จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1028
แวมไพร์บุตรแห่งเบริอาเช่ทุกตนจะสืบทอดความปรารถนาของเธอด้วยเสมอ
ในบรรดาทั้งหมด บราฮัมสืบทอด ‘ปรารถนาแห่งปัญญา’ มันต้องการเอาชนะคำสาปเกียจคร้านและไขปริศนาความจริงของโลกใบนี้
และเฉกเช่นมารดาอย่างเบริอาเช่ บราฮัมพยายามค้นหาความจริงของเทพทุกตน
ในอดีต มันเกิดความกังวลเมื่อแพ็กม่าสารภาพว่าเทพสงครามต้องการพบตัว
เทพสงคราม·เซราทุล
บราฮัมสัมผัสได้ เทพที่มีนิสัยโอหังไม่น่าจะมอบความห่วงใยแก่มนุษย์ด้วยเจตนาอันบริสุทธิ์
แล้วก็เป็นเช่นนั้นจริง
แพ็กม่ากล่าวว่า เทพสงครามปฏิเสธพรสวรรค์ของตนอย่างไม่ไยดี ในการสนทนาครั้งนั้น เทพสงครามได้ระบุจุดอ่อนและขีดจำกัดของตนอย่างทะลุปรุโปร่ง
นับแต่นั้นมา แพ็กม่าสาบานกับตัวเองว่าต้องแข็งแกร่งขึ้นเพื่อปกป้องโลก และคำสาปบานได้นำพาไปสู่…
การทรยศบราฮัม
แพ็กม่าสังหารบราฮัมด้วยข้ออ้างขจัดเผ่าอสูรให้หมดไปจากโลก
> ฉันยังจำได้แม่น แววตาแพ็กม่าในวันนั้นเสียดแทงเข้ามาในดวงจิต ปราศจากความอาทร ปราศจากความรู้สึกผิดหรือเจ็บปวด สิ่งเดียวที่อัดแน่นคือความหิวกระหายในพลัง
> ไม่เพียงเท่านั้น สาวกเทพสงครามมิใช่บุคคลที่มีจิตใจบริสุทธิ์ผุดผ่อง เพียงแต่พวกมันถูกเทพสงครามสาปให้ต้องเลือกเส้นทางที่ตัดขาดอารมณ์ เพื่อให้ไปถึงพลังที่พรสวรรค์ธรรมดามิอาจเอื้อม
> อย่าได้ฟังคำพูดของเจ้าปีศาจนั่น ปากสุนัขของมันได้เปลี่ยนชะตาชีวิตผู้คนนักต่อนัก คำพูดของมันทำให้แพ็กม่าเกิดความย้อนแย้งในตัวเอง
> แพ็กม่าฆ่าฉันเพราะหวังกำจัดอสูรให้สิ้นซาก แต่ท้ายที่สุด ตัวเองกลับเลือกทำพันธสัญญากับจอมอสูร น่าตลกดีใช่ไหม?
