จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1035



ช่วงเวลาแห่งความสุข หรือช่วงเวลาวิกฤติมนุษย์จดจำเหตุการณ์ใดได้แม่นยำกว่ากัน?


สำหรับกริด จิตใจของเขาเลือกจดจำช่วงเวลาวิกฤติชัดเจนกว่า


หากให้อธิบายตามหลักจิตวิทยา กระบวนการนี้หมายถึง สมองมนุษย์พยายามจดจำเหตุการณ์อันตรายเกือบถึงชีวิตให้ชัดเจนที่สุด เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นซ้ำสอง


และถ้าให้เลือกหนึ่งในเหตุการณ์วิกฤติที่สุดสำหรับกริด


[ท่านได้ยินเสียงหัวเราะชั่วร้ายของเบนทาโอ ท่านมิอาจสงบใจได้]


[ท่านสูญเสียความเยือกเย็น ทักษะที่กำลังแสดงผลทั้งหมดถูกยกเลิก]


[ราชาตัวตลก ‘เบนทาโอ’ เป็นที่ชื่นชอบของครึ่งเทพ ท่านมิอาจต้านทานอาการผิดปรกติ]


[ท่านจะตกอยู่ในอาการ ‘คลุ้มคลั่ง’ เป็นเวลา 1 นาที]


[ขณะคลุ้มคลั่ง พลังโจมตีของท่านจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อย แต่พลังป้องกันก็ลดลงเล็กน้อยเช่นกัน ยิ่งไปกว่านั้น ความเร็วร่ายทักษะและทรัพยากรที่ใช้จะเพิ่มขึ้นหลายเท่า]


[ขณะท่านกำลังสูญเสียความเยือกเย็น เบนทาโอใช้ฝ่ามือสัมผัสตัวท่าน พลังชีวิตของท่านจะสลับกับพลังชีวิตของผู้ใช้งานพลัง]


ศึกแรกกับแอ็กนัส


ขณะสงครามยึดครองอาณาจักรเบลโต้กำลังดำเนินไปอย่างดุเดือด กริดสามารถจดจำทุกข้อความที่ปรากฏได้แม่นยำ เพราะนี่คือเหตุการณ์สำคัญที่พลิกผันกระแสสงครามไปโดยสิ้นเชิง


ครึ่งเทพตนใดกันที่ชื่นชอบเบนทาโอ และเหตุใดแอ็กนัสถึงมีพลังเบนทาโอในครอบครองได้


จากมุมมองกริด สิ่งนี้เป็นโจทย์ที่ยากจะขบคิดหาคำตอบ


แต่ในวินาทีนี้…


“หากเทพตีเหล็ก·เฮ็กเซเทียคือเทพที่ประทานเครื่องไม้เครื่องมือแก่มนุษย์…”


เบนทาโอเริ่มเกริ่น


กริดเดินตามมันเข้าไปด้านในวิหารด้วยสีหน้าสุดฉงน


ราชาตัวตลกเบนทาโอ กับสงฆ์ชราเบนทาโอตรงหน้าจะใช่คนเดียวกันจริงหรือ?


ขณะแอ็กนัสใช้ทักษะ ภาพหลอนดังกล่าวมีเสียงหัวเราะและรอยยิ้มน่าขนลุกขยะแขยง แต่กลับกัน สงฆ์ชราเบื้องหน้ากริดมีรอยยิ้มที่อบอุ่นและใจดี


แววตาเต็มไปด้วยไมตรีและความโอบอ้อม ปราศจากเศษเสี้ยวความบ้าคลั่งโดยสิ้นเชิง


“เทพสงคราม·เซราทุลก็คือผู้ที่สอนให้มนุษย์รู้จักใช้งานเครื่องมือ…”


“…?”


