จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1037



แอ็กนัสคือกุญแจสำคัญในการผ่าวิกฤติบอสใหญ่เฟย์ริส สื่อมวลชนทั่วโลกเริ่มเคลื่อนไหวกดดันแอ็กนัสอย่างหนักหน่วง เหตุผลที่พวกมันกล่าวอ้างคือการเสียสละเพื่อคนหมู่มาก


ถือเป็นเหตุการณ์ที่ค่อนข้างประหลาด


ต่อให้ศิลาแห่งชีวิตคือปัจจัยสำคัญสำหรับต่อกรกับเฟย์ริสจริง แต่คนเหล่านี้มีสิทธิ์อะไรไปแย่งชิงสมบัติที่ผู้อื่นครอบครองอย่างชอบธรรม?


เหตุใดแอ็กนัสถึงตกเป็นเป้ารุมโจมตีอีกแล้ว?


ผู้เชี่ยวชาญหลายฝ่ายเริ่มวิเคราะห์


『คงเป็นกรรมตามสนองกระมังครับ สมัยก่อน แอ็กนัสโด่งดังเรื่อง PK สังหารผู้เล่นไม่เลือกหน้า ทั้งเพื่อทำภารกิจ เพื่อผูกขาดจุดเก็บเลเวล รวมถึงอีกหลากหลายเหตุผล มีผู้เล่นจำนวนไม่น้อยเจ็บแค้นการกระทำของแอ็กนัส ไม่แปลกที่เขาจะตกเป็นเป้ารุมกดดันจากสังคมเมื่อมีเหตุการณ์ที่ต้องเสียสละเพื่อคนหมู่มาก』    


『กลุ่มผู้เล่นไม่สนว่าศิลาแห่งชีวิตจะใช้ได้ผลจริงหรือไม่ พวกเขาเพียงต้องการเอาคืนแอ็กนัส ในช่วงเวลาที่จิตใจทุกคนถูกความหวาดกลัวกัดกิน แอ็กนัสจึงตกเป้าหมายชั้นเยี่ยมสำหรับระบายโทสะ』

อริยหอกเรเชล และหอกเอกแห่งทวีป คิรินัส ทั้งสองกำลังเดินทางมุ่งสู่อาณาจักรฮาเค่น


เมื่อตกดึก ขณะเรเชลและคิรินัสหลับพักผ่อน ครอเกลตัดสินใจล็อคเอาต์เพื่อเสพข่าวสารตามปรกติ ทันใดนั้น มันพลันรู้สึกคลื่นไส้ขยะแขยง


เรื่องราวที่เกิดขึ้นกับแอ็กนัส ครอเกลขยะแขยงพฤติกรรมของคนหมู่มากจากก้นบึ้งจิตใจ


จะบอกว่าทำไปเพื่อแก้แค้นอย่างนั้นหรือ?


ระยำสิ้นดี… 


ซาทิสฟายเป็นโลก PK เสรี แอ็กนัสมิสิทธิ์สังหารผู้เล่นอย่างชอบธรรมและได้รับบทลงโทษที่เหมาะสมในเกมไปแล้ว 


ระบบ PK คือสิ่งจำเป็นสำหรับทั้งผู้เล่นแถวหน้าและผู้เริ่มต้นใหม่ เป็นเครื่องมือสำหรับปกป้องสิทธิและเกียรติยศ ผู้ที่ใช้งานระบบ PK บ่อยครั้งไม่ได้มีเพียงแอ็กนัส แรงเกอร์ระดับท็อป รวมถึงบรรดากิลด์ใหญ่ หลายฝ่ายล้วนอาศัยระบบ PK เพื่อผูกขาดจุดเก็บเลเวลสำคัญ


หลังจากข่าวตามช่องทีวีถูกเผยแพร่ ผู้เล่นจำนวนมากคิดเหมือนกับครอเกล นั่นคือ ไม่ได้มีแอ็กนัสเพียงคนเดียวที่ใช้งานระบบ PK สังหารผู้เล่นเป็นผักปลา


แล้วทำไม… แอ็กนัสถึงกลายเป็นคนเดียวที่ถูกมวลชนเคียดแค้นจากพฤติกรรมดังกล่าว?


