จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1034
ถึงเวลาที่กริดต้องครุ่นคิดอย่างจริงจัง
แต่ไหนแต่ไรมา ชายหนุ่มมิได้เพิกเฉยต่อสมญานาม ‘ราชาสหเผ่าพันธุ์’ เพราะขี้เกียจหรือเห็นว่าไม่สำคัญ หากแต่พลังของมันค่อนข้างพิเศษและมีเงื่อนไขซับซ้อน การมัวขบคิดโดยไม่เกิดผลลัพธ์รังแต่จะสิ้นเปลืองสมองโดยเปล่าประโยชน์
สมญานาม ‘ราชาสหเผ่าพันธุ์’ จำเป็นต้องมีผู้ช่วยที่ดีเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
<ราชาสหเผ่าพันธุ์>
ท่านเหมาะสมจะเป็นราชาสหเผ่าพันธุ์เนื่องจากรับสิ่งมีชีวิตต่างเผ่าพันธุ์เข้าร่วมอาณาจักร
★ เอฟเฟคถาวร
* เป็นที่ชื่นชอบของสิ่งมีชีวิตต่างเผ่าพันธุ์
* ทุกครั้งที่ค่าความสัมพันธ์เพิ่มขึ้น ปริมาณจะเพิ่มเป็นสองเท่าจากปรกติ
* ทว่า เผ่าพันธุ์ที่ดุร้ายจะทดสอบฝีมือท่านก่อนให้การยอมรับ
★ เอฟเฟคกำจัด
* ท่านได้รับระบบ ‘พันธสัญญา’
* จำนวนครั้งการทำพันธสัญญา : 3/3
<พันธสัญญา>
ท่านสามารถสร้างพันธสัญญากับเป้าหมายที่เป็นสิ่งมีชีวิตต่างเผ่าพันธุ์
เป้าหมายที่ท่านทำพันธสัญญาด้วยจะเข้าถึงพลังที่แท้จริงของเผ่าพันธุ์มากขึ้น
ท่านจะได้รับลักษณะพิเศษบางประการของเผ่าพันธุ์ดังกล่าวมาครอบครอง
ท่านไม่สามารถยกเลิกพันธสัญญาได้หลังจากทำไปแล้ว แต่อีกฝ่ายสามารถยกเลิกพันธสัญญากับท่านได้ทุกเมื่อ
หากเป้าหมายเสียชีวิต พันธสัญญาจะถูกยกเลิกถาวร
เมื่อพันธสัญญาถูกยกเลิก ไม่ว่าด้วยทางใดทางหนึ่ง พลังพิเศษที่ได้รับจะหายไป และจำนวนครั้งของพันธสัญญาจะไม่กลับคืนมา
ในด้านประสิทธิภาพ สำหรับกริด ระบบพันธสัญญามีแต่ได้กับได้ เขาสามารถครอบครองเอกลักษณ์พิเศษของเผ่าพันธุ์ดังกล่าวโดยไม่ต้องกลายเป็นเสียเอง
ตัวอย่างเช่น หากทำพันธสัญญากับเผ่าเนตรมาร มีโอกาสสูงที่กริดจะได้ครอบครองเนตรมาร โดยไม่ต้องเสียเวลาสั่งสมค่าความสัมพันธ์กับราชาเนตรมารให้เต็มร้อย
แต่ท้ายที่สุด กริดไม่เลือกจะใช้วิธีนี้กับเผ่าเนตรมาร หรือแม้กระทั่งสติกส์ที่เป็นเอลฟ์
สาเหตุเพราะ …เขาไม่เชื่อมั่น
กริดมิได้กังวลว่าราชาเนตรมารหรือสติกส์จะทรยศและยกเลิกพันธสัญญา ไม่ใช่เลยสักนิด
แต่ชายหนุ่มกลัวว่าอีกฝ่ายจะเสียชีวิตไปกลางคัน ไม่ว่าจะถูกสังหารหรือแก่ตายด้วยอายุขัย
NPC ไม่เหมือนกับผู้เล่น หากพลาดพลั้งตายไปจะไม่สามารถคืนชีพกลับมาใหม่ได้ แม้แต่เอลฟ์ที่อายุยืนยาวนับพันปีก็มิอาจหลีกหนีความตายไปได้ ซึ่งนั่นจะหมายความว่า กริดต้องสูญเสีย ‘จำนวนครั้ง’ พันธสัญญาไปอย่างสูญเปล่า