ขณะเดินตามหลังสงฆ์ชราเบนทาโอ กริดที่ตั้งใจเพ่งมองอีกฝ่ายหัวจรดเท้า มีอันต้องขมวดคิ้วหลังจากได้ยินประโยคเมื่อครู่ มันสัมผัสได้ถึงความไม่ชอบมาพากล


คำเทศนาของเบนทาโอยังคงดำเนินต่อไป จนกระทั่งมันหยุดฝีเท้าลง เมื่อเดินมาถึงเทวรูปที่ปราศจากใบหน้า


“ใช้คมหอกทิ่มแทงสัตว์ป่าเพื่อเติมเต็มกระเพาะให้สมาชิกในครอบครัว ใช้คมดาบฟันมือหัวขโมยที่พยายามแย่งชิงอาหารไปจากครอบครัว ใช้คมดาบฟันท้องโจรผู้ร้ายที่หมายปองชีวิตคนในครอบครัว…


“ยิ่งลับศาสตราให้คม ชีวิตของเจ้าและครอบครัวก็ยิ่งปลอดภัย”


ฉึบ


เบนทาโอที่กำลังเทศนาเสียงดัง มันก้มศีรษะลงเพื่อทำความเคารพเทวรูปไร้หน้า ก่อนจะเงยขึ้นและหันมองทางกริด


“เครื่องมือ… มีอยู่เพื่อความรุนแรงเท่านั้น”


“…”


“ความรุนแรง… มีอยู่เพื่อสร้างความสุขแก่ครอบครัวและตัวเจ้าเอง”


“…”


“ศิลปะการต่อสู้ที่เทพสงครามประทานให้ ไม่มีการอวยพรใดล้ำค่ากับมนุษย์ไปกว่านี้แล้ว”


กริดเริ่มขนลุก


แม้เบนทาโอจะเทศนาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน แต่เนื้อหาแฝงไว้ด้วยความรุนแรงป่าเถื่อน


ยิ่งได้ฟังก็ยิ่งประหลาด ไม่ว่าจะมองมุมใด เบนทาโอนั้นห่างไกลจากผู้มีจิตใจเป็นกุศลมาก


กริดเริ่มได้ข้อสรุป ราชาตัวตลกเบนทาโอและสงฆ์ชราเบนทาโอเบื้องหน้าตน ทั้งสองคือบุคคลเดียวกัน


ขณะชายหนุ่มแสดงสีหน้าดำมืด


“คุณบูชาความรุนแรงใช่ไหม? นั่นคือหลักคำสอนของเทพสงครามอย่างนั้นหรือ?”


ลอเอลเอ่ยปากถามแทนทุกคน


เบนทาโอผงกศีรษะเบาๆ


“ถูกต้อง พวกเจ้าก็คงเห็นดีเห็นงามกับหลักคำสอนที่น่าเลื่อมใสศรัทธานี้ใช่ไหม?”


“…?”


“เพราะไม่อย่างนั้น พวกเจ้าคงไม่เข่นฆ่าสาวกเทพสงครามจำนวนมากระหว่างทางมาถึงที่นี่ เจ้าทุกคนมีคุณสมบัติเพียงพอที่จะกลายเป็นผู้ศรัทธา”


ทันใดนั้น


[ชิ้นส่วนลับปรากฏ!]


ข้อความระบบแบบเดียวกัน กำลังแสดงบนมุมหน้าจอขุนพลโอเวอร์เกียร์ทุกคน


[ท่านมีคุณสมบัติเพียงพอที่จะกลายเป็นคลาสลับ ‘สาวกเทพสงคราม’]


[ในฐานะสาวกเทพสงคราม ค่าพละกำลัง ความอดทน และความว่องไวจะเพิ่มขึ้นถาวร 15% แถมท่านจะได้รับคัมภีร์เคล็ดวิชาแบบสุ่มจำนวน 4 เล่ม]


[แต่ท่านจะสูญเสียคลาสและทักษะที่ครอบครองก่อนหน้าทั้งหมด …ทั้งหมด!]


[ท่านจะกลายเป็นสาวกเทพสงครามหรือไม่?]


คลาสลับสาวกเทพสงครามคือหนึ่งในรางวัลใหญ่ของการสำรวจโบราณสถานแห่งนี้


อุปสรรคระหว่างทางเป็นบททดสอบ ว่าผู้เล่นมีความสามารถเพียงพอที่จะเป็นสาวกเทพสงครามหรือไม่


‘นี่มัน…!’


