จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1032
การจะเป็นแรงเกอร์ได้ ผู้เล่นต้องเปี่ยมด้วยพรสวรรค์ มุ่งมั่นทะเยอทะยาน และมานะอุตสาหะ
เมื่อประสบความสำเร็จ ศักดิ์ศรีกับความทระนงตนย่อมสูงส่ง พวกมันล้วนภูมิใจที่ตนฝ่าฟันอุปสรรคจนได้อยู่เหนือผู้อื่น
เช่นเดียวกันกับเฟคเกอร์
ขณะมองไปด้านหลังแล้วพบผู้คนกว่าสองพันล้านกำลังวิ่งไล่ตาม อย่างน้อยที่สุด มันก็ภูมิใจว่าไม่ทำให้ชื่อเสียงของปู่ต้องเสื่อมเสีย
แต่นั่นใช้ไม่ได้กับหนึ่งคน
เมื่ออยู่ต่อหน้ากริด เฟคเกอร์มิได้รู้สึกว่าตนยิ่งใหญ่ถึงเพียงนั้น
“นายควรเรียนมันมากกว่า… ไม่ใช่ฉัน”
หลังจากเรียนวิชาเท้าท่องยอดหญ้าที่กริดมอบให้ด้วยความปรารถนาดี เฟคเกอร์แสดงท่าทีโกรธเคืองจริงจัง
ประสิทธิภาพของทักษะสูงกว่าที่ทุกคนจินตนาการไว้มาก เฟคเกอร์เชื่อว่า กริดคือคนที่เหมาะสมกับทักษะล้ำค่าเช่นนี้มากกว่า
ถึงแม้มันจะเป็นเจ้าของฉายา ‘ดวลไร้พ่าย’ แต่นั่นเฉพาะเวลาที่คู่ต่อสู้ไม่ใช่กริด
ราชาโอเวอร์เกียร์ถอนหายใจยาว
“ทำไมต้องเป็นฉันด้วย? ไม่มีใครเหมาะสมไปกว่านายอีกแล้ว”
กริดหมายความเช่นนั้นจากใจจริง
ถึงเอฟเฟคเพิ่มความเร็วทุกชนิด 20% จะล่อตาล่อใจ แต่เขามิได้ปรารถนาขนาดนั้น เพราะปัจจุบัน ด้วยสภาพบัฟเต็มสูบ ชายหนุ่มสามารถทำความเร็วโจมตีได้ถึงขีดจำกัดที่หกครั้งต่อวินาที
ทว่า หากลองนึกย้อนกลับไปในฉากดวลระหว่างสองตัวตน ‘เหนือมนุษย์’ เครย์เชอร์และแพ็กม่า กริดได้แต่นึกสงสัยว่า ความเร็วโจมตีของตนสูงถึงค่าสูงสุดแล้วจริงหรือ
แต่ไม่ว่าจะอย่างไหน ชายหนุ่มก็ไม่นึกเสียใจที่มอบคัมภีร์ท่องยอดหญ้าให้เฟคเกอร์
จุดเช่นของวิชาดังกล่าวมิใช่เพิ่มความเร็วทุกชนิด 20% หากแต่เป็นการเพิ่มความเร็วเคลื่อนที่สองเท่าบนทุ่งหญ้าและผืนป่า
แตกต่างจากกริด เฟคเกอร์คือหัวหน้าหน่วยเงาที่ต้องออกสืบข้อมูลทั่วทั้งทวีปบ่อยครั้ง
กริดรู้สึกผิดมาตลอดที่ต้องให้เฟคเกอร์คอยสละเวลาส่วนตัวครั้งละหลายเดือนเพื่อแยกตัวไปสืบข่าวหรือทำภารกิจ และด้วยคัมภีร์เล่มนี้ ความผิดในใจจะบรรเทาลงหลายส่วน
ด้วยความสัตย์จริง กริดฝากความหวังและมอบความเชื่อใจให้กับชายที่ชื่อเฟคเกอร์มากกว่าสหายคนใด
‘เฟคเกอร์ต้องรีบแข็งแกร่งขึ้นโดยเร็ว’