คำตอบไม่ซับซ้อน


เมื่อหลายปีก่อน แอ็กนัสคือหัวหน้ากิลด์ชั่วร้ายนามว่าอิมมอทัล แน่นอน ด้วยพลังอำนาจมหาศาลของแรงเกอร์กองทัพหมอผีทั่วโลก อิมมอทัลเคยก่อเรื่องชั่วช้าและต่ำทรามมากมายภายใต้คำสั่งเวอราดิน


แต่ปัจจุบัน พวกมันถูกกริดทำลายสิ้นซากเนื่องจากเหตุการณ์รุกรานไรนฮาร์ท 


เมื่อขาดอิมมอทัล ทั่วโลกจึงมองว่าแอ็กนัสกำลังถูกโดดเดี่ยว มันอ่อนแอถึงขนาดโดนจับตัวเป็นนักโทษประหารในคดีที่ตัวเองไม่ได้ก่อ


หลังจากอำนาจบารมีหดหาย ผู้คนเริ่มไม่หวาดกลัวแอ็กนัสอีกต่อไป สุนัขบ้าตัวนี้ไม่ใช่ศัตรูที่ไกลเกินเอื้อมเหมือนก่อนแล้ว


‘คนที่ชื่อเซลก้า… หมอนั่นอ่านสถานการณ์ได้ทะลุปรุโปร่ง จึงฉวยโอกาสปลุกปั่นมวลชนให้กดดันแอ็กนัส’


ต้นเหตุทั้งหมดมาจากเซลก้า มันหยิบยืมความหวาดกลัวที่ผู้คนมีต่อเฟย์ริส หลอกปั่นหัวให้คนหมู่มากเลือกเคลื่อนไหวบนโลกอินเทอร์เน็ต แทนที่จะจับอาวุธและต่อสู้กับเฟย์ริสซึ่งหน้า


หากประเมินจาก‘ความต่างชั้น’ของพลังระหว่างผู้เล่นและจอมอสูร แผนการเซลก้ามีโอกาสสำเร็จค่อนข้างมาก ผู้เล่นทั่วไปย่อมไม่คิดว่าตัวเองจะทำอะไรกับเฟย์ริสได้ตั้งแต่ต้น การเคลื่อนไหวบนโลกอินเทอร์เน็ตคือสิ่งที่พวกมันถัดกว่า รวมถึงมีความเสี่ยงน้อยกว่า เป้าความเกลียดชังจึงเปลี่ยนจากเฟย์ริสเป็นแอ็กนัสในพริบตา


‘สิ่งที่เซลก้าเล็งไว้คงไม่ใช่ศิลาแห่งชีวิต’


แต่เป็นการล่มสลายของฮาเค่น


มันอาจได้รับผลประโยชน์จากเหตุการณ์ดังกล่าว เพราะไม่อย่างนั้น ก็ไม่มีเหตุผลใดสามารถอธิบายการกระทำของเซลก้าได้อีก


ครอเกลมั่นใจ


‘วิหารยาธานต้องคอยหนุนหลังอยู่แน่…’


แน่นอน เป้าหมายของฝ่ายยาธานคือการแอบหนุนหลังจอมอสูรลำดับ 22 ให้ทวีความแข็งแกร่งอย่างไร้สิ้นสุด ชนิดที่มนุษย์มิอาจลุกขึ้นต่อต้านทุกประตู


ในมุมมองพวกมัน เฟย์ริสต้องไม่ถูกจำกัด


ทว่า หากลงมือซ้ำเติมมนุษย์ด้วยกันอย่างประเจิดประเจ้อ เกรงว่า ความเกลียดชังต่อวิหารยาธานที่เคยมีมากอยู่แล้ว จะยิ่งปะทุจนเกินขีดจำกัดที่พวกมันรับมือไหว


…นั่นคือจุดเริ่มต้นของแผนการชั่วที่มีเซลก้าเป็นหุ่นเชิด


‘แถมในตอนต้น วิหารยาธานยังเป็นตัวการป้ายสีแอ็กนัสคดีสังหารช่างอัญมณีเจ็ดคน…’

ถือว่ายิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว หากศิลาแห่งชีวิตถูกวิหารยาธานแย่งชิงกลับคืน นอกจากพวกมันจะแก้แค้นแอ็กนัสสำเร็จ ยังเป็นการขจัดกุญแจสำคัญในการปราบเฟย์ริสไปพร้อมกัน


สื่อหลายเจ้าที่กำลังกดดันแอ็กนัสอย่างออกนอกหน้า บางที พวกมันอาจมีวิหารยาธานอยู่เบื้องหลัง


“โรส…!”