เสียงบราฮัมดังกังวานในศีรษะกริด
ทันใดนั้น เสียงสาวกเทพสงครามดังแทรก
“เจ้าถูกวิญญาณอสูรชั่วร้ายสิงสู่ อย่าไปฟังคำเป่าหูของมัน เจ้าดำเนินถึงขีดจำกัดของช่างตีเหล็กแล้ว จงยอมรับความจริงซะ”
“เจ้าอ่อนแอและไม่เหมาะกับดาบ อย่าได้ขัดขืนชะตากรรมอีกเลย รีบขวนขวายหาพลังชนิดใหม่เสียเถิด”
“จริงสิ… เหตุใดเจ้าไม่ลองกลืนกินวิญญาณอสูรชั่วร้ายภายในร่างดูเล่า? ข้าจะสอนวิธีให้เอง หากเจ้ากลืนกินดวงวิญญาณมันสำเร็จ พลังอันยิ่งใหญ่ก็ไม่ไปไหนเสีย”
เมื่อสิ้นเสียง ชื่อสาวกเทพสงครามสิบเทคนิคพลันเปลี่ยนเป็น ‘เซราทุล’
หลังจากยึดครองร่างสาวก บรรยากาศรอบตัวเซราทุลพลันเข้มข้นขึ้นทันตาเห็น
สิ่งนี้เรียกว่า ‘การสิงร่าง’
แต่กริดไม่ถูกล่อลวงโดยง่าย ชายหนุ่มสงบนิ่งดุจดังหินผา ไม่สิ ตรงกันข้าม หลังจากได้ยินเสียงบราฮัม จิตใจที่เคยสับสนว้าวุ่นพลันกระจ่าง
เมื่อมีบราฮัมข้างกาย เขาก็ไม่รู้สึกหวาดกลัวสิ่งใดอีก
[ค่าความสัมพันธ์กับบราฮัมเพิ่มขึ้นเกินกว่าขีดจำกัด]
[เทพสงคราม ‘เซราทุล’ สนใจในตัวท่าน]
[บราฮัมเลือกอยู่เคียงข้างท่าน]
[เงื่อนไขทั้งหมดส่งผลให้ชิ้นส่วนลับปรากฏ!]
ชิ้นส่วนลับใหม่มีชื่อว่า ‘ไม่กระทำผิดซ้ำเดิม’
นามของมันแตกต่างจาก ‘ชิ้นส่วนลับ’ ประจำคลาสผู้สืบทอดแพ็กม่าที่กริดเคยรับมาทั้งหมด
ใช่แล้ว มันคือพลังใหม่ที่กริดสร้างเส้นทางของตนขึ้นมาเอง เขาเป็นผู้ให้กำเนิดเงื่อนไขทั้งหมดกับมือ
…มิใช่เส้นทางที่แพ็กม่าวางไว้เหมือนครั้งอดีต
> ฉันจะไม่กระทำผิดซ้ำเดิม ฉันจะไม่ยอมเสียเพื่อนเพียงคนเดียวไปอีก!
ซู่ววว—
เมื่อเสร็จสิ้นคำรามจากบราฮัม เส้นผมสีดำขลับของกริดถูกย้อมขาว ผิวหนังออกน้ำตาลกลายเป็นขาวซีดราวกับปราศจากโลหิต นัยน์ตาทั้งสองแดงก่ำโดยสมบูรณ์
เมื่อกระบวนการแปรเปลี่ยนเสร็จสิ้น กระดูกเค้าโครงใบหน้าเริ่มหดเข้ารูปกลายเป็นชายหนุ่มรูปงาม
นี่คือ ‘ผสานวิญญาณ’
มิใช่การผสานเหมือนครั้งทั่วไป แต่เป็นการหลวมรวมดวงวิญญาณอันเข้มข้น ซึ่งแจ่มชัดยิ่งกว่าครั้งแรกที่บราฮัมสิงร่างกริดเสียอีก
ผสานวิญญาณสมบูรณ์
[บราฮัมฝืนผสานวิญญาณกับท่านสำเร็จเนื่องจากพลังชิ้นส่วนลับ]
[คลาสของท่านมีการเปลี่ยนแปลง]
ชื่อ : บราฮัม·เฮชวาล (กริด)
คลาส : มหาจอมเวท
สมญานาม : ดยุคแห่งปัญญา
* ตัวตนทรงปัญญาอันดับหนึ่งสมัยยังมีชีวิตอยู่ แต่มีบางสัจธรรมที่ยังเข้าไม่ถึง ชายคนนี้จึงแสวงหาความรู้อยู่ตลอดเวลา ด้วยแรงปรารถนาในการค้นคว้าความรู้ที่มากเกินไป บางครั้งก็อาจเป็นพิษร้าย
* ค่าสติปัญญา +35%
* มีโอกาสเล็กน้อยที่จะคลุ้มคลั่ง
สมญานาม : ผู้กลายเป็นตำนาน
* ไม่ได้รับอาการผิดปรกติ
* ไม่เสียชีวิตทันทีเมื่อพลังชีวิตหมดลง
* เป็นที่รู้จักได้ง่ายขึ้น
สมญานาม :???