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา หากมีเวลาว่าง กริดจะท้าดวลกับผู้เล่นภายในกิลด์บ่อยครั้ง และทุกครั้งจะจบลงด้วยชัยชนะของเขา กริดดวลชนะต่อเนื่องเกินกว่าห้าร้อยยกแล้ว
จากบรรดาทั้งหมด มีเพียงหลักสิบครั้งที่ต้องสูญเสียประกันชีวิตอมตะ และเฟคเกอร์เป็นคนเดียวที่สามารถเรียกประกันชีวิตของกริดได้ในทุกการดวล
ในฐานะนักลอบสังหาร พลังการเอาชีวิตมนุษย์หนึ่งเป้าหมายเข้าขั้นโหดเหี้ยม ผนวกกับคลาสลับที่คาซิมมอบให้ พลังสังหารของเฟคเกอร์จึงสมกับฉายา ‘เทพสังหาร’ ด้วยประการทั้งปวง แม้แต่กริดที่โค่นแรงเกอร์ 399 คนโดยไม่พึ่งพาประกันชีวิตอมตะก็ยังตกที่นั่งลำบากชนิดหลังชนฝา
หากจะมีใครสักคนในกิลด์สามารถก้าวข้ามตนได้ในอนาคต คนผู้นั้นคงเป็นเฟคเกอร์
และต้องไม่ลืมว่า ในเหตุการณ์ก่อนหน้า เทพสงครามเคยชี้นิ้วระบุเจาะจงไปยังเฟคเกอร์เป็นการส่วนตัว ทั้งที่สามดยุค รวมถึงยูร่ากับจิสึกะเป็นแบบเหมารวม
‘เด็กหนุ่มที่เพิ่งหัดเดินบนเส้นทางนักฆ่า’
แตกต่างจากกริดที่ครอบครองพลังสุดโกงชนิดแล้วชนิดเล่า ก้าวพ้นขีดจำกัดช่างตีเหล็กหลายหน พลังที่แท้จริงของเฟคเกอร์ยังไม่เริ่มต้นเบ่งบานด้วยซ้ำ
เขาต้องการให้วันนั้นมาถึงโดยเร็ว วันที่เฟคเกอร์สามารถทดแทนในตำแหน่งของตน หัวหน้ากิลด์และราชาที่ต้องออกไปผจญภัยโลกกว้างบ่อยครั้ง
‘แล้วถ้าหาก…’
ถ้าหากเราก้าวข้ามขีดจำกัดผู้สืบทอดแพ็กม่าไม่สำเร็จ
ครอเกลจะกลับมาผงาดอีกครั้ง ทวงคืนตำแหน่งท้องฟ้า และชื่อเสียงของอาณาจักรโอเวอร์เกียร์จะตกต่ำลง
‘เมื่อถึงตอนนั้น เฟคเกอร์… นายต้องเป็นท้องฟ้าผืนใหม่และคอยอุ้มทุกคน’
กริดเชื่อมั่นในตัวเฟคเกอร์โดยไม่เคลือบแคลง
ต่อให้ทักษะที่ยอดเยี่ยมกว่าอย่าง ‘เท้าท่องนภา’ และ ‘เท้าท่องหิมะ’ มีความต้องการต่ำกว่าที่เป็น จนผู้เล่นสามารถเรียนได้ แต่กริดก็ไม่ลังเลที่จะยกให้เฟคเกอร์เป็นคนแรก
แน่นอน ความเชื่อใจของกริดไม่จำกัดเพียงเฟคเกอร์แค่คนเดียว ยังรวมถึงพวกพ้องทุกคนที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขด้วยกันตลอดมา
“ฝ่าบาท ทหารจักรวรรดิและทีมสำรวจของสกังค์มาถึงหน้าหุบเหวน้ำตกแล้ว”
“อา…”
กริดมีแผนจะรวบรวมชิ้นส่วนคัมภีร์ทั้งหมดบนเกาะก่อนกลับ ไม่เหลือทิ้งไว้แม้แต่ชิ้นเดียว