ด้วยฐานะจอมเวทมืดแรงค์หนึ่งและข้ารับใช้ยาธานลำดับแปด ความมั่งคั่งของโรสย่อมไม่ธรรมดา เธอมีเงินทุนและอำนาจมากพอจะชักนำสถานีข่าว


ครอเกลเคยพบโรสมาบ้าง และหล่อนมักวางตัวเป็นมิตรกับตนเสมอ


‘นั่นคือสัญญาณของผู้หญิงอันตราย…’


ไม่ว่าจะอย่างใด แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า สถานการณ์ฝ่ายครอลเกลกำลังเข้าสู่จุดวิกฤติ


ในเมื่อไม่มีผู้เล่นคิดช่วยล่าจอมอสูร หมายความว่า ตนต้องสู่กับเฟย์ริสโดยมีกำลังรบเพียงเรเชล คิรินัส และอัศวินสนธยา


สำหรับอริยดาบแรกเกิดอย่างมัน ศึกคราวนี้ค่อนข้างตึงมือ เป้าหมายหลักจึงเป็นการถ่วงเวลาเพื่อรอกริด ชัยชนะไม่อยู่ในหัวตั้งแต่ต้น


ขณะเดียวกันยังหมายความว่า ชีวิตที่มีเพียงหนึ่งเดียวของ NPC พิเศษอย่างคิรินัสและเรเชล อาจจบลงท่ามกลางศึกยื้อเวลาที่ปราศจากโอกาสคว้าชัยชนะ


‘ถึงจะน่าละอาย… แต่เราไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากขอร้องให้เฮ่าและอเล็กซานเดอร์ช่วยเป็นพลัง’


ยิ่งมีผู้ช่วยมาก โอกาสรอดชีวิตของ NPC ก็ยิ่งเพิ่มขึ้น


เมื่อตัดสินใจได้ ครอเกลก้มหน้าลงและกดปุ่มบนนาฬิกาข้อมือทันที


*** 


ทัพหนุนของจักรวรรดิล่องเรือถึงช้ากว่ากำหนดราวสองสัปดาห์ พวกมันกำลังเร่งฝีเท้าเพื่อไล่ตามกลุ่มของสามดยุคให้ทัน ป่านนี้ หน่วยแนวหน้าคงอ่อนล้าสุดขีด และหากโชคร้าย พวกมันอาจกำลังตกที่นั่งลำบากในจุดใดสักแห่งของโบราณสถาน


ทว่า สปีดการเคลื่อนทัพของหน่วยสนับสนุนกลับไม่รวดเร็วอย่างที่คิด ไม่สิ เรียกว่าช้าเยี่ยงเต่าก็ยังได้


ทหารหลายหมื่นนาย รวมถึงขุนนางอีกหลายสิบที่กำลังเดินเท้าพลางถกเถียงทะเลาะเบาะแว้งกัน บรรยากาศสุดอึมครึมของกองทัพไม่ใช่สิ่งที่น่ายินดีสักเท่าไร


ฮิวรอย์เดินเท้าท่ามกลางกลุ่มขุนนาง มันยังคงปลอมตัวเป็นเอิร์ลบาแก็ตเช่นเดิม


“คุคุคุ…”


บุคคลเดียวที่มีสีหน้าระรื่นภายในกองทัพนับหมื่นซึ่งกำลังหดหู่


มันกำลังประสบความสุขสุดขีด ยุทธการปลุกปั่นและสร้างความขัดแย้งเกิดผลสำเร็จอย่างล้นหลาม 


‘เราสามารถยืดเวลาของทัพหนุนจักรวรรดิออกไปได้นานกว่าเดิมถึงสามเท่า! นับเป็นความสำเร็จที่น่ายกย่อง!’