*???
…
…
เลเวล : 545
พลังชีวิต : 858,310 / 858,310 (ถูกแก้ไข)
มานา :13,964,000 / 13,965,000 (ถูกแก้ไข)
พละกำลัง : 258
ความอดทน : 3,400
ความว่องไว : 1,009
สติปัญญา : 15,880 + 5,558
* กายามนุษย์มิอาจสำแดงพลังบราฮัม·เฮชวาลได้เต็มที่ ทักษะจำนวนมากจึงถูกผนึก
บึ้มมมมมมม—!
คลื่นพลังเวทปริมาณมหาศาลพลันระเบิดกระจายเป็นวงกว้าง
“กลืนมานา”
เมื่อสิ้นเสียง มังกรวารีจากสายน้ำตกทั้ง 53 เส้นพลันชะงักงัน
เพียงพริบตา พวกมันสลายร่างเหลือเพียงละอองหยดน้ำร่วงหล่นลงลำธารคล้ายสายฝน
“…?”
สามดยุคที่รับมือกับมังกรวารีทั้ง 53 สายอย่างยากลำบากอยู่นาน ร่างกายพวกมันล้วนร่อแร่หมดสภาพ แทบไม่เหลือเรี่ยวแรงสำหรับยืนหยัดต่อกรศัตรู ทำได้เพียงรอรับความตายอย่างสงบ ณ ก้นลำธารเบื้องล่าง
ขณะกำลังถอดใจ ความเจ็บปวดพลันมลายสิ้น เมื่อละอองน้ำอ่อนโยนสาดเทลงจากด้านบน พวกมันเงยหน้าแหงนมองอย่างฉงน
แล้วก็ได้พบ
สาวกเทพสงครามที่เคยแสดงท่าทีสุดโอหังจนถึงเมื่อครู่ สีหน้ายามนี้กำลังบิดเบี้ยวพร้อมกับร่างกายที่เซถอยหลังโดยไม่รู้ตัว
“กระจอก”
ราชาโอเวอร์เกียร์อยู่ในสภาพลอยตัวกลางอากาศ สองมือกอดอกพลางพ่นลมหายใจเหยียดหยัน แววตาชำเลืองมองสาวกเทพสงครามราวกับมดปลวกด้อยค่า
“อ…อะไรกัน?”
สามดยุคต่างพากันทึ่ง พวกมันแยกแยะไม่ออกว่านี่คือความฝันหรือเรื่องจริงกันแน่ เหตุใดตัวตนของกริดถึงสามารถข่มขวัญเทพสงครามที่พวกมันมิอาจสร้างได้แม้แต่รอยขีดข่วน?
‘บราฮัม!!’
กริดที่ถูกบังคับให้ต้องสละร่าง ชายหนุ่มตะโกนกึกก้องภายในใจ เรียกตะโกนคงไม่ถูกนัก เรียกว่าแหกปากกรีดร้องคงเหมาะกว่า
‘นายอย่าฝืนตัวเอง! ดวงวิญญาณของนายกำลังอ่อนแอ!!’