ยังไม่รวมอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ ด้วยเหตุนี้ กริดจึงมีแผนทำพันธสัญญากับผู้เล่นด้วยกันเท่านั้น
ถือเป็นตัวเลือกที่ชาญฉลาด
แต่โอกาสใช้งานจริงมีเพียงน้อยนิด หรืออาจไม่ได้ใช้เลยสักครั้งชั่วชีวิต เพราะเหนือสิ่งอื่นใด ผู้เล่นที่เป็นสิ่งมีชีวิตต่างเผ่าพันธุ์มีจำนวนเพียงหยิบมือ
คนแคระ ออร์ค เอลฟ์ และกอบลิน
ไม่เหมือนกับอีกหลายเกมที่สามารถเลือกเผ่าได้ในตอนสร้างตัวละคร แต่ซาทิสฟายกำหนดตายตัวว่าผู้เล่นต้องเป็นเผ่ามนุษย์
การเปลี่ยนเผ่าพันธุ์ของผู้เล่นจะเกิดจากภารกิจลับเท่านั้น คล้ายกับภารกิจ ‘เส้นกั้นแบ่งระหว่างดีชั่ว’ ซึ่งจะเปลี่ยนให้กริดกลายเป็นสิ่งมีชีวิตเผ่าพันธุ์ ‘ครึ่งเทพ’
ตลอดการเล่นซาทิสฟายหลายปีที่ผ่านมา กริดแทบไม่เคยพบผู้เล่นต่างเผ่าเลย หรือต่อให้ตั้งใจเฟ้นหาโดยใช้อำนาจโอเวอร์เกียร์ แต่ก็ยังมีอีกหลายสิ่งให้ต้องกังวล
ประการแรกคือ สิ่งมีชีวิตเผ่าพันธุ์ดังกล่าวจะมีพลังคุ้มค่ากับการทำพันธสัญญาจริงหรือ?
ประการที่สอง อีกฝ่ายเชื่อใจได้หรือไม่?
หากเป้าหมายหักหลังและยกเลิกสัญญากลางคัน จำนวนครั้งพันธสัญญาจะสูญหายไปถาวร
สรุปคือ ต้องเป็นเผ่าพันธุ์ที่แข็งแกร่งด้วย
และต้องไว้ใจได้ด้วย
แล้วจะหาคนแบบนี้จากไหน?
โดยเฉพาะความเชื่อใจ สิ่งนี้ต้องสั่งสมร่วมกันนานแรมปี ฝ่าฟันอุปสรรค ผ่านร้อนผ่านหนาวด้วยกัน
กว่าจะเจอเผ่าพันธุ์ที่ถูกใจ กริดยังต้องเสียเวลาทำความรู้จักและผูกมิตรอีกเป็นปี
ทว่า
[‘ราชาสหเผ่าพันธุ์’ เหลือจำนวนการใช้งานอีกสามครั้ง ท่านจะใช้งานพลังหรือไม่?]
“ตกลง”
ในวันนี้ กริดได้เห็นความห่วงใยจากเฮ่า
บุรุษเบื้องหน้าคือบุคคลที่เคารพชื่นชมตน และตนก็เคารพอีกฝ่ายไม่แพ้กัน กริดเชื่อว่า เขาสามารถไว้ใจฝากฝังหนึ่งในสามพันธสัญญาไว้กับเฮ่าได้
ยิ่งไปกว่านั้น เผ่าพันธุ์ของเฮ่ายังเป็นถึงดราโกเนียนสุดทรงพลัง
“ทำพันธสัญญากับเฮ่า”
[ท่านส่งคำขอทำพันธสัญญาไปยังผู้เล่น ‘เฮ่า’]
[…]
[…]
[…]
[…เป้าหมายตอบรับพันธสัญญา!]
[ท่านจะได้รับหนึ่งในพลังพิเศษของเผ่าพันธุ์ดราโกเนียนแบบสุ่ม!]
[…ค่าความโชคดีแสดงผล!]
[ของแสดงความยินดี! ท่านได้รับหนึ่งในลักษณะพิเศษสุดหายากของดราโกเนียน! ‘ปีกมังกร’]
“…!?”
ร่างกายกริดเริ่มขยายขนาด โลหิตมังกรอันเดือดดาลเริ่มไหลเวียนสูบฉีด นัยน์ตาพลันสั่นระริกอย่างหยุดไม่ได้
กริดไม่คิดรักษาภาพพจน์อีกต่อไป…
สถานที่ซึ่งแรงเกอร์กว่าร้อยคนถูกสังหารโหดเหี้ยม ท่ามกลางสายตาของสามดยุคและเหล่าขุนพลแห่งโอเวอร์เกียร์
“เยส! เยส! เยส! เยส! วู้ฮู้ววว!!”