เจ้านายของตนซึ่งล่องเรือมาถึงโบราณสถานล่วงหน้าหลายสิบวัน ป่านนี้คงกำลังล่าสมบัติอย่างเพลิดเพลินไปพร้อมกับหลบสายตากองทัพจักรวรรดิ


แต่ความจริงไม่เป็นเช่นนั้นเสมอไป อีกฝ่ายเป็นถึงสามดยุคสุดแกร่งแห่งจักรวรรดิ มิใช่คู่ต่อสู้ที่รับมือได้ง่ายถ้าต้องสู้ซึ่งหน้า 


แผนการรบแบบกองโจรที่เต็มไปด้วยความตึงเครียด อาจทำให้กริดกลับมาผมร่วงอีกครั้ง


‘ด้วยเหตุนี้ หากทัพเสริมของจักรวรรดิแล่นเรือมาสมทบตรงตามกำหนดการเดิม…’


สถานการณ์ฝ่ายโอเวอร์เกียร์คงย่ำแย่จนต้องยอมปล่อยมือจากแผนสำรวจโบราณสถาน


แต่ปัญหาดังกล่าวไม่เกิดขึ้นเพราะตน!


ในฐานะข้ารับใช้เดนตาย ฮิวรอยอุทิศกายใจและทำทุกวิถีทางเพื่อให้ทัพหนุนจักรวรรดิไปถึงโบราณสถานช้าที่สุด แล้วมันก็ทำสำเร็จ


ฮิวรอยภูมิใจกับภารกิจนี้มาก


เมื่อจินตนาการภาพกริดกำลังชื่นชมตนอยู่ที่ใดสักแห่งบนเกาะ ฮิวรอยอดเชิดคางขึ้นไม่ได้


“เฮ่อ…”


มาร์ควิสฟูลบาจเดินเข้ามาใกล้พร้อมกับถอนหายใจยาว


แววของมันปราศจากชีวิตชีวา ถุงใต้ตาหมองคล้ำขึ้นทุกวัน นี่คือเครื่องพิสูจน์ว่า ทัพหนุนของจักรวรรดิเผชิญอุปสรรคมากมายเพียงใดตลอดกาลเดินทางที่ผ่านมา


ฟูลบาจจมอยู่กับความเศร้าหลังจากทราบข่าวลือการลอบทรยศของผู้ใต้บังคับบัญชา—ขุนนางหนุ่มที่ตนไว้ใจมานานหลายปี 


ทุกวันผ่านไปอย่างทุกข์ทรมาณราวกับอยู่ในขุมนรก


“สีหน้าไม่มีความสุขเลยนะครับ”


หลังจากเก็บซ่อนรอยยิ้มและแสร้งตีหน้าเศร้า ฮิวรอยดำเนินแผนปั่นหัวมาร์ควิสฟูลบาจต่อเนื่อง มันเอ่ยปากถามด้วยน้ำเสียงห่วงใย


ฟูลบาจหันมากล่าว


“เพราะฉันบังเอิญได้ยินมาว่า… เอิร์ลซิลวาพูดจาเหลวไหลอีกแล้ว”

“เอ๋? อีกแล้วหรือครับ… กล้าทำให้ท่านมาร์ควิสไม่สบายใจเชียว? คราวนี้เป็นเรื่องใด?”


“บุตรสาวของฉันที่แต่งงานเมื่อสองปีก่อน เจ้าบ้าซิลวาดันอวยพรให้เธอครองรักกับสามีนานนับร้อยปี!”


“บ้าน่า? ทำไมถึงได้ต่ำทรามเยี่ยงนั้น… หมอนั่นมันเดนมนุษย์ชัดๆ!”


“อา… ไม่นึกเลยว่าจะสาปแช่งบุตรสาวของฉันทางอ้อมแบบนี้”


บุตรสาววัยรุ่นของมาร์ควิสฟูลบาจมีชะตาต้องสมรสกับขุนนางวัย 41 ปี หรือก็คือ เป็นการสมรสด้วยเหตุผลการเมือง


ฟูลบาจรู้สึกผิดต่อเธอมาก อนาคตของบุตรสาวเพียงคนเดียวต้องเปลี่ยนผันตลอดการ เพียงเพราะบิดาปรารถนาฐานะที่มั่นคง


มันภาวนาให้ลูกเขยผมหงอกขาวรีบสมองเสื่อมและตายไปในเร็ววัน บุตรสาวของตนจะได้เป็นอิสระเสียที 


แต่เอิร์ลซิลวากลับอวยพรให้ทั้งสองครองรักนานนับร้อยปี แบบนี้ไม่เท่ากับสาปแช่งหรอกหรือ?