เขาไม่รักษามาดของราชาที่มีผู้คนนับล้านเคารพยำเกรง ชายหนุ่มหากปากตะโกนจนเสียงแทบแหบพร่า
ราวกับมันกำลังชื่นชอบ หางมีหางคงกระดิกระริกไปแล้ว บราฮัมยกมุมปากขึ้นพลางกล่าว
“เจ้าโง่ ฉันอ่อนแอตรงไหน”
ซู่วววววว—
ที่นี่คือใจกลางทะเลแดง
สถานที่ซึ่งมีมานาใกล้เคียงอนันต์ เป็นศูนย์กลางของโลกที่เชื่อมสองทวีปเข้าด้วยกัน
มานาบราฮัมเริ่มถูกรวบรวมอย่างไร้ขีดจำกัด มันดูดกลืนพลังธรรมชาติเข้าสู่ร่างกายโดยไม่หยุดพัก เป็นความตะกละตะกลามไว้ก้นบึ้งโดยแท้จริง
กลุ่มก้อนละอองมานาไหลเวียนรวบรวมรอบกายาราชาโอเวอร์เกียร์ ส่งเสริมกลายเป็นพลังเวทปริมาณมหาศาล ชนิดที่แม้แต่สาวกเทพสงครามสิบเทคนิคยังขยาดหวาดกลัว
ผ่านไปสักพัก บราฮัมเริ่มหยุดความกระหาย แต่สาวกเทพสงครามยังคงก้าวถอยหลังอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้
“ฉันจะแสดงให้เห็นเอง”
“…”
สาวกเทพสงครามยังคงเอาแต่เงียบงัน
ย่อมต้องเป็นเช่นนั้น เพราะอีกฝ่ายคือตำนานตัวจริงเสียงจริง มิใช่ตำนานกึ่งสำเร็จรูปเหมือนกริดและยูร่าที่ยังพัฒนาไม่สุดทาง
เมื่ออยู่ต่อหน้าตำนานแท้ กระทั่งสาวกเทพสงครามสิบเทคนิคก็มิใช่คู่มือ
และปัจจุบัน ดวงวิญญาณของเซราทุลก็ออกจากร่างไปแล้ว กลับกลายเป็นสาวกตามเดิม
แผนของมันถูกขัดขวางโดยบราฮัม ในวินาทีที่บราฮัมปรากฏตัว เซราทุลก็หายไปทันที
…เหมือนกับเหตุการณ์เมื่อครั้งแพ็กม่า
หรือต่อให้ยังอยู่ แต่เศษเสี้ยวดวงวิญญาณเทพย่อมมิอาจเอาชนะพลังตำนานแท้ได้
“กริด ฉันขบคิดเรื่องหนึ่งมานานแล้ว”
ชิ้ง—
บราฮัมชักดาบออกจากเอว
[ท่านสวมใส่ไอเท็มล้มเหลว]
[คลาสของท่านไม่สามารถใช้งานไอเท็มได้]
[เจ้าของร่างสามารถสวมใส่ไอเท็มได้ทุกชนิด]
[ท่านสวมใส่ ‘ดาบท้าทายเทพ’]
ดาบท้าทายเทพ
ดาบยาวสีทองอร่ามซึ่งใช้พาเฟรเนี่ยมเป็นวัสดุหลัก ศาสตราที่ถูกผลิตขึ้นด้วยละอองอากาศบนดินแดนเทพ ความงดงามของมันเข้ากันได้ดีกับบุรุษเลอโฉมผมขาวนัยน์ตาแดง
ภาพบราฮัมที่ถือดาบท้าทายเทพดูสง่างามเสียจนฉากหลังทั้งหมดพร่ามัวไม่คมชัด
แม้แต่มงกุฎทอง·บาซาร่าที่เอาแต่หลับตามาตลอดราวกับรักษามาดผู้ทรงปัญญา เธอยังอดไม่ได้ที่จะลืมตาเพื่อยลโฉมความสง่าผ่าเผยของตำนานตัวจริง
“ฉันคิดถูกแล้วจริงหรือ… ที่พยายามยัดเยียดเวทมนตร์ให้ไอ้งั่งสมองทึบอย่างนาย?”
‘…’
“เวทมนตร์อันมากมายใกล้เคียงอนันต์ของฉัน… นายจะเรียนรู้ได้หมดก่อนตายรึเปล่า?”
‘…’
“หลังจากครุ่นคิดอยู่นาน ฉันได้ข้อสรุปว่า การสอนเวทมนตร์ให้นายคือสิ่งสูญเปล่าที่จะไม่เกิดประโยชน์อันใด”
‘ทำไมจู่ๆ ถึงได้…’
กริดฝืนกลืนน้ำลายอันแห้งเหือด ท่าทางบราฮัมทำราวกับจะทวงคืนเวทมนตร์ทั้งหมดที่เคยมอบให้
อย่าบอกนะว่า… สิ่งที่ต้องแลกเปลี่ยนชิ้นส่วนลับคือการสูญเสียเวทมนตร์?