เขาตะโกนดีใจพร้อมกับขยับกำปั้นขึ้นลงด้วยสีหน้าสุดสุขสม
ทว่า…
เสียงดังไปอย่างนั้นหรือ?
แกร่ก—
ท่ามกลางวิหารที่ยังคงถูกหมอกหนาทึบรายล้อมทั่ว ประตูบานเก่าแก่ถูกผลักเปิดจากด้านใน
ความสนใจจากสามดยุคแปรเปลี่ยนจากกริดเป็นบุคคลที่เดินออกจากบานประตู
กึก กึก
พระสงฆ์ชรารูปหนึ่งแหวกผ่านสายหมอกเข้ามาใกล้ทุกคน
“โฮะโฮะ… ไม่มีแขกมาเยือนนานกว่าร้อยปีแล้วสินะ”
สงฆ์ชราอมยิ้มอ่อนโยน
“เข้ามาข้างในสิ อันดับแรกก็ต้องบูชาเทพให้เรียบร้อยเสียก่อน”
“…”
ท่าทีของสงฆ์ชราเป็นไปอย่างอ่อนโยนและสุภาพ ทว่า สมาชิกโอเวอร์เกียร์รวมถึงกริดต่างกำลังเย็นสันหลังวาบ สีหน้าพวกมันเริ่มดำมืด
สาเหตุเพราะ… ชื่อที่อยู่เหนือศีรษะ
สงฆ์ผู้นี้มิใช่สาวกเทพสงคราม
“ทำอะไรกันอยู่หรือ? รีบเข้ามาสิ”
<เบนทาโอ>
เป็นชื่อที่พวกมันไม่มีวันลืม
ยิ่งไปกว่านั้น รอยยิ้มแสนจริงใจที่สงฆ์ชราสวมไว้ตลอดเวลา ช่างละม้ายคล้ายคลึงกับรอยยิ้มของตัวตลกซึ่งเกิดจากเครื่องสำอางตกแต่ง…
***
ณ เมืองหลวงอาณาจักรอาร์ค ศูนย์บัญชาการใหญ่ชั่วคราวของโบสถ์รีเบคก้า
ซู่วววว—
จุดคืนชีพของผู้เล่นเริ่มส่องแสงสีขาวสว่าง
เสาลำแสงขยายขนาดขึ้นทุกขณะ แสดงถึงการมีผู้เล่นถูกส่งมาคืนชีพใหม่
และเมื่อแสงจางลง
“อา…”
บุรุษผู้หนึ่งปรากฏตัว ผมดำขลับที่ยาวเงางามถูกมัดรวบไว้ด้านหลัง นัยน์ตาขึงขัง จมูกโด่งเป็นสัน ทั้งหมดคือรูปลักษณ์อันสมบูรณ์แบบของหนุ่มหล่อนามว่าเฮ่า
สำหรับแรงเกอร์ระดับสูงอย่างมัน ระบบการตายและคืนชีพคือสิ่งที่ไม่ได้ลิ้มรสนานแล้ว
เมื่อเปิดหน้าต่างตัวละครตรวจสอบความเสียหาย มันพบว่าค่าประสบการณ์ลดลงราว 38% รวมถึงค่าความคงทนไอเท็มหลายชิ้นถึงจุดวิกฤติ
ความตายหนึ่งครั้งนับว่าเสียหายใหญ่หลวง
แค่คิดว่าต้องเก็บเลเวลชดเชยนานกี่วัน หัวใจพลันรู้สึกปวดแปลบ
“เรายังฝึกฝนไม่มากพอ”
เฮ่าไม่คิดกล่าวโทษผู้อื่นในยามที่ตนพ่ายแพ้ สิ่งที่มันทำมีเพียงวิเคราะห์หาจุดผิดพลาดและแก้ไขอย่างใจเย็น
ขณะยืนปั้นหน้าเคร่งขรึม หญิงสาวน่ารักซึ่งมัดจุกสองข้างเดินเข้ามาใกล้
“พี่… เป็นอะไรมากไหม?”