ฟูลบาจโกรธเคืองซิลวามาก ความเครียดที่ผู้ใต้บังคับบัญชาลอบแทงข้างหลัง แค่จะข่มตานอนให้หลับยังทำได้ลำบาก


“ให้ตายสิ… ไม่มีความเป็นมนุษย์เลยรึไง”


ทว่า เมื่อลองทบทวนดูให้ดี ตนกำลังสร้างบาดแผลทางจิตใจให้ผู้อื่นอยู่ไม่ใช่หรือ? ถึงอีกฝ่ายจะเป็น NPC ก็เถอะ


พฤติกรรมของตนเรียกว่าต่ำทรามหรือไม่?


ขณะฮิวรอยกำลังสับสน ฟูลบาจเริ่มร่ำไห้พร้อมกับส่งเสียงสะอื้น มันเอาแต่ก้มหน้าลงด้วยร่างกายที่สั่นเทา


“นี่ครับ”


ฮิวรอยยื่นผ้าเช็ดหน้าของตนให้ฟูลบาจ


ด้วยเหตุผลบางประการ ผ้าเช็ดหน้าฮิวรอยมีกลิ่นเหม็นคล้ายขี้ไก่ แต่มาร์ควิสฟูลบาจหาได้ใส่ใจ มันตอบรับไมตรีของฮิวรอยด้วยสีหน้าซาบซึ้ง


“เอิร์ลบาแก็ต… ฉันเหลือแค่นายแล้ว”


“ผมจะไม่มีวันทรยศคุณเด็ดขาด”


ทันใดนั้น


“ท่านมาร์ควิส ในวิหารไม่มีอะไรเลยครับ!”


“แต่พวกเราพบร่องรายการต่อสู้กลุ่มใหญ่”


บนวิหารเหนือยอดเขาหินท้ายลำธารยาว 


เมื่อกลุ่มอัศวินกลับจากการสำรวจภายในวิหาร รายงานถูกถ่ายทอดมาถึงมาร์ควิสฟูลบาจซึ่งเป็นแม่ทัพใหญ่


“การต่อสู้กลุ่มใหญ่? สาวกเทพสงครามไม่ได้โผล่ออกมาทีละตัวหรอกหรือ?”


ดีวอสที่ยืนเกาพุงหลังจากดื่มสุราเข้าไปคำโต มันรีบเอ่ยปากถามอัศวิน


“กำลังจะบอกว่า… ไม่ใช่ร่องรอยการต่อสู้ระหว่างมนุษย์และสาวกเทพสงครามสินะ?”


แววตาดีวอสที่จืดชืดคล้ายปลาตายมานาน ยามนี้เริ่มเผยบรรยากาศของขุนนางชั้นสูงอย่างที่ควรจะเป็น


เมื่ออัศวินนำทางเข้าไปในวิหาร สายตาดีวอสรีบสำรวจทั่วจุดที่เคยเป็นสนามรบอยู่ครู่ใหญ่ 


มันไม่กล่าวสิ่งใด เพียงแต่เดินไปยังทางออกอีกฝั่งของวิหารและก้มมองลงด้านล่าง


ฉากที่ดีวอสเห็นคือไร้อ้อยสุดลูกหูลูกตา


ทันใดนั้น จมูกดยุคแห่งสุราเริ่มสัมผัสถึงกลิ่นคาวเลือดเจือจางที่โชยมาจากไร่อ้อย เจ้าของเลือดถูกสังหารโหดด้วยการบดขยี้ร่างหรือไม่ก็ถูกฉีกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย


“กลิ่นเลือดยังใหม่อยู่ รีบลงไปดูกันเถอะ!”