สำหรับเวทมนตร์ใหม่ที่ยังไม่ได้เรียน ชายหนุ่มไม่ถือสา แต่กับเวทมนตร์เก่าแก่ที่ครอบครองจนชำนาญอย่างตั้งเวลาและศรเวท พวกมันจะถูกริบคืนด้วยหรือ?
ขณะกริดกระวนกระวายหนัก
“จงเพ่งมอง”
บราฮัมเริ่มรำท่วงท่าวิชาดาบแพ็กม่า เป็นการระบำอันสมบูรณ์ไร้จุดตำหนิ สำหรับบราฮัมที่เฝ้ามองกริดใช้งานตลอดหลายปี มันสามารถเลียนแบบง่ายดายไม่ต่างจากปอกกล้วยเข้าปาก
“ฉันจำได้ว่า แพ็กม่าเคยผสานพลังดยุคแห่งไฟเข้ากับวิชาดาบตัวเอง เช่นนั้นแล้ว ฉันก็จะผสานเวทมนตร์เข้ากับวิชาดาบบ้าง ในอนาคต นายไม่จำเป็นต้องแบ่งแยกวิชาดาบกับเวทมนตร์ออกจากกัน ดังนั้น ไม่ว่าจะสมองทึบสักเพียงใด แต่ก็ไม่ยากเกินไปสำหรับการเรียนรู้”
ฉึบ
ฉึบ
เมื่อบราฮัมรำดาบสองจังหวะเข้าใกล้สาวกเทพสงครามสิบเทคนิค เปลวเพลิงร้อนระอุที่คล้ายกับสยบดวงอาทิตย์เริ่มลุกโชนรอบกาย
“อย่ามาหยามกันให้มากนัก!!”
สาวกเทพสงครามตระหนักได้ ตัวมันคงมิอาจหลบหนีจากสถานการณ์ตรงหน้าพ้น ทางเลือกหนึ่งเดียวที่เหลือคือเข้าประจัญบานแลกด้วยชีวิต
ขอเสี่ยงตายอย่างสมเกียรติ ดีกว่าต้องหนีหางจุกก้นให้เสื่อมศักดิ์ศรี
ซู่ววว—
ก้อนมวลมานามหาศาลรอบตัวบราฮัมเริ่มกระจัดกระจายหลังจากสาวกเทพสงครามสิบเทคนิคยิงลำแสงสีขาวใส่ด้วยโทสะ
เป็นบรรยากาศสุดคุกคามที่เปี่ยมด้วยความน่าสะพรึง แม้แต่กริดยังไม่มั่นใจว่าจะปลอดภัยต่อให้สวม ‘วัลฮัลล่า’ ไว้ก็ตาม
ทว่า
เปรี้ยง—
ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับบราฮัม ด้วยการปกป้องจากบาเรียคุ้มกายสุดทรงพลัง มหาจอมเวทในตำนานทำการรำเทคนิคดาบจนเสร็จสิ้นกระบวนท่าโดยไม่ถูกขัดขวางรบกวน
กริดนึกชื่นชมความสุดยอดอยู่ในใจ
“เทคนิคดาบชนิดใหม่จะช่วยเข่นฆ่าศัตรูไปพร้อมกับปกป้องตัวเจ้า”
บราฮัมให้สัญญาแน่นหนัก
ฉึก!