เหมยเซียวกล่าวด้วยน้ำเสียงห่วงใย
หล่อนคือน้องสาวของเฮ่า
“พี่สบายดี เป็นห่วงทางเธอมากกว่า”
เด็กสาวอาภัพที่ต้องสูญเสียครอบครัวไปตั้งแต่ยังเล็ก เด็กสาวที่พยายามแสร้งทำตัวมีความสุขตลอดเวลาเพื่อให้พี่ชายเบาใจ
“เลเวลหนูยังน้อย ไม่นานก็ได้คืนแล้ว”
“นั่นสินะ เรื่องมันก็ผ่านไปแล้ว อย่าไปพูดถึงให้หดหู่เลย”
ในฐานะเด็กชายที่เติบโตมาในโรงฝึก เฮ่าไม่เคยหยุดพักการซ้อมเพลงหอกแม้แต่วันเดียว
มันใช้ฝ่ามือที่หยาบกร้านประหนึ่งหินลูบไล้ไปบนเส้นผมนุ่มสลวยของน้องสาว
‘เกล็นฮาลแข็งแกร่งเกินไป’
ค่าพละกำลังและค่าความอดทนสูงกว่าเฮ่าราวสองเท่าเห็นจะได้ แถมยังมีทักษะโจมตีที่รุนแรงชนิดที่ผู้เล่นเอื้อมไม่ถึง
วิชาดาบประหลาดถูกลับคมทุกวันนานหลายสิบปี เทคนิคอันทรงพลังซึ่งสามารถตัดผ่านเกล็ดมังกรได้ในการโจมตีเดียว เกล็นฮาลคือตัวตนสุดแกร่งที่เฮ่าไม่เคยพานพบมาก่อน
‘ท้องฟ้าของจริง’
ไม่ว่าจะพยายามสักเพียงใด แต่การไล่ให้ทันราวกับเป็นเพียงความฝันเกินเอื้อม พวกมันเปรียบดังมหาสมุทรสุดกว้างใหญ่ ที่ไม่ได้มีไว้ให้ผู้เล่นว่ายข้ามไปอีกฝั่ง
แล้วกริดเปลี่ยนเป็นพวกพ้องได้อย่างไร?
อีกฝ่ายเป็นถึงขุนนางระดับสูงของคู่สงครามเชียวนะ…
‘ใช้ไอเท็มหลอกล่อเหมือนผู้เล่นหรือ?’
ไม่น่าใช่ เป็นการเดาที่ไร้มูลเหตุเกินไป
NPC พิเศษไม่ใช่ตัวตนที่หลงใหลในทรัพย์สมบัติจนหน้ามืดตามัว ไม่อย่างนั้นแล้ว เหล่ามหาเศรษฐีทั่วโลกคงครอบครอง NPC พิเศษเป็นว่าเล่น
ขณะเฮ่ากำลังตั้งสมมติฐานมากมาย
[ราชาสหเผ่าพันธุ์ ผู้เล่น ‘กริด’ ต้องการทำ ‘พันธสัญญามิตรภาพ’ ระหว่างสิ่งมีชีวิตต่างเผ่าพันธุ์เช่นท่าน]
[มีเพียง 3 บุคคลในโลกที่สามารถทำพันธสัญญามิตรภาพกับราชาสหเผ่าพันธุ์ได้ หลังจากพันธสัญญาลุล่วง ท่านจะเข้าถึงพลังที่แท้จริงของเผ่าพันธุ์ปัจจุบัน]
[ท่านคือดราโกเนียน พลังดราโกเนียนในตัวท่านจะพัฒนาไปอีกระดับ]
[ราชาสหเผ่าพันธุ์จะได้รับลักษณะพิเศษของเผ่าดราโกเนียนบางชนิดเพื่อเป็นการแลกเปลี่ยน]
[ท่านสามารถยกเลิกพันธสัญญาได้ทุกเมื่อ หากท่านทำการยกเลิก ‘กริด’ จะสูญเสียลักษณะพิเศษของดราโกเนียนทันที แต่ฝ่ายท่านยังคงได้รับผลการตื่นของเผ่าพันธุ์ตามเดิม]
[ท่านจะทำพันธสัญญาหรือไม่?]