กริดคือคนแรกที่ปฏิเสธคลาส มันรีบหันกลับไปมองพวกพ้องที่เหลือทันที


เหล่าขุนพลโอเวอร์เกียร์ เดิมที พวกมันเป็นแรงเกอร์ที่ปรารถนาในพลังและความแข็งแกร่ง คือกลุ่มคนที่หวังจะเป็นท้องฟ้าในสักวัน คงไม่น่าแปลกใจสักเท่าไร หากคลาสสาวกเทพสงครามจะมีแรงดึงดูดมหาศาล


โดยเฉพาะกับคนที่ยังเป็นคลาสทั่วไป


“อย่า…!”


กริดได้รับทราบความชั่วร้ายที่แท้จริงของเทพสงคราม·เซราทุลจากปากบราฮัม การกลายเป็นสาวกเทพสงครามนั้นไม่ต่างจากทาส ทาสที่ถูกสาปให้ไม่มีวันเอื้อมถึงจุดหมายปลายทาง


หากผู้เล่นกลายเป็นสาวกเทพสงครามเข้า ระบบเกมจะกลั่นแกล้งโดยการสร้างภารกิจสุดหินซึ่งไม่มีวันเคลียร์สำเร็จ


อย่าได้เดินบนเส้นทางสาวกเด็ดขาด


หากหน้ามืดตามัวเพราะถูกพลังเพียงชั่วคราวหลอกล่อ จุดจบเดียวคือชีวิตที่ต้องทุกข์ระทมตลอดกาล


กริดรีบตะโกนเตือนพวกพ้องด้วยน้ำเสียงและสีหน้ากระวนกระวาย


[ท่านจะเปลี่ยนคลาสเป็นสาวกเทพสงครามหรือไม่? กรุณายืนยัน]


สายไปเสียแล้ว


ในวินาทีที่ข้อความระบบปรากฏเบื้องหน้าทุกคน พวกมันล้วนมีคำตอบในใจเรียบร้อย


คำตอบที่ว่าก็คือ…


“โฮ่…”


เบนทาโอหรี่ตาลงด้วยสีหน้าประหลาดใจ


“ปฏิเสธทุกคนเลยหรือ?”


“…!”


แม้แต่กริดยังตกตะลึง


ทุกคนปฏิเสธคลาสลับ?


โดยเฉพาะแวนเนอร์และป็อนที่ตัดพ้อถึงคลาสตัวเองบ่อยครั้ง?


ขุนพลโอเวอร์เกียร์พลันอมยิ้มจืดชืด


“ใครจะเปลี่ยนคลาสกลางคันกันเล่า”


“เป้าหมายของฉันคืออัศวินผู้พิทักษ์แรงค์หนึ่งของโลก ไม่ได้สนใจพลังสาวกเทพสงครามเลยสักนิด”


“อะ…”


กริดสัมผัสได้ ถึงสายตาที่พวกพ้องกำลังจ้องมองมายังตน เฉกเช่นผู้เล่นทั่วไปที่อิจฉาและต้องการเป็นแบบกริด ขุนพลโอเวอร์เกียร์ก็มีเป้าหมายไม่ต่างกัน


สำหรับพวกมัน กริดต่างหากที่เป็นจุดหมายในฝัน มิใช่สาวกเทพสงคราม ถึงจะเป็นคลาสลับ แต่ก็ไม่ได้น่าหลงใหลขนาดนั้น


“คึคึก! คุฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!!!”


เบนทาโอเริ่มหัวเราะเสียงดังโดยใช้มือทั้งสองกุมท้อง เป็นเสียงที่น่าขนลุก มิได้อบอุ่นหรืออ่อนโยนเหมือนในช่วงแรก


สมาชิกโอเวอร์เกียร์ที่หวาดระแวงมาตั้งแต่ต้น พวกมันเริ่มเพ่งสมาธิเตรียมทำศึก


ทันใดนั้น เบนทาโอกล่าวแนะนำตัวเองอย่างเป็นทางการ


“ข้าคือผู้บำเพ็ญตน·เบนทาโอ หลังจากเร้นกายฝึกจิตอย่างยาวนานตลอดชีวิต ท้ายที่สุดก็ได้อาศัยอยู่บน ‘สวนสวรรค์’ แต่ถึงอย่างนั้นก็โง่เขลาเกินกว่าจะกลายเป็นเทพสำเร็จ”