พลังของพวกพ้องคือสิ่งจำเป็น ไม่ว่าจะแข็งแกร่งสักเพียงใด แต่การกระทำของหนึ่งบุคคลล้วนมีขีดจำกัด
ทุกคนต้องแข็งแกร่งไปด้วยกัน และฟันฝ่าอุปสรรคหนักหนาไปด้วยกัน
หลังจากได้ยินรายงานจากลอเอล กริดเดินออกมายังค่ายทหารนอกถ้ำพร้อมกับสามดยุคและขุนพลโอเวอร์เกียร์
เกล็นฮาลเดินเข้ามาใกล้
“กระผมสั่งให้ทหารตั้งค่ายพักแรมกันที่นี่ ทางด้านทีมของคุณสกังค์จะอยู่ไขปริศนาจิตรกรรมฝาผนังก่อน ขณะที่พวกเราต้องฝ่าด่านต่อไปของโบราณสถาน”
“ตกลง ไปกันเถอะ”
เมื่อกล่าวจบ กริดออกเดินนำหน้าสุดของขบวน โดยมีสิบวีรชนฯ และสามดยุคตามติดไม่ห่าง ในปัจจุบัน พวกมันทั้งสามไม่คัดค้านที่จะให้กริดเป็นผู้นำชั่วคราว
“หืม…”
หลังจากเดินผ่านหุบเหวน้ำตกทั้ง 53 สายและมาถึงทางออกอีกฟากฝั่ง เมื่อมองลงไปด้านล่าง กริดพบกับลำธารสายหนึ่งทอดยาวคดเคี้ยว สุดปลายลำธารเป็นภูเขาลูกหนึ่งซึ่งห่างออกไปค่อนข้างไกล
ภูเขามีขนาดไม่ใหญ่มาก ยอดปลายสูงจากระดับน้ำทะเลราวหนึ่งกิโลเมตรเห็นจะได้ แต่ลักษณะของมันค่อนข้างประหลาด เป็นภูเขาหินหัวโล้นที่ปราศจากความเขียวขจีโดยสิ้นเชิง แม้แต่หญ้าสักต้นก็ไม่มี
ยอดปลายแหลมถูกหมอกหนาทึบปกคลุม ยากจะมองเห็นว่ามีสิ่งใดซ่อนไว้ แม้แต่จิสึกะที่ใช้นัยน์ตาเหยี่ยวก็มิอาจระบุชัดเจน
“รู้สึกไม่ดีเลยแฮะ…”
บรรยากาศน่าสะพรึงกลัวเกินไป
ฮูเร็นพึมพำด้วยสีหน้าดำมืด มันมั่นใจว่า บนยอดเขาต้องมีอุปสรรคร้ายแรงยิ่งกว่าทั้งหมดที่เคยเผชิญมา
ปัจจุบัน ฮูเร็นแข็งแกร่งพอจะดวลชนะสาวกเทพสงครามห้าเทคนิคตามลำพัง แต่ต้องอยู่ในเงื่อนไขที่ท่าไม้ตายทั้งหมดพร้อมใช้
ด้วยความสัตย์จริง มันไม่มั่นใจว่าการร่วมเดินทางต่อกับทุกคนเป็นความคิดที่ถูกต้อง
แต่การผจญภัยตามลำพังก็ไม่ใช่เรื่องฉลาดเช่นกัน ต่อให้เป็นฮูเร็นก็ตาม ด้วยเหตุนี้ มันจึงตัดสินใจเลือกเดินทางพร้อมพวกพ้อง เพราะอย่างน้อยก็ไม่ต้องโดดเดี่ยว
…
ปัจจุบัน หลังจากเดินเลียบลำธารคดเคี้ยวมาถึงจนถึงเชิงเขา เหล่าขุนพลโอเวอร์เกียร์เริ่มปีนป่ายหน้าผาไปทีละขั้นเพื่อไปให้ถึงยอดเขาที่ถูกหมอกปกคลุม
“สาวกเทพสงครามอยู่ข้างบน!”
ตลอดทางที่ผ่านมา รวมถึงตอนนี้ สาวกเทพสงครามยังคงถูกตามล่าตัวอย่างบ้าคลั่ง
“เจอเหยื่อแล้ว!”