“…”
เป็นสัญญาที่ฝ่ายกริดมีแต่เสียกับเสีย นี่คือภาพแรกที่เฮ่าเห็น
ฝ่ายกริดยกเลิกพันธสัญญาไม่ได้ และหากตนยกเลิกกลางคัน ผู้เสียเปรียบจะไม่ใช่ตน แต่เป็นกริด
มันคือพันธสัญญาที่จะเกิดขึ้นไม่ได้เลย หากกริดไม่เชื่อใจเฮ่าจากก้นบึ้ง
‘ก็พอจะเข้าใจได้ ว่าเหตุใดพันธสัญญาถึงมอบประโยชน์ฝ่ายเดียวแบบนี้’
กริดสามารถทำพันธสัญญาได้ถึงสามคน หากทั้งสามไม่ยกเลิก หมายความว่ากริดจะได้ครอบครองพลังสุดพิเศษมากกว่าคนอื่นถึงสามชนิด
ถ้าไม่มีผลเสียเลย แบบนั้นคงเป็นการเอาเปรียบผู้เล่นที่เหลือมากเกินไป จึงต้องมีผลข้างเคียงเพื่อให้เกมรักษาสมดุลไว้
‘…ไม่ผิดแน่’
เฮ่าเริ่มสัมผัสได้
บางที สาเหตุที่ขุนนางใหญ่จากกองทัพศัตรูให้ความเคารพนับถือในตัวกริด อาจเป็นเพราะกริดยอมมอบความเชื่อใจให้อีกฝ่ายก่อน…
หากใครก็ตามที่ได้เห็นความจริงใจของชายคนนั้น คงเป็นการยากที่จะปฏิเสธไมตรีลง
“ทำพันธสัญญา”
‘ฉันจะไม่ทรยศความจริงใจของนาย’
ขอสาบานด้วยชีวิตนี้
[ท่านและกริดทำพันธสัญญาร่วมกัน!]
[พลังดราโกเนียนในตัวท่านลืมตาตื่นขึ้น!]
[ประสิทธิภาพของ ‘เกล็ดมังกร’ ‘ลมหายใจมังกร’ และ ‘ปีกมังกร’ ถูกยกระดับ!]
[ทักษะ ‘โทสะมังกร’ อัปเลเวลจาก 2 เป็น 3!]
[เมื่อแปลงร่าง ค่าพละกำลัง ความว่องไว ความอดทน และค่าต้านทานทุกชนิด เพิ่มจาก 15% เป็น 20% เพิ่มประสิทธิภาพเปลวเพลิง เพิ่มอัตราการฟื้นฟูพลังชีวิตตามธรรมชาติ เพิ่มความสามารถในการบินให้คงที่]
[แต่ประสิทธิภาพการสื่อสารขณะอยู่ในดราโกเนียนจะลดลง]
[ท่านกลายเป็นสะพานเชื่อมระหว่างกริดและเผ่าพันธุ์ดราโกเนียน หากพันธสัญญายังคงอยู่ กองทัพเผ่าดราโกเนียนจะยอมเจรจากับกริดเป็นการพิเศษ]
“…!”
เฮ่าที่เลือดลมกำลังสูบฉีดรุนแรงเนื่องจากพลังมหาศาลไหลเวียนทั่วร่าง สีหน้ามันพลันตกตะลึงใจกับข้อความประโยคสุดท้าย
กองทัพดราโกเนียนจะยอมเจรจา?
ในสมัยอดีต ขณะเฮ่ายังเป็นมนุษย์และเดินทางไปยังเมืองดราโกเนียนเพื่อทำภารกิจลับ มันได้เห็นความบ้าคลั่งของเผ่าพันธุ์ทายาทมังกรเต็มสองตา ไม่เพียงความบ้าคลั่ง แต่สายตาที่คนเหล่านั้นมองมายังมนุษย์ เฮ่าถึงกับเย็นยะเยียบไปทั่วร่าง
เผ่าดราโกเนียนเกิดมาพร้อมกับอารมณ์รุนแรงไม่ต่างจากเผ่าอสูร เฮ่าเคยเชื่อว่า พวกมันไม่มีวันญาติดีกับมนุษย์ได้
‘แต่พลังกองทัพดราโกเนียนเป็นของจริง…’
ไม่ว่าเกล็นฮาลจะแข็งแกร่งสักเพียงใด แต่มันก็ถูกพันธนาการไว้ด้วยขีดจำกัดร่างกายมนุษย์
ขณะหวนนึกถึงความน่าสะพรึงกลัวของกองทัพดราโกเนียน สีหน้าเฮ่าเหม่อลอยราวกับดวงวิญญาณหลุดจากร่าง
ว้าว~~
ReplyDelete👍
กริดมันจะเอากองทัพดารโกเนี่ยนมาเป็นพวกอีกใหมละวะเนี่ย
ReplyDeleteเบทาโกนี่ใครอะ
ReplyDeleteถ้าจำไม่ผิดน่าจะเป็นราชาตัวตลกครับสกิวหนึ่งของแฮ็กนัส"เสียงเย้ยหยันของเบนทาโอ"ที่สลับHPกับเป้าหมายครับ
Delete