ซู่ว…


ร่างเบนทาโอเริ่มลอยขึ้นจากพื้นวิหารช้าๆ


แสงสีขาวที่เปี่ยมด้วยอำนาจบารมี ส่องสว่างแผ่ออกจากลำตัวอันอวบอ้วนของมัน


เป็นออร่าที่แฝงไว้ด้วยพลังงานชีวิตปริมาณมหาศาล อาจเย็นยะเยียบ แต่ขณะเดียวกันก็อบอุ่นคล้ายแสงแดดอ่อนโยน ดอกไม้และพืชพรรณเริ่มงอกเงยแทรกตัวตามร่องกระเบื้องเก่าแก่ของวิหาร


“เมื่อนานมาแล้ว ข้าลงไปจุติยังโลกมนุษย์ตามเจตจำนงขององค์เทพ …เจตจำนงที่ว่า เจ็ดมารคือตัวตนชั่วร้ายซึ่งสมควรถูกกำจัดทิ้ง


“ข้าจำแลงกายเป็นตัวตลกเพื่อปกปิดตัวตนและหลอกลวงมนุษย์ พยายามสืบหาที่อยู่ของเจ็ดมารทั่วทวีป จนในที่สุด ข้าได้พบกับแสงสว่างที่หลบซ่อนท่ามกลางมวลหมู่ความมืดมิดมหาศาล…


“ทั้งเจ็ดมารไม่ใช่คนชั่วร้าย”


ซู่วววว—


เพียงเบนทาโอตวัดมือเบาๆ ฉากวิหารสายหมอกรอบตัวทุกคน พลันมลายหายไปราวกับไม่เคยมีอยู่มาก่อน


จุดที่สมาชิกโอเวอร์เกียร์ยืนอยู่ วิวทิวทัศน์รอบตัวแปรเปลี่ยนเป็นแดนสวรรค์ที่มีเพียงดอกไม้และพืชพรรณธรรมชาติงดงามสุดลูกหูลูกตา ต้นไม้น้อยใหญ่แผ่กิ่งก้านให้ร่มเงาพร้อมกับอากาศบริสุทธิ์


ไม่ไกลจากทุกคนนัก กริดมองเห็นทุ่งนากว้างใหญ่พร้อมรวงข้าวเขียวขจี ติดกันเป็นทะเลสาบใสสะอาดที่เห็นลงไปถึงปลาคาร์ปตัวอ้วนเท่าแขนกำลังแหวกว่ายใต้ใบบัว


ไกลออกไปสุดสายตา ต้นท้อสีขาวขนาดใหญ่ตั้งเด่นตระหง่านด้านหน้าผาหินสูงแข็งแรง


กลิ่นหอมหวนของมันโชยมาถึงจุดที่ทุกคนกำลังยืน เป็นกลิ่นละเมียดละไมซึ่งสามารถสั่นคลอนฟ้าดินให้ศิโรราบ


[ท่านคือผู้เล่นคนแรกที่ได้พบ ‘สวนสวรรค์’ !]


[รางวัลตอบแทนการค้นพบคือ ‘ลูกท้อขาว’]


“…?”


ขุนพลโอเวอร์เกียร์ต่างพากันฉงน พวกมันรีบก้มมองลูกท้อสีขาวบนฝ่ามือ


เบนทาโอจ้องมองทุกคนสักพัก ก่อนจะหันหลังกลับพร้อมกับกล่าว


“เมื่อได้ยินว่ามีมนุษย์สำรวจพบโบราณสถานเทพสงคราม ข้าเคยเป็นกังวลว่า อาจมีบุคคลจิตใจคดเคี้ยวที่ลุ่มหลงในพลัง ถูกครอบงำโดยความรุนแรงที่เทพสงครามหยิบยื่นให้ ด้วยเหตุนี้ ข้าจึงต้องทดสอบพวกเจ้าเพื่อให้แน่ใจ ขออภัยที่เสียมารยาท”


ประโยคของมันจบลงเพียงเท่านี้


ฟ้าววว—


เมื่อสายลมรุนแรงพัดผ่าน วิวทิวทัศน์รอบตัวทุกคนเริ่มเปลี่ยนผัน ร่างเบนทาโอที่ลอยจากพื้นเริ่มเลือนหายไป เหลือทิ้งไว้เพียงความว่างเปล่า


กริดตะโกนไล่หลัง


“บนโลกมนุษย์… มีบุคคลหนึ่งสามารถใช้พลังของท่านได้! ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น?”