เหล่าขุนพลโอเวอร์เกียร์เริ่มเคยชินกับเทคนิคลับที่สาวกเทพสงครามครอบครอง แต่ละคนสอดประสานทำคอมโบอย่างชำนาญ การโจมตีจากสาวกกลายเป็นสิ่งไร้ผล และเมื่อแต่ละคนสวนกลับด้วยท่าไม้ตายสุดหนักหน่วง มอนสเตอร์ที่โชคร้ายแปรเปลี่ยนเป็นแสงสีเทาในเวลาไม่นาน
ถึงสาวกเทพสงครามจะค่อนข้างแข็งแกร่ง แต่พลังหนึ่งบุคคลย่อมมีขีดกำจัด พวกมันไม่สามารถรับมือท็อปแรงเกอร์จากทุกทิศทางพร้อมกันไหว
ยิ่งเวลาผ่านไป ฮูเร็นก็ยิ่งผ่อนคลายความตึงเครียดลง สีหน้ายินดีเข้าแทนที่หลังจากได้รับค่าประสบการณ์มหาศาลและเศษชิ้นส่วนคัมภีร์
‘นี่สินะ การเก็บเลเวลแบบปาร์ตี้’
แต่ไหนแต่ไรมา มันไม่เคยปาร์ตี้เก็บเลเวลกับแรงเกอร์ที่แข็งแกร่งกว่าเลยสักครั้ง
สำหรับฮูเร็นที่รอบตัวเคยมีแต่ผู้เล่นอ่อนแอ เมื่อถูกถ่วงแข้งขามากเข้า มันจะรู้สึกสบายใจกว่าหากได้ล่ามอนสเตอร์ตามลำพัง
แต่ความรู้สึกดังกล่าวค่อยๆ เปลี่ยนไป
ฮูเร็นเริ่มตระหนักว่า การเก็บเลเวลแบบปาร์ตี้จะมีประสิทธิภาพสูงกว่ามาก ถ้าทุกคนรู้หน้าที่ของตัวเองและมีฝีมือใกล้เคียงกัน
ค่าประสบการณ์ถูกหารแบ่งอย่างเท่าเทียมโดยที่ไม่ต้องออกแรงเกินจำเป็น แถมมันยังรู้สึกทึ่งเมื่อพวกพ้องช่วยสอดประสานคอมโบได้โดยไม่ต้องสื่อสารด้วยคำพูด
เสน่ห์ของเกมออนไลน์คือการฆ่ามอนสเตอร์เพื่อเก็บเลเวล ฮูเร็นละทิ้งสิ่งนี้มานานแล้วเพื่อเข้าสู่เส้นทางแห่งชาวนาเต็มตัว เมื่อได้กลับมาสัมผัสอีกครั้ง มันเกิดความสุขอย่างน่าประหลาด
‘คิดถึงวันเก่าๆ จังแฮะ’
ช่วงเวลาการล่าผ่านไปอย่างสนุกสนาน
ฮูเร็นกำลังซึมซับประสบการณ์ที่ดีที่สุดของเกมออนไลน์เข้าไปจนชุ่มปอด
ทันใดนั้น มันเริ่มชะงักความคิด
หากปล่อยตัวปล่อยใจให้อารมณ์ความสุขเข้าครอบงำ เกรงว่าตนอาจถอนตัวจากกิลด์โอเวอร์เกียร์ไม่ขึ้น สายสัมพันธ์กับทุกคนจะแน่นแฟ้นจนชีวิตขาดคนเหล่านี้ไม่ได้…
ขณะมันกำลังตัดสินใจครั้งสำคัญ…
ฉัวะฉัวะฉัวะฉัวะ—!
ภาพตรงหน้า กริดกำลังสำแดงฤทธิ์เดชสุดอลังการที่ผู้เล่นทั่วไปไม่มีทางเอื้อมถึง สาวกเทพสงครามถูกสยบอย่างง่ายดาย คนที่เหลือแทบไม่ต้องออกแรงมากนัก
เพียงสัตว์ประหลาดตนเดียวทำให้การผจญภัยของทั้งปาร์ตี้คลายความตึงเครียดลง
ฮูเร็นกำลังดื่มด่ำประสบการณ์ ‘นั่งบัส’ ที่ตนไม่เคยสัมผัสมาก่อน แถมยังเป็นบัสที่กริดขับ
ความรู้สึกคล้ายกับเมื่อครั้งปิอาโร่ช่วยขับบัสเพิ่มพูนประสบการณ์ทำนาอย่างมหาศาล
[ค้นพบวิหารเทพสงคราม!]
