยแน่ สงครามอาจยืดเยื้อยาวนานจนกว่าจะมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งแตกหัก’


แผนโน้มน้าวให้เป็นพันธมิตร พวกตนควรเริ่มดำเนินการอย่างไรดี?


ขณะเกล็นฮาลและมอริสกำลังขมวดคิ้วหน้ามุ่ย บาซาร่าเดินเข้ามาใกล้พลางกระซิบ


“ไม่ต้องห่วง ฝ่าบาทต้องดีใจแน่”


“…เธอหมายความว่ายังไง?”


“ฮุฮุ… อีกเดี๋ยวพวกนายก็รู้เอง”


ฝ่าบาทจะไม่ทราบเชี่ยวหรือ? ว่าอัศวินในตำนานเมอร์เซเดสกำลังรับใช้ราชาโอเวอร์เกียร์


มีเหตุผลใดบ้างที่ต้องขับไล่บุคคลระดับตำนานออกไปให้พ้นแผ่นดิน?


บาซาร่ามั่นใจ ตัวการที่ส่งเมอร์เซเดสไปยังอาณาจักรโอเวอร์เกียร์ ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากตัวจักรพรรดิฮวนเดอร์เสียเอง


▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬
ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 4 ตอน
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,430
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/

Comments

  1. มีมุมปิอาโร่อวดเจ้านายด้วย🤭

    ReplyDelete
  2. พอได้อวดแล้วอวดไม่หยุดเลย55555555

    ReplyDelete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00