“บาเอลคือต้นเหตุความตายของราชาตัวตลก·เบนทาโอ…”


สุ้มเสียงบางเบาหยุดลงกลางคัน


ภาพการมองเห็นของทุกคนกลายเป็นสีดำสนิทไปชั่วขณะ


***


“…”


สมาชิกโอเวอร์เกียร์ที่เริ่มได้สติกลับมา ทุกคนกำลังอยู่ในวิหารบนยอดเขาสูง


หลังจากกวาดสายตามองรอบตัว พวกมันไม่พบแม้แต่ร่องรอยของเบนทาโอ


พวกตนถูกภาพลวงตาเล่นงานตั้งแต่เมื่อไร?


เหมือนกับฝันไป


เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ พวกมันมิอาจสรุปแน่ชัดว่าเป็นของจริงหรือความฝัน


ถูกสะกดจิตหมู่อย่างนั้นหรือ?


แต่มีหนึ่งสิ่งที่ชัดเจน นั่นคือลูกท้อขาวในช่องสัมภาระของสมาชิกทุกคน


<ลูกท้อขาว>

ลูกท้อปริศนาที่เติบโตในสวนสวรรค์เท่านั้น

กล่าวกันว่า มันมีรสชาติคล้ายอาหารจากสวรรค์ แถมยังมีสรรพคุณยอดเยี่ยม

เมื่อทานเข้าไป ค่าพลังชีวิตและค่าเรี่ยวแรงจะกลับไปเต็มหลอดอีกครั้ง อาการผิดปรกติทุกชนิดถูกลบล้าง และค่าประสบการณ์ตัวละครเพิ่มขึ้น 30% โดยไม่สนใจเลเวล

* ทานได้ครั้งเดียวชั่วชีวิต

น้ำหนัก : ไม่มี


“…”


เดี๋ยวนะ… ถ้ามีใครสักคนเลือกเปลี่ยนคลาสเป็นสาวกเทพสงคราม ป่านนี้ไม่ถูกส่งกลับไปยังจุดเกิดแล้วหรือ?


ขณะสมาชิกโอเวอร์เกียร์กำลังตะลึงงัน บาซาร่าหันมากล่าวกับกริด


“วิหารแห่งนี้ว่างเปล่า ไม่มีสมบัติใดให้สำรวจ พวกเราควรรีบไปยังจุดถัดไปก่อนฟ้าจะมืด”



เมื่อลงจากภูเขาหิน ทุกคนได้พบไร้อ้อยขนาดใหญ่กีดขวางทางเดินเบื้องหน้า ทั่วไร่มีสาวกเทพสงครามเดินลาดตระเวนไปมาในจำนวนหนาแน่น


คราวนี้พวกมันจับกลุ่มสามถึงสี่ตน หมายความว่า จะไม่สามารถแยกฆ่าทีละตัวได้เหมือนเมื่อก่อนแล้ว


นับแต่นี้ไป การต่อสู้จะเข้มข้นยิ่งขึ้น อาจเป็นการต่อสู้อันยาวนานที่แทบไม่ได้พักหายใจ


ถึงกระนั้น ขุนพลโอเวอร์เกียร์มิได้หวาดหวั่น พวกมันทุกคนปรี่เข้าโจมตีกลุ่มสาวกเทพสงครามดุจดังสัตว์ป่าหิวกระหาย


เคร้ง! เคร้ง!


บึ้มบึ้มบึ้มบึ้ม!