ทุกคนรีบทำเวลาจนเรี่ยวแรงเริ่มอ่อนล้า
คณะเดินทางทุกคนต่างเร่งมือปีนผาหินสูงชัน ซึ่งอีกไม่ไกลก็จะถึงยอดแหลมที่มีหมอกหนาปกคลุม
เริ่มเห็นเค้าลางของวิหารแล้ว
วิหารเก่าแก่ทรุดโทรม
ที่นี่จะมีสาวกเทพสงครามสิบเทคนิคคอยเฝ้าสมบัติเหมือนกันหรือไม่?
เมื่อขึ้นถึงยอดเขา สภาพของแต่ละคนอิดโรยสุดขีด กริด สามดยุค และขุนพลโอเวอร์เกียร์เลือกที่จะพักเหนื่อย ขณะเดียวกันก็กวาดสายตามองทั่ววิหารอย่างหวาดระแวง
ยังไม่มีใครเดินเข้าไป
แต่ทันใดนั้น
เสียงใครบางคนดังแว่วจากด้านใน
“ข้างนอกมีคนมาหรือ? เป็นพวกไหน?”
กึก กึก กึก—
เสียงฝีเท้ากว่าร้อยคู่ค่อยๆ ดังเข้ามาใกล้ประตูทางเข้ามากมากขึ้น
ฝ่ายโอเวอร์เกียร์ที่ยืนรอด้านนอกรีบหันไปทางประตูเป็นตาเดียว
…แล้วก็ได้พบใบหน้าที่คุ้นเคย
จางเจี๋ยน เหลียวเหว่ย เหมยเซียว และอีกมากมาย ทั้งหมดเป็นแรงเกอร์ชาวจีนที่แสดงฝีมือได้โดดเด่นในงานแข่งนานาชาติ
จำนวนเกินกว่าสองร้อย และหลายคนมีสายสัมพันธ์อันดีกับกิลด์โอเวอร์เกียร์
“โอเวอร์เกียร์เองหรือ… ถึงว่ามาได้ไกลนัก ไม่น่าแปลกใจสักเท่าไร”
ผู้เล่นอันดับหนึ่งของจีน
จากหลายร้อยประเทศทั่วโลก ประเทศจีนคือชาติมหาอำนาจที่มีจำนวนแรงเกอร์ซาทิสฟายมากที่สุด และจากบรรดาผู้เล่นมากมายเหล่านี้ ทุกคนยกย่องให้บุคคลหนึ่งยืนบนจุดสูงสุดโดยไร้ข้อกังขา
อัจฉริยะแห่งการต่อสู้… เฮ่า
ในประเทศจีน พรรคสังคมนิยมนับว่ามีอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาด สามารถกุมชะตาชีวิตผู้คนได้ตามใจ พวกมันยิ่งใหญ่ถึงเพียงนั้น
ทันทีที่โบราณสถานเทพสงครามถูกค้นพบ พรรคสังคมนิยมได้ออกคำสั่งให้แรงเกอร์สัญชาติจีนทั้งหมดร่วมมือสำรวจเกาะโดยด่วน
เรือรบถูกจัดหาด้วยฝีมือรัฐบาลสำหรับภารกิจสำรวจโบราณสถานเทพสงครามโดยเฉพาะ เพื่อให้แรงเกอร์ชาวจีนพัฒนาตัวเองอย่างก้าวกระโดดด้วยผลของคัมภีร์
จุดแข็งของประเทศจีนคือจำนวนประชากร
และนั่นยังสืบทอดมาถึงจำนวนแรงเกอร์ด้วย
ชาติจีนเป็นประเทศที่มีแรงเกอร์หลากหลายสาขาครอบคลุมมากที่สุด ไม่ว่าจะนักรบ นักดาบ นักธนู นักสำรวจ ช่างตีเหล็ก นักลอบสังหาร นักเดินเรือ
กลุ่มของเฮ่าเดินทางมาถึงเกาะในวันเดียวกับที่กลุ่มโอเวอร์เกียร์กำลังหยุดพักหน้าหุบเขาน้ำตกเพื่อรอให้สาวกเทพสงครามเคลื่อนไหว