ดีวอสกระโจนลงจากเขาต่อหน้าต่อตาขุนนางที่กำลังยืนตกตะลึง มันมั่นใจมาก ว่าในไร่อ้อยต้องเป็นการต่อสู้ระหว่างกลุ่มโอเวอร์เกียร์และสาวกเทพสงคราม หากเร่งฝีเท้า อาจไล่ตามทันในไม่กี่อึดใจ 


สมาชิกโอเวอร์เกียร์กลุ่มนี้คงซุ่มรบแบบกองโจรและหลบหนีการตามล่าจากสามดยุคอยู่แน่!


‘กริดไม่น่าจะพาปิอาโร่มาด้วย’


ดยุคที่เหลือต่างเคารพและศรัทธาในตัวปิอาโร่มาก หากปิอาโร่อยู่กับกริด สถานการณ์คงตึงมือกว่าปรกติหลายเท่า 


ด้วยเหตุนี้ มันต้องรีบฆ่ากริดทิ้งและส่งออกจากทะเลแดงโดยเร็ว


“ฉันขอล่วงหน้าไปก่อน”


ตึกตึกตึก!


ดีวอสไต่ผาหินลงด้านล่างด้วยความเร็วสูง ไม่ใช่สปีดที่กลุ่มทหารหรืออัศวินจะตามทันได้เลย 


ในตอนแรก มันไม่ได้ใส่ใจโบราณสถานเทพสงครามมากนัก สาเหตุเพราะ กลุ่มสามดยุคที่รุดหน้ามาก่อนคงคว้าสมบัติสำคัญไปหมดแล้ว ภารกิจของมันจึงมีเพียงการอารักขาทหารและขุนนางให้ปลอดภัย 


ทว่า เมื่อสัมผัสถึงร่องรอยกริด


‘ชิ!’


ทันทีที่ทหารและอัศวินเร่งฝีเท้าแห่ตามดีวอสลงไป สีหน้าฮิวรอยเริ่มบิดเบี้ยว


… 


ขณะเดียวกัน ทางฝั่งปาร์ตี้กริด


“แฮ่ก… แฮ่ก… แฮ่ก…”


นับตั้งแต่ไร้อ้อยเป็นต้นมา ระดับความยากของโบราณสถานเทพสงครามเพิ่มขึ้นชัดเจน


ผ่านไปนานหลายวัน ปาร์ตี้โอเวอร์เกียร์ฝ่าฟันอุปสรรคอย่างไม่หยุดพักด้วยสีหน้าสุดเหน็ดเหนื่อย


ภายในไร่อ้อยแห่งนี้ สาวกเทพสงครามจะปรากฏตัวกลุ่มละสี่ตน แถมยังเป็นสาวกชนิดหกเทคนิค แต่ละตัวมาพร้อมเทคนิคสุดบัดซบอย่าง‘โจมตีสวนกลับโดยไม่สนเงื่อนไข’ และ ‘หลบหลีกทักษะทุกชนิดที่เคยเห็นครบสองครั้ง’


ปัจจุบัน ปาร์ตี้โอเวอร์เกียร์และสามดยุคกำลังถูกรุมล้อมด้วยสาวกเทพสงครามเกินกว่าสามสิบตน พวกมันไม่เห็นหนทางที่จะมีชีวิตรอดต่อไป


‘ถ้ากินลูกท้อขาวล้ำค่าที่นี่ เราอาจพาทุกคนฝ่าออกไปได้ด้วยพลังอัสทารอธและดาบพินาศทัพหนึ่งแสน…’


แถบสีแดงกำลังกระพริบที่มุมสายตากริด


หลอดดังกล่าวคือแถบพลังชีวิตราชาโอเวอร์เกียร์ซึ่งใกล้หมดลงเต็มที ย่อมช่วยไม่ได้ เขาอาสารับบทเป็นตัวแทงค์แทนพวกพ้องทุกคน


จริงอยู่ที่ยังพอมีวิธีหนีรอด แต่นั่นต้องแลกมาด้วยสิ่งสำคัญมากมาย… 


การเปิดเผยท่าไม้ตายต่อหน้าศัตรูคือความเสี่ยงใหญ่หลวง ตนจะเชื่อใจดยุคทั้งสามได้จริงหรือ?