มหาจอมเวทพุ่งใส่สาวกเทพสงครามพร้อมกับแทงดาบเสียบหน้าอก
กริดจินตนาการภาพสาวกเบื้องหน้าถูกเผาเป็นเถ้าธุลีและกลายเป็นแสงเทา คล้ายกับฉากสุดอลังการที่บราฮัมเคยแสดงให้เห็นหนแล้วหนเล่าในอดีต
ทว่า ความเป็นจริงนั้นตรงข้าม
“…”
บราฮัมมีค่าพละกำลัง 258 หน่วย เป็นความไร้เรี่ยวแรงสุดกระจอกที่มิอาจชดเชยกลบเกลื่อนได้ด้วยพลังแห่งไอเท็ม
ยิ่งไปกว่านั้น บราฮัมมิได้ใช้วิชาดาบแพ็กม่า เพียงแต่มัน ‘เลียนแบบ’ ท่วงท่าที่เคยเห็นจากกริด คงเกินไปสักหน่อยหากมหาจอมเวทในตำนานสามารถปลดปล่อยเทคนิคดาบได้ด้วย
“…”
“…”
บรรยากาศพลันกระอักกระอ่วนบัดซบ!
สาวกเทพสงครามมีอันต้องผงะ คล้ายกับมันเตรียมใจรับความตายไปแล้ว แต่คมดาบที่ปักร่างกลับมิได้ส่งผลดังที่ควร
ด้านบราฮัมกระแอมราวกับไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น
“แฮ่ม!”
ฝ่ายที่ตั้งสติได้ก่อนคือสาวกเทพสงคราม
มันฉวยโอกาสเบื้องหน้าลงมือฉับพลัน ฝ่ามือสาวกเหยียดยื่นใส่แขนข้างหนึ่งของบราฮัม เกิดเป็นภาพมายาของแสงสวัสติกะทองอร่าม เจตนาหวังคว้าและเหวี่ยงทุ่มบราฮัมให้นอนติดพื้น
แน่นอน บราฮัมไม่ย่อมให้เกิดขึ้น
ฉัวะ—
“…!”
แขนข้างที่หวังสัมผัสร่างกริดถูกสะบั้นขาดออกจากกายด้วยเวทลมเฉือนทรงพลัง สาวกเทพสงครามทำได้เพียงส่งเสียงร้องโหยหวน
“หากฉันยังไม่อนุญาต แกไม่มีสิทธิ์แตะต้องร่างกายนี้”
‘นี่มันร่างฉัน!’
กริดโวยวายคัดค้าน แต่บราฮัมมิได้แยแส
มหาจอมเวทเพียงยื่นฝ่ามือไปด้านหน้านุ่มนวล เวทมนตร์สุดทรงพลังอย่าง ‘ทอร์นาโด’ ถูกปลดปล่อยชั่วพริบตาด้วยระยะประชิด ร่างสาวกเทพสงครามถูกลมกรีดเฉือนโหดเหี้ยมทารุณ
ทันใดนั้น เส้นผมขาวหิมะของบราฮัมเริ่มถูกย้อมเข้มกลับเป็นสีดำอีกครา
มันค่อยๆ กลับกลายเป็นกริด
“จงจำไว้ให้ดี จุดประสงค์ของเทพสงครามคือการโจมตีจุดอ่อนทางจิตใจของเป้าหมาย มันจะกล่อมให้อีกฝ่ายคิดว่าตัวเองถึงขีดกำจัด จากนั้นจะหลอกล่อให้เข้าสู่เส้นทางบำเพ็ญตนที่ตัดขาดอารมณ์ทั้งปวง เหมือนกับสาวกเหล่านี้…
“ความทระนงตนถือเป็นอาภรณ์สำคัญของมหาบุรุษ เจ้าต้องรักษามันไว้ให้ดี อย่าให้ใครช่วงชิงไปได้เด็ดขาด… ในสายตาฉัน เทพสงครามต่ำทรามยิ่งกว่าเทพมารยาธานที่หวังทำลายโลกมนุษย์หนแล้วหนเล่าเสียอีก”