ในเมื่อกับดักตลอดทางถูกทำลาย หลังจากนักสำรวจชาวจีนพบเส้นทางปลอดภัยเข้า พวกมันจึงบุกตะลุยผ่านผืนป่าวงกตมาอย่างราบรื่น แต่ปลายทางมิได้ลงเอยที่หุบเหวน้ำตกเหมือนฝ่ายกริด
จนในที่สุด เฮ่านำทีมเดินทางมาพบวิหารเทพสงครามบนยอดเขาซึ่งมีหมอกหนาปกคลุม
นี่สาเหตุที่พวกมันมาถึงก่อนหนึ่งก้าว
“กริด… ฉันขอโทษ… แต่ครั้งนี้คงยอมถอยให้ไม่ได้”
เฮ่ากล่าวด้วยสีหน้าเจ็บแปลบ
ด้านหลังมัน นอกจากเหมยเซียวน้องสาวแล้ว แรงเกอร์ชาวจีนที่เหลือล้วนชักอาวุธถ้วนหน้าเตรียมประจัญบาน
เฮ่าถอนหายใจยาวก่อนอธิบายเหตุผลต้นตอ
“ท่านประธานาธิบดีเริ่มให้ความสนใจกับงานแข่งนานาชาติ ด้วยผลงานล้มเหลวในปีที่ผ่านๆ มา ประชาชนส่วนใหญ่เกิดความผิดหวังรุนแรง ท่านประธานาธิบดีจึงมีแผนจะนำพาประเทศจีนคว้าเจ้าเหรียญทองในปีถัดไปให้ได้ นั่นคือที่มาของโครงการสำรวจโบราณสถานเทพสงครามเพื่อพัฒนานักแข่ง…
“ถึงจะเป็นคำขอร้องที่น่าละอาย แต่ได้โปรดยกวิหารแห่งนี้ให้พวกเราด้วย”
เฮ่าและกริด ความสัมพันธ์เริ่มต้นไม่ค่อยดีนัก
ในฐานะอดีตเจ็ดกิลด์ใหญ่ เฮ่าคือหนึ่งในกิลด์ที่ยกทัพรุกรานเรย์ดัน ถึงจะถอนทัพก่อนใคร แต่ตอนกลับได้ทำร้ายขุนพลโอเวอร์เกียร์เป็นจำนวนมาก
แต่หลังจากผ่านมาหลายปี ปะทะฝีมือกันหลายต่อหลายหน เฮ่าเริ่มมองกริดในมุมที่ดีขึ้น มันให้การยอมรับในตัวกริด ผู้ที่ครอเกลยกให้เป็นคู่แข่งตลอดกาลเพียงคนเดียว
ถึงขั้นบินไปหากริดที่เกาหลีใต้เพื่อให้ช่วยโน้มน้าวครอเกลเรื่องย้ายสัญชาติ
และนั่นจึงเป็นปัญหา
ปัจจุบัน เฮ่าอยู่ในฐานะหัวหน้าคณะสำรวจของรัฐบาลจีน เป้าหมายการเดินทางคือพัฒนาฝีมือแรงเกอร์ชาวจีน มิใช่นำพาชะตาชีวิตพวกมันให้พบความฉิบหาย
เฮ่าต้องการสันติ การปะทะกับกิลด์โอเวอร์เกียร์จนแรงเกอร์ชาวจีนถูกจัดการราบคาบนั้นไม่ใช่เรื่องฉลาด
แต่ขณะเดียวกันก็ไม่คิดอ่อนข้อหรือยกวิหารเทพสงครามแสนมีค่าให้อีกฝ่ายไปครอง
ชาวต่างชาติยุคใหม่คงยากที่จะเข้าใจวัฒนธรรมจีน แต่เชื่อเถอะว่า คำสั่งของพรรคสังคมนิยมถือเป็นเบ็ดเสร็จเด็ดขาดอย่างแท้จริง ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถขัดขืน ต่อให้เป็นดาราดังของโลกอย่างเฮ่า
“ฉันพอจะเข้าใจสถานการณ์แล้ว…”
กริดอมยิ้มขมขื่นจืดชืด
แต่ก่อนจะได้กล่าวสิ่งใดเพิ่มเติม
“มีไอ้โง่หน้าไหนกล้าขวางเราทางด้วยหรือ?”