ฝ่ายโอเวอร์เกียร์และสิบดยุคช่วยกันไล่ล่าตามหาคัมภีร์เทพสงครามโดยไม่หยุดพัก ยิ่งร่างกายเปี่ยมด้วยบาดแผล พลังของพวกมันก็ยิ่งเพิ่มพูน


***


ณ ซากปรักหักพังซึ่งเคยเป็นเมืองหลวงอาณาจักรโรเทมอนจนถึงไม่กี่วันก่อน


โฮกกกก…


โฮกกก…


มีเพียงอสูรและอันเดดเดินเตร็ดเตร่ไปมาบนซากอาคารถล่ม เหนือบัลลังก์ใหญ่ที่เคยเป็นของกษัตริย์โรเทมอน จอมอสูรเฟย์ริสนั่งกวาดสายตามองวิวทิวทัศน์รอบข้างด้วยสีหน้าเรียบเฉย


[อาณาจักรโรเทมอนล่มสลาย!]


ข้อความระบบที่เคยน่าหวาดหวั่นในอดีต ปัจจุบันไม่มีน้ำหนักมากขนาดนั้นอีกแล้ว


[จอมอสูรลำดับ 22 เฟย์ริส ทำการอัญเชิญกองทัพอสูรที่สองขึ้นมาบนโลก]


[อาณาจักรฮาเค่นคือเป้าหมายถัดไปของเฟย์ริส]


แต่เหตุการณ์อุบัติพร้อมคำเตือน


เฟย์ริสลุกเดินลงจากบัลลังก์ด้วยย่างก้าวอันเชื่องช้าและไม่เร่งร้อน ฉากดังกล่าวกำลังถูกฉายออกไปทั่วโลกด้วยบรรยากาศหดหู่


『จากข้อมูลของสำนักงานสถิติแห่งชาติสหรัฐ มีผู้เล่นกว่า 42 ล้านคนต้องสูญเสียที่พักอาศัย และอีก 280 ล้านคนที่ภารกิจอยู่ทำลายถาวรกลางคัน ความสูญเสียในโลกซาทิสฟายได้ส่งผลกระทบก่อโลกจริงอย่างใหญ่หลวง…』


= แย่แล้ว ฉันเป็นพลเมืองฮาเค่น ควรทำยังไงดี?


= ฉันได้รับภารกิจให้ปกป้องเมืองเกิด แต่ไม่รู้ว่าจะปกป้องด้วยวิธีใด…


= พวกราชวงศ์อาณาจักรฮาเค่นคงสมองตายกันหมดแล้ว ไม่มีการเรียกระดมทหารเลยสักนิด


= จักรวรรดิซาฮารันมัวทำอะไรอยู่? ชอบยุ่งเรื่องอาณาจักรอื่นนักไม่ใช่หรือ? นี่คือครั้งแรกที่พวกมันสามารถได้ทำอย่างชอบธรรม!


= ทำไมจักรวรรดิต้องแทรกแซงด้วย? การทำแบบนั้นรังแต่จะสูญเสียทหารอย่างเปล่าประโยชน์ ถ้าฉันเป็นจักรวรรดิคงตัดสินใจแบบเดียวกัน


= แต่นี่มันวิกฤติระดับทวีป! ทุกคนกำลังตกอยู่ในอันตราย


= กิลด์โอเวอร์เกียร์ก็เอาแต่นิ่งเฉยเหมือนกัน พวกระยำเอ้ย!


= SA กรุปเสียสติไปแล้วรึไงที่ปล่อยบอสแบบนี้ลงมาบนทวีป? พวกมันต้องการให้คนเลิกเล่นซาทิสฟายกันหมดอย่างนั้นหรือ?


= เมื่อไรเกมออนไลน์เสมือนจริงใหม่อย่างบริเทนจะเปิดให้บริการสักที?


= ถูกเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนด เพราะเสียงวิจารณ์ตอนเปิดโคลสเบต้าเข้าขั้นเลวร้าย


= น่าหงุดหงิดชะมัด


ผู้เชี่ยวชาญหลายสาขาต่างวิเคราะห์เป็นเสียงเดียวกันว่า วิกฤติเฟย์ริสจะทำลายพื้นที่ทวีปตะวันตกไปเกินกว่าครึ่ง


เมื่อได้ยินเช่นนี้ ผู้เล่นทั่วโลกพากันวิตกกังวลและสั่นกลัวในทุกลมหายใจ


ถึงแรงเกอร์บางกลุ่มจะรณรงค์ให้แรงเกอร์ทุกทั้งหมดร่วมแรงร่วมใจปราบเฟย์ริส แต่แรงเกอร์ไม่ใช่พวกโง่เขลา ไม่มีใครต้องการเสียสละตัวเองอย่างสูญเปล่า


ทุกคนรอให้จักรวรรดิเริ่มลงมือก้าวแรกก่อน จากนั้นค่อยตามน้ำก็ยังไม่สาย


ขณะเดียวกัน


“เฮ้! ซีบาล! แกเสียสติไปแล้วรึไง?!”


กรุงไททัน นครหลวงแห่งจักรวรรดิซาฮารัน


จากบรรดาจักรกลเวทมนตร์ทั้งสี่เครื่องที่เป็นสมบัติขององค์ชายลำดับสี่·อีธาน สามเครื่องกำลังล้มระเนระนาดโดยฝีมือซีบาล


มีเพียงไรเดอร์สเท่านั้นที่มีนักบินประจำการภายใน ซีบาลสกัดเครื่องอื่นเพื่อไม่ให้ถูกขัดขวาง มันเตรียมพุ่งขึ้นสู่น่านฟ้าจักรวรรดิโดยไม่ได้รับอนุญาต


“…ผมเติบโตมาจากอาณาจักรฮาเค่น!”


ซีบาล อดีตแรงเกอร์อันดับสองของโลก มันเคยมีเป้าหมายในการครองบัลลังก์ฮาเค่น


สายสัมพันธ์ส่วนใหญ่ในอาณาจักรยังคงยืนยาวจนถึงปัจจุบัน ไม่มีทางที่มันจะงอมืองอเท้านั่งมองฮาเค่นถูกทำลายโดยเฟย์ริสแน่


การสูญเสียฮาเค่นไม่เพียงทำให้มิตรภาพเก่าแก่ขาดหาย แต่รวมถึงความเจ็บปวดด้านจิตใจที่มิอาจลบเลือน


“คอยดูผมให้ดีเถอะ!!”


ตัวมันเองก็มีภารกิจลับ ‘ปกป้องเมืองเกิด’ เหมือนกับทุกคน


ซีบาลที่กำลังเดือดดาล ตะโกนใส่หน้าผู้บังคับบัญชาเบื้องล่างที่ไร้หุ่น จากนั้นก็ทะยานจักรกลเวทมนตร์ขึ้นฟ้าด้วยความเร็วสูงสุดจนกระทั่งหายลับไปจากสายตาทุกคน


เมื่อเกิดความวุ่นวาย องค์ชายอีธานรีบรุดมายังจุดเกิดเหตุ ถึงจะไม่ทันกาล แต่มันกลับเผยรอยยิ้มอย่างมีเลศนัย


“เป็นข้ออ้างที่ดี”


แต่ไหนแต่ไร องค์จักรพรรดิไม่เคยสั่งให้หน่วยจักรกลเวทมนตร์ออกบินเลยสักครั้ง นี่จึงถือเป็นโอกาสอันดีที่หน่วยของมันได้สำแดงฤทธิ์เดช


ถึงต่อให้ถูกจักรพรรดิตำหนิติเตียน แต่มันก็สามารถอ้างได้ว่าเป็น ‘เหตุสุดวิสัย’


“ในเมื่อนักบินหนีออกไปเองเช่นนี้ ตัวเราจะไปห้ามอะไรได้? คึคึก…! ถึงเวลาแล้วสินะ ที่ผู้คนจะได้ตระหนักถึงความยิ่งใหญ่ของกองทัพจักรกลเวทมนตร์”


ขณะเดียวกัน ณ กระท่อมคิรินัส


“พอแล้ว”


อริยหอกเรเชลโยนหอกในมือทิ้ง


เป็นสัญลักษณ์การยอมแพ้


คิรินัสขมวดคิ้ว


“แต่ผู้ชนะยังไม่ถูกตัดสิน”


เรเชลตอบกลับด้วยท่าทีเดือดดาล


“ก็ช่างแม่มสิ! พวกเราสู้กันอย่างไร้จุดหมายมานานกว่าสองเดือนแล้ว! ต้องใช้เวลานาแค่ไหนกว่าได้ผลจะชี้ขาด? พอกันที ฉันไม่เอาแล้ว!”