การสังหารสาวกเทพสงครามสิบเทคนิคสิ้นเปลืองพลังบราฮัมไม่น้อย น้ำเสียงมหาจอมเวทกำลังแสดงออกชัดเจนว่า มันจะกลับเข้าสู่ภาวะหลับใหลยาวนานอีกครา
“อย่าได้หลงเชื่อคำยั่วยุที่ลวงหลอกว่าจะมอบพลังให้… อย่าได้ลืมว่ายังมีฉันอยู่ข้างกายเสมอ”
‘บราฮัม… นี่นาย’
เมื่อได้ยินเสียงสุดแหบพร่าและไร้เรี่ยวแรงของอีกฝ่าย กริดทราบทันทีว่า ตนกับบราฮัมคงต้องลาจากกันอีกพักใหญ่
“ถ้าเทพสงครามบัดซบนั่นมาหานายอีก ให้บอกกับมันไปว่า…”
เส้นผม ผิวหนัง สีนัยน์ตา รวมถึงโครงหน้า ทุกส่วนเริ่มเปลี่ยนแปลงกลับมาเป็นกริดคนเดิม
ในวินาทีก่อนที่เจ้าของร่างจะกลับเป็นกริดโดยสมบูรณ์ บราฮัมเปล่งเสียงหนึ่งถ้อยคำด้วยสติห้วงสุดท้าย
“…ไอ้หัวค*ย”
‘…’
[ดวงวิญญาณบราฮัมเข้าสู่ภาวะหลับลึก]
[แต่บราฮัมยังคงเฝ้ามองท่านอยู่เสมอ]
[ผลจากชิ้นส่วนลับ รายละเอียดของ ‘เทคนิคมหาจอมดาบแพ็กม่า’ มีการเปลี่ยนแปลง]
[ชิ้นส่วนลับได้ทำลายโอกาสในการพัฒนาคลาสเป็น ‘มหาจอมเวทในตำนาน’ แต่จะเปลี่ยนเป็น ‘ผู้สืบทอดบราฮัม’ แทน]
< (ความห่วงใยจากบราฮัม) เทคนิคมหาจอมดาบแพ็กม่า> Lv.1
สุดยอดความชำนาญดาบ เพิ่มพลังโจมตี 40% โอกาสคริติคอล 50% และความแรงคริติคอล 80%
* แสดงผลกับอาวุธประเภทดาบเท่านั้น
* ลดย่างก้าวที่ต้องรำดาบ
* สามารถสร้างวิชาดาบผสานชนิดใหม่ได้จำนวน 5 ครั้ง
(จำนวนครั้งจะเพิ่มขึ้นเมื่อเลเวลทักษะเพิ่ม)
* สามารถผสานวิชาดาบได้พร้อมกันสูงสุดสี่ทักษะ
★ ทำการปลดปล่อยเวทมนตร์ของบราฮัมขณะใช้งาน ‘วิชาดาบผสานหนึ่งเทคนิค’
★ เวทมนตร์ที่ถูกปลดปล่อยจะเป็นเวทชนิดพื้นฐานเท่านั้น ประเภทของเวทมนตร์จะแตกต่างออกไปตามวิชาดาบที่เลือกใช้
★ หากเป็นวิชาดาบผสานมากกว่าหนึ่งชนิดขึ้นไป เวทมนตร์หลายชนิดจะถูกปลดปล่อยพร้อมกัน
★ สูญเสียมานาทุกครั้งที่ใช้งาน ท่านสามารถเลือกเปิด/ปิดได้ตามใจชอบ
สถานะปัจจุบัน : เปิดใช้งาน
“บราฮัม…”
หลังจากกริดได้รับสิทธิ์ควบคุมร่างกลับคืนมา เขาใช้มือกุมหน้าอกด้วยสีหน้าเจ็บแปลบ
ความปรารถนาดีของบราฮัม
ชายหนุ่มหัวเราะไม่ได้ ร่ำไห้ไม่ออก…
มีกลิ่นอายความซึ้ง
ReplyDeleteมีคนหนึ่งพัฒนา
มีดยุคเฝ้ามอง😲
มีคนมีความสุข😁ขอบคุณครับ
เกือบดีละ ติดแค่ บราฮัม:ไอ้ค*ย
ReplyDeleteThis comment has been removed by the author.
ReplyDeleteกริดจะเปนักดาบตัวจริงใช่ป่ะ เคลือบคิด?
ReplyDelete