ทันใดนั้น ราชาสัตว์ป่า·มอริสโพล่งขึ้นพร้อมกับเดินออกมาด้านหน้าสุด
แม้แต่ในบรรดาเจ็ดดยุคแห่งจักรวรรดิ ฝีมือการต่อสู้ของมอริสก็ยังถูกจัดให้เป็นแนวหน้า
สีหน้าของมอริสยังคงปรกติดี ปราศจากอาการอิดโรยเหมือนผู้อื่นที่ออกแรงปีนผาหินอย่างเหน็ดเหนื่อย สาเหตุเพราะ มอริสนั่งบนหลังเสือเขี้ยวดาบที่ชำนาญการปีไต่มาตลอดทาง
ราชาสัตว์ป่ากระโจนใส่กลุ่มแรงเกอร์ชาวจีนด้วยค่าเรี่ยวแรงที่เต็มเปี่ยม
“หมอนี่ใครกัน?”
“ลูกสมุนใหม่ของกริดหรือ?”
แรงเกอร์ชาวจีนย่อมไม่ทราบตัวตนที่แท้จริงของมอริสในทันที
เจ็ดดยุคของจักรวรรดิโด่งดังก็จริง แต่ก็เต็มไปด้วยความลึกลับไม่แพ้กัน แม้แต่หน่วยข่าวกรองชั้นเยี่ยมยังสืบได้เพียงชื่อ ไม่มีทางทราบถึงใบหน้าที่แท้จริง
และต่อให้ทราบชื่อ แต่ก็ไม่มีใครคิดว่าตัวตนระดับนั้นจะออกหน้าแทนกริด คงเป็นเพียง NPC ชื่อเหมือนเท่านั้น
อีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ยากจะเชื่อลงก็คือ เมื่อไม่กี่สิบวันก่อน อาณาจักรโอเวอร์เกียร์ยังทำสงครามกับจักรวรรดิอยู่เลย!
กริดและดยุคแห่งจักรวรรดิกลายเป็นพวกเดียวกันแล้วหรือ? บุคคลที่ออกหน้าแทนกริดคือดยุคผู้ยิ่งใหญ่และทรงอิทธิพลของทวีป?
เป็นไปไม่ได้… เหลวไหลเกินไป
บึ้มมมมมมมมม!!
รูปแบบการต่อสู้ของมอริสนั้นเรียบง่าย เปี่ยมด้วยความดุดันทรงพลัง และกัมปนาทกึกก้อง
หลังจากหลบการรุมโจมตีจากกลุ่มแรงเกอร์ชาวจีนได้สบาย มอริสใช้กำปั้นที่อัดแน่นด้วยคลื่นพลังมหาศาลชกสวนกลับไป
ผู้โชคร้ายหลายสิบมีอันต้องถึงฆาตในพริบตา
“…?”
“…”
กริดยืนจ้องมองอีกฝ่ายด้วยสีหน้ารู้สึกผิด
ขณะเดียวกัน แรงเกอร์ชาวจีนยังคงตกตะลึงกับพลังทำลายเหนือมนุษย์ที่มอริสก่อขึ้น
บรรยากาศเข้าสู่ความเงียบงันในพริบตา
มอริสตะโกนคำราม
“หากใครหน้าไหนบังอาจขวางทางดยุคแห่งจักรวรรดิและราชาโอเวอร์เกียร์! ตัวข้าผู้นี้! ราชาสัตว์ป่า·มอริส! จะฉีกกระชากร่างมันเป็นชิ้นๆ!”
“อ…อะไรนะ?”
‘ยังสุดยอดเหมือนเคย…’
เฮ่าอมยิ้มอย่างโล่งใจ
ขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง
ReplyDelete😊
สงสารเฮาอยากให้ย้ายประเทศหนี
ReplyDelete