ความกระหายชัยชนะของเรเชลดับมอดลงไปตั้งแต่หนึ่งเดือนก่อน แต่เธอไม่อยากหยุดกลางคันเพราะเป็นฝ่ายเริ่มต้นยั่วยุ


ปัจจุบัน เมื่อความอดทนดำเนินมาถึงถึงขีดจำกัด เรเชลตัดสินใจประกาศยอมแพ้


การดวลกับบุคคลที่มีฝีมือทัดเทียมอย่างคิรินัสไม่ช่วยให้เธอรู้แจ้งในศาสตร์แห่งหอกมากขึ้น มันคือศึกยืดเยื้อที่เสียเวลาเปล่าโดยแท้จริง


การเผาผลาญเวลาอย่างไม่เกิดคุณค่า แค่สองเดือนก็เพียงพอ ไม่ควรมากไปกว่านี้


“ในเมื่อคุณยอมแพ้ ผู้ชนะคือคิรินัส”


ครอเกลกล่าวพลางเดินเข้ามาใกล้ทั้งสอง มันมิได้หวาดหวั่นเรเชลที่กำลังอยู่ในอาการหงุดหงิด


“…ฮึ! ฉันไม่หลงกลคำยั่วยุหรอกนะ”


อริยหอกฝืนข่มจิตใจ ภายในหัวมีเพียงแผนสำรวจโบราณสถานเทพสงคราม


ในการจะเอาชนะคิรินัส คัมภีร์เทพสงครามคืออีกหนึ่งปัจจัยที่จำเป็น และนั่นเป็นสาเหตุที่ครอเกลจงใจตรึงหล่อนไว้ที่นี่นานกว่าสองเดือน


มันหวังให้กริดฉวยโอกาสครอบครองคัมภีร์ลับเทพสงครามให้มากที่สุด เมื่อแผนแรกจบลง ครอเกลพยายามหลอกล่อด้วยแผนสอง


“ทำไมพวกคุณถึงไม่เปลี่ยนวิธีตัดสินผู้ชนะ?”


“หือ? ด้วยวิธีใด?”


“วัดกันไปเลย.. ว่าใครสามารถสร้างความเสียหายใส่จอมอสูรเฟย์ริสได้มากกว่า”


“…โฮ่”


ทั้งคิรินัสและเรเชลต่างสนอกสนใจ


กลับกัน อัศวินสนธยาของเรเชลล้วนมีใบหน้าบิดเบี้ยวคล้ายกับจะร่ำไห้


ครอเกลทำได้เพียงข่มความกระวนกระวายไว้ในใจ


‘หากสองคนนี้ช่วยยืดเวลาให้อาณาจักรฮาเค่นถูกทำลายช้าลง…’


จนกว่ากริดจะกลับจากโบราณสถานเทพสงคราม ครอเกลหวังให้เกิดความเสียหายกับทวีปตะวันตกน้อยที่สุด


และเมื่อกริดกลับมา นั่นจะเป็นช่วงเวลาโค่นจอมอสูรเฟย์ริสอย่างแท้จริง


ด้วยมือของตนและกริด


▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬
ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 4 ตอน
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,424
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/

Comments

  1. เป็น​ความคิด​ที่ดีมากครอเกล ขอบคุณ​ครับแอด🙏🙏สนุก​ทุกตอนเลย

    ReplyDelete
  2. คลอเกลแม่มฉลาดนะ

    ReplyDelete
  3. เบอร์ 1 บราฮัม
    เบอร์ 2 คลอเกล
    เบอร์ 3 ยูร่าและจิสึกะ แอนด์ ไอรีน

    รายนามภรรยาและว่าที่ ของกริด >/////<

    ReplyDelete
  4. ที่จริงต้องรวม *รูปี้ ด้วย นักบุญหญิงในตำนานที่ทำหน้าที่ขำระหัวใจจอมอสูรให้หายไปตลอดกาล

    ReplyDelete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00