ขณะกริดเริ่มลังเล ยูร่าเดินมายืนเคียงข้าง


ร่ายกายถูกห่อด้วยชุดเกราะแสงขาวโพลนเฉกเช่นผิวพรรณของเธอ นักล่าอสูรสาวกล่าวด้วยสีหน้ามุ่งมั่น


“ฉันจะอัญเชิญราชาภูติ”


อันที่จริง เธอเองก็ลังเล


ยูร่าไม่ต้องการให้จักรวรรดิทราบว่า ตนทำพันธสัญญากับราชาภูติแสง แต่สถานการณ์ปัจจุบัน กริดและพวกพ้องกำลังตกที่นั่งลำบาก


คงไม่เหมาะสักเท่าไร หากยังดื้อปิดบังท่าไม้ตายต่อจักรวรรดิจนพวกพ้องต้องตายกันหมด


ซู่ววว—


ยูร่าเริ่มพิธีกรรมอัญเชิญ


“หยุดก่อน…!”


ลอเอลเป็นฝ่ายตะโกนห้ามแทนกริด มันย่อมทราบดี ว่ายูร่าคิดจะทำอะไร


ภูติธาตุคือพลังที่มนุษย์ทุกคนใฝ่ฝัน ไม่แปลกที่จักรวรรดิจะปรารถนาครอบครอง ฉะนั้น การเปิดเผยราชาภูติอาจก่อให้เกิดอันตรายตามมา เพราะท่าทีของจักรวรรดิยังไม่ชัดเจน

ขณะลอเอลตะโกนห้ามยูร่า สามดยุคเป็นฝ่ายชิงลงมือนำไปก่อน


“แม้แต่ในจักรวรรดิ มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ทราบว่า… ทำไมฉันถึงถูกเรียกว่าราชาอมตะ”


กริดลังเลที่จะหยิบยื่นความเชื่อใจให้อีกฝ่าย 


…แต่อีกฝ่ายกลับมอบให้กริดโดยไม่ห่วงผลเสียที่ตามมา


ตึง!!


เกล็นฮาลถอดเกราะหนักที่มันสวมตลอดเวลาออก ทั้งถุงมือเหล็ก หมวกเหล็ก โล่ใหญ่ หรือกระทั่งชุดเกราะ


ทุกครั้งที่โลหะน้ำหนักมหาศาลตกกระทบพื้น เสียงดังกังวาลคล้ายระฆังสวรรค์พลันกึกก้อง


ไอเท็มเหล่านี้มีน้ำหนักมากเพียงใดกัน… 


ผ่านไปไม่นาน เกล็นฮาลเผยให้เห็นมัดกล้ามเนื้อกำยำที่เต็มไปด้วยรอยแผลเป็นลึกหลายจุด


ซู่ววว… 


แสงสีแดงเข้มเริ่มห่อหุ้มร่างที่มีเพียงเสื้อผ้าบางและเนื้อหนัง


นักรบคลั่ง


เกล็นฮาลคือนักรบคลั่งอันดับหนึ่งของทวีป มันจะยิ่งทรงพลังเมื่อพลังชีวิตยิ่งเสื่อมถอย


นี่คือตัวตนที่แท้จริงของดยุคเกล็นฮาล


ปึดปึดปึดปึด… 


ขณะเดียวกัน มอริสที่เริ่มเผยเขี้ยวยาวใหญ่และเล็บแหลมคม ร่างกายมันถูกปกคลุมด้วยขนสัตว์ซึ่งหนาและแข็งจนมิดชิด


บางที นี่อาจเป็นขีดจำกัดสูงสุดที่ทูนสามารถก้าวไปถึง… ราชาสัตว์ป่าตัวจริงเสียงจริง


ทันใดนั้น สายตาทุกคนจับจ้องไปยังบาซาร่าพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย 


ดยุคสาวงามแสดงท่าทางเคอะเขิน

“เอ่อ… ฉันแปลงร่างไม่ได้ค่ะ”


“…”


▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬

ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 4 ตอน

ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,426

ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/


Comments

  1. ทำเอากิลโอเวอร์​เกียร์​เอ่อเลย​บาซาร่า​😂😂😅 "..."

    ReplyDelete
  2. เจ๊บาซาร่า!!! ได้หนึ่งฮา

    ขอบคุณครับ

    ReplyDelete
  3. ขอบคุณ​มาก​ครับ​😁

    ReplyDelete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00